Electric-Vehicle-In-Thailand-Most-Expensive

ไม่รู้ว่าลุงรู้หรือยัง? หรือลุงอาจรู้แล้วก็ได้ แต่ไม่สนใจ …

หากเราย้อนไปเมื่อกลางปี 2020 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Comparethemarket.com ซึ่งให้บริการเปรียบเทียบประกันภัยของอังกฤษ ได้ทำการเช็คราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของ Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) ใน 49 ประเทศ และนำมาเปรียบเทียบกับราคาในแต่ละประเทศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2020

หากเราย้อนไปเมื่อกลางปี 2020 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Comparethemarket.com ซึ่งให้บริการเปรียบประกันภัยของอังกฤษ ได้ทำการสำรวจราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของ Nissan Leaf ใน 49 ประเทศ และนำมาเปรียบเทียบกับราคาในแต่ละประเทศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2020

ซึ่งประเทศที่มีจำหน่ายของ Nissan Leaf ในราคาที่ต่ำที่สุด ได้แก่ สเปน ซึ่งจำหน่ายในราคา 25,900 ยูโร หรือประมาณ 951,252 บาทเท่านั้น ในส่วนอันดับที่ 2 เป็นของ เกาะเรอูนียง ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส ที่ตัวเกาะตั้งอยู่ในบริเวณมหาสมุทรอินเดีย มีราคา 26,000 ยูโร หรือประมาณ 954,905 บาท และอันดับที่ 3 ยกให้เพื่อนบ้านใกล้เคียงของสเปน นั่นคือ โปรตุเกส ที่มีราคาจำหน่าย 26,880 ยูโร หรือประมาณ 987,225 บาท

ในส่วนของที่ ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิต อยู่ในอันดับที่ 5 ในราคา 3,326,400 เยน หรือประมาณ 964,489 บาท

ส่วนประเทศเอเชีย ที่มีราคาใกล้เคียงกับประเทศไทยที่สุด คือ ไต้หวัน อยู่ในอันดับที่ 46 โดยมีราคา 1,490,000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ หรือประมาณ 1,590,000 บาท และ มาเลเซีย อันดับที่ 45 มีราคาจำหน่าย 188,000 ริงกิตมาเลเซีย หรือประมาณ 1,396,200 บาท

ส่วนในไทยน่ะหรือ? มีราคาจำหน่ายอยู่ในอันดับที่ 48 ที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก (ราคาจำหน่ายปัจจุบันอยู่ที่ 1,990,000 บาท)

Nissan-Leaf-2019

ส่วนอันดับ 1 ก็คงต้องยกให้สิงคโปร์ ที่มีนโยบายจำกัดจำนวนรถอยู่แล้วด้วยการเก็บภาษีหนักมาก โดย Nissan Leaf ขายในราคา 148,888 ดอลล่าร์สิงคโปร์ (หรือประมาณ 3,373,777 บาท!)

นั่นล่ะฮะ ท่านผู้ชม!

ส่วนใครที่อยากขายรถในยุคโควิดระลอกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถบ้าน รถมือสอง หรือเปลี่ยนไปลองซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ สามารถขายรถคันเดิมกับ CARRO ได้ ง่ายๆ รับเงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

Mitsubishi-i-MiEV-End-Production

ย้อนกลับไปช่วงประมาณกลางยุค 2000 ค่าย Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ที่ตอนนั้นยังอยู่ภายใต้อาณาจักรเดียวกับ DaimlerChrysler ได้ผลิตรถ K-Car ออกมาให้ชาวโลกให้ชอบใจกับการดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร และใช้เครื่องยนต์ขนาด 660 ซีซี วางด้านท้ายของรถ อย่าง “Mitsubishi i (มิตซูบิชิ ไอ)” ผลงานการสร้างสรรค์ของ Olivier Boulay ชาวฝรั่งเศสที่เป็นผู้ออกแบบรถรุ่นนี้ ที่พัฒนามาจากรถต้นแบบ “i” Concept ในปี 2003 ก่อนจะลุยตลาดทั่วโลก

Mitsubishi-i-Concept-2003

ชื่อรุ่น “i” นั้น มาตัวคันจิของภาษาญี่ปุ่น (และภาษาจีน) “愛” ที่แปลว่า “รัก” และยังสื่อในภาษาอังกฤษหมายถึง ฉัน หรือ เจ้าของรถ และยังตีความหมายไปเป็น Innovation, Intelligence และ Imagination ได้ด้วย

หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับเจ้า Mitsubishi i เวอร์ชั่นเครื่องยนต์สันดาปภายในกันไปแล้ว Mitsubishi จึงริเริ่มผลิต รถ EV (Electric Vehicle) อย่างรถยนต์ไฟฟ้า Mitsubishi i-MiEV (MiEV ย่อมาจาก Mitsubishi innovative Electric Vehicle) ขึ้นมาจำหน่ายกับเขาบ้าง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่จำหน่ายกันเป็นกิจจะลักษณะรุ่นแรกของโลก

Mitsubishi-i-MiEV-Debut-2010

โดยเปิดตัวครั้งแรกที่ญี่ปุ่นในวันที่ 5 มิถุนายน 2009 ก่อนจะส่งมอบรถให้ลูกค้า Corporate และหน่วยงานราชการของญี่ปุ่นเช่า ในเดือนกรกฏาคม 2009 และจำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วไป ในเดือนเมษายน 2010 ด้วยราคาที่ถือว่าสูงพอสมควร 4,599,000 เยน

ก่อนจะผลิตส่งไปจำหน่ายกว่า 52 ประเทศทั่วโลก และให้ทาง PSA ใช้ติดยี่ห้อรถของตัวเองขายในชื่อ Peugeot iOn กับ Citroën C-Zero และจำหน่ายใน USA ในชื่อ Mitsubishi i ซึ่งยอดขายจนถึงปัจจุบัน มีอยู่ที่ประมาณ 32,000 คันทั่วโลก ซึ่งต่างจากยอดขายของ Nissan Leaf ที่ทำได้มากถึง 500,000 คัน!

การไฟฟ้านครหลวง-MEA-EV

ที่สำคัญ ทาง Mitsubishi Motors ประเทศไทย ก็ได้นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ มาให้ลูกค้าได้ทดลองขับกันในปี 2553 รวมถึงมอบให้กับหน่วยงานต่างๆ ด้วย อาทิเช่น การไฟฟ้านครหลวง ที่ได้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ไปใช้งานหลายคัน

Mitsubishi-i-MiEV-2018

ต่อมาในเดือนเมษายน 2018 Mitsubishi ได้ปรับโฉมเพิ่มความสดใหม่ ชุดกันชนหน้า-หลังใหม่ เพิ่มสีตัวรถใหม่ ให้เจ้า Mitsubishi i-MiEV อีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ปรับปรุงอะไรใดๆ เลย จนดูล้าสมัยไปซะแล้ว โดยแบ่งออกเป็นรุ่นย่อย M ใช้แบตเตอรี่ความจุ 10.5 kWh (ต่อมาเลิกผลิตไป) และรุ่นย่อย X ใช้แบตเตอรี่ความจุ 16.0 kWh

Mitsubishi-i-MiEV-2018

ตัวรถภายนอก หน้าตาดูจิ้มลิ้ม น่ารักน่าชัง รูปทรงแบบ 5 ประตู Hatchback นั่งได้ 4 คน ในราคาตัวรถ 3,003,000 เยน

มิติตัวรถยาว 3,480 มม. กว้าง 1,475 มม. สูง 1,610 มม. ระยะฐานล้อ 2,550 มม. ความสูงจากพื้นรถ 150 มม. และน้ำหนักตัวรถ 1,100 กก.

Mitsubishi-i-MiEV-2018

ระบบขับเคลื่อน มอเตอร์ไฟฟ้า รหัส Y51 ให้กำลังสูงสุด 47 กิโลวัตต์ (64 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 160 นิวตัน-เมตร (16.3 กก.-ม.) ให้อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที พร้อมระบบเกียร์แบบลดความเร็วรอบเดียว ส่งกำลังไปที่ล้อหลัง

กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุ 16.0 kWh ขนาด 330 โวลต์ ใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มอยู่ที่ 7-14 ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่ง 164 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

Mitsubishi-i-MiEV-2018

แต่เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน ก็มีข่าวใหญ่ทาง Nikkei Asia ซึ่งเป็นสื่อใหญ่ของญี่ปุ่น รายงานว่า Mitsubishi จำเป็นต้องยุติการผลิต Mitsubishi i-MiEV ในสิ้นปี 2020 นี้ เนื่องจากไม่มีเงินและบุคลากรเพียงพอ ที่จะลงทุนพัฒนาระบบ EV ต่อไป

ถือเป็นการปิดตำนานรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของโลก ที่จำหน่ายกันอย่างจริงจัง และเป็นแรงบันดาลใจให้กับค่ายรถคู่แข่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างมากมาย อาทิ Nissan Leaf เป็นต้น

แต่อย่างไรก็ตาม Mitsubishi ก็ยังไม่ทิ้งตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งในตอนนี้ได้ร่วมมือกับ Nissan พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กรุ่นใหม่ร่วมกัน โดยมีแผนเปิดตัวเร็วที่สุดภายในปี 2023

Mitsubishi-i-MiEV-2018

ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่อไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็คราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

Nissan-Kumamoto-EV-Bus

เทคโนโลยีรถเมล์ไฟฟ้า จากรถยนต์ไฟฟ้า ที่ขายดีที่สุดในโลก

Nissan-Kumamoto-EV-Bus

นิสสัน ร่วมกับ มหาวิทยาลัยคุมาโมโตะ พัฒนารถเมล์ไฟฟ้าสำหรับใช้งานในเมือง เพื่อการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) รวมถึงลดการปล่อยมลพิษและก๊าซเรือนกระจกประเภทอื่นๆ ซึ่งทางนิสสัน ได้ส่งเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน 100% ที่ได้รับการพัฒนาแล้วใน Nissan Leaf รุ่นใหม่ มาทดลองใช้ในรถเมล์ไฟฟ้าครั้งนี้ด้วย

Nissan-Leaf

Nissan-Kumamoto-EV-Bus

โดยรถเมล์ไฟฟ้ามีชื่อว่า “Yoka ECO Bus” (โยกะ อีโค บัส) ที่นำมาทดลองได้ติดตั้งแบตเตอรี่ 3 ก้อน พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว และ Inverter สำหรับแปลงกระแสไฟฟ้า จาก Nissan Leaf พร้อมทั้งนิสสัน ยังให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและพัฒนาระบบส่งกำลังของรถเมล์ไฟฟ้าคันดังกล่าวอีกด้วย

Nissan-Kumamoto-EV-Bus

“เราหวังว่าการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของประเทศญี่ปุ่น ด้วยการพัฒนารถเมล์ไฟฟ้าจาก Khow-How และความร่วมมือของผู้ผลิตรถยนต์ในครั้งนี้ จะช่วยให้สิ่งแวดล้อมในญี่ปุ่นนั้นดีขึ้น” Toshiro Matsuda – Project’s Leader ของโครงการนี้ได้กล่าวไว้ และเป้าหมายของของการพัฒนารถเมล์ไฟฟ้าครั้งนี้ คือความต้องการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีต้นทุนการพัฒนาที่ต่ำ

Nissan-Kumamoto-EV-Bus

โดยการทดสอบจะเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ที่เมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเทคโนโลยีของนิสสันนี้ ช่วยให้ลดต้นทุนการผลิตรถเมล์ไฟฟ้าถูกลงไปมาก

Nissan-Kumamoto-EV-Bus Nissan-Kumamoto-EV-Bus

ส่วนในประเทศไทย น่าจะต้องรอกันอีกนานแสนนานเลยครับ กว่าจะมีรถเมล์ไฟฟ้า ให้คนเมืองได้ใช้กัน …

ขอขอบคุณข่าวจาก automotiveworld.com