IphoneXs-Xr-VS-UsedCar

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ 10 รถมือสอง ที่ราคาเท่า “iPhone Xr, Xs และ Xs Max

เป็นที่ทราบกันแล้วนะครับว่า สำหรับ iPhone Xr / iPhone Xs และ iPhone Xs Max ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ไปใน USA ตั้งแต่เมื่อคืนของวันที่ 13 กันยายน 2561 (ตามเวลาในประเทศไทย) ซึ่งมีคุณสมบัติและฟังก์ชั่นต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น จอใหญ่ขึ้น ขยายความจุเป็น 512GB! (ถูกใจสาวก Apple กับ iPhone หรือเปล่า ไม่แน่ใจนะ?)

iPhone-XR-Thai-Price

iPhone-XS-Thai-Price

iPhone-XS-Max-Thai-Price

ภาพจาก IPhoneMod.net

และแน่นอนอยู่แล้วว่าราคาของ iPhone Xr / iPhone Xs และ iPhone Xs Max ต้องปรับสูงขึ้นกว่ารุ่นเดิมแน่นอน ทำให้สาวก iPhone ต้องคิดแล้วล่ะว่า ตีราคาออกมาเป็นเงินไทย สูงมากเลยทีเดียว (รุ่น Top สุด ราคาเหยียบครึ่งแสนเข้าไปแล้ว! เราจะย้อนกลับไปใช้โทรศัพท์มือถือ ราคาครึ่งแสน เหมือนเมื่อ 10 กว่าปีแล้วหรือเนี่ย!)

เอาเงินนี้ ไปซื้ออย่างอื่นดีกว่าหรือเปล่า? ซื้อรถมือสองดีมั้ย?

Carro ขอแนะนำ 10 รถมือสอง ที่คุณสามารถซื้อได้ในราคาของ iPhone Xr / iPhone Xs และ iPhone Xs Max ที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง ว่ามือถือรุ่น Top ราคาจะสามารถซื้อรถมือสองได้ 1 คัน!

Carro จึงขอนำเสนอรถยนต์มือสอง ในช่วงประมาณยุค 90 ที่มีราคาตั้งแต่ 3 – 5 หมื่นบาท ที่มีความทนทาน ดูแลง่าย อะไหล่พอหาได้เยอะหน่อย จะมีรุ่นใดบ้าง … เชิญอ่านได้เลยครับ

Toyota Corolla 1.3 / 1.6 (EE100/AE101)

Toyota-Corolla-AE101

Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) เป็น Corolla “สามห่วง” รุ่นที่ถือว่าสร้างตำนานในบ้านเราอีกรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ ถือเป็นรุ่นแรกที่ใช้ Logo “Toyota” แบบใหม่ที่เป็นสามห่วง เปิดตัวในไทยเมื่อ 13 มีนาคม 2535 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร รหัส 2E (และ 4E-FE ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์) และเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A-FE

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ (แค่พอวิ่งได้) ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท ก็มีคนลงขายแล้วครับ แต่ถ้าจะเอาแบบสภาพดีๆ หน่อย ก็ต้องเพิ่มงบไปอยู่ที่ประมาณ 5 – 6 หมื่นบาทครับ …

Toyota Corona 1.6 (AT191/ST191)

Toyota-Corona-ST191

Toyota Corona (โตโยต้า โคโรน่า) รุ่น “ท้ายโด่ง” “ท้ายแยก” ยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่น และถือเป็นโคโรน่ารุ่นสุดท้ายที่ขายในไทย โฉมนี้เปิดตัวในไทยเมื่อปี 2536 มาพร้อมรูปทรงอ้วนกลมน่ารัก ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A-FE, เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 3S-FE ก่อนจะปรับโฉมกันอีกครั้ง ในภายหลังเพิ่มรุ่น Exsior ชูจุดเด่นด้านความปลอดภัย พร้อมกับเปลี่ยนชุดแผงคอนโซลภายในใหม่

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีเงินประมาณ 4 หมื่นบาท ก็สามารถหารุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร (หรือรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร สภาพโทรมๆ บางคัน) มาขับได้แล้ว แต่ถ้าอยากได้ดีกว่านี้ ก็ต้องจ่ายแพงเพิ่มขึ้นกว่านั้น

Honda Civic 1.5 / 1.6 (EG)

Honda-Civic-EG

Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) รุ่นนี้เปิดตัวเมื่อปี 2535 โดยเป็นรุ่น 4 ประตูมาก่อน พอในปี 2536 ถึงจะเป็นตัวแฮทช์แบค 3 ประตู เปิดตัวตามมาทีหลัง สร้างยอดจองถล่มทลาย 10,000 คัน หลังจากเปิดตัวไปใน 7 วัน

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร คาร์บูเรเตอร์ 91 แรงม้า, 1.6 ลิตร หัวฉีด 120 แรงม้า และ 1.6 ลิตร VTEC 130 แรงม้า ที่ตามมาในภายหลัง และยังมีรุ่น 4 ประตู VTi นำเข้าจากญี่ปุ่นอีกด้วย มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ราคาในตลาด มีเงินแค่ 3 หมื่นบาทกลางๆ ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้ 4 ประตู (ถ้าตัว 3 ประตู อาจต้องเพิ่มเงินอีกนิดนึง) มาขับได้แล้ว แต่ก็ตามสภาพนะครับ

Honda Accord 2.0 (CB)

Honda-Accord-CB

Honda Accord (ฮอนด้า แอคคอร์ด) รุ่นนี้มีฉายาว่า “ตาเพชร” ซึ่งก็ถือเป็นรถรุ่นแรกๆ ในไทย ที่ใช้ไฟหน้าแบบ “มัลติรีเฟล็กเตอร์” (Multi-Reflector) ที่ให้ความสว่างกว่าไฟหน้าโคมแก้วทั่วไป จนกลายมาเป็นฉายาของรุ่นนี้ โดยเปิดตัวเมื่อปี 2533 ในยุคนั้นถือว่าขายดีมาก ตั้งแต่เป็นรถครอบครัว ไปยันเป็นรถระดับผู้บริหารใช้ …

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร คาร์บูเรเตอร์ 112 แรงม้า และ 2.0 ลิตร หัวฉีด 135 แรงม้า มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีเงินประมาณ 3 หมื่นบาทปลายๆ ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับเท่ๆ (กับซ่อมไปด้วย) ได้แล้ว!

Nissan Sunny 1.5 / 1.6 (B14)

Nissan-Sunny-B14

Nissan Sunny (นิสสัน ซันนี่) อีก 1 รถยอดนิยมจากค่ายสยามกลการในอดีต สำหรับ นิสสัน ซันนี่ B14 เปิดตัวในปี 2537 ออกมาในหลายโฉมมาก ขายมาจนถึงช่วงปี 2543

มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส GA15DE 105 แรงม้า และเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส GA16DE 120 แรงม้า ต่อมาปรับปรุงใหม่เป็นรหัส GA16DNE 110 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีให้เลือกเยอะแยะ ตั้งแต่ราคาประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท ไปจนถึง 5 หมื่นบาท

Nissan Bluebird 2.0 SSS (U13)

Nissan-Bluebird-SSS-U13

Nissan Bluebird (นิสสัน บลูเบิร์ด) “SSS” เป็น Bluebird รุ่นสุดท้ายที่ขายในบ้านเรา โดยการนำเข้าจากญี่ปุ่นของ สยามกลการ สมัยนั้น ถ้าใครที่ชอบรถนำเข้ารูปทรงสวย ดูไม่ล้าสมัย ออพชั่นเพียบ เครื่องแรง ก็ลองหาตัวนี้มาเล่นกันดูครับ (แต่ก็หาสภาพดีๆ ยากหน่อยนึง)

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส SR20DE 145 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ราคาในตลาด เอาแบบรถเน่าๆ เลยนะ 2 หมื่นกว่าบาท ก็มีคนขายให้เห็นมาแล้ว ส่วนตามสภาพ มีเงิน 3 – 4 หมื่นบาท ก็สามารถหาซื้อรถรุ่นนี้มาขับได้แล้ว

Mitsubishi Galant Ultima

Mitsubishi-Galant-Ultima

Mitsubishi Galant Ultima (มิตซูบิชิ กาแลนท์ อัลติม่า) ถือเป็น Galant รุ่นสุดท้าย ที่ประกอบขายในบ้านเรา ในปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมจากคนชอบแต่งรถบ้าง เปิดตัวในปี 2537 ขายลากยาวกันมาจนถึงช่วงปี 2541 ได้ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 4G63 140 แรงม้า และเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร V6 รหัส 6A12 155 แรงม้า

ราคาในตลาด แบบตามสภาพนะ มีเงิน 3 หมื่นกว่าบาท ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับได้แล้ว ถือเป็นรถรุ่นใหญ่น่าใช้ ในราคามือสองที่ขายกันถูกมากๆ

Mazda 323 (BH) / 323 Astina 1.8 (BH)

Mazda-323

Mazda-323-Astina

Mazda 323 (มาสด้า 323) และ Mazda 323 Astina (มาสด้า 323 แอสติน่า) ถือเป็นรุ่นสุดท้ายที่มี Astina ขายพ่วงด้วย และอยู่ภายใต้การจำหน่ายของกมลสุโกศล เปิดตัวในไทยเมื่อปี 2537 และขายมาเรื่อยๆ จนถึงประมาณปี 2541 ก่อนที่ มาสด้า กมลสุโกศล จะโดนบริษัทแม่เข้ามาควบรวมกิจการไปในปี 2542

มาสด้า 323 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส B6 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ส่วนในรุ่น Astina ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส BPD 125 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ราคาในตลาด มีเงิน 3 หมื่นปลายๆ ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้แบบตามสภาพมาขับได้แล้ว ส่วน Astina อาจจะต้องเพิ่มเงินนิดๆ แต่จริงๆ แล้ว แค่ 4 หมื่น ก็พอหารถแบบตามสภาพได้แล้วครับ

อันสุดท้าย เผื่อคนอยากได้รถยุโรป … BMW 520i / 525i (E34)

BMW-Series-5-E34

BMW ซีรี่ส์ 5 โฉม E34 ในยุคที่บริษัท ยนตรกิจ จำกัด เป็นผู้จำหน่าย เริ่มเผยโฉมในไทยเมื่อปี 2532 มีให้เลือกทั้งรุ่น 520i, 525i, 520iS และยังมีรุ่นแวกอน นำเข้ามาตามสั่งอีกด้วย ตัวรถภายนอกดูสปอร์ต เท่ ภายในหรูหรา ถูกใจวัยรุ่นวัยเฒ่าทั้งหลาย ที่ชอบรถหรูๆ แนวผู้บริหารใช้ ในราคาที่สมัยก่อนตอนออกใหม่ซื้อไม่ไหว …

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 150 แรงม้า, เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร 192 แรงม้า … รุ่นนี้ได้ขายเรื่อยๆ ในบ้านเรา จนถึงปลายปี 2539 แล้วลากขายรถในสต๊อกจนถึงปี 2540

ราคาในตลาดยุคนี้ มีรถมือสองรุ่นนี้ โผล่มาแบบถูกอย่างเหลือเชื่อ ถ้าแบบเน่าๆ เลยนะ มีเงิน 3 หมื่นปลายๆ ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับได้แล้ว! สุดยอดจริงๆ! (แต่ค่าซ่อม ไม่รู้ต้องเตรียมไว้เท่าไหร่นะ …) ถ้าจะให้ดี หารุ่นนี้ราคาประมาณ 6 – 7 หมื่นบาท หรือหลักแสนดีกว่า ได้สภาพรถที่ดีกว่าด้วยครับ …

(สงวนลิขสิทธิ์)