Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขายดี!

ถ้าจะให้พูดถึง “รถ SUV” (Sport Utility Vehicle) และ “รถ MPV” (Multi-Purpose Vehicle) มือสอง ในบ้านเราจัดเป็นรถขายดีทีเดียว เพราะเป็นรถที่เหมาะกับคนมีครอบครัวใหญ่ ไปไหนไปกันได้หลายคน เริ่มต้นตั้งแต่แบบ SUV Crossover ซึ่งมาจากคำว่า Crossover Utility Vehicle เป็นรถที่ประกอบเป็นชิ้นเดียวกันทั้งคัน ดูคล้ายกับรถเก๋งยกสูง เน้นความอเนกประสงค์ ตัวรถไม่ใหญ่มากนัก เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก หรืออาจลุยได้บ้าง แต่ก็ไม่มากเท่ากับแบบ SUV แท้ๆ

สำหรับรถ SUV นั้น ก็ยังมีอีก 2 แบบหลักๆ ได้แก่ SUV แบบที่มีลักษณะเดียวกันกับรถแนว Crossover แต่มีขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่า ดูลุยกว่า มีที่นั่งทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง

Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขายดี!

และรถ SUV ที่มีพื้นฐานตัวรถเป็นแชสซีส์ แบบเดียวกับรถกระบะ หรือที่บ้านเรามักเรียกกันว่า “รถ PPV” หรือ Pick-up Passenger Vehicle แต่ปรับช่วงล่างให้นุ่มนวลขึ้น ด้วยการใช้คอยล์สปริง ตัวรถมีขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่จะนั่งได้ 7 ที่นั่ง สามารถวิ่งในเมือง หรือลุยในทางฝุ่น เข้าป่าฝ่าดงได้

และรถในรูปแบบ MPV ที่เหมาะสำหรับคนมีครอบครัวใหญ่ ที่มีทั้งเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ เน้นการใช้งานใช้เมืองสะดวกสบาย เข้า-ออก สะดวกกว่า มีทั้งแบบประตูเปิดแบบรถปกติ และประตูแบบบานเลื่อน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรถที่มี 7 ที่นั่งเช่นกัน

แต่ด้วยงบประมาณของหลายคนเวลานี้อาจมีจำกัด เนื่องจากวิกฤตโควิด-19, เศรษฐกิจฝืดเคือง และน้ำมันแพง ทำให้การเลือกรถใช้สักคัน ต้องคำนึงถึงราคา และความประหยัดกันมากขึ้น

Carro จึงรวบรวมรถ SUV, Crossover และ MPV มือสอง ที่ขายดีใน Carro และน่าซื้อในปี 2022 มาให้ทุกท่านเลือกซื้อกันแล้วครับ

Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขายดี!

1. Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์)

รถอเนกประสงค์ยอดฮิตที่สุดในไทยอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งเป็นรถที่รถขายดีใน Carro ราคาตกน้อย และการดูแลรักษา อะไหล่หาง่าย นั่นก็คือ Toyota Fortuner มือสอง (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มือสอง) ในเจเนอเรชั่นที่ 2 นั่นเอง

รถอเนกประสงค์ Toyota Fortuner โฉมนี้ มาพร้อมสโลแกน “New Legend of the Pride” หรือ “เหนือนิยามแห่งศักดิ์ศรี” เปิดตัวเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 ภายใต้โครงการ IMV ของ Toyota พร้อมขยายเฟรมให้ใหญ่ขึ้น และพัฒนาช่วงล่างแบบ 4 ลิงค์ เครื่องยนต์ใหม่ รวมถึงดีไซน์ที่หรูหรา ล้ำสมัย ทั้งภายนอก-ภายใน โดยเฉพาะ 3 เส้นสายแห่งดีไซน์ (3 Iconic Lines) ออกแบบได้สวยทั้งหน้าและหลัง

ห้องโดยสารภายใน มีฟังก์ชั่นเด่นๆ อย่าง เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, ระบบนำทาง (Navigator) พร้อมเครื่องเล่น DVD หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ T-Connect และการเชื่อมต่อ Bluetooth, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติสามารถควบคุมแรงลมอัตโนมัติ, กล้องมองภาพด้านหลัง, ระบบไฟหน้า เปิด-ปิด อัตโนมัติ, ระบบ Cruise Control หรือช่องเก็บของแบบ Cool Box เป็นต้น

มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล เจเนอเรชั่นใหม่ (GD Efficient Boost) ทั้งในแบบ 2.4 ลิตร รหัส 2GD-FTV (High) แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VN Turbo Intercooler Commonrail ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,000 รอบ/นาที

ขนาด 2.8 ลิตร รหัส 1GD-FTV แบบ 4 สูบ VN Turbo Intercooler Commonrail ให้แรงม้าสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที แรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้นกว่าเครื่องยนต์ตระกูล KD รุ่นเดิม แถมกินน้ำมันลดลง 10%

เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ ให้แรงบิดสูงในช่วงรอบกว้าง (Flat torque) แต่ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ผสานกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (เฉพาะรุ่นดีเซล 2.4) และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift กับระบบ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย

และเบนซินขนาด 2.7 ลิตร รหัส 2TR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 166 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที

อ่านเพิ่มเติม >> Carro แนะนำ Toyota Fortuner ลุยได้ทุกฤดู

ดูรายละเอียด Toyota Fortuner มือสอง ทุกรุ่นได้ที่นี่

Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขายดี!

2. Toyota Sienta (โตโยต้า เซียนต้า)

Toyota Sienta มือสอง (โตโยต้า เซียนต้า มือสอง) จัดเป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์รูปแบบใหม่ ในโฉมเจเนอเรชั่นที่ 2 นี้ เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2558

การออกแบบภายนอก ได้แรงบันดาลใจจาก “Urban Trekking Shoes” หรือ “รองเท้าเดินป่าสมัยใหม่” โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Bi-Beam LED พร้อมไฟ Daytime Running Lights แบบ LED, ไฟหรี่ และไฟท้าย LED แบบ Light Guiding, กระจกมองข้างปรับ/พับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว

ภายในออกแบบให้มี 3 แถว 7 ที่นั่ง พื้นที่กว้างขวาง จัดเต็มกับเครื่องเล่น DVD/CD/MP3/WMA พร้อมจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยไฟฟ้า พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและ MID กับระบบแอร์อัตโนมัติ ควบคุมอุณหภูมิแบบ Digital, ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start), ประตูข้างซ้าย-ขวา สไลด์อัตโนมัติ แบบ Smart Entry และเบาะพับง่ายแค่เพียงสัมผัส (1-Touch Tumble) พร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน

ขุมพลังใช้เครื่องยนต์รหัส 2NR-FE ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 108 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 16.1 กม./ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบ Sport Sequential Shift 7 สปีด

อ่านเพิ่มเติม >> Carro แนะนำ Toyota Sienta สำหรับครอบครัว

ดูรายละเอียด Toyota Sienta มือสอง ทุกรุ่นได้ที่นี่

Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขายดี!

3. Toyota Innova Crysta (โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า)

Toyota Innova Crysta มือสอง (โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า มือสอง) เป็นรถเจเนอเรชั่นที่ 2 ของ Innova ที่ยังได้รับความนิยมทั้งในตลาดรถป้ายแดง และรถมือสองอย่างต่อเนื่อง เป็นการนำเข้าจากอินโดนีเซียเช่นเคย (เพราะที่อินโดนีเซีย นิยมรถประเภท MPV มาก ยอดขายเยอะ ฐานการผลิตรุ่นนี้จึงอยู่ที่นั่น)

เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนกันยายน 2559 อัพเกรดความหรูหรามาเต็มพิกัด ภายใต้แนวคิด “Life is Infinite – เปลี่ยน…ให้ชีวิตทุกด้านเหนือระดับ”

ภายนอก ดีไซน์หรูหราโฉบเฉี่ยว แบบ Premium Crossover MPV มาพร้อมสเกิร์ตรอบคัน ไฟหน้า LED Projector พร้อม Daytime Running Lights มีไฟตัดหมอกหน้า กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว และไฟ Welcome Light สปอยเลอร์หลัง พร้อมเสาอากาศแบบ Shark Fin และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว เป็นต้น

ห้องโดยสารกว้างขวาง ให้ความรู้สึกเสมือนอยู่ในบ้าน ภายใต้ Concept “Living Room Like” เติมเต็มด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม อาทิ ไฟส่องสว่างในห้องโดยสารแบบซ่อนฝ้า Premium Illumination LED แผงควบคุมไฟห้องโดยสาร และระบบแอร์แบบแยกส่วน พวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุม มาตรวัดเรืองแสง Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID หน้าจอสีแบบ TFT ระบบ Push Start ระบบ Smart Entry ควบคุมการล็อค-ปลดล็อคประตูอัจฉริยะ และมีช่องเก็บของแบบ Cool Box

เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ Captain Seat มาพร้อมที่พักแขน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control, DVD & Navigator ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมรองรับระบบ T-Connect และช่องต่อ USB

ในรุ่น 2.8V และ 2.8G มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล GD Efficient Boost รหัส 1GD-FTV (High) 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 174 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ที่ 1,200-3,400 รอบ/นาที ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift

ส่วนรุ่น 2.0E ใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส 1TR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 139 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 183 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด รองรับแก๊สโซฮอล์ E20

อ่านเพิ่มเติม >> Carro แนะนำ Toyota Innova รถอเนกประสงค์

ดูรายละเอียด Toyota Innova Crysta มือสอง ทุกรุ่นได้ที่นี่

Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขายดี!

4. Nissan X-Trail (นิสสัน เอ็กซ์เทรล)

Nissan X-Trail มือสอง (นิสสัน เอ็กซ์เทรล มือสอง) เจเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายที่ขายในไทย เปิดตัวในไทยเป็นทางการในไทยเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2557 มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร แม้ว่าจะช้ากว่าในตลาดโลก แต่ก็ทำให้ตลาดรถ SUV ได้ตื่นเต้นไปตามๆ กัน ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ และฐานล้อที่ยาวขึ้น มีเทคโนโลยีและอุปกรณ์ติดตั้งครั้งแรกในกลุ่มรถประเภทนี้ อาทิ หน้าจอแสดงข้อมูลอัจฉริยะ 3 มิติ ขนาด 5 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ หรือไฟหน้า LED Projector พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน เป็นต้น

ส่วนพื้นที่ภายในหรูหรา โดดเด่นมากขึ้น เบาะนั่งแบบ 3 แถว และที่นั่งแบบ 5+2 ที่ ซันรูฟแบบพาโนรามิค และประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกสบายและพื้นที่ใช้สอย เหมาะที่จะเป็นรถสำหรับทุกครอบครัว

นอกจากนี้ เทคโนโลยีเด่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบกล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา (Around View Monitor) ระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติ (Active Engine Brake) และระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (Active Ride Control) ช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจ

ต่อมาในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 ได้เปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ พร้อมกันทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และ Hybrid รายแรกในกลุ่ม SUV ในไทย เพิ่มฟังก์ชั่นมากมาย ตอบสนองวิถีชีวิตคนเมือง เช่น ระบบเปิด-ปิด ประตูท้ายอัตโนมัติแบบระบบแฮนด์ฟรี เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนเครื่องเสียงรุ่นใหม่แบบ A-IVI หรูหราและตอบสนองไลฟ์สไตล์ลูกค้ายิ่งขึ้น

ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร รหัส QR25DE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Twin C-VTC ให้แรงม้าสูงสุด 171 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 233 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที

ส่วนเครื่องยนต์ Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร รหัส MR20DD Hybrid แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Twin C-VTC ให้แรงม้าสูงสุด 144 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที + มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร ซึ่งทั้งสองรุ่นย่อย ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม Manual Mode 7 สปีด (M-CVT)

อ่านเพิ่มเติม >> เจาะลึกจุดเด่น! + ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์ Nissan X-Trail 2019

ดูรายละเอียด Nissan X-Trail มือสอง ทุกรุ่นได้ที่นี่

Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขายดี!

5. Nissan Terra (นิสสัน เทอร์ร่า)

Nissan Terra มือสอง (นิสสัน เทอร์ร่า มือสอง) เปิดตัวครั้งแรกในไทยเมื่อ 16 สิงหาคม 2561 รถยนต์อเนกประสงค์แบบตัวถังบนแชสซีส์ (หรือรถ PPV ตามที่ Nissan เรียก) มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ที่รับกับกระจังหน้าแบบ V-Motion ส่วนชุดประตูหน้านั้นเหมือน Navara และด้านท้ายถูกออกแบบใหม่หมด ไฟท้ายเป็นแบบ LED มาพร้อมล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว

ห้องโดยสารภายในยกชุดมาจาก Navara แต่ตกแต่งให้หรูหราขึ้น ด้วยโทนสีดำตัดด้วยสีเงิน แบบ Gliding Wing 7 ที่นั่ง กว้างขวาง และเงียบ มีเครื่องเสียงระบบหน้าจอสัมผัส, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน, กุญแจ Keyless Entry พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งแถว 2 มีระบบพับอัตโนมัติแบบแบนราบ และระบบแอร์เพดานแยกส่วนกระจายทั่วห้องโดยสาร เป็นต้น

มาพร้อมขุมพลังดีเซลขนาด 2.3 ลิตร รหัส YS23DDTT แบบ 4 สูบ DOHC Twin-Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อม Manual Mode

พร้อมเทคโนโลยีจาก Nissan Intelligent Mobility โดย Terra เป็น SUV รายแรก ที่มีเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ หรือ Intelligent Rear View Mirror (IRVM) นอกจากนี้ยังติดตั้งเทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW), เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning (BSW) และเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) ที่มาพร้อมเทคโนโลยีตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection (MOD) โดยทั้งหมดนี้ ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่น กับความสะดวกสบายอย่างสูงสุดสำหรับผู้โดยสารทุกคน

อ่านเพิ่มเติม >> เจาะลึกจุดเด่น! + ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์ Nissan Terra 2018

ดูรายละเอียด Nissan Terra มือสอง ทุกรุ่นได้ที่นี่

Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขายดี!

6. Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์วี)

Honda CR-V มือสอง (ฮอนด้า ซีอาร์วี มือสอง) รุ่นยอดฮิตและเป็นรถขายดีใน Carro โฉมนี้ เปิดตัวในไทยเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2560 จัดเป็นรถยนต์ SUV อเนกประสงค์รุ่นใหญ่เจเนอเรชั่นที่ 5 ของตระกูล CR-V ที่ออกแบบใหม่ทั้งคัน ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขึ้น ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ที่ตามออกมาในเดือนพฤศจิกายน 2561

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายและเงียบยิ่งขึ้นในทุกการเดินทาง ออกแบบภายในหลักการที่ว่า “Urban BASE Beautility” หรูหราด้วยแผงคอนโซลหน้าขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยเส้นสายลายไม้ และวัสดุสี Piano Black พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มากถึง 561 ลิตร (ในรุ่น 5 ที่นั่ง) หากพับเบาะหลังลง จะเพิ่มเนื้อที่ได้มากถึง 1,123 ลิตร และ 936 ลิตร ในรุ่น 7 ที่นั่ง

มาพร้อมเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 2 และ 3 เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง มีะบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย เป็นต้น

มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร เป็นครั้งแรก! พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม (Earth Dreams Technology) ในรูปแบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-DTEC Diesel Turbo แบบ 2 จังหวะ (2-Stage Turbocharger) ให้แรงม้าสูงสุดถึง 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร (35.6 กก.-ม.) ที่ 2,000 รอบ/นาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่

ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire)

และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC ให้แรงม้าสูงถึง 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 22.8 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ให้การตอบสนองที่ทันใจ พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85

อ่านเพิ่มเติม >> สายลุยห้ามพลาด! Honda CR-V มือสอง น่าซื้อ น่าใช้ Carro มีให้เลือกแล้ว!

ดูรายละเอียด Honda CR-V มือสอง ทุกรุ่นได้ที่นี่

Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขายดี!

7. Honda Freed (ฮอนด้า ฟรีด)

Honda Freed มือสอง (ฮฮนด้า ฟรีด มือสอง) รุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ขายในไทย เปิดตัวเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2552 โดยการนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย (ซึ่งนิยมรถ MPV แบบ 7 ที่นั่งมานาน) จัดเป็นรถยนต์นั่งเอนกประสงค์ Segment ใหม่ นั่นคือ MUV” (หรือ Multipurpose Utility Vehicle) ที่ Honda เรียก

ออกแบบตัวรถสไตล์ European ใช้รูปทรงสามเหลี่ยม และสี่เหลี่ยมโดดเด่นไม่เหมือนใคร ชูจุดเด่นด้วยตัวถังขนาดกระทัดรัด ห้องโดยสารกว้างขวาง ประหยัดน้ำมัน ขับขี่ง่าย ตัวรถสั้น หาที่จอดได้ง่าย จุดเด่นข้อที่สอง มีเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน แต่ถ้าหากใช้วิ่งออกต่างจังหวัดยาวๆ ก็อาจกินน้ำมันนิดๆ

ตัวรถออกแบบให้มี 7 ที่นั่ง แบ่งเป็น 3 แถว พื้นห้องสัมภาระแบนราบ Flat Floor เดินในรถไม่ต้องกลัวสะดุด และเดินถึงกันได้ทุกมุม ส่วนเบาะแถวสองดีไซน์แบบ Captain’s Seats ปีกเบาะโอบกระชับ คุณแม่นั่งได้สบายๆ และเบาะแถวที่ 3 พับเก็บได้ วางของได้เพียบ เมื่อพับเบาะแล้วจะมีพื้นที่มากถึง 670 ลิตร

ส่วนชุดแผงคอนโซลออกแบบสไตล์ Open Cafe เป็นแบบ 2 ชั้น กว้าง ใช้งานได้หลากหลาย จะวางอาหาร หรือเครื่องดื่มก็ได้ ซึ่งใช้งานได้จริงๆ (อย่างน้อยก็วางจานข้าว ไว้กินข้าว ตอนรถติดๆ ได้!) ส่วนเครื่องเสียงของฟรีด สามารถเชื่อมต่อ iPod ด้วย USB Port ได้

มาพร้อมขุมพลังขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 118 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 147 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 5 สปีด และขับเคลื่อนล้อหน้า

อ่านเพิ่มเติม >> Carro แนะนำ Honda Freed ยอดรถอเนกประสงค์ สำหรับครอบครัว!

ดูรายละเอียด Honda Freed มือสอง ทุกรุ่นได้ที่นี่

Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขายดี!

8.  Isuzu MU-X (อีซูซุ มิว-เอ็กซ์)

Isuzu MU-X มือสอง (อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ มือสอง) รุ่นที่มาทดแทน Isuzu MU-7 นี้ เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 มาพร้อมสโลแกน “เอกสิทธิ์แห่งผู้นำ” (PRIVILEGE of the LEADER) คล่องตัวสูงสำหรับการใช้งานในเมืองใหญ่ ด้วยความยาวตัวรถ 4.825 เมตร และวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 5.7 เมตร หรือเทียบเท่ารถยนต์นั่งขนาดกลาง

โดดเด่นด้วยรูปทรงลู่ลม ไฟหน้าแบบ Projector กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ไฟท้ายแบบ ARC-Dimension ด้านหลังติดตั้งกล้องแบบ Built-In เสาอากาศ Dual Function แบบครีบ รับได้ทั้งสัญญาณวิทยุและระบบนำทาง ราวหลังคาออกแบบใหม่ ปรับตำแหน่งยึดรูฟแร็คได้อิสระ

สำหรับการออกแบบภายในหรูหราสไตล์ยุโรป ด้วยแนวคิด “Premium & Exclusive” เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สี Ivory เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดครบทั้ง 7 ที่นั่ง แผงหน้าปัดตกแต่งด้วยลายไม้แบบ Nature Touch มาตรวัดเป็นไฟเรืองแสงสีขาวพร้อมตัวเลขสีขาว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ระบบอินโฟเทนเมนท์ Isuzu Media Solutions พร้อมระบบนำทาง i-Genii ทำงานผ่านจอทัชสกรีน 7 นิ้ว เสริมด้วยมอนิเตอร์บนเพดาน Built-In ขนาด 10.5 นิ้ว ระบบเสียง Surround Sound ลำโพง 8 ทิศทาง

ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติทั้ง 3 ตอน พร้อมปุ่มควบคุมแยกตอนหน้า-หลัง ระบบปรับ-พับเบาะแบบ One Action ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยภายในได้หลากหลาย พร้อมกุญแจอัจฉริยะ Genius Entry ควบคุมการเปิด-ปิด และล็อกประตูได้ทุกบาน รวมถึงการสตาร์ทรถ พร้อมสวิตช์เปิด-ปิด ที่ประตูท้าย

ด้านขุมพลัง แรงเร้าใจกับเครื่องยนต์ Isuzu Ddi Super Commonrail สองทางเลือกกับขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TCX ให้แรงม้าสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที

และเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที พร้อมเทอร์โบแปรผัน VGS Turbo ใหม่ล่าสุดแบบ Zero GAP ลดช่องว่างระหว่างใบพัดกับเสื้อเทอร์โบ เพิ่มประสิทธิภาพการอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้ดียิ่งขึ้น พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด แบบ REV Tronic มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ

ในรุ่นปรับโฉม Blue Power จึงโละเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตรออก แล้วแทนที่ไปด้วยเครื่องยนต์ใหม่! 1.9 ลิตร รหัส RZ4E-TC แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Commonrail DI VGS Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที ส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด

อ่านเพิ่มเติม >> Carro แนะนำ Isuzu MU-X เพื่อสายลุย!

ดูรายละเอียด Isuzu MU-X มือสอง ทุกรุ่นได้ที่นี่

Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขายดี!

9. Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต)

Mitsubishi Pajero Sport มือสอง (มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต มือสอง) เจเนอเรชั่นที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2015 – ปัจจุบัน ก็จัดว่าเป็นรถขายดีของทาง Carro ที่ภูมิใจเสนอ และอยากให้คุณได้เป็นเจ้าของกันครับ

สำหรับรถรุ่นนี้ เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 มีความล้ำสมัยที่สุดและครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ยกระดับงานดีไซน์ล่าสุด “Dynamic Shield” ตัวถังใหญ่ แข็งแกร่ง และบึกบึน งานออกแบบยังสะท้อนแนวคิด “รูปลักษณ์ที่สอดคล้องกับการใช้งาน” ผสมผสานการปกป้อง สมรรถนะการขับขี่

ภายในห้องโดยสารหรูหราและอเนกประสงค์ยิ่งขึ้น และมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระที่กว้างขวางที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง มาพร้อมคอนโซลกลางเสริมด้วยวัสดุนุ่มบริเวณด้านข้าง รวมถึงหน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว และระบบ Navigator  มาตรวัดแบบ High Contrast พร้อมการแสดงผลแบบอนิเมชั่น 3 มิติ และระบบฟอกอากาศ เทคโนโลยีนาโนอิ ยังรวมถึงช่องชาร์จไฟฟ้า 220V AC ช่องเก็บสมาร์ทโฟนสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เบรกมือไฟฟ้า ช่องระบบปรับอากาศดีไซน์ใหม่สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 ตลอดจนระบบกุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ท

ยังรวมถึงระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ Dual Zone แยกปรับซ้าย-ขวา พวงมาลัยแบบปรับขึ้นลงและเข้าออกได้ เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง หน้าจอบนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติและระบบปรับอากาศด้านหลัง พร้อมระบบอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอัจฉริยะ (ETACS)

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว MIVEC บล็อกอลูมิเนียม ให้แรงม้าสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Sport Mode และระบบ INC (Idle Neutral Control) + G-Sensor และระบบขับเคลื่อน Super Select 4WD-II

อ่านเพิ่มเติม >> Carro แนะนำ Mitsubishi Pajero Sport ขับแล้วอุ่นใจ พร้อมลุยน้ำท่วมหน้าฝน!

ดูรายละเอียด Mitsubishi Pajero Sport มือสอง ทุกรุ่นได้ที่นี่

Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขายดี!

10. Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์)

Mitsubishi Xpander มือสอง (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ มือสอง) รถ Crossover MPV ที่เปิดตัวในไทยเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2561 โดยเป็นการนำเข้าจากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของรถยนต์แบบ MPV ที่สร้างยอดขายให้กับมิตซูบิชิอย่างมาก อีกทั้งยังมีรุ่นแบบลุยๆ อย่าง Xpander Cross ตามมาขายในไทยให้ผู้บริโภคเลือกในภายหลังด้วย

มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ดีไซน์ตัวรถด้วยหลัก Dynamic Shield พร้อมความสะดวกสบาย รวมถึงสไตล์และฟังก์ชั่นการใช้งาน หลอมรวมกันเป็นรถ Crossover MPV ซึ่งครบครันทั้งความสบายในการขับขี่ที่มาพร้อมสมรรถนะ และดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว และขับเคลื่อนล้อหน้า

พื้นที่ที่กว้างขวางด้วยห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง และพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่สุดในคู่แข่งระดับเดียวกัน ผู้โดยสารแถวที่ 3 สามารถเดินภายในได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่เบาะนั่งแถวที่สองสามารถพับเบาะกลางลงเพื่อใช้เป็นที่วางแขนได้ มีช่องวางแก้วน้ำให้ถึง 16 จุดรอบคัน มีระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 4A91 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว MIVEC ให้แรงม้าสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมปุ่ม Overdrive รองรับแก๊สโซฮอล์ E85

อ่านเพิ่มเติม >> Mitsubishi เปิดตัว Mitsubishi Xpander 2018

ดูรายละเอียด Mitsubishi Xpander มือสอง ทุกรุ่นได้ที่นี่

Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขายดี!

11. Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ติก้า)

Suzuki Ertiga มือสอง (ซูซูกิ เออร์ติก้า มือสอง) เปิดตัวในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ชูจุดเด่นการเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่ง ที่มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและความปลอดภัย

รูปโฉมภายนอก Suzuki Ertiga เป็นรถ 7 ที่นั่ง มีเส้นสายโฉบเฉี่ยว ห้องโดยสารภายในดูเรียบหรู ใช้วัสดุคุณภาพสูง พื้นที่ภายในขนาด 3 แถว 7 ที่นั่ง กว้างขวาง โปร่งสบาย อัดแน่นด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย

มาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT ช่วงล่างทำจากเหล็ก High Tensile ทนทานด้วยโครงสร้างตัวถัง TECT ออกแบบจากเหล็กกล้าทำให้ทนทานต่อการสึกหรอ ระบบ NVH ให้การขับขี่นุ่มนวล ดูดซับแรงสั่นสะเทือน พร้อมลดเสียงรบกวนตลอดเส้นทาง

มั่นใจในระบบถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า ระบบเบรก ABS / EBD และระบบ ESP ที่ช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวให้เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน และมีจุดยึดเบาะนั่งนิรภัย ISOFIX และ Top tether สำหรับเด็กอีกด้วย

ใช้เครื่องยนต์ใหม่ K15B 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ให้แรงม้าสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่รุ่น GL AT และรุ่น GX AT

อ่านเพิ่มเติม >> รู้ลึกทุกจุดเด่น! + ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์ Suzuki Ertiga 2019

ดูรายละเอียด Suzuki Ertiga มือสอง ทุกรุ่นได้ที่นี่

Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขายดี!

12. Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์)

Ford Everest มือสอง (ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มือสอง) จัดเป็นรถมือสองแบรนด์อเมริกัน ที่ขายดีในไทยมานาน ซึ่งเจ้า Ford Everest รุ่นนี้ได้เปิดตัวในไทยนับตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2558

เป็นผลงานการสร้างสรรค์ขึ้น ทั้งในด้านความทนทานและความอเนกประสงค์ ตัวรถแบบ 7 ที่นั่ง ถูกออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ติดตั้งเทคโนโลยีอันทันสมัยเพื่อความปลอดภัย การเชื่อมต่ออย่างเหนือชั้นและความสะดวกสบาย

ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน (ในเวลานั้น) ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบ Terrain Management System หลังคาพาโนรามิคมูนรูฟแบบปรับไฟฟ้า เบาะนั่งแถวที่ 3 แบบปรับไฟฟ้าพับเรียบและประตูท้ายรถเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ Active Park Assist และระบบตรวจจับรถในจุดบอด พร้อมด้วยระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด

ยังติดตั้งระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 2 ซึ่งเป็นระบบเชื่อมต่อการสื่อสารภายในรถรุ่นล่าสุดของฟอร์ด พร้อมด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และคำสั่งแบบแยกสี ช่วยให้การเลือกใช้งานเมนูต่างๆ ง่ายยิ่งขึ้น

มาพร้อมขุมพลังจากเครื่องยนต์ดีเซล 2 รุ่น ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค TDCi ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ ให้แรงม้าสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 385 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,500 รอบ/นาที มีให้เลือกเฉพาะขับเคลื่อนสองล้อเท่านั้น

และเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค TDCi ขนาด 3.2 ลิตร แบบ 5 สูบ ให้แรงม้าสงสุด 200 แรงม้า ที่ 3,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที พ่วงระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติพร้อมระบบ Terrain Management และทั้งสองรุ่นติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด

ส่วนในรุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2561 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ใหม่ แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VG Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุดถึง 180 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที

และในรุ่น Bi-Turbo แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Bi-Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุดถึง 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,000 รอบ/นาที ทั้งสองรุ่นติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมโหมดเปลี่ยนเกียร์แบบธรรมดา SelectShift เพื่อการขับขี่ที่คล่องตัวและนุ่มนวลยิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติม >> Ford เปิดตัว Everest 2018 ในราคา 1,299,000 – 1,799,000 บาท

ดูรายละเอียด Ford Everest มือสอง ทุกรุ่นได้ที่นี่

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

หมายเหตุ: ข้อมูลรถแนะนำจาก Carro เป็นข้อมูลรถยนต์ที่มีจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม 2565 / เลขกิโลเมตร ณ วันตรวจสภาพรถ / ราคานี้ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

10 อันดับ รถ SUV - PPV และ Crossover ในปี 2021 ราคาสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท!

ถ้าจะให้พูดถึง “รถ SUV” (Sport Utility Vehicle) แล้ว ในบ้านเรานิยมกันหลายรูปแบบ เป็นรถที่เหมาะกับคนมีครอบครัวใหญ่ ไปไหนไปกันได้หลายคน เริ่มต้นตั้งแต่แบบ Crossover ซึ่งมาจากคำว่า Crossover Utility Vehicle เป็นรถที่ประกอบชิ้นเดียวกันทั้งคัน ดูคล้ายกับรถเก๋งยกสูง เน้นความอเนกประสงค์ ตัวรถไม่ใหญ่มากนัก เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก หรืออาจลุยได้บ้าง แต่ก็ไม่มากเท่ากับแบบ SUV แท้ๆ

สำหรับรถ SUV นั้น ก็ยังมีอีก 2 แบบหลักๆ ได้แก่ SUV แบบที่มีลักษณะเดียวกันกับรถแนว Crossover แต่มีขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่า ดูลุยกว่า มีที่นั่งทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง

และรถ SUV ที่มีพื้นฐานตัวรถเป็นแชสซีส์ แบบเดียวกับรถกระบะ หรือที่บ้านเรามักเรียกกันว่า “รถ PPV” หรือ Pick-up Passenger Vehicle แต่ปรับช่วงล่างให้นุ่มนวลขึ้น ด้วยการใช้คอยล์สปริง ตัวรถมีขนาดใหญ่ นั่งได้ 7 ที่นั่ง สามารถวิ่งในเมือง หรือลุยในทางฝุ่น เข้าป่าฝ่าดงได้

แต่ด้วยงบประมาณของหลายคนเวลานี้อาจมีจำกัด เนื่องจากโดนวิกฤตโควิด-19 กันไปถ้วนหน้า ทำให้การเลือกรถใช้สักคัน ต้องคำนึงถึงราคา และความประหยัดกันมากขึ้น ดังนั้นรถที่ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จึงค่อนข้างเป็นตัวเลือกในตลาดที่มีเยอะมากที่สุด และมีให้ทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งยังแบ่งออกไปได้อีกเป็นแบบ Part-Time หรือแบบ Full-Time เป็นต้น

CARRO ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ SUV – PPV และ Crossover ราคาสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท ประจำปี 2021 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

All-New-Mazda-CX-8

1. Mazda CX-8 Skyactiv-D XDL (7 ที่นั่ง) ราคา 1,899,000 บาท

Mazda CX-8 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-8) ยืนหนึ่งในกลุ่มรถ SUV ราคาสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท (ถ้าเป็นรุ่น XDL Exclusive ราคาจะขึ้นไปอยู่ที่ 2,069,000 บาท) เพิ่งเปิดตัวไปในบ้านเราเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา เป็น SUV ระดับ Premium แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง ที่มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท

อ่านเพิ่มเติม >> Mazda สร้างความตื่นเต้น! เปิดตัว CX-8 ใหม่ ในราคา 1,599,000 – 2,069,000 บาท

All-New Mazda CX-8 ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันทุกรายละเอียด มาพร้อมแนวคิด “The Precious Moment for All” ทุกช่วงเวลา…มีค่าไม่สิ้นสุด ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่งดงาม กับ Concept “Less is More” ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม จับกลุ่มลูกค้านักบริหารระดับสูง นักธุรกิจ เจ้าของธุรกิจ

ภายในหรูหราด้วยห้องโดยสารโทนสีเข้ม แต่งด้วยวัสดุแบบ Real Wood และสีเงิน Satin Chrome ผสานอย่างลงตัวกับเบาะหนัง Nappa (และหนังสังเคราะห์) สีแดง Deep Red พร้อมระบบเสียง Bose รอบทิศทาง กับลำโพง 10 ตำแหน่ง ที่มอบความสุนทรีย์ และระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay แสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว

เครื่องยนต์มาพร้อม 2 ทางเลือก ประกอบด้วย เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร (SKYACTIV-D 2.2) ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาใหม่ พร้อมระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT และระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ตอบสนองที่รวดเร็วแม่นยำยิ่งกว่าเดิม ให้แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.5 ลิตร (SKYACTIV-G 2.5) 194 แรงม้า

และในรุ่น XDL Exclusive ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ i-ACTIV AWD ที่ช่วยปรับระบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพถนน และประหยัดน้ำมันสูงถึง 17.5 กม./ลิตร (รุ่น XDL 7 ที่นั่ง)

Mazda-CX-5-2019

2. Mazda CX-5 Skyactiv-G 2.5 Turbo SP ราคา 1,850,000 บาท

Mazda CX-5 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-5) มาพร้อมกับ Concept “เป็นที่สุดในทุกบทบาท” Make All Chapters Remarkable นี้คือรถอเนกประสงค์ที่เป็นที่สุดในคลาส One Class Above ภายใต้การออกแบบ Kodo Design เจนเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งในตัว Turbo รุ่น Top สุดของรุ่น เพิ่งจะเผยโฉมกันไปเมื่อเดือนตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา

ภายนอกมาพร้อมล้อแม็กขนาด 19 นิ้ว เฉพาะรุ่น ส่วนภายในตกแต่งด้วยวัสดุสุดประณีต ดุจงานศิลปะ พิถีพิถันทุกรายละเอียดเสมือนงานทำมือ (Hand-Crafted Design) ใช้เบาะหนัง Nappa (และหนังสังเคราะห์) สีแดง Deep Red กับระบบระบายอากาศเบาะนั่งคู่หน้า Seat Ventilation และระบบเสียง Bose และลายไม้แบบ Real Wood รองรับการเชื่อมต่อ Application บนสมาร์ทโฟน ผ่านระบบ Mazda Connect บนหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander

จัดว่าเป็นรถ SUV ที่เครื่องแรงทรงพลัง และขับสนุกมากที่สุดอีกคันหนึ่ง โดยใช้ขุมพลังขนาด 2.5 ลิตร (SKYACTIV-G 2.5) ที่ให้กำลัง 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบ Turbo แบบ Dynamic Pressure ระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ตอบสนองรวดเร็วแม่นยำ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD

New-Toyota-Fortuner-Legender-2020

3. Toyota Fortuner 2.8 Legender 4WD ราคา 1,839,000 บาท

Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) สำหรับ ฟอร์จูนเนอร์ เองนั้น เพิ่งปรับโฉมล่าสุดไปเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 ก็ยังเป็นรถอเนกประสงค์ยอดนิยมของคนไทย ทั้งในแบบรถใหม่ หรือรถมือสองก็ตาม โดยโฉมเจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวในบ้านเราเมื่อเดือน กรกฎาคม 2558 ภายใต้สโลแกน “Wisdom of a Leader” หรือ “สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ”

อ่านเพิ่มเติม >> เจาะจุดเด่น Toyota Hilux Revo 2020 และ Fortuner 2020 ใหม่ มีอะไรน่าสนบ้าง! พร้อมราคาและโปรโมชั่น

มาพร้อมความหรูหรามากขึ้น ล้ำสมัย ทั้งภายในและภายนอก ปรับกระจังหน้าใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมแถบกันชนล่างสีเงิน มีหลังคาสีทูโทนให้เลือก ไฟหน้า DayTime Running Light แบบ Light Guiding ดีไซน์ใหม่ และปรับชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่เป็นแบบ LED พร้อมกับ Light Guiding มีกล้องมองภาพรอบคัน พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ ล้อแม็กขนาด 20 นิ้ว และระบบ Activated Kick Door เปิดประตูหลัง แบบไม่ต้องใช้มือสัมผัส

สำหรับรุ่น Fortuner ธรรมดา ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร 150 แรงม้า ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.8 ลิตร GD Super Power ใหม่ ในรุ่น Legender ได้พัฒนาให้มีแรงม้าสูงถึง 204 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่ 500 นิวตันเมตร (Nm) ในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่กว้างตั้งแต่ 1,600-2,800 รอบ/นาที

และเพิ่มเพลาปรับสมดุล (Balance Shaft) ในเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ช่วยลดเสียงและแรงสั่นสะเทือนที่ส่งเข้าสู่ห้องโดยสาร

ในรุ่น Off-Road เครื่องยนต์มีการปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบต่อนาที เป็น 680 รอบต่อนาที) สามารถลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง

Ford-Everest-2021

4. Ford Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4×4 10AT ราคา 1,799,000 บาท

Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) โฉมไมเนอร์เชนจ์อีกรอบนี้ เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ตัวรถมากับกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ ตัวอักษรนูน “Everest” บนฝากระโปรงหน้า มือจับ กระจกข้าง และล้ออัลลอยใหม่ สำหรับรุ่น Trend มอบตัวเลือกสีภายนอกใหม่ สีขาว สโนว์ เฟลก ไวท์ เพิร์ล สำหรับฟอร์ด เอเวอเรสต์ สำหรับรุ่น Trend, ไทเทเนี่ยม และไทเทเนี่ยม พลัส และสีน้ำเงินดีพ คริสตัล บลู สำหรับรุ่น Sport

ส่วนห้องโดยสารโทนสีดำ / สี Congac ใช้เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะแถว 3 พับไฟฟ้า และมีหลังคา Panoramic Moonroof ให้ กับระบบ Infotainment แบบ SYNC 3 ทำงานผ่านจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว แสดงผลกล้องมองหลัง รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และยังรองรับระบบจดจำเสียง และระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยด้วย

ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายแต่อย่างใด ที่ Everest จะใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร ใหม่ แบบ Bi-Turbo แรงม้าสูงสุดมากถึง 213 แรงม้า ตัวเดียวกับใน Ranger Raptor พร้อมจับคู่เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด กับระบบความปลอดภัยอย่างครบครัน

Peugeot-5008

5. Peugeot 5008 ราคา 1,759,000 บาท

Peugeot 5008 (เปอโยต์ 5008) ค่ายรถจากแดนน้ำหอม กลับมารุกตลาดในไทยอีกครั้ง เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา กับตัวแทนจำหน่ายเจ้าใหม่ พร้อมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ ด้วย Peugeot 5008 SUV 7 ที่นั่ง รถ SUV สุดสวยจากเปอโยต์ ที่ออกแบบโดย Gilles Vidal ที่หน้าตาได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเขี้ยวสิงโต ส่วนไฟท้ายออกแบบเสมือนรอยเล็บของสิงโต Lion Claws พร้อมล้อแม็กขนาดใหญ่ 18 นิ้ว

ห้องโดยสารภายในแบบ “i-Cockpit” สุดล้ำ ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายรูปแบบ เช่น Dials, Navigation, Driving, Minimal และ Personal พวงมาลัยแบบทรงแบน ปาดด้านบนล่างออก ให้การมองทัศนวิสัยได้ดีขึ้น และมีตำแหน่งการขับที่ดีเยี่ยม และดีไซน์ร่วมสมัย เบาะแถว 2 ออกแบบให้เลื่อนได้ และพนักพิงปรับเอนได้ พร้อมประตูบานท้ายแบบไฟฟ้า สามารถแหย่เท้าไปใต้กันชนหลัง เปิดได้โดยไม่ต้องสัมผัส

ขุมพลังที่ใช้ เบนซินขนาด 1.6 ลิตร รหัส EP6FDT แบบ Direct Injection PURE TECH 4 สูบ Twin Scroll Turbo ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Quickshift มีโหมด M พร้อม Paddle Shift และโหมด Sport และระบบ Advanced Grip Control เปลี่ยนโหมดการขับสำหรับสภาพพื้นผิวต่างๆ ให้เลือกได้สะดวกด้วยปุ่มหมุน

Honda-CR-V-2020

6. Honda CR-V DT EL 4WD ราคา 1,759,000 บาท

Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์วี) ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 5 นับตั้งแต่การเปิดตัวในเดือนมีนาคม 2560 ก็ยังคงขายดีอย่งต่อเนื่อง จนกระทั่งปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในเดือนกรกฏาคม 2563 พรีเมียมขึ้นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential และมาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก

เสริมความมั่นใจในทุกการเดินทาง ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) และนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ครบครันด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายล้ำสมัยระดับพรีเมียม

ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.4 ลิตร i-VTEC 173 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.6 ลิตร i-DTEC Diesel Turbo 160 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด แบบ Shift by Wire (ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล) ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบขับล้อหน้า และขับ 4 ล้อ Real Time AWD

Suzuki-Jimny-2019

7. Suzuki Jimny (Two-Tone) ราคา 1,680,000 บาท

Suzuki Jimny (ซูซูกิ จิมนี่) เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ด้วยการนำเข้ามาจากญี่ปุ่น ราคาจึงค่อนข้างสูง จัดว่าเป็นรถ Off-Road ขนาดเล็กที่มีกลุ่มแฟนคลับอย่างเหนียวแน่นนับตั้งแต่ในยุคของรุ่น Caribian (คาริเบียน) โดยมาพร้อม Concept “Nobody But Jimny” ซึ่งซูซูกิได้ทุ่มเทศึกษาวิจัยและพัฒนารถยนต์ประเภทออฟโรดอย่างต่อเนื่อง และได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่ปี 1970

แม้ตัวถังจะเหลี่ยมแบบรถออฟโรดยุค 80 แต่ก็เข้ายุคสมัยด้วยชุดไฟหน้า LED มีระบบฉีดน้ำล้างไฟหน้า ไฟท้ายแบบ LED ซุ้มล้อสีดำรอบคัน และล้อแม็กขนาด 15 นิ้ว ภายในใช้วัสดุคุณภาพสูง เบาะปรับได้หลายรูปแบบ พื้นที่เก็บของด้านหลังมีหลายจุด และมีช่องจ่ายไฟสำรอง 2 จุด บริเวณคอนโซลหน้าด้านล่าง และที่เก็บของด้านหลัง

มีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับแบบ Segment Display พร้อมระบบ Infotainment Suzuki Smart Connect เชื่อมต่อแบบไร้สาย พร้อมระบบนำทางอัจฉริยะ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และระบบความปลอดภัย Suzuki Safety Support เป็นต้น

ขุมพลังเป็นขนาด 1.5 ลิตร รหัส K15B แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 102 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 130 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรืออัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมเกียร์ Transfer ในราคาเริ่มต้นที่ 1,580,000 บาท

New-Mitsubishi-Pajero-Sport-2019

8. Mitsubishi Pajero Sport 2.4 GT Premium 4WD ราคา 1,603,000 บาท

Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต) เพิ่งเปิดตัวโฉมไมเนอร์เชนจ์ไปล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมานี้เอง มาพร้อมรูปลักษณ์ภายนอกที่หรูหราและทรงพลังยิ่งขึ้น พร้อมปรับปรุงภายในห้องโดยสารใหม่ ด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว ปรับปรุงใหม่เพื่อง่ายต่อการอ่าน และประตูท้ายไฟฟ้าที่ใช่ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเปิด-ปิด ด้วยสมาร์ทโฟน

มาพร้อมเครื่องยนต์ MIVEC Turbo Diesel ขนาด 2.4 ลิตร 181 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด กับเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครันยิ่งขึ้น ด้วยระบบส่งสัญญาณเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน (LCA) และระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA) มีทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก

ส่วนถ้าใครอยากได้รุ่นตกแต่งพิเศษ Elite Edition ในตัวรุ่น Top สุด ก็เพิ่มเงินอีก 30,000 บาท (1,633,000 บาท) นะครับ

All-New-Isuzu-MU-X-2020

9. Isuzu MU-X 3.0 Ddi 4X4 Ultimate A/T ราคา 1,579,000 บาท

All-New Isuzu MU-X (ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์) โฉมใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวไปในเดือนตุลาคม 2563 ครั้งแรกในโลกที่ไทย ยนตรกรรมอเนกประสงค์รุ่นใหม่หมดระดับ Masterpiece รุ่นล่าสุด ภายใต้นิยาม “เหนือทุกความเชื่อ…เหนือทุกความสำเร็จ (Originality Redefined)” พลิกโฉมใหม่ทั้งภายนอกจรดภายใน ด้วยดีไซน์ที่หรูหรา สะดวกสบาย ประณีตในทุกรายละเอียด

มาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยสุดล้ำ Isuzu Matrix Safety Intelligence ที่ครบครัน และเหนือกว่าด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ที่มาพร้อมนวัตกรรมกล้องหน้าคู่อัจฉริยะ 3D Imaging Stereo Camera รวมทั้งพัฒนาสมรรถนะการขับขี่ให้นุ่มนวล มั่นคง ปลอดภัยยิ่งขึ้น

ขุมพลังเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 และ 3.0 Ddi Blue Power พร้อมทางเลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ พร้อมระบบขับเคลื่อน Rough Terrain Mode ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยทำงานได้ทั้ง 2H, 4H และ 4L

Peugeot-3008

10. Peugeot 3008 ราคา 1,559,000 บาท

Peugeot 3008 (เปอโยต์ 3008) ค่ายรถจากแดนน้ำหอม กลับมารุกตลาดในไทยอีกครั้ง เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา กับตัวแทนจำหน่ายเจ้าใหม่ พร้อมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ ด้วย Peugeot 3008 SUV 5 ที่นั่ง รถ SUV สุดสวยจากเปอโยต์ ที่ออกแบบโดย Gilles Vidal ที่หน้าตาได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเขี้ยวสิงโต ส่วนไฟท้ายออกแบบเสมือนรอยเล็บของสิงโต Lion Claws พร้อมล้อแม็กขนาดใหญ่ 18 นิ้ว ตัวรถมีน้ำหนักเบากว่ารุ่น 7 ที่นั่งอย่าง 5008 ประมาณ 60 กิโลกรัม

ห้องโดยสารภายในแบบ “i-Cockpit” สุดล้ำ ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายรูปแบบ เช่น Dials, Navigation, Driving, Minimal และ Personal พวงมาลัยแบบทรงแบน ปาดด้านบนล่างออก ให้การมองทัศนวิสัยได้ดีขึ้น และมีตำแหน่งการขับที่ดีเยี่ยม และดีไซน์ร่วมสมัย เบาะแถวสอง พื้นที่กว้างขวาง นั่งสบายไม่อึดอัด และเบาะปรับเอนได้ พร้อมประตูบานท้ายแบบไฟฟ้า สามารถแหย่เท้าไปใต้กันชนหลัง เปิดได้โดยไม่ต้องสัมผัส

ขุมพลังที่ใช้ เบนซินขนาด 1.6 ลิตร รหัส EP6FDT แบบ Direct Injection PURE TECH 4 สูบ Twin Scroll Turbo ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Quickshift มีโหมด M พร้อม Paddle Shift และโหมด Sport และระบบ Advanced Grip Control เปลี่ยนโหมดการขับสำหรับสภาพพื้นผิวต่างๆ ให้เลือกได้สะดวกด้วยปุ่มหมุน

MR.CARRO หวังว่า 10 อันดับ รถ SUV – PPV และ Crossover ในงบไม่เกิน 2 ล้านบาท น่าจะถูกใจ และเป็นตัวเลือกให้กับผู้ที่กำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงตอนนี้ แต่ถ้าใครอยากหาเงินมาโปะรถคันใหม่ได้มากยิ่งขึ้น ก็ลองขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ดูได้ มาขายรถกับ CARRO Express สิ! ได้ราคาดี หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถ SUV, รถ PPV, รถ Crossover และรถมือสอง ราคาไม่เกินสองล้านคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถ SUV, รถ PPV, รถ Crossover มือสอง หรือรถราคาไม่เกินสองล้านรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ : *ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนมิถุนายน 2564 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

Ford-Everest-2018

Everest ใหม่ มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

Ford-Everest-2018

Ford Everest (ฟอร์ต เอเวอเรสต์) ใหม่ โดดเด่นสะดุดตาด้วยดีไซน์กระจังหน้าใหม่ และไฟหน้า HID ที่ส่องสว่างกว่าไฟหน้าทั่วไป พร้อมล้อแมกซ์อัลลอยแบบก้านคู่ (Split-Spoke) ขนาด 20 นิ้ว ที่ช่วยเสริมให้รถดูดุดันและหรูหราอย่างมีระดับ

Ford-Everest-2018 Ford-Everest-2018

ห้องโดยสารของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ตกแต่งด้วยโทนสีดำ มอบความหรูหราให้แก่ห้องโดยสาร และยังเสริมความโดดเด่นด้วยเส้นสายรอบคัน อีกทั้งเพิ่มความนุ่มนวลของจุดสัมผัสต่างๆ ในห้องโดยสาร เพื่อความรู้สึกหรูหราและสะดวกสบายในการใช้งาน

Ford-Everest-2018

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-turbo และระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้แรงม้าสูงสุดถึง 213 แรงม้า เพื่อการขับขี่ที่คล่องตัวและนุ่มนวลยิ่งขึ้น พร้อมลดเสียงรบกวนจากการทำงานของเครื่องยนต์ไปในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ เครื่องยนต์ไบเทอร์โบ ยังสามารถกระจายแรงบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยแรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งกำลังและเร่งความเร็ว ช่วยให้การขับรถบนทางลาด เช่น การขับรถขึ้นภูเขาที่ลื่นและลาดชันง่ายดายยิ่งขึ้นกว่าเดิม

Ford-Everest-2018

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนี่ยม พลัส ใหม่ มาพร้อมระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนนของฟอร์ด ซึ่งผสานระบบเบรกแบบ Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กม./ชม. ขึ้นไป

Ford-Everest-2018

ภายในของรุ่น Trend

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ พร้อมมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยฟีเจอร์ใหม่มากมาย เช่น ระบบตรวจจับลมยาง (Tire Pressure Monitoring System) ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าแบบแฮนฟรี กุญแจรีโมทอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ

Ford-Everest-2018

ภายในของรุ่น Titanium Plus Bi-Turbo

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ทุกรุ่น ได้รับการติดตั้งระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) ซึ่งรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบบลูทูธ จอทัชสกรีน ฟูลคัลเลอร์ ขนาด 8.0 นิ้ว และกล้องมองหลัง ผู้ขับขี่ยังสามารถใช้งาน Apple Maps และระบบแผนที่นำทางด้วยดาวเทียมซึ่งติดตั้งมากับรถ เมื่อออกนอกพื้นที่ที่มีสัญญาณโทรศัพท์อีกด้วย

Ford-Everest-2018

ระบบซิงค์ 3 ยังมาพร้อมระบบจดจำเสียง และระบบสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทย เพื่อการใช้งานที่คล่องตัวยิ่งขึ้น

ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance) คือ ระบบ SYNC® ที่ได้รับการพัฒนามาขึ้นอีกขั้น เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธด้วยระบบ SYNC® และต่อสายไปที่เบอร์ 1669 เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน

Ford-Everest-2018

ระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก (Active Noise Cancellation) มอบห้องโดยสารที่ปราศจากเสียงรบกวน ในขณะที่กระบวนการวิศวกรรมออกแบบให้ความสำคัญกับการลดเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์และระบบเกียร์ พร้อมพัฒนาซีลกันเสียงและวัสดุดูดซับเสียงภายในห้องโดยสารให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นอีกด้วย

Ford-Everest-2018

ราคาของ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ / New Ford Everest Price, Shown in Thai Baht.

– รุ่น Trend เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ราคา 1,299,000 บาท

– รุ่น Titanium เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ราคา 1,439,000 บาท

– รุ่น Titanium Plus เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ราคา 1,599,000 บาท

– รุ่น Titanium Plus เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ราคา 1,799,000 บาท

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ มีสีให้เลือกทั้งหมด 6 สี รวมถึงสีใหม่ Diffused Silver Metallic และสีมาตรฐาน ได้แก่ Aluminum Metallic, Absolute Black Metallic, Arctic White, Sunset Metallic และ Blue Reflex Metallic