Carro-Roojai-Update-5-New-Cars-In-Thailand-2020

เข้าสู่ศักราชใหม่อย่างเต็มตัว หนึ่งเรื่องที่คนรักรถติดตามนั่นก็คือ รถใหม่ปี 2020 ในไทย รอชมว่าจะมีรถรุ่นไหนออกมาขายใหม่บ้างในแต่ละปี จะมีนวัตกรรมใหม่อะไรบ้างในแต่ละรุ่นรถ ซึ่งแน่นอนว่าด้วยกลไกทางการตลาดก็ทำให้รถแต่ละรุ่นมีโฉมใหม่ออกมาตลอดทุกปี แต่บางทีก็เป็นแค่ข่าวเปิดตัวในต่างประเทศหรือบางรุ่นก็ไม่ได้นำเข้ามาขายในประเทศไทย

วันนี้ Roojai.com ได้รวบรวมรุ่นรถต่าง ๆ มาไว้ให้คุณแล้วกับ “ว่าที่” รถใหม่ที่พร้อมจะเข้ามาลุยตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ให้ทุกคนได้สัมผัสจับจองเป็นเจ้าของได้จริง อัปเดตกับรุ่นที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ ทั้งรุ่นที่สร้างกระแสให้กับคนทั่วโลกและรุ่นที่เป็นที่นิยมบนถนนบ้านเรา จะมีรุ่นไหนบ้าง เป็นรุ่นที่คุณกำลังรออยู่หรือเปล่า อ่านกันได้เลย

5 รถใหม่ปี 2020 ในไทย มีรถรุ่นอะไรบ้าง?

Honda-Jazz-2020

1. Honda Jazz

สร้างความฮือฮากันไปแล้วก่อนหน้านี้กับรถ 4 ประตูอย่าง Honda City ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าทาง Honda จะสานต่อความนิยมกับเวอร์ชั่นแฮทช์แบ็ก 5 ประตูกับรถ Honda Jazz ในปีนี้

รถรุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกที่ญี่ปุ่นซึ่ง gen นี้ถือเป็นลำดับที่ 4 ของตระกูล เป็นจุดดึงดูดความสนใจให้กับบรรดาสาวกรถรุ่นนี้กันได้ไม่น้อยทั้งในไทยและเทศ ผ่านดีไซน์ภายนอกและภายในที่เน้นความเรียบง่ายมากกว่าเดิม เน้นส่วนโค้งมากกว่าการตัดคม สื่อถึงความเป็นพื้นฐานของรถในอนาคตได้อย่างเต็มที่ และเช่นเดิมที่เรื่องของความกว้างและความเอนกประสงค์ภายในห้องโดยสารยังคงเป็นจุดขายไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้าซึ่งช่วยสร้างชื่อให้กับรถรุ่นนี้

ถึงแม้เวอร์ชั่นตั้งต้นของรถรุ่นนี้จะมากับเครื่องยนต์ไฮบริดแต่คาดว่าพอถึงเวลาที่ทางค่ายปูพรมเปิดตัวให้กับรถรุ่นนี้ในไทย โอกาสที่จะใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกับที่ใช้ใน Honda City รุ่นล่าสุดจะมีสูงกว่า ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ Turbo Charger แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 122 แรงม้า

Mazda-CX-30-2020

2. Mazda CX-30

Mazda CX-30 เข้าไทย เป็นข่าวแรงมากในช่วงที่ผ่านมา จากความท้าทายเดิมที่ Mazda CX-3 ให้ไม่ได้ในเรื่องของขนาดภายในห้องโดยสารที่พื้นฐานถูกนำมาจาก Mazda2 ทางค่ายจึงแก้ปัญหาโดยการพัฒนารถรุ่นใหม่นี้ขึ้นมาใหม่เป็น gen ที่ 2 ของตระกูลพร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Mazda CX-30

แผนของ Mazda CX-30 ในช่วงต้นปีนี้ต่อเนื่องจากที่เปิดตัวในญี่ปุ่นก่อนหน้าเมื่อราวเดือนกันยายนในปีที่แล้ว โดยพื้นฐานตัวถังจะปรับมาใช้ร่วมกับของ Mazda3 รุ่นปัจจุบันที่เพิ่งเปิดตัวในไทยเมื่อไม่นานมานี้ สะเด็ดน้ำจนได้มิติรถใหม่ที่ช่วยส่งให้ภายในห้องโดยสารกว้างขึ้นในทุกมิติ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้มากขึ้น และสามารถสู้ได้แบบไม่อายกับคู่แข่งไม้เบื่อไม้เมาอย่าง Toyota C-HR และ Honda HR-V

Honda-Freed-2020

3. Honda Freed

เปิดตัวออกมาเป็นความหวังเล็ก ๆ ที่คนไทยอยากจะสัมผัสกับรถครอบครัวคุณภาพอย่าง Honda Freed หลังจากที่เปิดตัวใหม่ในแบบไมเนอร์เชนจ์ที่บ้านเกิดเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว มาพร้อมกับขุมกำลังที่มีทั้ง เบนซิน 1.5 ลิตร และ เบนซิน Hybrid ให้เลือก พร้อมกับการปรับปรุงใหม่หมดโดยเฉพาะภายในให้ดูเป็นมิตรมากขึ้น “ตรงรุ่น” ในความเป็นรถสำหรับครอบครัวในทุกจุด

อย่างไรก็ตามสำหรับรุ่นนี้ต้องบอกไว้ก่อนว่าอาจะต้องลุ้นหนักหน่อยว่าจะมีเข้ามาขายในไทยหรือเปล่า เพราะทางต้นสังกัดยังไม่ได้ออกมาคอนเฟิร์มว่าจะนำเข้ามาขายอีกมั้ย แต่ด้วยกระแสเรียกร้องของผู้ใช้ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่เราจะได้เห็นรถรุ่นนี้กลับมาโลดแล่นบนถนนบ้านเราอีกครั้ง

Nissan-Kicks-2020

4. Nissan Kicks

เมื่อต้นตำรับ Crossover SUV รุ่นบุกเบิกตลาดในไทยอย่าง Nissan JUKE ถึงเวลา “กลายพันธ์ุ” (ได้สักที) มาเป็นรถรุ่นใหม่ในชื่อ Nissan Kicks บนแพลตฟอร์มล่าสุดของทางค่ายที่ชื่อ V-Platform เทคโนโลยีแบบเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Note และ Nissan Almea ใหม่

ซึ่งเวอร์ชั่นที่มาถึงเมืองไทยจะเป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์ล่าสุดหลังจากที่รุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 บนตลาดโลก และคาดว่าจะมากับเครื่องยนต์ไฮบริด HYBRID e-POWER เป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.2L ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุดอยู่ที่ 129 แรงม้า ตัวรถจะถูกขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก ส่วนเครื่องยนต์จะทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องปั่นไฟเข้าแบตฯ ส่งให้มอเตอร์ใช้งาน

Toyota-Yaris-2020

5. Toyota Yaris

ซิตี้คาร์ยอดนิยมอันดับหนึ่งอย่าง Toyota Yaris ในรูปแบบใหม่หมดเปลือกได้เถลิงตัวออกมาแล้วเป็นครั้งแรกที่งาน Tokyo Motor Show 2019 บนแพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมดเป็น TNGA-B อัปเกรดความสปอร์ตมากขึ้นที่ภายนอก ด้วยเส้นสายโค้งเว้ารอบคัน ส่วนภายในทั้งการออกแบบและการใช้งานทุกฟังก์ชั่นถูกจัดไว้อย่างลงตัว เรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความล้ำสมัยไม่ต่างจากภายนอก

ด้านเครื่องยนต์ เปิดตัวมาให้เลือกกับเครื่องยนต์ 3 ขนาด ได้แก่ 1.0L, 1.5L และ 1.5L Hybrid ปล่อยให้เวอร์ชั่นปัจจุบันของรุ่นทำตลาดไปก่อน ไม่นานเกินรอ เร็วที่สุดคือไม่เกินสิ้นปีนี้หรืออย่างช้าก็ปีหน้าที่คนไทยจะได้สัมผัสกับลุคใหม่แบบหมดเปลือกของเจ้า Yaris นี้ด้วยตัวเอง

และทั้งหมดนี้คือรถรุ่นที่เรานำมาฝากกันกับ รถใหม่ 2020 ในไทย บางรุ่นกระแสมาแรงค่อนข้างชัวร์ รอเปิดตัวกันได้เลย บางรุ่นอาจต้องลุ้นหนักสักหน่อย ต้องอดใจรอกันสักนิด ช้าหรือเร็วเป็นไปได้ทั้งหมด แต่ที่รอไม่ได้เลยนั่นก็คือเรื่องของการทำประกันรถยนต์ซึ่งต้องมีอยู่คู่กับรถของคุณ หากต้องการคลิกที่นี่เพื่อเช็คราคาประกันรถออนไลน์ สามารถทำได้เลยตลอด 24 ชม.ผ่านเว็บไซต์เพราะ Roojai.com เราพร้อมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ

Thailand-Monthly-Car-Sales-Volume

สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 68,271 คัน ลดลง 17.1% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 27,356 คัน ลดลง 15.6% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 40,915 คัน ลดลง 18.1% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 33,376 คัน ลดลง 18.5%

สาเหตุที่ตลาดรถยนต์นั่งบ้านเราลดลง 15.6% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ลดลง 18.1% เนื่องมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ ประหยัดและระวังเรื่องการใช้จ่าย

ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 2 เดือน มีปริมาณการขาย 139,959 คัน ลดลง 12.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 7.9% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 15.9% ซึ่งต้องจับตาดูยอดขายรถยนต์ในเดือนมีนาคม 2563 กันอีกครั้ง ว่าตัวเลขนั้นจะดิ่งลงมากกว่านี้แค่ไหน จากสถานการณ์ระบาดของ โควิด-19 ที่ยังไม่สามารถควบคุมได้!

อีกทั้งยังเกิดเรื่องที่ว่า มีพนักงานในสายการผลิตรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ติดโรค COVID-19 ขึ้ันมา รวมถึงการที่ภาครัฐขอความร่วมมือให้ทุกคนอยู่บ้าน ไม่ควรออกไปไหนถ้าไม่จำเป็น และการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายราย เริ่มพิจารณาการหยุดผลิตรถยนต์ชั่วคราว ซึ่งมีโรงงานที่หยุดการผลิตดังต่อไปนี้

  • Honda ปิดโรงงานที่โรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. – 30 เม.ย. 2563
  • Toyota ปิดโรงงานที่สำโรง จ.สมุทรปราการ, บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา และเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา ตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. – 17 เม.ย. 2563
  • Mazda ปิดโรงงานที่ จ.ระยอง ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. – 8 เม.ย. 2563
  • Ford ปิดโรงงานที่ จ.ระยอง ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. – 20 เม.ย. 2563

และสำหรับรายละเอียดด้านล่างนี้ เป็นปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ครับ

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 68,271 คัน ลดลง 17.1%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 18,606 คัน
ลดลง 27.2% ส่วนแบ่งตลาด 27.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ
14,484 คัน
ลดลง 2.1%
ส่วนแบ่งตลาด 21.2%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 9,761 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% ส่วนแบ่งตลาด 14.3%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 27,356 คัน ลดลง 15.6%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า
8,409 คัน
เพิ่มขึ้น 12.9%
ส่วนแบ่งตลาด 30.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
6,364 คัน
ลดลง 32.7% ส่วนแบ่งตลาด 23.3%
อันดับที่ 3 นิสสัน
3,013 คัน
ลดลง 13.8%
ส่วนแบ่งตลาด 11.0%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 40,915 คัน ลดลง 18.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
14,484 คัน
ลดลง 2.1%
ส่วนแบ่งตลาด 35.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
12,242 คัน ลดลง 23.9%
ส่วนแบ่งตลาด 29.9%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,508 คัน
ลดลง 17.2%
ส่วนแบ่งตลาด  8.6%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และรถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 33,376 คัน ลดลง 18.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
13,604 คัน
ลดลง 0.7% ส่วนแบ่งตลาด 40.8%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
10,599 คัน ลดลง 25.6%
ส่วนแบ่งตลาด 31.8%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
3,508 คัน
ลดลง 17.2% ส่วนแบ่งตลาด 10.5%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,539 คัน
โตโยต้า 1,183 คัน – มิตซูบิชิ 904  คัน – อีซูซุ 652  คัน – ฟอร์ด 450  คัน – เชฟโรเลต 192 คัน – นิสสัน 158 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 29,837 คัน ลดลง 15.7%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
12,952 คัน
เพิ่มขึ้น 0.4%
ส่วนแบ่งตลาด 43.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
9,416 คัน ลดลง 21.5%
ส่วนแบ่งตลาด 31.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
2,604 คัน
ลดลง 13.9% ส่วนแบ่งตลาด  8.7%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2563

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 139,959 คัน ลดลง 12.8%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
38,829 คัน ลดลง 25.8% ส่วนแบ่งตลาด 27.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 28,769 คัน
เพิ่มขึ้น 4.6%
ส่วนแบ่งตลาด 20.6%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
21,172 คัน เพิ่มขึ้น 11.5% ส่วนแบ่งตลาด 15.1%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 57,687 คัน ลดลง 7.9%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 17,889 คัน
เพิ่มขึ้น 24.5%
ส่วนแบ่งตลาด 31.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
13,255 คัน ลดลง 29.3%
ส่วนแบ่งตลาด 23.0%
อันดับที่ 3 นิสสัน
6,716 คัน เพิ่มขึ้น 3.8%
ส่วนแบ่งตลาด 11.6%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 82,272 คัน ลดลง 15.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
28,769 คัน
เพิ่มขึ้น 4.6%
ส่วนแบ่งตลาด 35.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
25,574 คัน ลดลง 23.8%
ส่วนแบ่งตลาด 31.1%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
6,905 คัน
ลดลง 17.3%
ส่วนแบ่งตลาด 8.4%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 66,667 คัน ลดลง 17.3%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
26,986 คัน เพิ่มขึ้น 6.2%
ส่วนแบ่งตลาด 40.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
22,384 คัน ลดลง 25.7%
ส่วนแบ่งตลาด 33.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
6,905 คัน
ลดลง 17.3% ส่วนแบ่งตลาด 10.4%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 6,759 คัน
โตโยต้า 2,358 คัน
มิตซูบิชิ 1,853 คันอีซูซุ 1,123 คันฟอร์ด 879 คันเชฟโรเลต 316 คันนิสสัน 230 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 59,908 คัน ลดลง 14.6%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
25,863 คัน
เพิ่มขึ้น 8.2%
ส่วนแบ่งตลาด 43.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
20,026 คัน ลดลง 21.7%
ส่วนแบ่งตลาด 33.4%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
5,052 คัน
ลดลง 17.3% ส่วนแบ่งตลาด 8.4%

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในยุค COVID-19 ระบาด สามารถขายคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

Work-Invest-Less-Income-Much

ในช่วงสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 (COVID-19) กำลังระบาด ทำให้การทำงาน การเดินทางไปติดต่อพบปะลูกค้าของหลายคนสะดุด ลำบากกันเป็นแถว เพราะต่างก็กลัวโควิด-19 กัน หลายบริษัทจึงให้พนักงานทำงานแบบ Work From Home ที่อาศัยช่องทางการทำงาน ผ่านระบบอินเตอร์เนตเป็นหลัก

แต่ก็อย่าเพิ่งถอดใจไป เพราะในทุกครั้งที่มีวิกฤต มักมีโอกาสใหม่ๆ ให้คนทำงานอย่างพวกเราได้พิสูจน์และทดสอบอยู่เสมอ ยิ่งมีช่องทางออนไลน์ ที่สามารถเข้าถึงคนทั่วโลก (แบบไม่ต้องเจอหน้ากันเป็นๆ ก็ได้) ที่พร้อมขยายธุรกิจไปได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหารายได้หลัก หรือการหารายได้เสริม หรือจะเป็นการจับเสือมือเปล่า เลือกธุรกิจที่ตัวเองชอบ แล้วปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ …

สำหรับคนที่มีการเตรียมตัว และมีแผนเตรียมพร้อมในช่วงวิกฤต หรือแผนสำรองทางธุรกิจหลายๆ แผน ที่มักเรียกกันว่า BCP (Business Continuity Plan หรือ Business Contingency Plan) รับมือกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้ ท่ามกลางความเสี่ยงหลายรูปแบบในสถานการณ์ตอนนี้

MR.CARRO จะมาแนะนำอาชีพเสริม กับวิธีที่ลงทุนน้อย แต่มีรายได้เข้ามาอยู่กับคุณมากๆ ในยุคที่โควิด-19 ระบาดครับ …

Carro-Work-Invest-Less-Income-Much

1. ซื้อมาขายไป

วิธีการที่ง่ายดายอย่างแรกนั่นก็คือการ “ซื้อมาขายไป” แต่กรณีนี้คุณก็อาจจะต้องมีทุนประเดิมไว้สักก้อนหนึ่ง ลองติดตามดูว่า อะไรที่จำเป็นในชีวิต หรือดูลู่ทางแล้วน่าจะมีโอกาสขายได้มาก ขายได้เร็ว และพอบวกกำไรเข้าไปได้ โดยเพียงคุณทำหน้าที่เป็นคนกลาง รอดูคนขาย และหาคนซื้อ ให้ได้

แต่ถ้าไม่มีทุนประเดิม คุณก็ทำหน้าที่เป็น “คนกลาง” ทำ Dropship ได้เช่นกัน เมื่อคุณเห็นนาย ก. ขายสินค้าชิ้นหนึ่ง ราคา 300 บาท คุณอาจจะนำรูปสินค้าของนาย ก. มาลงประกาศขายในเว็บไซต์แนวๆ Affiliate Program ในราคา 400 บาท เมื่อมีคนซื้อ นาย ข. สนใจ คุณก็ทำการติดต่อซื้อขายกับนาย ข. เสร็จ ก่อนจะซื้อของนาย ก. ในราคา 300 บาท และก็แจ้งให้นาย ก. ส่งของไปตามที่อยู่ของนาย ข. ได้เลย

แค่นี้ คุณก็ได้ส่วนต่างเป็นกำไรถึง 100 บาทแล้ว!

Carro-Work-Invest-Less-Income-Much

2. ขี่มอเตอร์ไซค์ส่งอาหาร

อันนี้ไม่เชิงจับเสือมือเปล่าเสียทีเดียว อย่างน้อยๆ คุณก็ต้องมีมอเตอร์ไซค์ละ … ยิ่งในช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาด ภาครัฐต่างพยายามให้ผู้คนอยู่บ้านกันมากที่สุด เพื่อลดการรับเชื้อและแพร่เชื้อ บวกกับวิถีชีวิตคนกรุงเทพฯ ส่วนมากนิยมอยู่คอนโดมิเนียมกัน ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องการทำอาหาร

การไปสมัคร App Delivery ส่งอาหาร สามารถทำรายได้มากเกินคาด! ถึงเดือนละหลายหมื่นบาท ก็มีให้เห็นมาแล้ว แต่ก็ต้องแลกกับเวลาทำงานสิบกว่าชั่วโมงต่อวัน ซึ่งในตอนนี้ก็มี Food Delivery (ฟู้ดเดลิเวอรี่) อยู่ด้วยกันหลายเจ้า ซึ่งในแต่ละเจ้าก็มีเงื่อนไขการวิ่ง การจ่ายเงิน ที่แตกต่างกันไป

Carro-Work-Invest-Less-Income-Much

3. งานอดิเรกก็เปลี่ยนเป็นเงินได้

ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่างานอดิเรก ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งยังเป็นรายได้เสริมยอดนิยมตลอดกาล เพราะเรามีความรู้ ความชอบ ความสามารถ ในสิ่งที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ ที่ยังสามารถหารายได้จากสิ่งที่รักได้อีกด้วย และไม่รู้สึกเบื่อกับการหาเงินในสิ่งที่ชอบ

งานอดิเรกยอดฮิตที่สร้างรายได้ได้ง่ายๆ เช่น ช่างภาพ, ขายภาพออนไลน์, วาดภาพเหมือน, วาดภาพการ์ตูน, ทำงานฝีมือ รับจ้างเขียนบทความ หรือจะเป็น Youtuber ก็ได้เช่นกัน

Carro-Agent-Rewards

4. เป็นนายหน้า

กรณีนี้ คุณสามารถทำได้ตั้งแต่ขายสินค้าเล็กๆ ไปจนถึงขายของชิ้นใหญ่ๆ เช่น ตัวแทนขายประกันชีวิต ขายรถยนต์ ขายที่ดิน ขายบ้าน หรือขายคอนโดมิเนียม เป็นต้น

หรือถ้าหากใครชื่นชอบการขายรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ใหม่ หรือรถยนต์มือสอง สามารถมาร่วมขายรถกับ CARRO ได้ ซึ่ง CARRO คือ แพลตฟอร์ม Startup ออนไลน์สำหรับรถมือสองจากประเทศสิงคโปร์ ที่เข้ามาเป็นสื่อกลางระหว่างการซื้อ-ขาย รถยนต์มือสองออนไลน์ในไทย ที่ลูกค้าบ้าน กับ Agent สามารถเข้ามาขายรถ และมีดีลเลอร์ประมูลรถได้พร้อมๆ กัน หลายพันเจ้าในครั้งเดียว

ซึ่ง CARRO Wholesale Application คือ แอพลิเคชั่นที่ช่วยให้คุณสามารถขายรถได้ง่ายๆ และขายลงรถได้หลายๆ คัน เพียงแค่กรอกรายละเอียด รุ่นรถยนต์ที่ต้องการขาย และรูปถ่ายรถยนต์ในมุมต่างๆ

Carro-Agent-Rewards

การลงขายรถของ Agent ในแต่ละครั้ง สามารถเข้าถึง Dealer รถมือสองทั่วประเทศไทยกว่า 3,000 ราย และสามารถดูการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวการประมูลรถ เช่น ราคาสูงและต่ำสุด, จำนวนบิดหรือจำนวนการประมูล, จำนวน Dealer ที่เข้ามาดูรถ และ ประมูลรถ ได้อีกด้วย อีกทั้งยังสามารถปิดการขายได้ภายใน 24 ชั่วโมง เพราะนี่คือ Concept ของเรา “ความเร็ว ความโปร่งใส และ ราคาดี”

หากท่านใดยังไม่มี App นี้ สามารถดาวน์โหลด Application “CARRO Wholesale” จากใน iOS และ Android สามารถคลิก Download ที่ Link นี้ได้เลย Link นี้เลย —> icon_ios icon_android

เพียงเปิด App CARRO Wholesale ใส่ข้อมูลรถที่ต้องการขาย พร้อมรูปภาพให้ครบ ก็โพสต์ขายรถได้เลย สำหรับรอบการประมูลรถ เรามีเวลาดำเนินการตามนี้

สำหรับระบบ Agent นั้น ถ้าหากรถที่คุณลงขายได้ราคาสูงสุด เราก็จะติดต่อให้คุณเจอกับผู้ซื้อ พร้อมตกลงปิดการขายกันได้ ซึ่งหากคุณขายได้หลายคัน เรายังมีสิทธิพิเศษมอบให้คุณอีกด้วย เช่น ขายครั้งแรก ได้รับ 2,000 Points สามารถนำไปแลกของรางวัลต่างๆ ได้ เป็นต้น

ถ้าคุณมีลูกค้า เอารถมาเทิร์นเมื่อไหร่ อย่าลืมมาขายรถกับเรา เพราะนี่ก็เป็นอีกวีธีการหนึ่ง ที่ช่วยให้คุณมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นมาได้ง่ายๆ แล้วล่ะครับ

ดูรายละเอียด และวิธีการใช้งานของ CARRO Wholesale Application เพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/blog/carro-agent-rewards/

หากมีข้อสงสัยประการใด สามารถ Inbox มาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand หรือโทร. 02-508-8425 ในเวลาทำการ (จันทร์-ศุกร์ 9.30 – 18.30 น.) หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carropartner —> เพิ่มเพื่อน

ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสอยู่เสมอ ขอให้คุณรับมืออย่างมีสติ อย่าท้อแท้ แม้ว่าโรคระบาดทำให้หลายธุรกิจสะดุด แต่อาจเป็นโอกาสในป้องกันตัว และกลับมาตั้งหลัก ให้มุ่งไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง เพียงแต่คุณต้องหาโอกาสของคุณให้เจอโดยเร็วไว

Check-Ticket-Bus-Train-Airplane-COVID-19-Affectation

จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีการยกเลิกวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์หลังมีคำสั่งให้เลื่อนวันหยุดสงกรานต์เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาด ณ ตอนนี้

วันนี้เรามาเช็กวิธีเลื่อนตั๋วรถไฟ , รถทัวร์ เครื่องบิน กันนะคะ

รถทัวร์

ทาง บขส. ได้ออกมาตรการพิเศษ ดูแลผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการเลื่อนวันหยุดสงกรานต์ โดยจะขยายระยะเวลาการให้เลื่อนตั๋วเดินทางเพิ่มเป็น 90 วัน จากปกติให้ 30 วัน

นอกจากนี้ยังเปิดให้ผู้โดยสารที่ไม่ประสงค์จะเดินทางสามารถขอคืนตั๋วได้ฟรีไม่มีค่าธรรมเนียม จากปกติที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม 10% ของราคาตั๋ว

วิธีการเลื่อนต้องนำตั๋วหรือสลิปการชำระเงินมาขอเลื่อนต่อพนักงานขายตั๋วก่อนรถออกเป็นเวลา 1 วัน มิเช่นนั้นถือว่าสละสิทธิ์ และถ้าเลื่อนการเดินทางแล้ว ไม่สามารถคืนตั๋วได้

ส่วนกรณียกเลิกตั๋วนั้น ผู้โดยสารที่จองตั๋วระหว่างวันที่ 1-30 เมษายน 2563 มีความประสงค์จะคืนค่าตั๋ว สามารถติดต่อได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋ว บขส.
ทั่วประเทศตั้งแต่ 25 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป

รถไฟ

เบื้องต้นทาง รฟท. ได้จัดเตรียมอำนายความสะดวกเรื่องค่าธรรมเนียมการคืนตั๋วหรือเลื่อนตั๋วช่วงเทศกาลสงกรานต์ไว้แล้ว ซึ่งปัจจุบันตั๋วโดยสารช่วงเทศกาลสงกรานต์ถูกจองเต็มหมดแล้ว

เครื่องบิน

ทางเฟซบุ๊ก Thai Airways ได้อำนวยความสะดวกโดยยกเว้นค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนแปลงการเดินทางเส้นทางระหว่างประเทศ สำหรับบัตรโดยสารราคาปกติและราคาพิเศษที่ออกในประเทศไทย และเดินทางด้วยเที่ยวบินของการบินไทย (TG) และเที่ยวบินร่วมกับสายการบินไทยสมายล์ (WE) โดยผู้โดยสาร สามารถติดต่อดำเนินการต่อไปนี้ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2563

การเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน

  • สามารถเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินโดยไม่มีค่าธรรมเนียมสำหรับเส้นทางเดิมหรือรหัสชั้นโดยสาร (RBD) เดิม **ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนที่นั่งว่างแต่ละเที่ยวบินของวันที่จะเดินทาง
  • ในกรณีที่รหัสชั้นเดินทางที่ระบุบนบัตรโดยสารเดิมไม่มีที่ว่างในเที่ยวบินที่ต้องการเปลี่ยน ผู้โดยสารจะต้องชำระส่วนต่างราคาและภาษี (ถ้ามี)

การเปลี่ยนแปลงเส้นทางบิน

  • สามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทาง โดยชำระส่วนต่างราคาและภาษี (ถ้ามี) และยกเว้นค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนแปลงผู้เดินทาง
  • สำหรับบัตรโดยสารที่ยังไม่ได้ใช้เดินทาง สามารถเปลี่ยนชื่อผู้เดินทางได้ 1 ครั้ง มีค่าธรรมเนียม 3,000 บาท

การคืนบัตรโดยสาร

  • สามารถคืนบัตรโดยสารตามเงื่อนไขของบัตรโดยสาร

ช่วงนี้ต้องดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ หากคุณต้องการขายรถด่วนให้ CARRO ช่วยได้ขายให้ภายใน 24 ชั่วโมง และได้ราคาดี และหากต้องการรถยนต์ใหม่ ป้ายแดง โปรแรงๆ สามารถดูโปรโมชั่นได้ที่ https://www.siamcardeal.com/ หรือสามารถ Inbox สอบถามโปรโมชั่นรถใหม่และข่าวสารได้ที่ Facebook Siamcardeal

หรือ Add Line เพื่อรับโปรโมชั่นต่างๆ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม @siamcardeal
Inbox : http://m.me/siamcardeal
Line : https://line.me/R/ti/p/@siamcardeal

แน่นอนว่าก่อนที่เราจะนำรถไปขับขี่บนท้องถนน จำเป็นต้องมีใบขับขี่กันเสียก่อนแล้ว รู้ไหมครับว่าเวลาไป “สอบใบขับขี่ เราต้องเตรียมอะไรไปบ้าง” วันนี้แฟรงค์มิตรรักนักขับได้รวบรวมมาบอกคุณแล้ว

เอกสารที่ต้องเตรียมตอนไปสอบใบขับขี่

5-Tricks-For-Get-Driving-License

1.ใบเอกสารการจองอบรม

ก่อนจะไปสอบใบขับขี่ แฟรงค์แนะนำให้จองคิวอบรมก่อนนะครับ โดยสามารถเข้าไปจองได้ที่ DLT e-Booking ได้เลยครับ เมื่อจองเสร็จแล้วเราจะได้เป็นไฟล์ Ticket ที่จะบอกรายละเอียด ชื่อ ที่อยู่ รวมถึงวัน – เวลาในการอบรมของเรามา ให้เราปรินท์ใบนี้แล้วนำไปในวันสอบใบขับขี่ด้วยนะครับ

2. บัตรประชาชนตัวจริง

ต้องเป็นบัตรประชาชนตัวจริงนะครับ ใช้สำเนาไม่ได้นะ โดยต้องใช้บัตรที่ชื่อและใบหน้าในบัตรยังชัดเจน ไม่เลือนด้วยนะครับ

3.ใบรับรองแพทย์

เนื่องจากผู้ขอใบขับขี่ต้องเป็นผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอันตรายขณะขับรถ และไม่เป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน โดยเราจะต้องนำหลักฐานใบรับรองแพทย์ที่มีผู้รับรองกำหนด และตราประทับสถานพยาบาลชัดเจน มาด้วยในวันสอบใบขับขี่ โดยที่ใบรองแพทย์จะต้องมีอายุไม่เกิน 1 เดือนด้วยนะครับ

5-Tricks-For-Get-Driving-License

4.ใบอนุญาตขับรถฉบับเดิม (ในกรณีที่ไปต่อใบขับขี่)

อันนี้เฉพาะคนที่มีใบขับขี่อยู่แล้ว และต้องการไปต่อใบขับขี่นะครับ คนที่ไม่เคยมีหรือต้องการไปทำใบขับขี่ใบแรกไม่ต้องนะ

5. เตรียมความรู้สำหรับสอบใบขับขี่ไปด้วยนะ

เพราะเมื่อถึงวันสอบ เราจะต้องผ่านการทดสอบมากมาย ทั้งการอบรมเบื้องต้น การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย สอบภาคทฤษฎีและปฏิบัติ

ถ้าใครกังวล กลัวว่ายังเตรียมความรู้ไม่แน่นพอ ก็สามารถอ่าน ข้อสอบใบขับขี่ 2563 สำหรับรถยนต์และมอไซค์ ฉบับอัปเดต! เตรียมความพร้อมได้นะครับ ไปถึงจะได้สอบผ่านฉลุย และที่สำคัญ ต้องทำ “ประกันรถยนต์” จาก Frank.co.th ไว้ดูแลด้วยนะครับ

DIY-Hand-Sanitizer

การระบาดของไวรัส COVID-19 (โควิด-19) นอกจากจะสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างมากมายมหาศาลไปทั่วโลกแล้ว ยังกระทบไปถึงกิจการห้างร้านต่างๆ มากมาย ที่ล้มกันไปเป็นแถบๆ อีกทั้งยังสร้างความหวาดระแวงต่อตัวบุคคลไปด้วยว่า ฉันจะติดโควิด-19 หรือเปล่า?

แต่ท่ามกลางวิกฤต ก็ยังมีโอกาสสำหรับสินค้าบางอย่าง เช่น แอลกฮอลล์ เจลล้างมือ เครื่องวัดไข้แบบพกพา หรือหน้ากากอนามัย ที่ขายดีชนิดว่าผลิตมาเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย จนขาดตลาดหาซื้อไม่ได้ หรือไม่ก็ถูกปั่นราคาขึ้นไปจนสูงมาก

เพื่อช่วยประหยัดและลดรายจ่าย MR.CARRO ขอนำคำแนะนำดีๆ จาก WHO ที่เผยวิธีทำ “เจลล้างมือ” แบบง่ายๆ จากสูตรขององค์การอนามัยโลก (WHO) ไว้ทำเองกันที่บ้านครับ

โดยคู่มือที่ WHO ให้ไว้นี้ สามารถทำเจลล้างมือได้ 10 ลิตร ซึ่งใครที่ต้องการทำน้อยลง ก็สามารถลดปริมาณส่วนผสมต่างๆ ลง ได้ตามสัดส่วน

ส่วนผสมได้แก่:

เอธานอลแอลกอฮอล์ 96% – 8,333 มิลลิลิตร
ไฮโดรเจนเพอรอกไซด์ – 417 มิลลิลิตร
กลีเซอรอล 98% – 145 มิลลิลิตร

วิธีทำ:

1. เทเอธานอลแอลกอฮอล์ลงในถังหรือขวดขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุของเหลวได้ 10 ลิตร

2. เติมไฮโดรเจนเพอรอกไซด์

3. เติมกลีเซอรอลลงไป ซึ่งจะทำให้เกิดความเหนียว

4. เติมน้ำที่ผ่านการต้มและทิ้งไว้จนเย็นแล้ว ลงไปให้ถึง 10 ลิตร จากนั้นผสมให้เข้ากัน

องค์การอนามัยโลกระบุว่า เจลล้างมือที่ทำตามวิธีนี้ ได้รับการทดสอบในหลายประเทศแล้วว่าใช้ได้ผลจริง โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้ตาม Link นี้ https://www.who.int/gpsc/5may/Guide_to_Local_Production.pdf

New-MG-ZS-2020

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว New MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) โฉมใหม่อย่างเป็นทางการ ตอกย้ำการเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเอสยูวี ด้วยอีกขั้นของยนตรกรรมภายใต้นิยาม “SMART UP” ยกระดับ สู่การเป็น “สมาร์ทเอสยูวี ที่เหมาะกับชีวิตสมาร์ทของทุกคน” ในราคา 689,000 – 799,000 บาท!

พร้อมดึงนักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง “เจเจ – กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม” เป็นพรีเซนเตอร์คนแรก ที่จะมาถ่ายทอดดีเอ็นเอของความสมาร์ทได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีแผนเผยโฉมสู่สาธารณชน ณ โชว์รูมเอ็มจีทั่วประเทศ ในวันที่ 3 – 5 เมษายนนี้

สรุปอย่างเร็ว จุดเด่นของ MG ZS ใหม่ มีอะไรเปลี่ยนใหม่บ้าง?

  • ไฟหน้า LED Projector – ไฟท้ายแบบ LED
  • กระจังหน้าใหม่
  • ล้อแม็กขอบ 17 นิ้ว ลายใหม่
  • มาตรวัดใหม่ แบบ Digital Multi-Function Display ขนาด 7 นิ้ว
  • กล้องมองรอบคัน 360 องศา พร้อมหน้าจอ Infotainment ขนาด 10 นิ้ว แบบสัมผัส
  • ห้องโดยสารภายในสีทูโทน
  • เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด

New-MG-ZS-2020

นับตั้งแต่ปี 2560 MG ได้แนะนำรถเอสยูวีรุ่น MG ZS สู่ตลาดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ด้วยแนวคิดที่ต้องการพัฒนารถยนต์อัจฉริยะ หรือ สมาร์ทคาร์ โดยสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการรถยนต์ ในเมืองไทยจากการติดตั้งระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ซึ่งเป็นระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะระบบแรก และระบบเดียวในโลกที่รองรับการสั่งการในรถด้วยเสียงภาษาไทย พร้อมดีไซน์ที่ล้ำสมัย และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย

จึงก้าวสู่ความหนึ่งในผู้นำของกลุ่มรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก หรือ B-SUV ด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 30,000 คัน ภายในเวลาเพียง 2 ปีครึ่ง!

New-MG-ZS-2020

New MG GS ด้านหน้าและท้ายรถ ดีไซน์ใหม่ให้ดูโฉบเฉี่ยว เสริมความสปอร์ตและแฝงความหรูหราที่มากขึ้น New MG ZS ยังมาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด ซึ่งทำให้การตอบสนองต่อการขับขี่ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

รวมไปถึงระบบปฎิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นใหม่ Emergency Call ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีเมื่อถุงลมนิรภัยในรถทำงาน ด้วยการโทรและส่งข้อความระบุพิกัดรถไปยังเบอร์โทรที่ได้มีการตั้งค่าไว้ เพิ่มโอกาสการรับความช่วยเหลือในเวลาฉุกเฉิน รวมทั้งมีระบบความปลอดภัยที่ให้มากกว่าเดิมทั้งกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา (Around View Monitor) และระบบความปลอดภัยอื่นๆ อย่างครบครัน

New-MG-ZS-2020

“New MG ZS” : SMART UP สมาร์ท SUV ที่เหมาะกับชีวิตสมาร์ทของทุกคน

“NEW MG ZS” อีกขั้นของยนตกรรม SUV ที่มาพร้อมนิยาม “SMART UP สมาร์ทเอสยูวี ที่เหมาะกับชีวิตสมาร์ทของทุกคน” ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC ให้ความสปอร์ต หรูหรา ตามแบบฉบับยนตรกรรมอังกฤษที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นอีกขั้น ทั้งในด้านสมรรถนะ (PERFORMANCE) การควบคุม (Handing) การออกแบบ (Design) ความสะดวกสบาย (Comfort) และความปลอดภัย (Safety)

New-MG-ZS-2020

SMART UP – EXTERIOR DESIGN ขั้นกว่าของดีไซน์ที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ

New MG ZS โฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ และการออกแบบเส้นสายด้านข้างแบบ British Shoulder Line ด้วยความโค้งมนที่เป็นเอกลักษณ์ของเอ็มจี เพิ่มความสมาร์ทด้วยไฟหน้าแบบ LED Projector ที่ควบคุมการเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Light) และไฟท้ายแบบ LED พร้อมเสริมความดุดันด้วยล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว

New-MG-ZS-2020

New-MG-ZS-2020

SMART UP – INTERIOR DESIGN & COMFORT ความลงตัวของงานออกแบบพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งาน

New MG ZS ออกแบบภายในอย่างพิถีพิถันด้วยห้องโดยสารแบบสปอร์ตสีทูโทน และการใช้วัสดุ Soft Touch ในการตกแต่ง โดดเด่นขึ้นอีกขั้น ด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นและหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะขนาด 7 นิ้วดีไซน์ใหม่ (Digital Multi-Function Display) และหน้าจอ Touch Screen ขนาดใหญ่ 10 นิ้ว ซึ่งรองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay และระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียกับสมาร์ทโฟนระบบ Android พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มีระบบกรองอากาศเพื่อกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5

อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบาย ด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง พร้อมที่พักแขนด้านหน้า รวมไปถึงระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยปุ่ม Push Start และยังคงสุนทรียภาพในการขับขี่ด้วยหลังคาซันรูฟขนาดใหญ่แบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)

New-MG-ZS-2020

SMART UP – PERFORMANCE บทพิสูจน์แห่งยนตรกรรมที่มาพร้อมขุมพลังที่ให้สมรรถนะเต็มประสิทธิภาพ

New MG ZS ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ 8 สปีด และสามารถปรับโหมดพวงมาลัยได้ถึง 3 โหมด คือ

  • โหมด City สำหรับการขับขี่ในเมือง
  • โหมด Standard สำหรับการขับขี่ทั่วไป และ
  • โหมด Sport สำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ต

มาพร้อมช่วงล่างตามแบบ Euro Tuning Suspension ที่ให้การทรงตัวอย่างดีเยี่ยม ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลงและช่วงล่างหลังแบบ Torsion Beam ที่จะทำให้การควบคุมในการขับขี่ลงตัวมากขึ้น

New-MG-ZS-2020

SMART UP – SAFETY สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยที่สุดแห่งเทคโนโลยีความปลอดภัย

New MG ZS จัดเต็มระบบความปลอดภัย ให้มาแบบคุ้มค่ามากๆ อีกทั้งตัวรถใช้โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Synchronized Protection System อาทิเช่น ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา (Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนถอยหลัง ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) ถุงลมนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างรวม 6 จุด และระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer

New MG ZS มี 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น C+ D+ และรุ่นสูงสุดคือ X+ พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี คือ สีขาว Arctic White สีแดง Scarlet Red สีเงิน Silver Metallic และ สีดำ Black Knight โดยมีราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แบ่งตามรุ่นย่อย ดังนี้

รุ่นรถยนต์ ราคาจำหน่าย

(บาท)

 

New MG ZS รุ่น C+

 

 

689,000

 

 

New MG ZS รุ่น D+

 

 

739,000

 

 

New MG ZS รุ่น X+

 

 

799,000

 

New MG ZS มาพร้อมโปรโมชั่นและแคมเปญสุดพิเศษ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้า ในสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ระบาด โดยลูกค้าที่จองและรับรถภายในเดือนเมษายนนี้ จะได้รับข้อเสนอสุดพิเศษ ดังนี้

  • ซื้อรถ NEW MG ZS วันนี้ “ขับฟรี 3 เดือน”*
  • ดอกเบี้ยพิเศษ เพียง 1.89%*
  • ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี

*ภายใต้เงื่อนไขของสถาบันการเงินที่กำหนด

ส่วนใครที่อยากได้ MG ZS ใหม่ แต่เงินสดมีไม่เพียง ถ้าใช้รถคันเดิมอยู่ สามารถนำมาขายกับทาง CARRO ได้ แม้ว่ารถจะติดไฟแนนซ์ เราก็พร้อมปิดไฟแนนซ์ให้ และยินดีรับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Tesla-One-Million-Cars-Production

หากเราจะเปรียบเทียบบริษัทรถยนต์ Tesla (เทสลา) ในแง่ของกำลังการผลิต ก็อาจจะสู้กับยักษ์ใหญในโลกยานยนต์อย่าง Toyota (โตโยต้า), GM (จีเอ็ม) หรือ Volkswagen (โฟล์คสวาเกน) ที่มียอดผลิตรถยนต์นับล้าน หรือสิบล้านคันต่อปีไม่ได้ก็ตาม แต่ล่าสุด CEO คนดังของเทสล่า อย่าง Elon Musk (อีลอน มัสก์) ได้ออกมาแสดงความยินดีพร้อมกับรถยนต์ Tesla Model Y ด้วยความภาคภูมิใจ

Tesla-Model-3

Tesla ถือกำเนิดครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2003 โดยการก่อตั้งของ Martin Eberhard และ Marc Tarpenning ซึ่งตั้งตามนามสกุลนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง นักประดิษฐ์ นักฟิสิกส์ และวิศวกรไฟฟ้าผู้สร้างนวัตกรรมล้ำยุคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ชาวเซอร์เบีย-อเมริกัน “Nikola Tesla” (นิโคลา เทสลา) ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2004 ก็ได้ Elon Musk เจ้าของฉายา “Iron Man” ก็ได้เข้ามาลงทุนในบริษัทก่อนจะได้ขึ้นเป็นประธานบริษัท ก่อนจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าแบบสปอร์ตเปิดประทุนของค่ายคันแรก Tesla Roadster ในปี 2008 ซึ่งในไทยก็เคยมีผู้นำเข้ามาจำหน่าย

ต่อมา Tesla เริ่มทำรถยนต์ไฟฟ้า ให้ทุกคนเข้าถึงเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น โดยออกแบบรถออกมา 4 รูปแบบ ในชื่อ “S E X Y” แม้ว่ารถ Tesla Model E จะถูกเปลี่ยนเป็น 3 ก็ตาม แต่ก็ต้องถือว่าเป็นการเล่นคำ เป็นอักษรตัว E ในภาษาอังกฤษ ก็สามารถกลับด้านมาให้ดูคล้ายเลข 3 ได้

Tesla-One-Million-Cars-Production

Tesla อาจจะใช้เวลายาวนานถึง 12 ปี กว่าจะผลิตรถยนต์ได้มากถึง 1 ล้านคัน แต่จากรายงานผลประกอบการเดือนมกราคม ของ Tesla ประกาศว่าจะส่งมอบรถยนต์กว่า 500,000 คันไปยังทั่วโลกในปี 2020 นี้ ซึ่งคาดได้เลยว่า ล้านที่สองของ Tesla คงไม่ไกลเกินฝันแน่ๆ ซึ่ง Tesla ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้ลูกค้ามากที่สุด แซงหน้ารถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง BYD ไปแล้วด้วย

ซึ่งรถ Model Y ซึ่งเป็นรถแบบ Crossover ก็คือรถคันที่ 1 ล้าน ที่ออกมาจากโรงงานของ Tesla นั่นเอง ซึ่งพร้อมส่งมอบในช่วงฤดูใบไม้ร่วง 2020 ของสหรัฐฯ

และในปี 2019 ที่ผ่านมา Tesla เพิ่งเปิดตัวรถกระบะ Cybertruck ที่จะขายในปี 2021 นี้ ก็สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ด้วยรูปทรง Polygon ที่แปลกตา ผลิตจากเหล็กกล้าไร้สนิม ในราคาที่จับต้องได้ แต่ก็มีเรื่องหน้าแตกอยู่นิดหน่อยตรงที่ Elon Musk เคลมว่ากระจกของรถ Tesla Armor Glass นั้นแข็งแกร่งนัก แต่ตอนเปิดตัวกลับกระจกร้าว ตอนสาธิตความแข็งแกร่งด้วยการขว้างลูกบอลเหล็กใส่ซะงั้น!

Tesla-One-Million-Cars-Production

อีกทั้ง Tesla ยังเริ่มต้นผลิตรถยนต์นอกสหรัฐฯ พร้อมส่งมอบรถยนต์คันแรกที่ผลิตจากโรงงาน Gigafactory 3 ในเซี่ยงไฮ้ เมื่อปลายปี 2019 ที่ผ่านมา และกำลังเตรียมสร้าง Gigafactory 4 ใกล้กับกรุงเบอร์ลินในประเทศเยอรมนี หลังจากศาลตัดสินให้สามารถตัดไม้ เพื่อสร้างโรงงานต่อไปได้ ท่ามกลางการคัดค้านของกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Gruene Liga Brandenburg …

และนี่ก็คือความฝัน ความตั้งใจของ Elon Musk ที่มาได้ไกลเกินฝันจริงๆ!

ส่วนใครที่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน ก็ลองขายรถคันเดิมแล้วเอาเงินไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ดู เพียงลงขายรถคันเดิมง่ายๆ ได้ที่ Link นี้เลย https://th.carro.co/sell-car/express ให้ราคาดี รับเงินไว ปิดการขายได้ใน 24 ชั่วโมง หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand คลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Gasohol-91-Phased-Out-In-Thailand

กระทรวงพลังงาน เตรียมผลักดันการใช้แก๊สโซฮอล์ E20 ให้เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐานของประเทศ เพื่อช่วยยกระดับราคามันสำปะหลังและอ้อย คาดเริ่มประกาศใช้ E20 เป็นน้ำมันเบนซินหลัก และยกเลิกผลิตแก๊สโซฮอล์ 91 ในเดือนมิถุนายนนี้ ก่อนจะยกเลิกจำหน่ายในวัยที่ 1 กันยายน 2563

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2563 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้เร่งรัดให้กรมธุรกิจพลังงาน เตรียมพร้อมที่จะให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันพื้นฐานกลุ่มเบนซิน ได้ภายในมิถุนายนนี้ เพื่อยกระดับราคามันสำปะหลังและอ้อย ที่ปัจจุบันมีการนำมาใช้ผลิตเป็นเอทานอลคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 27 ของการผลิตเอทานอลทั้งหมด หลังจากก่อนหน้านี้ประกาศให้ดีเซล B10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานเมื่อ 1 มกราคม 2563 เพื่อสนับสนุนราคาปาล์ม

ทั้งนี้ กรมธุรกิจพลังงานได้หารือกับน้ำมันของเอกชน เบื้องต้นสรุปที่จะกำหนดให้โรงกลั่นน้ำมันเลิกการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2563 ก่อนจะยกเลิกการจำหน่ายหน้าปั๊มน้ำมัน มีผลภายในวันที่ 1 กันยายน 2563 เพื่อผลักดันให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันเบนซินฐานของประเทศ

Gasohol-91-Phased-Out-In-Thailand

โดย น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 คือ น้ำมันเชื้อเพลิงที่มาจากน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว มาผสมกับเอทานอล หรือเอทิแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน 10 % จึงได้ออกมาเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอลออกเทน 91 และยังคงคุณสมบัติในการใช้งานกับเครื่องยนต์ เช่นเดียวกับน้ำมันเบนซินออกเทน 91

นับตั้งแต่ภาครัฐ ประกาศยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 ไปในปี 2556 มาจนถึงน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ยกเลิกในปี 2563 แล้ว รถเก่า รถมือสองของใครหลายๆ คน ที่ไม่ได้รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จะมีปัญหาหรือไม่? ในการใช้งาน

มาดูกันว่า 3 ทางออกของรถเก่า ต้องทำอย่างไรกันบ้าง

Gasohol-91-Phased-Out-In-Thailand

1. เปลี่ยนชนิดน้ำมัน เป็นแก๊สโซฮอล์ 95 หรือจูนเครื่องยนต์ให้รองรับ E20/E85

หากน้ำมันรถคุณเป็นรถรุ่นเก่า (หลังปี 1995 ขึ้นไป หรือเครื่องยนต์หัวฉีด) MR.CARRO ขอแนะนำให้รถคุณใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ทดแทน เนื่องจากยังคงมีการจำหน่ายตามปกติ และมีราคาที่สูงกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เพียงนิดเดียว แถมให้ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นด้วยซ้ำไป เนื่องจากมีออคเทนที่มากกว่า

น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 คือ น้ำมันเชื้อเพลิงที่มาจากน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว มาผสมกับเอทานอล หรือเอทิแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน 10 % เพื่อทดแทนสาร MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) จึงได้ออกมาเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล ออกเทน 95 และยังคงคุณสมบัติในการใช้งานกับเครื่องยนต์ เช่นเดียวกับน้ำมันเบนซินออกเทน 95

Gasohol-91-Phased-Out-In-Thailand

บางคันอาจจะต้องการความประหยัด ก็สามารถไปติดกล่องจูนเครื่องยนต์ ให้สามารถรองรับ น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 หรือ E85 ได้ การติดกล่องก็เพื่อจ่ายน้ำมันให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งแก๊สโซฮอล์ E85 ก็เป็นราคาน้ำมันที่ถูกที่สุดในเวลานี้ (15.29 บาท ณ วันที่ 20 มีนาคม 2563) ช่วยให้สามารถประหยัดเงินได้มาก

แต่ก็แลกกับการสิ้นเปลืองที่มากขึ้น และท่อน้ำมันที่เสื่อมสภาพไวขึ้นด้วย เพราะแอลกฮอลล์ สามารถกัดซึมเข้ารอยปริแตกของท่อน้ำมันได้มากกว่า และต้องเปลี่ยนหัวฉีดใหม่เพื่อลดการอุดตันอีกด้วย

Gasohol-91-Phased-Out-In-Thailand

2. ติดแก๊ส LPG

การติดแก๊ส LPG ในช่วงที่ราคาน้ำมันลดลงฮวบๆ แบบนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าเพื้ยนหรือเปล่า? ติดแก๊สแล้วเวลาขายต่อ คนมองว่ารถต้องใช้งานเยอะแน่ๆ ราคาตก เครื่องยนต์ร้อนมากกว่าปกติ ต้องดูแลระบบแก๊ส หม้อต้ม เครื่องยนต์ ต้องตั้งวาล์ว เปลี่ยนซีลวาล์ว แหวนลูกสูบ ฯลฯ เร็วกว่ารถทั่วไป ต้องถ่ายน้ำมันเครื่องไวขึ้น แถวกลัวรถไฟไหม้ด้วย

แต่ที่จริงแล้ว การติดแก๊สก็มีข้อดีอยู่หลายอย่างเช่นกัน เช่น ราคาที่ถูกกว่าน้ำมันมาก (คุณคิดหรือ ว่าราคาน้ำมันจะลงต่ำแบบนี้ตลอดไป) รวมถึงให้ออคเทนเครื่องยนต์ที่มากกว่า (ประมาณออคเทน 105) ทำให้การเผาไหม้ที่สมบูรณ์กว่า

ซึ่งมันจะคุ้มค่ามาก ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้รถเยอะๆ เมื่อหักลบรายจ่ายแล้ว การติดแก๊สรถยนต์ อาจทำให้คุณเหลือเงินส่วนต่างไว้ดูแลเครื่องยนต์อีกเยอะเลย ยังไงก็คุ้ม

Gasohol-91-Phased-Out-In-Thailand

3. เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่

สำหรับรถยนต์รุ่นที่เก่ามากๆ จนน้ำมันไม่รองรับการใช้งานของเครื่องยนต์สักอย่าง อีกทั้งถังน้ำมันยังเป็นเหล็กอีก การเปลี่ยนเครื่องยนต์ก็ดูจะเป็นทางออกที่ดี ของคนที่ไม่ยึดกับกับการ “เน้นเดิมๆ” นัก หรือเครื่องยนต์ที่หาอะไหล่เริ่มยาก กำลังตก ถังน้ำมันแบบเหล็ก ไม่รองรับกับการเติมแก๊สโซฮอล์

เพราะเครื่องยนต์รถรุ่นใหม่ แม้ว่าจะเป็นของเก่าเซียงกงก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้หัวฉีดในการจ่ายน้ำมัน มากกว่าเครื่องยนต์แบบเก่าที่ใช้ระบบคาร์บูเรเตอร์จ่าน้ำมัน ที่ต้องหาคนจูนเก่งๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพ และก็ให้กำลังเครื่องยนต์ กับการดูแลรักษาที่ง่ายกว่าเครื่องยนต์แบบเก่าๆ

ส่วนใครที่อยากขายรถเก่า เพื่อไปซื้อรถปีใหม่ขึ้น ที่รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Carro-Work-From-Home

นับตั้งแต่สถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 (โควิด-19) อย่างต่อเนื่องในประเทศไทยตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2563 จนถึงขณะนี้ ส่งผลต่อความวิตกกังวลของประชาชน เนื่องจากในสถานที่มีคนพลุกพล่าน ทางภาครัฐจังขอให้งดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงสั่งปิดสถานบริการต่างๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพร่เชื้อโรคทางอ้อมได้ ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของห้างร้านต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ด้านบริษัท CARRO ซึ่งเป็นบริษัท Startup ดำเนินงานเกี่ยวกับรถมือสองชั้นนำจากประเทศสิงคโปร์ มิได้นิ่งนอนใจกับการระบาดของไวรัส COVID-19 (โควิด-19) จึงได้วางแผนรับมือกับการระบาดของ COVID-19 อย่างเต็มที่

อีกทั้งยังเป็นการทดสอบการทำหน้าที่ว่า หากทำงานจากนอกสถานที่ หรือทำงานจากที่บ้านแล้ว ประสิทธิภาพในการทำงาน จะต่อเนื่องหรือลดลงหรือไม่? ในสถานการณ์ที่จำเป็นเช่นนี้

Carro-Rebrand-To-2020

ด้าน นายมานิต โกการ์ ผู้อำนวยการ บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ทาง CARRO มีความห่วงใยพนักงานทุกท่าน ที่อาจได้รับผลกระทบจากการเดินทาง ผ่านสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่นเพื่อมาทำงาน และสุขภาพอนามัยของทุกๆ ท่าน จึงจัดให้มีการทำงานแบบ Work From Home ซึ่งทาง CARRO ยังคงพร้อมที่จะให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ ต่อเนื่องทุกเวลา จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น”

Carro-Work-From-Home

นับตั้งแต่วันที่ 17-20 มีนาคม 2563 ทาง CARRO ได้ให้พนักงานทำงานแบบ “Work From Home” เพื่อความต่อเนื่องของการทำงาน การให้ความสำคัญกับสุขภาพของพนักงาน และให้ความสำคัญในการบริการลูกค้า ซึ่งก็ยังมีพนักงานปฏิบัติงานในสำนักงานปกติ และในพื้นที่อื่น หรือทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ซึ่งมีผลดีดังนี้

  • พนักงานทำงานในสำนักงานลดลง ทำให้โอกาสแพร่เชื้อไวรัส COVID-19 ลดลงตาม
  • มีพนักงานสองทีม หากทีมหนึ่งไม่พร้อมทำงาน หรือมีผู้ป่วย ก็จะมีอีกทีมหนึ่ง ที่สามารถทำงานแทนกันได้ โดยไม่ต้องถูกกักบริเวณเพื่อเฝ้าระวังอาการ
  • เพื่อเตรียมความพร้อมในกรณีฉุกเฉิน ที่จะให้พนักงานทำงานได้ทุกสถานที่ แม้ว่าจะมีการปิดสถานที่ต่างๆ แต่ยังปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งขณะนี้ (19 มีนาคม 2563) ยังไม่พบพนักงาน CARRO ที่ติดเชื้อไวรัส COVID-19 หรือมีพนักงานที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือเกี่ยวข้องกับผู้ที่เดินทางในประเทศกลุ่มเสี่ยง แต่อย่างใด ซึ่งหากตรวจพบหรือมีข้างต้น พนักงานจะต้องเฝ้าระวังอาการอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน ถึงจะกลับมาทำงานปกติ

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

สำหรับเรา CARRO เรายังพร้อมให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ ตลอดเวลาของการทำงานในแต่ละวัน ซึ่งท่านใดหากต้องการขายรถในช่วงนี้ CARRO ยินดีต้อนรับท่านเสมอทุกโอกาส และมั่นใจได้กับระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวของคุณลูกค้า และรถยนต์ของคุณ แม้ว่าจะปฏิบัติงานนอกสถานที่ก็ตาม

ส่วนใครที่อยากขายรถ หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

และในส่วนของท่านใดที่มีรถยนต์อยู่ในมือหลายคัน ต้องการขายรถแบบ Fleet คราวละหลายๆ คัน ก็สามารถสมัครขายรถแบบ Agent กับทางเราได้เช่นกัน เพียง Download Application CARRO Wholesale ซึ่งระบบการซื้อรถกับทาง CARRO ไม่ว่าคุณจะขายรถแค่เพียงคันเดียว หรือจะขายรถหลายคันก็ได้

หากท่านใดยังไม่มี App นี้ สามารถดาวน์โหลด Application “CARRO Wholesale” จากใน iOS และ Android โดย Download ได้จาก Link นี้เลย —> icon_ios icon_android

ดูรายละเอียด และวิธีการใช้งานของ CARRO Wholesale Application เพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/blog/carro-agent-rewards/

หากมีข้อสงสัยประการใด สามารถ Inbox มาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand หรือโทร. 02-508-8425 ในเวลาทำการ (จันทร์-ศุกร์ 9.30 – 18.30 น.) หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carropartner —> เพิ่มเพื่อน