New-MG-HS-2019

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ New MG HS (เอ็มจี เอชเอส) รถยนต์ SUV รุ่นล่าสุด ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่ภายใต้แนวคิด “Elegance” นิยามของ SUV ที่เหนือระดับ ดีไซน์ล้ำสมัยทั้งภายนอกและภายใน พร้อมติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยครบครัน

New-MG-HS-2019

ในส่วนของตลาดรถยนต์ SUV นั้น MG ได้เริ่มทำตลาดรถยนต์ในกลุ่มนี้ครั้งแรก โดยส่ง MG GS เข้ามาทำตลาดเมื่อ 3 ปีก่อน และต่อเนื่องด้วย MG ZS ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า สามารถสร้างการจดจำ ให้กับแบรนด์ MG ในฐานะหนึ่งในผู้เล่นหลัก (Key player) ทั้งในกลุ่ม B-SUV และ C-SUV ในประเทศไทย โดยเฉพาะ MG ZS ที่ถือเป็นความสำเร็จในการสร้าง Segment ใหม่ที่มาจากความเฉพาะตัวของเอ็มจี และกลายเป็นตลาดที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าคนไทย

“New MG HS” เป็นยนตรกรรมที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันในทุกๆ ด้าน เพื่อให้เป็นรถที่มีความสง่างามสะท้อนภาพลักษณ์ของความสำเร็จ พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่ภายใต้แนวคิด “Elegance” โดยมาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงามโดดเด่น ระดับรถซีดานหรู แต่ให้ความคุ้มค่า ประโยชน์ใช้สอยที่มากกว่า พร้อมสมรรถนะเยี่ยม เหนือกว่าด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART และระบบความปลอดภัยที่ครบครันมากยิ่งขึ้น

New-MG-HS-2019

New MG HS มี 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น C รุ่น D และรุ่นสูงสุด คือ รุ่น X พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีแดง Scarlet Red สีขาว Arctic White สีดำ Black Knight และ สีเงิน Silver Metallic

ทั้งนี้ ทางบริษัทจะทยอย ส่งมอบรถ NEW MG HS ให้กับโชว์รูมเอ็มจี 110 แห่งทั่วประเทศ โดยลูกค้าสามารถชมและทดลองขับได้ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนนี้ และบริษัทฯ จะทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้ ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นไป

Elegant Design: สง่างาม พร้อมสะกดทุกสายตา

New-MG-HS-2019

New MG HS ได้รับการออกแบบด้วยความพิถีพิถันโดยผสมผสานระหว่างความหรูหรากับความสปอร์ตได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยเส้นสายตัวถังแบบ British Shoulder Line ที่เน้นเรื่องความโค้งมนของตัวรถกระจังหน้าดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ MG ซึ่งมาพร้อมแนวคิด Stella Magnetic Field ที่ได้แรงบันดาลใจ มาจากกลุ่มดาวบนท้องฟ้าที่ดึงดูดเข้าหากัน

ไฟหน้าโฉบเฉี่ยวแบบ LED Projector พร้อมไฟส่องสว่าง สำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) และไฟท้ายแบบ Space Light Field ยิ่งไปกว่านั้นยังมาพร้อมไฟเลี้ยวทั้งด้านหน้าและหลังที่แสดงผลไล่ระดับแบบ Sequential เพิ่มความหรูหรายิ่งขึ้น พร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว ในรุ่น D และ X และล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น C

New-MG-HS-2019

ภายในห้องโดยสารออกแบบให้มีความโค้งมนโอบรับสรีระ พร้อมเล่นระดับ และตกแต่งด้วยวัสดุภายในให้สัมผัสนุ่ม (Soft Touch) ทั้งบริเวณคอนโซลหน้า และแผงประตูทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพิ่มความพรีเมี่ยมยิ่งขึ้น ด้วยเบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าแบบ Bucket Seat ทรงสปอร์ตสีดำสลับแดงที่มี ส่วนหุ้มด้วยวัสดุ Alcantara (เฉพาะรุ่น X)

New-MG-HS-2019

ในขณะที่เบาะหลังนั่งสบาย ปรับพับได้แบบ 60:40 พร้อมพนักพิงปรับองศาได้และที่วางแขนขนาดใหญ่ โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยไฟในห้องโดยสารแบบ Interactive Ambient Light ที่มีแสงต้อนรับทันทีที่เปิดประตู และสามารถปรับโทนแสงภายในห้องโดยสารได้มากถึง 64 เฉดสี รวมทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนแบบอัตโนมัติตามโหมดการขับขี่ พร้อมหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ขนาดใหญ่ 1.1 ตร.ม.

New-MG-HS-2019

New MG HS มีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกในขณะขับขี่อย่างครบครัน อาทิ หน้าจอแสดงผลที่มาตรวัดแบบ Interactive Multi – Function Display ขนาด 7 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลทั้งเรื่องการขับขี่ ระบบความปลอดภัย ระบบความบันเทิง และระบบนำทาง พร้อมหน้าจอหลักแบบ Smart Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

พร้อมกุญแจระบบ Smart Key และปุ่ม Push Start นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า (Electric Liftgate) ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

Perfect Performance: สมรรถนะอันทรงพลังในแบบฉบับเทอร์โบ

New-MG-HS-2019

New MG HS มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด ให้พละกำลังสูงสุดถึง 162 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด  250 นิวตัน-เมตร ในรอบที่ต่ำเพียง 1,700 รอบ/นาที

โดยสามารถทำความเร็ว 0-100 ได้ในเวลาไม่ถึง 10 วินาที พร้อมรองรับน้ำมัน E85 โดยรุ่น X มาพร้อมปุ่มปรับโหมดการขับขี่ที่สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ถึง 4 โหมด คือ โหมด Normal สำหรับการขับขี่แบบทั่วไป โหมด Eco เพื่อการประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น โหมด Sport เพื่อเพิ่มความสนุกในการขับขี่ และโหมด Custom ที่สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ตามต้องการ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมปุ่ม Super Sport บนพวงมาลัยที่ช่วยเร่งพลังการขับขี่ให้แรงขึ้น เพิ่มอารมณ์การขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น

New-MG-HS-2019

New MG HS มาพร้อมช่วงล่างตามแบบ Euro Tuning Suspension ที่ให้ทั้งความสบายและความมั่นใจในการ ขับขี่ด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut ที่ได้รับการตั้งค่าให้เหมาะสมกับการขับขี่ของลูกค้า และช่วงล่างด้านหลังแบบ Multi-link ที่รองรับการขับขี่ในสภาพถนนที่หลากหลาย

Smart Function: แตกต่างด้วยระบบอัจฉริยะที่ให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ กับ i-SMART

New-MG-HS-2019

New MG HS มาพร้อมระบบปฎิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับผู้ใช้รถยนต์ MG ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่กับรถสามารถสื่อสารกันได้ เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Smart Command ระบบสั่งการที่สามารถสั่งการได้ด้วยเสียงภาษาไทย ที่มีฟังก์ชั่นการสั่งการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การโทรออก สั่งการควบคุมระบบเครื่องเสียง ระบบปรับอากาศ ระบบเปิด-ปิดหน้าต่างฝั่งคนขับ และระบบเปิด-ปิดหลังคาซันรูฟ รวมถึงค้นหาจุดที่น่าสนใจ (Point Of Interest) ผ่าน Navigator เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ยังสามารถสั่งการระบบต่างๆ ผ่านหน้าจอทัชสกรีนภายในรถ หรือเลือกสั่งการผ่าน MG Mobile Application บนสมาร์ทโฟน Smart Connect ที่สามารถค้นหาเพลงฮิต เพลงดังผ่าน Online Music และค้นหาร้านอาหารเด็ด สถานที่ท่องเที่ยวและโรงแรม แสดงผลการจราจร รวมถึงอัพเดตข่าวสารในปัจจุบันบนหน้าจอในรถ และ Smart Check ที่สามารถตรวจสอบสถานะ และตรวจเช็กรถได้อย่างง่ายดาย ตลอดจนการสั่งการล็อกหรือปลดล็อก ประตูรถ ตรวจสอบตำแหน่งรถ แจ้งเตือนเมื่อพบสิ่งผิดปกติ และช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงการบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะ ผ่าน MG Mobile Application

ระบบความปลอดภัยที่ครบครัน

New-MG-HS-2019

New MG HS ให้ความปลอดภัยด้วยระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) ที่แข็งแกร่งพร้อมติดตั้งระบบความปลอดภัยเหนือระดับมาตรฐานยุโรป หรือ Advanced Synchronized Protection System มากถึง 25 ระบบ ประกอบด้วยระบบ Synchronized Protection System ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ ที่ช่วยทั้งเรื่องระบบเบรกและช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับขี่ 14 ระบบ อาทิ ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบลดความเสี่ยงที่จะทำให้รถพลิกคว่ำ ARP (Anti Rolling Program) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) และมีอีก 4 ระบบที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา ประกอบด้วย

  • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • รวมไปถึงระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) มากถึง 7 ระบบประกอบด้วย
  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
  • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)

นอกจากนี้ ยังเสริมความปลอดภัยให้อีกขั้นด้วยถุงลมนิรภัย 6 จุด และเพิ่มมุมมองที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้วยกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor)

* อุปกรณ์ที่ติดตั้งจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น

New-MG-HS-2019

ราคาจำหน่าย All-New MG HS มีดังนี้ครับ

  • รุ่น C ราคา 919,000 บาท (ราคาหลังหักส่วนลดพิเศษ 885,000 บาท สำหรับลูกค้า 1,000 คนแรก)
  • รุ่น D ราคา 1,019,000 บาท (ราคาหลังหักส่วนลดพิเศษ 985,000 บาท สำหรับลูกค้า 1,000 คนแรก)
  • รุ่น X ราคา 1,119,000 บาท (ราคาหลังหักส่วนลดพิเศษ 1,085,000 บาท สำหรับลูกค้า 1,000 คนแรก)

พร้อมจำหน่ายที่โชว์รูมรถยนต์ MG ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน นี้ และจะทยอยส่งมอบรถตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม เป็นต้นไป

ถ้าคุณเกิดอยากตัดสินใจขายรถด่วนๆ เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือได้เงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเดิมกับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

“สิงคโปร์” (Singapore) เป็นประเทศเล็กๆ ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดี ในฐานะเกาะเล็กๆ (ที่เป็นประเทศด้วย) ที่แยกตัวออกมาจากประเทศมาเลเซีย มีพื้นที่แค่เพียง 718.3 ตร.กม. ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเหมือนประเทศอื่น มีเพียงทรัพยากรมนุษย์เท่านั้น แต่สามารถสร้างประเทศ ให้เป็นศูนย์กลางทางการค้าขาย ในระดับ ASEAN และในระดับโลกได้

เป็นศูนย์รวมของบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก มีสำนักงานในประเทศนี้ และศูนย์รวมเรือสินค้าจากทั่วโลก เพราะมีท่าเรือขนส่งสินค้าปลอดภาษี ให้ผู้ซื้อ-ผู้ขาย มาทำการซื้อขายได้ที่นี่ ด้วยความที่สิงคโปร์เป็น “พ่อค้าคนกลาง” นั่นเอง

ตัวประเทศสิงคโปร์เอง ยังมีฐานะทางเศรษฐกิจดี (แม้ว่าช่วงนี้ อาจจะมีอาการ “สะดุด” ออกมาให้เห็นอยู่บ้างก็ตาม) จากการพัฒนาเศรษฐกิจด้านการค้ามาหลายสิบปี อีกทั้งยังมีแรงงานต่างชาติ ที่นิยมเข้าไปทำงานเป็นจำนวนมากอีกด้วย

พอย้อนกลับมาที่หัวเรื่อง ก็สงสัยว่าแต่ทำไม? ประเทศไทย เวลาปรับขึ้นหรือลงราคาน้ำมัน ถึงต้องอิงราคาน้ำมัน จากประเทศสิงคโปร์ด้วย?

ทำไมราคาน้ำมันไทยต้องอิงสิงคโปร์

ทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน มีรายละเอียดอธิบายดังนี้ …

สาเหตุที่ต้องอ้างอิงราคาสิงคโปร์ นั่นหมายถึง เป็นราคาที่สะท้อนถึงการซื้อ-ขาย ของทุกประเทศ ในภูมิภาคนี้

1. สะท้อนต้นทุนการนำเข้าของไทยในระดับต่ำสุด ตลาดสิงคโปร์เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุด ในภูมิภาคเอเซีย ซึ่งใกล้ไทยมากที่สุด ดังนั้น ต้นทุนในการนำเข้า จึงเป็นต้นทุนที่ถูกที่สุดที่โรงกลั่นไทยต้องแข่งขันด้วย

2. ปริมาณการซื้อ-ขาย สูง ซึ่ง สิงคโปร์ จะเป็นตลาดที่ซื้อขายน้ำมันเช่นเดียวกับนิวยอร์ค (NYMEX) โดยน้ำมันที่ทำการซื้อขาย อาจไม่ได้เก็บไว้ในสิงคโปร์ แต่จะมีการตกลงซื้อขายในสิงคโปร์ เนื่องจากจะมีบริษัทที่ทำธุรกิจซื้อขายน้ำมัน มาเปิดดำเนินการในสิงคโปร์ ปริมาณการซื้อขายน้ำมันในสิงคโปร์ จะอยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกับตลาดใหญ่ ในพื้นที่อื่น (ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง) ซึ่งทำให้ยากต่อการปั่นราคา

โดยผู้ซื้อหรือผู้ขาย และราคาจะสะท้อน จากความสามารถในการจัดหา และความต้องการน้ำมันของภูมิภาคนี้

3. ราคาสะท้อนความสามารถในการจัดหา และความต้องการของเอเซีย แม้สิงคโปร์จะมีกำลังการกลั่นรวมอยู่ที่ 1.5 ล้านบาเรลต่อวัน ซึ่งยังเป็นระดับที่ต่ำกว่า จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แต่การกลั่นของสิงคโปร์ เป็นการกลั่นเพื่อส่งออก ในขณะที่ประเทศที่มีกำลังกลั่น มากกว่าสิงคโปร์ดังกล่าว เป็นการกลั่นเพื่อใช้ในประเทศเป็นหลัก เมื่อเหลือแล้วจึงส่งออก จากการกลั่นเพื่อส่งออกเป็นหลัก ทำให้ราคาจำหน่ายของตลาดสิงคโปร์ จะสะท้อนราคาส่งออกที่แท้จริง ซึ่งจะสะท้อนความสามารถในการจัดหา และสภาพความต้องการนำน้ำมันสำเร็จรูป ของภูมิภาคเอเซีย

ทำไมราคาน้ำมันไทยต้องอิงสิงคโปร์

4. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ เป็นฐานกำหนดราคาส่งออกของประเทศต่างๆ แม้ว่าการส่งออกของสิงคโปร์จะเริ่มลดลง เพราะมีกำลังกลั่นเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ แต่ราคาที่ส่งออกของประเทศต่างๆ ยังคงใช้ราคาน้ำมันของตลาดสิงคโปร์ เป็นฐานในการกำหนดราคาส่งออก และการซื้อขายเพื่อส่งออกจากประเทศต่างๆ ยังทำการซื้อขายที่สิงคโปร์เป็นหลัก

5. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ เปลี่ยนแปลงสอดคล้องกับตลาดอื่นๆ ทั่วโลก สพช. ได้ศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในตลาดต่างๆ ได้แก่ ตลาดตะวันออกกลาง ตลาดยุโรป ตลาดอเมริกา และตลาดจรสิงคโปร์พบว่า ราคาน้ำมันสำเร็จรูปทุกตลาดต่างปรับตัวเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน และในระดับที่ใกล้เคียงกัน อาจมีบางช่วงที่ราคา ของบางตลาดเปลี่ยนแปลงในทิศทาง หรือระดับที่แตกต่างกับตลาดอื่นๆ ซึ่งเป็นเพราะภาวะที่ความต้องการ และปริมาณน้ำมันในตลาด ไม่มีความสมดุลในช่วงเวลานั้นๆ

แต่ต่อมาราคาที่แตกต่างจากตลาดอื่นมาก จะทำให้เกิดการไหลเข้า / หรือออกของน้ำมันจากตลาดอื่น จนทำให้ระดับของราคาตลาดนั้น ปรับตัวสู่ภาวะสมดุลกับตลาดอื่น ทั้งนี้ เนื่องจากน้ำมันสำเร็จรูปที่จำหน่ายในทุกตลาด เป็นสินค้าภายใต้ระบบการค้าเสรี และเป็นสากล

6. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ ผันผวนน้อยกว่าตลาดอื่นๆ จากการสังเกตความเคลื่อนไหว ของราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพบว่า ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ มีความผันผวนน้อยกว่าตลาดอื่นๆ

และการปรับตัวของราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ ในช่วงที่มีความแตกต่างจากตลาดอื่นมาก ตลาดสิงคโปร์จะใช้เวลาในการปรับตัวสู่สมดุลในเวลาประมาณ 1-3 วัน ซึ่งจะเห็นว่าการแข็งตัวของราคาน้ำมันสำเร็จรูป ในเดือนมีนาคมในตลาดจรสิงคโปร์ ได้ปรับตัวสู่ระดับปกติในช่วงหลังของเดือน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วีระ ธีรภัทร

และอันนี้เป็นความคิดเห็นในส่วนของ “วีระ ธีรภัทร” หรือ วีระ ธีระภัทรานนท์ ผู้จัดรายการชื่อดังจากรายการ คุยได้ คุยดี “Talk News & Music” ที่กล่าวไว้ในรายการเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2562 จากความทรงจำ …

“ราคาอ้างอิงสิงคโปร์ คือราคาหน้าโรงกลั่นประเทศไทย ที่อ้างอิงราคาจากที่สิงคโปร์ ไม่ใช่ราคาน้ำมันดิบ และราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปั้มน้ำมันในประเทศสิงคโปร์

ทำไมถึงใช้อ้างอิงกัน ทั้ง ญี่ปุ่น, เวียดนาม, อินโดนีเซีย เป็นต้น เพราะสิงคโปร์ มีการซื้อ-ขาย น้ำมัน ในสิงคโปร์มากที่สุดในภูมิภาคนี้ เปรียบเหมือน “ตลาดไท” ในบ้านเรา เราเชื่อว่าราคาส้มโอ หรือแตงโมที่ตลาดไท น่าจะถูกกว่าที่ตลาดสดติดบ้านเรา คุณคิดว่าถูกกว่า? หรือแพงกว่า?

แล้วทำไมเราใช้ราคาอ้างอิงที่ถูกกว่า เพราะเราใช้ราคาที่อื่นไม่ได้แล้ว อันนี้คือวิธีคิด ฉันใดฉันนั้น เพราะผู้ซื้อผู้ขายเยอะ และราคานี้ก็ขึ้นลงได้เร็ว เพราะ Demand / Supply เยอะ

ถ้าถามว่าเราไม่ใช้ราคานี้ได้ไหม ได้ ก็อิงจากราคาหน้าโรงกลั่นไป

แต่ถ้าคุณทำราคาได้ต่ำกว่าราคาอ้างอิงที่สิงคโปร์ คุณก็ได้กำไรไป”

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เหมาะกับโรงรถบ้านคุณ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

  • EPPO

Brake-Lines-Is-Important

ระบบเบรกในรถยนต์ ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเลยก็ว่าได้ เพราะถ้ารถของคุณมีระบบเบรกที่พร้อมใช้งาน ระบบเบรกที่ดี ก็ช่วยให้คุณขับรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น (แต่ก็ต้องมาพร้อมกับยางรถยนต์สภาพดี ที่ได้คุณภาพด้วยเช่นกัน)

แต่เชื่อไหมครับว่า เวลาที่หลายต่อหลายคน นำรถไปเข้าอู่ หรือศูนย์บริการ เพื่อทำระบบเบรก ไม่ว่าจะไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก เปลี่ยนผ้าเบรก เจียรจานเบรก หรือเปลี่ยนจานเบรกใหม่ก็ตาม หลายคนอาจจะละเลย “ท่ออ่อนเบรก” (Brake Lines) ไป หลายครั้งที่มีข่าวรถยนต์เบรกแตก เกิดอาการเหยียบเบรกไม่อยู่ เบรกจม จนเกิดอุบัติเหตุสร้างความเสียหาย หลายต่อหลายครั้ง มาจาก “ท่ออ่อนเบรก” ที่หมดสภาพ

Mr.Carro จะมาอธิบายว่า “ท่ออ่อนเบรก” มันคืออะไร มีความสำคัญอย่างไรกันครับ.

Brake-Lines-Is-Important

ท่ออ่อนเบรก คือ ส่วนที่สามารถขยับตัวได้ระหว่างตัวถังกับล้อ ทำให้การส่งน้ำมันเบรกไปยังดุมล้อนั้น ต้องขยับตัวและรับแรงบิดตามการเลี้ยวของล้อ

ท่ออ่อนเบรกนั้นจึงสำคัญมาก โดยวัสดุที่มักจะเอามาทำท่ออ่อนเบรกนั้น จะทำมาจากยางแล้วถักด้วยเส้นด้าย เมื่อหักล้อ เลี้ยว หักพวงมาลัยไปนานๆ ท่ออ่อนเบรกอาจมีอาการบวม พอง แตก หรือแตกตามข้อต่อ ทำให้น้ำมันเบรกรั่วออกมาได้ หรือมีอาการตันในท่ออ่อนเบรก

Brake-Lines-Is-Important

อาการต่างๆ ที่เกิดจากท่ออ่อนเบรกตัน หรือบวม มีอะไรบ้าง?

1. เบรกติดใขณะที่เหยียบเบรก น้ำมันถูกส่งออกมาจากแม่ปั้มเบรก ไปยังลูกสูบเบรกดันให้ฝักเบรกอ้าออก แต่ในเวลาที่ปล่อยเบรก น้ำมันเบรกไม่สามารถไหลกลับได้เพราะท่ออ่อนตีบตัน หรือไหลกลับแต่ช้ามาก ทำให้การคืนตัวของฝักเบรกช้า ทำให้เบรกติด

2. เบรกไม่อยู่ อาจจะเป็นที่ล้อใดล้อหนึ่ง เพราะน้ำมันเบรกไม่สามารถไหลผ่านท่ออ่อนไปยังลูกสูบเบรกได้

อายุของท่ออ่อนเบรก ส่วนใหญ่ใช้งานได้ประมาณ 4-5 ปี หรือประมาณ 50,000 กิโลเมตร หรือถ้าหากจับตัวดูแล้วรู้สึกยางเริ่มแข็ง ก็ควรเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว ซึ่งสายอ่อนเบรกที่ดีนั้น ต้องทนต่อแรงดันน้ำมันเบรก ความชื้น ความร้อน สารเคมี และน้ำมันเชื้อเพลิง และข้อต่อปลายต้องกันสนิมได้

3. เบรกแตก (อาการยอดฮิต ของรถบรรทุกเก่าๆ ในอดีต เป็นกันบ่อย) คือถ้าคุณใช้รถไปนานๆ ไม่เคยก้มลงไปตรวจสภาพสายอ่อนเบรกของทั้ง 4 ล้อดูเลย เมื่อเกิดอาการเสื่อมสภาพ จะทนแรงดันไม่ไหว ขณะเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน แรงดันน้ำมันเบรกจะมาสูงมาก ทำให้ท่ออ่อนเบรกทนต่อแรงดันไม่ไหว ก็อาจจะแตกหรือขาดออก ทำให้น้ำมันเบรกรั่ว และรถเบรกไม่อยู่

Brake-Lines-Is-Important

ทางที่ดี เมื่อคุณจะตรวจเปลี่ยนอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับระบบเบรกทุกครั้ง อย่าลืมตรวจสภาพ “ท่ออ่อนเบรก” ทุกครั้งนะครับ!

ถ้าคุณเกิดเบื่อซ่อมรถคันเดิม คิดอยากจะขายรถเมื่อไหร่ สามารถขายรถคันเดิมกับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Renew-Or-Choose-New-Company-Car-Insurance

ลังเลใจไม่น้อยเมื่อประกันรถยนต์ใกล้หมดแบบนี้ จะต่อประกันรถยนต์ที่เก่าดี หรือที่ใหม่ดีนะ มีข้อดีข้อเสียต่างกันยังไง ตามเรามาดูกันเลยดีกว่า 

ต่อประกันรถยนต์กับที่เดิม

ใครที่อยากจะต่อประกันรถยนต์ที่เดิมนั่น เหมาะมากๆ สำหรับใครที่ธุรกิจรัดตัว เวลาว่างไม่เยอะ ไม่ต้องการความยุ่งยากให้กับชีวิต เพราะจะต่อประกันรถยนต์ใหม่สักเจ้า นอกเหนือจากเบี้ยประกันแล้ว เราต้องศึกษาเงื่อนไขอื่นๆ เพิ่มเติม แถมต้องคอยเปรียบเทียบประกันอีก ทำให้หลายคนตัดปัญหาที่แสนยุ่งยากเหล่านั้นดว้ยการต่อประกันภัยรถยนต์ที่เดิมแทน

นอกจากนี้ ข้อดีของการต่อประกันรถยนต์ที่เดิม คือ มีส่วนลดเบี้ยประกันภัยในปีต่อไป หากคุณต้องการตัดรายจ่าย ถ้าได้ความคุ้มครองเท่าเดิม แต่จ่ายน้อยลง ที่เดิมนี่แหละที่ตอบโจทย์! แถมยังสะดวกสบายไม่ต้องตระเตรียมเอกสารใหม่ๆ ให้ยุ่งยาก 

ถ้าประกันรถยนต์เจ้าเดิมของคุณไม่มีปัญหา ตอบโจทย์ครบถ้วนอยู่แล้ว ก็คงไม่มีใครคิดจะอยากเปลี่ยนเจ้าประกันรถยนต์หรอก จริงไหมล่ะ

Renew-Or-Choose-New-Company-Car-Insurance

ต่อประกันรถยนต์เปลี่ยนที่ใหม่

ถ้าประกันรถยนต์เจ้าเก่าไม่ค่อยตอบโจทย์เอาเสียเลย การเปลี่ยนไปต่อประกันรถยนต์เจ้าใหม่ๆ น่าจะตอบโจทย์มากกว่า! นอกจากนี้การเปลี่ยนเจ้าต่อประกันรถยนต์นั้น ให้ข้อดีใจแง่การเคลมนั่นเอง เพราะหากคุณเคลมบ่อย อยากจ่ายเบี้ยปีหน้าถูกลง จะต้องย้ายค่ายไปหาเจ้าใหม่จะช่วยให้เบี้ยประกันคุณถูกลงมากกว่า

นอกจากนี้ อาจจะมีสิทธิ์ได้รับส่วนลดมากกว่าอีกด้วย เพราะหลายเจ้ามักมีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมให้กับลูกค้าใหม่ๆ  แต่การเปลี่ยนเจ้า เปลี่ยนที่ต่อประกันรถยนต์ใหม่นั่น มีข้อเสียคือเสี่ยงนั่นเอง เสี่ยงว่าถ้าเราเปรียบเทียบไม่ดี ก็อาจจะเจอประกันรถยนต์ที่แย่กว่าเจ้าเก่าได้ และกว่าจะเปลี่ยนก็ต้องรออีกทีปีหน้าเลยนะ! 

แบบนี้เลือกยังไงให้ชัวร์ ? 

สำหรับใครที่ยังลังเล ชั่งใจว่าจะต่อประกันรถยนต์ที่ไหนดี ที่เก่า หรือที่ใหม่ดีนะ ขอแบบนี้บอกเลยว่าไม่ตายตัว และขึ้นอยู่กับเงื่อนไข ปัจจัยต่างๆ ขอแต่ละคน เช่น ถ้าประกันเจ้าเดิมดี มีส่วนลดต่างๆ ที่น่าสนใจ เวลาเคลม ไปอู่ซ่อมก็สบาย ไม่ยากอะไร คุณก็อาจจะต่อที่เดิมก็ได้

แต่ถ้าใครที่อยากจะเปลี่ยนที่ใหม่ แสวงหาประกันรถยนต์ที่ดีกว่าประกันรถยนต์เดิมๆ ลองมาทำความรู้จักกับ บริการเปรียบเทียบประกันรถยนต์จาก rabbit finance ที่ให้คุณเปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้สะดวกสบาย ไม่ต้องยุ่งยาก ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถค้นหาประกัรรถยนต์พร้อมโปรโมชั่นที่โดนใจ เหมาะกับเงินในกระเป๋าได้ง่ายๆ ไม่ต้องยุ่งยากอีกต่อไป

Carro-The-All-New-Mazda3-2019
Mazda เปิดตัวแนะนำ All-New Mazda3 (มาสด้า3) มาพร้อมแนวคิด “A New Era Begins” เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ภายใต้ Concept “Less is More” เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม ยึดหลักปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลาง นำเอาท่วงท่าการเดินที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์มาเป็นต้นแบบในการพัฒนา เกิดเป็นรถยนต์ที่สามารถควบคุมการขับขี่ได้อย่างแม่นยำ และสมดุลในทุกสถานการณ์

ด้วยสกายแอคทีฟแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ SkyActiv-Vehicle Architecture ทำงานผสานกับระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE
The-All-New-Mazda3-2019
มีให้เลือก 2 สไตล์ ทั้งแบบ Sedan 4 ประตู และ Fastback 5 ประตู ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของมาสด้า ประเทศไทย และทั่วโลก เพื่อยกระดับตลาด C-Segment ด้วยเทคโนโลยียานยนต์ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นในทุกองค์ประกอบ วิวัฒนาการใหม่ของ KODO Design คือ การแสดงออกรูปแบบใหม่ของความสง่างาม จากสุนทรียศาสตร์สไตล์ญี่ปุ่น
The-All-New-Mazda3-2019
All-New Mazda3 เป็นการออกแบบ KODO Design มาผสานกับ “การเคลื่อนไหวที่เป็นหนึ่งเดียว” ทำให้เกิดการแสดงออกที่มีนัยสำคัญและน่าทึ่งกว่ารุ่นก่อนหน้า
The-All-New-Mazda3-2019
The-All-New-Mazda3-2019
การออกแบบรุ่น Fastback ให้อารมณ์มากกว่าเดิม ในขณะที่รุ่น Sedan หรูหรามากขึ้น
The-All-New-Mazda3-2019
เครื่องยนต์ Skyactiv พัฒนาก้าวขึ้นไปอีกระดับ Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร ถูกพัฒนาให้แรง และประหยัดน้ำมัน ด้วยเทคโนโลยีที่ฉีดเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ผนวกกับหัวฉีดดีไซน์ใหม่ ส่งผลให้มีอัตราส่วนกำลังอัดสูง แรงบิดเพิ่มขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ด้วยอัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1 ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.9 กม./ลิตร (ผลการทดสอบตามมาตรฐาน UN101 Combine Mode)
The-All-New-Mazda3-2019
ห้องโดยสารหรูหรา ด้วยวัสดุเกรดพรีเมียมครบครันทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน คุณภาพสูง ออกแบบและพัฒนาใหม่หมด โดยยึดหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลางในการจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ในตำแหน่งที่เหมาะสม  ไม่ว่าจะเป็นเบาะดีไซน์ใหม่ที่โอบกระชับ รองรับสรีระ ช่วยให้กระดูกเชิงกรานตั้งตรง แนวกระดูกสันหลังคงรูปตัว S เหมือนขณะเดิน เพื่อขับขี่ได้อย่างเป็นธรรมชาติและสมดุล ช่วยลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่ สะดวกยิ่งขึ้นด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง
The-All-New-Mazda3-2019
แผงหน้าปัดและมาตรวัดดิจิตอลแบบ TFT LCD หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า  เชื่อมต่อสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัดด้วย Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน สัมผัสกับห้องโดยสารที่เงียบขึ้น และระบบเสียงคุณภาพ Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
The-All-New-Mazda3-2019
 
Mazda ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ได้รับการคิดค้นและพัฒนาขีดความสามารถอย่างจริงจัง โดยเน้นการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
  • ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support) ที่สามารถควบคุมความเร็วของรถ ช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support) ที่สามารถตรวจจับรถคันหน้า จักรยาน รวมถึงคนเดินถนน
  • ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Reverse Crossing)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse) ที่สามารถตรวจจับวัตถุในวงกว้างและสูงขึ้น ด้วยจำนวนเซ็นเซอร์ที่มากขึ้น
  • ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps) ที่ได้รับการพัฒนาให้ลำแสงละเอียดยิ่งขึ้น
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
  • ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane Keep Assist System)
  • ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
  • ระบบเตือนเมื่อเกิดความอ่อนล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)

และปกป้องทันทีจากอุบัติเหตุด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง

All-New Mazda3 มีให้เลือก 7 สี ประกอบด้วย

  • สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
  • สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
  • สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
  • สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver)
  • สีน้ำตาล ไททาเนียม แฟลช (Titanium Flash)
  • สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)
  • สีเทาใหม่ โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray) เฉพาะรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู (และจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น)

ราคาจำหน่าย All-New Mazda3 ทั้งรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู จำหน่ายในราคาเดียวกัน

  • รุ่น 2.0 C ราคา 969,000 บาท
  • รุ่น 2.0 S ราคา 1,069,000 บาท
  • รุ่น 2.0 SP ราคา 1,198,000 บาท

พร้อมโปรโมชั่น ฟรีค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร* ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร** พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance

* ฟรีค่าแรงการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 10 ครั้ง ทุก 6 เดือน หรือ ทุก 10,000 กม. ตั้งแต่ 10,000 – 100,000 กม.

** ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน

ตามเงื่อนไขโปรแกรม Mazda Added Protection

ถ้าคุณอยากจะขายรถคันเก่า เพื่อไปซื้อ Mazda3 ใหม่ สามารถขายรถคันเดิมกับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Drive-Wear-Shoes-Or-Without-Shoes

นี่ก็นับเป็นปัญหาโลกแตก ของคนขับรถอีกละครับ สำหรับเรื่อง “รองเท้า”

บางคนบอก ใส่รองเท้าขับรถดีกว่า เพราะอย่างน้อย มันก็ปลอดภัยเวลาขับรถ ที่รองเท้าอาจจะไหลลื่น ไปขัดกับคลัทช์, เบรก หรือ คันเร่ง จนไม่สามารถเหยียบได้ เกิดอุบัติเหตุเมหือนที่เป็นข่าวอยู่หลายครั้ง … แต่ฝ่ายที่บอกว่า ไม่ใส่รองเท้าขับรถ เพราะว่าเวลาเหยียบคลัทช์, เบรก และคันเร่ง มันกะน้ำหนักได้มากกว่าใส่รองเท้า

ลองมาดูกันว่า เวลาขับรถ ใส่รองเท้า หรือไม่ใส่รองเท้า อันไหนดีกว่ากัน เหมาะกว่ากัน?

Drive-Wear-Shoes-Or-Without-Shoes

โดยปกติแล้ว แป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง ออกแบบมาสำหรับให้รองรับกับรองเท้า ซึ่งการขับขี่รถยนต์โดยใส่รองเท้า นับว่าถูกต้อง แต่การเลือกรองเท้าที่เหมาะสม ใส่แล้วกระชับ ไม่หลวมหรือแน่นจนเกินไป ก็จะช่วยให้ขับรถได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งเดี๋ยวนี้ยังมีการผลิตรองเท้าสำหรับใส่ขับรถ ออกมาขายอีกด้วยนะครับ

Drive-Wear-Shoes-Or-Without-Shoes

โดยรองเท้าอะไรบ้าง ที่ไม่เหมาะสมเวลาใส่ขับรถ Mr.Carro ขออธิบายดังนี้

– รองเท้าส้นสูง เพราะ ส้นของรองเท้า อาจไปติดกับเบรกหรือคันเร่ง ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
– รองเท้าแตะ เพราะ รองเท้าแตะบางคู่ พื้นเรียบจนลื่นแล้ว อาจทำให้เหยียบแป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง พลาดได้ กรณีที่เข้ามานั่งขับรถช่วงฝนตก
– รองเท้าหลวม เพราะ เท้าที่เล็กกว่ารองเท้า ทำให้การเหยียบแป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง ได้ลำบากมากขึ้น

Drive-Wear-Shoes-Or-Without-Shoes

การขับรถโดยถอดรองเท้า ตามจริงแล้วก็ไม่ผิดนะครับ (ยกเว้นผู้ที่เป็นคนขับรถสาธารณะ ไม่สามารถถอดรองเท้าขับรถได้ เพราะผิดกฎหมาย) เพียงแต่ไม่ปลอดภัย และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ กรณีที่มีรองเท้า ไหลเข้าไปขัดอยู่ที่แป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง

อีกทั้งการวางสิ่งของต่างๆ เช่น ขวดน้ำ กระบอกน้ำ กล่องแว่นตา กระเป๋า ไว้บริเวณที่พักเท้าด้านคนขับ ก็ยังจัดว่าอัตรายอีกด้วย! เพราะสิ่งของอาจะเลื่อนไหลไปขัดที่แป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง ได้!

ถ้าคุณเกิดอยากตัดสินใจขายรถด่วนๆ เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ที่ประหยัดน้ำมันขึ้น หรือขับเคลื่อนธุรกิจคุณ สามารถขายรถคันเดิมกับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

5 วิธี ที่ทาสแมวต้องรู้! เมื่อเอาแมวติดรถไปด้วย

ใครหลายคนที่เป็น “ทาสแมว” ก็มักจะหลงไหลแมวเป็นพิเศษ เพราะแมวนั้นเป็นสัตว์ที่มีหน้าตาดูน่าเกรงขาม (เหมือนเสือตัวน้อยๆ) แต่ก็แฝงไปด้วยความน่ารักในตัว กับความออดอ้อนเก่ง นวดเก่ง ที่ทำให้ใครต่อใคร มักหลงไหลเจ้าเหมียวไปด้วย

การท่องเที่ยวของคนเรามักจะมีอยู่เสมอๆ นอกจากคนไปเที่ยวแล้ว บางทีอยากจะพาสัตว์เลี้ยงคู่ใจ ออกเดินทางไปเที่ยวพร้อมกันด้วยเช่นกัน

แล้วถ้า “ทาสแมว” จะพา “เจ้านาย” ของคุณไปเที่ยวพร้อมกันล่ะ คุณจะเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ให้ทั้งคุณและเจ้าเหมียว มีความสุขในระหว่างการเดินทางไปพร้อมกัน ลองอ่านเคล็ดไม่ลับดูกัน …

5-Ways-To-Keep-Cat-With-Your-Car

1. เตรียมพร้อมก่อนการเดินทาง

เตรียมปลอกคอ เขียนชื่อ-เบอร์โทร ของเจ้าของแมวเอาไว้ไปด้วย พร้อมกับสายรัดแมว เผื่อเจ้าเหมียวอาจจะเตลิดหนีหายไป ระหว่างที่เราพาแมวไปเที่ยวด้วยกัน

ก่อนเดินทางสัก 2-3 ชั่วโมง ก็จัดการเตรียมตัวให้แมวทานอาหาร พร้อมกับเปิดประตูกระเป๋าสัตว์เลี้ยงไว้ ให้แมวจะได้สำรวจซะให้พอ เพราะถ้าแมวรู้สึก OK แล้ว ทาสแมวก็จะไม่ต้องลำบาก ตอนเวลาขับรถ

5-Ways-To-Keep-Cat-With-Your-Car

2. สร้างความคุ้นเคย

“กลิ่น” ประจำตัวของแมว นี่ก็ถือว่าสำคัญ เพราะเป็นการทำให้แมวสร้างความคุ้นเคยต่อสถานที่นั้นๆ คุณอาจจะปล่อยให้เขาใช้หัวถูภายในรถ เพื่อให้กลิ่นของเจ้าเหมียวติดอยู่ในรถ หรือนำสิ่งของที่เขาคุ้นเคย อย่างเช่น ห้องน้ำแมว เบาะที่นอน ผ้าห่ม หรือผ้าเช็ดตัวของเจ้าเหมียวติดไปด้วย

5-Ways-To-Keep-Cat-With-Your-Car

3. ของจำเป็น X ที่ลับเล็บ

อย่าลืมเตรียมกระบะทราย สำหรับการขับถ่ายของเจ้าเหมียว ชามใส่อาหาร และชามใส่น้ำ รวมถึงชุดปฐมพยาบาลของแมวไว้ด้วยก็ดี และอย่าลืมที่ลับเล็บสําหรับแมวไปด้วย (ถ้าไม่มี ก็ใช้กล่องไปรษณีย์ หรือลังกระดาษก็ได้) เพราะสามารถช่วยให้แมวแก้เครียดได้ และช่วยให้แมว ไม่ไปขีดข่วนเบาะรถของคุณแทน

5-Ways-To-Keep-Cat-With-Your-Car

4. กระเป๋าสัตว์เลี้ยง

กรณีที่เดินทางไปด้วยกันหลายๆ คน หรือแม้กระทั่งขับรถแค่เพียงคนเดียว การใช้กระเป๋าใส่แมว หรือที่กั้นสัตว์เลี้ยงไว้ภายในรถ เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะเจ้าเหมียวอาจซน จนทำให้คุณเสียสมาธิหรือเกิดอันตรายตอนขับรถได้

ระหว่างยกกระเป๋าสัตว์เลี้ยงไปที่รถ พยายามหาผ้าปิดที่ด้านหน้าของช่องตรง เพื่อที่ไม่ให้แมวรู้สึกตื่นตกใจเวลาเห็นสิ่งต่างๆ

5-Ways-To-Keep-Cat-With-Your-Car

5. อย่าลืมสเปรย์แมวติดตัว

อย่าลืมพกสเปรย์ฟีโรโมนอย่าง Feliway ซึ่งเป็นสเปรย์ที่เลียนแบบกลิ่นฟีโรโมน ที่แมวชอบปล่อยออกมาตอนผ่อนคลายสบายใจในอาณาเขตของตัวเอง เลยช่วยปลอบแมวให้สงบเวลาอยู่บนรถได้ ไปด้วย ไม่งั้นแมวของคุณอาจจะเกิดอาการตกใจ หรือหงุดหงิดได้

แค่นี้ คุณกับแมว ก็เดินทางไปด้วยกันอย่างมีความสุขแล้วครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่กำลังอยากขายรถคันเดิม เอาเงินไปซื้อรถคันใหม่ มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครกำลังอยากซื้อรถใหม่ แต่กำลังเงินซื้อรถมือหนึ่งไม่ไหว CARRO อยากให้ลองเปิดใจกับรถมือสอง เนื่องจากรถมือสองสภาพดีสมัยนี้มีให้เลือกเยอะแยะ แถมถ้าเป็นรถรุ่นประหยัดน้ำมันได้ก็ยังดี ซึ่ง CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์ให้คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

Masii-Auto-Insurance-And-Secondhand-Car

หากพูดถึงรถยนต์มือสอง แน่นอนว่าหลายๆ คน ก็มักจะเลือกซื้อใช้ เพราะเนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่ารถยนต์มือหนึ่งป้ายแดงอย่างเห็นได้ชัดเจน และรวมไปถึงเรื่องของคุณภาพ และสภาพรถยนต์มือสองทั่วไปในปัจจุบัน ก็คงสภาพได้ดีด้วยอีกด้วย ดังนั้น ไม่แปลกใจเท่าไรที่เพื่อนๆ หลายคนเลือกใช้รถยนต์มือสองกันมากขึ้น

Carro-Masii-Auto-Insurance-And-Secondhand-Car

ใช้รถมือสอง ประกันรถยนต์ยังจำเป็นอยู่ไหม?

แน่นอนว่าอาจจะมีเพื่อนๆ หลายคนที่มักมีความคิดว่าการซื้อรถยนต์มือสองคือการซื้อขาย หรือใช้รถยนต์ต่อจากคนอื่น ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องมีประกันรถยนต์ก็ได้เหมือนกัน อาจจะดูเป็นความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไรนัก แต่เชื่อสิว่ายังมีคนคิดแบบนี้อยู่จริงๆ นะ ทางมาสิ ขอแนะนำให้เพื่อนๆ พักความเชื่อเหล่านี้เอาไว้ก่อน

เราอยากจะบอกว่ากับเพื่อนๆ ทุกคนว่า ประกันภัยรถยนต์ยังถือว่าเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างมากสำหรับเพื่อนๆ ที่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งป้ายแดงหรือมือสองก็ตาม เพราะหน้าที่หลักของการทำประกันรถยนต์ คือ การคุ้มครองทั้งตัวเราและรถยนต์ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เกิดเหตุที่ไม่คาดคิด เห็นไหมว่า มันไม่เกี่ยวกันเลยว่าต้องเป็นรถยนต์มือหนึ่งอย่างเดียวที่ควรทำ รถยนต์ใดๆ ก็สามารถทำประกันรถยนต์ได้ทั้งนั้น

แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่ซื้อรถมือสองมาใช้งาน แล้วพบว่าไม่รู้ว่า เราควรจะเลือกทำประกันรถมือสองประเภทไหนดีถึงจะเหมาะสม วันนี้ มาสิ มีคำแนะนำดีๆ มาฝากกัน ไปดูกันว่า รถมือสอง ทำประกันรถยนต์แบบไหนดี

Carro-Masii-Auto-Insurance-And-Secondhand-Car

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่มีอายุรถมือสองที่ไม่เก่ามากนัก และใช้งานเป็นประกันทางเราขอแนะนำให้ทำประกันชั้น 1 ไปเลยเพราะว่า จะให้ความคุ้มครองที่มากกว่าชั้นอื่นๆ นอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยต่างๆ แต่ยังครอบคลุมไปถึงการคุ้มครองกรณีรถชนไม่มีคู่กรณีอีกด้วยนะ เช่น รถชนต้นไม้ ชนกำแพง เป็นต้น

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+

สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากประหยัดค่าเบี้ยประกันน้อยลง ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เป็นตัวเลือกที่เหมาะมากสำหรับรถมือสอง โดยเฉพาะหากรถมือสองมีอายุมากกว่า 3 ปีขึ้นไป สำหรับความคุ้มครองนั้นจะใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ชั้น 1 เลย แตกต่างตรงกันที่ชั้น 2+ จะชดเชยความเสียหายกรณีรถชนที่มีคู่กรณีเท่านั้น

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+

ประหยัดได้เพิ่มขึ้นด้วยเบี้ยประกันที่ถูกลง แต่ความคุ้มครองสำหรับชั้น 3+ นั้นไม่ได้แตกต่างกับชั้น 1 และ 2+ โดยเฉพาะรถมือสองที่มีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป ประกันชั้นนี้จะเหมาะกับรถของเพื่อนๆ เลย สำหรับความคุ้มครองจะแตกต่างตรงที่ไม่ครอบคลุมถึงรถหาย และไฟไหม้รถ

เพียงเท่านี้ทาง มาสิ ก็หวังว่าเพื่อนๆ ที่มีรถมือสองอยู่น่าจะทราบและหาได้แล้วว่ารถยนต์ของเราเหมาะกับประกันรถยนต์ชั้นไหน หากใครสนใจหรือมองหาประกันรถยนต์ สามารถโทรเข้ามาสอบถามเบี้ยได้เลยที่ 02-710-3100 หรือ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

Police-Cannot-Hold-Driver-License

หลายท่านอาจทราบกันไปแล้วว่า พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 ที่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่เมื่อเดือนที่ผ่านมา จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย. 2562 มีบางมาตราที่บัญญัติ ให้ยกเลิกความในมาตราเดิม และบัญญัติใหม่ โดยมีสาระสำคัญในการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานจราจร ดังนี้

  1. เดิม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 140 วรรคสองในการออกใบสั่ง ให้อำนาจเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ในการเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้เป็นการชั่วคราวโดยบัญญัติว่า “ในการออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบตามวรรคหนึ่ง เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้เป็นการชั่วคราวก็ได้”แต่เนื่องจากบทบัญญัติดังกล่าวถูกยกเลิกโดยมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. 2562 เป็นต้นไป ตำรวจจะไม่มีอำนาจยึดใบอนุญาตขับขี่ของผู้ขับขี่ต่อไป
  2. ในกรณีเจ้าพนักงานจราจรที่ออกใบสั่งไม่พบตัวผู้ขับขี่ และไม่สามารถติด ผูกหรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด มาตรา 140 วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 บัญญัติให้ส่งใบสั่งพร้อมด้วยพยานหลักฐานโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถเพื่อให้ชำระค่าปรับในกรณีดังกล่าว การส่งใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร ต้องส่งใบสั่งพร้อมด้วยพยานหลักฐาน และต้องส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ จึงจะถือว่าเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถได้รับใบสั่งนั้นแล้วเมื่อผลกำหนด 15 วัน นับแต่วันส่ง
  3. ในการแสดงใบอนุญาตขับขี่ในขณะขับรถ มาตรา 31/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 บัญญัติว่า “ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ ในกรณีที่ผู้ขับขี่แสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ให้ถือว่าผู้ขับขี่มีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวตามวรรคหนึ่งแล้ว”

ดังนั้นการแสดงใบอนุญาตขับขี่ในขณะขับรถ ผู้ขับขี่สามารถแสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ได้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ

DLT-QR-LICENCE

หลายคนอาจจะงงว่า ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ (หรือ ) จะได้มาด้วยวิธีการอย่างไร? ลงทะเบียนอย่างไร? ดูรายละเอียดได้ด้านล่างครับ

เพียงดาวน์โหลด Application DLT QR LICENCE ของกรมการขนส่งทางบก จากโทรศัพท์สมาร์ทโฟน

  • กรอกข้อมูลรหัสบัตรประชาชน และอีเมล์
  • ทำการสแกน QR Code ที่อยู่ด้านหลังใบอนุญาตขับรถรูปแบบที่มี QR CODE จากนั้นกดยืนยัน แล้วรอรหัส OTP ที่ส่งเข้าอีเมล์ และให้นำรหัส OTP ที่ได้มา กรอกที่ช่องว่างและกดปุ่มตกลง
  • ระบบจะให้ผู้ใช้ตั้งรหัสรักษาความปลอดภัย 6 หลัก เพื่อเข้าถึงข้อมูลใบอนุญาตขับรถอิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล ที่ปรากฏภาพใบอนุญาตขับรถเสมือนจริงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
  • เพิ่มความสะดวกแก่ประชาชนในการแสดงใบอนุญาตขับรถเสมือนจริงต่อเจ้าพนักงาน พร้อมทั้งแสดงข้อมูลส่วนบุคคลทั้งกรุ๊ปเลือด ประวัติการแพ้ยา, โรคประจำตัว,สิทธิรักษาพยาบาล มีเมนู SOS สามารถโทรศัพท์แจ้งหรือส่ง SMS ไปยังบุคคลที่ต้องขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินได้ และมีการแชร์เส้นทางเพื่อแสดงตำแหน่งของผู้ใช้งาน
  • มีระบบแจ้งเตือนก่อนใบอนุญาตขับรถหมดอายุ
  • นอกจากนี้ยังสามารถทราบข่าวสารที่เป็นประโยชน์ อาทิ หลักฐาน ขั้นตอน ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถด้วย

เพียงแค่นี้ คุณก็ขับรถได้อย่างไร้กังวล และไม่ต้องกลัวตำรวจจะยึดใบขับขี่แล้วล่ะครับ

ถ้าคุณเกิดอยากตัดสินใจขายรถด่วนๆ เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือขับเคลื่อนธุรกิจคุณ สามารถขายรถคันเดิมกับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มา :

Carro-Masii-Trick-To-Save-Oil-Your-Car

ในปัจจุบันนี้ สิ่งหนึ่งที่คอยรบกวนเราอยู่ทุกวัน คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงไปเกือบจะทุกๆ วัน เดี๋ยวราคาขึ้นบ้าง ราคาลงบ้าง เท่ากับว่าถ้าเป็นแบบนี้ในแต่ละเดือน เราจะเสียเงินไปกับค่าน้ำมันของรถยนต์ตัวเองประมาณกี่บาทนะ

แน่นอนว่าหลายๆ คนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่จำเป็นที่เราต้องใช้จ่ายทุกเดือนสำหรับค่าน้ำมัน แต่ถ้าเราลองมองว่าให้เรื่องจำเป็นสามารถประหยัดขึ้นมาได้ จะถือว่าเป็นการช่วยเซฟเงินในกระเป๋าของเราได้ไม่มากก็น้อย

เคล็ดลับทำอย่างไรให้ประหยัดค่าน้ำมัน

ถ้าหากเกิดคำถามที่ว่าเราจะสามารถหาวิธีประหยัดค่าน้ำมันได้จากที่ไหนบ้าง ซึ่งทาง masii อยากจะบอกเพื่อนๆ เลยว่า จริงๆ การอัปเดตคอยหมั่นดูราคาน้ำมันก็ถือว่าเป็นวิธีที่ช่วยในเบื้องต้นได้แล้ว แต่วันนี้ทางเราได้รวบรวมวิธีการเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยประหยัดค่าน้ำมันมากฝากเพื่อนๆ ชาว Carro จ้า

ตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์

Carro-Masii-Trick-To-Save-Oil-Your-Car

สิ่งแรกเลย วิธีที่จะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้มากขึ้นคือ การหมั่นเช็กดูสภาพรถยนต์ของตัวเอง โดยหลักๆ ทาง มาสิ แนะนำว่าให้เพื่อนๆ ตรวจดูอะไหล่เครื่องยนต์ เพราะถ้าหากเราไม่เปลี่ยนอะไหล่เดิมให้เป็นอะไหล่ที่มีสภาพที่พร้อมใช้งาน จะทำให้อายุการใช้งานของรถสั้นลง ส่งผลให้รถกินน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม

บรรทุกของตามความเหมาะสม

มาสิเข้าใจว่าเพื่อนๆ หลายคนมักจะใช้ชีวิตอยู่บนรถยนต์เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวบนรถยนต์ แต่งหน้าบนรถยนต์ หรือแม้แต่การรับประทานอาหารรถยนต์ก็ต้องทำมาบ้างแล้ว แบบนี้ส่งผลทำให้รถยนต์ของเราบรรทุกของมากขึ้น อาทิเช่น กระเป๋าเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง รวมไปถึงสัมภาระอื่นๆ เท่ากับว่ายิ่งรถยนต์ของเรามีน้ำหนักมากขึ้น ก็จะทำให้รถทำงานมากขึ้นกว่าเดิม

รักษาความเร็วให้มั่นคง

วิธีที่จะช่วยให้รถยนต์ของเพื่อนๆ ประหยัดค่าน้ำมันได้มากขึ้นคือ การขับขี่รถยนต์ด้วยอัตราความเร็วที่เหมาะสมคือ 60-70 กม./ชม. ซึ่งถ้าเพื่อนๆ สามารถทำได้จะเป็นการประหยัดน้ำมันไปได้ถึง 15-20% และลดความเสี่ยงอุบัติเหตุที่จะเกิดท้องถนนได้อีกด้วย

ทำบัตรเครดิตสำหรับการเติมน้ำมัน

Carro-Masii-Trick-To-Save-Oil-Your-Car

สิ่งสุดท้ายที่อยากจะแนะนำเพื่อนๆ หลายคนคือ การทำบัตรเครดิตสำหรับการเติมน้ำมัน แน่นอนว่าธนาคารหรือสถาบันทางการเงินได้จับมือรวมกับปั๊มน้ำมันมากมาย เพื่อเสนอสิทธิพิเศษ โปรโมชั่น และส่วนลดต่างๆ ยิ่งถ้าหากเราจำเป็นต้องเติมน้ำมันอยู่แล้ว ลองรูดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติมน้ำมันอาจจะได้รับส่วนลด เครดิตเงินคืน สูงสุดถึง 3-5% ก็เป็นไปได้ อาจจะเป็นยอดจำนวนเงินที่ไม่มากไม่น้อย แต่ที่แน่ๆ คือช่วยเราประหยัดค่าน้ำมันได้มากขึ้นนั่นเอง

เพียงเท่านี้ หากเพื่อนๆ ลองปฎิบัติตามกันดูสัก 2-3 ข้อบอกเลยว่า ค่าน้ำมันแต่ละเดือนที่เพื่อนๆ ใช้จ่ายไป จะประหยัดขึ้นได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีเงินเก็บ เงินออมไว้ใช้ในยามจำเป็นอีกด้วยจ้า ถ้าอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถโทรเข้ามาได้ที่ 02 710 3100 หรือไลน์ @masii

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com