The-10-Best-In-Motor-Expo-2019

10 “ที่สุด” ในงาน Motor Expo ที่คุณยังไม่รู้ หรืออาจจะรู้ไม่หมด!

งาน “Motor Expo 2019” หรือ “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 36” นอกจากจะมีการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ รถมือสอง รวมไปถึงอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง อุปกรณ์ตกแต่ง โปรโมชั่น และพริตตี้สาวสวยที่หลายๆ คนชื่นชอบนั้น …

ภายในงานยังถือได้ว่ามีเรื่องราว “ที่สุด” ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ทั้งหลายที่นำมาโชว์ด้วย CARRO ขอรวบรวม 10 ที่สุด ที่เกี่ยวกับรถยนต์ในงาน “Motor Expo 2019” มาให้ทุกท่านได้รับทราบกันครับผม

ส่วนใครอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ เอารถมาขาย หรือตีราคารถ ที่ CARRO ได้เลย ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

ถูกที่สุด

Suzuki-Celerio-2019

รถที่ “ถูก” ที่สุดในงาน Motor Expo 2019 ยังคงเป็นSuzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ)” รถ Eco-Car น้องเล็กในตระกูล Suzuki สำหรับตลาดเมืองไทย อัดแน่นคุณภาพ ชู 3 จุดเด่น เน้นห้องโดยสารกว้างขวาง หลังคาที่สูง สมรรถนะเกินตัว ความประหยัดเป็นเยี่ยม มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3 สูบ 1.0 ลิตร 68 แรงม้า ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22 กม./ลิตร ในราคาเริ่มต้นที่ 318,000 บาท!

แพงที่สุด / เร็วที่สุด

McLaren-Senna-2019

ขอขอบคุณภาพจาก Motor Expo

รถที่ขึ้นชื่อว่า “แพง” ที่สุดในงาน Motor Expo 2019 นั่นก็คือ McLaren Senna (แมคลาเรน เซนนา) รถ Hyper Car หรือรถแข่งในคราบรถถนน ที่มีคันเดียวในประเทศไทย (ซึ่งผลิตเป็นคันที่ 269 และมีเจ้าของเรียบร้อยแล้ว) ราคารวมภาษีแล้วกว่า 200 ล้านบาท! ซึ่งผลิตจำนวนจำกัด เพียง 500 คันทั่วโลก เป็นการระลึกถึงอดีตนักแข่งรถ Formula 1 ชาวบราซิลอย่าง Ayrton Senna (ไอร์ตัน เซนนา) แชมป์เปี้ยนโลก 3 สมัย ปี 1988, 1990 และ 1991 ในช่วงที่อยู่ทีม McLaren-Honda

ตัวถังทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 1,198 กิโลกรัม ประกอบด้วยเครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตร แบบ V8 Twin Turbo 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 2.8 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 340 กม./ชม.

เท่ที่สุด

Scuderia-Toro-Rosso-STR14-Motor-Expo-2019

เท่ที่สุดในงาน Motor Expo 2019 ต้องยกให้บูธ PTTOR ที่นำรถ Mock-Up รุ่น STR14 ของทีม Scuderia Toro Rosso ที่ขับโดย Alex Albon Ansusinha (อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์) ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ที่จัดว่าเป็นคนไทยคนที่ 2 ที่เข้าร่วมแข่งรถในรายการ Formula 1 (ฟอร์มูล่าวัน) ฤดูกาล 2019 มาโชว์ในงาน Motor Expo 2019

โดย STR14 นี้ ใช้เครื่องยนต์จากค่าย Honda รหัส RA619H ขนาด 1.6 ลิตร แบบ V6 DOHC 740 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ 8 สปีด มีน้ำหนักเครื่องยนต์อยู่ที่ 145 กิโลกรัม ในราคาค่าตัวนับร้อยล้านบาท

รถ EV (รถยนต์ไฟฟ้า) ถูกที่สุด

BYD-M3

รถ EV ที่ถูกที่สุดในงาน Motor Expo 2019 ครั้งนี้ ต้องยกให้กับรถไฟฟ้าสัญชาติจีน อยู่ที่บูธ PTTOR อย่าง “BYD M3” (บีวายดี เอ็ม3) มาพร้อมด้วยระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ด้วยมอเตอร์ 70 Kwh พร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาด 50 Kwh สามารถวิ่งได้ระยะทาง 300 กม. (คำนวณจากที่รวมน้ำหนักบรรทุก 700 กก. หรือเทียบเท่ามีผู้โดยสาร 7 คน)

อัตราการสิ้นเปลือง 1 Kwh : 6 กม. เทียบเท่ากับ กม.ละ เพียง 0.833 บาท ซึ่งประหยัดกว่าค่าเชื้อเพลิงถึง 3 เท่า ในราคา 999,000 บาท

เก่าที่สุด

Jaguar-E-Type

รถเก่าที่สุดในงาน อยู่ที่บูธ สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย นั่นคือ “Jaguar E-Type” (จากัวร์ อี-ไทป์) ซึ่งผลิตระหว่างปี 1961-1964 ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ ขนาด 3,781 ซีซี (3.8 ลิตร) ถือเป็นรถที่เก่าที่สุดในงานครับ

ใหญ่ที่สุด

TATA-Ultra

ไม่มีใครใหญ่ไปกว่านี้แล้วในงาน Motor Expo 2019 ครั้งนี้ ต้องยกให้ “TATA Ultra” (ทาทา อุลตร้า) รถบรรทุก 6 ล้อ พร้อมเบรก ABS ติดตั้งจากโรงงาน มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล 4 สูบ ขนาด 3 ลิตร ให้กำลังและแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ แต่ประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยม ราคาเริ่มต้นเพียง 794,000 บาท (ราคานี้ไม่รวมโปรโมชั่นส่งเสริมการขายอื่นๆภายในงาน)

รถ SUV เร็วที่สุด

Lamborghini-Urus

รถ SUV ที่เร็วที่สุดในงาน Motor Expo 2019 ก็ยังคงเป็น Lamborghini Urus (ลัมโบร์กินี อูรูส) นั่นเอง ในราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 23,420,000 บาท กับ Super SUV คันแรกของโลก ที่ถ่ายทอด DNA ของลัมโบร์กินีอย่างแท้จริง ผสมผสานกับความเอนกประสงค์ของรถ SUV ที่มาพร้อมคำนิยามว่า “Since We Made It Possible”

ด้วยเครื่องยนต์ V8 Twin-Turbo ให้พละกำลัง 650 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่มาตั้งแต่รอบต่ำ ส่งผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ ชม. ในเวลาเพียง 3.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดกว่า 300 กม./ ชม. 

รถจักรยานแพงที่สุด

Porsche-Bike-RX

ในงาน Motor Expo 2019 นี้ แม้แต่จักรยาน ก็มีขายเช่นกัน! ต้องยกให้ “Porsche Bike RX” (ปอร์เช่ ไบค์ อาร์เอ็กซ์) ที่ไฝฝันของชาวน่องเหล็กหลายต่อหลายคน ด้วยเฟรมแบบคาร์บอนไฟเบอร์ มาพร้อมเกียร์ 22 สปีดของ Shimano น้ำหนักเบาประมาณ 10 กิโลกรัม ในราคา 277,725 บาท (จากราคาเดิม 370,300 บาท!)

รถมอเตอร์ไซค์แพงที่สุด

MV-Agusta-F4-RC

รถมอเตอร์ไซค์แพงที่สุดในงาน Motor Expo 2019 ต้องยกให้กับ MV Agusta F4 RC (เอ็มวี ออกัสต้า เอฟ4 อาร์ซี) ยอดรถ Supersport Bike พลังแรงจากอิตาลีที่เปิดตัวในปี 2019 ทำสีแฟริ่งใหม่ แบบเดียวกับที่แข่งในรายการ WSBK

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ขนาด 1,000 ซีซี 212 แรงม้า ระบบเบรกหน้า-หลัง ใช้ของ Brembo พร้อมตัวกันสะบัดจาก Ohlins โดยผลิตออกมาเพียง 100 คันทั่วโลกเท่านั้น และมีเพียง 2 คันในไทย! ในราคา 2,400,000 บาท!

รถมอเตอร์ไซค์ถูกที่สุด

Zongzhen-Ryuka-Retro

รถมอเตอร์ไซค์ถูกที่สุดในงาน Motor Expo 2019 นั่นคือ “Zongzhen Ryuka Retro” (จงเซิน ริวก้า เรโทร) มาในราคา 29,900 บาท

อยากรู้ราคารถใหม่ในงาน Motor Expo 2019 มียอดดาวน์ ยอดจัด ผ่อนเดือนละเท่าไหร่ ดูได้ที่นี่

รวมใบราคา และตารางผ่อนรถใหม่ป้ายแดง จากงาน Motor Expo 2019 (มอเตอร์เอ็กซ์โป 2019)

สำหรับใบราคาและตารางผ่อนที่เรานำมาฝากในครั้งนี้ Carro ขอเน้นไปที่รถตลาดเป็นหลัก อาทิเช่น ToyotaHondaNissanMitsubishi, Isuzu, Mazda, Ford, Mercedes-Benz, BMW และ MG เป็นต้น

ส่วนใครอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ เอารถมาขาย หรือตีราคารถ ที่ CARRO ได้เลย ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

หากท่านใดที่สนใจรถยนต์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนก็ตาม ลองดูงบประมาณที่ตัวเองมี Promotion แจ๋วๆ จากใบราคาภายในงาน ที่ CARRO คัดสรรรถยี่ห้อยอดนิยมในงาน Motor Expo 2019 มาลงให้ชมด้านล่างครับ.

Toyota

Toyota-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Toyota-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Nissan

ดูตารางราคา Nissan Almera 2020 เพิ่มเติมได้ที่นี่ – https://th.carro.co/blog/compare-price-interest-rate-nissan-almera-2020-vs-honda-city-2020/

Nissan-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Nissan-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Honda

ดูตารางราคา Honda City 2020 เพิ่มเติมได้ที่นี่ – https://th.carro.co/blog/compare-price-interest-rate-nissan-almera-2020-vs-honda-city-2020/

Honda-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Honda-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Honda-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Honda-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Mazda

Mazda-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Mazda-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Mitsubishi

Mitsubishi-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Mitsubishi-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Mitsubishi-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Suzuki

Suzuki-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Suzuki-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Isuzu

Isuzu-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Isuzu-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Isuzu-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Isuzu-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Ford 

Ford-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Ford-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

MG

MG-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

MG-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

Mercedes-Benz

Mercedes-Benz-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

BMW

BMW-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

โปรดฟังอีกครั้ง! ใครอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ เอารถมาขาย หรือตีราคารถ ที่ CARRO ได้เลย ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

SUV-And-Crossover-In-Motor-Expo-2019

ในยุคปัจจุบัน ถ้าจะให้พูดถึงรถยนต์อเนกประสงค์ หรือ รถยนต์ในรูปแบบ SUV, PPV และ Crossover นั้น เป็นที่นิยมมากขึ้นทุกปี (ดูได้จากยอดขายรถประเภทนี้ ย้อนหลังไป 7-8 ปีที่ผ่านมา) เพราะเป็นรถที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะไว้วิ่งในเมือง ไว้ออกต่างจังหวัด ลุยน้ำท่วม ขนสัมภาระมากมาย หรือเดินทางไปกับครอบครัวหลายคนก็ตาม

ในงาน Motor Expo 2019 (มอเตอร์เอ็กซ์โป 2019) นี้ บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ที่มีไลน์การผลิตรถแนว SUV, PPV และ Crossover ต่างรีบนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของตนออกสู่ตลาดโดยเร็ว เพื่อช่วงชิงยอดจองและยอดขาย ซึ่งในงาน Motor Expo 2019 จะมีรุ่นใดมาโชว์นั้น CARRO ขอนำเสนอข้อมูลให้ทุกท่านดูกันได้เลยครับ …

1. Nissan X-Trail

Nissan-X-Trail-2019

Nissan X-Trail (นิสสัน เอ็กซ์เทรล) จัดเป็นรถ Crossover ที่เปิดตัวในบ้านเราตั้งแต่เมื่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีให้เลือกทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และแบบ Hybrid (ไฮบริด) รายแรกในกลุ่ม SUV ระดับเดียวกันในประเทศไทย

เพิ่มฟังก์ชั่นมากมาย ตอบรับกับวิถีชีวิตคนเมือง เช่น ระบบเปิด-ปิด ประตูท้ายอัตโนมัติแบบระบบแฮนด์ฟรี หรือระบบเครื่องเสียงที่ให้ความบันเทิงรุ่นใหม่แบบ A-IVI และหลังคาแบบพาโนรามิคซันรูฟ มีให้เลือกทั้งรุ่น 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง เป็นต้น

ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 171 แรงม้า แรงบิด 233 นิวตันเมตร ส่วนเครื่องยนต์ Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร + มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร

ราคา

แบบเบนซิน

  • รุ่น 2.5S 2WD ราคา 1,350,000 บาท
  • รุ่น 2.5V 2WD ราคา 1,460,000 บาท
  • รุ่น 2.5VL 4WD ราคา 1,660,000 บาท

แบบ Hybrid

  • รุ่น 2.0V 4WD Hybrid ราคา 1,537,000 บาท
  • รุ่น 2.0VL 4WD Hybrid ราคา 1,617,000 บาท

2. Subaru XV

Subaru-XV-GT-Edition-2019

Subaru XV (ซูบารุ เอ็กซ์วี) ได้พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของแพลทฟอร์มใหม่ “Subaru Global Platform” ช่วยให้ขับรถได้อย่างสะดวกสบาย และมีประสิทธิภาพในการควบคุมในระดับสูงสุด แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นกว่า 70% การสั่นสะเทือนลดลง และมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำซึ่งยังผลให้การควบคุมรถมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Subaru XV มากับเครื่องยนต์เบนซินสูบนอน Boxer ขนาด 2.0 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงตรง Direct Injection ให้แรงม้าสูงสุด 156 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมมาตร Symmetrical All-Wheel Drive และตัวช่วยอย่างระบบ X-MODE

ราคา

  • รุ่น 2.0i ราคา 1,234,221 บาท
  • รุ่น 2.0i-P ราคา 1,279,221 บาท
  • รุ่น GT Edition ราคา 1,338,000 บาท

3. Subaru Forester

Subaru-Forester-2019

Subaru Forester (ซูบารุ ฟอเรสเตอร์) จัดเป็นรถ Crossover SUV ที่มีเอกลักษณ์ในด้านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา หรือ Symmetical AWD โดยในงาน Motor Expo 2019 ซูบารุ ได้เปิดตัวรุ่นประกอบในประเทศของ Forester อีกครั้ง

มาพร้อมเครื่องยนต์ Boxer ขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด พร้อมฟังก์ชั่น X-Mode ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่บนสภาพภูมิประเทศที่ท้าทาย เสริมระบบความปลอดภัยยุคใหม่ ระบบ Eyesight ประกอบด้วยระบบเบรคอัตโนมัติก่อนการชน ระบบปรับความเร็วอัตโนมัติ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเริ่มเคลื่อนที่ ระบบเตือนเมื่อรถออกจากเลนโดยไม่เจตนา และระบบเตือนมีมีรถแล่นมาจากด้านหลังขณะถอยรถ เป็นต้น

ราคา

รุ่น 2.0i-L ราคา 1,030,000 บาท (รวม Option Pack 1,330,000 บาท)
รุ่น 2.0i-S ราคา 1,060,000 บาท (รวม Option Pack 1,380,000 บาท)
รุ่น 2.0i-S Eyesight 1,145,000 บาท (รวม Option Pack 1,425,000 บาท)

*ราคารวมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 100,000 กม., บริการช่วยเหลือ 24 ชม./ 3 ปี, เซนเซอร์ถอยหลัง, เบาะหนังแท้

4. Honda CR-V

Honda-CR-V-2019

Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์วี) ใหม่ รุ่น 5 ที่นั่ง นำเสนอเบาะนั่ง 2 แถว 5 ที่นั่ง ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร  เปิดตัวครั้งแรกในงาน Motor Expo 2018

พร้อมเพิ่มเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้ครบครันในทุกรุ่น อาทิ ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate) และระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เป็นต้น

ราคา

  • รุ่น 2.4 S (5 ที่นั่ง) ราคา 1,359,000 บาท
  • รุ่น 2.4 ES 4WD (5 ที่นั่ง) ราคา 1,499,000 บาท
  • รุ่น 2.4 E (7 ที่นั่ง) ราคา 1,409,000 บาท
  • รุ่น 2.4 EL 4WD (7 ที่นั่ง) ราคา 1,549,000 บาท
  • รุ่น DT-E (7 ที่นั่ง) ราคา 1,559,000 บาท
  • รุ่น DT-EL 4WD (7 ที่นั่ง) ราคา 1,699,000 บาท

5. Mazda CX-8

All-New-Mazda-CX-8

All-New Mazda CX-8 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-8) งานนี้มาโชว์ตัวใน Motor Expo 2019 อย่างเป็นทางการ รถ Crossover อเนกประสงค์ SUV ระดับ Premium แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง ถือเป็น Crossover SUV ที่สะท้อนภาพลักษณ์ความภูมิฐาน สง่างาม และความสมบูรณ์แบบ ตัวรถยาวขึ้น นั่งสบายทุกที่นั่ง ภายใต้ปรัชญา KODO design : Soul of Motion ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงามจากคอนเซ็ปต์ “Less is More”

ให้การตอบสนองดีเยี่ยมด้วยขุมพลังของ 2 เครื่องยนต์ สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร 190 แรงม้า ปรับปรุงพัฒนาใหม่ โดยในรุ่นดีเซล XDL Exclusive 6 ที่นั่ง มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ i-ACTIV AWD และประหยัดน้ำมันสูงถึง 17.5 กม./ลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.5 ลิตร 194 แรงม้า ประหยัดน้ำมันสูงถึง 13.5 กม./ลิตร

ราคา

  • รุ่น 2.5 S ราคา 1,599,000 บาท
  • รุ่น 2.5 SP ราคา 1,699,000 บาท
  • รุ่น XDL ราคา 1,899,000 บาท
  • รุ่น XDL Exclusive ราคา 2,069,000 บาท

6. Mitsubishi Pajero Sport

New-Mitsubishi-Pajero-Sport-2019

Mitsubishi Pajro Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต) เปิดตัวในไทยเป็นที่แรกในโลก มาพร้อมรูปลักษณ์ภายนอกที่หรูหราและทรงพลังยิ่งขึ้น เอาใจนักธุรกิจ ผู้บริหาร ที่มีครอบครัวแล้ว พร้อมปรับปรุงภายในห้องโดยสารใหม่ ด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว ปรับปรุงใหม่เพื่อง่ายต่อการอ่าน และประตูท้ายไฟฟ้าที่ใช่ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเปิด-ปิด ด้วยสมาร์ทโฟน

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร MIVEC เทอร์โบดีเซล 181 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด กับเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครันยิ่งขึ้น ด้วยระบบส่งสัญญาณเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน (LCA) และระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA)

ราคา

  • รุ่น 2.4 D GT ราคา 1,299,000 บาท
  • รุ่น 2.4 D GT-Premium 2WD ราคา 1,469,000 บาท
  • รุ่น 2.4 D GT-Premium 4WDราคา 1,599,000 บาท

7. MG ZS

MG-ZS-EV-2019

MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) รถ Crossover SUV เพื่อชีวิตที่ไร้ขีดจำกัด มาพร้อมระบบอัจฉริยะ i-SMART รองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ครั้งแรกในโลก รูปลักษณ์โดดเด่นสไตล์ บริท ไดนามิค (Brit Dynamic) ที่ให้ความหรูหราทันสมัยและสปอร์ตยิ่งขึ้น ห้องโดยสารสะดวกสบาย กว้างขวาง พร้อมระบบความปลอดภัย Synchronized Protection System 9 ระบบ

New MG ZS ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ รหัส 15S4C ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC VTi-TECH ให้แรงม้าสูงสุด 114 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Manual Mode

และยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ MG ในไทยด้วย กับ New MG ZS ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ขุมพลังจากแบตเตอรี่ลิเธี่ยม ไอออน (Lithium-ion) ความจุ 44.5 kWh วิ่งได้ไกลกว่า 337 กิโลเมตร รองรับการชาร์จไฟทั้งแบบ Normal Charge ใช้เวลาเพียง 6.5 ชั่วโมง และแบบ Quick Charge ที่ 80% ในเวลาเพียง 30 นาที

ราคา

  • รุ่น 1.5 C ราคา 679,000 บาท
  • รุ่น 1.5 D ราคา 729,000 บาท
  • รุ่น 1.5 X Sunroof ราคา 789,000 บาท
  • รุ่น EV ราคา 1,190,000 บาท

8. MG HS

MG-HS-2019

All-New MG HS (เอ็มจี เอชเอส) รถยนต์ SUV รุ่นล่าสุด ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่ภายใต้แนวคิด “Elegance” นิยามของ SUV ที่เหนือระดับ ดีไซน์ล้ำสมัยทั้งภายนอกและภายใน พร้อมติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART และระบบความปลอดภัยที่ครบครันมากยิ่งขึ้น

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด ให้แรงม้าสูงสุด 162 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด  250 นิวตัน-เมตร ในรอบที่ต่ำเพียง 1,700 รอบ/นาที โดยสามารถทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึง 10 วินาที พร้อมรองรับน้ำมัน E85

ราคา

  • รุ่น C ราคา 919,000 บาท
  • รุ่น D ราคา 1,019,000 บาท
  • รุ่น X ราคา 1,119,000 บาท

9. Chevrolet Captiva

Chevrolet-Captiva

All-New Chevrolet Captiva (เชฟโรเลต แคปติวา) ใหม่ จัดเป็นรถอเนกประสงค์ Crossover SUV ขนาดใหญ่คุ้มค่าที่สุดในตลาด ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายผู้ที่สนใจ รถอเนกประสงค์ขนาด Compact สามารถเป็นเจ้าของรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ได้ เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการพื้นที่ใช้สอย และการใช้งานแบบรถอเนกประสงค์ SUV ขนาดใหญ่

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (1,451 ซีซี) DOHC Turbo DVVT ให้แรงม้าสูงสุด 143 แรงม้า (105 กิโลวัตต์) ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 2,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT 8 สปีด พร้อม Mode Shift Control รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10

ราคา

  • รุ่น LS ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 999,000 บาท (เพิ่ม 30,000 บาท สำหรับรุ่น 7 ที่นั่ง)
  • รุ่น LT ราคา 1,099,000 บาท
  • รุ่น Top สุด Premier ราคา 1,199,000 บาท

10. Peugeot 3008 & 5008

Peugeot-3008

Peugeot 3008 และ 5008 (เปอโยต์) ค่ายรถจากแดนน้ำหอม หลังจากกลับมารุกตลาดในไทยอีกครั้ง ด้วยตัวแทนจำหน่ายเจ้าใหม่ ก็พร้อมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ ด้วย SUV 2 รุ่น คือ Peugeot 3008 SUV 5 ที่นั่ง และ 5008 SUV 7 ที่นั่ง มาโชว์ในงาน Motor Expo 2019 ทันที

มาพร้อมห้องโดยสาร ‘i-Cockpit’ สุดล้ำ พวงมาลัยขนาดกะทัดรัด และมีตำแหน่งการขับที่ดีเยี่ยม และดีไซน์ร่วมสมัย

ราคา

  • รุ่น 3008 Active ราคา 1,549,000 บาท
  • รุ่น 3008 Allure ราคา 1,699,000 บาท
  • รุ่น 5008 Active ราคา 1,749,000 บาท
  • รุ่น 5008 Allure ราคา 1,899,000 บาท

11. BMW X3

BMW-X3-M-2019

BMW X3 M (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์3 เอ็ม) ครั้งแรกในงาน Motor Expo 2019! และยังเป็นครั้งแรกของตระกูล M ที่เปิดตลาดใหม่ จับกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์อเนกประสงค์ Mid-Size Sports Activity Vehicle (SAV) ควบด้วยความทรงพลังแบบ BMW M

ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังใหม่ เครื่องยนต์ M TwinPower Turbo แบบ 6 สูบเรียง 480 แรงม้า สามารถทำความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.2 วินาที โลดแล่นสู่ความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม. พร้อมสุดยอดโครงสร้างแชสซีส์ในสไตล์รถแข่งสุดดุดัน และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive

ราคา

– BMW X5 xDrive40e Pure Experience ราคา 4,399,000 บาท (รวม BSI ราคา 4,439,000 บาท)
– BMW X5 xDrive40e M Sport ราคา 4,699,000 บาท (รวม BSI ราคา 4,739,000 บาท)

12. Audi Q3

Audi-Q3-Sportback

Audi Q3 (อาวดี้ คิว3) ที่เป็นดาวเด่นของ Audi ในงาน Motor Expo 2019 จัดเป็น SUV รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีความสมบูรณ์ทุกด้าน ทั้งขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นทุกมิติ เพิ่มความกว้างขวาง ความสะดวกสบายในการใช้งาน และการเข้าออกตัวรถ

การออกแบบด้านหน้า ในห้องโดยสารควบคุมด้วยระบบ MMI Radio Plus พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส และตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อ Smartphone Interface รองรับ Android และ Apple CarPlay

ราคา

  • รุ่น Q3 35 TFSI ราคา 2,299,000 บาท
  • รุ่น Q3 35 TFSI S line ราคา 2,499,000 บาท
  • รุ่น Q3 Sportback 35 TFSI S line ราคา 2,649,000 บาท

13. Range Rover Evoque

Range-Rover-Evoque-2019

Range Rover Evoque (เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค) ใหม่ SUV สำหรับคนเมืองที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง ยังมาพร้อมตัวเลือกของเครื่องยนต์ทั้งแบบระบบไฟฟ้า Plug-In Hybrid และดีเซล Ingenium

ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของ Range Rover Evoque จากรุ่นก่อนหน้านี้ ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2010 ด้วยยอดขายทั่วโลกมากกว่า 772,096 คัน กวาดรางวัลระดับนานาชาติมากว่า 217 รางวัล ตัวใหม่นี้คือวิวัฒนาการอีกขั้น ที่มาผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยในปัจจุบัน

ราคา

  • ราคาเริ่มต้นที่ 3,999,000 บาท

14. Porsche Cayenne Coupe 

Porsche-Cayenne-Coupe

Porsche Cayenne Coupe (ปอร์เช่ คาเยนน์ คูเป้) รถสปอร์ตอเนกประสงค์รุ่นล่าสุดจากปอร์เช่ ที่มาพร้อมความโฉบเฉี่ยว สะกดทุกสายตาด้วยแนวหลังคาที่ลาดลงมาจรดท้ายรถ สะดวกสบายทุกการเดินทางด้วยเบาะที่นั่งแบบสปอร์ต 4 ที่นั่ง

สปอร์ตเต็มพิกัดด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ Turbo ขนาด 3.0 ลิตร 340 แรงม้า ทำความเร็วได้สูงสุด 243 กม./ชม. ติดตั้งอุปกรณ์มาตราฐาน ระบบความบันเทิงและการติดต่อสื่อสาร Porsche Communication Management รุ่นล่าสุด พร้อมระบบ Apple CarPlay และ ระบบเครื่องเสียง BOSE Surround Sound System

ราคา

  • Porsche Cayenne Coupe ราคาเริ่มต้นที่ 8.6 ล้านบาท
  • Porsche Cayenne e-Hybrid Coupe ราคาเริ่มต้นที่ 6.5 ล้านบาท

15. Lamborghini Urus

Lamborghini-Urus

Lamborghini Urus (ลัมโบร์กีนี อูรุส) เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ในรูปแบบรถ Super SUV ขนาด 5 ที่นั่ง เน้นดีไซน์และสมรรถนะตามฉบับ Lamborghini ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งเน้นความสปอร์ต ใช้ระบบอินโฟเทนเม้นท์ Lamborghini Infotainment System (LIS) พร้อมจุดเด่นอย่างโหมดการขับขี่ระบบ Tamburo ที่มีโหมดการขับขี่ให้ 6 โหมด

ช่วงล่างเป็นแบบ Adaptive Air Suspension พร้อม Active Damping และ Active Roll Stabilization ใช้จานเบรกคาร์บอนเซรามิคขนาด 440 มม. พร้อมคาลิเปอร์ 10-Pot ด้านหน้า และขนาด 370 มม. ในด้านหลัง ให้ระยะเบรก 100-0 กม./ชม. อยู่ที่ 33.7 เมตร

มาพร้อมขุมพลัง V8 ทวินเทอร์โบ ขนาด 4.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 650 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร ที่ 2,250 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.6 วินาที ต่อเนื่องจนถึง 200 กม./ชม. ในเวลา 12.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 305 กม./ชม.

ราคา

– Lamborghini Urus ราคา 23,420,000 บาท

Compare-Price-Interest-Rate-Nissan-Almera-2020-vs-Honda-City-2020

CARRO Thailand นำตารางราคา และอัตราดอกเบี้ย ของ Nissan Almera 2020 (นิสสัน อัลเมร่า) และ Honda City 2020 (ฮอนด้า ซิตี้) ในงาน Motor Expo 2019 มาเปรียบเทียบกันให้เห็น แบบช้าๆ ชัดๆ!

หากใครสนใจรุ่นไหนอยู่ ลองคำนวณงบประมาณที่มี แล้วเลือกดูว่า จะผ่อนกันแบบไหนได้เลย 

ถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

Nissan Almera 2020

All-New-Nissan-Almera-2020

ข้อดี : ราคาไม่แพง ดอกเบี้ยถูก ให้ออพชั่นเยอะ พื้นที่ภายในกว้างมาก พื้นที่เก็บสัมภาระ ใหญ่มาก

ข้อด้อย : วัสดุภายในสมราคา ไม่มีเบาะหนังแท้ ภายในห้องเครื่อง ดูไม่ค่อยเรียบร้อย ไม่มียางอะไหล่ให้ ในรุ่น Top สุด (เป็นชุดปะยางแทน) ส่วนรุ่นถูกสุด กระจกมองข้างปรับพับไฟฟ้าไม่ได้ และล้อยังเป็นกระทะเหล็ก

รายละเอียดตัวรถ : ออกแบบภายใต้ปรัชญา “รูปทรงเรขาคณิตที่สื่อถึงอารมณ์ หรือ Emotional Geometry” มีองค์ประกอบที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้า-ไฟท้าย ทรงบูมเมอแรง แนวเสาหลังคาหลังที่ถูกยกขึ้น (Kick-Up C-pillars) และ หลังคาแบบลอยตัว (Floating Roof)

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • กระจังหน้าแบบโครเมียมรมดำ (ในรุ่น VL)
  • ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED (ในรุ่น VL)
  • เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control (VDC)
  • เทคโนโลยีออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA)
  • เทคโนโลยีสัญญาณเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้าขณะขับขี่อัจฉริยะ Intelligent Forward Collision Warning (IFCW)
  • เทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD)
  • เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM)
  • ระบบข้อมูลและความบันเทิง Nissan Connect หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ Bluetooth®, USB และ AUX IN สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง
  • สวิตซ์ควบคุมหน้าจอ แสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT บนพวงมาลัย
  • ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์สมาร์ทโฟน Apple CarPlay® (สำหรับระบบปฏิบัติการณ์ iOS)
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
  • สวิตซ์ควบคุมระบบเครื่องเสียง และรับโทรศัพท์บนพวงมาลัย
  • เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning system (BSW) (ในรุ่น VL)
  • เทคโนโลยีตรวจจับวตถุด้านหลังรถขณะถอย Rear Cross Traffic Alert (RCTA) (ในรุ่น VL)
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Airbags) (ในรุ่น VL)
  • ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Curtain Airbags) (ในรุ่น VL)
  • กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Intelligent Key – I-Key)

เครื่องยนต์ : ขนาด 1.0 ลิตร Turbo รหัส HRA0 ให้แรงม้าสูงสุด 100 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร ที่ 2,400-4,000 รอบ/นาที ประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร และให้อัตราเร่งความเร็วสูงจากแรงบิดแบบต่อเนื่อง (Flat Torque) ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม D-Step Logic

มิติตัวรถ : ยาว 4,495 มม. กว้าง 1,740 มม. สูง 1,460 มม. ระยะฐานล้อ 2,620 มม. ล้อมีทั้งกระทะเหล็กพร้อมฝาครอบ 15 นิ้ว และล้อแม็ก 15 นิ้ว

มีสีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีแดง Radiant Red สีส้ม Monarch Orange สีขาว Storm White สีดำ Black Star สีเทา Gun Metallic และสีเงิน Brilliant Silver

ราคาจำหน่าย :

  • รุ่น S ราคา 499,000 บาท
  • รุ่น E ราคา 509,000 บาท
  • รุ่น EL ราคา 559,000 บาท
  • รุ่น V ราคา 599,000 บาท
  • รุ่น VL ราคา 639,000 บาท

Honda City 2020

All-New-Honda-City-RS-2020

ข้อดี : รูปทรงสวย สปอร์ต ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย พื้นที่เก็บสัมภาระ ใหญ่มาก เครื่องแรง ช่วงล่างเกาะถนน ห้องเครื่องเก็บสายไฟ เก็บท่อต่างๆ ได้เรียบร้อย

ข้อด้อย : ราคาจำหน่าย ที่สูงไปนิดนึง แม้ว่าจะลดลงมาจากโฉมที่แล้วก็ตาม และชุดคอนโซลภายใน บางคนติดว่าสวยสู้โฉมเก่าไม่ได้ ซึ่งก็อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน กับระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch ดูธรรมดาไปหน่อย

รายละเอียดตัวรถ : เป็นรถในขนาด B-Segment (หรือ Sub-Compact ที่กระโดดลงมาเล่นในตลาดรถ Eco-Car Phase 2 แต่ทาง Honda ไม่เรียก Eco-Car แต่เรียกเป็น Ecology Car)

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
  • กระจังหน้าแบบโครเมียม
  • เสาอากาศแบบครีบฉลาม
  • ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว และ 16 นิ้ว (ในรุ่น RS)
  • เบาะหนังและภายในสีทูโทน ไอเวอรี่/ดำ (เฉพาะรุ่น SV)
  • คอนโซลหน้าแบบ Piano Black
  • มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่
  • ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI
  • พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
  • ชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน (ในรุ่น RS)
  • กระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS (ในรุ่น RS)
  • ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED ไฟตัดหมอกแบบ LED (ในรุ่น RS)
  • กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว (ในรุ่น RS)
  • สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS (ในรุ่น RS)
  • เบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (ในรุ่น RS)

เครื่องยนต์ : ขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว มาพร้อม Turbocharger ให้แรงม้าสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบ/นาที ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม) และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ทุกรุ่น ให้อัตราเร่ง และประหยัดน้ำมันได้ถึง 23.8 กม./ลิตร และมี Paddle Shifts เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยได้ แบบ 7 สปีด และสามารถรองรับน้ำมัน E20 ได้

มิติตัวรถ : ยาว 4,553 มม. กว้าง 1,748 มม. สูง 1,467 มม. ระยะฐานล้อ 2,589 มม.

มีสีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS สีขาว Platinum (มุก) เฉพาะรุ่น RS และรุ่น SV สีดำ Crystal (มุก) สีเงิน Lunar (เมทัลลิก) สีเทา Modern Steel (เมทัลลิก) และสีขาว Taffata เฉพาะรุ่น V และรุ่น S

ราคาจำหน่าย :

  • รุ่น S ราคา 579,500 บาท
  • รุ่น V ราคา 609,000 บาท
  • รุ่น SV ราคา 665,000 บาท
  • รุ่น RS ราคา 739,000 บาท

ตารางผ่อนดาวน์ All-New Nissan Almera 2020 ใหม่

All-New-Nissan-Almera-2020-Price-List

ตารางผ่อนดาวน์ All-New Honda City 2020 ใหม่

All-New-Nissan-Almera-2020-Price-List

สำหรับใครที่ต้องการดูไฟล์ภาพขนาดใหญ่ สามารถ “ดาวน์โหลด” ได้ข้างล่างนี้

ราคา และตารางผ่อนดาวน์ All-New Nissan Almera 2020 ใหม่

ราคา และตารางผ่อนดาวน์ All-New Honda City 2020 ใหม่

สำหรับใครที่มองหารถใหม่ ในรูปแบบอีโค่คาร์ อย่าพลาด! แต่ถ้าอยากขายรถคันเดิม ต้องนึกถึงเรา มาขายรถกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

New-Car-Promotion-MotorExpo

งาน Motor Expo 2019 (มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 36) มาภายใต้แนวคิด “โลดแล่นทันใด ทะยานไปด้วยกัน” หรือ “Ride and Drive Together Now” จัดเต็มรถรุ่นใหม่ ที่เปิดตัวในปีนี้และในงานนี้ มาจัดแสดงส่งท้ายปี สู้กับเศรษฐกิจซบเซาของปีนี้อย่างเต็มที่

เชิญพบกับรถยนต์ที่ร่วมงานจำนวนมากถึง 33 แบรนด์ และรถจักรยานยนต์อีก 26 แบรนด์ ซึ่งมีแบรนด์ใหม่ มาเปิดตัวในงานนี้ด้วย!

Motor-Expo-2019

นอกจากโปรโมชั่นพิเศษมากมายแล้ว งานนี้ยังมอบโชคคืนกำไรให้แก่ผู้ชมงาน โดยปีนี้ยังคงแจกรถยนต์ 3 คัน และจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 1 คัน รวมถึงลุ้นชิงรางวัลอื่นๆ จากการซื้อสินค้าอีกมากมาย และยังมีรถ Shuttle Bus รับ-ส่ง ฟรี! จาก 3 จุดในกรุงเทพฯ และที่รังสิต ให้คุณเดินทางมาชมงานได้อย่างสะดวกสบาย

และหากใครที่สนใจ ต้องการ “ขายรถ” กับทาง CARRO เพื่อนำเงินไปซื้อรถคันใหม่ ขายได้ไว! เร็ว! ได้ราคาที่ดีที่สุด! พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! สามารถเข้าไปกรอกรายละเอียดได้ที่ https://th.carro.co/sell-car/express

ทาง CARRO อยากให้คนรักรถทุกท่าน หาเวลาว่าง ไปเดินเที่ยวชมงานกันครับ … เชิญชมกับภาพบรรยากาศภายในงาน Motor Expo 2019 กันได้เลย

Toyota-GR-Supra

Toyota GR Supra

Nissan-Almera-2020

Nissan Almera 2020

Nissan-GT-R-50th-Anniversary

Nissan Leaf

Honda-City-2020

Honda City 2020

Honda-Civic-Hatchback-MY2020

Honda Civic Hatchback 2020

Mitsubishi-Mirage-2020

Mitsubishi Mirage

Mitsubishi-Attrage-2020

Mitsubishi Attrage

Isuzu-D-Max-2020

Isuzu D-Max

Hyundai-Veloster

 

Hyundai Veloster

Mini-Countryman-John-Cooper-Works

Mini Countryman John Cooper Works

Porsche-718-Cayman-AAS

Porsche 718 Cayman AAS Sport Edition

Mazda2-2020

Mazda2 2020

Mercedes-AMG

Mercedes-AMG

Volvo-V60

Volvo V60

โดยงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2019 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2562 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

หากท่านใดที่อยากได้บัตรเข้างาน Motor Expo 2019 ฟรี! ง่ายๆ ดูรายละเอียดการขอบัตรได้ในนี้เลย —> https://th.carro.co/blog/carro-ticket-motor-expo/

Carro-What-Reason-To-Get-Car-Insurance

เพื่อนๆ หลายคน มักจะมองว่าการซื้อประกันภัยรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นชั้นไหนๆ เป็นเพื่อการคุ้มครองทั้งเรา และตัวรถในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมไปถึงครอบคลุมค่าใช้จ่าย ในกรณีที่ตัวเราต้องเข้าโรงพยาบาล หรือรถยนต์ของเราเกิดความเสียหาย

เหตุผลที่ควรทำประกันรถยนต์ติดรถไว้

อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไรนักที่เพื่อนๆ หลายคนอาจจะมองว่าการทำประกันรถยนต์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสักเท่าไรเพราะเนื่องจากตัวเราเองก็รู้จักในการขับขี่อย่างมีสติ และมีความปลอดภัย จึงรู้สึกว่าการทำประกันรถยนต์ที่ต้องคอยเสียเบี้ยประกันไม่ใช่เรื่องที่คุ้มค่า อีกทั้งยังมี พ.ร.บ. รถยนต์ที่คอยดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นให้เราอยู่แล้ว

ทาง masii อยากจะขอแนะนำให้เพื่อนๆ ให้ความสำคัญกับการทำประกันดูนะครับ เพราะว่าหากเราทำประกันรถยนต์ไว้จะเป็นการแบ่งเบาภาระ และค่าใช้จ่ายของเราได้เยอะเลย สำหรับใครยังไม่มั่นใจ วันนี้ตามผมไปอ่านเหตุผลดีๆ ที่ควรทำประกันติดรถไว้กันนะครับ

What-Reason-To-Get-Car-Insurance

1. คุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุรถชน

อุ่นใจได้เลยครับ ไม่ว่าเพื่อนๆ จะเลือกทำประกันชั้นไหนก็จะคุ้มครองทั้งรถเรา รถคู่กรณีด้วยนะ โดยจะแบ่งความคุ้มครองตามกรมธรรม์ ดังนี้

ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองมากที่สุด ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นชนรถ ชนสิ่งของต่างๆ ที่ไม่ใช่รถยนต์ก็คุ้มครองด้วยครับ หรือเคลมได้ทุกกรณีหากเกิดการชน
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองเทียบกับชั้น 1 เลย จะต่างตรงที่ว่า ต้องสามารถระบุคู่กรณีได้
ประกันรถยนต์ชั้น 3+ คุ้มครองซ่อมรถเราให้กรณีที่ระบุคู่กรณีได่เท่านั้น

2. ดูแลค่าใช้จ่าย รักษา หากเกิดอุบัติเหตุ

แน่นอนว่า เราทำประกันรถยนต์เพื่อคอยช่วยดูแลครอบคลุมความรับผิดชอบต่อคู่กรณี ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของตัวเราและคู่กรณี เช่น ช่วยดูแลค่าใช้จ่ายสำหรับค่ารักษาพยาบาล รวมไปถึงค่าซอมแซ่มรถยนต์ตามทุนประกันด้วยครับ

What-Reason-To-Get-Car-Insurance

3. มีเจ้าหน้าที่จากประกันช่วยเจรจาหากเกิดอุบัติเหตุ

ใครๆ ก็ต่างรักรถยนต์ของเราเป็นธรรมดา หากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน มักจะพบเจอกับคู่กรณีที่อารมณ์ร้อน พูดจาด้วยถ้อยคำไม่สุภาพ ถ้าเป็นแบบนั้นคงยากที่เราจะเจรจาต่อรองกัน แต่หากเราทำประกันรถยนต์ไว้ อุ่นใจได้แน่นอน เพราะเราสามารถโทรเรียกเจ้าหน้าที่ประกันมายังที่เกิดเหตุ และเจรจากับคู่กรณีได้ครับ แถมยังช่วยต่อรองกับคู่กรณีได้ง่ายมากขึ้นด้วย

เพียงเท่านี้เพือนๆ ก็คงจะทราบถึงข้อดีสำหรับการทำประกันรถยนต์ติดไว้กันแล้วใช่มั้ยครับ จริงๆ แล้วประกันรถยนต์ยังครอบคลุมอีกหลากหลายกรณีเลยนะครับ หากใครที่สนใจอยากทำประกันรถยนต์ คลิกที่นี่ เพื่อเช็กเบี้ยประกันได้ทันที มีข้อมูลอยากสอบถามโทรเข้ามา 02 710 3100 เรามีทีมงานคอยให้คำตอบอยู่ครับ

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

Carro-Pantip-Workshop-Event

จบลงไปแล้ว กับกิจกรรมดีๆ จาก CARRO ร่วมกับ Pantip กับงาน “เวิร์คช็อป ขายรถเรื่องง่าย รู้ก่อนใครไม่มี OUT” ณ Mestyle Garage Hotel Bangkok บอกเลยว่างานนี้ใครที่สนใจอยากซื้อ-ขายรถมือสอง ได้ตาลุกวาวแน่นอน ที่จัดกันไปเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา

เพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนๆ ที่กำลังสนใจ หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับรถมือสอง ได้เข้ามาเรียนรู้วิธีการตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียด ดูรถจริง! ตีราคาจริง! พร้อมแลกเปลี่ยนเทคนิคการขายรถมือสอง จาก 2 กูรูเรื่องรถ Doctor Car และ Goody K

สำหรับบรรยากาศในงาน จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น Mr.Carro รวบรวมภาพบรรยากาศ มาให้ชมกันครับ

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

ทีมงานจากทาง CARRO และ Pantip.com

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

พี่หมอ Doctor Car วิทยากรในงาน

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

ผู้มาร่วมงาน

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

ลงทะเบียนร่วมงาน รับของที่ระลึก

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

ตัวอย่างรถที่โชว์ในงาน

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

บรรยากาศภายในงาน

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

คุณ Goody K อีกหนึ่งในวิทยากรของงาน

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

แลกเปลี่ยนความเห็น

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

สาธิตวิธีการดูรถก่อนซื้อ

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

สาธิตวิธีการดูรถก่อนซื้อ

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

สาวสวยก็มีนะครับ

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

วิธีการดูรถก่อนซื้อ

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

ปิดงาน พร้อมกับความประทับใจ

ถ้าคุณอยากขายรถด่วนกับทาง CARRO สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

All-New-Honda-City-Turbo-2020

Honda เปิดตัว All-New City (ฮอนด้า ซิตี้) ในไทย เป็นประเทศแรกของโลก ใช้เครื่องยนต์ VTEC Turbo 1.0 ลิตร 122 แรงม้า

พิเศษครั้งแรกกับรุ่น RS ที่พร้อมตอกย้ำความสปอร์ตเร้าใจ ด้วยชุดแต่งสไตล์ RS รอบคัน อีกทั้งนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เจเนอเรชันล่าสุด พร้อมเผยโฉมในงาน Motor Expo 2019 ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2562

สำหรับลูกค้าที่จอง ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 – 31 ธันวาคม 2562 และรับรถภายในวันที่ 31 มกราคม 2563 พร้อมรับนาฬิกา Fitbit Smart Tracker รุ่น Charge 3 สี Graphite/Black มูลค่า 6,490 บาท

ถ้าหากใครสนใจที่จะขายรถคันเดิม เพื่อรับเงินก้อนไปดาวน์หรือซื้อ Honda City Turbo คันใหม่ออกมาใช้ สามารถนำรถคันเดิมมาขายกับ Carro ได้ ง่ายๆ เราพร้อมรับซื้อรถของคุณ พร้อมรับเงินไว ภายใน 24 ชั่วโมง! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

All-New-Honda-City-2020-Main

Honda City (ฮอนด้า ซิตี้) นับเป็นรถที่สำคัญของฮอนด้า ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นยนตรกรรมสำหรับภูมิภาค (Regional Model) โดยเปิดตัวเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียเมื่อปี 2539 และได้กระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เจเนอเรชัน 1 ถึง เจเนอเรชัน 4 ด้วยยอดขายสะสมใน 60 ประเทศทั่วโลก กว่า 4 ล้านคัน!

ซึ่งภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียเป็นตลาดที่สำคัญของฮอนด้า ซิตี้ เห็นได้จากยอดขายกว่า 100,000 คัน ในปี 2562 (มกราคม – กันยายน 2562) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% จากยอดขายฮอนด้า ซิตี้ ทั่วโลก

All-New-Honda-City-2020-Lineup

และประเทศไทย ถือเป็นตลาดหลักของ ฮอนด้า ซิตี้ เป็นตลาดที่ขายดี ขายได้เยอะ และเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของฮอนด้าในภูมิภาคอีกด้วย Honda จึงเลือกเปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ เป็นครั้งแรกในโลก ที่เมืองไทย และมาพร้อมราคาที่ปรับ “ลดลง” ในทุกรุ่นย่อย!

All-New-Honda-City-2020

All-New-Honda-City-2020

ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตและสง่างาม ด้วยไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED และไฟท้ายแบบ LED กระจังหน้าแบบโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว

All-New-Honda-City-2020

ภายในห้องโดยสาร ออกแบบพื้นที่ให้สอดคล้องกับสรีระ เพื่อความสะดวกสบายในทุกที่นั่ง หรูหราและสวยงามยิ่งขึ้นในโทนสีดำ หรือเบาะหนังและภายในสีทูโทน ไอเวอรี่/ดำ (เฉพาะรุ่น SV) คอนโซลหน้าแบบ Piano Black มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม

All-New-Honda-City-2020

All-New-Honda-City-2020

และฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เป็นต้น

All-New-Honda-City-RS-2020

ครั้งแรกกับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ รุ่น RS ด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS มาพร้อมกันชนหน้า-กระจังหน้า สไตล์สปอร์ต ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED ไฟตัดหมอกแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว

All-New-Honda-City-RS-2020

สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว

All-New-Honda-City-RS-2020

ภายในห้องโดยสารสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง และสีภายนอกใหม่ สีแดงอิกไนต์ (Ignite Red) เฉพาะรุ่น RS

All-New-Honda-City-RS-2020

โดดเด่นด้วยขุมพลังเทอร์โบใหม่ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว มาพร้อม Turbocharger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ให้แรงม้าสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม) และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร

ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราเร่ง และประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมถึง 23.8 กม./ลิตร และมี Paddle Shifts เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยได้ แบบ 7 สปีด สะดวกสบายด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แถมผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 (EURO 5) ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20 ได้อีกด้วย

เพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย ด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทางด้วยถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) และกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)

All-New-Honda-City-2020

และมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS สีขาว Platinum (มุก) เฉพาะรุ่น RS และรุ่น SV สีดำ Crystal (มุก) สีเงิน Lunar (เมทัลลิก) สีเทา Modern Steel (เมทัลลิก) และสีขาว Taffata เฉพาะรุ่น V และรุ่น S

ราคาจำหน่าย All-New Honda City มีดังนี้ครับ

  • รุ่น S ราคา 579,500 บาท
  • รุ่น V ราคา 609,000 บาท
  • รุ่น SV ราคา 665,000 บาท
  • รุ่น RS ราคา 739,000 บาท

All-New-Honda-City-2020-Modulo

เสริมความสปอร์ตในสไตล์คุณไปอีกขั้น ด้วยชุดแต่ง Modulo (โมดูโล) รอบคัน ที่มาพร้อมกับแนวคิด “Stage Up Booster” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก เช่น สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก ราคา 8,150 บาท แป้นคันเร่งและเบรกดีไซน์สปอร์ต ราคา 1,300 บาท คิ้วบันได LED ราคา 4,400 บาท ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วลายสปอร์ต ราคา 3,600 บาท (ราคาต่อ 1 วง ไม่รวมยาง) ไฟตัดหมอกแบบ LED ราคา 5,500 บาท และกล้องหน้ารถ ราคา 3,850 บาท

นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพ็กเกจ ทั้งหมด 3 แพ็กเกจ ได้แก่

  • Modulo Aero Package ราคา 15,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น
  • Modulo Aero RS Package ราคา 17,900 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง และ สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น
  • Modulo Aero Sport Package ราคา 23,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น และ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก

พบกับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้ที่งาน Motor Expo 2019 และที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป

หมายเหตุ:
– อุปกรณ์มาตรฐาน อาจแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
– สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท และ สีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท
– ราคาแพ็กเกจชุดแต่งโมดูโล ไม่รวม VAT 7%
– ข้อเสนอพิเศษสำหรับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด

Carro-Top-5-Best-Car-Sales-In-Carro-Express

หลายท่านที่ในเวลานี้ ประสบกับภาวะงานหายาก เงินหายาก จนรู้สึกว่าชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่มีความจำเป็นต้องการใช้เงินด่วน เช่น ลูกเข้าโรงเรียน แต่งงาน หรือต้องการจะซื้อรถคันใหม่ “การขายรถ” ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี ซึ่งทาง CARRO ที่เป็นสตาร์ทอัพจากสิงคโปร์ ได้คิดค้นระบบขายรถด่วนอย่าง “CARRO Express” ออกมาเพื่อให้คุณ ขายรถได้อย่างสะดวกสบาย และง่ายดาย

ไม่ว่าคุณจะอยู่จังหวัดไหนในประเทศไทย คุณก็สามารถฝากขายรถยนต์มือสองได้ที่ CARRO Express ด้วยวิธีง่ายนิดเดียว เพียงโทร. 02-5088425 แค่เข้าไปกรอกรายละเอียดที่ Link – https://th.carro.co/sell-car/express กรอกข้อมูลและรายละเอียดรถของคุณให้ครบ พร้อมทั้งอัพโหลดรูปภาพเข้าไป เมื่อเสร็จแล้ว ก็รอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปเพื่อนัดวันตรวจสภาพรถยนต์และประเมินราคา ซึ่งถ้ารถของคุณสามารถตกลงราคากันได้ ก็พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง และรับเงินกลับบ้านได้เลย!

โดยรถยนต์ส่วนใหญ่ของ CARRO นั้น รถที่ทางลูกค้านำมาขายจะเป็นรถในแบบ Eco-Car และรถกระบะ และรถประเภทอื่นๆ อาทิเช่น รถ Compact Car, รถ SUV หรือรถแบบ MPV เป็นต้น

Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟังว่า เดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีรถรุ่นไหนบ้าง ที่นิยมนำมาขายกับทาง CARRO ของเรา

1. Toyota Vios

Toyota-Vios-Carro-Express

สำหรับ Toyota Vios (โตโยต้า วีออส) ยังจัดได้ว่าเป็นรถ Sub-Compact ยอดนิยมตลอดมาจากการวัดของ CARRO Express ซึ่งเป็นรถยอดนิยมของเด็กมหาวิทยาลัย กลุ่มคนทำงานใหม่ๆ ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ รวมไปถึงผู้สูงอายุก็มีใช้บ้าง โดย Vios รุ่นที่มาขายส่วนใหญ่จะเป็นรถช่วงประมาณปี 2014 – 2017 โดยมียอดรับซื้อเป็นอันดับหนึ่ง

2. Isuzu D-Max

Isuzu-D-Max-Carro-Express

รถกระบะยอดนิยมอันดับ 1 อย่าง Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมคซ์) ที่ประหยัดน้ำมัน ทนทาน ให้การใช้งานที่คุ้มค่า สำหรับคนทำมาหากิน ยังคงเป็นรถกระบะที่ซื้อง่ายขายคล่อง ซึ่งทาง CARRO Express มียอดรับซื้อมากเป็นอันดับสอง โดยส่วนมากแล้วต่างจังหวัด จะนิยมใช้กันอย่างมาก โดยรุ่นที่รับซื้อจะมีกันตั้งแต่ปี 2011 ไปจนถึงประมาณปี 2017

3. Toyota Hilux Vigo

Toyota-Hilux-Vigo-Carro-Express

นี่ก็จัดเป็นรถกระบะยอดนิยมมากๆ อีกหนึ่งรุ่นเช่นกัน นั่นคือ Toyota Hilux Vigo (โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างจังหวัด บรรดาเกษตรกร ผู้ประกอบการต่างๆ นิยมใช้เพราะซื้อง่ายขายคล่อง ทนทาน อะไหล่หาง่าย และราคามือสองที่ตกลงมาพอประมาณแล้ว ทำให้ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด สามารถหาซื้อมาใช้งานได้ และรุ่นนี้ยังมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล และเครื่องยนต์เบนซิน

4. Honda City

Honda-City-Carro-Express

รถเก๋งยอดนิยมอันดับที่สี่ ของการรับซื้อใน CARRO Express นั่นคือ Honda City (ฮอนด้า ซิตี้) จัดเป็นรถที่นิยมอย่างมากสำหรับเด็กมหาวิทยาลัย เด็กจบใหม่ หรือผู้คนในวัยทำงาน เป็นรถที่ทนทาน อะไหล่มีพร้อม ศูนย์บริการหาง่าย และซื้อง่ายขายคล่อง ซึ่งผู้ขายรุ่นนี้กับทาง CARRO ส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

5. Honda Jazz

Honda-Jazz-Carro-Express

รถแฮทช์แบค 5 ประตู ยอดนิยมของการรับซื้อที่ CARRO Express เป็นอันดับห้า สำหรับ Honda Jazz (ฮอนด้า แจ๊ซ) ก็นับว่าเป็นรถที่ซื้อง่ายขายคล่อง และเป็นที่นิยมของเหล่าวัยรุ่น นักศึกษา รวมไปถึงคนทำงานออฟฟิศ ซึ่งผู้ขายรุ่นนี้กับทาง CARRO ส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเช่นกัน

สำหรับท่านใดที่ใช้รถ 5 รุ่นดังกล่าวนี้ โอกาสที่จะขายง่าย ขายคล่อง ได้ราคาดี และขายออกได้ไว มีแน่นอนครับ ที่ CARRO Express!

Carro-Frank-Tourist-Attraction-In-Thailand-Like-Overseas

สวัสดีครับ บรรยากาศเทศกาลและวันหยุดเริ่มใกล้เข้ามา ตอนนี้หลายคนก็คงจะเริ่มวางแผนท่องเที่ยวกันแล้ว วันนี้เลยจะขอแนะนำที่เที่ยวใกล้กรุงเทพที่เราขับรถไปเที่ยวได้แบบสบายๆ ขับไปไม่นาน แต่รับรองว่าน่าตื่นตา และน่าสนใจเหมือนหลุดไปเมืองนอกเลยครับ

1. Strawberry Town ระยอง

ใครอยากไปสัมผัสบรรยากาศเมืองกังหัน “ประเทศเนเธอร์แลนด์” พร้อมชมดอกไม้งามๆ ขอเชิญที่ Strawberry Town จ.ระยอง เลยครับ ไปไม่ยากครับ เพรราะ อยู่ที่เดี่ยวกับ Brookside Valley Resort แถว อ.เมืองระยองเลย โดยใน Strawberry Town มีกิจกรรมมากมายให้เลือกทำ จะเที่ยวแบบผจญภัย เที่ยวธรรมชาติ หรือจะมาแชะภาพสวยๆ กับน้องแกะก็สามารถทำได้ครับ

นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแล้ว ที่ Strawberry Town ยังได้รับความนิยมจากคู่แต่งงานมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันด้วยนะครับ โดยใครจะไป ที่นี่เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ค่าเข้าชมคนละ 60 บาท ที่เราสามารถนำไปแลกเป็นอาหารสัตว์หรือส่วนลดค่าอาหารเมื่อทานครบ 300 บาท ได้ครับ

2. Mimosa พัทยา

ใครที่ต้องการบรรยากาศโรแมนติก ไม่ควรพลาดที่นี่เลยครับ Mimosa พัทยาอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมแอมบาสเดอร์จอมเทียน ใครอยากไปชมวิวสวยๆ ในเมืองโรแมนติกสีสันสดใสเหมือนอยู่ที่ฝรั่งเศส ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย เหมาะมากสำหรับสายโซเชียล มาถ่ายรูปที่นี่การันตีว่ายอดไลค์ยอดแชร์ตรึม

มีร้านค้า ของที่ระลึก และร้านอาหารมากมายให้บริการ ยิ่งตอนกลางคืน ขอบอกว่าตอนกลางคืนแสง สี เสียง สาวๆ ครบครันนะครับ ที่นี่เปิดบริการทุกวันด้วยนะครับตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มค่าเข้าชมผู้ใหญ่คนละ 150 บาท เด็กคนละ 75 บาทครับ

3. Canopy Walkway เชียงใหม่

เปลี่ยนบรรยากาศ มาชื่นชมธรรมชาติบนยอดไม้กันบ้าง Canopy Walkway อยู่ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อ.แม่ริม เชียงใหม่ครับ อันนี้อาจจะไกลซักหน่อย แต่คุ้มค่าการเดินทางแน่ๆ ครับ

โดย Canopy Walkway เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ยาวเกือบ 400 เมตรที่ความสูงกว่า 800 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดเด่นคือวิวจากมุมสูงของป่าเบญจพรรณแบบ 360 องศา แถมมีมุมพื้นกระจกให้ชมวิวอีกด้วย วิวสวย อากาศดีแบบนี้ ไม่ไปไม่ได้แล้ว โดยที่นี่ เปิดให้บริการตั้งแต่ 8 โมงครึ่งถึง 4 โมงครึ่งเย็นของทุกวัน

ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท รถยนต์คันละ 100 บาท มีรถรางให้บริการกันเมื่อยด้วยนะครับ

จะเที่ยวไกลใกล้ ก็อย่าลืมต่อประกันรถยนต์ด้วยนะครับ จะได้มีความคุ้มครองไว้ดูแลตลอดการเดินทาง หรือจะซื้อประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลไว้เพิ่มเติมความคุ้มครองระหว่างเที่ยวไทยก็ได้นะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Frank.co.th ประกันที่รวดเร็ว เรียบง่าย และจริงใจกับคุณ