ดูแลรถหน้าร้อน

9 เคล็ดลับที่ช่วย Keep Cool
และดูแลรถยนต์ของคุณในหน้าร้อน ใช้ได้เสมอ

ช่วงนี้! ออเจ้าทุกคนคงสัมผัสได้ถึงอากาศที่ร้อนเป็นพิเศษ เพราะเราชาวสยามประเทศกำลังเข้าสู่เดือนที่ทั้งเดือดทั้งร้อนที่สุดของปี คือ เดือนเมษายน ที่ร้อนจนถึงขนาดว่า น้ำเย็นๆ ที่เพศตรงข้ามสาดใส่เราตอนสงกรานต์ก็หาได้ดับร้อนไม่ และไม่ใช่แค่เราที่รู้สึกร้อนไปตามสภาพอากาศ สิ่งมีชีวิตอื่นก็เช่นกัน ขนาดสิ่งไม่มีชีวิตอย่าง “รถ” ก็ยังร้อนตามไปด้วย

แม้รถยนต์จะถูกสร้างให้แข็งแรง หรือทนทานขนาดไหน แต่หากขาดการดูแลก็ยากที่จะใช้งานได้อย่างราบรื่น และความร้อนมักส่งผลร้ายต่อทุกส่วนของรถยนต์ คุณจึงจำเป็นต้องตรวจสอบดูแลรถมากขึ้นในหน้าร้อน แต่หากคุณอยากรู้ว่า ต้องตรวจสอบอะไร และอย่างไรบ้าง 

Carro ก็มี 9 เคล็ดลับการดูแลรถยนต์ในช่วงหน้าร้อนมาเสิร์ฟดูแลรถหน้าร้อน

1. ตรวจสอบลมยางรถยนต์

อากาศร้อนมีผลต่อสภาพของยางเสมอ โดยจะเพิ่มความดันภายในยาง ทำให้พื้นสัมผัสของยางต่อถนนน้อยลง หากเจอพื้นถนนเปียกลื­่นก็จะหยุดยากกว่าปกติ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ คุณจึงควรตรวจสอบสภาพยาง ลมยาง และยางอะไหล่อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

 

2. ตรวจระบบปรับอากาศ

ควรตรวจสอบระบบปรับอากาศ อย่างเช่น ระดับของน้ำยาแอร์ ซึ่งหากเห­ลือน้อยก็อาจก่อปัญหากับระบบทำความเย็นของรถได้ ควรตรวจสอบอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี เพราะคงไม่ดีแน่ถ้ารถมาแอร์เสียหรือน้ำยาแอร์หมด ในช่วงที่อากาศร้อนระอุที่สุดของปี แค่คิดก็เหนียวตัวไปหมด!

 

3. แบตเตอรี่รถยนต์

อากาศร้อนแบบเฉียดนรกของบ้านเรา ส่งผลต่อระบบไฟฟ้าทั้งหมดรวมถึงแบตเ­ตอรี่รถยนต์ด้วย คุณควรหมั่นตรวจสอบระบบทั้งหมดเดือนละครั้ง ทั้งสายไฟและขั้วต่างๆ ให้อยู่ในสภาพดีเสมอ รวมถึงระดับของน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ก็ห้ามพร่อง เพราะยิ่งอากาศร้อนน้ำยิ่งระเหยง่ายมาก

 

4. ระบบเบรก

เบรคเป็นระบบความปลอดภัยที่คนใช้รถห้ามมองข้าม หากคุณสังเกตได้ว่าเกิดความผิดปกติขณะเบรก ไม่ว่าจะเป็นการสั่นมากกว่าปกติ มีเสียงดัง หรือมีระยะการหยุดยาวกว่าปกติ ก็ควรนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจสอบความผิดปกติ อย่ารอ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุตอนขับขี่ได้ดูแลรถหน้าร้อน

5. น้ำมันเครื่อง

อากาศร้อนอาจทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้น ดังนั้นการเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมจะช่วยบรรเทาภาระของเครื่องยนต­์ได้มาก นอกจากนี้ การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างสม่ำเสมอตามที่คู่มือแนะนำก็จำเป็นเช่นกัน ทั้งหมดนี้จะช่วยรักษาสภาพของเครื่องยนต์ให้ทำงานให้ใช้งานได้อ­ีกนาน

 

6.ระบบหล่อเย็นเครื่องยนต์

นอกจากน้ำมันเครื่องที่ดีแล้ว ระบบหล่อเย็นก็ควรทำงานได้อย่างปกติด้วย คุณควรหมั่นตรวจสภาพของหม้อน้ำและระบบต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีรอยขาดหรือชำรุด รวมถึงทำความสะอาดหม้อน้ำเมื่อพบสิ่งสกปรก

 

7. สายยาง และสายพานต่างๆ


สายยางและสายพานเป็นส่วนที่เชื่อมต่อระบบต่างๆ ของรถเข้าด้วยกัน ซึ่งแม้จะมีความทนทานสูง แต่หากมีรอยชำรุดเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ระบบของรถเกิดความผิดป­กติได้ จึงควรตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในฤดูร้อนที่ระบบภายในต่างๆ อาจเสียหายได้ง่ายเป็นพิเศษ

 

8. จอดรถในที่ร่ม

หากจำเป็นต้องจอดรถนานๆ คุณควรเลี่ยงการจอดรถในที่กลางแจ้ง เพราะนอกจากแสงแดดจะทำให้ห้องโดยสารร้อนแล้ว ยังส่งผลต่อสีตัวถังที่ซีดและเสียคุณสมบัติการปกป้องไปในไม่ช้า­ แต่หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ควรหาผ้าคลุมตัวถังเอาไว้เพื่อเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดโดยตรง­

 

9. เปิดกระจกก่อนเร่งแอร์

การที่หลายๆ คนเร่งแอร์ท­ันทีเมื่อขึ้นรถ โดยไม่สนว่ารถจะร้อนแค่ไหนก็ตาม จะทำให้รถทำงานหนักกว่าปกติและเปลืองน้ำมันมากขึ้น ดังนั้น ก่อนเปิดแอร์ คุณควรเปิดกระจกและพัดลมแอร์ให้แรงสักหน่อยเพื่อไล่ความร้อนออกไป ทำแบบนี้เพียง 1-2 นาที รับรองว่าแอร์ในรถจะเย็นเร็วกว่าเดิมมาก แถมประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น

ดูแลรถหน้าร้อน

จริงๆ แล้วเคล็ดลับ 9 ข้อที่ Carro นำมาเสิร์ฟก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นสิ่งที่คนใช้รถยนต์ทุกคนควรจะตรวจสอบเป็นปกติอยู่แล้ว ยิ่งในฤดูร้อนอาจต้องเพิ่มความรอบคอบเป็นพิเศษ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อป้องกันการเกิดเหตุสุดวิสัยบนถนน และยังช่วยรักษารถยนต์ให้อยู่กับออเจ้าไปนานๆ ตลอดภพนี้ชาตินี้เลยล่ะเจ้าค่ะ

วิธี,-รถ,-กำจัดขน,-tips

5 Tips ดีๆ ในการกำจัดขนสัตว์บนรถ
ด้วยวิธีง่ายๆและได้ผลแน่นอน

การมีสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งมีสัตว์เลี้ยงคู่ใจเป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วยกันยิ่งเป็นประสบการณ์ที่แสนพิเศษ แต่อย่างไรก็ตาม สุนัขหรือสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณก็สามารถสร้างความหายนะภายในรถได้เช่นกัน เพราะพวกเขามักจะกัด,แทะเบาะ และทิ้งขนเอาไว้จนฟุ้งกระจายไปทั่วรถ

และถึงแม้ว่า คุณจะสามารถฝึกให้สัตว์เลี้ยงของคุณไม่ให้กัดเบาะหน้ารถ หรือสามารถฝึกให้พวกเขารู้จักอดทนอยู่บนรถจนกว่าจะเจอที่ขับถ่ายที่เหมาะสม แต่คุณก็ไม่สามารถฝึกหรือห้ามสัตว์เลี้ยงของคุณ ให้พวกเขาไม่ทิ้งขนไว้บนรถได้แน่ๆ แต่ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมาสามารถจัดการได้ เพียงแค่คุณทำตามคำแนะนำง่ายๆเหล่านี้ คุณก็สามารถจัดการ “ขน” ภายในรถได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ

 

1. ใช้มือเปียกๆลูบเบาะภายในรถ

ใช้มือเปียกๆลูบเบาะภายในรถ

ไม่สำคัญว่าสุนัขของคุณจะมีขนาดใหญ่หรือเล็ก เพราะสุนัขทุกตัวจะทิ้งขนไว้ภายในรถอยู่ดี และคุณจะต้องทำความสะอาดหลังจากนั้น วิธีทำความสะอาดหรือกำจัดขนสุนัขที่ง่ายที่สุดคือ การทำให้มือเปียกด้วยน้ำ แต่ไม่ควรเปียกจนชุ่ม เพียงแค่เปียกหมาดๆก็พอ แล้วใช้มือเช็ดเบาะที่นั่งจนขนสุนัขติดมือขึ้นมา ทำซ้ำๆจนกว่าคุณจะทำความสะอาดพื้นผิวที่ต้องการได้หมดจด หากคุณไม่ต้องการใช้มือคุณสามารถใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆแทนก็ได้ แต่ผลลัพธ์อาจได้ผลน้อยกว่าการใช้มือทำความสะอาด

 

2. ใช้เทปกาว

เทปกาว

วิธีที่นิยมในการทำความสะอาดขนสุนัขภายในรถของ คือ การใช้เทปหรือผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกัน โดยใช้เทปที่มีส่วนเหนียวหรือหน้าที่เป็นกาวแตะรอบบริเวณภายในรถ จนขนสัตว์ติดหน้าเทปขึ้นมา วิธีนี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากและสามารถทำความสะอาดภายในรถได้ในเวลาอันรวดเร็ว

 

3. ใช้ไม้กวาดหรือแปรงปัดขน

แปรงปัดขน

มีผลิตภัณฑ์หลายอย่าง เช่น ไม้กวาดหรือแปรงปัดขนที่ผลิตออกมาขายในตลาด ซึ่งออกแบบมาเพื่อการกำจัดขนสัตว์โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จึงเหมาะที่สุดที่จะใช้ทำความสะอาดภายในรถของคุณ และเมื่อใช้งานเสร็จ อย่าลืมทำความสะอาดแปรงหรือไม้กวาดด้วย เพราะขนสัตว์จะเกาะติดอยู่บนแปรงเช่นกัน

 

4. ใช้ไฟฟ้าสถิตย์

ไฟฟ้าสถิตย์

นี่เป็นวิธีที่น่าสนใจ ฉลาด และทันสมัยในการกำจัดขนสัตว์ภายในรถ โดยรวมระหว่างหลักฟิสิกส์และการใช้ถุงมือยางไว้ด้วยกัน ที่คุณต้องทำก็คือ ใช้ถุงมือยางธรรมดาถูกับพื้นผิวบนรถ ซึ่งจะทำให้มือของคุณเต็มไปด้วยไฟฟ้าสถิตย์ และขนสุนัขก็จะติดมาบนถุงมือ กระบวนการทำความสะอาดนี้เป็นเรื่องง่ายๆ เพียงคุณลูบ, เช็ดเบาะหรือพื้นที่ภายในรถด้วยถุงมือที่มีไฟฟ้าสถิตย์ เมื่อทำความสะอาดเสร็จก็แค่ถอดถุงมือออก วิธีนี้เป็นการกำจัดขนสัตว์ที่สมบูรณ์แบบ ง่ายและมีประสิทธิภาพ

 

5. เครื่องดูดฝุ่น

เครื่องดูดฝุ่น

คุณสามารถทำความสะอาดภายในรถด้วยเครื่องดูดฝุ่นได้เหมือนกับที่ทำภายในบ้าน วิธีนี้ไม่เพียงแค่จะกำจัดขนสุนัขออกไป แต่ยังขจัดสิ่งสกปรกอนุภาคเล็กอื่นๆ ได้อีกมากมาย

อย่างไรก็ตาม Carro ขอแนะนำให้ทำความสะอาดร่วมกับวิธีอื่นๆ ด้วย เพราะบางครั้งจะมีเส้นผมที่ร่วงบนรถ ติดอยู่ในซอกเบาะ หรือร่วงตกอยู่ตามพื้นรถ ดังนั้นการดูดฝุ่นอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ แต่ถ้าคุณทำความสะอาดภายในรถด้วยเครื่องดูดฝุ่นร่วมกับวิธีทำความสะอาดอื่นๆ ก็จะทำให้ภายในรถของคุณสะอาดเหมือนกับรถคันใหม่เลยทีเดียว