ส่องนักเตะและรถยนต์คู่ใจจากทีมแมนยู - ลิเวอร์พูล ใน THE MATCH

ขึ้นชื่อว่าเป็นนักฟุตบอลอาชีพในระดับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นลีกกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก รวมถึงเป็นนักฟุตบอลในสังกัดสโมสรชื่อดังระดับโลก อาทิ แมนยู หรือ ลิเวอร์พูล แน่นอนว่าชื่อเสียง บารมี รวมไปถึงเงินทองที่ไหลมาเทมามหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการเซ็นสัญญาแต่ละครั้ง ค่าตัวในการฝึกซ้อมแต่ละครั้ง หรือการได้เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาต่างๆ ทั่วโลก …

Carro (คาร์โร) ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของศึกแดงเดือดในไทย แมนยู – ลิเวอร์พูล รายการ “THE MATCH BANGKOK Century Cup 2022” มีนักบอลชื่อดังระดับโลกมาร่วมแข่งในรายการครั้งนี้ หลายคนมีรายได้ไม่ธรรมดา เช่น คริสเตียโน โรนัลโด (Cristiano Ronaldo) ติดอันดับนักฟุตบอลมีรายได้มากที่สุดในโลก จากรายได้ฤดูกาล 2021-22 ทั้งค่าเหนื่อย และสัญญาสปอนเซอร์ส่วนบุคคลต่างๆ ก่อนหักภาษี รวมเป็นเงินถึง 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4,125 ล้านบาท) แบ่งเป็นค่าเหนื่อยรายปี 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2,310 ล้านบาท) กับรายได้นอกสนาม 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,650 ล้านบาท)

ทำให้ “รถยนต์” ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่นักฟุตบอลดังๆ ชื่นชอบและปรารถนา พากันสะสมกันไว้ในคอลเลกชั่นเพียบ

Carro ขอนำเสนอรถยนต์ขวัญใจ 6 นักเตะศึกแดงเดือดจากทีมแมนยู – ลิเวอร์พูล ที่จะมาแข่งขัน THE MATCH BANGKOK Century Cup 2022 ในไทย ให้ทุกท่านได้อ่านกันจ้า

ส่อง 6 รถนักฟุตบอลคู่ใจ แมนยู - ลิเวอร์พูล ในศึกแดงเดือด THE MATCH

1. Cristiano Ronaldo

Cristiano Ronaldo dos Santos Aveiro (คริสเตียโน่ โรนัลโด้) ปัจจุบันเล่นให้ตำแหน่งกองหน้าของ Manchester United (แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด) สโมสรในพรีเมียร์ลีก และเป็นกัปตันทีมชาติโปรตุเกส ด้วยความสามารถระดับ “World Class”

โดยในศึก The Match ครั้งนี้ โรนัลโด้ยืนยันว่ามาร่วมศึกแดงเดือดในไทยแน่นอน ซึ่งเป็นที่ทราบกันไปก่อนหน้านั้นแล้ว ว่าโรนัลโด้ เป็นนักฟุตบอลที่มีรายได้สูงที่สุดในโลก และมีทรัพย์สินมากกว่า 16,000 ล้านบาท รวมไปถึงยังมีคอลเลกชั่นรถยนต์ที่สะสมไว้นับพันล้านบาท

และถ้าใครจำกันได้ เขาคนนี้คือพรีเซ็นเตอร์ของ Toyota Hilux Vigo Champ (ในปี 2554 – 2556) ด้วยนะครับ! ด้วยมูลค่าที่ประมาณการไว้อยู่ที่ 3-5 ล้านยูโร หรือ 120-150 ล้านบาท

ส่วนรถ Supercar คันโปรดของ Cristiano Ronaldo แน่นอน ยังคงเป็นรถยี่ห้อ Bugatti (บูกัตติ) เช่นเคย โดยคันล่าสุดคือ Bugatti Centodieci (บูกัตติ เซนต์โตดีซิ) ชื่อรุ่นแปลเป็นภาษาอังกฤษ คือ “Hundred Ten” หรือ 110 ซึ่งเป็นรุ่นฉลองแบรนด์ครบรอบ 110 ปี

เป็นรถรุ่น Limited ที่มีราคาแพงกว่าเดิมมาก และการออกแบบยังคงไว้ซึ่งเส้นสายของรถ Bugatti รุ่นในตำนานอย่าง EB110 รอบคัน ใช้แพลตฟอร์มเดียวกับ Chiron แต่ลดน้ำหนักให้เบาลงกว่าเดิม 20 กิโลกรัม

มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ W16 ขนาด 8.0 ลิตร Twin Turbo 4 ลูก ให้แรงม้าสูงสุด 1,600 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที มีแรงม้าต่อน้ำหนักที่ 1.13 กิโลกรัม/แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด DSG บนระบบขับเคลื่อน All-Wheel Drive

ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.4 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ในเวลา 6.1 วินาที อัตราเร่ง 0-300 กม./ชม. ในเวลา 13.1 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 380 กม./ชม. (ถูกจำกัดไว้)

ผลิตจำกัดเพียง 10 คัน ด้วยราคากว่า 9,400,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 322 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษี) ซึ่งราคาแพงขนาดนี้ แต่ก็ไม่ทำให้ขนหน้าแข้งของโรนัลโด้ร่วงแต่ประการใด

ส่อง 6 รถนักฟุตบอลคู่ใจ แมนยู - ลิเวอร์พูล ในศึกแดงเดือด THE MATCH

2. Harry Maguire

Jacob Harry Maguire (แฮร์รี่ แม็คไกวร์) เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหลังให้กับ Manchester United (แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด) และทีมชาติอังกฤษ ได้ฉายาว่าเป็นกองหลังร่างโย่ง มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก

เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับ ทีมเชฟฟิลด์ยูไนเต็ด ช่วงปี 2011 – 2014 ก่อนจะย้ายมาร่วมทีม ฮัลล์ซิตี้ ช่วงปี 2014 – 2017 และเลสเตอร์ ซิตี้ ก่อนจะมาอยู่แมนยูในปัจจุบัน ด้วยค่าตัวกว่า 80 ล้านปอนด์ กับตำแหน่งกัปตันทีม ตั้งแต่ปีแรกที่ย้ายไปร่วมทีม

แม้ว่า Harry Maguire เป็นนักเตะยอดเยี่ยมก็จริง แต่ก็มีข้อผิดพลาดกับรูปแบบการเล่นบ้างในบ้างครั้ง แต่โดยรวมแล้วถือว่า เขาทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และกลายเป็นกองหลังที่ไว้ใจได้มากที่สุดของทีม

และรถยนต์คันโปรดของ Harry Maguire นั่นคือ Range Rover Sport SVR (เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต เอสวีอาร์) SUV สุดหรูทรงพลัง พร้อมป้ายทะเบียนในชื่อและตัวเลขของตัวเอง ใช้ลุยไปซ้อมฟุตบอล แข่งขันฟุตบอลได้ทุกอาทิตย์

ส่องนักเตะและรถยนต์คู่ใจจากทีมแมนยู - ลิเวอร์พูล ใน THE MATCH

3. Bruno Fernandes

Bruno Miguel Borges Fernandes (บรูโน่ เฟอร์นานเดส) เป็นนักฟุตบอลชาวโปรตุเกส ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางให้กับ Manchester United แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และทีมชาติโปรตุเกส ที่ถูกซื้อตัวมาในราคาสูงถึง 55 ล้านปอนด์

ซึ่งตั้งแต่ Bruno Fernandes เข้ามาใน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ทุกๆ คนในทีม เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพาทีมไปยังจุดมุ่งหมาย สร้างความสำเร็จ ที่เหล่าแฟนบอลรอคอยกัน

สำหรับรถคันโปรดของ Bruno Fernandes นั่นคือ Porsche Panamera Turbo S e-Hybrid (ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด) แรงสุดๆ ด้วยเครื่องยนต์ V8 Turbo ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงถึง 680 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที 1,400 รอบ/นาที ถือเป็นรถยนต์นั่งที่แรงที่สุดเท่าที่ Porsche เคยผลิตมา

อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 310 กม./ชม. แถมประหยัดน้ำมันได้ถึง 34.4 กม./ลิตร ทีเดียว พร้อมกับขับเคลื่อนได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ไกลถึง 50 กิโลเมตร

ส่องนักเตะและรถยนต์คู่ใจจากทีมแมนยู - ลิเวอร์พูล ใน THE MATCH

4. Mohamed Salah

Mohammed Salah Ghaly (โมฮาเหม็ด ซาลาห์) เป็นนักฟุตบอลชาวอียิปต์ ปัจจุบันเล่นให้กับลิเวอร์พูล และทีมชาติอียิปต์ ในตำแหน่งกองหน้า แถมยังเป็นคนที่ช่วยให้ อียิปต์ ผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่รัสเซีย ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1990 ปัจจุบันรับค่าเหนื่อยระดับ 400,000 ปอนด์/สัปดาห์

แถม ซาลาห์ ยังเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อในอังกฤษเมื่อปีที่แล้วว่า “จะอยู่ลิเวอร์พูล ไปจนวันสุดท้ายของการเล่นฟุตบอล แต่ผมพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในมือผม มันขึ้นอยู่กับสโมสรว่า ต้องการหรือไม่ต้องการผม”

แม้ว่า Mohamed Salah จะมีรถตัว Top หรือ Supercar เก็บสะสมไว้เป็นจำนวนมาก แต่รถรุ่นที่จัดว่ามีราคาแพง และเป็นรถคันโปรดของซาลาห์ คงต้องยกให้กับ Bentley Continental GT (เบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล จีที) รถสปอร์ตสุดหรู 2 ประตูในสไตล์ Bentley แท้ๆ ที่ใช้งานบ่อยที่สุด

โดย Bentley Continental GT มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 521 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 680 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ ZF แบบ 8 สปีด ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุด 309 กม./ชม.

ส่องนักเตะและรถยนต์คู่ใจจากทีมแมนยู - ลิเวอร์พูล ใน THE MATCH

5. Sadio Mane

Sadio Mane (ซาดิโอ้ มาเน่) เป็นนักฟุตบอลชาวเซเนกัล ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งปีกให้กับลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก และทีมชาติเซเนกัล จัดเป็นนักเตะแอฟริกันที่มีค่าตัวมากถึง 34 ล้านปอนด์

เนื่องด้วยรายได้จากการเป็นนักเตะและค่าตัวที่มากมาย ทำให้ Sadio Mane ก็มีคอลเลกชั่นรถหรูๆ สะสมไว้อยู่เพียบด้วยเช่นกัน แต่คันที่ใช้บ่อยที่สุดน่าจะเป็น Bentley Continental GT (เบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล จีที) สีขาวคันนี้

และยังมีชีวิตนอกสนาม ที่ติดดิน เข้าถึงคนรากหญ้าและท้องถิ่นได้แบบไม่ถือตัว นอกจากจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ยังเป็นคนที่เคร่งศาสนาอีกด้วย อีกทั้งยังนำรายได้จากการเป็นนักเตะของตัวเอง กลับไปช่วยเหลือประเทศบ้านเกิด (เซเนกัล) หลายต่อหลายครั้ง ทั้งการสร้างศูนย์การศึกษา และศูนย์พยาบาลให้กับทุกคนในชุมชนด้วย

ส่องนักเตะและรถยนต์คู่ใจจากทีมแมนยู - ลิเวอร์พูล ใน THE MATCH

6. Alisson Becker

Alisson Ramses Becker (อลิสสัน เบ็คเกอร์) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวบราซิล ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูให้กับลิเวอร์พูล และทีมชาติบราซิล ที่เคยอยู่ร่วมกับทีมสโมสร Roma (โรม่า) ของอิตาลี ก่อนจะย้ายมาอยู่กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวสูงถึง 67 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นผู้รักษาประตูค่าตัวแพงที่สุดในโลก ณ เดือนกรกฏาคม 2018

นอกจากนี้ Alisson Becker ยังได้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าหลากหลายอย่าง พร้อมกับคอลเลกชั่นรถยนต์ที่สะสมไว้มูลค่ากว่า 2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

ซึ่งรถยนต์คันโปรดของ Alisson Becker นั่นคือ Audi Q7 (ออดี้ คิว7) เฉกเช่นเดียวกับที่เศรษฐีไทยหลายคนนิยมใช้นั่นเองครับ

CARRO Automall

ส่วนใครที่กำลังมองหารถคันที่ใช่ มาใช้งานก่อนศึกแดงเดือดจะเริ่ม Carro จัดเต็มทั้งราคาและคุณภาพ ให้ทุกท่านสามารถเป็นเจ้าของรถคุณภาพดี ราคาโดนใจ และยังอุ่นใจไปอีกขั้น นอกจากจะผ่านการตรวจสอบรถยนต์ด้วยคุณภาพ 160 จุดอย่างละเอียด จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เรายังรับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี รับประกันไม่กรอไมล์ และรับประกันไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม อีกด้วย! และเรายังมีบริการสินเชื่อรถยนต์จาก Genie เพื่อคุณอีกด้วย

เลือกชม ซื้อรถ หรือจองรถออนไลน์ของ Carro ผ่านหน้าตลาดรถ (คลิกที่นี่) หรือติดต่อผ่าน Inbox ใน Fanpage Carro Thailand

หรือคุณสามารถเลือกชมรถด้วยตนเองได้ที่ Carro Automall สาขาใกล้บ้านท่านได้แล้ววันนี้ ทั้งสาขาดอนเมือง สาขาศรีนครินทร์ และสาขาเกษตรนวมินทร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 18.30 น.

Carro Automall สาขาดอนเมือง

Carro Automall สาขาดอนเมือง ตั้งอยู่ ณ 292 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาศรีนครินทร์

Carro Automall สาขาสวนหลวง ตั้งอยู่ ณ 37/91 ซ.ศรีนครินทร์ 55 (ซอยพรีเมียร์ 1 แยก 1) (ติดฝั่งสวนหลวง ร.9) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์

และ Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์ ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

รวมถึงศูนย์บริการลูกค้า Carro Customer Experience Center

สาขา Lotus’s บางกะปิ ชั้น 2 เลขที่ 3109 ถ. ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตโลตัสบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s ศรีนครินทร์ ชั้น 1 เลขที่ 9 หมู่ที่ 6 ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s พระราม 1 ชั้น 3 เลขที่ 31 ถ.พระราม1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s บางใหญ่ ชั้น 1 เลขที่ 90 หมู่ 5 ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

ดูเส้นทาง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @Carrothai ครับ

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

หลายคนเคยได้ยินว่ามนุษย์เงินเดือนที่ทำงานออฟฟิศ ต้องนั่งกับโต๊ะและใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน มีความเจ็บป่วยชนิดหนึ่งเกิดขึ้นซึ่งทำให้คนเหล่านั้นทรมานจนบางคนถึงกับทำงานไม่ได้อีกเลย เรากำลังพูดถึงโรคออฟฟิศซินโดรม และใครว่าโรคออฟฟิศซินโดรม อาการเกิดขึ้นได้เฉพาะที่ออฟฟิศเท่านั้นล่ะ? จริง ๆ มันเกิดขึ้นได้ทุกที่แม้แต่ที่บ้านของเรา

ใช่แล้ว.. เรากำลังพูดถึง การทำงานที่บ้านแบบ “Work from home” เพราะการต้องทำงานที่บ้านนาน ๆ ก็เป็นบ่อเกิดของโรคออฟฟิศซินโดรมได้เช่นกัน รู้ใจเป็นห่วงชาวออฟฟิศทุกคนที่ต้องนั่งทำงานที่บ้านที่ทั้งเครียดและเงียบเหงา เราจึงอยากพามาเรียนรู้วิธีการทำงานที่บ้านแบบ Work from home ให้ดีต่อสุขภาพและไม่เป็นโรคออฟฟิศซินโดรมกัน จะเป็นอย่างไร ตามไปดูกันเลย!

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม คืออะไร?

นิยามของโรคออฟฟิศซินโดรมก็คือ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด รวมทั้งการปวดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อและเอ็น ปวดชาปลายประสาทที่เกิดจากการกดทับ ซึ่งสาเหตุมาจากการนั่งหรืออยู่ท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับผู้ป่วยที่ต้องนั่งโต๊ะทำงานเป็นเวลานาน ๆ ต่อวัน

การนั่งที่ทำให้เกิดการกดทับทั้งหลัง ขา แขน และข้อมือ เช่น การใช้คีย์บอร์ดหรือเมาส์ สภาวะทำงานที่มีแสงน้อยหรือรับแสงจากจอในปริมาณมากเกินไปจนเกินความเจ็บปวดกับปลายประสาทในร่างกาย ความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้มีอาการตามมา การปวดตามร่างข้อ เส้นเอ็นในร่างกาย ตาพร่ามัว ปวดหัว จนไปถึงอาการรุนแรง เช่น การวูบ หูอื้อ มึนงง ชา แม้อาการป่วยจะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ทำให้ระบบในร่างกายผิดปกติ และอาจจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดแบบเรื้อรัง ทนทรมานไปตลอดชีวิต อีกทั้งมันยังส่งผลต่อสภาพจิตได้ด้วยอีกต่างหาก

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

Checklist โรคออฟฟิศซินโดรม อาการเป็นอย่างไร?

ถึงแม้จะเป็นการทำงานที่บ้าน แต่ลักษณะการทำงานของหลายคนก็ยังเหมือนการนั่งทำงานอยู่ออฟฟิศอยู่ดี ดังนั้นถ้าคุณมีอาการตามลักษณะต่อไปนี้ ต่อให้ทำงานที่บ้านแบบ Work from home คุณก็ยังมีความเสี่ยง

• นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน
• ระหว่างนั่งทำงานคุณจะรู้สึกปวดเมื่อยต้นคอ ไหล่ หลัง เอว อยู่เสมอ
• หลังทำงานคุณจะรู้สึกปวดเมื่อยจนต้องกินยาแก้ปวด หรือบางครั้งต้องไปนวดเพื่อให้หายปวด
• บางครั้งคุณจะรู้สึกตาพร่ามัว อ่านตัวหนังสือที่หน้าจอคอมไม่ชัด

ถ้าคำตอบของคุณส่วนใหญ่คือใช่ ก็เป็นไปได้ว่าคุณกำลังเข้าข่ายที่จะป่วยด้วยโรคออฟฟิศซินโดรม ซึ่งสิ่งแรกที่ควรจะทำก็คือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ส่งผลต่ออาการป่วย เช่น การนั่งทำงานเป็นเวลานาน การจ้องจอคอมพิวเตอร์มากเกินไป หรือการไม่ค่อยออกกำลังกายของคุณ

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

นั่งทำงานที่บ้านให้ปลอดภัย ป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม อาการอักเสบของกล้ามเนื้อ และส่วนต่าง ๆ ที่เกิดจากการถูกกดทับเป็นเวลานาน การทำงานที่บ้านน่าจะช่วยให้การเกิดอาการปวดโรคออฟฟิศซินโดรมน้อยลงได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ดังนี้

  • ยืดเส้นยืดสาย เปลี่ยนอิริยาบถอยู่เสมอ การทำงานที่บ้านก็มีข้อดีที่เราจำเป็นต้องประจำอยู่ที่โต๊ะทำงานอยู่เสมอ แค่มีคอมพิวเตอร์แบบแล็ปท็อปก็สามารถย้ายไปนั่งทำงานที่ส่วนอื่น ๆ ของบ้านได้สบาย ๆ เพราะอาการของโรคออฟฟิศซินโดรมมีสาเหตุหนึ่งก็คือ การนั่งทำงานด้วยท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน ทางที่ดีเราควรขยับขึ้นมายืดเส้นยืดสายหรือย้ายที่ทำงานไปที่โซฟา หรือไปนอนทำงานบนเตียงก็ได้
  • ปรับการนั่งให้เหมาะกับสรีระ ซึ่งสำหรับคนที่จำเป็นต้องนั่งที่โต๊ะทำงานไม่สามารถย้ายได้ และบางงานจำเป็นต้องทำต่อเนื่อง ไม่สามารถลุกไปยืดเส้นยืดสายได้บ่อย สิ่งที่พอจะทำได้ก็คือการปรับที่นั่งให้เหมาะกับสรีระ ท่านั่งควรจะไปข้างหลังเล็กน้อยให้หลังมีส่วนช่วยรับน้ำหนัก ไม่ให้น้ำหนักกดทับไปที่ใดที่หนึ่ง ไม่ควรนั่งหลังงอมันจะทำให้หลังรับน้ำหนักมากเกินไป ความสูงของโต๊ะควรจะพอดีกับระดับแขนให้การวางแขนลงบนโต๊ะหรือคอมพิวเตอร์ สามารถวางแขนได้พอดีไม่ห่างกันมากไป ถ้าสูงไปไหล่จะต้องรับน้ำหนัก แต่ถ้าน้อยไปกลับเป็นข้อมือที่รับน้ำหนักเพียงอย่างเดียว ให้หาระยะห่างของความสูงที่สมดุล
  • ใช้หูฟังช่วยในการทำงาน เพราะการทำงานบางชนิดก็จำเป็นจะต้องใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อพูดคุย การใช้เป็นเวลานานต่อเนื่องก็ทำให้ร่างกายส่วนที่เกี่ยวข้องต้องรับภาะหนัก เช่น ข้อมือ สายตา หรือหูที่ต้องแนบกับโทรศัพท์ ดังนั้นหาหูฟังที่ช่วยให้ไม่ต้องถือโทรศัพท์และเอาโทรศัพท์แนบหู หากรู้สึกว่าจ้องจอโทรศัพท์นานเกินไปก็ต้องหาเวลาพักบ้าง
  • พักสายตาทุก 20 นาที เป็นเวลาที่เหมาะสมในการใช้อวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดทำงานเป็นเวลานาน ๆ การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน ทุก ๆ 20 นาที ควรพักสายตาออกจากจอคอมพิวเตอร์ หาที่สบายตามองเพื่อปรับสายตา มองต้นไม้เขียว ๆ หรือหลับตาสักพักก็ได้เพื่อให้ระบบประสาทตาไม่เครียดมากเกินไป
  • ออกกำลังกาย หลังการทำงานในทุกวัน ควรจะออกกำลังกาย เพราะเมื่อเรานั่งทำงานในออฟฟิศ ทุก ๆ วันการเดินทางกลับบ้านก็ยังมีระยะให้เราเดินให้ร่างกายได้ขยับ แต่การทำงานที่บ้าน ระยะห่างระหว่างโต๊ะทำงานกับเตียงนอนอาจจะใกล้เกินไป แนะนำว่าอย่าเพิ่งพุ่งตัวลงที่นอน ควรหาเวลาออกกำลังกาย เช่น ออกไปเดิน ไปวิ่ง หรือถ้าออกจากบ้านไม่ได้ก็บอดี้เวทหรือทำงานบ้านก็เป็นทางเลือกที่ดี

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม รักษายังไง?

โรคออฟฟิศซินโดรม อาการป่วยที่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนั้นความเจ็บป่วยจึงเกิดขึ้นพร้อมกันหลาย ๆ ระบบ ทั้งกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ระบบประสาท ซึ่งจะรักษาทางใดทางหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยการวิเคราะห์ถึงสาเหตุและรักษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะวางแผนการรักษาจากหลายวิธีด้วยกัน เพราะการรักษาจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่หลากหลายถึงจะรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • เครื่องกระตุ้นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นการปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามากระตุ้นระบบประสาทเพื่อบรรเทาอาการปวด อาการชา และการอักเสบจากการทำงานที่ผิดปกติของปลายประสาท
  • คลื่นกระแทกช็อกเวฟ เป็นการใช้คลื่นกระแทกลงไปบนกล้ามเนื้อที่มีอาการปวดจากโรคออฟฟิศซินโดรม เพื่อช่วยลดอาการปวดและกระตุ้นให้เนื้อเยื่อซ่อมแซมตัวเอง ใช้ในกรณีที่มีอาการปวดเรื้อรังของระบบกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและกระดูก
  • การรักษาด้วยการจัดกระดูกสันหลัง ใช้เตียงจัดกระดูกสันหลังซึ่งปัจจุบันสามารถจัดกระดูกสันหลังได้แบบสามมิติ เพื่อจัดกระดูกสันหลังที่คดงอให้เข้าที่ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาการปวดหลังจากการทำงานหนักเป็นเวลานานจนแนวกระดูกสันหลังเคลื่อน
  • การรักษาด้วยความเย็นจัด เป็นการใช้ความเย็นประมาณ -110 องศา เพื่อกระตุ้นให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายตอบสนองต่อความเย็น และปรับตัวสู้กับความเจ็บป่วยและความเครียด

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม อาจจะเป็นโรคที่ไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิตก็จริง แต่มันก็เป็นโรคที่ทำให้เจ็บปวดทรมานทางร่างกายและยังส่งผลต่อสุขภาพจิต แนวทางการรักษาก็เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตสักหน่อย ไม่ให้กล้ามเนื้อหรืออวัยวะอื่นใดทำงานในแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ มากเกินไป ไม่ว่าจะทำงานอยู่ออฟฟิศ ทำงานที่บ้าน หรือที่ใดก็ตาม เราควรปรับการใช้ชีวิตให้มีการเคลื่อนไหวบ่อย ๆ อย่างน้อยทุก 20 นาที รวมไปถึงเรื่องการพักผ่อนจากงานเป็นระยะก็สำคัญด้วยเช่นกัน

และหากพบว่าร่างกายมีอาการปวด ชา ตามปลายประสาท จนน่าสงสัยว่าตัวเองจะเข้าข่ายอาการของ “โรคออฟฟิศซินโดรม” ก็ควรจะเริ่มหันมา ดูแลสุขภาพตัวเอง อย่าปล่อยปละละเลยจนอาการปวดเรื้อรังรักษาไม่หายแก้ไม่ได้ ถ้าหากเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วก็ยังไม่หายจริง ๆ ก็ถึงเวลาที่ต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วแหละ

รู้ใจเป็นห่วงทุกคนที่จะต้องเผชิญทั้งการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์โรคระบาดจนต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตปกติ ถึงแม้รอดพ้นจากโรคระบาด ก็ยังต้องเสี่ยงเผชิญกับโรคออฟฟิศซินโดรมอีก และหากคุณคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งคนที่อยู่ในความเสี่ยงของโรคนี้และกังวลเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลที่ไม่แน่นอน คุณสามารถมองหาประกันสุขภาพที่จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลได้แบบทั่วถึง รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า ต้องที่รู้ใจ ประกันออนไลน์ เช็คราคาประกันออนไลน์ได้ใน 60 วิ ประหยัดสูงสุด 30% ซื้อง่ายใน 3 นาที ดูข้อมูลประกันภัยต่าง ๆ ได้เลย

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากเราได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน

5 วิธี ฝึกน้องหมานั่งรถ เมื่อต้องไปด้วยกัน!

Mr.Carro เชื่อว่าหลายๆ คนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ ต้องเป็นคนที่รักสัตว์เลี้ยงแน่ๆ ซึ่งหลายคนอาจจะเลี้ยงสุนัข (หมา) กันอยู่ หมาน่ารักถือได้ว่าเป็นเพื่อนยากของมนุษย์ ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ทั้งสายพันธุ์เล็กแบบหมากระเป๋า ไปจนถึงสายพันธุ์ใหญ่แบบหมานักล่าก็ตาม

แต่การเดินทางของคนและน้องหมานั้น ก็ต้องบอกว่ามีแน่นอน ไม่ว่าจะพาน้องหมาไปเที่ยวด้วยกันที่ต่างจังหวัด พาหมาไปเดินออกกำลังกาย หรือพาสุนัขไปหาหมอที่คลินิคสัตว์เลี้ยง ก็สุดแท้แต่ …

ปัญหาของทั้งคนและน้องหมา ก็มีอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคนที่ไม่เคยนำหมา หรือสัตว์เลี้ยงติดรถไปด้วย ก็จะติดปัญหาว่า จะเตรียมตัวอย่างไรดี ไม่ให้หมานั้นซุกซน เห่าหนวกหู หรือทั้งฉี่ทั้งอึภายในรถ ส่วนตัวหมาเอง ก็ต้องดูว่า จะทำตัวอย่างไรดี ไม่ให้เจ้านายเขกกบาลระหว่างทาง …..

Mr.Carro ขอแนะนำ 5 วิธี สร้างความสุขให้คนและน้องหมา เวลาติดรถไปด้วยกันนั้น จะมีอะไรบ้าง …..

5 วิธี ฝึกน้องหมานั่งรถ เมื่อต้องไปด้วยกัน!

1. งดอาหาร (สุนัข) ล่วงหน้า

ก่อนที่คุณจะขับรถออกไปไหนมาไหน แล้วต้องเอาหมาติดรถไปด้วย ควรงดให้อาหารและน้ำหมาก่อน สักประมาณ 1-2 ชั่วโมง

5 วิธี ฝึกน้องหมานั่งรถ เมื่อต้องไปด้วยกัน!

2. สุนัขนั่งหลังดีกว่า

ตำแหน่งที่เหมาะสมเวลาให้หมานั่งไปกับรถของคุณ นั่นคือ เบาะด้านหลัง เพื่อที่จะทำให้คุณไม่เสียสมาธิเวลาขับรถ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้ และควรฝึกให้หมานั่งนิ่งๆ

5 วิธี ฝึกน้องหมานั่งรถ เมื่อต้องไปด้วยกัน!

3. อย่าลืมสายจูง หรือสายนิรภัย

ขนาดคนนั่งภายในรถยนต์ ยังต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเลย แล้วหมาก็ต้องมีสายรัดนิรภัยด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันอันตรายจากการตกหล่น หรือกระแทก เมื่อคุณเบรกกะทันหัน และยังเหมาะกับหมาที่มีนิสัยซุกซน ชอบปีนป่าย กระโดดโลดเต้น วิ่งไปวิ่งมา ถ้าไม่มีไว้คุณคงขับรถลำบากแน่นอน

5 วิธี ฝึกน้องหมานั่งรถ เมื่อต้องไปด้วยกัน!

4. อย่าลืมผ้าคลุมเบาะ

จริงๆ แล้ว ไม่ว่าเบาะรถยนต์นั่งของคุณ จะทำด้วยวัสดุอะไร เช่น สักหลาด กำมะหยี่ หนังไวนิล หรือหนังแท้ คุณก็ควรจะมีผ้าปูรองนั่ง หรือผ้าคลุมเบาะแยกต่างหาก เพราะการให้หมานั่งบนเบาะแบบเพียวๆ เลย มันไม่ดีเท่าไหร่นัก เพื่อป้องกันเล็บของหมา ไปขูดขีดบนเบาะ หรือน้ำลายหมา ที่อาจทำให้เบาะในรถของคุณสกปรก หรือมีกลิ่น อีกทั้งยังป้องกันขนหมาร่วงไปบริเวณอื่นๆ อีกด้วย

5 วิธี ฝึกน้องหมานั่งรถ เมื่อต้องไปด้วยกัน!

5. กระดาษชำระ X ถุงพลาสติก X ชามข้าวสุนัข

หลายคนสงสัย ทำให้ต้องเอากระดาษชำระ และถุงพลาสติกไปด้วย เพราะเราก็ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่า หมามันเกิดจะปวดขี้ หรือปวดเยี่ยว ขึ้นมาตอนไหนเมื่อไหร่ การมีกระดาษชำระ และถุงพลาสติกไว้ ก็ถือว่าดี ไม่สกปรกเลอะเทอะในรถด้วย และยังเอาใส้อ้วกของหมา กรณีที่หมาเมารถได้ด้วยเช่นกัน

สำหรับชามข้าวหมา เผื่อไว้สำหรับใครที่เดินทางไกลนานๆ ขนาดคนยังหิว หมาก็รู้สึกหิวด้วยเช่นกัน เอาไว้สำหรับใส่น้ำ ใส่อาหารให้หมากินระหว่างทางได้

หากหมาของใครที่ไม่คุ้นชินกับการเดินทางไกล หรือมีอาการลนลานเวลาอยู่ในรถ อาจจะนำของเล่นของหมา มาให้หมาเล่นระหว่างทางไปด้วย ถ้าเป็นแบบหมากระเป๋า ก็เอาผ้าห่ม เสื้อผ้าหมา (กรณีหมาขนสั้น ขี้หนาว) หรือที่นอนหมาไปด้วย เพื่อให้หมาอุ่นกาย อุ่นใจ และมีของเล่นที่คุ้นเคยหว่างทางครับผม

แค่นี้ คุณกับหมา ก็เดินทางไปด้วยกันอย่างมีความสุขแล้วครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

BYD Denza D9 EV นี่หรือคู่แฝด Alphard แถมใช้ไฟฟ้าด้วย!

Denza (เดนซ่า) คือบริษัทรถยนต์สัญชาติจีนที่มีชื่อเต็มๆ ว่า Shenzhen BYD Daimler New Technology Co., Ltd. จากเมืองเสินเจิ้น ประเทศจีน ซึ่งจับมือกันกับทาง Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) และ BYD (บีวายดี) เพื่อทำรถยนต์หรูที่ใช้พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ มาตั้งแต่ปี 2010

BYD Denza D9 EV นี่หรือคู่แฝด Alphard แถมใช้ไฟฟ้าด้วย!

โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา Denza ได้ประกาศเปิดตัวรถ MPV รุ่นใหญ่อย่าง BYD Denza D9 EV (บีวายดี เดนซ่า ดี9 อีวี หรือ 比亚迪腾势D9 EV ในภาษาจีน) อย่างเป็นทางการในจีน มีหน้าตาดูเหมือนกับเจ้า Toyota Alphard อย่างกับแกะเลยทีเดียว! ซึ่งมีให้เลือกทั้งขุมพลัง Plug-In Hybrid และ EV ด้วยเทคโนโลยีจาก BYD

BYD Denza D9 EV นี่หรือคู่แฝด Alphard แถมใช้ไฟฟ้าด้วย!

รูปโฉมภายนอก ออกแบบภายใต้แนวคิด “Into the Meteor Arrow” ได้แรงบันดาลใจมาจาก Toyota Alphard ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ (เพราะแนวทางการดีไซน์ คล้ายกันสุดๆ แต่ทาง Denza บอกว่าเป็น Design Language แบบ π-Motion = พาย โมชั่น) ไม่ว่าจะเป็นชุดกระจังหน้าแบบ Matrix พร้อมไฟ LED ล้อมรอบด้วยขอบโครเมียม ใช้ประตูสไลด์ไฟฟ้าทั้งสองฝั่ง พร้อมเส้นสายตัวถังที่ลากยาวทั้งคัน เสริมด้วยชุดไฟท้าย LED กราฟฟิกรูปตัวอักษร Y เชื่อมต่อกันตลอดแนว พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว

BYD Denza D9 EV นี่หรือคู่แฝด Alphard แถมใช้ไฟฟ้าด้วย!

มิติตัวรถยาว 5,250 มม. กว้าง 1,960 มม., สูง 1,920 มม. ระยะฐานล้อ 3110 มม.

BYD Denza D9 EV นี่หรือคู่แฝด Alphard แถมใช้ไฟฟ้าด้วย!

ส่วนห้องโดยสารภายใน เป็นแบบ 7 ที่นั่ง จัดวางเบาะแบบ 2+2+3 สไตล์ Intelligent and Digital Cockpit ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ด้วยวัสดุลายไม้ และสี Piano Black บริเวณคอนโซลหน้า ติดตั้งหน้าจอควบคุมขนาด 15.6 นิ้ว พร้อมระบบโต้ตอบอัจฉริยะของ Denza Link บนจอ Full LCD ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมคันเกียร์แบบคริสตัล รองรับการอัพเกรด OTA

ส่วนด้านหลัง กระจกตัวรถแบบพิเศษหนา 2 ชั้น ให้ความเงียบเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น คู่ไปกับระบบ NVH ควบคุมเสียงไม่ให้เกิน 65 เดซิเบล เมื่อขับขี่ที่ความเร็ว 120 กม./ชม.

BYD Denza D9 EV นี่หรือคู่แฝด Alphard แถมใช้ไฟฟ้าด้วย!

เบาะนั่งบริเวณแถวที่ 2 เป็นแบบ Captain Seat พร้อมฟังก์ชั่นปรับนวดจุดต่างๆ ได้ถึง 10 จุด พร้อมระบบอุ่น และเป่าลม แถมติดตั้งระบบ Wireless Charger กำลังไฟ 50kW ถึง 3 จุด

BYD Denza D9 EV นี่หรือคู่แฝด Alphard แถมใช้ไฟฟ้าด้วย!

มีติดตั้งหน้าจอขนาดใหญ่ด้านหลังเบาะหน้า 2 จอ และ ที่ควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ บริเวณที่พักแขน กระหึ่มไปกับระบบเสียงแบบ Dynaudio มีซันรูฟคู่ ม่านบังแดดไฟฟ้าคู่ พร้อมระบบควบคุมเครื่องปรับอากาศเหนือแถวที่ 2 และ 3

BYD Denza D9 EV นี่หรือคู่แฝด Alphard แถมใช้ไฟฟ้าด้วย!

BYD Denza D9 EV มีให้เลือกทั้งในรูปแบบ Plug-In Hybrid และแบบรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) เรามาดูรายละเอียดกันว่า ในแต่ละแบบ จะมีรายละเอียดอะไรบ้าง …

รุ่น Plug-In Hybrid วิ่งด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางสูงสุด (ตามมาตรฐาน NEDC) วิ่งด้วยไฟฟ้า + น้ำมันได้ระยะทางสูงสุด (ตามมาตรฐาน NEDC) ราคา Pre-Sale (หยวน)
DM-i 945 Luxury 50 กิโลเมตร 945 กิโลเมตร 335,000
DM-i 1040 Premium 190 กิโลเมตร 1,040 กิโลเมตร 375,000
DM-i 970 4WD Honor 180 กิโลเมตร 970 กิโลเมตร 405,000
DM-i 970 4WD Flagship 180 กิโลเมตร 970 กิโลเมตร 445,000

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Turbo แบบ Plug-In Hybrid DM-i ระดับ e-Platform 3.0 Technology พร้อมชุดแบตเตอรี่ที่มีให้เลือก 2 แบบ บนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 6.2 – 6.7 ลิตร/100 กิโลเมตร ได้แก่

  • แบบ 50kW วิ่งด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ระยะทางสูงสุด 50 กิโลเมตร และให้ระยะทางรวมสูงสุด 945 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
  • แบบ 80kW วิ่งด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ระยะทางสูงสุด 180 กิโลเมตร และให้ระยะทางรวมสูงสุด 970 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
  • และแบบ 80kW วิ่งด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ระยะทางสูงสุด 190 กิโลเมตร และให้ระยะทางรวมสูงสุด 1,040 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)

BYD Denza D9 EV นี่หรือคู่แฝด Alphard แถมใช้ไฟฟ้าด้วย!

ส่วนรุ่นใช้พลังงานไฟฟ้า มาพร้อมแบตเตอรี่ Blade ของ BYD สามารถวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 600 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ …

รุ่น EV วิ่งด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางสูงสุด (ตามมาตรฐาน CLTC) ราคา Pre-Sale (หยวน)
EV 600+ Premium 600+ กิโลเมตร 390,000
EV 600+ 4WD Flagship 600+ กิโลเมตร 460,000

มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสองล้อ และ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ติดตั้งระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะระดับ L2 และระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะของ Denza Pilot ที่สามารถตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมระบบความปลอดภัย จัดเต็มกับถุงลมนิรภัย 9 จุดรอบคัน

สำหรับ Denza D9 EV คาดว่าเปิดราคาจำหน่ายจริงอยู่ที่ประมาณ 335,000 – 660,000 หยวน (หรือประมาณ 1.71 – 3.38 ล้านบาท) เพียงแค่เปิด Pre-Sale 3,000 คันแรก ก็สามารถปิดยอดจองได้ภายใน 30 นาที! และมียอดจองถึง 7,288 คัน ภายในหนึ่งวัน!

ใครที่ชื่นชอบรถตู้ระดับ VIP แต่อยากลองเปลี่ยนรสชาติมาเล่นรถจีนดูบ้าง กับราคาและคุณสมบัติที่คุ้มสุดๆ แบบนี้ แถมยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีก บอกเลยว่าห้ามพลาดแน่นอน!

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

ต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม จมน้ำ 5 จุด แบบง่ายๆ

ถ้าหากคุณต้องการจะซื้อรถมือสองในเวลานี้ นอกจากเราจะต้องตรวจดูสภาพรถอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทั้งตัวถังรถ สีรถ เครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง สภาพภายในรถ รวมไปถึงการทดลองขับขี่ ฯลฯ

แต่ … สิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่าง นั่นคือคุณต้องดูด้วยว่า “รถคันนี้ ผ่านการถูกน้ำท่วมมาหรือไม่” ด้วยนะครับ!

“น้ำท่วม” หรือ “น้ำรอการระบาย” ถือเป็นปัญหาสุดคลาสสิกในหลายพื้นที่ของไทย จึงไม่แปลกที่ในตลาดรถมือสองจะมี “รถจมน้ำ” โผล่มาขายอยู่บ้าง แต่ก็สังเกตได้ยากเนื่องจากถูกซ่อมแซมมาใหม่หมดแล้ว แต่เราจะมีวิธีดูรถอย่างไรบ้าง? Mr.Carro ก็ขออาสามาแนะนำวิธีดูรถน้ำท่วม หรือรถจมน้ำมา 5 จุด แบบง่ายที่สุด ให้ทุกคนเป็นความรู้กันครับ

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำ 5 จุด แบบง่ายที่สุด

ภาพจาก วิเชษฐ ศรีสวาสดิ์

1. เช็คตัวถัง หาสนิม

จุดแรกที่ควรสังเกตกันก่อนเลย นั่นคือ สภาพตัวถังรถ ซึ่งหลายคันภายนอกอาจจะทำการสาดสีใหม่มาแล้ว ก็อาจจะสังเกตยากหน่อย แต่ในกรณีที่ยังเป็นสีเดิมๆ ของตัวรถ ก็ขอให้สังเกตดูในบริเวณรอยตะเข็บตัวถังจุดต่างๆ ของรถ โดยเฉพาะใต้ท้องรถ ใต้กันชน ขอบยางประตูรถ พวกน็อตยึดต่างๆ หรือบริเวณแชสซีส์รถ

ถ้ามีสนิมขึ้นในที่ที่ไม่น่าจะมี เช่น มุมที่ไม่ได้อยู่บริเวณด้านล่างของตัวรถ ชายล่าง ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่า อาจเป็นไปได้ว่าเคยแช่น้ำ แช่โคลน หรือจมน้ำมาก่อน

ส่วนถ้าเป็นภายในรถ ให้ลองดูบริเวณชิ้นส่วนเหล็ก ใต้บังโคลนล้อหน้า-หลัง แผงฟิวส์บริเวณข้างแป้นคันเร่ง หรือที่วางเท้าคนนั่ง และน็อตยึดฐานเบาะนั่งคู่หน้าของตัวรถ ว่ามีสนิมขึ้นหรือไม่ หรือเบาะนั่งเลื่อนได้สะดวกหรือไม่ ก็อาจจะสังเกตตรงจุดนี้ได้เช่นกัน

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำ 5 จุด แบบง่ายที่สุด

ภาพจาก Nobuyasu Watada / Masanobu Hatsuchi

2. ระบบไฟฟ้า

ขึ้นชื่อว่าน้ำกับไฟย่อมไม่ถูกกัน เมื่อไฟเจอน้ำก็มักจะช็อต ซึ่งอาจจะทำให้ระบบไฟในรถมักรวน เพราะมีความชื้นอยู่ในแผงวงจร สายไฟ หรือแผงฟิวส์ ส่งผลให้การทำงานของระบบไฟฟ้าในรถ เดี๋ยวใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง

วิธีสังเกต ให้ลองสตาร์ทรถดูการทำงานของเครื่องยนต์ ดูระบบไฟฟ้าต่าง ว่าทำงานได้ปกติหรือไม่ ยกเว้นว่าคันที่จะเปลี่ยนระบบไฟฟ้า หรือเดินสายไฟมาใหม่ อันนี้ก็อาจยากที่จะสังเกต

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำ 5 จุด แบบง่ายที่สุด

ภาพจาก Atipong Pongpat

3. เครื่องยนต์

รถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมบริเวณเครื่องยนต์ มักจะถูกยกและถอดออกมาทำความสะอาดขจัดคราบน้ำและโคลนที่เข้าไป แต่หลายๆ อู่ มักจะไม่เปลี่ยนน๊อตที่ประกอบเครื่องยนต์ใหม่เท่าไหร่ ก็อาจจะสังเกตตรงจุดได้ว่าถ้าเห็นชิ้นส่วนน็อตที่ขึ้นสนิม หรือมีร่องรอยการถอดประกอบเครื่อง โดยเฉพาะรอยยากาวตรงฝาสูบ หรือสังเกตตรงฝาตาน้ำเครื่องยนต์ เป็นต้น

แต่ในกรณีที่เจ้าของเดิมยกเครื่องยนต์ใหม่มาวางแทนเครื่องยนต์เดิม อันนี้ก็อาจจะสังเกตได้ยากหน่อย

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำ 5 จุด แบบง่ายที่สุด

ภาพจาก Kh Un Per

4. เครื่องมือช่างประจำรถ

ชุดเครื่องมือช่างประจำรถ เช่น ประแจ หรือแม่แรง มักจะเก็บไว้ในท้ายรถ บริเวณยางอะไหล่ อาจสังเกตได้หากชุดเครื่องมือเหล่านี้มีสนิมขึ้นอยู่ รวมถึงบริเวณยางอะไหล่ ตามรอยอาร์ค รอยยาแนว อาจสังเกตได้จากคราบดำๆ หรือคราบน้ำ คราบโคลน ที่อาจมีติดฝังแน่นอยู่

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำ 5 จุด แบบง่ายที่สุด

ภาพจาก Sutha Luaknaree

5. กลิ่นในห้องโดยสาร

เรื่องกลิ่นนี่ก็พอจะบ่งบอกได้ว่า รถคันนี้เคยถูกน้ำท่วมมาเช่นกัน แม้ว่ารถที่นำมาขายจะถูกปรับปรุงสภาพมาแล้วก็ตาม ซึ่งพรม และเบาะนั่ง จะถูกนำออกไปซักและตากแดด หรือถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่

กลิ่นในห้องโดยสารที่ติดอยู่ตามซอกมุมต่างๆ ของตัวถังรถ อันนี้เป็นเรื่องยากที่จะกำจัด เนื่องจากน้ำที่ท่วมเป็นน้ำโคลน กลิ่นต่างๆ จะติดอยู่ได้นาน

แต่ถ้าคุณเลือกรถกับที่ Carro ทั้ง 5 ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะเราตรวจสอบรถยนต์โดยละเอียดถึง 160 จุด ตรวจสอบทุกจุด

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

10 อันดับ รถ SUV และ Crossover ถูกสุดในไทย ปี 2022

ถ้าจะให้พูดถึง “รถ SUV” (Sport Utility Vehicle) แล้ว ในบ้านเราก็มีอยู่หลากหลายประเภท เริ่มต้นตั้งแต่แบบ Crossover ซึ่งมาจากคำว่า Crossover Utility Vehicle ซึ่งเป็นรถที่ประกอบเป็นชิ้นเดียวกันทั้งคัน ดูคล้ายกับรถเก๋งยกสูง รูปร่างหน้าตาสวย เน้นความอเนกประสงค์ ตัวรถไม่ใหญ่มากนัก เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก หรืออาจจะลุยได้บ้าง แต่ก็ไม่มากเท่ากับแบบ SUV แท้ๆ

สำหรับรถ SUV นั้น ก็ยังมีแยกย่อยไปได้อีก 2 แบบหลักๆ ได้แก่ SUV แบบที่มีลักษณะเดียวกันกับรถแนว Crossover แต่มีขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่า โครงสร้างตัวรถเป็นแบบ Monocoque เชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกันตลอดคัน ให้ความนุ่มสบายกว่าเวลาขับ มีที่นั่งทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง

และรถ SUV ที่โครงสร้างตัวรถมีแชสซีส์เป็นฐานหลัก แบบเดียวกับรถกระบะ ที่บ้านเรามักเรียกกันว่า “รถ PPV” หรือ Pick-up Passenger Vehicle ช่วงล่างแบบรถกระบะ เด้ง สะเทือน แต่ผู้ผลิตรถก็พยายามปรับช่วงล่างให้นุ่มนวลขึ้น ด้วยการใช้คอยล์สปริง ตัวรถขนาดใหญ่ นั่งได้ 7-8 ที่นั่ง ใช้วิ่งในเมือง ลุยทางฝุ่น เข้าป่าฝ่าดงได้

คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงรถอเนกประสงค์ ที่ใช้งานได้หลากหลาย ขับไปทำงาน ไปพักผ่อนหย่อนใจกันได้ทั้งครอบครัว ฝนตกก็พอลุยน้ำท่วมได้ หรือเข้าทางลูกรังก็พอลุยได้ มีให้เลือกกันทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งยังแบ่งออกไปได้อีกเป็นแบบ Part-Time หรือแบบ Full-Time เป็นต้น

Carro ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ SUV และ Crossover ราคาถูกสุดในไทย ประจำปี 2022 มาให้ทุกท่านได้เลือก และเช็คราคากันครับ.

10 อันดับ รถ SUV และ Crossover ถูกสุดในไทย ปี 2022

1. MG ZS 1.5 C ราคา 689,000 บาท

MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) เป็นรถที่พวกลื้ออาจจะถามว่า กี่ล้านนนนน แต่ตอนพวกลื้อจะขาย ก็อาจจะถามว่า เหลือกี่แสนนนนน …..

โดย MG ZS จัดเป็นรถในระดับ B-SUV รุ่นไมเนอรเชนจ์ล่าสุด เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2563 เอาใจคนรุ่นใหม่ด้วยความเป็น Smart SUV ที่ชูจุดเด่นอย่างระบบ i-Smart ระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย และยังดูสถานะและสั่งงานระบบต่างๆ ของตัวรถผ่านแอพพลิเคชั่น MG iSMART บนโทรศัพท์มือถือ ได้อีกทั้งยังตั้งราคาในแบบที่ว่า “จับต้องได้” จนหลายต่อหลายคนต้องลองซื้อไปใช้กัน ห้องโดยสารภายในกว้างขวาง หรูหรา ใช้งานได้อเนกประสงค์

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ตัวเดียวกับที่ใช้ใน MG3 และ MG5 แต่ปรับแรงม้าให้มากขึ้นมาเป็น 114 แรงม้า พร้อมกับปรับปรุงชิ้นส่วนภายใน และช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension ส่งกำลังผ่านระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ CVT ใหม่

10 อันดับ รถ SUV และ Crossover ถูกสุดในไทย ปี 2022

2. Honda BR-V 1.5 V ราคา 765,000 บาท

Honda BR-V (ฮอนด้า บีอาร์วี) เป็นรถแนว Active Sport Crossover มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟหรี่และไฟ LED สำหรับวิ่งกลางวัน, ไฟตัดหมอกใหม่ เสาอากาศแบบครีบฉลาม (Shark Fin) ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว แถมยังสีภายนอกเพิ่มสีใหม่ แดงมุก Passion Red

ชูจุดเด่นด้วยภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-แดงสไตล์สปอร์ต มีระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งเบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถพับแยกแบบ 60:40 หรือพับตลบจังหวะเดียว (One Motion) ปรับเลื่อนหน้า-หลัง เพื่อให้ผู้โดยสาร แถวที่ 3 เข้า-ออกได้สะดวกยิ่งขึ้น และพนักพิงปรับเอนได้ถึง 3 ระดับ โดยเบาะนั่งแถวที่ 3 มีพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง พนักพิงสามารถพับแยกแบบ 50:50 หรือพับตลบไปด้านหน้า 2 จังหวะ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้าย และแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร แบบเดียวกับใน Honda City (โฉมเก่า) ให้แรงม้าสูงสุด 117 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT โดยทั้งเครื่องยนต์และเกียร์ พัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยี Earth Dreams พร้อมรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85

Mazda CX-3 2022

3. Mazda CX-3 2.0 Base ราคา 769,000 บาท

Mazda CX-3 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-3) ฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์รุ่นฮิต ในโฉมรถใหม่ 2022 ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถอเนกประสงค์ Compact SUV เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ตัวรถดูเรียบหรู ภายใต้ Concept “Less is More” เพิ่มตัวถังสีบรอนซ์ Platinum Quartz ผสมผลึกกึ่งโปร่งแสงจากควอตซ์ขาวละเอียด เป็นจุดเด่น

ภายในห้องโดยสารตกแต่งระดับพรีเมียม ทั้งคอนโซลหน้าแบบ Grand Luxe Suede สีเทา, เบาะนั่งสีดำเดินด้ายสีเทา พร้อมปรับไฟฟ้าด้านคนขับ 8 ทิศทางและหน่วยความจำ, หน้าจอ Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto หรือระบบชาร์จไฟไร้สาย Wireless Charger กล้องมองภาพด้านหลัง, ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ (Push Start Button) เป็นต้น

มาพร้อมขุมพลังเบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว SkyActiv-G ให้แรงม้าสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตร ให้กำลังเครื่องยนต์มากที่สุดและประหยัดน้ำมันมากที่สุดถึง 16.4 กม./ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85

10 อันดับ รถ SUV และ Crossover ถูกสุดในไทย ปี 2022

4. DFSK Glory 560 ราคา 789,000 บาท

การกลับมาใหม่อีกครั้ง สำหร้บ DFSK (ดีเอฟเอสเค) ที่เคยผลิตและนำเข้ารถบรรทุกเล็กกับรถตู้มาขายในไทย ก่อนจะเลิกขายไป งวดนี้ตัวแทนจำหน่ายรายเดิม ได้กลับมาทำตลาดใหม่พร้อมนำเข้า DFSK Glory 560 (ดีเอฟเอสเค กลอรี่ 560) รถ Crossover SUV สัญชาติจีนแบบ 7 ที่นั่ง ถูกสุดในตลาดบ้านเราแล้วตอนนี้ โดยนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย ซึ่งในตลาดจีนเองใช้ชื่อว่า Dongfeng Fengguang S560 (ตงฟง เฟิงกวง เอส560) เปิดตัวไปในช่วงปี 2017 ในราคาสุดคุ้ม แถมหรูอย่างกับรถยุโรป!

ภายนอกมาพร้อมชุดไฟหน้าแบบ Projector LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน และไฟตัดหมอกหน้า กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยว ที่ปรับและพับได้อัตโนมัติ ตกแต่งตัวรถให้ดูบึกบึน ส่วนไฟท้ายแบบแนวยาว มีเซ็นเซอร์ถอยหลัง ไฟตัดหมอกหลัง และล้อแม็กแบบสปอร์ตขนาด 17 นิ้ว

ส่วนภายในห้องโดยสาร ตกแต่งหรูหราเกินราคา ด้วยเบาะหนัง มาพร้อมหน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชันพร้อมปรับระดับได้ มีระบบอัจฉริยะ (Intelligent Features) ประกอบด้วย ระบบนำทาง GPS, รีโมทอัจฉริยะ Keyless, ปุ่ม Push Start, กระจกไฟฟ้าขึ้น-ลง ควบคุมได้ด้วยรีโมท มีเบรกมือไฟฟ้า มีระบบ Cruise Control พร้อมระบบปลดล็อคอัตโนมัติกรณีเกิดการปะทะให้ด้วย

รวมถึงก้านไฟเลี้ยว ที่ปรับย้ายฝั่งมาที่ด้านขวาแล้ว เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ต่างจากรถจีนในหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ที่ไม่ได้ย้ายตามที่ใช้ในพวงมาลัยซ้ายมาด้วย

ขุมพลังมีขนาด 1.5 ลิตร Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT

Haval Jolion Hybrid SUV 2022

5. Haval Jolion Hybrid SUV Tech ราคา 879,000 บาท

All-New HAVAL Jolion Hybrid SUV (ฮาวาล โจไลอ้อน) นับเป็นรถจีนรุ่นที่ 2 ของ Haval จากสายการผลิตที่โรงงาน Great Wall Motor (เกรท วอลล์ มอเตอร์) จ.ระยอง เปิดตัวในไทย (รุ่นพวงมาลัยขวา) คันแรกของโลก ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ด้วยราคาสุดเร้าใจ และการออกแบบรถ คุณภาพวัสดุ ดูดีเหมือนรถยุโรป ส่วนที่มาของชื่อรุ่น Jolion มาจากการรวมคำว่า Joy + Lion

ความพิเศษของรถรุ่นนี้ อยู่ที่การใช้แพลตฟอร์ม GWM LEMON แพลตฟอร์มโมดูล่าร์อัจฉริยะเช่นเดียวกับรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV และพกพาความหรูหรามารอบคัน ด้วยกระจังหน้า Star Matrix สีดำ-เทา ไฟหน้า LED เต็มรูปแบบ กับระบบ Daytime Running Light และระบบ Welcome Light เมื่อปลดล็อค พร้อมไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ร่วมด้วยหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ และไฟท้าย LED

ห้องโดยสารภายใต้แนวคิด “Future Intelligent Cockpit” กว้างสบาย เริ่มด้วยการเชื่อมต่อของ 3 หน้าจออัจฉริยะ ทั้งหน้าจอหลักตรงกลางแบบ Touch Screen Audio Display ความละเอียดสูง ขนาด 12.3 นิ้ว ที่รองรับ Apple Carplay MP3 JOOX และระบบนำทาง ต่อด้วยหน้าจอ Multi Information Display ความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอ Head-up Display ที่แสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมด้านหน้า

นอกจากนี้ ยังมีเบาะคนขับที่ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ลำโพง 6 ตัว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา และช่องแอร์ด้านหลัง ระบบกรองอากาศ PM2.5 ที่ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger) กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start รวมไปถึงเบาะที่นั่งด้านหลังพับลงได้พื้นที่บรรทุกสัมภาระสูงสุดถึง 1,069 ลิตร

พร้อมการขับเคลื่อนเต็มสมรรถนะ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Hybrid ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์แบบ DHT และเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal) ให้ผู้ขับขี่สามารถเร่งหรือชะลอความเร็วได้เพียงคันเร่งเดียว

พร้อมด้วยเทคโนโลยี LEMON Hybrid DHT (Dedicated Hybrid Technology) ที่พัฒนาขึ้นโดย GWM ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ไฮบริดและมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 23.8 กม./ลิตร (ทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 ในห้องปฏิบัติการ) ชุดเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter ปรับโหมดการขับขี่ได้ 4 รูปแบบ ได้แก่ 1) โหมดมาตรฐาน 2) โหมด Sport 3) โหมด ECO 4) โหมดสภาพถนนลื่น ซึ่งจะมีการปรับการใช้พลังงานขับเคลื่อนเหมาะสมกับการขับขี่ในแต่ละโหมด

10 อันดับ รถ SUV และ Crossover ถูกสุดในไทย ปี 2022

6. Nissan Kicks e-POWER S ราคา 889,000 บาท

Nissan Kicks e-POWER (นิสสัน คิกส์) เป็นรถครอสโอเวอร์ไฮบริด ที่มาพร้อมจุดเด่นอย่างการใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไปปั่นกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน และจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าให้ขับเคลื่อนรถยนต์อีกที ซึ่งเป็นหลักการที่คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV : Battery Electric Vehicle) แต่ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เหมาะกับการขับรถทางไกล

ขุมพลังหลักคือเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร ขนาด 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 79 แรงม้า ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)

จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor รหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (95 กิโลวัตต์) หากรวมพลังทั้งหมด ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะให้แรงม้าสูงถึง 129 แรงม้า

10 อันดับ รถ SUV และ Crossover ถูกสุดในไทย ปี 2022

7. DFSK Glory i-Auto ราคา 919,000 บาท

DFSK (ดีเอฟเอสเค) ผู้ผลิตรถจีนแบรนด์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน ภายใต้ตัวแทนจำหน่ายที่กลับมาทำตลาดอีกครั้งในไทย ได้นำเข้า DFSK Glory i-Auto (ดีเอฟเอสเค กลอรี่ ไอ-ออโต้) รถ Crossover SUV สัญชาติจีนแบบ 7 ที่นั่ง จากอินโดนีเซียมาบุกตลาดบ้านเรา ซึ่งในตลาดจีนเองใช้ชื่อว่า Dongfeng Fengguang 580 (ตงฟง เฟิงกวง 580) เปิดตัวไปตั้งแต่ช่วงปี 2016

ภายนอกมาพร้อมกระจังหน้าแบบ Infinite Starlight Design ชุดไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ส่วนไฟท้ายแบบ Full LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential, หลังคาแบบ Panoramic Sunroof ที่สั่งการเปิดได้ด้วยเสียง, ประตูบานท้ายแบบไฟฟ้า พร้อมเซ็นเซอร์เท้า, กล้อง 360 องศารอบคัน และล้อแม็กแบบสปอร์ตขนาด 18 นิ้ว

ส่วนภายในห้องโดยสาร ตกแต่งหรูหราพร้อมลายไม้ มาพร้อมหน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว กับปุ่มสั่งงานบริเวณแผงคอนโซล, ระบบสั่งการด้วยเสียง i-Talk, เบาะหนังแท้ 7 ที่นั่ง พร้อมกล้องบันทึกภาพขณะรถวิ่ง และระบบความปลอดภัยมากมาย

ขุมพลังมีขนาด 1.5 ลิตร Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT บนน้ำหนักตัวรถ 1,510 กิโลกรัม

New MG HS และ MG HS PHEV 2022

8. MG HS 1.5 T 2WD C ราคา 939,000 บาท

New MG HS (เอ็มจี เอชเอส) รถใหม่ 2022 แบบ SUV รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ ภายใต้แนวคิด Refinement โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย หรูหราทันสมัย และความสปอร์ต มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องเบนซินเทอร์โบ และ ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-In Hybrid)

โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้วยการติดตั้งระบบนำทางเสมือนจริง หรือ AR Navigation ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องหน้าที่ถ่ายทอดสภาวะแวดล้อมจริงในขณะเดินทาง ร่วมกับระบบนำทาง Navigation แบบ Realtime ช่วยให้การใช้งานระบบนำทางแม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากกว่าเดิม

และระบบกุญแจดิจิตอล (Digital Key Technology) อีกทั้งยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานสากลสูงสุดถึง 26 ระบบ และระบบช่วยผู้ขับขี่หรือระบบ ADAS ที่เทียบเท่ากับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 2

มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน Turbo GDI ขนาด 1.5 ลิตร 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด แบบ Twin Clutch Sportronic Transmission (TST) และเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้กำลังสูงสุด 284 แรงม้า

มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบโมดูล ขนาดใหญ่ 16.6 kWh ทำให้สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% (EV Mode) ได้ไกลถึง 67 กิโลเมตร รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

All-New Honda HR-V e:HEV 2022

9. Honda HR-V e:HEV E ราคา 979,000 บาท

All-New Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์วี) ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 2 ด้วยรูปแบบ e:HEV ขุมพลังไฮบริดในทุกรุ่นย่อย เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย กับรุ่นย่อย RS เปิดตัวในไทยที่แรกของโลก! เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา

มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมที่สะท้อนตัวตนสไตล์ SUV ได้อย่างชัดเจน โดดเด่นด้วยตัวถังที่ปราดเปรียวในสไตล์สปอร์ตคูเป้ ดึงดูดทุกสายตา ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดงแบบสปอร์ต แป้นเบรกและแป้นคันเร่งสไตล์สปอร์ต พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง และแผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย กว้างขวาง

มอบความสะดวกสบายในทุกที่นั่งและทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม โดดเด่นระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning) ที่มาพร้อมระบบ Air Diffusion System

ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC มอบกำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 131 แรงม้า ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25.6 กม./ลิตร

พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit – IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งมีน้ำหนักเบาขนาดกะทัดรัด สามารถเก็บประจุไฟและช่วยให้การชาร์จไฟได้ประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยอัตโนมัติในขณะขับขี่

Mazda เปิดตัว New Mazda CX-30 2022 เพิ่มสีใหม่ อุปกรณ์ใหม่!

10. Mazda CX-30 2.0 C ราคา 989,000 บาท

Mazda CX-30 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-30) เพิ่งปรับโฉมใหม่ไปในเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา ด้วยสีใหม่ล่าสุด บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz) มุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เริ่มต้นชีวิตคู่ในสไตล์ใหม่ ที่กำลังมองหาครอสโอเวอร์ในกลุ่ม B-SUV

ตัวรถออกแบบภายใต้แนวคิด Kodo: Soul of Motion เป็นรถที่ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mazda3 เพิ่มทางเลือกระหว่างรุ่น CX-3 และ CX-5 โดย CX-30 เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม “Less is More” ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายแต่โฉบเฉี่ยวและทรงพลัง ภายในห้องโดยสารยังโดดเด่นด้วยการออกแบบที่พิถีพิถัน คัดสรรเลือกใช้เฉพาะวัสดุเกรดพรีเมี่ยมในทุกจุดสัมผัส ดุจงานศิลปะชั้นสูงที่มีเอกลักษณ์

เพิ่ม ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวันแบบ LED Signature และไฟท้ายแบบ LED Signature, เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง และกล้องมองหลัง (ในรุ่น 2.0 C), ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS (ในรุ่น 2.0 C) และเพิ่มระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS สามารถทำงานได้ถึง 145 กม./ชม.

มาพร้อมขุมพลังเบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว SkyActiv-G ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.4 กม./ลิตร และสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้

10 อันดับ รถ SUV และ Crossover ถูกสุดในไทย ปี 2022

10. Toyota Corolla Cross 1.8 Sport ราคา 989,000 บาท

Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) นับได้ว่าเป็นรถ SUV Crossover ของโตโยต้าซึ่งได้รับความนิยมตั้งแต่เปิดตัว สร้างยอดขายสูงสุดในตลาดรถ Sub-Compact SUV ที่สำคัญ ยอดขายรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด มีสัดส่วนถึง 85% ของยอดจำหน่ายรวม และเป็นยอดขายสูงสุด ในตลาดรถ Hybrid SUV และยังเอาใจคนชอบรถแนวสปอร์ต กับรุ่น HEV GR Sport อีกด้วย

Toyota Corolla Cross พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “ความกะทัดรัดที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย” (Compact yet Comfortable) และ “ความล้ำสมัยที่สะท้อนตัวตนของความภูมิฐานสำหรับชีวิตในเมือง” (Dignity Urban Vogue)

ภายนอกมาพร้อมเอกลักษณ์เฉพาะตัว โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว หรูหราแข็งแกร่ง มาพร้อมหลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า ราวหลังคา ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

ห้องโดยสารภายในใช้โทนสีแดงใหม่ Terra Rossa มีจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) ขนาด 7 นิ้ว เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone พนักพิงด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา พนักวางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ ช่องระบายอากาศและช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิดประตูท้ายแบบ Kick Activated และระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense)

เครื่องยนต์ เริ่มต้นด้วยรุ่นเบนซินรหัส 2ZR-FBE ขนาด 1.8 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร (18.05 กก.-ม.) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด CVT-i พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 15.4 กม./ลิตร

ส่วนรุ่น Hybrid มากับชุดระบบไฮบริดเจเนอเรชั่น 4 ที่พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 98 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร 53 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แพคชนิด Ni-MH (นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์) แบบใหม่ ให้กำลังรวมทั้งระบบ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock และเลือกโหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง EV, Sport และ Eco อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

Mr.Carro หวังว่า 10 อันดับ รถ SUV – PPV และ Crossover ถูกสุดในไทยที่นำมาเสนอนั้น หากใครอยากได้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี! แล้วอยากขายรถคันเดิม มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

หมายเหตุ : *ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนพฤษภาคม 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

**การจัดอันดับ หากเป็นรถ SUV รุ่นที่มีราคาเท่ากันในหลายยี่ห้อนั้น ทางเราจะจัดอันดับเรียงตามการเปิดตัวโฉมใหม่ล่าสุด หรือการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ล่าสุด ขึ้นเป็นอันดับแรก

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

บ้าน คือสถานที่ที่ทุกคนจะรู้สึกปลอดภัยที่สุด ทุกมุมของบ้านผู้เป็นเจ้าของบ้านย่อมรู้สึกคุ้นเคย การอยู่บ้านของเราเองย่อมทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่บ้านของเราอาจจะปกป้องเราจากภัยภายนอกได้ แต่ภายในบ้านยังมีหลายอย่างให้เราต้องระวัง รู้ใจจะบอกสิ่งที่เรารู้ให้ทุกคนได้หายสงสัยว่าไม่ว่าจะอยู่บ้านเฉย ๆ หรือทำงานที่บ้าน (Work From Home) ก็เสี่ยงอุบัติเหตุได้

สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุจากการอยู่บ้าน มีอะไรบ้าง

สถิติการเกิดอุบัติเหตุ สิ่งอันตรายในบ้าน จนบาดเจ็บ พิการหรือเสียชีวิต เชื่อหรือไม่ว่า กว่า 70% เกิดขึ้นในบ้านมากกว่าบนถนนหรือที่อื่น ๆ หลายคนอาจจะไม่เชื่อ ถ้าเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานอาจคิดว่า การอยู่บ้าน จะมีอุบัติเหตุได้อย่างไร แต่ถ้าบอกว่าอุบัติเหตุส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับเด็กและคนแก่มากกว่าล่ะ ?

เริ่มเข้าเค้าแล้วใช่มั้ย แต่อย่าคิดว่าถึงจะเป็นคนหนุ่มสาวแล้วจะรอด เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเด็กและคนแก่อยู่บ้านคนเดียว ส่วนใหญ่เป็นเพราะคนเหล่านี้ใช้เวลาอยู่บ้านมากกว่าคนวัยอื่น แต่ตอนนี้เมื่อทุกคนต้องทำงานที่บ้าน (Work from home) ตอนนี้ทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตรายจากภัยลึกลับในบ้านเหมือนกันหมด ฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้ มาทำความรู้จักกับความเสี่ยงอุบัติเหตุในบ้านกันเถอะ

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

บันไดพิฆาต

บันไดติดอันดับสถานที่ทำให้บาดเจ็บอันดับต้น ๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร คนไทยสมัยก่อนอยู่บ้านยกใต้ถุนเพื่อหนีน้ำท่วม บันไดก็สูงเป็นเรื่องปกติ ตกบันไดได้รับบาดเจ็บก็เรื่องปกติเช่นกัน บ้านสมัยใหม่เองก็เช่นกัน บางบ้านบันไดสูง บ้านที่มีดีไซน์ออกแนวลอฟ ก็ไม่มีที่กั้นบันไดกันซะงั้น แล้วจะไม่ให้มีอุบัติเหตุได้ยังไง บันไดปกติก็ดูอันตรายสำหรับเด็กและคนแก่แล้ว วันรุ่นวัยทำงานที่บ้าน (Work from home) ก็มีสิทธิเจ็บตัวเพราะเกิดสะเพร่าวางของไว้เกะกะบันได อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ

พื้นบ้านสไลเดอร์

ใครจะคิดว่าพื้นบ้านปกติที่เราเดินอยู่ทุกวัน อาจจะสร้างความลำบากให้เราได้ พื้นบ้านในปัจจุบันไม่ใช่ไม้นิ่ม ๆ อีกต่อไปแล้ว กลับเป็นปูน เป็นกระเบื้องแข็ง ที่ถ้ามีใครล้มลงไปแรง ๆ ล่ะก็ เจ็บหนักแน่ จริงแล้วความแข็งของพื้นบ้านไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่กลับเป็นองค์ประกอบอื่นที่ทำให้เกิด อันตรายที่เกิดขึ้นในบ้านง่าย ๆ

  • ทิ้งของเกะกะ อุปนิสัยของหลายคนนั่นเองที่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตของตัวเอง ชีวิตที่ไร้วินัย ไม่สนใจเก็บของเข้าที่ เมื่อเข้าบ้านก็วางกระเป๋าไว้บนพื้น สิ่งนี้เองที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
  • พื้นลื่น การทำน้ำหกก็เป็นอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ ดังนั้นเมื่อเห็นน้ำหกที่ไหนต้องรับเช็ดให้แห้งทันที เพราะถ้าปล่อยไว้อาจจะมีเด็กหรือคนแก่มาเหยียบจนลื่นล้มได้
  • พื้นเก่า อาจจะดูไม่มีอะไร แต่พื้นเก่าที่มีรอยแตกเกิดขึ้น ไม่ว่าจะพื้นปูนหรือกระเบื้อง หากพบรอยดังกล่าวต้องรีบซ่อมทันทีไม่อย่างนั้นอาจเกิดบาดแผลขึ้นได้ แต่หากอยากปลอดภัยไว้ก่อน ใส่รองเท้าภายในบ้านจะปลอดภัยกว่า

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

ของมีคมบาด

อันตรายจากของมีคม ขึ้นชื่อว่าของมีคมย่อมมากับอันตรายอยู่แล้ว แต่แปลกที่หลายคนไม่ระวังกับมัน อาจจะเพราะไม่ค่อยได้ใช้งาน มีดเป็นอุปกรณ์ที่เรียกเลือดจากเราได้ทุกที ไม่ใช่แค่ในครัวเท่านั้น มีดคัทเตอร์ก็ยิ่งอันตรายถ้าไม่ระวัง หรือถ้าไม่ใช่มีด ของจำพวกเข็มก็เสี่ยงทำให้บาดเจ็บได้ ของมีคมไม่ใช่แค่มีดและเข็มเท่านั้น ในเครื่องปั่นเครื่องบดก็มีใบมีดที่อันตรายเช่นกัน เพราะเป็นของที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เป็นสิ่งอันตรายในบ้านได้ ดังนั้นเวลาใช้งานก็มีสติให้มาก เมื่อใช้งานเสร็จแล้วก็ต้องมีวินัยในการเก็บมันเข้าที่ไม่ให้ใครบาดเจ็บเพราะมัน

ไฟฟ้าช็อต

อันตรายจากของใช้ในบ้าน อุบัติเหตุจากไฟฟ้าเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงมากที่สุด และเป็นอุบัติเหตุที่เกิดได้ง่ายที่สุด แค่ไม่ระวังปล่อยให้มือเปียกไปแตะสวิตช์ไฟก็อาจจะทำให้ไฟช็อตได้ ประมาทเพียงนิดเดียวอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้นนอกจากความไม่ประมาทแล้วเราสามารถติดตั้งตัวตัดไฟเซฟตี้ ที่จะทำหน้าที่ตัดไฟทุกครั้งที่มีอุบัติเหตุไฟฟ้ารั่ว ทำให้ลดการสูญเสียได้มาก นอกจากนี้เราควรตรวจตราจุดแยก จุดจ่ายไฟฟ้าในบ้านให้ดีว่ามีตรงไหนชำรุดบ้าง เพื่อที่เราจะทำการปรับปรุงซ่อมแซมได้ทันท่วงทีก่อนที่จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

สัตว์ประหลาด

อย่าเพิ่งตกใจว่ากำลังอยู่ในหนัง Sci-fi รึเปล่า แต่สัตว์ที่ว่ารวมไปถึงสัตว์เลี้ยงในบ้านและสัตว์ที่มีพิษ อุบัติเหตุเหล่านี้มีทั้งร้ายแรงและไม่ร้ายแรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องระวังไว้ให้ดี เพราะถึงแม้จะเป็นน้องตูบหรือเจ้านายของบ่าวอย่างเจ้าเหมียว ถ้ามันได้กัดได้ข่วนจนมีเลือดแล้วล่ะก็ ยังไงก็ต้องไปหาหมอฉีดยากันพิษสุนัขบ้าหรือบาดทะยัก เพราะฉะนั้นจะเล่นกับมันยังไงก็ต้องระวังไว้ด้วย

อีกอย่างที่ต้องพูดถึงคือสัตว์แมลงและสัตว์มีพิษ สัตว์พวกนี้จะชอบเข้ามาหาที่หลบในที่ที่อบอุ่นและมีอาหาร เพราะฉะนั้นควรจะจัดบริเวณรอบบ้านให้ดี ไม่ให้รกหรือมีที่ซ่อนของสัตว์ และอย่าลืมกำจัดเศษอาหารเหลือทิ้งทุกวันไม่ให้ดึงดูดสัตว์ต่าง ๆ เข้ามาในบ้านเรา เพราะพิษของสัตว์พวกนี้ไม่ว่างูหรือตะขาบ หากแพ้ขึ้นมาไปโรงพยาบาลไม่ทันก็อันตรายถึงชีวิตได้เหมือนกัน

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

สารเคมีในบ้าน

อันตรายจากสารเคมี ก็น่ากลัว ! เคยมีอุบัติเหตุที่ไม่น่าเชื่ออย่างการเอาน้ำยาล้างห้องน้ำไปใส่ในขวดน้ำดื่ม แล้วมีคนเผลอมากิน หรือมีคนล้างห้องน้ำด้วยไฮเตอร์ผสมน้ำยาล้างห้องน้ำจนเกิดก๊าซไฮโดรคลอไร ทำลายระบบทางเดินหายใจจนเสียชีวิต อุบัติเหตุเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากความไม่รู้ ดังนั้นก่อนจะใช้สารเคมีอะไรในบ้าน ศึกษาให้ดีก่อน เพราะสารอันตรายเหล่านี้ทำอันตรายต่อคนในบ้านได้มากทีเดียว

อุบัติเหตุเกี่ยวกับการกิน

การอยู่บ้านสบาย กินได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ อาจจะกลายเป็นฝันร้ายเอาก็ได้ถ้าไม่ระวัง การเคี้ยวอาหารแล้วเศษอาหารพลาดไปติดหลอดลมก็เป็นอุบัติเหตุชนิดหนึ่งที่คร่าชีวิตเราได้ง่าย ๆ เพราะฉะนั้นจะกินอะไรก็ต้องระวัง เคี้ยวอย่างมีสติถึงจะเคี้ยวไปดูซีรีส์ไปก็ต้องระลึกไว้เสมอว่าอันตรายอาจจะมาพร้อมกับความอร่อย แต่ถึงอย่างไรอาการเศษอาหารติดหลอดลมก็มีวิธีปฐมพยาบาลได้ง่าย แต่มีข้อแม้คืออย่าอยู่คนเดียว เพราะการปฐมพยาบาลต้องมีคนช่วย

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

ไฟไหม้

อุบัติเหตุเกี่ยวกับไฟไหม้ก็เกิดขึ้นได้บ่อย ถึงแม้จะมีคนอยู่เต็มบ้านก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิด แต่เพราะการทำงานที่บ้าน (Work from home) นี่แหละอาจทำให้เกิดการใช้ไฟฟ้าเกินพิกัดจนลัดวงจรได้ สาเหตุอื่น ๆ ก็อาจจะมาจากการเผาใบไม้ทำสวน กระแสลมอาจทำให้ไฟลุกลาม หรือเตาแก๊สในบ้านระเบิดก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่เป็นประจำ ดังนั้นไฟไหม้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่พรากทุกอย่างไปจากเราได้แบบหมดสิ้น

อุบัติเหตุจากการซ่อมบ้าน

ช่วงเวลากักตัว Work from home แบบนี้ หลายคนอาจจะตั้งเป้าหมายว่าจะทำการซ่อมบ้านครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะซ่อมแซมแต่ก็อาจจะทำอันตรายให้กับคนในบ้านได้ด้วย แต่ก่อนที่จะซ่อมแซมอะไร จุดอันตรายในบ้าน ต้องตรวจดูอุปกรณ์ให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นสว่าน เลื่อยไฟฟ้า หรือบันไดปีนหลังคา เพราะอุปกรณ์ที่สึกหรอเหล่านี้ก็เป็นสาเหตุของการเจ็บตัวได้ ในต่างประเทศมีหลายคนมากที่ต้องพิการเพราะตกจากหลังคาเวลาขึ้นไปซ่อมบ้านของพวกเขาเอง

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

นี่คือเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ ที่เป็นความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุ มันสามารถเกิดจากอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม และในเมื่อมันเป็นเรื่องไม่คาดฝัน การเตรียมพร้อมไว้ก่อนน่าจะดีที่สุด รู้มั้ย รู้ใจมีประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal accident) ไว้คุ้มครองคุณหากเหตุการ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผล กระดูกหัก สูญเสียอวัยวะ พิการหรือเสียชีวิต เราดูแลด้วยทุนประกันที่สูงและแผนความคุ้มครองที่สามารถเพิ่มหรือปรับแต่งได้ตามไลฟ์สไตล์ของคุณเอง เราหวังว่าในช่วงที่ทุกคนต้องอยู่บ้าน หรือบางคนทำงานที่บ้าน (Work from home) แบบนี้ ทุกคนจะมีแผนเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องไม่คาดคิดเสมอ ด้วยความปรารถนาดีจาก รู้ใจ ประกันออนไลน์ รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากเราได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน

รวมข้อมูลทางด่วนฟรี วันหยุดเดือน พ.ค. 65

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) หรือ EXAT, บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM และ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด หรือ NECL ได้ยกเว้นการเก็บค่าทางด่วนในวันหยุดราชการประจำปีตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงคมนาคม ในสัญญาสัมปทานฉบับแก้ไขใหม่ ให้ขึ้นทางด่วนฟรีตลอดอายุสัมปทานจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2578 และจะไม่มีการขึ้นราคาค่าทางด่วน จนถึงปี 2571 (เฉพาะเส้นทางที่อยู่ในการดูแลของการทางพิเศษฯ)

ทำให้คนไทยที่ต้องใช้รถใช้ทางด่วน ได้ขึ้นทางด่วนฟรีกันถ้วนหน้า เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง ในวันหยุดราชการตลอดปี 2565 เรามาดูกันว่า ทางด่วนฟรี พฤษภาคม 2565 มีวันไหนกันบ้าง Carro รวบรวมข้อมูลทางด่วนฟรีเดือนพฤษภาคม 2565 มาให้ดูกันแล้วจ้า …

ทางด่วนฟรี ในวันหยุดราชการ พฤษภาคม 2565 มีดังนี้ …

ทางด่วนฟรีวันหยุดเดือนพฤษภาคม

  • 4 พฤษภาคม 2565 วันฉัตรมงคล
  • 13 พฤษภาคม 2565 วันพืชมงคล
  • 15 พฤษภาคม 2565 วันวิสาขบูชา

ทางด่วนที่สามารถขึ้นฟรีได้ 3 เส้นทาง มีดังนี้ …

  • ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) 19 ด่าน
  • ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) 31 ด่าน
  • ทางด่วนอุดรรัถยา (ปากเกร็ด-บางปะอิน) 10 ด่าน

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ไว้ใช้ขึ้นทางด่วนฟรี มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

หมายเหตุ:

  • วันแรงงานแห่งชาติ 1 พฤษภาคม ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ เพราะเป็นวันหยุดของภาคเอกชน จึงไม่ได้รับสิทธิ์ขึ้นทางด่วนฟรี

Carro รวมข้อมูลทางด่วนฟรี ทุกวันหยุดตลอดปี 65!

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) หรือ EXAT, บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM และ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด หรือ NECL ได้ยกเว้นการเก็บค่าทางด่วนในวันหยุดราชการประจำปีตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงคมนาคม ในสัญญาสัมปทานฉบับแก้ไขใหม่ ให้ขึ้นทางด่วนฟรีตลอดอายุสัมปทานจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2578 และจะไม่มีการขึ้นราคาค่าทางด่วน จนถึงปี 2571 (เฉพาะเส้นทางที่อยู่ในการดูแลของการทางพิเศษฯ)

ทำให้คนไทยที่ต้องใช้รถใช้ทางด่วน ได้ขึ้นทางด่วนฟรีกันถ้วนหน้า เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง ในวันหยุดราชการตลอดปี 2565 เรามาดูกันว่า ทางด่วนฟรี 2565 มีวันไหนกันบ้าง Carro รวบรวมข้อมูลทางด่วนฟรีมาให้ดูกันแล้วจ้า …

Carro รวมข้อมูลทางด่วนฟรี ทุกวันหยุดตลอดปี 65!

ทางด่วนฟรี ในวันหยุดราชการ 2565 มีดังนี้ …

ทางด่วนฟรีวันหยุดเดือนมกราคม

  • 1 มกราคม 2565 วันขึ้นปีใหม่

ทางด่วนฟรีวันหยุดเดือนกุมภาพันธ์

  • 16 กุมภาพันธ์ 2565 วันมาฆบูชา

ทางด่วนฟรีวันหยุดเดือนเมษายน

  • 6 เมษายน วันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ (วันจักรี)
  • 13-15 เมษายน 2565 วันสงกรานต์ (3 วัน)

ทางด่วนฟรีวันหยุดเดือนพฤษภาคม

  • 4 พฤษภาคม 2565 วันฉัตรมงคล
  • 13 พฤษภาคม 2565 วันพืชมงคล
  • 15 พฤษภาคม 2565 วันวิสาขบูชา

ทางด่วนฟรีวันหยุดเดือนมิถุนายน

  • 3 มิถุนายน 2565 วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

ทางด่วนฟรีวันหยุดเดือนกรกฎาคม

  • 13 กรกฎาคม 2565 วันอาสาฬหบูชา
  • 14 กรกฎาคม 2565 วันเข้าพรรษา
  • 28 กรกฎาคม 2565 วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

ทางด่วนฟรีวันหยุดเดือนสิงหาคม

  • 12 สิงหาคม 2565 วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ

ทางด่วนฟรีวันหยุดเดือนตุลาคม

  • 13 ตุลาคม 2565 วันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
  • 23 ตุลาคม 2565 วันปิยมหาราช

ทางด่วนฟรีวันหยุดเดือนธันวาคม

  • 5 ธันวาคม 2565 วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ
  • 10 ธันวาคม 2565 วันรัฐธรรมนูญ
  • 31 ธันวาคม 2565 วันสิ้นปี

Carro รวมข้อมูลทางด่วนฟรี ทุกวันหยุดตลอดปี 65!

ทางด่วนที่สามารถขึ้นฟรีได้ 3 เส้นทาง มีดังนี้ …

  • ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) 19 ด่าน
  • ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) 31 ด่าน
  • ทางด่วนอุดรรัถยา (ปากเกร็ด-บางปะอิน) 10 ด่าน

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ไว้ใช้ขึ้นทางด่วนฟรี มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

หมายเหตุ:

  • วันแรงงานแห่งชาติ 1 พฤษภาคม ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ เพราะเป็นวันหยุดของภาคเอกชน จึงไม่ได้รับสิทธิ์ขึ้นทางด่วนฟรี

Carro แนะนำสถานที่ทำบุญวันวิสาขบูชา

วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญสากลทางพระพุทธศาสนา ที่ชาวพุทธศาสนิกชนทั้งโลก ต่างร่วมเฉลิมฉลองวันสำคัญ เนื่องจากเป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา 3 เหตุการณ์ ได้แก่ การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของพระพุทธโคดม ซึ่งทั้ง 3 เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นตรงกัน ณ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขะ (ต่างปีกัน)

ชาวพุทธจึงถือว่า เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง เพราะเกิดขึ้นตรงกัน ณ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 และเรียกวันนี้ว่า วิสาขบูชา ย่อมาจาก วิสาขปุรณมีบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ

Carro รวมที่ทำบุญ ไหว้พระ เวียนเทียน วันวิสาขบูชา

ภาพจาก กรมประชาสัมพันธ์

และยังเป็นวันสำคัญหรือวันหยุดในหลายๆ ประเทศ เช่น ไทย, กัมพูชา, ลาว, พม่า, มาเลเซีย (เรียกว่าวัน Wesak Day), สิงคโปร์ (เรียกว่าวัน Vesak Day) อินโดนิเชีย, อินเดีย, เนปาล, ศรีลังกา, ทิเบต, ภูฐาน, ฮ่องกง หรือไต้หวัน และยังเป็นวันสำคัญนานาชาติตามข้อมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติอีกด้วย

Carro รวมที่ทำบุญ ไหว้พระ เวียนเทียน วันวิสาขบูชา

ภาพจาก กรมประชาสัมพันธ์

วันวิสาขบูชา 2565 นอกจากพุทธศาสนิกชนจะรักษาศีล 5 ศีล 8 ไปทำบุญตักบาตร เข้าวัดบำเพ็ญกุศล ถือศีล ฟังธรรม ปล่อยนกปล่อยปลา ฟังพระธรรมเทศนา และเวียนเทียนรอบพระอุโบสถในช่วงค่ำ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา หรือจะทำบุญออนไลน์ เวียนเทียนออนไลน์ก็ยังได้

และในวันนี้ Carro จะมาแนะนำวัดยอดนิยม ที่เหล่าชาวพุทธนิยมไปทำบุญกันในวันวิสาขบูชากันครับ

Carro รวมที่ทำบุญ ไหว้พระ เวียนเทียน วันวิสาขบูชา

ภาพจาก วัดผ่องพลอยวิริยาราม

1. วัดผ่องพลอยวิริยาราม

วัดผ่องพลอยวิริยาราม เดิมมีชื่อว่า วัดใหม่วิริยสังฆาราม พุทธศาสนิกชนสามารถเข้าร่วม พิธีเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ ถวายเป็นพุทธบูชา ในวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ค. ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่อยู่ใกล้เขตบางนา เข้าร่วมพิธีเวียนเทียนได้โดยรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัย

Location:

พิกัด: https://goo.gl/maps/35rXUb6L87PRAbf28
ที่อยู่: ซ.หมู่บ้านศรีพงษ์ ถ.สุขุมวิท 105 แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพฯ
การเดินทาง: สามารถเดินทางโดยยานพาหนะส่วนตัว หรือรถโดยสารประจำทาง

  • เส้นทางที่ 1 : เดินทางโดย รถบัสสาย 145 (ปอ.) ลงซอยลาซาล (ออกเมือง) และเดินต่อไปยังถนนศรีนครินทร์ เลี้ยวซ้ายที่ถนนลาซาล และเลี้ยวซ้าย เดินตรงต่อไปที่ซอยลาซาล 46 สังเกตุวัดผ่องพลอยวิริยาราม
  • เส้นทางที่ 2 : เดินทางโดย BTS ลงสถานีอุดมสุข ทางออก 4 ขึ้นรถเมล์สาย 2 และ 23 (ไปเมกาบางนา), 38, 46, 48, 98, 132, 139, 180 ไปซอยบางนาตราด 28 และเดินไปวัดผ่องพลอยที่ซอยลาซาล 46

Carro รวมที่ทำบุญ ไหว้พระ เวียนเทียน วันวิสาขบูชา

ภาพจาก หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ – สวนโมกข์กรุงเทพ

2. หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ – สวนโมกข์กรุงเทพ

หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ – สวนโมกข์กรุงเทพ จัดกิจกรรมทางศาสนา ในวันที่ 15 พ.ค. เวลา 8.00 – 22.00 น. มีกิจกรรมให้เข้าร่วมตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็น “ร่วมทำบุญตักบาตร เวียนเทียน สนทนา และปฏิบัติเพ็ญภาวนา ชาคริยานุโยค” เป็นเจ้าภาพอาหารให้กับผู้ทำบุญ หรือเป็นจิตอาสางานธรรม โดยรับเฉพาะผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมเท่านั้น

อ่านกำหนดการเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/3vVtvId
ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ https://register.bia.or.th/

Location:

พิกัด: https://goo.gl/maps/S5AzUVBymmJQXWNR8
ที่อยู่: หอจดหมายเหตุ พุทธทาส อินทปัญโญ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ถนนนิคมรถไฟสายสอง เขตจตุจักร
การเดินทาง: แนะนำให้เดินทางโดยรถสาธารณะ เพื่อความสะดวก

  • เส้นทางที่ 1 เดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน ลงสถานีพหลโยธิน ออกประตู 3 เดินลัดสวนสาธารณะข้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ข้ามสะพานลอยฝั่งสวนจตุจักร เดินเลียบถนนไปสำนักงานใหญ่ ปตท. เดินผ่านอาคารการบินพลเรือน เลี้ยวซ้ายจะเป็นทางเข้าสวนรถไฟ สังเกตุซ้ายมือจะเห็นหอจดหมายเหตุฯ (เดินประมาณ 15-20 นาที หรือนั่งวินมอเตอร์ไซค์ 10 บาท)
  • เส้นทางที่ 2 เดินทางโดย BTS ลงสถานีหมอชิต หรือ MRT ลงสถานีจตุจักร ออกประตู 1, 2 และขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ แจ้งว่าไปหอจดหมายเหตุฯ
  • เส้นทางที่ 3 หากมายานพาหนะส่วนตัว ให้จอดที่จอดรถของสวนรถไฟ และเดินเข้าไปยังหอจดหมายเหตุฯ

Carro รวมที่ทำบุญ ไหว้พระ เวียนเทียน วันวิสาขบูชา

ภาพจาก ตลาดน้ำขวัญ เรียม

3. ตลาดน้ำขวัญ-เรียม ตลาดน้ำกลางกรุง

ตลาดน้ำขวัญ-เรียม ตลาดน้ำกลางกรุง จัดกิจกรรมตักบาตรพระทางเรือ ในวันที่ 15 พ.ค. เวลา 7.30 – 8.00 น. และเปิดให้เวียนเทียนได้ตลอดวัน มีศาลขวัญเรียม ตำนานของคลองแสนแสบ มากราบไหว้ขอพร เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากจะได้ทำกิจกรรมทางศาสนาแล้ว ยังมีตลาดน้ำ แหล่งท่องเที่ยวที่จำลองวิถีชีวิตของชาวบ้านคลองแสนแสบ ภายในตลาดมีจำหน่ายอาหาร ขนม ของใช้อีกมายมายให้ได้เลือกชิม ช้อป หรือซื้อของกลับไปฝากกันได้อีกด้วย

ข้อกำหนดในการเข้าร่วมกิจกรรม

  • กรุณาสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาทุกคน ทุกวัย
  • โปรดตรวจอุณหภูมิก่อนเข้าตลาดน้ำ
  • มีเจลแอลกอฮอล์ให้บริการ
  • กรุณาเว้นระยะห่างตามที่ตลาดน้ำกำหนด

Location:

พิกัด: https://goo.gl/maps/yRCC1LQ7FPNL7Sx5A
ที่อยู่: ซ.รามคำแหง 185 ถ.รามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ
การเดินทาง: ไปยังตลาดน้ำขวัญเรียม สามารถเดินทางโดยยานพาหนะส่วนตัว หรือรถโดยสารก็ได้

  • เส้นทางที่ 1 : ถนนสุขาภิบาล 2 (เสรีไทย) / รถเมล์สาย 27, ปอ. 502 / รถยนต์ส่วนตัว มีที่จอด วิ่งตรงมาจาก The Mall บางกะปิ ผ่านสวนสยาม จะเจอปากทางเข้าวัดเลี้ยวเข้ามา วัดบำเพ็ญเหนือ ทางด้านขวา ต้องไปเลี้ยวกลับ
  • เส้นทางที่ 2 :ถนนสุขาภิบาล 3 (รามคำแหง) / รถเมล์สาย 113, 514, 519 / รถยนต์ส่วนตัว วิ่งตรงมาจาก ม.รามคำแหง ผ่านแยกบ้านม้า ผ่านซอยมิสทีนเข้ามาวัดบางเพ็งใต้ อยู่ทางซ้ายมือ
  • เส้นทางที่ 3 : รถยนต์ส่วนตัวที่มาเที่ยวทางตลาดน้ำขวัญเรียม ทางตลาดมีที่จอดรถให้ฟรี

Carro รวมที่ทำบุญ ไหว้พระ เวียนเทียน วันวิสาขบูชา

ภาพจาก กรมประชาสัมพันธ์

4. เวียนเทียนออนไลน์

หรือใครไม่อยากขับรถ ไม่อยากออกจากบ้าน เสี่ยงโรคระบาด Carro ขอแนะนำ ทำกิจกรรมทางศาสนาแบบ New Normal ไร้การสัมผัส ไม่ต้องขับรถ สามารถเลือกวันและเวลาเวียนเทียน-ปฏิบัติธรรมได้เอง ขอแนะนำ “เวียนเทียน-ปฎิบัติธรรมออนไลน์” ผ่าน www.เวียนเทียนออนไลน์.com

ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมเวียนเทียน พร้อมทั้งปฏิบัติธรรม สวดมนต์ นังสมาธิ ฟังเทศน์ เนื่องในวันวิสาขบูชา ร่วมปฏิบัติธรรมออนไลน์ โดยให้พุทธศาสนิกชนสามารถเลือกสถานที่เวียนเทียนได้ตามสะดวก ไม่ว่าจะเป็นวัดในประเทศไทย สังเวชนียสถาน หรือ วัดไทยในต่างประเทศ พร้อมเลือกคำอธิษฐาน และสามารถแชร์ออกไปให้เพื่อนๆ ของเราได้มาร่วมเวียนเทียนออนไลน์ด้วยกันได้

นอกจากนี้เรายังมีระบบปฏิบัติธรรมออนไลน์ ซึ่งสามารถร่วมสวดมนต์ นั่งสมาธิ ฟังเทศน์ เป็นการผสมผสานระหว่างกิจกรรมทางพุทธศาสนา และนวัตกรรมในระบบออนไลน์เข้าด้วยกัน เริ่มปฏิบัติธรรม-เวียนเทียนออนไลน์ได้ระหว่างวันที่ 12-17 พฤษภาคม 2565

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/WianTianOnline/

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai