สถิติการขายรถยนต์ ยอดขายรถ ตลาดรถยนต์ไทย ปี 2564

สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤษภาคม 2564 มียอดขายรวมทั้งสิ้น 55,948 คัน เพิ่มขึ้น 38.4% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 15,569 คัน เพิ่มขึ้น 32.7% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 40,379 คัน เพิ่มขึ้น 40.6% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 31,778 คัน เพิ่มขึ้น 37.3%

ตลาดรถยนต์เดือนพฤษภาคม 2564 มีปริมาณการขาย 55,948 คัน เพิ่มขึ้น 38.4% โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 32.7% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 40.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากข้อเสนอพิเศษที่หลากหลาย แคมเปญ โปรโมชั่นจากค่ายรถยนต์ที่แข่งขันอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง กระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ตลอดจนการจัดการฉีดวัคซีน COVID-19 ของภาครัฐ ส่งผลให้ผู้บริโภคคลายความวิตกกังวล และจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ผนวกกับการทยอยส่งมอบรถที่ลูกค้าจองในงาน Motor Show 2021 (มอเตอร์โชว์ 2021) ที่ผ่านมา

Isuzu-D-Max-V-Cross-2021

ตลาดรถยนต์ในเดือนมิถุนายนมีแนวโน้มชะลอตัว สืบเนื่องจากความกังวลต่อการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยการแพร่ระบาดในระลอกนี้รุนแรงมากกว่าระลอกก่อน รวมถึงการตรวจพบผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อเศรษฐกิจให้ต้องชะลอ หรือเลื่อนกำหนดการออกไป ทั้งนี้ ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจโดยรวม แทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อรถยนต์ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ยังมีความหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะฟื้นตัวดีขึ้นจากความพยายามของภาครัฐในการแก้ไขปัญหา ควบคู่ไปกับการดำเนินการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับคนไทยครบ 50 ล้านคนภายในสิ้นปี ซึ่งจะก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อไป

Nissan Almera Sportech

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤษภาคม 2564

  1.   ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 55,948 คัน เพิ่มขึ้น 38.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 19,767 คัน เพิ่มขึ้น 45.2% ส่วนแบ่งตลาด 35.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 14,866 คัน เพิ่มขึ้น 46.8% ส่วนแบ่งตลาด 26.6%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 4,998 คัน เพิ่มขึ้น 19.6% ส่วนแบ่งตลาด 8.9%
  1. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 15,569 คัน เพิ่มขึ้น 32.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 4,824 คัน เพิ่มขึ้น 35.6% ส่วนแบ่งตลาด 31.0%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 4,380 คัน เพิ่มขึ้น 24.6% ส่วนแบ่งตลาด 28.1%
อันดับที่ 3 มาสด้า 1,527 คัน เพิ่มขึ้น 50.9% ส่วนแบ่งตลาด 9.8%
  1. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 40,379 คัน เพิ่มขึ้น 40.6%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 14,943 คัน เพิ่มขึ้น 46.8% ส่วนแบ่งตลาด 36.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 14,866 คัน เพิ่มขึ้น 48.6% ส่วนแบ่งตลาด 37.0%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,702 คัน เพิ่มขึ้น 94.9% ส่วนแบ่งตลาด 6.7%
  1. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 31,778 คัน เพิ่มขึ้น 37.3%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 13,403 คัน เพิ่มขึ้น 43.8% ส่วนแบ่งตลาด 42.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 12,519 คัน เพิ่มขึ้น 37.0% ส่วนแบ่งตลาด 39.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,702 คัน เพิ่มขึ้น 94.9% ส่วนแบ่งตลาด  8.5%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 4,039 คัน
โตโยต้า 2,023 คัน – อีซูซุ 1,143 คัน – มิตซูบิชิ 451 คัน – ฟอร์ด 390  คัน – นิสสัน 32 คัน

  1. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 27,739 คัน เพิ่มขึ้น 34.9%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 12,260 คัน เพิ่มขึ้น 36.9% ส่วนแบ่งตลาด 44.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 10,496 คัน เพิ่มขึ้น 34.0% ส่วนแบ่งตลาด 37.8%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,312 คัน เพิ่มขึ้น 108.5% ส่วนแบ่งตลาด 8.3%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564

  1.  ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 308,217 คัน เพิ่มขึ้น 13.9%
อันดับที่ 1 โตโยต้า
94,848 คัน เพิ่มขึ้น 17.3% ส่วนแบ่งตลาด 30.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 79,067 คัน เพิ่มขึ้น 33.1% ส่วนแบ่งตลาด 25.7%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
35,376 คัน ลดลง 0.4% ส่วนแบ่งตลาด 11.5%
  1. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 97,813 คัน ลดลง 1.1%
อันดับที่ 1 ฮอนด้า 30,164 คัน เพิ่มขึ้น 1.6% ส่วนแบ่งตลาด 30.8%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
24,289 คัน ลดลง 3.3% ส่วนแบ่งตลาด 24.8%
อันดับที่ 3 นิสสัน 9,739 คัน ลดลง 10.7% ส่วนแบ่งตลาด 10.0%
  1. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 210,404 คัน เพิ่มขึ้น 22.2%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 79,067 คัน เพิ่มขึ้น 33.1% ส่วนแบ่งตลาด 37.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
70,559 คัน เพิ่มขึ้น 26.6% ส่วนแบ่งตลาด 33.5%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 13,575 คัน เพิ่มขึ้น 38.6% ส่วนแบ่งตลาด 6.5%
  1. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 163,765 คัน เพิ่มขึ้น 19.7%
อันดับที่ 1 อีซูซุ
72,457 คัน เพิ่มขึ้น 31.3% ส่วนแบ่งตลาด 44.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
59,669 คัน เพิ่มขึ้น 22.0% ส่วนแบ่งตลาด 36.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 13,575 คัน เพิ่มขึ้น 38.6% ส่วนแบ่งตลาด 8.3%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 24,130 คัน
โตโยต้า 10,540 คัน – อีซูซุ 8,250 คัน – มิตซูบิชิ 3,079 คัน – ฟอร์ด 2,145 คัน – นิสสัน 116 คัน

  1. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 139,635 คัน เพิ่มขึ้น 13.7%
อันดับที่ 1 อีซูซุ
64,207 คัน เพิ่มขึ้น 21.7% ส่วนแบ่งตลาด 46.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
49,129 คัน เพิ่มขึ้น 12.9% ส่วนแบ่งตลาด 35.2%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 11,430 คัน เพิ่มขึ้น 42.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.2%

ส่วนถ้าใครตอนนี้อยากขายรถคันเดิม แล้วไปซื้อรถป้ายแดงมาใช้ มาขายรถกับ CARRO Express สิ! ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

แหล่งที่มาจาก:

สถิติการขายรถยนต์ ยอดขายรถ ตลาดรถยนต์ไทย ปี 2564

สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนเมษายน 2564 เติบโตทะลุ 90% ทุกตลาด มียอดขายรวมทั้งสิ้น 58,132 คัน เพิ่มขึ้น 93.1% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 16,988 คัน เพิ่มขึ้น 92.4% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 41,144 คัน เพิ่มขึ้น 93.1% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 32,605 คัน เพิ่มขึ้น 94.9%

ตลาดรถยนต์เดือนเมษายน 2564 เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มีปริมาณการขาย 58,132 คัน เพิ่มขึ้น 93.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งเติบโตเพิ่มขึ้น 92.4% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เติบโตเพิ่มขึ้น 93.1% โดยได้รับปัจจัยบวกจากข้อเสนอพิเศษ และกิจกรรมส่งเสริมการขายที่แข่งขันกันอย่างหนักในช่วง Motor Show 2021 (มอเตอร์โชว์ 2021) ที่ผ่านมา ส่งผลดีต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ โดยยอดจองในงานดังกล่าว รวมทั้งที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ทั่วประเทศ กำลังทยอยส่งมอบลูกค้า

Toyota-Corolla-Cross-2021

ส่วนตลาดรถยนต์ในเดือนพฤษภาคมกลับชะลอตัวลง จากการระบาดของไวรัส Covid-19 (โควิด-19) ในรอบที่ 3 รุนแรงกว่าที่คาดไว้ ส่งผลด้านลบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจโดยรวม และผู้บริโภคชะลอการซื้อรถยนต์ไว้ด้วยเช่นกัน

คาดว่าหลังจากการดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้เป็นจำนวนมาก ทำให้ยังพอมองเห็นทางออกในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ รวมทั้งกำลังซื้อของผู้บริโภค ที่มีโอกาสกลับมาได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

Nissan-Kicks-e-Power-2021

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนเมษายน 2564

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 58,132 คัน เพิ่มขึ้น 93.1%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 19,150 คัน เพิ่มขึ้น 72.8% ส่วนแบ่งตลาด 32.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 14,953 คัน เพิ่มขึ้น 117.8% ส่วนแบ่งตลาด 25.7%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 5,419 คัน เพิ่มขึ้น 104.6% ส่วนแบ่งตลาด 9.3%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 16,988 คัน เพิ่มขึ้น 92.4%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 4,956 คัน เพิ่มขึ้น 70.5% ส่วนแบ่งตลาด 29.2%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 4,437 คัน เพิ่มขึ้น 99.1% ส่วนแบ่งตลาด 26.1%
อันดับที่ 3 มาสด้า 2,296 คัน เพิ่มขึ้น 114.2% ส่วนแบ่งตลาด 13.5%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 41,144 คัน เพิ่มขึ้น 93.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 14,953 คัน เพิ่มขึ้น 117.8% ส่วนแบ่งตลาด 36.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 14,194 คัน เพิ่มขึ้น 73.6% ส่วนแบ่งตลาด 34.5%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,777 คัน เพิ่มขึ้น 130.5% ส่วนแบ่งตลาด 6.7%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 32,605 คัน เพิ่มขึ้น 94.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 13,655 คัน เพิ่มขึ้น 117.9% ส่วนแบ่งตลาด 41.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 12,432 คัน เพิ่มขึ้น 77.1% ส่วนแบ่งตลาด 38.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,777 คัน เพิ่มขึ้น 130.5% ส่วนแบ่งตลาด  8.5%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 5,147 คัน
โตโยต้า 2,015 คัน – อีซูซุ 1,930 คัน – มิตซูบิชิ 661 คัน – ฟอร์ด 506  คัน – นิสสัน 35 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 27,458 คัน เพิ่มขึ้น 81.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 11,725 คัน เพิ่มขึ้น 97.2% ส่วนแบ่งตลาด 42.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 10,417 คัน เพิ่มขึ้น 66.2% ส่วนแบ่งตลาด 37.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,271 คัน เพิ่มขึ้น 128.5% ส่วนแบ่งตลาด 8.3%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – เมษายน 2564

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 252,269 คัน เพิ่มขึ้น 9.6%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
75,081 คัน เพิ่มขึ้น 11.7% ส่วนแบ่งตลาด 29.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 64,201 คัน เพิ่มขึ้น 30.3% ส่วนแบ่งตลาด 25.4%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
30,378 คัน ลดลง 3.0% ส่วนแบ่งตลาด 12.0%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 82,244 คัน ลดลง 5.7%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 25,784 คัน ลดลง 1.5% ส่วนแบ่งตลาด 31.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
19,465 คัน ลดลง 9.7% ส่วนแบ่งตลาด 23.7%
อันดับที่ 3 นิสสัน 8,292 คัน ลดลง 15.1% ส่วนแบ่งตลาด 10.1%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 170,025 คัน เพิ่มขึ้น 18.6%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 64,201 คัน เพิ่มขึ้น 30.3% ส่วนแบ่งตลาด 37.8%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
55,616 คัน เพิ่มขึ้น 21.8% ส่วนแบ่งตลาด 32.7%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 10,873 คัน เพิ่มขึ้น 29.3% ส่วนแบ่งตลาด 6.4%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 131,987 คัน เพิ่มขึ้น 16.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
59,054 คัน เพิ่มขึ้น 28.7% ส่วนแบ่งตลาด 44.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
47,150 คัน เพิ่มขึ้น 18.6% ส่วนแบ่งตลาด 35.7%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 10,873 คัน เพิ่มขึ้น 29.3% ส่วนแบ่งตลาด 8.2%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 20,091 คัน
โตโยต้า 8,517 คัน – อีซูซุ 7,107 คัน – มิตซูบิชิ 2,628 คัน – ฟอร์ด 1,755 คัน – นิสสัน 84 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 111,896 คัน เพิ่มขึ้น 9.4%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
51,947 คัน เพิ่มขึ้น 18.6% ส่วนแบ่งตลาด 46.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
38,633 คัน เพิ่มขึ้น 8.3% ส่วนแบ่งตลาด 34.5%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 9,118 คัน เพิ่มขึ้น 32.2% ส่วนแบ่งตลาด 8.1%

ส่วนถ้าใครตอนนี้อยากขายรถคันเดิม แล้วไปซื้อรถป้ายแดงมาใช้ มาขายรถกับ CARRO Express สิ! ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

แหล่งที่มาจาก:

สถิติการขายรถยนต์ ยอดขายรถ ตลาดรถยนต์ไทย ปี 2564

สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนมีนาคม 2564 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 79,969 คัน เพิ่มขึ้น 25.6% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 30,183 คัน เพิ่มขึ้น 24.7% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 49,786 คัน เพิ่มขึ้น 26.1% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 38,106 คัน เพิ่มขึ้น 25.8%

ผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 (โควิด-19) ที่ยังคงส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจโดยรวม และตลาดรถยนต์ เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อ ยังเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม

Mercedes-Benz-C300e-2021

แต่ด้วยมารตรการต่างๆ จากภาครัฐในการช่วยเหลือประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown เพิ่มเติม และที่สำคัญตลาดรถยนต์ในเดือนนี้ ได้รับปัจจัยบวกจากข้อเสนอพิเศษ และกิจกรรมส่งเสริมการขายของค่ายรถยนต์ในงาน Motor Show 2021 ที่เพิ่งจบสิ้นลง มีส่วนกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมในเดือนมีนาคม ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และกลับมาเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบปี

ตลาดรถยนต์ในเดือนเมษายนเป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากการระบาดของไวรัส COVID 19 ระลอกใหม่ มีความรุนแรงกว่าระลอกที่ผ่านมา ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจโดยรวม รวมทั้งอารมณ์ในการซื้อของลูกค้าลดลง

Motorshow-2021-Sightseeing

แต่ปัจจัยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ยังคงดำเนินอยู่ เช่น โครงการ “เราชนะ” และ “ม33 เรารักกัน” ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนได้บ้าง โดยยังคงมีแรงส่งจากการนำเสนอแคมเปญ “เงื่อนไขเดียวกับมอเตอร์โชว์” ของค่ายรถยนต์ และการทยอยส่งมอบรถยนต์ที่จองในงานมอเตอร์โชว์ ที่ยังพยุงยอดขายรถยนต์ให้เดินหน้าต่อไปได้

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมีนาคม 2564

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 79,969 คัน เพิ่มขึ้น 25.6%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 22,276 คัน เพิ่มขึ้น 28.5% ส่วนแบ่งตลาด 27.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 17,523 คัน เพิ่มขึ้น 28.6% ส่วนแบ่งตลาด 21.9%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 10,295 คัน เพิ่มขึ้น 37.2% ส่วนแบ่งตลาด 12.9%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 30,183 คัน เพิ่มขึ้น 24.7%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 8,953 คัน เพิ่มขึ้น 47.5% ส่วนแบ่งตลาด 29.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 5,380 คัน ลดลง 0.5% ส่วนแบ่งตลาด 17.8%
อันดับที่ 3 มาสด้า 2,785 คัน เพิ่มขึ้น 28.9% ส่วนแบ่งตลาด 9.2%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 49,786 คัน เพิ่มขึ้น 26.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 17,523 คัน เพิ่มขึ้น 28.6% ส่วนแบ่งตลาด 35.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 16,896 คัน เพิ่มขึ้น 41.7% ส่วนแบ่งตลาด 33.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,199 คัน เพิ่มขึ้น 45.0% ส่วนแบ่งตลาด 6.4%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 38,160 คัน เพิ่มขึ้น 25.8%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 15,801 คัน เพิ่มขึ้น 25.1% ส่วนแบ่งตลาด 41.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 14,443 คัน เพิ่มขึ้น 39.6% ส่วนแบ่งตลาด 37.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,199 คัน เพิ่มขึ้น 45.0% ส่วนแบ่งตลาด  8.4%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 5,850 คัน
โตโยต้า 2,588 คัน – อีซูซุ 1,892 คัน – มิตซูบิชิ 914 คัน – ฟอร์ด 433  คัน – นิสสัน 23 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 32,256 คัน เพิ่มขึ้น 18.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 13,909 คัน เพิ่มขึ้น 16.0% ส่วนแบ่งตลาด 43.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 11,855 คัน เพิ่มขึ้น 26.3% ส่วนแบ่งตลาด 36.8%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,766 คัน เพิ่มขึ้น 54.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.6%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มีนาคม 2564

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 194,137 คัน ลดลง 3%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
55,931 คัน ลดลง 0.4% ส่วนแบ่งตลาด 28.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 49,248 คัน เพิ่มขึ้น 16.2% ส่วนแบ่งตลาด 25.4%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
24,959 คัน ลดลง 13.7% ส่วนแบ่งตลาด 12.9%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 65,256 คัน ลดลง 16.7%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 21,347 คัน ลดลง 10.9% ส่วนแบ่งตลาด 32.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
14,509 คัน ลดลง 22.2% ส่วนแบ่งตลาด 22.2%
อันดับที่ 3 มาสด้า 6,390 คัน ลดลง 16.8% ส่วนแบ่งตลาด 9.8%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 128,881 คัน เพิ่มขึ้น 5.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 49,248 คัน เพิ่มขึ้น 16.2% ส่วนแบ่งตลาด 38.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
41,422 คัน เพิ่มขึ้น 10.5% ส่วนแบ่งตลาด 32.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 8,096 คัน เพิ่มขึ้น 12.4% ส่วนแบ่งตลาด 6.3%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 99,382 คัน เพิ่มขึ้น 2.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
45,399 คัน เพิ่มขึ้น 14.6% ส่วนแบ่งตลาด 45.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
34,718 คัน เพิ่มขึ้น 6.1% ส่วนแบ่งตลาด 34.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 8,096 คัน เพิ่มขึ้น 12.4% ส่วนแบ่งตลาด 8.1%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 14,944 คัน
โตโยต้า 6,502 คัน – อีซูซุ 5,177 คัน – มิตซูบิชิ 1,967 คัน – ฟอร์ด 1,249 คัน – นิสสัน 49 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 84,438 คัน ลดลง 3.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
40,222 คัน เพิ่มขึ้น 6.2% ส่วนแบ่งตลาด 47.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
28,216 คัน ลดลง 4.1% ส่วนแบ่งตลาด 33.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 6,847 คัน เพิ่มขึ้น 16.0% ส่วนแบ่งตลาด 8.1%

ส่วนถ้าใครตอนนี้อยากขายรถคันเดิม แล้วไปซื้อรถป้ายแดงมาใช้ มาขายรถกับ CARRO Express สิ! ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

แหล่งที่มาจาก:

New-Car-Booking-Motorshow-2021

บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เผยยอดจองรถยนต์หลังการจัดงาน Motor Show 2021 ที่แม้ว่าผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงมีอยู่แต่ก็เริ่มบรรเทาลง ผู้คนมีกำลังใจในการจับจ่ายใช้สอย ซื้อรถใหม่ๆ มากขึ้น จึงสร้างยอดจองรถในงานได้ถึง 27,868 คัน คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 30,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 51.5% จากปี 2563 ที่ผ่านมา อีกทั้งค่ายรถส่วนใหญ่ ได้ทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด

ขณะที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นในมาตรฐานการป้องกันโควิด-19 ของผู้จัดงาน ทำให้ตัวเลขผู้เข้าชมงานสูงถึง 1.34 ล้านคน จากเดิม 1.049 ล้านคน เพิ่มขึ้น 28.6%

Motorshow-2021-Sightseeing

ในส่วนพฤติกรรมของผู้บริโภคเองปีนี้ ต่างให้การตอบรับกับรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวก่อนหน้างาน และเปิดจองภายในงานมอเตอร์โชว์เป็นครั้งแรก เห็นได้จากบรรยากาศการเจรจาที่หนาแน่นดังเช่นทุกปี โดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ที่มียอดจองเป็นสองเท่าของวันธรรมดา แต่ช่วงนี้หลายคนยังต้องต้องรัดเข็มขัด จึงหันมาซื้อหารถใหม่ที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่ามากขึ้น ขณะที่ตลาดรถหรูยังคงเติบโตตามเป้า ด้วยสาเหตุที่ค่ายรถเองชิงเปิดตัวสินค้าใหม่แทบทุกรุ่น เพื่อกระตุ้นยอดขาย

ด้านเทคโนโลยีต้องบอกว่า ปีนี้เป็นปีของยานยนต์ไฟฟ้า ผู้บริโภคต่างให้ความสนใจพร้อมเปิดรับความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเมื่อค่ายรถหันมาทำตลาดรถยนต์ Hybrid (ไฮบริด) หรือรถ Plug-In Hybrid (ปลั๊กอินไฮบริด) มากขั้น ส่วนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าต่อจากนี้ คงต้องจับตาเมื่อมีผู้เล่นหน้าใหม่หันมาชิงตลาดนี้ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น

ยอดจองรถยนต์ วันที่ 29 มี.ค. – 9 เม.ย. 2560 รวม 36,093 คัน

ยอดจองรถยนต์ วันที่ 28 มี.ค. – 8 เม.ย. 2561 รวม 36,587 คัน

ยอดจองรถยนต์ วันที่ 27 มี.ค. – 7 เม.ย. 2562 รวม 49,278 คัน

ยอดจองรถยนต์ วันที่ 15 ก.ค. – 26 ก.ค. 2563 รวม 22,791 คัน

ยอดจองรถยนต์ วันที่ 24 มี.ค. – 4 เม.ย. 2564 รวม 27,868 คัน

ถึงแม้ว่า ที่ผ่านมาเราต้องเจอผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ยอดจองลดลงจากช่วงปรกติ แต่ด้วยตัวเลขยอดจองในปีนี้ แสดงว่ามีการเติบโตขึ้นจากปีก่อนถึง 51.5% เชื่อว่ากำลังซื้อของคนไทย ที่อยากได้รถยนต์คันใหม่ไม่ได้หายไปไหน แค่รอเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน ในการออกแคมเปญ และโปรโมชั่นของค่ายรถ ด้วยเงื่อนไขที่หลากหลาย เลือกให้เหมาะสมกับความต้องการได้

ยอดจองรถยนต์ในงาน-Motor-Show-2021

ตารางยอดจองรถยนต์ในงาน Motor Show 2021

ยอดจองรถจักรยานยนต์ในงาน-Motor-Show-2021

ตารางยอดจองรถจักรยานยนต์ในงาน Motor Show 2021

ยอดจองรถยนต์ 10 อันดับของ Motor Show 2021 วันที่ 24 มี.ค. – 4 เม.ย. 2564

1. Toyota 4,406 คัน

Toyota-Corolla-Cross-2021

2. Mazda 3,454 คัน

Mazda-BT-50-2021

3. Honda 3,305 คัน

Honda-City-eHEV-2021

4. Isuzu 2,829 คัน

Isuzu-D-Max-V-Cross-2021

5. Suzuki 2,689 คัน

Suzuki-Swift-2021

6. Mercedes-Benz 1,863 คัน

Mercedes-Benz-E-200-Coupé-AMG-Dynamic-2021

7. MG 1,629 คัน

MG-ZS-2021

8. Mitsubishi 1,462 คัน

Mitsubishi-Pajero-Sport-2021

9. Ford 1,212 คัน

Ford-Ranger-FX4-Max-2021

10. Nissan 1,144 คัน

Nissan-Kicks-e-Power-2021

พบกันใหม่ในปีหน้ากับงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43″ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23 มีนาคม – เมษายน 256ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี 

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

ส่วนถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Eco-Car-In-Motorshow-2021

รถ Eco-Car (อีโคคาร์) ถือเป็นรถที่ยอดนิยมของชาวไทยมานานนับสิบปี ที่แม้ว่าจะเป็นรถเล็ก แต่ก็ให้พลังเครื่องยนต์เหลือเฟือ เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองเลยทีเดียว ด้วยคุณสมบัติที่ประหยัดน้ำมัน ขับง่าย หาที่จอดรถก็ง่าย และยังซ่อมง่าย ใช้งานได้อเนกประสงค์ อีกทั้งมีราคาเริ่มต้นที่ไม่แพง วัยรุ่น นักศึกษา หรือเด็กจบใหม่ ที่รายได้ยังไม่มากนัก ก็สามารถวางดาวน์ และผ่อนต่อเดือนได้สบายๆ

ในงาน Motor Show 2021 นี้ ผู้ผลิตรถ Eco-Car หลายเจ้าอย่าง โตโยต้า, นิสสัน, มิตซูบิชิ, มาสด้า, ซูซูกิ หรือ เอ็มจี ก็ยังนำเสนอรถในแบบ Eco-Car ที่มีการปรับโฉมเล็กๆ น้อยๆ กระตุ้นให้เกิดความสนใจอย่างต่อเนื่อง

โดยในงาน Motor Show 2021 จะมีรถ Eco-Car รุ่นใดที่น่าซื้อนั้น CARRO ขอนำเสนอข้อมูลให้ทุกท่านดูกันครับ …

Nissan-March-2021

Nissan March

Nissan March (นิสสัน มาร์ช) ถือได้ว่าเป็นรถ “Eco-Car” รุ่นแรกของไทย เปิดตัวผลิตขายอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2553 มาพร้อม Concept “ให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นอีก” มียอดสะสมรวมมากนับหลักแสนคัน และยังคงขายในบ้านเราเข้าสู่ปีที่ 11 โดยปรับราคาขึ้นไปบ้าง ณ ปัจจุบัน มีจุดเด่นที่ขนาดตัวรถเล็ก แต่ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย

ภายในเพิ่มความมีระดับ ด้วยสีภายในสีดำ แผงคอนโซลหน้าตกแต่ง Piano Black สีดำ และทันสมัยมากขึ้นด้วยแผงแสดงผลหน้าจอล้อมกรอบด้วยโครเมี่ยม สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ช่องเชื่อมต่อ USB ไฟในห้องเก็บสัมภาระ ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Anti-jam Protection) ด้านคนขับ และกุญแจอัจฉริยะ พร้อมระบบ Immobilizer

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 79 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ Xtronic CVT ประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร ขับขี่ก็ง่าย จอดรถก็คล่องตัว ราคาอะไหล่ไม่แพง คุ้มค่า

ราคาของ Nissan March

  • รุ่น 1.2 S MT ราคา 420,000 บาท
  • รุ่น 1.2 E MT ราคา 480,000 บาท
  • รุ่น 1.2 S CVT ราคา 495,000 บาท
  • รุ่น 1.2 EL CVT ราคา 510,000 บาท

Nissan-Almera-2021

Nissan Almera

Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) จัดเป็นรถ Eco-Car ขนาด 4 ประตู เครื่อง Turbo รุ่นแรกที่ออกมาในตลาด “Intelligent Urban Sedan” โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ใหม่โฉบเฉี่ยว และเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้า-ไฟท้าย ทรงบูมเมอแรง แนวเสาหลังคาหลังที่ถูกยกขึ้น (Kick-Up C-pillars) และ หลังคาแบบลอยตัว (Floating Roof) เป็นต้น

ภายในออกแบบใหม่หมด ใช้วัสดุคุณภาพสูง เน้นความประณีตในการประกอบ พร้อมพื้นที่ว่างเหนือศีรษะ พื้นที่วางขาที่กว้างขวาง คงไว้ซึ่งความเป็นผู้นำในด้านความกว้างขวางที่สุด ในรถยนต์ระดับเดียวกัน และหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ AIVI สะดวกสบายในการใข้งานทั้งระบบนำทาง ระบบความปลอดภัย ระบบรักษาความปลอดภัย และอื่นๆ ภายใต้การเชื่อมต่อที่ราบรื่นผ่านสมาร์ทโฟน

วางขุมพลังขนาด 1.0 ลิตร Turbo รหัส HRA0 ให้แรงม้าสูงสุด 100 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 152 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งความเร็วสูงจากแรงบิดแบบต่อเนื่อง (Flat Torque) มีประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม D-Step Logic แถมยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Nissan Intelligent Mobility

ราคาของ Nissan Almera

  • รุ่น S ราคา 499,000 บาท
  • รุ่น E ราคา 509,000 บาท
  • รุ่น EL ราคา 559,000 บาท
  • รุ่น V ราคา 599,000 บาท
  • รุ่น VL ราคา 639,000 บาท

Mitsubishi-Mirage-2021

Mitsubishi Mirage

Mitsubishi Mirage (มิตซูบิชิ มิราจ) อีกหนึ่งรถ Eco-Car จาก มิตซูบิชิ ตัวรถที่ขนาดเล็กน่ารัก ด้วยดีไซน์สปอร์ตรอบคัน ยิ่งในโฉมไมเนอร์เชนจ์ ที่ปรับโฉมใหญ่ทั้งภายนอกและภายใน มากับภาพลักษณ์ดูหรูหราขึ้นด้วยกระจังหน้า Advanced Dynamic Shield แบบรถรุ่นอื่นๆ ในค่าย และตกแต่งด้วยเส้นสีแดง ชุดกันชนหน้าใหม่ ไฟหน้าแบบ Bi-LED พร้อมไฟ Daytime Running Light สำหรับวิ่งกลางวัน และสปอยเลอร์หลังแบบใหม่ให้เพิ่มเติม

พร้อมกับตกแต่งภายในใหม่ เบาะหนัง มีจอแสดงข้อมูลการขับแบบ High Contrast และลายคาร์บอนแบบใหม่ พร้อมเพิ่มวัสดุแบบผิวนุ่มบริเวณแผงประตู สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนจอแสดงผลส่วนกลางด้วยระบบ Smartphone – Link Display Audio (SDA) หน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับการใช้งาน Apple CarPlay, ระบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน Siri และการเชื่อมต่อด้วยบลูทูธ มีระบบ Cruise Control กับอุปกรณ์ความปลอดภัยอีกเพียบ

มาคู่กับขุมพลังขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ทั้งหรูและประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กม./ลิตร เรียกได้ว่าน่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

ราคาของ Mitsubishi Mirage

  • รุ่น 1.2 GLX CVT ราคา 509,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Special Edition ราคา 523,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Smart ราคา 579,000 บาท

Mitsubishi-Attrage-2021

Mitsubishi Attrage

Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) อีกหนึ่งรถ Eco-Car 4 ประตู ที่ดีไซน์ได้สปอร์ตรอบคัน มากับภาพลักษณ์ที่ดูหรูหราขึ้นด้วยกระจังหน้า Advanced Dynamic Shield แบบรถรุ่นอื่นๆ ในค่าย และตกแต่งด้วยเส้นสีแดง ชุดกันชนหน้าใหม่ ไฟหน้าแบบ Bi-LED พร้อมไฟ Daytime Running Light สำหรับวิ่งกลางวัน

พร้อมกับตกแต่งภายในใหม่ เบาะหนัง มีจอแสดงข้อมูลการขับแบบ High Contrast และลายคาร์บอนแบบใหม่ พร้อมเพิ่มวัสดุแบบผิวนุ่มบริเวณแผงประตู สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนจอแสดงผลส่วนกลางด้วยระบบ Smartphone – Link Display Audio (SDA) หน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับการใช้งาน Apple CarPlay, ระบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน Siri และการเชื่อมต่อด้วยบลูทูธ มีระบบ Cruise Control กับอุปกรณ์ความปลอดภัยอีกเพียบ

มาคู่กับขุมพลังขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ทั้งหรูและประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กม./ลิตร เรียกได้ว่าน่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

ราคาของ Mitsubishi Attrage

  • รุ่น 1.2 GLX CVT ราคา 529,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Special Edition ราคา 543,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Smart ราคา 584,000 บาท

Suzuki-Celerio-2021

Suzuki Celerio

Suzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ) รถ Eco-Car น้องเล็กในตระกูล Suzuki สำหรับตลาดเมืองไทย พัฒนามาจาก Suzuki A: Wind Concept ต้นแบบรถยนต์ประหยัดพลังงานระดับโลก ซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกของโลก (World Premier) ในไทย ได้ชื่อว่าคุณภาพเกินตัว ตอกย้ำภาพลักษณ์ของซูซูกิ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถอีโคคาร์

มียอดจำหน่ายรวมนับตั้งแต่เปิดตัวอยู่ที่ 13,732 คัน (เดือนพฤษภาคม 2557 – พฤศจิกายน 2562) อัดแน่นด้วยคุณภาพ ชู 3 จุดเด่น เน้นห้องโดยสารกว้างขวาง หลังคาที่สูง สมรรถนะเกินตัว ความประหยัดเป็นเยี่ยม

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3 สูบ 1.0 ลิตร 68 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22 กม./ลิตร อีกทั้้งยังเป็นมาตรฐานใหม่ ของรถยนต์นั่งมาตรฐานโลก ส่งออกไปขายในเอเชียและยุโรปด้วย

ราคาของ Suzuki Celerio

  • รุ่น GA MT ราคา 328,000 บาท
  • รุ่น GL MT ราคา 408,000 บาท
  • รุ่น GLX CVT ราคา 437,000 บาท

Suzuki-Swift-2021

Suzuki Swift

Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์) ปรับโฉมใหม่ เพิ่มลุคสปอร์ตปราดเปรียว กระจังหน้าโครเมียมแบบใหม่ และล้อแม็กใหม่ขนาด 16 นิ้ว พร้อมไฟหน้า LED Projector และไฟท้าย LED

ภายในมีหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับทุกการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay, Android Auto และ Bluetooth พื้นที่เก็บสัมภาระขนาด 265 ลิตร ปรับพับเบาะหลังแบบ 60:40 พร้อมด้วย Keyless Entry เปิด-ปิดล็อกประตูได้โดยไม่ต้องกดกุญแจรีโมท สะดวก ทันสมัย กับ Keyless Push Start ปุ่มสตาร์ทในรถ

โดดเด่นด้วยแพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีเฉพาะของซูซูกิ ให้ความแข็งแรง ลดน้ำหนักทุกส่วนของรถยนต์ แต่คงความแข็งแกร่ง ทนทาน ขับขี่ได้คล่องตัว รวมถึงโครงสร้างตัวถังแบบ TECT พร้อมระบบ NVH ช่วยกันการสั่นสะเทือน และลดเสียงรบกวนจากภายนอก

แรงสุดขีด สปีดเร้าใจ ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน รหัส K12M 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที มาพร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ หรือ DUALJET เพิ่มประสิทธิภาพด้วยระบบหัวฉีดคู่ ฉีดน้ำมันเข้าไปที่กระบอกสูบพร้อมกันทั้ง 2 หัวฉีด ทำให้น้ำมันมีละอองที่ละเอียดขึ้น ได้กำลังและแรงบิดที่ดียิ่งขึ้น จึงช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากกว่า 23 กม./ลิตร รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20

ราคาของ Suzuki Swift

  • รุ่น GL CVT ราคา 557,000 บาท
  • รุ่น GLX CVT ราคา 629,000 บาท

Suzuki-Ciaz-2021

Suzuki Ciaz

Suzuki CIAZ (ซูซูกิ เซียส) เพิ่งปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อปีที่ผ่านมา ภายในแนวคิด “สัมผัสใหม่ สบายทุกมิติ” สุดยอดสปอร์ตอีโคซีดานที่หลายคนรอคอย

ด้านภายนอก ไม่ทิ้งลวดลายความเป็นสปอร์ต อีโอคาร์ กระจังหน้าใหม่สไตล์สปอร์ต ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED พร้อมไฟหรี่แบบ LED ชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคันพร้อมสปอยเลอร์หลังไดนามิก

ภายใน คอนโซลหน้าดีไซน์สปอร์ต พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และสั่งการโทรศัพท์บนพวงมาลัย มาตรวัดสไตล์สปอร์ต Suzuki Smart Connect จอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่นเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบนำทาง รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay กับเบาะหนังคุณภาพสูง ช่องวางเครื่องดื่มมากถึง 8 ตำแหน่ง พื้นที่เก็บสัมภาระกว้างถึง 565 ลิตร

ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินรหัส K12B ขนาด 1.25 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว VVT ให้แรงม้าสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที อัตราสิ้นเปลือง 20 กม./ลิตร รองรับเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ E20

ราคาของ Suzuki Ciaz

  • รุ่น GL MT ราคา 523,000 บาท
  • รุ่น GL CVT ราคา 559,000 บาท
  • รุ่น GLX CVT ราคา 625,000 บาท
  • รุ่น RS CVT ราคา 675,000 บาท

Toyota-Yaris-ATIV-Play-2021

Toyota Yaris / Toyota Yaris ATIV

Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) และ Toyota Yaris ATIV (โตโยต้า ยาริส เอทีฟ) อีโคคาร์แฮทช์แบ็ค Yaris และ อีโคคาร์ซีดานยอดนิยม ATIV เอาใจคนรุ่นใหม่ ที่มีรุ่นพิเศษเปิดตัวในงาน Motor Show 2021 ด้วยอย่างรุ่น PLAY (Limited Edition) จำนวนจำกัดเพียง 1,500 คันโดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกภายใน เพิ่มสีภายนอกใหม่ “Ice Pink Metallic” พร้อมกระจังหน้าด้านบนสีดำเงา ล้ออัลลอย “Dark Mulberry” ปัดเงาสีทูโทนขาว-ดำ ลายใหม่ ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยโทนสีใหม่ สวยเด่นสะกดสายตา

มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็น ระบบปรับอากาศพร้อมแผ่นกรองอากาศ PM 2.5 กระจกหน้า “Acoustic Glass” แบบช่วยดูดซับพลังงานความร้อน (High Solar Energy Absorption) สะดวกยิ่งกว่าด้วย “Trunk Organizer” ที่จัดเก็บสัมภาระท้ายรถ เป็นต้น

เพิ่มความมั่นใจเมื่อจอดรถ กับกล้องมองรอบคัน “Panoramic View Monitor” มุมมอง 360 องศา ผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน แสดงภาพแบบเรียลไทม์ พร้อมเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อผู้ขับและรถ ด้วยแอปพลิเคชัน “PLAY CONNECT Car Telematics” และฟังก์ชั่นความปลอดภัยครบครัน

สมรรถนะเหนือชั้น ด้วยเครื่องยนต์รหัส 3NR-FKE ขนาด 1.2 ลิตร Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 109 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที กับระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock ที่ปรับจูนเกียร์ให้ตอบสนองต่อการขับขี่ที่ดีมากขึ้น

ราคาของ Toyota Yaris

  • รุ่น 1.2 Entry ราคา 549,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Sport ราคา 609,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Sport Premium ราคา 679,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Sport Premium with Black Roof ราคา 684,000 บาท
  • รุ่น Play Limited Edition Sport ราคา 634,000 บาท
  • รุ่น Play Limited Edition Sport Premium with Black Roof ราคา ราคา 709,000 บาท

ราคาของ Toyota Yaris ATIV

  • รุ่น 1.2 Entry ราคา 539,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Sport ราคา 599,000 บาท
  • รุ่น 1.2 Sport Premium ราคา 674,000 บาท
  • รุ่น Play Limited Edition Sport ราคา 624,000 บาท
  • รุ่น Play Limited Edition Sport Premium ราคา ราคา 699,000 บาท

Mazda2-Sports-2021

Mazda2

Mazda2 (มาสด้า2) 2021 Collection ยกระดับความคุ้มค่ากับออพชั่นที่เกินราคา อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ขับสนุก และปลอดภัยยิ่งขึ้น ดีไซน์เรียบหรูสง่างามดุจงานศิลปะชิ้นเอก ตามแนวคิด Kodo Design (โคโดะ ดีไซน์) ที่เรียบง่าย แต่งดงามตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว

ภายในห้องโดยสาร ออกแบบจัดวางอย่างเหมาะสม กับการใช้งานของมนุษย์เป็นหลัก ตาม Concept – HMI (Human Machine Interface) ได้แก่ หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ Active Driving Display และ Center Commander จัดวางอยู่ในตำแหน่งที่ลงตัว, Mazda Connect ที่รองรับทั้ง Apple CarPlay® และ Android Auto™ เชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รวมถึงระบบ Infotainment ที่มีให้เลือกมากมาย

จัดเต็มกับระบบความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense และยังมาพร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sport Paddle Shift) และกล้องมองหลัง รวมถึงระบบช่วยประหยัดน้ำมัน i-STOP และประหยัดพลังงาน i-ELOOP เพิ่มการขับขี่ไร้กังวลที่ทั้งประหยัดและปลอดภัย

ในงบไม่เกิน 6 แสนบาท เลือกได้เฉพาะรุ่นเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1.3 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 93 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร

ราคาของ Mazda2 / Mazda2 Sports

  • รุ่น 1.3 E / E Sports ราคา 546,000 บาท (MY2019)
  • รุ่น 1.3 C / C Sports ราคา 596,000 บาท
  • รุ่น 1.3 S / S Sports ราคา 627,000 บาท
  • รุ่น 1.3 S Leather / S Leather Sports  ราคา 648,000 บาท
  • รุ่น 1.3 SP / SP Sports ราคา 690,000 บาท
  • รุ่น XD Sports ราคา 782,000 บาท
  • รุ่น XDL Sports ราคา 799,000 บาท
  • รุ่น Mazda 100th Anniversary Edition ราคา 677,000 บาท

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

ส่วนถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

Sedan-Hybrid-And-Plug-In-Hybrid-In-Motorshow-2021

ถ้าจะให้พูดถึงรถยนต์ในรูปแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid นั้น นอกจากรถในรูปแบบ SUV และ Crossover ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จนเป็นเทรนด์ของโลกไปแล้ว แต่ในส่วนของตลาดรถเก๋ง ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันในท้องตลาด และก็ยังเป็นรถประเภทแรก ที่ค่ายรถส่วนใหญ่เลือกผลิตในรูปแบบ Hybrid (ไฮบริด) และ Plug-In Hybrid (ปลั๊กอินไฮบริด) อีกด้วย

เนื่องจากความสะดวกของรถแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid คือการใช้งานที่สะดวกสบาย ไม่ต้องหาที่ชาร์จไฟเมื่อแบตเตอรี่หมด และช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มาก อีกทั้งยังสามารถใช้งานในโหมด EV วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียวๆ ได้เช่นกัน

CARRO จึงขอเลือกรถเก๋ง รถยนต์นั่งแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid รุ่นเด่นๆ ในงาน Motor Show 2021 (งานมอเตอร์โชว์ 2021) ที่น่าซื้อน่าสนในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มาให้ชม 7 รุ่นครับ …

Toyota-Corolla-Altis-Hybrid-2021

Toyota Corolla Altis Hybrid

Toyota Corolla Altis (โคโรลล่า อัลติส) กับครั้งแรกในรูปแบบของรถยนต์เก๋ง Hybrid ในตลาด C-Segment บนสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ให้ความสนุกสนานในการขับขี่อย่างเต็มที่ (Fun-to-drive) สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งในงานครั้งนี้ ยังนำ Corolla Altis Hybrid Premium (ชื่อเดิมคือ Hybrid Mid) ที่เพิ่งเปิดตัวปรับปรุงใหม่ไปในเดือนมกราคม 2564 มาโชว์อีกด้วย

ตัวรถมาพร้อมระบบ Full Hybrid System ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ยังคงไว้ซึ่งความสนุกในการขับขี่ และตอบสนองต่อการเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ อัดออพชั่นแจ๋วๆ อย่าง ระบบปรับระดับกระจกข้างอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง (Outer Mirror Reverse Function) และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) มาให้ด้วย

พร้อมระบบ Toyota Safety Sense ใหม่ล่าสุด ที่มีระบบการทำงานเพิ่มเติม คือ Dynamic Radar Cruise Control แบบ Full-Speed Range ซึ่งสามารถปรับลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งตามรถยนต์คันหน้า และระบบ Lane Tracing Assist ที่ช่วยประคองรถยนต์ให้วิ่งอยู่ในเลนได้เอง แม้ในขณะเข้าโค้ง

ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 กับขุมพลังเครื่องยนต์รหัส 2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 53 กิโลวัตต์ รวมกำลังสูงสุดที่ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ E-CVT เพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น

ราคาของ Toyota Corolla Alris Hybrid

  • รุ่น Hybrid Smart (เดิม Hybrid Entry) เกียร์อัตโนมัติ ราคา 939,000 บาท
  • รุ่น Hybrid Premium (เดิม Hybrid Mid) เกียร์อัตโนมัติ ราคา 994,000 บาท
  • รุ่น Hybrid Premium Safety (เดิม Hybrid High) เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,099,000 บาท

Toyota-Camry-Hybrid-2021

Toyota Camry Hybrid

Toyota Camry Hybrid (โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด) มาในภาพลักษณ์ดีไซน์สปอร์ต หรูหรา ผ่านการออกแบบอย่างพิถิพิถัน พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมเหนือใคร พัฒนาภายใต้แนวคิด “Unprecedented Change” จากสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA ที่ช่วยผสานยนตรกรรมกับผู้ขับขี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

ห้องโดยสารภายใน ฉีกแนวการออกแบบเดิมๆ ทิ้งไป เล่นเส้นสายรูปตัว “Y” พร้อมลาย Hybrid Onyx บริเวณแผงคอนโซลกลาง ดุจสายน้ำไหล แต่ยังคงหรูหราเหมือนเดิม มาตรวัดเรืองแสง Optitron พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ มีเครื่องเล่น DVD แบบหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ลำโพง JBL 9 ตำแหน่ง

และยังมีระบบหน่วงแรงเบรกอัตโนมัติ และระบบเบรกมือไฟฟ้า ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สายแบบ Qi เป็นต้น

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร Hybrid แบบ Dynamic Force ให้แรงม้าสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT รองรับแก๊สโซฮอล์ E20 ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Lithium-ion ให้กำลังสูงสุด 88 แรงม้า และแรงบิด 202 นิวตันเมตร โดยทั้งสองระบบ ให้แรงม้าสูงสุด 211 แรงม้า

ราคาของ Toyota Camry Hybrid

  • รุ่น 2.5 HV ราคา 1,649,000 บาท
  • รุ่น 2.5 HV Premium ราคา 1,809,000 บาท

Honda-City-eHEV-2021

Honda City e:HEV

Honda City e:HEV (ฮอนด้า ซิตี้ อีเอชอีวี) ยนตรกรรม Full Hybrid รุ่นแรกของเซกเมนต์ City Car ในประเทศไทย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive i-MMD ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 98 แรงม้า

ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน เป็นระบบ Full Hybrid 109 แรงม้า ที่ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบ/นาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กม./ลิตร และรองรับน้ำมัน E20

พร้อมเพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่กับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ “Honda SENSING” (ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง) ดีไซน์สปอร์ตโดดเด่น ด้วยชุดแต่งสไตล์ RS เสริมเอกลักษณ์เฉพาะของความเป็นไฮบริดด้วยโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า (H Mark) และโลโก้ e:HEV

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายในทุกมิติ ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม เช่น มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อม Google Maps พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) เป็นต้น

ราคาของ Honda City e:HEV

  • รุ่น RS ราคา 839,000 บาท

Honda-Accord-Hybrid-2021

Honda Accord Hybrid

Honda Accord Hybrid (ฮอนด้า แอคคอร์ด) นับเป็น Accord เจเนอเรชั่นที่ 10 จัดว่าเป็นรุ่นที่ปฏิวัติดีไซน์จากทุกรุ่นที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ออกแบบภายใต้แนวคิดหลัก “Absolute Confidence” เพื่อสร้างมาตรฐานยนตรกรรมพรีเมียมซีดานให้เหนือระดับไปอีกขั้น โดยมีหลัก 3 ประการในการพัฒนา ได้แก่ Dynamics, Captivating และ Upscale แถมยังป็นครั้งแรกกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ที่เรียกว่า Laser Blaze ในการออกแบบตัวถัง เพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคารถและตัวถัง

สะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นระดับพรีเมียม อาทิ ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-Up Display : HUD) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเปิดแอร์ได้จากกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) เป็นต้น

มาพร้อมครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) กับมอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลัง 2 ตัว และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า

พร้อมเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) ปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างอัจฉริยะ เพื่อตอบสนองทุกการขับขี่ ได้แก่ EV Drive Mode, Hybrid Drive Mode และ Engine Drive Mode

ราคาของ Honda Accord Hybrid

  • รุ่น Hybrid ราคา 1,639,000 บาท
  • รุ่น Hybrid Tech ราคา 1,799,000 บาท

Lexus-IS300h-2021

Lexus IS300h

Lexus IS (เลกซัส ไอเอส) รถสปอร์ตซีดานหรู ที่นำเสนอการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของเลกซัส หรือ Lexus Driving Signature ด้วยสมรรถนะที่ทรงพลัง เกาะถนนเป็นเยี่ยม ภายใต้การพัฒนาด้วยการใช้ถนนออกแบบรถ และทดสอบในสนามแข่ง Shimoyama ประเทศญี่ปุ่น ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากสนาม Nurburgring ประเทศเยอรมนี

ดีไซน์ภายนอกออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยเส้นสายที่เฉียบคม โฉบเฉี่ยว ดุดัน กว้างขวางและยาวขึ้น ติดตั้งไฟหน้า 3-LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยว พร้อมล้อขนาด 18 นิ้ว และ 19 นิ้ว ช่วยการเกาะถนนเป็นเยี่ยม

ภายในห้องโดยสาร ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนัง Smooth Leather พร้อมปรับไฟฟ้าคู่หน้า 8 ทิศทาง, ระบบปรับอากาศเบาะนั่งคู่หน้า, มาตรวัดแสดงผลรวม TFT ขนาด 8 นิ้ว มีหน้าจออินโฟเทนเมนท์ EMV ขนาด 10.3 นิ้ว (รุ่น Luxury ขนาด 8 นิ้ว) พร้อมปุ่มควบคุมกลางระบบสัมผัส Frameless Touch Pad พร้อมระบบเสียง Lexus Premium 10 ลำโพง

ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid ขนาด 2.5 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 223 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8.5 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 200 กม./ชม. รองรับเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ E20

ราคาของ Lexus IS300h

  • รุ่น Luxury ราคา 2,690,000 บาท
  • รุ่น Premium ราคา 3,370,000 บาท

BMW-330e-M-Performance-2021

BMW Series-3

BMW 330e M Sport (บีเอ็มดับเบิลยู 330อี เอ็ม สปอร์ต) มาพร้อมความโฉบเฉี่ยวกับชุดแต่ง M Sport รอบคัน และยังมีเทคโนโลยีเจ๋งๆ อีกมากมาย อาทิ ระบบ Parking Assistant Plus ที่มาพร้อมกับระบบช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ตัวรถสามารถจดจำทิศทางที่ขับตรงไปข้างหน้าในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ด้วยความเร็วไม่เกิน 36 กม./ชม.ได้ และสามารถถอยออกในทิศทางเดิมโดยอัตโนมัติ ระบบ Parking Assistant Plus กับกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Camera ที่มีมุมมองด้านบน มุมมองรอบทิศทาง และมุมมอง 3D และระบบ BMW ConnectedDrive ที่คนขับสามารถดูภาพของรถที่จอดผ่านมือถือได้อีก

ส่วนในรุ่นพิเศษ M Performance Edition ปลั๊กอินไฮบริดในรุ่นพิเศษ ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 15 คัน ลงตัวกับชุดแต่ง M Performance ด้านหน้าตัวรถกระจังหน้ Iconic Glow ที่เปล่งแสงสว่างตั้งแต่ปลดล็อกรถไปจนถึงสตาร์ทเครื่องยนต์ และตั้งแต่ดับเครื่องไปจนล็อกรถ รวมถึงไฟ LED โปรเจคเตอร์ฉายโลโก้ BMW ติดบริเวณประตูรถ เสริมความสปอร์ตด้วยชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ ได้แก่ ฝาครอบกระจกข้าง สปอยเลอร์หลัง และดิฟฟิวเซอร์หลัง ร่วมกับลิ้นกันชนหน้าซ้ายและขวา เน้นย้ำถึงหรูหราควบคู่ไปกับการขับขี่สไตล์สปอร์ต

มากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมกับเทคโนโลยี TwinPower Turbo และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้แรงม้าสูงสุด 292 แรงม้า และสามารถวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าอย่างเดียว ทำระยะทางได้สูงสุดอยู่ที่ 55-68 กิโลเมตร

และสามารถเพิ่มกำลังให้ตัวรถเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นในโหมด SPORT เพียงเหยียบคันเร่งเพื่อกระตุ้นการทำงานของ XtraBoost ซึ่งสามารถปลดปล่อยพละกำลังเพิ่มขึ้นอีก 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาที ทำให้ BMW 330e M Sport ใหม่ มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 5.9 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 230 กม./ชม.

ส่วนในรุ่นพิเศษ M Performance Edition สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 110 กม./ชม. ซึ่งมากกว่ารุ่นปกติ 30 กม./ชม.

ราคาของ BMW Series-3

  • รุ่น 330e M Sport ราคา 2,769,000 บาท
  • รุ่น 330e M Sport (M Performance Edition) ราคา 2,969,000 บาท

Mercedes-Benz-C300e-2021

Mercedes-Benz C-Class

Mercedes-Benz C-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส) กับความเป็นรถในตระกูล EQ Power รุ่นประกอบในประเทศไทย ซึ่ง C 300 e Avantgarde และ C 300 e AMG Dynamic แม้ว่าจะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2562 ส่วนรุ่นย่อย AMG Sport ก็เปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2563 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงยอดนิยมในหมู่แฟนๆ ค่ายดาวสามแฉกเช่นเคย

สำหรับ Mercedes-Benz C 300 e ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน Plug-In Hybrid ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ แรงม้าสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,200-1,400 รอบ/นาที และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 122 แรงม้า โดยมีกำลังรวมสูงสุด 320 แรงม้า ที่ 4,500-5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC

สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.4 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 250 กม./ชม.

ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 13.5 kWh เพิ่มจากเดิม 111% พร้อมเซลล์แบตเตอรี่ชนิดใหม่ ซึ่งมีส่วนผสมของลิเธียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (Li NMC) สามารถชาร์จประจุไฟจนเต็มได้ในเวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที (จากระดับแบตเตอรี่ 10% ด้วยเครื่องประจุไฟฟ้า Wall Box)

ราคาของ Mercedes-Benz C-Class

  • รุ่น C 300 e Avantgarde ราคา 2,599,000 บาท
  • รุ่น C 300 e AMG Sport ราคา 2,739,000 บาท
  • รุ่น C 300 e AMG Dynamic ราคา 2,990,000 บาท

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

ส่วนถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

SUV-Hybrid-And-Plug-In-Hybrid-In-Motorshow-2021

ถ้าจะให้พูดถึงรถยนต์ในรูปแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid นั้น ตอนนี้ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมาก และเป็นเทรนด์ของโลกกันไปซะแล้ว แม้ว่ากระแสอาจจะมีสูสีกับรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ก็ตาม แต่เนื่องจากความสะดวกของรถแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid คือการใช้งานที่สะดวกสบาย ไม่ต้องหาที่ชาร์จไฟเมื่อแบตเตอรี่หมด และช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มาก อีกทั้งยังสามารถใช้งานในโหมด EV วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียวๆ ได้เช่นกัน

ซึ่งตลาดรถแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid ก็มีให้เลือกหลากหลายประเภท อาทิ รถเก๋ง, รถ SUV, หรือรถ MPV เป็นต้น แต่ในหัวข้อนี้ เราจะขอนำเสนอถึงรถแบบ SUV และ Crossover ที่มาในรูปแบบ Hybrid และ Plug-In Hybrid กันครับ

CARRO ขอคัดสรรรถ Hybrid และ Plug-In Hybrid รุ่นเด่นๆ ในงาน Motor Show 2021 (งานมอเตอร์โชว์ 2021) ที่น่าซื้อน่าสนในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มาให้ชม 7 รุ่นครับ …

Toyota-Corolla-Cross-2021

Toyota Corolla Cross Hybrid

Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) นับได้ว่าเป็นรถ SUV Crossover ที่พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “ความกะทัดรัดที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย” (Compact yet Comfortable) และ “ความล้ำสมัยที่สะท้อนตัวตนของความภูมิฐานสำหรับชีวิตในเมือง” (Dignity Urban Vogue)

ตัวรถภายนอกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว หรูหราแข็งแกร่ง มาพร้อมหลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า ราวหลังคา ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

ส่วนห้องโดยสารภายในใช้โทนสีแดงใหม่ Terra Rossa มีจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) ขนาด 7 นิ้ว เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone พนักพิงด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา พนักวางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ ช่องระบายอากาศและช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิดประตูท้ายแบบ Kick Activated และระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense)

นอกจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินธรรมดาแล้ว ยังมีในส่วนของเครื่องยนต์ Hybrid ที่มาพร้อมชุดระบบไฮบริดเจเนอเรชั่น 4 พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 98 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร 53 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แพคชนิด Ni-MH (นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์) แบบใหม่ ให้กำลังรวมทั้งระบบ 122 แรงม้า

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock และเลือกโหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง EV, Sport และ Eco อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร

ราคาของ Toyota Corolla Cross Hybrid

  • รุ่น Hybrid Smart ราคา 1,019,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid Premium ราคา 1,089,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid Premium Safety ราคา 1,199,000 บาท**

*สำหรับสีพิเศษ Platinum White Pearl เพิ่ม 10,000 บาท
**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม

Toyota-C-HR-2021

Toyota C-HR Hybrid

Toyota C-HR (โตโยต้า ซีเอชอาร์) ถือเป็นรถยนต์ SUV อีกรุ่นที่ยอดนิยมในบ้านเรา แม้ว่าจะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2561 จนทำยอดขายได้มากกว่า 3 หมื่นคันแล้ว พร้อมทำตลาดด้วย Slogan ใหม่ “This is New Belief… มากกว่าทุกอย่างที่เคยเชื่อ”

ตัวรถภายนอกด้วยดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากรูปทรงของเพชร ทำให้รูปลักษณ์ของ C-HR มีความเป็นเอกลักษณ์ สปอร์ต เฉียบคม และดูโดดเด่น พร้อมเพิ่มทางเลือกด้วยสีขาวมุก หลังคาดำ ในขณะที่ห้องโดยสารทุกเกรดรุ่นย่อย จะมีการใช้หนังเป็นวัสดุหุ้มเบาะมาตรฐานทุกรุ่น

สำหรับขุมพลัง Hybrid ของ C-HR ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 600 โวลต์ ให้กำลัง 53 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock

ราคาของ Toyota C-HR Hybrid

  • รุ่น HV Mid ราคา 1,069,000 บาท
  • รุ่น HV Hi ราคา 1,159,000 บาท

Nissan-Kicks-e-Power-2021

Nissan Kicks

Nissan Kicks e-POWER (นิสสัน คิกส์) รถ Crossover ไฮบริด ที่มีจุดเด่นอย่างการใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไปปั่นกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน และจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าให้ขับเคลื่อนรถยนต์อีกที ซึ่งเป็นหลักการที่คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV : Battery Electric Vehicle) แต่ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เหมาะกับการขับรถทางไกล

ในงาน Motor Show 2021 นี้ เสริมความสดใหม่ด้วยสีภายนอก 2 สี ได้แก่ สีเหลือง ซันไลท์ (Sunlight Yellow) (จ่ายเพิ่ม 10,000 บาท) และสีน้ำเงิน ไนท์บลู (Night Blue) พร้อมเสริมความหรูหราของห้องโดยสารภายในด้วยชุดแต่ง สไตลิช (Stylish package) ด้วยไฟแอมเบียนท์ที่ข้างแผงประตูและพื้นห้องโดยสารตอนหน้า พร้อมไฟ ‘Welcome’ เมื่อเปิดประตูหน้า และอุปกรณ์ตกแต่งวัสดุสีเงินบริเวณแผงอุปกรณ์ต่าง ๆ เสริมความพรีเมียมในห้องโดยสาร

พร้อมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับหน้าจอเครื่องเสียง ผ่าน Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigation System ผ่าน Google Map กับระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition ที่ใช้งานง่าย แถมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมากถึง 432 ลิตร และยังมีความลึกของห้องเก็บสัมภาระที่มากถึง 900 มม. โดยที่ยังไม่พับเบาะหลัง

โดยมีให้เลือกในรุ่นย่อย V และ VL โดยยังคงราคาจำหน่ายในราคาเดิม พร้อมเสริมความอุ่นใจของลูกค้าขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการขยายเงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเป็น 10 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง

และขุมพลังหลักคือเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร ขนาด 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 79 แรงม้า ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)

จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor รหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (95 กิโลวัตต์) หากรวมพลังทั้งหมด ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะให้แรงม้าสูงถึง 129 แรงม้า

ราคาของ Nissan Kicks e-POWER

  • รุ่น S ราคา 889,000 บาท
  • รุ่น E ราคา 949,000 บาท
  • รุ่น V ราคา 999,000 บาท
  • รุ่น VL ราคา 1,049,000 บาท
  • รุ่น VL (ภายในสีทูโทน) ราคา 1,059,000 บาท

Mitsubishi-Outlander-PHEV-2021

Mitsubishi Outlander PHEV

Mitsubishi Outlander PHEV (มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี) เปิดตัวครั้งแรกในไทย เป็นรถ SUV ระดับพรีเมียมที่ประกอบในประเทศ ผสาน DNA และเทคโนโลยีรถยนต์ระดับตำนานของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เข้าไว้ด้วยกัน เริ่มด้วย “Pajero” สุดยอดตำนานแห่งรถเอสยูวี “Mitsubishi Lancer Evolution” เจ้าแห่งสนาม “เวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพ” (WRC) ที่มีเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ที่เป็นหนึ่งในตำนานแห่งสมรรถนะ รวมทั้งยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายจริงรุ่นแรกของโลกอย่าง “i-MiEV” (ไอ-มีฟ)

ดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่น โฉบเฉี่ยว และหรูหราเหนือระดับ ดีไซน์ภายในประณีตทุกรายละเอียด ห้องโดยสารกว้างขวาง ทรงพลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 305 แรงม้า

ส่งกำลังผ่านโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมดอีวี (ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ) โหมด ไฮบริด (ขับเคลื่อนหลักด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าคู่) และโหมดพาราเรล ไฮบริด (เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถไปพร้อมกัน)

พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 52.6 กม./ลิตร หรือ 1.9 ลิตรต่อ 100 กม. ตามมาตรฐาน NEDC

ราคาของ Mitsubishi Outlander PHEV

  • รุ่น GT ราคา 1,640,000 บาท
  • รุ่น GT-Premium 2WD ราคา 1,759,000 บาท

MG-HS-PHEV-2021

MG HS PHEV

All-New MG HS PHEV (เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี) รถยนต์ SUV รุ่นล่าสุดจากค่าย MG ที่ยังมีคนถามถึงมากในงาน Motor Show 2021 ชูแนวคิด “Refinement” พร้อมขับเคลื่อนทุกคุณค่าของชีวิต โดยสะท้อนถึงความเหนือระดับ ทั้งความหรูหรา ความสะดวกสบายความปลอดภัย และการแนะนำเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ผสานพลังสุดยอดแห่งระบบขับเคลื่อน 2 ระบบ เข้าด้วยกัน ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า

ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid มีพละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จากขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซิน Turbo ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบ 6 โมดูล มีขนาดใหญ่ถึง 16.6 kWh

ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์แบบ EDU II – 10 Speeds ที่ใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์เพียง 0.2 วินาที ตอบสนองได้อย่างทันใจ ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.5 วินาที สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% สูงสุดถึง 67 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

ราคาของ MG HS PHEV

  • รุ่น PHEV ราคา 1,359,000 บาท

Volvo-XC40-Recharge-2021

Volvo XC40 Recharge

Volvo XC40 Recharge (วอลโว่ เอ็กซ์ซี 40 รีชาร์จ) ถือว่าเป็นรถขุมพลัง Plug-In Hybrid ที่วอลโว่ จะทำตลาดในบ้านเราทุกรุ่น และเสริมทางเลือกให้กับกลุ่มตลาดรถ Crossover SUV ขนาดเล็ก ในราคาที่ถือว่าเป็นมิตรที่สุด เมื่อเทียบกับบรรดารถยุโรปด้วยกัน

ใช้ขุมพลังแบบเครื่องยนต์เบนซิน Turbo ขนาด 1.5 ลิตร 180 แรงม้า ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 82 แรงม้า รวมกำลังสูงสุดทั้งระบบที่ 262 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 10.7 kWh

ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.3 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 180 กม./ชม. และวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางมากถึง 44 กิโลเมตร ในราคารุ่นเริ่มต้นเลย 2 ล้านมานิดๆ

ราคาของ Volvo XC40 Recharge

  • รุ่น XC40 Recharge T5 R-Design Expression ราคา 2,090,000 บาท
  • รุ่น XC40 Recharge T5 R-Design ราคา 2,390,000 บาท
  • รุ่น XC40 Recharge T5 Inscription ราคา 2,390,000 บาท

Volvo-XC60-Recharge-2021

Volvo XC60 Recharge

Volvo XC60 Recharge (วอลโว่ เอ็กซ์ซี 60 รีชาร์จ) สุดยอดนวัตกรรมเอสยูวีระบบไฟฟ้าแนวสปอร์ต สไตล์สแกนดิเนเวียนที่วอลโว่ภาคภูมิใจ ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ T8 Twin Engine ระบบ Plug-in Hybrid จากโรงงาน มอบรูปลักษณ์ที่หรูหราแนวสปอร์ตเอสยูวี

ใช้ขุมพลังแบบเครื่องยนต์เบนซินตระกูล Drive-E ขนาด 2.0 ลิตร เทคโนโลยี T8 Twin Engine อัดอากาศด้วย Supercharged และ Turbo พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า, แบตเตอรี่ 10.4 kWh กำลังรวมทั้งระบบ 407 แรงม้า

ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 47.6 กม./ลิตร และวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางมากถึง 45 กิโลเมตร

ราคาของ Volvo XC60 Recharge

  • รุ่น XC60 Recharge T8 AWD R-Design Expression ราคา 2,990,000 บาท

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

ส่วนถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

The-10-Best-In-Motorshow-2021

งาน “มอเตอร์โชว์ 2021” หรือ “Motor Show 2021” ในยุค New Normal ที่มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รุ่นใหม่ๆ มาโชว์แล้ว รวมไปถึงอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง โปรโมชั่น แคมเปญผ่อนดาวน์ และพริตตี้สาวสวยในยุคเฟซชิลด์ หลายคนอาจเริ่มคุ้มตากันบ้างแล้ว นับจากการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปีที่ผ่านมา …

แต่ในงาน Motor Show 2021 การขับเคลื่อนในเชิงธุรกิจ ก็ยังต้องดำเนินต่อไป ด้านผู้ร่วมงานนอกจากจะต้องทำการขายให้ได้มากที่สุดแล้ว บางรายอาจสร้างสีสันให้กับบูธตัวเอง เพื่อเรียกลูกค้า หรือสร้างความจดจำให้คนเดินผ่านไปผ่านมาจำได้ ด้วยการนำจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่มี มาร่วมโชว์ในงานนี้ด้วย

ซึ่งจุดเด่นบางอย่าง เราถือได้ว่ามีความเป็น “ที่สุด” ที่มีมาโชว์หรือขายภายในงานครั้งนี้ CARRO จึงรวบรวม “10 ที่สุด” ที่เกี่ยวกับยานยนต์ในงาน “Motor Show 2021” มาให้ทุกท่านได้ว้าวกัน ว่ามีด้วยหรือเนี่ย!

Suzuki-Celerio-2021

ถูกที่สุด

รถที่ “ถูก” ที่สุดในงาน Motor Show 2021 ครั้งนี้ต้องยกให้ Suzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ) รถ Eco-Car ขนาดเล็กของซูซูกิขายกันมาหลายปี มาในราคาเพียง 328,000 บาท ที่ขายกันมายาวนานหลายปี

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 68 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 90 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT

Rolls-Royce-Ghost-Extended-2021

แพงที่สุด

รถที่ “แพง” ที่สุดในงาน Motor Show 2021 ยังคงเป็นแบรนด์เดิมเหมือนปีก่อนๆ ครับ! นั่นคือ Rolls-Royce Ghost Extended (โรลส์-รอยซ์ โกสต์) ในราคา 36,800,000 บาท!

ซึ่งนับเป็นยนตรกรรมที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ Rolls-Royce กว่า 117 ปี หรูหราแต่ดูเรียบง่าย ภายใต้ปรัชญาการออกแบบที่เรียกว่า “Post Opulence” ใช้โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียม เรียกว่า “สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา” (Architecture of Luxury) ผสานช่วงล่าง “Magic Carpet Ride” ที่ได้รับการปรับปรุงให้นุ่มนวลขึ้นอีกระดับ กับเทคโนโลยี “Planar Suspension System”

ห้องโดยสารภายใน นับเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าสามารถเลือกเบาะนั่งด้านหลังแบบ “Serenity Seat” ปรับเอนได้ตามต้องการ คล้ายห้องโดยสารของเครื่องบินชั้นธุรกิจ มาพร้อมตู้แช่แชมเปญที่สามารถกำหนดอุณหภูมิได้ 2 โหมด คือ 6 และ 11 องศาเซลเซียส พร้อมติดตั้งระบบฟอกอากาศ MEPS (Micro-Environment Purification System) สามารถกำจัดสิ่งปนเปื้อนอนุภาคขนาดเล็กจากห้องโดยสาร ภายในเวลาต่ำกว่า 2 นาที

ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ Twin-Turbo V12 สูบ ขนาด 6.75 ลิตร ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ ให้กำลัง 563 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ช่วยให้ยนตรกรรมพิกัดกว่า 2 ตัน มีอัตราเร่งทันใจในทุกสถานการณ์ แรงบิดสูงสุดมีให้ใช้ตั้งแต่ 1,600 รอบ/นาที ซึ่งสูงกว่ารอบเดินเบาประมาณ 600 รอบ/นาที เท่านั้น รวมถึงมีการปรับแต่งท่อไอดีใหม่ เพื่อลดเสียงรบกวนที่อาจเล็ดลอดสู่ห้องโดยสาร

Aston-Martin-DBS-Superleggera-2021

รถ Super Car แพงที่สุด

รถ Super Car ที่ขึ้นชื่อว่า “แพง” ที่สุดในงาน Motor Show 2021 ขอยกให้ Aston Martin DBS Superleggera (แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอส ซูเปอร์เลจเจรา) ในราคาเริ่มต้น 28,900,000 บาท!!!

คำว่า Superleggera เป็นภาษาอิตาเลียน หรือ Superlight ในภาษาอังกฤษ แสดงถึงเทคนิคการผลิตตัวถังน้ำหนักเบา อันเป็นเอกลักษณ์ของสำนัก “Touring” ผู้ผลิตรถยนต์อิตาเลียนระดับตำนาน ด้วยโครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียม ผสานการใช้คาร์บอนไฟเบอร์ มีความกว้างและบึกบึนกว่า แอสตัน มาร์ติน ทุกรุ่น พร้อมสปอยเลอร์หลังคาร์บอนไฟเบอร์ Aeroblade IITM ทำงานร่วมกับดิฟฟิวเซอร์ 2 ชั้น สร้างแรงกดมหาศาลช่วงความเร็วสูง

พละกำลังดุดันแบบสุดขั้ว กับเครื่องยนต์เบนซิน V12 ขนาด 5.2 ลิตร Twin Turbo 715 แรงม้า (BHP) แรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร สูงสุดในประวัติศาสตร์ของ แอสตัน มาร์ติน ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 340 กม./ชม.

Rolls-Royce-Cullinan-2021

รถ SUV แพงที่สุด

ส่วนรถ SUV ที่ขึ้นชื่อว่า “แพง” ที่สุดในงาน Motor Show 2021 ได้แก่ Rolls-Royce Cullinan (โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน) ตัวรถระดับ Ultra Luxury SUV รุ่นแรกของ Rolls-Royce ในราคา 33,500,000 บาท!!!

Cullinan ตั้งชื่อตามเพชรที่มีขนาดใหญ่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันถูกนำไปประดับอยู่บนมงกุฏของพระราชินีแห่งอังกฤษ โครงสร้างตัวถังผลิตจากอะลูมิเนียม ที่เป็นสิทธิบัตรของโรลส์-รอยซ์

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Twin Turbo V12 สูบ 6.75 ลิตร 563 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่ 1,600 รอบ/นาที ส่งกำลังสู่ล้อทั้ง 4 ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ห้องโดยสารสามารถขยายพื้นที่เพื่อเพิ่มความจุสัมภาระได้สูงสุดถึง 1,930 ลิตร

ขณะที่ช่วงล่างหน้าเป็นแบบดับเบิลวิชโบน และหลังแบบ 5 ลิงก์ ปรับความสมดุลอัตโนมัติ นับเป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์สุดหรู รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของ โรลส์-รอยซ์ ที่พร้อมฟันฝ่าอุปสรรคในทุกสภาพเส้นทาง

Takano-TTE-RS-2021

รถยนต์ไฟฟ้า ราคาถูกที่สุด

รถยนต์ไฟฟ้า ที่ราคาถูกสุดในงาน Motor Show 2021 ต้องยกให้ รถกระบะไฟฟ้าขนาดจิ๋ว Takano (ทากาโน่) TTE500 พาคุณไปได้ทุกที่ สามารถรับน้ำหนักในการบรรทุกได้มากถึง 300 กิโลกรัม และจดทะเบียนได้ด้วย

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5 กิโลวัตต์ พร้อมแบตเตอรี่ 12V 125 แอมป์ ขนาด 6 ลูก ใต้พื้นกระบะหลัง และเครื่องยนต์เบนซินขนาดจิ๋วช่วยปั่นไฟฟ้าให้แบตเตอรี่ ให้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ที่ 100-120 กิโลเมตร โดยใช้เงินเพียง 30 บาท และทำความเร็วได้สูงสุด 60 กม./ชม. ในราคาเพียง 499,000 บาท!

Porsche-Taycan-Turbo-S-NaRaYa-2021

รถยนต์ไฟฟ้า ราคาแพงที่สุด

รถยนต์ไฟฟ้าแพงที่สุดในงาน Motor Show 2021 นั่นคือ Porsche Taycan (ปอร์เช่ ไทคานน์) รถสปอร์ตคันแรกจากปอร์เช่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ ตัวถัง 4 ประตูซีดานที่ยังคงเอกลักษณ์งานออกแบบของปอร์เช่ เอาไว้อย่างครบถ้วน พร้อมสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ และเทคโนโลยีล้ำยุค สามารถชาร์จพลังงาน จาก 5 – 80% SoC (State of Charge) ด้วยการใช้เวลาเพียง 22.5 นาที

เปิดตัวด้วยรุ่น ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S) พละกำลังสูงสุดกว่า 761 แรงม้า ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 6,190,000 บาท ไทคานน์ เทอร์โบ (Taycan Turbo) พละกำลังสูงสุด 680 แรงม้า ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 9,900,000 บาท

และ ไทคานน์ 4 เอส (Taycan 4S) พละกำลังสูงสุด 530 แรงม้า ที่มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 11,700,000 บาท! จัดว่าเป็นรถ EV ที่แพงที่สุดในงานนี้

Chaiseri-First-Win-II-2021

ใหญ่ที่สุด

ไม่มีใครใหญ่ไปกว่านี้แล้วในงาน Motor Show 2021 ครั้งนี้ ต้องยกให้ 2 ใหญ่อย่าง ชัยเสรี First Win ATV (ชัยเสรี เฟิร์ส วิน เอทีวี) ยานเกราะล้อยางทางยุทธวิธี (Armored Tacticle Vehicle = ATV) และ ชัยเสรี First Win II (ชัยเสรี เฟิร์ส วิน ทู) แบบรถพยาบาล หนึ่งในผลงานชิ้นโบแดง ของทางชัยเสรี และมาดามรถถัง นพรัตน์ กุลหิรัญ เลยก็ว่าได้

ชัยเสรี First Win II เป็นรถเกราะป้องกันทุ่นระเบิด สำหรับทหารราบใช้งาน ด้วยการเชื่อมตัวถังรูปตัว V แบบ Monocoque ทั้งหมด เพื่อการปกป้องในระดับสูงต่อภัยคุกคามในสนามรบที่หลากหลาย รวมถึงทุ่นระเบิดและระเบิดแสวงเครื่อง

ชัยเสรี First Win II ตัวรถมีน้ำหนักประมาณ 12.5 ตัน น้ำหนักพร้อมรบ 14.5 ตัน บรรทุกกำลังพลได้ถึง 10 นาย พร้อมคนขับ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล Cummin 300 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติของ Allison 3000 SP มีพวงมาลัยเพาเวอร์ ติดแอร์ ระบบกันสะเทือนแบบอิสระ และยางรันแฟลตมาตรฐาน FINABEL 20A.5 ทดสอบ 50 กิโลเมตร การป้องกันกระสุนระดับ STANAG 4569 ระดับ 2 และการป้องกันแรงระเบิดถึงระดับ 3B / 4A

ในปีที่ผ่านมา ชัยเสรี First Win II ยังชนะการประมูลยานยนต์หุ้มเกราะล้อยาง 4X4 ที่กองทัพเรือจัดหาใหม่จำนวน 6 คัน ด้วยงบประมาณ 99.9 ล้านบาท อีกด้วย

Chaiseri-First-Win-ATV-2021

ส่วน First Win ATV เป็นรถเกราะกันกระสุน ใช้ในภารกิจลาดตระเวน วางเครื่องยนต์ดีเซล 330 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติของ Allison 3000 SP ความเร็วบนถนนสูงสุด 110 กม./ชม. และในภูมิประเทศ 40-60 กม./ชม.

มีพวงมาลัยเพาเวอร์ ติดแอร์ ระบบกันสะเทือนแบบอิสระ และยางรันแฟลตมาตรฐาน FINABEL 20A.5 ทดสอบ 50 กิโลเมตร การป้องกันกระสุนระดับ STANAG 4569 ระดับ 1 และการป้องกันแรงระเบิดถึงระดับ 2

BMW-502-Barockengel

เก่าที่สุด

เก่าที่สุดในงาน Motor Show 2021 ต้องยกให้ BMW 502 Barockengel (บีเอ็มดับบลิว 502 บาโรกเองเกล) ปี 1955 รุ่นนี้ถูกขนานนามว่าเป็น “Barockengel” ในภาษาเยอรมัน หรือ “Baroque Angel” ในภาษาอังกฤษ หมายถึง เทพีแห่งยุคบาโรก จากความสวยงามของตัวถังรถ ที่ดูโค้งมน งดงามทุกส่วนสัด และภายในใช้วัสดุชั้นยอด แม้แต่พวงมาลัยยังเป็นสีงาช้าง และช่วงล่างกับระบบกันสะเทือน ให้ความนุ่มนวล นั่งสบายแบบในรถยุค 60 กว่าปีที่แล้ว

และยังเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์ V8 แบบอะลูมิเนียม ขนาด 2.6 ลิตร รุ่นแรกของโลกที่ผลิตแบบ Mass Produced รถคันนี้เป็นรถพวงมาลัยซ้าย เกียร์ธรรมดา เครื่องเดิม ภายในเดิม ประวัติดี เจ้าของดูแลรักษาอย่างดีเยี่ยม

Volvo-XC40-Recharge-Pure-Electric-2021

มีราคาขาย แต่ไม่มีรถโชว์!

ที่สุดของชาวโซเชียลมีเดียพูดถึงกันอย่างมาก ในงาน Motor Show 2021 ที่มีราคาขายรถ แต่ไม่มีรถตัวเป็นๆ มาโชว์ให้ดู คงต้องยกให้ Volvo XC40 Recharge Pure Electric (วอลโว่ เอ็กซี 40 รีชาร์จ เพียว อิเล็กทริค) รถ SUV พลังไฟฟ้า วางขุมพลัง P8 AWD ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า Dual Motor ขับเคลื่อนล้อหน้าและหลัง

เปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในงาน มอเตอร์โชว์ 2021 ที่ 2,590,000 บาท

Great-Wall-Motor-Motorshow-2021

มีรถโชว์ แต่ไม่มีราคาขาย! และคนสนใจเยอะสุด

ในงาน Motor Show 2021 น่าจะเรียกได้เลยว่าบูธนี้ ดูดคนมารวมกันได้เยอะที่สุดแล้ว ตั้งแต่ไปเดินชมงานมา และเป็นที่พูดถึงในโซเชียลมีเดียเยอะที่สุด นั่นคือบูธ Great Wall (เกรท วอลล์) ที่เปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการ (จริงๆ) ในไทย พร้อมนำรถยนต์ไฟฟ้า (xEV) รุ่นเด็ดๆ มาโชว์อย่าง ORA Black Cat (โอร่า แบล็ค แคท), ORA Good Cat (โอร่า กู๊ด แคท) และรถกระบะไฟฟ้า POER EV (โพลว์ อีวี)

และเปิดตัวครั้งแรกในโลกอย่าง All New HAVAL H6 Hybrid SUV (ฮาวาล เอช6 ไฮบริด เอสยูวี) ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Turbo ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 130 กิโลวัตต์ ให้แรงม้าสูงสุด 243 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 530 นิวตัน-เมตร รวมไปถึงรถยนต์ต้นแบบ Concept H มาจัดแสดงภายใต้แนวคิด “Innovation Builds Better Future” 

แต่ยังไม่มีราคาจำหน่าย แม้แต่รุ่นเดียว! เพราะต้องรอราคาอย่างเป็นทางการ ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ครับ

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

ส่วนถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

Pickup-In-Motorshow-2021

รถกระบะ ถือเป็นรถที่ยอดนิยมอย่างยิ่งของชาวไทยมานานนับหลายสิบปี ในปัจจุบันเทคโนโลยีเครื่องยนต์ ที่สมรรถนะดีมากกว่าในอดีตมาก และออพชั่นติดรถสุดทันสมัย ไม่แพ้รถยนต์นั่งเลยทีเดียว ซึ่งคาวมนิยมในบ้านเรากับความเป็นรถสารพัดประโยชน์ ทั้งในเชิงพาณิชย์ การใช้งานที่อเนกประสงค์ ขนของได้ ลุยน้ำได้ ไปกันได้หลายคน ใช้ทำเป็นรถรับจ้างหาเงินได้อีกด้วย

ในงาน Motor Show 2021 นี้ ผู้ผลิตรถกระบะหลายเจ้าอย่าง โตโยต้า, อีซูซุ, นิสสัน, มิตซูบิชิ, ฟอร์ด หรือ เอ็มจี ต่างส่งรถกระบะโฉมใหม่ หรือรุ่นพิเศษของตัวเองออกมาเพื่อกระตุ้นตลาด ช่วงชิงยอดจองและยอดขาย โดนใจผู้บริโภคที่อยากเปลี่ยนรถกระบะคันใหม่

โดยในงาน Motor Show 2021 จะมีรถกระบะรุ่นใดที่น่าซื้อนั้น CARRO ขอนำเสนอข้อมูลให้ทุกท่านดูกันครับ …

Toyota-Hilux-Revo-Z-Edition-2021

Toyota Hilux Revo

Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) แม้ว่ากระแสจะดูไม่เปรี้ยงปร้างเลย นับตั้งแต่เปิดตัวมาเมื่อปีที่แล้ว ในงาน Motor Show 2021 ครั้งนี้ ยังชูจุดขายอย่างรุ่น Z-Edition Wild Body กระบะตัวเตี้ย “หน้าหล่อแต่งซิ่ง กระบะตัวจริงที่ใครก็มอง” ปรับดีไซน์ภายนอกใหม่ ให้ลงตัวมากยิ่งขึ้น และแนะนำชุดแต่งพิเศษ สำหรับกระบะรุ่นตัวเตี้ย “Razer Package” ที่ปรับโป่งล้อดีไซน์ใหม่ และล้ออัลลอย 16 นิ้ว สามารถตกแต่งเพิ่มได้ตามความต้องการจากร้านประดับยนต์หรือร้านรถแต่งชั้นนำ

และชุดแต่งสำหรับกระบะรุ่นยกสูง “Modellista Black Prime” ด้วยสปอยเลอร์หน้า ชุดตกแต่งกระจังหน้า แต่งไฟตัดหมอกและคิ้วซุ้มล้อ ด้วยสไตล์เรียบหรูแต่ดุดัน

และสำหรับรุ่นพิเศษ Rocco นอกจากจะมีชุดตกแต่งพิเศษ อาทิ สปอร์ตบาร์ ล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษ พร้อมยางแบบ White Letters และยังเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense อีกด้วย

ส่วนภายในห้องโดยสาร มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay พ่วงด้วย T-Connect และมาตรวัดดีไซน์ใหม่ ปรับปรุงสมรรถนะเครื่องยนต์ใหม่ในรุ่น 2.8 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุดถึง 204 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดที่ 500 นิวตันเมตร (Nm) ในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่กว้างตั้งแต่ 1,600-2,800 รอบ/นาที

และสำหรับรุ่น Off-Road เครื่องยนต์ได้ปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบ/นาที เป็น 680 รอบ/นาที) เพื่อให้ลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง

ราคาของ Toyota Hilux Revo มีดังนี้

  • Hilux Revo Z-Edition มี 12 รุ่น ราคา 609,000 – 809,000 บาท
  • Hilux Revo ยกสูง แบบขับเคลื่อน 2 ล้อ Pre-Runner มี 12 รุ่น ราคา 707,000 – 1,009,000 บาท
  • Hilux Revo แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มี 5 รุ่น ราคา 862,000 – 1,159,000 บาท
  • Hilux Revo Rocco มี 4 รุ่น ราคา 949,000 – 1,239,000 บาท

Isuzu-D-Max-V-Cross-2021

Isuzu D-Max

Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมคซ์) โฉมใหม่! ครั้งแรกของโลก! ผลงานความสมบูรณ์แบบล่าสุดจาก DNA ของ Isuzu ภายใต้แนวคิด BOLD, EMOTIONAL and SMART ดีไซน์ใหม่หมดทุกมิติ ทั้งภายนอกภายใน มิติตัวรถใหญ่ บึกบึนยิ่งขึ้น ดูทรงพลัง และแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ยังมีเส้นสายพริ้วไหว ช่วยให้ตัวรถดูปราดเปรียว และสปอร์ต แรงสะใจ กับแพลตฟอร์มใหม่ ระบบความปลอดภัยใหม่เต็มรูปแบบ เทคโนโลยีใหม่ในทุกฟังก์ชั่น

ห้องโดยสารภายใน เน้นเส้นสายที่เฉียบคม คอนโซลหน้าเล่นระดับแบบ Sharp Horizontal Layers ใช้วัสดุพรีเมี่ยมหลากหลาย พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน ใช้งานง่ายตามหลัก Usability Design พร้อมระบบความบันเทิง ISUZU Ultimate Entertainment หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว คมชัดระดับ HD รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเสียงรอบทิศทาง Dynamic Surround Sound 8 ลำโพง

มีให้เลือกครอบคลุมทั้งรุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู พร้อมเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร 150 แรงม้า และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ 190 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีดพัฒนาใหม่สไตล์สปอร์ต ขับสนุก แม่นยำยิ่งขึ้น และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดใหม่ ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล พร้อมโหมดขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic

ราคาของ Isuzu D-Max อยู่ที่ 510,000 – 1,157,000 บาท

Nissan-Navara-PRO-4X-2021

Nissan Navara

Nissan Navara (นิสสัน นาวารา) รถกระบะที่ กล้า… เพื่อคนแกร่ง ดีไซน์คอนเซ็ปต์ “Unbreakable Design” คำนึงถึงการใช้งาน และความชื่นชอบของลูกค้า โดดเด่นด้วยด้วยดีไซน์ใหม่ดุดัน และเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะเต็มรูปแบบจาก Nissan Intelligent Mobility

นาวารา ใหม่ มีเครื่องยนต์ 3 แบบได้แก่

  • เครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ Twin Turbo เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 450 นิวตัน-เมตร
  • เครื่องยนต์ YS23DDT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบแปรผันแบบ VGS เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร
  • เครื่องยนต์ YD25DDTTi ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผันแบบ VGS ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร

นอกจากนี้ ยังคงความสมบูรณ์แบบที่สามารถลุยได้ทุกที่ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และเทคโนโลยีที่เสริมความมั่นใจในทุกสภาวะของเส้นทาง อาทิ ระบบป้องกันการลื่นไถล (Brake Limited Slip Differential: B-LSD) และ ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า (Electronic Rear Locking Differential)  รวมถึงเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (IAVM) ที่เสริมฟังก์ชัน Off-Road Meter เมื่ออยู่ในโหมด 4L

นอกจากนี้ นาวารา ใหม่ ยังนำรุ่นพิเศษ PRO-4X และ PRO-2X ใหม่ ถ่ายทอดดีเอ็นเอมาจาก Nissan Titan สำหรับลูกค้าที่ชอบการเดินทางแบบผจญภัยพร้อมลุยไปในเส้นทางแปลกใหม่ ที่เสริมความดุดันของดีไซน์ภายนอก จากกระจังหน้า และอุปกรณ์ตกแต่งโทนสีดำ ปรับแต่งช่วงล่างใหม่ให้สามารถลุยไปได้ทุกที่ทุกสถานการณ์ ด้วยล้ออัลลอยพร้อมยางแบบ All-Terrain

โดยทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมสีพิเศษ สเตลท์ เกรย์ (Stealth Gray) เสริมด้วยชุดแต่งที่มีแอคเซนท์สีส้มแดง ภายในห้องโดยสารเสริมด้วยเบาะนั่งสีดำดีไซน์สปอร์ต ในราคาเริ่มต้นที่ 999,000 บาท สำหรับรุ่น PRO-2X และ 1,149,000 บาท สำหรับรุ่น PRO-4X

ราคาของ Nissan Navara อยู่ที่ 599,000 – 1,149,000 บาท

Mitsubishi-Triton-Double-Cab-2021

Mitsubishi Triton

Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) โฉมไมเนอร์เชนจ์ มาในแนวคิด “Engineered Beyond Tough” หน้าตาภายนอกใช้ไฟหน้าแบบ 2 ชั้น และกระจังหน้าแบบ Dynamic Shield มาพร้อมไฟท้ายแบบ LED Tube กับกันชนดีไซน์ใหม่ ลงตัวกับล้อแม็กลาย 6 ก้านคู่ และด้วยระยะความสูงจากพื้นถึง 700 มม. ช่วยลดความเสี่ยงที่ไฟหน้าและไฟตัดหมอกจะได้รับความเสียหายขับรถลุยน้ำท่วม หรือถูกหินกระเด็นใส่ตัวรถ

ส่วนออพชั่นภายใน และดีไซน์ภายในห้องโดยสาร ปรับเปลี่ยนเยอะพอสมควร ช่องแอร์แบบใหม่ ใช้วัสดุภายในดูโดดเด่นขึ้น และยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ครบครันที่สุดในระดับเดียวกัน รวมไปถึงกล้องมองภาพรอบคัน ที่ใช้กล้อง 4 ตัวจับภาพรอบคันพร้อมภาพมุมสูงที่แสดงสิ่งกีดขวางรอบคัน และเซ็นเซอร์กะระยะจอด เพื่ออำนวยความสะดวกในการจอดรถ

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร รหัส 4N15 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VG Turbo Clean Diesel ให้แรงม้าสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที รองรับการใช้น้ำมันไบโอดีเซล B20 ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และอัตโนมัติ 6 สปีด แบบใหม่พร้อม Sport Mode

ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II พร้อมฝ่าอุปสรรคในทุกสภาพเส้นทาง ด้วย 4 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมด 2H ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และโหมด 4H ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time All Wheel Control พ่วงด้วยโหมด 4HLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง

ราคาของ Mitsubishi Triton อยู่ที่ 659,000 – 1,109,000 บาท

Mazda-BT-50-2021

Mazda BT-50

All-New Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50) เจเนอเรชั่นใหม่ ผนวกคุณสมบัติของรถปิกอัพที่ดีที่สุดในโลกรวมเป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย ดีไซน์ที่ถูกออกแบบอย่างสง่างามที่สุดในโลก คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพระดับพรีเมียม ประหยัดน้ำมันมากที่สุด มีความทนทานสูงสุด รวมทั้งค่าดูแลรักษาต่ำสุด

การออกแบบที่สง่างาม สไตล์ปิกอัพยุคใหม่ การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย ให้ความสะดวกสบายเทียบเท่ารถเอสยูวี ยังตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกโอกาส หรือ “Built for Dress and Jeans” ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าที่ออกแบบด้วย Signature Wing ขนาดใหญ่ รูปทรงด้านหน้าที่สง่างามในสไตล์รถเอสยูวี ดีไซน์ไฟหน้าและไฟท้ายทรงสปอร์ต โฉบเฉี่ยว

ภายในห้องโดยสาร ประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียด ใช้เฉพาะวัสดุคุณภาพสูง คอนโซลหน้าถูกตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน เสาภายในและเพดานเลือกใช้โทนสีดำตัดกับหนังสีน้ำตาลเข้มของเบาะนั่ง ให้นั่งสบายในทุกตำแหน่ง และแผงประตูดูหรูหรา ด้วยการตกแต่งสไตล์เดียวกับรถ SUV

การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์โดยให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางตามหลักการ Human Machine Interface ทุกฟังก์ชันง่ายต่อการใช้งาน การรับรู้ข้อมูลการขับขี่รวมถึงสายเรียกเข้าหรือชื่อเพลงบนหน้าจอแบบสี MID (Multi-Information Display) ขนาด 4.2 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลได้หลายรูปแบบ อ่านง่าย มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีหน้าจอแบบ TFT (Thin-film Transistor Technology)

มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ซึ่งประหยัดน้ำมันมากที่สุดในคลาส กับตัวเลข 16.1 กม./ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร มีทั้งแบบส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แถมรองรับน้ำมันดีเซลได้ถึง B20

ราคาของ Mazda BT-50 อยู่ที่ 569,000 – 1,153,000 บาท

Ford-Ranger-FX4-Max-2021

Ford Ranger FX4 Max / Ranger Raptor

Ford Ranger FX4 Max (ฟอร์ด เรนเจอร์ เอฟเอ็กซ์ 4 แม็กซ์) ใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Motor Show 2021 มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดที่เหนือไปอีกขั้น อัดแน่นด้วยฟีเจอร์อันโดดเด่น ตั้งแต่ระบบช่วงล่างและโช๊คอัพของ FOX Shocks และยาง All-Terrain รวมทั้งการออกแบบภายในที่รองรับทุกการรูปแบบเดินทาง ไปจนถึงช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด Upfitter Switch ที่มีช่องต่อ AUX 6 ตำแหน่ง

ได้รับแรงบันดาลใจในด้านความโดดเด่น และดีไซน์ภายนอกจาก Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) รถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง ทั้งกระจังหน้าสะกดด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ F-O-R-D บันไดข้างโลหะผิวกันลื่นสีดำ ล้ออัลลอยดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ และโรลบาร์ขนาดเต็ม

มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร Bi-Turbo ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 981 กก. และลากจูงได้สูงสุดถึง 3,500 กก.

พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC3 ภาษาไทย รองรับ Apple CarPlay ให้ผู้ขับขี่ก้าวข้ามทุกความท้าทาย ออกไปใช้ชีวิตให้สนุกพิชิตทุกเป้าหมายอย่างมีความสุข ตามนิยามการใช้ชีวิตแบบเรนเจอร์ “Live The Ranger Life”

มาในราคา 1,189,000 บาท!

Ford-Ranger-Raptor-2021

Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเตอร์ แรพเตอร์) ถูกสร้างมาไม่ซ้ำใคร เพราะนี่คือรถกระบะออฟโรดคันแรกของเอเชีย ที่ตั้งใจสร้างมาแบบไร้ข้อจำกัด สร้างและพัฒนายนตรกรรมออฟโรดทั้งคัน ทำใหม่หมด! ส่งตรงจากโรงงานของฟอร์ด นี่แหละกระบะพันธุ์โหดออฟโรดตัวจริงที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง

โครงสร้างทั้งหมดประกอบไปด้วยเหล็ก High-strength Low-alloy (HSLA) หลายเกรด เพื่อให้พร้อมรับทุกความโหด และเข้าถึงสมรรถนะขั้นสุด แชสซีส์ถูกปรับโครงสร้างใหม่หมด มาพร้อมโช้คอัพคู่ด้านหน้าและหลังของ Fox Racing Shox ที่มาพร้อมระบบบายพาสภายใน (Internal Bypass) และระบบกันสะเทือนหลังแบบใหม่ รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์และคอยล์โอเวอร์ช็อค ที่เน้นสมรรถนะการขับขี่บนทางออฟโรดเป็นพิเศษ

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร (1,996 ซีซี) Twin Turbo (ทำงานร่วมกันระหว่าง High-Pressure (HP Turbo) เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure (LP Turbo) เทอร์โบแรงดันต่ำ ควบคุมด้วยวาล์ว Bypass) ให้แรงม้าสูงสุด 213 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift มาพร้อมระบบ Terrain Management System (TMS) สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ถึง 6 แบบ รวมถึงโหมดการขับขี่บาฮาสำหรับการขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูง

ราคาของ Ford Ranger ทั้งหมด อยู่ที่ 569,000 – 1,295,000 บาท

ราคาของ Ford Ranger Raptor อยู่ที่ 1,699,000 บาท

MG-Extender-2021

MG Extender

MG Extender (เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์) เปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ล่าสุดในงาน Motor Show 2021 นี้ ใน Concept “กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้าใหม่ ตั้งแต่การจัดวาง Daytime Running Light ไว้ด้านบน

พร้อมชุดไฟส่องสว่างเป็นแบบ LED Projector จัดวางเรียงเป็น 3 ระดับ ตามแนวตั้งด้านข้างของกันชนหน้า โดยไฟส่องสว่างลดระดับต่ำลงกว่าเดิม ทำให้ไม่รบกวนรถที่สวนทางมา พร้อมล้ออัลลอยด์แบบ Bi-Colour ขนาด 18 นิ้ว

ห้องโดยสารภายใน เสริมความพรีเมี่ยมด้วยสีทูโทน สีน้ำตาลสลับสีดำ คอนโซล และแผงประตูตกแต่งพิเศษ ด้วยวัสดุแบบ Soft Touch พร้อมเบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยไฟฟ้าเอนได้ถึง 150 องศา และตกแต่งเบาะด้วยวัสดุลายคาร์บอนไฟเบอร์

ตอกย้ำความเป็นสมาร์ทปิกอัพ ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ i-SMART และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปที่ครบครันถึง 9 ระบบ มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการรับประกันคุณภาพนาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร พร้อมมอบความคุ้มค่าที่เหนือกว่า

วางสมรรถนะจากเครื่องยนต์ดีเซล Commonrail Turbo ขนาด 2.0 ลิตร 161 แรงม้า ให้ทั้งพละกำลังโดดเด่น การประหยัดน้ำมัน และมีค่าบำรุงรักษาที่ต่ำ มั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension พร้อมการติดตั้งระบบความปลอดภัยครบครัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นรถกระบะที่มาพร้อมระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อในเกือบทุกรุ่น พร้อม Option ต่างๆ ที่ให้มากกว่ารถทุกรุ่นเมื่อเทียบในระดับราคาเดียวกัน

สำหรับ MG Extender ใหม่ ราคาอยูที่ 559,000 – 1,039,000 บาท

… ถูกใจรุ่นไหน ไปสัมผัสตัวจริงได้ที่งาน Motor Show 2021 กันได้เลยนะครับ …

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

ส่วนถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

SUV-and-Crossover-In-Motorshow-2021

ช่วง Motor Show 2021 (มอเตอร์โชว์ 2021) นี้ รถยนต์อเนกประสงค์ หรือ รถยนต์ในรูปแบบ SUV, PPV หรือ Crossover นั้น ยังเป็นที่นิยมจากมหาชนอย่างมากเช่นทุกปี เพราะเป็นรถที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะไว้วิ่งในเมือง ไว้ออกต่างจังหวัด ลุยน้ำท่วม ขนสัมภาระมากมาย หรือเดินทางไปกับครอบครัวหลายคนก็ตาม หลายแบรนด์จึงต้องรีบกระโดดลงมาเล่นรถในกลุ่มนี้ ถึงขนาดบางค่าย ไม่เคยทำ ไม่ยอมทำ ก็ต้องทำออกมาขาย!

ในงาน Bangkok International Motor Show 2021 ครั้งนี้ รถ SUV และรถ Crossover ตัวเลขยอดจอง และความสนใจของผู้คนกับแนวนี้ ยังถือว่าไปได้ดี แม้ว่าฐานลูกค้าของรถยนต์ประเภทนี้ ส่วนหนึ่งจะได้รับผลกระทบอย่างมาก จากการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ครั้งแรก และระลอกใหม่ก็ตาม

MR.CARRO ขอพาทุกท่านไปชมกัน ว่าในงานจะมีรถยนต์ SUV และรถ Crossover รุ่นไหนบ้างที่น่าสนใจ พร้อมรายละเอียดพอสังเขป มาเสนอครับ …

Toyota-Corolla-Cross-2021

Toyota Corolla Cross

Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) นับได้ว่าเป็นรถ SUV Crossover เปิดตัวในไทยเป็นที่แรกของโลก ที่พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “ความกะทัดรัดที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย” (Compact yet Comfortable) และ “ความล้ำสมัยที่สะท้อนตัวตนของความภูมิฐานสำหรับชีวิตในเมือง” (Dignity Urban Vogue) ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ชมงาน Motor Show 2020

ตัวรถภายนอกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว หรูหราแข็งแกร่ง มาพร้อมหลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า ราวหลังคา ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

ส่วนห้องโดยสารภายในใช้โทนสีแดงใหม่ Terra Rossa มีจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) ขนาด 7 นิ้ว เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone พนักพิงด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา พนักวางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ ช่องระบายอากาศและช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิดประตูท้ายแบบ Kick Activated และระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense)

เครื่องยนต์ เริ่มต้นด้วยรุ่นเบนซินรหัส 2ZR-FBE ขนาด 1.8 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร (18.05 กก.-ม.) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด CVT-i พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 15.4 กม./ลิตร

ส่วนรุ่น Hybrid มากับชุดระบบไฮบริดเจเนอเรชั่น 4 ที่พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 98 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร 53 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แพคชนิด Ni-MH (นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์) แบบใหม่ ให้กำลังรวมทั้งระบบ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock และเลือกโหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง EV, Sport และ Eco อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร

ราคาของ Toyota Corolla Cross ใหม่

  • รุ่น 1.8 Sport ราคา 989,000 บาท**

ราคารุ่น Hybrid

  • รุ่น Hybrid Smart ราคา 1,019,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid Premium ราคา 1,089,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid Premium Safety ราคา 1,199,000 บาท**

*สำหรับสีพิเศษ Platinum White Pearl เพิ่ม 10,000 บาท
**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม

Toyota-Fortuner-2021

Toyota Fortuner

Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) มาพร้อมรุ่นพิเศษใหม่ “Legender” โดดเด่นด้วยกระจังหน้าใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมแถบกันชนล่างสีเงิน ไฟหน้า DayTime Running Light แบบ Light Guiding ดีไซน์ใหม่ และปรับชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่เป็นแบบ LED พร้อมกับ Light Guiding กับล้ออัลลอย 18 นิ้วดีไซน์ใหม่

ส่วนภายในใช้มาตรวัดใหม่ ปรับจอแสดงผลระบบ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay ส่วนระบบเชื่อมต่อ T-Connect ในทุกรุ่น มีกล้องมองภาพรอบคันพร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ พร้อมระบบ Activated Kick Door เปิดประตูหลังได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสตัวรถ

และช่วงล่าง Super Flex Suspension ที่ปรับปรุงและพัฒนาใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของการดูดซับแรงกระแทกของโช๊คอัพ และเปลี่ยนวัสดุของแหนบ พร้อมระบบบังคับเลี้ยวแบบ VFC (Variable Flow Control) ปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้เหมาะสมในทุกช่วงความเร็ว

ด้านเครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่ในรุ่นเครื่องยนต์ ขนาด 2.8 ลิตร GD Super Power (เจนเนอเรชั่น 2) แรงม้าสูงสุดขึเนมาเป็น 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น Off-Road เครื่องยนต์มีการปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบ/นาที เป็น 680 รอบ/นาที) พร้อมทั้งพัฒนาประสิทธิภาพการขับขี่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) สามารถลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง และยังเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense อีกด้วย

ราคาของ Toyota Fortuner

  • 2.4G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,349,000 บาท
  • 2.4V เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,454,000 บาท
  • 2.4V 4WD เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,524,000 บาท
  • 2.4 Legender เกียร์อัตโนมัติ 1,564,000 บาท
  • 2.4 Legender เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,634,000 บาท
  • 2.8 Legender เกียร์อัตโนมัติ 1,769,000 บาท
  • 2.8 Legender เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,839,000 บาท

(*** สำหรับสี Emotional Red และ สี White Pearl CS เพิ่ม 12,000 บาท)

(*** สำหรับสี Emotional Red Black Top และ สี White Pearl CS Black Top เพิ่ม 20,000 บาท)

Nissan-Kicks-e-Power-2021

Nissan Kicks e-POWER

Nissan Kicks e-POWER (นิสสัน คิกส์) รถ Crossover ไฮบริด ที่มีจุดเด่นอย่างการใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไปปั่นกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน และจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าให้ขับเคลื่อนรถยนต์อีกที ซึ่งเป็นหลักการที่คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV : Battery Electric Vehicle) แต่ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เหมาะกับการขับรถทางไกล

ขุมพลังหลักคือเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร ขนาด 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 79 แรงม้า ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)

จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor รหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (95 กิโลวัตต์) หากรวมพลังทั้งหมด ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะให้แรงม้าสูงถึง 129 แรงม้า

นอกจากนี้ ห้องโดยสารภายใน โดดเด่นด้วยการใช้สีทูโทนดำ – ส้ม ด้วยแผงคอนโซล และเบาะหนัง พร้อมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับหน้าจอเครื่องเสียง ผ่าน Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigation System ผ่าน Google Map กับระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition ที่ใช้งานง่าย แถมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมากถึง 432 ลิตร และยังมีความลึกของห้องเก็บสัมภาระที่มากถึง 900 มม. โดยที่ยังไม่พับเบาะหลัง

ราคาของ Nissan Kicks e-POWER ใหม่ (ราคาช่วงเปิดตัว ตั้งแต่ 15 พ.ค. 2563 – 31 มี.ค. 2564)

  • รุ่น S ราคา 889,000 บาท
  • รุ่น E ราคา 949,000 บาท
  • รุ่น V ราคา 999,000 บาท
  • รุ่น VL ราคา 1,049,000 บาท

*สีขาว Storm White และสีส้ม Monarch Orange เพิ่มเงิน 10,000 บาท และสีทูโทน หลังคาสีดำ เพิ่มเงิน 10,000 – 15,000 บาท

Honda-CR-V-2021

Honda CR-V

Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์-วี) ใหม่ แม้ว่า CR-V รุ่นนี้ จะออกมาขายในบ้านเรานับเวลาได้ถึง 4 ปีแล้ว แต่ด้วยดีไซน์ภายนอกยังสปอร์ตหรูหราและความแข็งแกร่ง ก็ยังทำให้ CR-V รุ่นนี้ยังขายได้เรื่อยๆ แถมยังมีหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบ Panorama และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential อีกด้วย

เสริมความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) และนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ครบครันด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายล้ำสมัยระดับพรีเมียม

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง มาพร้อมขุมพลังการขับเคลื่อนทั้งเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO 160 แรงม้า และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC 173 แรงม้า และมาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก

ราคาของ Honda CR-V

  • เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 S 5 ที่นั่ง ราคา 1,369,000 บาท
  • เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 ES 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,529,000 บาท
  • เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 E 7 ที่นั่ง ราคา 1,419,000 บาท
  • เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,579,000 บาท
  • เครื่องยนต์ดีเซล รุ่น DT-EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,759,000 บาท

Mazda-CX-30-2021

Mazda CX-30

Mazda CX-5 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-30) ตัวรถออกแบบภายใต้แนวคิด Kodo: Soul of Motion ตัวรถที่ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mazda3 เพิ่มทางเลือกระหว่างรุ่น CX-3 และ CX-5 โดย CX-30 ยังเป็นรถที่ได้รางวัล 1 ใน 3 รถยนต์ยอดเยี่ยมของโลกปี 2020 มั่นใจได้ทั้งคุณภาพและการชับขี่ ภายในนั่งกันได้ 4 คนสบายๆ เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง หรือชอบที่ชื่นชอบรถ SUV แนวสปอร์ต

ห้องโดยสารภายใน ครบทุกความสะดวกสบาย เริ่มตั้งแต่มาตรวัดแบบดิจิทัลแบบจอ TFT LCD ขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบ Head-up Display แบบสีบนกระจกหน้า มีระบบอินโฟเทนเมนท์ และระบบเชื่อมต่อ Mazda Connect ทำงานผ่านจอกว้างขนาด 8.8 นิ้ว รองรับการแสดงผลระบบกล้อง 360° View Monitor รวมถึงฟังก์ชั่น Apple CarPlay ที่สามารถควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ด้วยปุ่ม Center Commander ที่บริเวณฐานเกียร์ได้ และชุดเครื่องเสียง Bose พร้อมลำโพง 12 ตัว

มาพร้อมขุมพลังเบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว SkyActiv-G ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.4 กม./ลิตร และสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้

ราคา Mazda CX-30

  • รุ่น 2.0 C ราคา 989,000 บาท
  • รุ่น 2.0 S ราคา 1,099,000 บาท
  • รุ่น 2.0 SP ราคา 1,199,000 บาท

Subaru-Forester-2021

Subaru Forester

Subaru Forester (ซูบารุ ฟอเรสเตอร์) จัดเป็นรถ SUV ที่ประกอบในไทยแล้ว มีราคาเริ่มต้นเร้าใจมากๆ ใช้แพลตฟอร์มใหม่ล่าสุด นั่นคือ Subaru Global Platform เพิ่มการดูดซับแรงกระแทกมากขึ้นถึง 40% ลดการสั่นโคลงได้มากขึ้น 50% อีกทั้งตัวรถ ยังมีหน้าตาที่ดูทะมัดทะแมง บึกบึนขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ห้องโดยสารสไตล์รถครอบครัว นั่งสบายทั้ง 5 ที่นั่ง ส่วนในรุ่น Top สุด ยังมีระบบ Eyesight กล้องคู่ ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นอีกด้วย

โดยในงานนี้ ยังได้จัดแสดง ชุดแต่ง GT สำหรับรถยนต์ Subaru Forester 2.0i-S EyeSight และ ชุดแต่ง GT Lite สำหรับรถยนต์ Subaru Forester 2.0i-S ด้วย

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ Boxer DOHC 16 วาล์ว Di 156 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic แบบแปรผันอัตราทดต่อเนื่อง CVT 7 สปีด บนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD Symmetrical All-Wheel Drive

ราคาของ Subaru Forester

  • รุ่น 2.0i-L ราคา 1,030,000 บาท
  • รุ่น 2.0i-S ราคา 1,060,000 บาท
  • รุ่น 2.0i-S Eyesight ราคา 1,130,000 บาท

Mitsubishi-Pajero-Sport-2021

Mitsubishi Pajero Sport

Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต) ยังคงเป็นรถ PPV รุ่นขายดีของ Mitsubishi แม้ว่าจะออกมาหลายปีแล้ว โดยตัวนี้เป็นสีพิเศษ Passion Red Edition (แพชชั่น เรด เอดิชั่น) ที่เปิดตัวในงาน Motor Show 2021 เพื่อร่วมฉลองการครบรอบ 60 ปี มิตซูบิชิ มอเตอร์ส กับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย กับสีแดง ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของ มิตซูบิชิ

นอกจากนี้ ยังมี Pajero Sport GT Plus ที่มาพร้อมกับระบบเปิด-ปิดประตูท้ายด้วยไฟฟ้า สามารถสั่งการด้วยระบบแฮนด์ฟรี และจอภาพขนาด 12.1 นิ้ว บนเพดานเพื่อความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล พร้อมรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน USB และ HDMI ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายต่างๆ อาทิ ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อจอดอยู่กับที่ (BAH) ระบบเบรกมืออัตโนมัติ (APB) กล้องมองภาพรอบคัน (MAM) และเซ็นเซอร์ช่วยจอด และรุ่นพิเศษ Elite Edition ที่มาพร้อมความหรูหรา พรีเมียม และสไตล์ที่เหนือระดับ ในแบบฉบับที่เป็นคุณด้วยแนวคิด “เดอะ มาสเตอร์พีซ” มาโชว์ในงานด้วย

ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร MIVEC VG Turbo Intercooler 181 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัจฉริยะ 8 จังหวะ พร้อม Sport Mode และระบบ INC

ราคาของ Mitsubishi Pajero Sport

  • รุ่น 2.4D GT 2WD ราคา 1,299,000 บาท
  • รุ่น 2.4D GT Plus 2WD ราคา 1,353,000 บาท
  • รุ่น 2.4D GT-Premium 2WD ราคา 1,473,000 บาท
  • รุ่น 2.4D GT-Premium 4WD ราคา 1,603,000 บาท
  • รุ่น 2.4D GT-Premium 2WD Elite Edition ราคา 1,528,000 บาท
  • รุ่น 2.4D GT-Premium 4WD Elite Edition ราคา 1,633,000 บาท

Isuzu-MU-X-2021

Isuzu MU-X

“All-New Isuzu MU-X (ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์)” ใหม่ ยนตรกรรมอเนกประสงค์รุ่นใหม่หมดระดับ Masterpiece ภายใต้นิยาม “เหนือทุกความเชื่อ…เหนือทุกความสำเร็จ (Originality Redefined)” พลิกโฉมใหม่ทั้งภายนอกจรดภายใน ด้วยดีไซน์ที่หรูหรา สะดวกสบาย ประณีตในทุกรายละเอียด

ตัวรถภายนอก หรู ล้ำสไตล์ สง่างาม โฉบเฉี่ยวเร้าอารมณ์ ภายใต้แนวคิด Emotional & Solid ผสานความหนักแน่นและพลิ้วไหวเข้าไว้ด้วยกันตลอดทั้งคัน ส่วนภายในกว้างขวาง โอ่อ่า ด้วยแนวคิดการออกแบบ Fine, Rich & Impressive Craftsmanship ด้วยวิธีการออกแบบ Integrated Cockpit คอนโซลหน้าเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับคอนโซลกลาง จัดวางเรียบหรู

มีให้เลือกครบครันด้วยสไตล์ที่หลากหลายรวม 4 รุ่น ได้แก่ Ultimate, Elegant, Luxury และ Active เครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power 190 แรงม้า และ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 150 แรงม้า พร้อมทางเลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ พร้อมระบบขับเคลื่อน Rough Terrain Mode ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยทำงานได้ทั้ง 2H, 4H และ 4L

ราคาของ Isuzu MU-X

  • รุ่น 1.9 Ddi Active A/T ราคา 1,109,000 บาท
  • รุ่น 1.9 Ddi Luxury M/T ราคา 1,254,000 บาท
  • รุ่น 1.9 Ddi Luxury A/T ราคา 1,316,000 บาท
  • รุ่น 1.9 Ddi Elegant A/T ราคา 1,349,000 บาท
  • รุ่น 1.9 Ddi Ultimate A/T ราคา 1,434,000 บาท
  • รุ่น 3.0 Ddi Ultimate A/T ราคา 1,479,000 บาท
  • รุ่น 3.0 Ddi 4X4 Ultimate A/T ราคา 1,579,000 บาท

*สีขาวมุกเพิ่ม 12,000 บาท

MG-ZS-2021

MG ZS

MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) โฉมใหม่ไมเนอร์เชนจ์ ด้วยอีกขั้นของยนตรกรรมภายใต้นิยาม “SMART UP” ยกระดับ สู่การเป็น “สมาร์ทเอสยูวี ที่เหมาะกับชีวิตสมาร์ทของทุกคน” ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดบริท ไดนามิค (Brit Dynamic) ที่มีความทันสมัยมากขึ้นและสปอร์ตยิ่งกว่าเดิม พร้อมชูจุดเด่นรถยนต์รุ่นแรกของเอ็มจี ที่มาพร้อมกับระบบอัจฉริยะ i-SMART มีระบบ Voice Command ภาษาไทย

New MG ZS ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ รหัส 15S4C ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC VTi-TECH ให้แรงม้าสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ 8 สปีด และสามารถปรับโหมดพวงมาลัยได้ถึง 3 โหมด

ราคาของ MG ZS

  • รุ่น C+ ราคา 689,000 บาท
  • รุ่น D+ ราคา 739,000 บาท
  • รุ่น X+ ราคา 799,000 บาท

MG-HS-2021

MG HS

New MG HS (เอ็มจี เอชเอส) รถยนต์ SUV รุ่นล่าสุด ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่ภายใต้แนวคิด “Elegance” นิยามของ SUV ที่เหนือระดับ ดีไซน์ล้ำสมัยทั้งภายนอกและภายใน พร้อมติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยครบครัน

มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด ให้พละกำลังสูงสุดถึง 162 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด  250 นิวตัน-เมตร ในรอบที่ต่ำเพียง 1,700 รอบ/นาที โดยสามารถทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาไม่ถึง 10 วินาที พร้อมรองรับน้ำมัน E85 และยังมีรุ่น PHEV หรือ Plug-In Hybrid ให้เลือกด้วย

ราคาของ MG HS

  • รุ่น C ราคา 919,000 บาท
  • รุ่น D ราคา 1,019,000 บาท
  • รุ่น X ราคา 1,119,000 บาท
  • รุ่น PHEV ราคา 1359,000 บาท

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

ส่วนถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน