Honda CR-V มือสอง น่าซื้อ น่าใช้ CARRO Automall มีให้เลือกแล้ว

ถ้าจะว่ากันถึงเรื่องของการใช้รถ บรรดารถ SUV นี่ถือว่ามีบทบาทสำหรับคนใช้รถในไทยมานานสามสิบปีแล้วก็ว่าได้ ทั้งความอเนกประสงค์ในการใช้งาน การบรรทุกสัมภาระ ตอบโจทย์คนมีครอบครัวใหญ่ มีลูกหลานหลายคน ใช้รถเดินทางไปเที่ยวหรือไปเยี่ยมญาติ ซึ่งรถรุ่นใหม่ๆ ล้วนออกแบบมาใช้ขับง่าย ใช้งานง่าย และเพิ่มความหรูหรามากกว่าในอดีตเป็นเท่าตัว

สำหรับรถยนต์ที่ CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) จะมาแนะนำคนที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์มาไว้ใช้งาน โดยต้องเป็นรถที่มีที่เก็บของจุกจิกเพียบ เบาะพับได้หลายรูปแบบ เครื่องยนต์พลังแรง แถมราคาขายต่อดี ไม่ตก แถมยังเป็นแบรนด์เจ้าตลาด ขับไปไหนก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องของศูนย์บริการ และการหาอะไหล่

ไปรู้จักกับ Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์วี) เจเนอเรชั่นที่ 5 ที่ทาง CARRO Automall ภูมิใจเสนอ และอยากให้คุณได้เป็นเจ้าของกันครับ มาดูกันว่า รุ่นนี้มีความน่าสนใจตรงจุดไหนกันบ้าง …

Honda-CR-V-G5-Thai

Honda CR-V เจเนอเรชั่นที่ 5 เปิดตัวในไทยเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2560 จัดเป็นรถยนต์ SUV อเนกประสงค์รุ่นใหญ่เจเนอเรชั่นที่ 5 ของตระกูล CR-V ที่ออกแบบใหม่ทั้งคัน ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขึ้น ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ที่ตามออกมาในเดือนพฤศจิกายน 2561

Honda-CR-V-G5-Thai

ตามปกติแล้ว Honda CR-V จะเปิดตัวในญี่ปุ่นเป็นที่แรกๆ แต่ยกเว้นโฉมนี้ เริ่มทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นช้าหน่อย โดยกว่าจะขายก็ในวันที่ 30 สิงหาคม 2018

ตัวรถพัฒนาขึ้นโดย Mr.Takaaki Nagadome หัวหน้าทีมวิศวกร และทีมงาน Honda R&D ด้วยหลักการออกแบบ Modern Functional Dynamic ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติแบบไฟฟ้าด้วยระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate) เป็นต้น

Honda-CR-V-G5-Concept

มิติตัวรถยาว 4,571 มม. กว้าง 1,855 มม. สูง 1,657 มม. (ส่วนรุ่น AWD 1,667 มม.) ระยะฐานล้อ 2,660 มม. (รุ่นดีเซล 2,662 มม.) น้ำหนักรถ 1,545-1,742 กิโลกรัม

Honda-CR-V-G5-Thai

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายและเงียบยิ่งขึ้นในทุกการเดินทาง ออกแบบภายในหลักการที่ว่า “Urban BASE Beautility” พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มากถึง 561 ลิตร (ในรุ่น 5 ที่นั่ง) หากพับเบาะหลังลง จะเพิ่มเนื้อที่ได้มากถึง 1,123 ลิตร และ 936 ลิตร ในรุ่น 7 ที่นั่ง

มาพร้อมเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 2 และ 3 มอบความสะดวกสบายทุกอิริยาบถตลอดการเดินทาง หรูหราด้วยแผงคอนโซลหน้าขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยเส้นสายลายไม้ และวัสดุสี Piano Black เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง

Honda-CR-V-G5-Thai

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ i-Dual Zone อีกทั้งเทคโนโลยีเพื่อการควบคุมอันล้ำสมัย อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย เป็นต้น

ในส่วนของเวอร์ชั่นไทย มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร เป็นครั้งแรก! พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม (Earth Dreams Technology) ในรูปแบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-DTEC Diesel Turbo ให้แรงม้าสูงสุดถึง 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 35.6 กก.-ม. (350 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่

ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire)

Honda-CR-V-G5-Thai

เครื่องยนต์ให้อัตราเร่ง และอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 18.9 กม./ลิตร โดย เครื่องยนต์ i-DTEC Diesel Turbo มีหลักสำคัญในการทำงานของเครื่องยนต์ ผ่านระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ 2 จังหวะ (2-Stage Turbocharger)

ประกอบด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ทำงานในช่วงแรงดันสูง (High Pressure Turbo) และเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ทำงานในช่วงแรงดันต่ำ (Low Pressure Turbo) โดยจะทำงานร่วมกันตั้งแต่รอบต้นที่ต้องการอัตราเร่งเพื่อใช้ในการออกตัว

Honda-CR-V-G5-Thai

ส่วนระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ออกแบบให้อัตราทดเกียร์รองรับใช้งานจริงทุกสภาพการขับขี่ อัตราทดเกียร์ที่มากถึง 9 สปีด จะช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ ให้อัตราเร่งที่ดีตั้งแต่ออกตัว เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล

เมื่อต้องการกำลังในการเร่ง โดยผู้ขับขี่กดคันเร่งเพิ่ม ระบบจะคำนวณอัตราทดเกียร์เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์แบบก้าวกระโดดจากเกียร์ 9 มายังเกียร์ 5 และจากเกียร์ 7 มาเกียร์ 4 โดยไม่ต้องไล่ระดับ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนเกียร์ 2 ระดับ หรือ 1 ระดับ รูปแบบอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ การเปลี่ยนเกียร์ในรูปแบบอื่นๆ ยังคงต้องอาศัยการทำงานที่ต่อเนื่อง ผ่านการไล่ระดับเกียร์เพื่อเปลี่ยนเกียร์ไปยังระดับที่ต้องการได้

Honda-CR-V-G5-Thai

และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC ให้แรงม้าสูงถึง 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 22.8 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ให้การตอบสนองที่ทันใจ พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85

Honda-CR-V-G5-Thai

ทั้งนี้ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ E-DPS ใหม่ ทำงานโดยเปลี่ยนการควบคุมการส่งกำลังไปยังล้อหลังด้วยระบบไฟฟ้า ตอบสนองการทำงานได้รวดเร็ว พร้อมกับให้แรงบิดที่ล้อหลังสูงขึ้น อีกทั้งเพิ่มความแม่นยำของการปรับแรงบิดที่ล้อหน้าและล้อหลังให้สมดุล พร้อมด้วยระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (Agile Handling Assist – AHA) และระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย (Motion-Adaptive Electric Power Steering – MA – EPS) ให้การทรงตัวขณะขับขี่ที่ดีเยี่ยม ทั้งในการเข้าโค้ง หรือทางลาดชัน เป็นต้น

สำหรับ Honda CR-V มีให้เลือกด้วยกันหลากหลายรุ่นย่อย ทั้งในแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง อาทิ

  • เครื่องยนต์ดีเซล รุ่น DT E และรุ่น DT EL 4WD
  • เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 S, 2.4 ES (5 ที่นั่ง) 2.4 E และรุ่น 2.4 EL 4WD (7 ที่นั่ง)

New-Honda-CR-V-2020

ล่วงมาจนถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2563 Honda ได้เปิดตัว Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์-วี) โฉมไมเนอร์เชนจ์ ในไทยเป็นประเทศแรกของภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ด้วยดีไซน์ภายนอกยังสปอร์ตหรูหราและความแข็งแกร่งในทุกมิติ พรีเมียมขึ้นด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential

New-Honda-CR-V-2020

เสริมความมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) และนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ครบครันด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายล้ำสมัยระดับพรีเมียม

New-Honda-CR-V-2020

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง มาพร้อมขุมพลังการขับเคลื่อนทั้งเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC และมาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก

อ่านเพิ่มเติม >> Honda ไม่รอช้า! เปิดตัว Honda CR-V 2020 ใหม่! สดใสขึ้นในราคา 1,369,000 – 1,759,000 บาท

Honda CR-V Black Edition 2021

ล่าสุดในวันที่ 23 สิงหาคม 2564 Honda ได้เปิดตัวรุ่นพิเศษ Honda CR-V Black Edition สปอร์ตเข้มเต็มสไตล์ เฉพาะรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร 2WD เท่านั้น ด้วยดีไซน์ภายนอกโทนสีดำแบบเอกซ์คลูซีฟรอบคัน ครั้งแรกกับราวหลังคาสีดำใหม่ (Roof Rail) แข็งแกร่งในทุกมิติด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำแบบสปอร์ต กระจังหน้าโครเมียมรมดำ กันชนหน้าสีดำแบบสปอร์ต พร้อมคิ้วตกแต่งโครเมียมรมดำ และกันชนหลังสีดำแบบสปอร์ต

เปิดมุมมองใหม่ด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) มาพร้อมสีภายนอก สีดำคริสตัล (มุก) ภายในห้องโดยสารเรียบหรูในดีไซน์โทนสีดำ แผงคอนโซลขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้สีดำและสีดำ Piano Black ตอกย้ำความพิเศษด้วยเบาะหนังปักโลโก้ Black Edition มาพร้อมเบาะโดยสารแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ครบครันด้วยฟังก์ชันระดับพรีเมียม อาทิ อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) เป็นต้น

และสำหรับ CARRO Automall ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ต้อนรับหน้าหนาว เรามี Honda CR-V รีวิวรถคุณภาพเยี่ยม มาแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน 1 คันครับ ได้แก่ …..

HONDA CRV 2.4 E (i-VTEC) 2018 ขาว

HONDA CRV 2.4 E (i-VTEC) 2018 ขาว

HONDA CRV 2.4 E (i-VTEC) 2018 ขาว

HONDA CRV 2.4 E (i-VTEC) 2018 ขาว

HONDA CRV 2.4 E (i-VTEC) 2018 ขาว

1. Honda CR-V 2.4 E ปี 2018 เลขไมล์ 61,915 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 949,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-crv-2018-G6LXK3.html

ถ้าใครที่กำลังมองหา Honda CR-V มือสอง (ฮอนด้า ซีอาร์วี มือสอง) แล้วรู้สึกสนใจอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Honda CR-V ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ: ข้อมูลรถแนะนำจาก CARRO Automall เป็นข้อมูลรถยนต์ที่มีจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน 2564 / เลขกิโลเมตร ณ วันตรวจสภาพรถ

10 อันดับ รถ SUV - PPV และ Crossover ในปี 2021 ราคาสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท!

ถ้าจะให้พูดถึง “รถ SUV” (Sport Utility Vehicle) แล้ว ในบ้านเรานิยมกันหลายรูปแบบ เป็นรถที่เหมาะกับคนมีครอบครัวใหญ่ ไปไหนไปกันได้หลายคน เริ่มต้นตั้งแต่แบบ Crossover ซึ่งมาจากคำว่า Crossover Utility Vehicle เป็นรถที่ประกอบชิ้นเดียวกันทั้งคัน ดูคล้ายกับรถเก๋งยกสูง เน้นความอเนกประสงค์ ตัวรถไม่ใหญ่มากนัก เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก หรืออาจลุยได้บ้าง แต่ก็ไม่มากเท่ากับแบบ SUV แท้ๆ

สำหรับรถ SUV นั้น ก็ยังมีอีก 2 แบบหลักๆ ได้แก่ SUV แบบที่มีลักษณะเดียวกันกับรถแนว Crossover แต่มีขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่า ดูลุยกว่า มีที่นั่งทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง

และรถ SUV ที่มีพื้นฐานตัวรถเป็นแชสซีส์ แบบเดียวกับรถกระบะ หรือที่บ้านเรามักเรียกกันว่า “รถ PPV” หรือ Pick-up Passenger Vehicle แต่ปรับช่วงล่างให้นุ่มนวลขึ้น ด้วยการใช้คอยล์สปริง ตัวรถมีขนาดใหญ่ นั่งได้ 7 ที่นั่ง สามารถวิ่งในเมือง หรือลุยในทางฝุ่น เข้าป่าฝ่าดงได้

แต่ด้วยงบประมาณของหลายคนเวลานี้อาจมีจำกัด เนื่องจากโดนวิกฤตโควิด-19 กันไปถ้วนหน้า ทำให้การเลือกรถใช้สักคัน ต้องคำนึงถึงราคา และความประหยัดกันมากขึ้น ดังนั้นรถที่ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จึงค่อนข้างเป็นตัวเลือกในตลาดที่มีเยอะมากที่สุด และมีให้ทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งยังแบ่งออกไปได้อีกเป็นแบบ Part-Time หรือแบบ Full-Time เป็นต้น

CARRO ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ SUV – PPV และ Crossover ราคาสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท ประจำปี 2021 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

All-New-Mazda-CX-8

1. Mazda CX-8 Skyactiv-D XDL (7 ที่นั่ง) ราคา 1,899,000 บาท

Mazda CX-8 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-8) ยืนหนึ่งในกลุ่มรถ SUV ราคาสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท (ถ้าเป็นรุ่น XDL Exclusive ราคาจะขึ้นไปอยู่ที่ 2,069,000 บาท) เพิ่งเปิดตัวไปในบ้านเราเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา เป็น SUV ระดับ Premium แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง ที่มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท

อ่านเพิ่มเติม >> Mazda สร้างความตื่นเต้น! เปิดตัว CX-8 ใหม่ ในราคา 1,599,000 – 2,069,000 บาท

All-New Mazda CX-8 ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันทุกรายละเอียด มาพร้อมแนวคิด “The Precious Moment for All” ทุกช่วงเวลา…มีค่าไม่สิ้นสุด ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่งดงาม กับ Concept “Less is More” ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม จับกลุ่มลูกค้านักบริหารระดับสูง นักธุรกิจ เจ้าของธุรกิจ

ภายในหรูหราด้วยห้องโดยสารโทนสีเข้ม แต่งด้วยวัสดุแบบ Real Wood และสีเงิน Satin Chrome ผสานอย่างลงตัวกับเบาะหนัง Nappa (และหนังสังเคราะห์) สีแดง Deep Red พร้อมระบบเสียง Bose รอบทิศทาง กับลำโพง 10 ตำแหน่ง ที่มอบความสุนทรีย์ และระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay แสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว

เครื่องยนต์มาพร้อม 2 ทางเลือก ประกอบด้วย เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร (SKYACTIV-D 2.2) ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาใหม่ พร้อมระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT และระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ตอบสนองที่รวดเร็วแม่นยำยิ่งกว่าเดิม ให้แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.5 ลิตร (SKYACTIV-G 2.5) 194 แรงม้า

และในรุ่น XDL Exclusive ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ i-ACTIV AWD ที่ช่วยปรับระบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพถนน และประหยัดน้ำมันสูงถึง 17.5 กม./ลิตร (รุ่น XDL 7 ที่นั่ง)

Mazda-CX-5-2019

2. Mazda CX-5 Skyactiv-G 2.5 Turbo SP ราคา 1,850,000 บาท

Mazda CX-5 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-5) มาพร้อมกับ Concept “เป็นที่สุดในทุกบทบาท” Make All Chapters Remarkable นี้คือรถอเนกประสงค์ที่เป็นที่สุดในคลาส One Class Above ภายใต้การออกแบบ Kodo Design เจนเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งในตัว Turbo รุ่น Top สุดของรุ่น เพิ่งจะเผยโฉมกันไปเมื่อเดือนตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา

ภายนอกมาพร้อมล้อแม็กขนาด 19 นิ้ว เฉพาะรุ่น ส่วนภายในตกแต่งด้วยวัสดุสุดประณีต ดุจงานศิลปะ พิถีพิถันทุกรายละเอียดเสมือนงานทำมือ (Hand-Crafted Design) ใช้เบาะหนัง Nappa (และหนังสังเคราะห์) สีแดง Deep Red กับระบบระบายอากาศเบาะนั่งคู่หน้า Seat Ventilation และระบบเสียง Bose และลายไม้แบบ Real Wood รองรับการเชื่อมต่อ Application บนสมาร์ทโฟน ผ่านระบบ Mazda Connect บนหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander

จัดว่าเป็นรถ SUV ที่เครื่องแรงทรงพลัง และขับสนุกมากที่สุดอีกคันหนึ่ง โดยใช้ขุมพลังขนาด 2.5 ลิตร (SKYACTIV-G 2.5) ที่ให้กำลัง 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบ Turbo แบบ Dynamic Pressure ระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ตอบสนองรวดเร็วแม่นยำ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD

New-Toyota-Fortuner-Legender-2020

3. Toyota Fortuner 2.8 Legender 4WD ราคา 1,839,000 บาท

Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) สำหรับ ฟอร์จูนเนอร์ เองนั้น เพิ่งปรับโฉมล่าสุดไปเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 ก็ยังเป็นรถอเนกประสงค์ยอดนิยมของคนไทย ทั้งในแบบรถใหม่ หรือรถมือสองก็ตาม โดยโฉมเจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวในบ้านเราเมื่อเดือน กรกฎาคม 2558 ภายใต้สโลแกน “Wisdom of a Leader” หรือ “สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ”

อ่านเพิ่มเติม >> เจาะจุดเด่น Toyota Hilux Revo 2020 และ Fortuner 2020 ใหม่ มีอะไรน่าสนบ้าง! พร้อมราคาและโปรโมชั่น

มาพร้อมความหรูหรามากขึ้น ล้ำสมัย ทั้งภายในและภายนอก ปรับกระจังหน้าใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมแถบกันชนล่างสีเงิน มีหลังคาสีทูโทนให้เลือก ไฟหน้า DayTime Running Light แบบ Light Guiding ดีไซน์ใหม่ และปรับชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่เป็นแบบ LED พร้อมกับ Light Guiding มีกล้องมองภาพรอบคัน พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ ล้อแม็กขนาด 20 นิ้ว และระบบ Activated Kick Door เปิดประตูหลัง แบบไม่ต้องใช้มือสัมผัส

สำหรับรุ่น Fortuner ธรรมดา ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร 150 แรงม้า ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.8 ลิตร GD Super Power ใหม่ ในรุ่น Legender ได้พัฒนาให้มีแรงม้าสูงถึง 204 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่ 500 นิวตันเมตร (Nm) ในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่กว้างตั้งแต่ 1,600-2,800 รอบ/นาที

และเพิ่มเพลาปรับสมดุล (Balance Shaft) ในเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ช่วยลดเสียงและแรงสั่นสะเทือนที่ส่งเข้าสู่ห้องโดยสาร

ในรุ่น Off-Road เครื่องยนต์มีการปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบต่อนาที เป็น 680 รอบต่อนาที) สามารถลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง

Ford-Everest-2021

4. Ford Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4×4 10AT ราคา 1,799,000 บาท

Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) โฉมไมเนอร์เชนจ์อีกรอบนี้ เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ตัวรถมากับกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ ตัวอักษรนูน “Everest” บนฝากระโปรงหน้า มือจับ กระจกข้าง และล้ออัลลอยใหม่ สำหรับรุ่น Trend มอบตัวเลือกสีภายนอกใหม่ สีขาว สโนว์ เฟลก ไวท์ เพิร์ล สำหรับฟอร์ด เอเวอเรสต์ สำหรับรุ่น Trend, ไทเทเนี่ยม และไทเทเนี่ยม พลัส และสีน้ำเงินดีพ คริสตัล บลู สำหรับรุ่น Sport

ส่วนห้องโดยสารโทนสีดำ / สี Congac ใช้เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะแถว 3 พับไฟฟ้า และมีหลังคา Panoramic Moonroof ให้ กับระบบ Infotainment แบบ SYNC 3 ทำงานผ่านจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว แสดงผลกล้องมองหลัง รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และยังรองรับระบบจดจำเสียง และระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยด้วย

ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายแต่อย่างใด ที่ Everest จะใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร ใหม่ แบบ Bi-Turbo แรงม้าสูงสุดมากถึง 213 แรงม้า ตัวเดียวกับใน Ranger Raptor พร้อมจับคู่เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด กับระบบความปลอดภัยอย่างครบครัน

Peugeot-5008

5. Peugeot 5008 ราคา 1,759,000 บาท

Peugeot 5008 (เปอโยต์ 5008) ค่ายรถจากแดนน้ำหอม กลับมารุกตลาดในไทยอีกครั้ง เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา กับตัวแทนจำหน่ายเจ้าใหม่ พร้อมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ ด้วย Peugeot 5008 SUV 7 ที่นั่ง รถ SUV สุดสวยจากเปอโยต์ ที่ออกแบบโดย Gilles Vidal ที่หน้าตาได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเขี้ยวสิงโต ส่วนไฟท้ายออกแบบเสมือนรอยเล็บของสิงโต Lion Claws พร้อมล้อแม็กขนาดใหญ่ 18 นิ้ว

ห้องโดยสารภายในแบบ “i-Cockpit” สุดล้ำ ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายรูปแบบ เช่น Dials, Navigation, Driving, Minimal และ Personal พวงมาลัยแบบทรงแบน ปาดด้านบนล่างออก ให้การมองทัศนวิสัยได้ดีขึ้น และมีตำแหน่งการขับที่ดีเยี่ยม และดีไซน์ร่วมสมัย เบาะแถว 2 ออกแบบให้เลื่อนได้ และพนักพิงปรับเอนได้ พร้อมประตูบานท้ายแบบไฟฟ้า สามารถแหย่เท้าไปใต้กันชนหลัง เปิดได้โดยไม่ต้องสัมผัส

ขุมพลังที่ใช้ เบนซินขนาด 1.6 ลิตร รหัส EP6FDT แบบ Direct Injection PURE TECH 4 สูบ Twin Scroll Turbo ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Quickshift มีโหมด M พร้อม Paddle Shift และโหมด Sport และระบบ Advanced Grip Control เปลี่ยนโหมดการขับสำหรับสภาพพื้นผิวต่างๆ ให้เลือกได้สะดวกด้วยปุ่มหมุน

Honda-CR-V-2020

6. Honda CR-V DT EL 4WD ราคา 1,759,000 บาท

Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์วี) ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 5 นับตั้งแต่การเปิดตัวในเดือนมีนาคม 2560 ก็ยังคงขายดีอย่งต่อเนื่อง จนกระทั่งปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในเดือนกรกฏาคม 2563 พรีเมียมขึ้นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential และมาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก

เสริมความมั่นใจในทุกการเดินทาง ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) และนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ครบครันด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายล้ำสมัยระดับพรีเมียม

ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.4 ลิตร i-VTEC 173 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.6 ลิตร i-DTEC Diesel Turbo 160 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด แบบ Shift by Wire (ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล) ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบขับล้อหน้า และขับ 4 ล้อ Real Time AWD

Suzuki-Jimny-2019

7. Suzuki Jimny (Two-Tone) ราคา 1,680,000 บาท

Suzuki Jimny (ซูซูกิ จิมนี่) เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ด้วยการนำเข้ามาจากญี่ปุ่น ราคาจึงค่อนข้างสูง จัดว่าเป็นรถ Off-Road ขนาดเล็กที่มีกลุ่มแฟนคลับอย่างเหนียวแน่นนับตั้งแต่ในยุคของรุ่น Caribian (คาริเบียน) โดยมาพร้อม Concept “Nobody But Jimny” ซึ่งซูซูกิได้ทุ่มเทศึกษาวิจัยและพัฒนารถยนต์ประเภทออฟโรดอย่างต่อเนื่อง และได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่ปี 1970

แม้ตัวถังจะเหลี่ยมแบบรถออฟโรดยุค 80 แต่ก็เข้ายุคสมัยด้วยชุดไฟหน้า LED มีระบบฉีดน้ำล้างไฟหน้า ไฟท้ายแบบ LED ซุ้มล้อสีดำรอบคัน และล้อแม็กขนาด 15 นิ้ว ภายในใช้วัสดุคุณภาพสูง เบาะปรับได้หลายรูปแบบ พื้นที่เก็บของด้านหลังมีหลายจุด และมีช่องจ่ายไฟสำรอง 2 จุด บริเวณคอนโซลหน้าด้านล่าง และที่เก็บของด้านหลัง

มีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับแบบ Segment Display พร้อมระบบ Infotainment Suzuki Smart Connect เชื่อมต่อแบบไร้สาย พร้อมระบบนำทางอัจฉริยะ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และระบบความปลอดภัย Suzuki Safety Support เป็นต้น

ขุมพลังเป็นขนาด 1.5 ลิตร รหัส K15B แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 102 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 130 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรืออัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมเกียร์ Transfer ในราคาเริ่มต้นที่ 1,580,000 บาท

New-Mitsubishi-Pajero-Sport-2019

8. Mitsubishi Pajero Sport 2.4 GT Premium 4WD ราคา 1,603,000 บาท

Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต) เพิ่งเปิดตัวโฉมไมเนอร์เชนจ์ไปล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมานี้เอง มาพร้อมรูปลักษณ์ภายนอกที่หรูหราและทรงพลังยิ่งขึ้น พร้อมปรับปรุงภายในห้องโดยสารใหม่ ด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว ปรับปรุงใหม่เพื่อง่ายต่อการอ่าน และประตูท้ายไฟฟ้าที่ใช่ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเปิด-ปิด ด้วยสมาร์ทโฟน

มาพร้อมเครื่องยนต์ MIVEC Turbo Diesel ขนาด 2.4 ลิตร 181 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด กับเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครันยิ่งขึ้น ด้วยระบบส่งสัญญาณเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน (LCA) และระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA) มีทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก

ส่วนถ้าใครอยากได้รุ่นตกแต่งพิเศษ Elite Edition ในตัวรุ่น Top สุด ก็เพิ่มเงินอีก 30,000 บาท (1,633,000 บาท) นะครับ

All-New-Isuzu-MU-X-2020

9. Isuzu MU-X 3.0 Ddi 4X4 Ultimate A/T ราคา 1,579,000 บาท

All-New Isuzu MU-X (ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์) โฉมใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวไปในเดือนตุลาคม 2563 ครั้งแรกในโลกที่ไทย ยนตรกรรมอเนกประสงค์รุ่นใหม่หมดระดับ Masterpiece รุ่นล่าสุด ภายใต้นิยาม “เหนือทุกความเชื่อ…เหนือทุกความสำเร็จ (Originality Redefined)” พลิกโฉมใหม่ทั้งภายนอกจรดภายใน ด้วยดีไซน์ที่หรูหรา สะดวกสบาย ประณีตในทุกรายละเอียด

มาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยสุดล้ำ Isuzu Matrix Safety Intelligence ที่ครบครัน และเหนือกว่าด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ที่มาพร้อมนวัตกรรมกล้องหน้าคู่อัจฉริยะ 3D Imaging Stereo Camera รวมทั้งพัฒนาสมรรถนะการขับขี่ให้นุ่มนวล มั่นคง ปลอดภัยยิ่งขึ้น

ขุมพลังเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 และ 3.0 Ddi Blue Power พร้อมทางเลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ พร้อมระบบขับเคลื่อน Rough Terrain Mode ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยทำงานได้ทั้ง 2H, 4H และ 4L

Peugeot-3008

10. Peugeot 3008 ราคา 1,559,000 บาท

Peugeot 3008 (เปอโยต์ 3008) ค่ายรถจากแดนน้ำหอม กลับมารุกตลาดในไทยอีกครั้ง เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา กับตัวแทนจำหน่ายเจ้าใหม่ พร้อมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ ด้วย Peugeot 3008 SUV 5 ที่นั่ง รถ SUV สุดสวยจากเปอโยต์ ที่ออกแบบโดย Gilles Vidal ที่หน้าตาได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเขี้ยวสิงโต ส่วนไฟท้ายออกแบบเสมือนรอยเล็บของสิงโต Lion Claws พร้อมล้อแม็กขนาดใหญ่ 18 นิ้ว ตัวรถมีน้ำหนักเบากว่ารุ่น 7 ที่นั่งอย่าง 5008 ประมาณ 60 กิโลกรัม

ห้องโดยสารภายในแบบ “i-Cockpit” สุดล้ำ ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายรูปแบบ เช่น Dials, Navigation, Driving, Minimal และ Personal พวงมาลัยแบบทรงแบน ปาดด้านบนล่างออก ให้การมองทัศนวิสัยได้ดีขึ้น และมีตำแหน่งการขับที่ดีเยี่ยม และดีไซน์ร่วมสมัย เบาะแถวสอง พื้นที่กว้างขวาง นั่งสบายไม่อึดอัด และเบาะปรับเอนได้ พร้อมประตูบานท้ายแบบไฟฟ้า สามารถแหย่เท้าไปใต้กันชนหลัง เปิดได้โดยไม่ต้องสัมผัส

ขุมพลังที่ใช้ เบนซินขนาด 1.6 ลิตร รหัส EP6FDT แบบ Direct Injection PURE TECH 4 สูบ Twin Scroll Turbo ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Quickshift มีโหมด M พร้อม Paddle Shift และโหมด Sport และระบบ Advanced Grip Control เปลี่ยนโหมดการขับสำหรับสภาพพื้นผิวต่างๆ ให้เลือกได้สะดวกด้วยปุ่มหมุน

MR.CARRO หวังว่า 10 อันดับ รถ SUV – PPV และ Crossover ในงบไม่เกิน 2 ล้านบาท น่าจะถูกใจ และเป็นตัวเลือกให้กับผู้ที่กำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงตอนนี้ แต่ถ้าใครอยากหาเงินมาโปะรถคันใหม่ได้มากยิ่งขึ้น ก็ลองขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ดูได้ มาขายรถกับ CARRO Express สิ! ได้ราคาดี หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถ SUV, รถ PPV, รถ Crossover และรถมือสอง ราคาไม่เกินสองล้านคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถ SUV, รถ PPV, รถ Crossover มือสอง หรือรถราคาไม่เกินสองล้านรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ : *ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนมิถุนายน 2564 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

New-Honda-CRV-2020

Honda เปิดตัวยนตรกรรมพรีเมียม SUV Icon ของ Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์-วี) ใหม่ ในไทยเป็นประเทศแรกของภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ด้วยดีไซน์ภายนอกยังสปอร์ตหรูหราและความแข็งแกร่งในทุกมิติ พรีเมียมขึ้นด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential

เสริมความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) และนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ครบครันด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายล้ำสมัยระดับพรีเมียม

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง มาพร้อมขุมพลังการขับเคลื่อนทั้งเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC มาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก ในราคา 1,369,000 – 1,759,000 บาท

พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% หรือเลือกรับข้อเสนอ “Double Smile” ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 18,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี เปิดให้ลูกค้าได้สัมผัสในงาน Motor Show 2020 และที่โชว์รูมฮอนด้า* ตั้งแต่ 13 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป

New-Honda-CR-V-2020

สรุปเร็วๆ Honda CR-V Minorchange มีอะไรเด่นๆ บ้าง?

  • หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบ Panorama พร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential
  • กระจังหน้าแบบ Gloss Black และกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่
  • มั่นใจในทุกการเดินทางด้วย “ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง” (Honda SENSING) และนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT)
  • 2 ขุมพลังทางเลือก ดีเซล เทอร์โบ และเบนซิน พร้อมระบบขับเคลื่อน 4WD
  • สีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก
  • โปรโมชั่น! ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% หรือข้อเสนอ Double Smile ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 18,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี

New-Honda-CR-V-2020

อ่านเพิ่มเติม: ประวัติ Honda CR-V มือสอง ในแต่ละรุ่นที่ผ่านมา

New-Honda-CR-V-2020

ดีไซน์ภายนอก หรูหรา แข็งแกร่งในทุกมุมมอง

  • ตอกย้ำความพรีเมียมเหนือระดับ ด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) พร้อมระบบเปิด-ปิดแบบ One-Touch
  • เสริมอารมณ์ความสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่
  • ฝากระโปรงท้ายตกแต่งด้วย โครเมียมรมดำและไฟท้ายรมดำ
  • ไฟหน้าแบบ FULL LED มาพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Light – DRL) พร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential และไฟท้ายแบบ FULL LED
  • โดดเด่นด้วยเส้นสายที่เฉียบคมพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตใหม่ขนาด 18 นิ้ว

New-Honda-CR-V-2020

มั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ได้แก่

  • ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

New-Honda-CR-V-2020

และยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) (ทุกรุ่น) ตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ผ่านการควบคุมพวงมาลัยและแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT พร้อมการสั่นเตือนที่พวงมาลัย ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (Agile Handling Assist) อีกทั้งนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เป็นต้น

New-Honda-CR-V-2020

ดีไซน์ภายในกว้างขวาง หรูหรา ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม

ภายในห้องโดยสาร มาพร้อมแผงคอนโซลขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยลายไม้และวัสดุสีดำ Piano Black มีทั้งแบบเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม อาทิ

  • อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
  • กระจกมองข้างแบบพับเก็บอัตโนมัติ (ควบคุมด้วยรีโมท) (Auto Foldable Side Door Mirror)
  • ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat)
  • เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง
  • กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (Auto Dimming Rear View Mirror) (ทุกรุ่น)
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา i-Dual Zone และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 2 และแถว 3 (รุ่น 7 ที่นั่ง)

New-Honda-CR-V-2020

เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออันล้ำสมัย อาทิ

  • ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri
  • ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ (เฉพาะรุ่น 4WD)
  • มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ควบคุมทุกการสั่งงานได้อย่างง่ายดายผ่านพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันพร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ เป็นต้น

New-Honda-CR-V-2020

พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์และทุกการใช้งาน ด้วย

  • ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate) (ทุกรุ่น)
  • เบาะนั่งที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับผู้โดยสารและการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมด้วยช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางที่ปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับการใช้งานได้ถึง 3 แบบ

New-Honda-CR-V-2020

มาพร้อม 2 ขุมพลังขับเคลื่อน ได้แก่

  • เครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO 4 สูบ ให้แรงม้าสูงสุดถึง 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 รอบ/นาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire) ให้ทั้งอัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 17.9 กม./ลิตร โดยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD
  • เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ ให้กำลังสูงถึง 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที
    ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 224 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ให้การตอบสนองที่ทันใจ พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85 และ E20 มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อ 2WD และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD

New-Honda-CR-V-2020

รุ่น 5 ที่นั่ง

New-Honda-CR-V-2020

รุ่น 7 ที่นั่ง

Honda CR-V 2020 ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่น ดังนี้

  • เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 S 5 ที่นั่ง ราคา 1,369,000 บาท
  • เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 ES 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,529,000 บาท
  • เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 E 7 ที่นั่ง ราคา 1,419,000 บาท
  • เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,579,000 บาท
  • เครื่องยนต์ดีเซล รุ่น DT-EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,759,000 บาท

โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีขาวแพลทินัม (มุก) และสีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)

New-Honda-CR-V-2020

Honda CR-V ใหม่ มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% หรือ เลือกรับข้อเสนอ “Double Smile” ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 18,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี

พบกับ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้า* ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป และในงาน Motor Show 2020 ตั้งแต่วันที่ 15 – 26 กรกฎาคม 2563 โดยมาพร้อมข้อเสนอเดียวกันทั้งที่โชว์รูมฮอนด้าและในงานมอเตอร์โชว์

หมายเหตุ:

– *กรุณาโทรนัดหมายก่อนเข้าเยี่ยมชม เพื่อความสะดวกของท่าน
– อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
– สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น DT-EL 4WD, 2.4 EL 4WD และ 2.4 ES 4WD
– สำหรับสีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 12,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 8,000 บาท

ส่วนใครที่อยากขายรถ หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

5-SUV-PPV-Secondhand-Cars

ขึ้นชื่อว่า “เศรษฐกิจ” ไทย ในเวลานี้แล้ว หลายคนบอกว่าแย่ หลายคนบอกว่าดี แต่ถ้าเราฟังตามเสียงส่วนใหญ่ของคนทั้งประเทศ เขาก็บอกว่าแย่กันทั้งนั้นล่ะ

แผนการที่จะคิดเปลี่ยนรถตอนนี้ บางคนอาจงดซื้อรถใหม่ป้ายแดงไปก่อน โดยอาจจะเลือกซื้อเป็นรถยนต์มือสอง หรือรถบ้านมือสอง แทน เนื่องจากช่วยลดค่างวดที่จะต้องผ่อนรถทุกเดือน และยังได้รถคุณภาพดี ในราคาที่คุ้มค่าสบายกระเป๋าอีกด้ว

สำหรับใครหลายๆ คน ที่ตอนนี้ อาจจะมีครอบครัว หรือมีลูกอยู่แล้ว 1-2 คน แต่ชื่นชอบการท่องเที่ยว ชอบออกไปต่างจังหวัดในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือในช่วงเทศกาลหยุดยาว

Chevrolet-Captiva-2007

รถมือสองที่เหมาะสมกับการใช้งาน ก็คงจะหนีไม่พ้นรถแนว “SUV” (Sport Utility Vehicle) และ “PPV” (รถกระบะดัดแปลง PPV – Pickup Passenger Vehicle ที่กรมสรรพสามิตบ้านเรา สร้างศัพท์บัญญัติขึ้นมารายเดียวในโลก เพื่อใช้เรียกจัดเก็บภาษีรถแนวนี้) ที่ให้ความอเนกประสงค์ สะดวกสบาย ปรับรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย และใช้งานในเมืองก็ลงตัว

หากคุณกำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองซักคัน ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดี เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือ ไปผ่อนบ้าน หรือใช้จ่ายในครอบครัว จ่ายค่าเทอมลูก เป็นต้น (แต่คนโสดจะซื้อไปใช้ ก็ได้เช่นกันนะครับ)

MR.CARRO ขอแนะนำรถ SUV และ PPV ที่นั่งได้ตั้งแต่ 5-7 คน ใช้ขนของก็ได้ ไปได้กันทั้งครอบครัว ในราคาตัวรถที่ไม่เกิน 400,000 บาท มาให้ทุกท่านได้พิจารณากันครับ

Toyota-Sport-Rider-2000

1. Toyota Sport Rider

Toyota Sport Rider (โตโยต้า สปอร์ต ไรเดอร์) ในโฉมแรกใช้ชื่อว่า “Hilux Sport Rider” ถือเป็นรถยนต์ PPV แบบ 7 ที่นั่ง ยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งของโตโยต้า พัฒนามาจากรถกระบะรุ่น Hilux Tiger ชื่อรุ่นมาจากภาษาอังกฤษ มีความหมายตรงตัว “Sport Rider” (ผู้ขับสปอร์ต)

Toyota Sport Rider ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงนับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2541 (และเป็นที่นิยมของขโมยในเวลานั้นด้วย) โดย โตโยต้า เป็นผู้บุกเบิกรถแนวนี้ในเมืองไทย (โดยผลิตที่โรงงาน Thai Auto Works – TAW) ยอดขายแซงรถ SUV แท้ๆ ซะอีก จนค่ายคู่แข่งต้องทำออกมาขายบ้าง มีรูปทรงที่สวยงาม ออกแบบได้อย่างลงตัว แม้ว่าบางมุมมองจะยังคงเหมือนรถกระบะก็ตาม ภายในยกชุดมาจาก Hilux Tiger เพิ่มเบาะนั่งแถวที่ 3

มีให้เลือกกันทั้งในแบบขับเคลื่อนล้อหลัง และแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด ECT-i (เฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ D-4D ขับเคลื่อนล้อหลัง) …

โฉมแรก เครื่องยนต์มี 2 แบบ ได้แก่ ดีเซลขนาด 3.0 ลิตร รหัส 5L ให้แรงม้าสูงสุด 97 แรงม้า และรหัส 5L-E แบบ 4 สูบ OHC ให้แรงม้าสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.3 กก.-ม. (200 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,600 รอบ/นาที

กลางปี 2543 เพิ่มเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร จากเครื่องยนต์ที่กำเนิดขึ้นเพื่อใช้ใน Off Road รุ่นใหญ่ อย่าง Land Cruiser Prado จนได้รับสมญานามว่า จ้าวแห่งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ (King of Diesel Turbo Engine) รหัส 1KZ-TE แบบ 4 สูบ OHC ให้แรงม้าสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 32.1 กก.-ม. (315 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 15.3 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 160 กม./ชม.

Toyota-Sport-Rider-2002

ช่วงปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในเดือนกันยายน 2545 ปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ เทคโนโลยี D-4D มีดังนี้ …

เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ มีขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2KD-FTV แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว D-4D ให้แรงม้าสูงสุด 102 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 26.5 กก.-ม. (260 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที

เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร รหัส 1KD-FTV แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว D-4D ให้แรงม้าสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 3,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 32.1 กก.-ม. (315 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที

โดย Toyota Sport Rider ในตลาดรถมือสอง (ในปี 2563) อยู่ที่ประมาณ 120,000 – 230,000 บาท

สำหรับราคาค่าตัวในเครื่อง 5L เวอร์ชั่นแรกนั้น ไม่แพงนักเมื่อเทียบกับตัวรถ เริ่มต้นประมาณ 1 แสนต้นๆ ส่วนตัวไมเนอร์เชนจ์หลังปี 2545 นั้น บล็อก D4-D อยู่ที่ประมาณ 1 แสนปลายๆ – 2 แสนกลางๆ ตามสภาพ

Isuzu-MU-7-2004

2. Isuzu MU-7

หลังจากที่ Isuzu เห็นรถค่ายคู่แข่งอย่าง … กอบโกยยอดขายรถแนว PPV ไปมากมายแล้ว จึงต้องนำ Isuzu D-Max มาพัฒนาเป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่ง จนได้ออกมาเป็น “Isuzu MU-7” (อีซูซุ มิว-เซเว่น) ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2547 ซึ่งออกแบบผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่แรกในโลก ตัวรถดัดแปลงได้ใกล้เคียงรถ SUV มาก จากการใช้ระบบส่งกำลังขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา การหดระยะฐานล้อ และปรับระบบรองรับด้านหลัง เป็นแบบคอยล์สปริง

แม้ตัวเลขยอดจำหน่ายจะตามหลังคู่แข่งอยู่พอสมควร แต่ มิว-7 ก็ยังขายได้ดี เพราะมีแบรนด์ Isuzu เป็นการันตี … สำหรับ MU-7 มีการปรับโฉมแทบทุกปี ตั้งแต่รุ่น Gold Series, Platinum Series รวมไปถึงรุ่นพิเศษอย่างรุ่น Limited, Executive, Groove หรือ Choiz เป็นต้น …

ใช้เครื่องยนต์ใหม่ “I-TEQ 3000 Ddi” ขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว Super Commonrail Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 146 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 294 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,400 รอบ/นาที ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาใหม่หมด

ในโฉมไมเนอร์เชนจ์ เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4 JJ1-TCX 3000 Ddi เทอร์โบแปรผัน VGS Turbo และอินเตอร์คูลเลอร์ใหญ่ขึ้น ให้แรงม้าสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 34.0 กก.-ม. (333 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,600-3,200 รอบ/นาที

โดย MU-7 ในตลาดรถมือสอง (ในปี 2563) อยู่ที่ประมาณ 250,000 – 400,000 บาท (หลังรุ่นปี 2009 ราคาจะขึ้นไปมากกว่า 400,000 บาท)

Mitsubishi-G-Wagon-2001

3. Mitsubishi Strada G-Wagon

มิตซูบิชิ เปิดตัว Mitsubishi Strada G-Wagon (มิตซูบิชิ สตราด้า จีวากอน) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2544 ที่ในเวอร์ชั่นตลาดโลกใช้ชื่อว่า ชาเลนเจอร์ (Challenger) ตัวนี้ใช้พื้นฐานเดียวกับรถกระบะ Strada โดยปรับหน้าตาให้เหมือนกันกับ Strada ซึ่งรุ่นนี้มีการปรับโฉมหน้าตากันอีกหลายครั้ง (ปรับโฉมครั้งที่ 2 ประมาณกลางปี 2546 และสุดท้ายในปี 2548) มีรุ่นพิเศษออกมาเยอะแยะเช่นกัน อาทิเช่น Rally Master หรือ Euro Evolution เป็นต้น

ระยะแรกใช้เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.8 ลิตร รหัส 4M40 แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 96 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.2 กก.-ม. (199 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ช่วงปี 2545 … Strada G-Wagon แนะนำเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ ขนาด 2.5 ลิตร รหัส 4D56 แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว VG Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 116 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 24.4 กก.-ม. (240 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

พอเวลาผ่านไป Mitsubishi ก็หันกลับมาใช้เครื่องยนต์รหัส 4M40 แต่เพิ่ม Turbo Intercooler เข้าไป สะใจขาลุย ให้แรงม้าสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 29.7 กก.-ม. (291 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

โดย Strada G-Wagon ในตลาดรถมือสอง (ในปี 2563) อยู่ที่ประมาณ 150,000 – 250,000 บาท

Honda-CR-V-2002-Thai

4. Honda CR-V (เจเนอเรชั่นที่ 2)

การมาของ “Honda CR-V” (ฮอนด้า ซีอาร์-วี) ที่ทำให้ตลาดรถยนต์ในกลุ่ม SUV ตื่นตัวขึ้นมากกว่าเดิมนับตั้งแต่ในรุ่นแรก โดยโฉมที่ Carro จะแนะนำในครั้งนี้ เป็น ซีอาร์-วี รุ่นที่ 2 ซึ่งเปิดตัวในบ้านเราในเดือนมกราคม 2545 มีให้เลือกทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง โครงสร้างตัวรถออกแบบขึ้นโดยมี Civic รุ่นที่ 7 เป็นต้นแบบ และได้นำเครื่องยนต์หัวฉีด i-VTEC มาใช้อย่างเต็มรูปแบบทุกรุ่นย่อย …

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส K20A แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC LEV ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.4 กก.-ม. (191 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ในรุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัวไปในบ้านเราเมื่อธันวาคม 2547 … และได้เพิ่มเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร เป็นตัวเลือกใหม่ รหัส K24A แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC LEV ให้แรงม้าสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. (219 นิวตัน-เมตร) ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติใหม่ (Real Time 4WD)

โดย Honda CR-V (เจนเนอเรชั่นที่ 2) ในตลาดรถมือสอง (ในปี 2563) อยู่ที่ประมาณ 130,000 – 230,000 บาท

Chevrolet-Captiva-2007

5. Chevrolet Captiva 

Chevrolet Captiva (เชฟโรเลต แคปติวา) เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2550 เป็นรถ SUV แบบ 7 ที่นั่ง เบาะแถว 2 และ 3 สามารถพับเก็บได้ มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด แบบ Tiptronic (ต่อมาปรับเป็น 6 สปีด) และถือเป็นรถที่ขายนานที่สุดอีกหนึ่งรุ่นของ Chevrolet

ในรุ่นเครื่อง 2.0 ลิตร จะเป็นเครื่องยนต์แบบดีเซล แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว Turbo แบบแปรผัน ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม. (320 นิวตันเมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที

ส่วนในรุ่น 2.4 ลิตร จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Flex Fuel รองรับเชื้อเพลิง E20 และ E85 ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. (220 นิวตันเมตร) ที่ 2,200 รอบ/นาที

ภายหลังรุ่นเบนซิน 2.4 ลิตร เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ เป็นแบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Double CVC ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 23.0 กก.-ม. (225 นิวตันเมตร) ที่ 4,600 รอบ/นาที

อีกหนึ่งจุดเด่นที่มาพร้อมกับความจุห้องโดยสารที่มาก เมื่อพับเบาะแถวที่ 3 ลงจะมีปริมาตรในการขนสัมภาระอยู่ที่ 465 ลิตร แต่ถ้าพับเบาะแถวที่ 2 ลงอีก ความจุก็จะเพิ่มเป็น 930 ลิตร

โดย Chevrolet Captiva (โฉมแรก) ในตลาดรถมือสอง (ในปี 2563) อยู่ที่ประมาณ 199,000 – 400,000 บาท (หลังรุ่นปี 2014 ราคาจะขึ้นไปมากกว่า 400,000 บาท)

Ford-Everest-2003

อันนี้แถมให้ครับ … Ford Everest

Ford เปิดตัว Everest (เอเวอเรสต์) PPV 7 ที่นั่งรุ่นแรก ในเดือนมีนาคม 2546 วาระเดียวกับการฉลองครบรอบ 100 ปี ของ ฟอร์ด ซึ่งดัดแปลงมาจากพื้นฐานของกระบะอย่าง “Ranger” โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต ที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ฟอร์ด ซึ่งใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศมากถึงร้อยละ 80 และตั้งความหวังไว้กับรถรุ่นนี้มาก โดยผลิตเพื่อป้อนตลาดภายในประเทศ และส่งออกไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก

เอเวอเรสต์ รุ่นแรก มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ เครื่องยนต์ยังไม่ใช่คอมมอนเรล แต่ใช้ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร รหัส WLT แบบ 4 สูบ Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 27.5 กก.-ม. (270 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ซึ่งขึ้นชื่อว่าแรงที่สุดในเวลานั้น

หลังจากนั้นได้ปรับปรุงอุปกรณ์ตกแต่งอีกเป็นระยะ โดย Ford Everest (เจนเนอเรชั่นที่ 1) มีอายุรวมในตลาดไม่ถึง 4 ปีดี

โดย Everest (รุ่นก่อนปี 2007) ในตลาดรถมือสอง (ปี 2563) อยู่ที่ประมาณ 200,000 – 270,000 บาท

MR.CARRO หวังว่ารถ SUV และ PPV มือสอง ในราคาคุ้มค่า ไม่เกิน 4 แสนบาท ที่นำมาเสนอนั้น น่าจะถูกใจหลายๆ คนกันนะครับ

ส่วนใครที่อยากขายรถ หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน