10 ที่จอดรถปราบเซียน ต้องระวังเพราะแคบมาก!

ปัญหาเรื่องที่จอดรถ ถือเป็นปัญหาระดับชาติไปแล้วในเวลานี้ เพราะจำนวนรถในตอนนี้ มีมากกว่าที่จอดรถที่พอจะรองรับได้ ทำให้การแก่งแย่งที่จอดรถ กลายเป็นสิ่งที่คนกรุงทุกสมัยนิยมทำกัน อีกทั้งที่ดินแปลงใหญ่ๆ สำหรับสร้างตึกจอดรถในเมือง หายากมากกว่าแต่ก่อน ทำให้การออกแบบจึงต้องให้ได้ประโยชน์มากที่สุด แม้แต่ที่จอดรถ ไม่ว่าจะพื้นที่คับแคบแค่ไหน สถาปนิกก็ต้องออกแบบให้รถเข้าไปจอดได้แ

งานนี้เป็นการวัดใจว่า ฝืมือการขับรถของใครจะเก่งกว่ากัน รวมไปถึง ขนาดตัวรถ การกะระยะ ว่าใครจะกะได้แม่นยำและมีประสบการณ์การขับขี่มากกว่ากัน เพราะถ้าพลาดขึ้นมา หรือใครเอารถกระบะไซส์ใหญ่ หรือรถตู้ขึ้นไป ก็จะได้ริ้วรอยที่ตัวรถติดกลับไปด้วย …

CARRO รวบรวม 10 สถานที่และอาคาร ที่จอดรถปราบเซียน ที่จอดรถสุดโหด แถมหาที่จอดได้ยากที่สุด (นั่นหมายถึง การขับรถขึ้น-ลง ตึก ที่ยากลำบาก และหาที่จอดรถได้ยาก) ให้ท่านผู้อ่านได้เตรียมตัวเวลาไปใช้บริการครับ.

10 อันดับ ที่จอดรถปราบเซียน และหาที่จอดได้ยากที่สุด / อาคารศรีวรจักร

อาคารศรีวรจักร

สำหรับ อาคารศรีวรจักร ที่ตั้งอยู่บริเวณถนนหลวง ใกล้โรงพยาบาลกลาง ย่านวรจักร ซึ่งขึ้นชื่อว่า เป็นย่านที่รถติดและวุ่นวายมากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เป็นแหล่งขายอุปกรณ์ อะไหล่รถยนต์ ชุดแต่ง อุปกรณ์เครื่องมือช่างต่างๆ นอกจากนี้ เดินจากหลังอาคาร ยังสามารถทะลุตรอกเล็กๆ ไปถึงคลองถมได้เลย จึงสะดวกสำหรับคนที่จะมาช็อปปิ้งแถวนี้

และถือว่าเป็นอาคารที่จอดรถปราบเซียน สำหรับนักขับมือใหม่และมือเก่าทั้งหลายเลยทีเดียว หลอนทุกโค้ง ด้วยทางโค้งขึ้นตึกที่แคบ ขึ้นชื่อว่าขับรถขึ้น-ลง ได้ยากที่สุด (โดยเฉพาะรถคันใหญ่ และยาว) เป็นอันดับแรก ยิ่งใครขับรถเกียร์ธรรมดา มีได้ถอยกันทุกชั้น มีฝากรอยแผลของการเบียดจากรถอยู่นับไม่ถ้วน บริเวณทางขึ้น-ลง

โรงแรมไวท์ออคิด / Royal Bangkok @ Chinatown)

โรงแรมไวท์ออคิด (ปัจจุบัน โรงแรม Royal Bangkok @ Chinatown)

โรงแรมย่านใจกลางถนนเยาวราชแห่งนี้ (ปัจจุบันคือ โรงแรม Royal Bangkok @ Chinatown) ถือว่า เป็นตึกจอดรถที่ทางขึ้น-ลง สุดแคบ และเตี้ย โคตรปราบเซียน อีกทั้งช่องจอดทำไว้ให้จอดรถได้ 2 คัน แต่เอาจริงๆ ต้องจอดชิดกันสุดๆ ซึ่งในอาคารนี้ เกิดปัญหารถเฉี่ยวชนกันบ่อยมากๆ เรียกได้ว่าต้องกะระยะกันให้ดีๆ เลยทีเดียว

White-Orchid-Hotel-Chinatown

ภายในลานจอดรถ โรงแรม Royal Bangkok @ Chinatown (ขอบคุณภาพจากคุณ thaipower สมาชิก Pantip.com)

10 อันดับ ที่จอดรถปราบเซียน และหาที่จอดได้ยากที่สุด / ที่จอดรถคลองถมพัฒนา

อาคารจอดรถ คลองถมพัฒนา

อาคารจอดรถคลองถมพัฒนา อยู่บริเวณถนนวรจักร ที่นี่ขึ้นชื่อของความชัน และเตี้ย (สูงเกิน 2.35 เมตร ขึ้นตึกไม่ได้) แต่จะแคบไม่เท่าอาคารศรีวรจักร ด้วยที่ความชันระหว่างทางขึ้นแต่ละชั้น มักจะมีรอยแผลของการเบียดจากรถอยู่ที่ผนังนับไม่ถ้วน

10 อันดับ ที่จอดรถปราบเซียน และหาที่จอดได้ยากที่สุด / ตึกจอดรถ ถนนตรีมิตร

ตึกจอดรถ ถนนตรีมิตร

อีกหนึ่งจุดปราบเซียนสุดโหดอีกที่ นั่นคือ ตึกจอดรถ ริมถนนตรีมิตร ใกล้กับซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย–จีน หรือวงเวียนโอเดียนเก่า เป็นตึกจอดรถที่ด้านล่างสร้างเป็นอาคารพาณิชย์สำหรับค้าขาย ด้านบนสำหรับจอดรถ ที่มีทางขึ้น-ลง ทางจอดรถที่แคบสุดๆ

Texus สุกี้ เยาวราช

Texus สุกี้ เยาวราช

ด้วยความที่เป็นย่านเมืองเก่า ที่ดินสำหรับสร้างตึกจอดรถจึงค่อนข้างมีน้อย และคับแคบมาก อย่างที่ของ เท็กซัส สุกี้ ที่มีทางขึ้น-ลง ทางจอดรถที่เล็กมากๆ แถบมืดและแคบมาก ปราบเซียนมาหลายคนแล้ว โดยทางเข้านั้นห้ามรถที่สูงเกินกว่า 2 เข้าไป เรียกได้ว่ารถกระบะขนของ หมดสิทธิ์

10 อันดับ ที่จอดรถปราบเซียน และหาที่จอดได้ยากที่สุด / ศูนย์ค้าส่ง AEC Trade Center พันธุ์ทิพย์

Pantip Plaza ประตูน้ำ (ปัจจุบัน ศูนย์ค้าส่ง AEC Trade Center พันธุ์ทิพย์)

ศูนย์ค้าส่ง AEC Trade Center พันธุ์ทิพย์ (หรือห้างพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ในอดีต) หลายคนบอกที่นี่ขับรถ ขึ้น-ลง ตึกจอดรถยาก ถ้าคนขับรถแบบมีประสบการณ์พอสมควร จะยากแค่ตอนขึ้นชั้น 1 มากกว่า เพราะทางเข้าแคบ และยากสำหรับรถที่โหลดเตี้ย

Center One อนุสาวรีย์ชัยฯ

Center One อนุสาวรีย์ชัยฯ

แม้ว่าห้าง Center One อนุสาวรีย์ชัยฯ จะอยู่ริมถนน และมีที่จอดรถอยู่ด้านหลังห้าง แถมทางเข้าซอยแคบมากๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือ ทางขึ้น-ลง ลานจอดรถ และลานจอดรถที่แคบทั้งด้านข้างและด้านบน สำหรับรถสูงๆ เข้าออกลำบากหน่อยล่ะ

อาคาร เจมส์ ทาวเวอร์

อาคารจอดรถ Gems Tower

อาคารจอดรถ Gems Tower ถนนเจริญกรุง นี่ก็ถือว่าเป็นตึกจอดรถปราบเซียน ขึ้น-ลง ยากสุดอีกที่ ทั้ง แคบ ชัน โค้งที่แคบมากๆ มีรอยแผลฝากไว้ที่กำแพงเพียบ เหมาะสำหรับคนอยากวัดฝีมือและประสบการณ์การขับรถ

วัดอินทรวิหาร อาคารจอดรถ 5 ชั้น

วัดอินทรวิหาร อาคารจอดรถ 5 ชั้น

วัดอินทรวิหาร อยู่ด้านหน้าธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) สี่แยกบางขุนพรหม หลังตลาดเทเวศร์ (ใกล้ๆ บางลำพู) ทางลงสะพานพระราม 8 ฝั่งพระนคร

มีอาคารจอดรถ 5 ชั้น แบบน็อกดาวน์รองรับรถยนต์ได้ประมาณ 200 คัน กับทางขึ้น-ลง ลานจอดรถแบบไทยๆ ที่แคบและมีโค้งหักศอก ทำเอาบรรดามือใหม่หัดขับ หรือรถกระบะ ต้องเหนื่อยกันหน่อย ขึ้นลงได้ลุ้นกันตลอด ฝากรอยจารึกไว้เป็นยันต์ที่รถกับกำแพงกันเพียบ

มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

อาคารโรงอาหารและที่จอดรถ (ตึก 12) มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

ถือว่าเป็นตึกจอดรถปราบเซียน ขึ้นยากสุดแล้ว ทั้ง แคบ ชัน หักศอก แถมยังเป็นกำแพงทึบ มีรถสวนอีก ดีไม่ดี อาจจะได้แผลกลับบ้านที่รถคุณด้วย ถ้าฝีมือและประสบการณ์ยังไม่ถึง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

Driving-License

สิ่งที่จำเป็นสำหรับคนขับรถยนต์ และคนขี่รถจักรยานยนต์ ที่ต้องมีพกติดตัวไว้ตลอดเวลาของการขับขี่ นั่นคือ “ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และรถจักรยานยนต์” ซึ่งใบขับขี่ ก็ยังแบ่งออกเป็นได้อีกหลายๆ ประเภท รวมไปถึงคุณสมบัติต่างๆ ที่สำคัญว่ามีอะไรบ้าง

สำหรับในอดีต กรมการขนส่งทางบก ยังได้มีการออกใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลตลอดชีพให้ แต่ถูกยกเลิกไปเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2546 (ซึ่งหากใครที่มีใบขับขี่ประเภทตลอดชีพอยู่ สามารถไปเปลี่ยนบัตรเป็นแบบสมาร์ทการ์ดได้ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงประเภทของใบขับขี่ใดๆ) จึงทำให้มีการต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ส่วนบุคคลแบบปัจจุบัน คือ มีอายุครั้งละ 5 ปี บังคับใช้ทั้งในรถยนต์ส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

ทาง CARRO ขอแนะนำวิธีการสอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ให้ทุกท่านได้อ่านและปฏิบัติกันครับ.

สอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ... ง่ายนิดเดียว

เริ่มแรก ไปทำใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่งใกล้บ้านท่าน …

*สำหรับในเขตกรุงเทพฯ และปริมณทล มี 5 พื้นที่ ได้แก่

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 (ถ.พหลโยธิน ตรงข้ามตลาดนัดจตุจักร)
โทร. 02-271-8888 ต่อ 4201-4 หรือ 1584

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 (ถ.บางขุนเทียน-ชายทะเล)
โทร. 02-415-7337 ต่อ 204-205

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 2 (ถ.สวนผัก ตลิ่งชัน)
โทร. 02-433-4773

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 3 (ถ.สุขุมวิท ตรงข้าม ซ.สุขุมวิท 62/1)
โทร. 02-333-0035

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 4 (ถ.สุวินทวงศ์ หนองจอก)
โทร. 02-543-5512

ผู้ที่ภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด ยื่นคำขอที่สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขา หรือกรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งเขตใดเขตหนึ่งก็ได้ (เพราะมีระบบออนไลน์ถึงกันหมด) สามารถค้นหารายละเอียดได้ที่ http://www.dlt.go.th

หรือ สอบใบขับขี่กับโรงเรียนสอนขับรถของเอกชน ที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก

สอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ... ง่ายนิดเดียว

1. การขอทำใบขับขี่รถยนต์ชั่วคราว หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว (2 ปี)

– ผู้ขอทำใบขับขี่รถยนต์ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
– ผู้ขอทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ไม่เกิน 90 ซีซี ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์
– เป็นผู้ที่ไม่มีร่างกายบกพร่อง เช่น ตาบอด ตาบอดสี หรือหูหนวก เป็นต้น

หลักฐานเอกสารประกอบ เพื่อขอทำใบขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว

1. บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ฉบับ (เซ็นสำเนาถูกต้อง พร้อมระบุเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ)
3. ใบรับรองแพทย์ ซึ่งตรวจไว้ไม่เกิน 1 เดือน

จากนั้น ทำการยื่นคำขอพร้อมหลักฐานเอกสารประกอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและลงทะเบียนรับ เสร็จแล้วรับคืนเอกสารฉบับจริง

สอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ... ง่ายนิดเดียว

ขั้นตอนอบรมและทดสอบ เพื่อขอทำใบขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว

1. ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ได้แก่ ทดสอบการมองเห็นสีที่จำเป็นในขณะขับรถ ความลึกของการมองเห็น ลานกว้างของสายตา และทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อเห็นสีไฟจราจร
2. อบรมความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจรทางบก เครื่องหมายพื้นทาง ป้ายบังคับ ป้ายเตือน ป้ายแนะนำ มารยาทและจิตสำนึก เทคนิคขับรถให้ปลอดภัย บำรุงรักษารถ การรับรู้สถานการณ์อันตรายและรูปภาพจราจรต่างๆ
3. สอบภาคทฤษฏี (ทดสอบข้อเขียน) ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ (E-Exam) ซึ้งต้องผ่าน 90% จำนวนข้อสอบทั้งหมด 50 ข้อ ต้องให้ได้ 45 ขึ้นขึ้นไป เนื้อหาข้อสอบ ดูรายละเอียดได้ใน Link นี้ – http://apps.dlt.go.th/e_exam/
4. สอบภาคปฏิบัติ (ทดสอบขับรถ) ตามชนิดใบขับขี่ (รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว)
5. เสียค่าธรรมเนียมกรณีสอบผ่านทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ (รถยนต์ชั่วคราว 2 ปี 205 บาท รถจักรยานยนต์ชั่วคราว 2 ปี 105 บาท)
6. ถ่ายรูป พิมพ์บัตร แล้วรอรับใบอนุญาตขับขี่

สอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ... ง่ายนิดเดียว

2. การขอทำใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (5 ปี)

ผู้ที่ขอทำใบขับขี่ส่วนบุคคล 5 ปี เป็นผู้ที่ได้รับใบขับขี่รถยนต์ชั่วคราว หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และสามารถยื่นก่อนใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 60 วัน

หลักฐานเอกสารประกอบ เพื่อขอทำใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (5 ปี)

1. ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ชั่วคราว หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว แล้วแต่กรณี ที่ยังไม่หมดอายุ
2. สำเนาใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ชั่วคราว หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว แล้วแต่กรณี จำนวน 1 ฉบับ
3. บัตรประจำตัวประชาชน
4. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ฉบับ (เซ็นสำเนาถูกต้อง พร้อมระบุเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ)
5. ใบรับรองแพทย์ ซึ่งตรวจไว้ไม่เกิน 1 เดือน

สอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ... ง่ายนิดเดียว

ขั้นตอนอบรมและทดสอบ เพื่อขอทำใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล 5 ปี หรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 5 ปี

1. ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ได้แก่ ทดสอบการมองเห็นสีที่จำเป็นในขณะขับรถ ความลึกของการมองเห็น ลานกว้างของสายตา และทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อเห็นสีไฟจราจร
2. เสียค่าธรรมเนียม (รถยนต์ส่วนบุคคล 5 ปี 505 บาท รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 5 ปี 255 บาท)
3. ถ่ายรูป พิมพ์บัตร แล้วรอรับใบอนุญาตขับขี่

*กรณีเอกสารหลักฐานประกอบ ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ชั่วคราว หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว สิ้นอายุแล้วเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายและทดสอบข้อเขียน ผ่านตามเกณฑ์ จึงสามารถรับใบอนุญาตขับขี่ส่วนบุคคล 5 ปีได้
**แต่ถ้าใบอนุญาตขับขี่ชนิดชั่วคราว สิ้นอายุแล้วเกินกว่า 3 ปี ต้องเข้ารับการอบรม ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ทดสอบข้อเขียนและทดสอบขับรถด้วย เหมือนกรณีมาขอทำใบขับขี่รถยนต์ชั่วคราว หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว

สอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ... ง่ายนิดเดียว

3. การต่อใบอนุญาตขับขี่รถส่วนบุคคล 5 ปี

การต่อใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลหรือใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ชนิด 5 ปี มาเป็น 5 ปี สามารถยื่นก่อนใบอนุญาตขับขี่สิ้นอายุไม่เกิน 3 เดือน

หลักฐานเอกสารประกอบ เพื่อต่อใบอนุญาตขับขี่รถส่วนบุคคล 5 ปี

1. ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลหรือใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลเดิม แล้วแต่กรณี
2. บัตรประจำตัวประชาชน
3. ใบรับรองแพทย์

ขั้นตอนอบรมและทดสอบ เพื่อขอต่อใบอนุญาตขับขี่รถส่วนบุคคล 5 ปี

1. ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ได้แก่ ทดสอบการมองเห็นสีที่จำเป็นในขณะขับรถ ความลึกของการมองเห็น ลานกว้างของสายตา และทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อเห็นสีไฟจราจร
2. อบรม 1 ชั่วโมง
3. เสียค่าธรรมเนียม (รถยนต์ส่วนบุคคล 5 ปี 505 บาท รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 5 ปี 255 บาท)
4. ถ่ายรูป พิมพ์บัตร แล้วรอรับใบอนุญาตขับขี่

*กรณีใบขับขี่เดิมสิ้นอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี เพิ่มขั้นตอนการสอบข้อเขียน
**กรณีใบขับขี่เดิมสิ้นอายุเกิน 3 ปี ต้องทดสอบข้อเขียนและทดสอบขับรถ

Sign

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับรายละเอียดการทำใบขับขี่ที่ทาง CARRO นำมาให้ได้ศึกษากัน ในส่วนของใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ หรือใบขับขี่ส่วนบุคคลชนิดที่ 2, 3 และ 4 (รถบรรทุก รถพ่วง) ทางเราจะนำมาเสนอในโอกาสต่อไปครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

Hyundai-H-1-Starex

Hyundai H-1 / Grand Starex ปรับโฉมครั้งใหญ่ สวย หรู น่าใช้มากยิ่งขึ้น

Hyundai-H-1

Hyundai H-1 (ฮุนได เอช-วัน) หรือ Grand Starex (แกรนด์ สตาร์เร็กซ์) แม้ว่าโฉมนี้จะผลิตออกมาขายตั้งแต่ปี 2007 แล้ว แต่ก็ยังคงขายได้เรื่อยๆ ในหลายประเทศ ด้วยคุณสมบัติที่มากมาย ราคาที่ไม่แพงนักเมื่อเทียบกับรถประเภทเดียวกันยี่ห้ออื่น แถมคู่แข่งในตลาดก็มีไม่กี่เจ้า อย่างในประเทศไทย Hyundai H-1 ถือว่าสร้างชื่อเสียงให้กับ ฮุนได มาตลอด 10 ปี ที่กลับเข้ามาทำตลาดในไทยอีกครั้ง

Hyundai-H-1

Hyundai Grand Starex เวอร์ชั่นเกาหลี ถึงเวลาไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่สอง ด้านหน้าปรับโฉมต่างไปจากเดิมมาก ด้วยไฟหน้าทรงเหลี่ยม กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่ กันชนหน้าใหม่ ล้อแม็กลายใหม่ โดยในรุ่น Top ใช้ชุดไฟท้ายแบบ LED และล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว ให้ความหรูหราสง่างามมากยิ่งขึ้น

Hyundai-H-1

Hyundai-H-1

มิติตัวถังยาว 5,150 มม. กว้าง 1,920 มม. สูง 1,925 มม. ระยะฐานล้อ 3,200 มม.

Hyundai-H-1-Interior

Hyundai-H-1-Interior

ภายในห้องโดยสารเปลี่ยนชุดคอนโซลหน้าใหม่หมด พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน หัวเกียร์ออกแบบใหม่ มีระบบ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว หน้าจอทัชสกรีน อยู่กึ่งกลางคอนโซล และติดตั้งระบบแอร์ดิจิตอล พร้อมระบบถุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้าง

Hyundai-H-1

ขุมพลังเป็นแบบดีเซลขนาด 2.5 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว CRDi ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที (ในรุ่นเกียร์ธรรมดา) และ 175 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที (ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ) แรงบิดสูงสุด 36.0 กก.-ม. ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที (ในรุ่นเกียร์ธรรมดา) และ 46.0 กก.-ม. ที่ 2,000-2,250 รอบ/นาที (ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ)

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 9.4 กม./ลิตร (ในรุ่น 2WD) และ 8.9 กม./ลิตร (ในรุ่น 4WD)

ในตลาดเกาหลีใต้สามารถเลือกห้องโดยสารภายในได้ถึง 5 แบบ เช่น 3 ที่นั่ง, 5 ที่นั่ง, 9 ที่นั่ง, 11 ที่นั่ง และ 12 ที่นั่ง

Hyundai-H-1

ส่วนในตลาดบ้านเรา คงต้องรอดูในปีหน้านี้ ว่าทางอินโดนีเซีย ผู้ผลิต Hyundai H-1 / Grand Starex ส่งให้กับไทย จะเปิดตัวและพร้อมส่งออกกันเมื่อไหร่ครับ

ส่วนใครที่สนใจ Hyundai H-1 / Grand Starex มือสอง สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://th.carro.co/buycar/Hyundai หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ใน Fanpage “CARRO Thailand” ครับผม

Toyota-Vios-Laos

โฉมเดียวกับ Yaris ATIV ในไทย แต่เป็น Vios ในลาว

Toyota Vios (โตโยต้า วีออส) ใหม่ เปิดตัวแล้วในประเทศลาว โฉมเดียวกับ Yaris ATIV (ยาริส เอทีฟ) ในไทย มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.3 ลิตร ราคาขายเริ่มต้น 160 ล้านกีบ (631,000 บาท) มีตัวถังสีฟ้าอ่อน Greyish Blue Metallic ซึ่งไม่มีจำหน่ายในบ้านเรา ให้เลือกด้วย

Toyota-Vios-Laos

Yaris ATIV ใหม่ เมื่อนำไปขายในประเทศลาว ได้ใช้ชื่อรุ่น “Vios” แทนที่รุ่นเดิม มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย นั่นคือ 1.3E เกียร์ธรรมดา และ 1.3G เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ขายควบคู่ไปกับ Yaris 5 ประตู ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร เช่นกัน

Toyota-Vios-Laos

Toyota-Vios-Laos

Toyota-Vios-Laos

ในรุ่น 1.3G CVT เพิ่มไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ + ไฟ Daytime Running Light แบบ LED, ไฟท้ายแบบ LED, กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว, เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว

Toyota-Vios-Laos

Toyota-Vios-Laos

ภายในห้องโดยสารมีออพชั่นให้มาครบครัน ไม่ต่างจากเวอร์ชั่นไทย อาทิเช่น พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง, มาตรวัดเรืองแสง Optitron, เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.8″ ทุกรุ่นย่อย และดูภาพจากกล้องมองหลังได้, ช่องเชื่อมต่อ USB/AUX, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อม Heater, กุญแจ Keyless Entry พร้อมปุ่ม Push Start, ถุงลมนิรภัยรอบคัน 7 จุด เป็นต้น

Vios เวอร์ชั่นลาว มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร รหัส 1NR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 99 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.5 กก.-ม. (123 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,200 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ CVT

Toyota-Vios-Laos

ราคาจำหน่าย Toyota Vios ใหม่ ในประเทศลาว ราคาเริ่มต้นที่ 160 ล้านกีบ เมื่อคิดเป็นเงินไทยอยู่ระหว่าง 631,000 – 706,000 บาท (หรือ 19,300 – 21,600 ดอลล่าร์สหรัฐฯ)

Suzuki-Spacia

2 บุคลิก 2 สไตล์ เหมาะสำหรับวัยรุ่น และคุณแม่บ้านไว้ขับรถไปรับลูก หรือจ่ายตลาด

“Suzuki Spacia” (ซูซูกิ สปาเซีย) และ “Suzuki Spacia Custom” (ซูซูกิ สปาเซีย คัสตอม) ถึงเวลาปรับโฉมโมเดลเชนจ์ ขวัญใจคนรักรถ K-Car โดยเปิดตัวไปตั้งแต่ในงาน Tokyo Motor Show 2017 ที่ผ่านมา และทุกแบบยังเป็นเครื่องยนต์ Hybrid เอาใจคนรักความประหยัดด้วย

Suzuki-Spacia-Styling

Suzuki-Spacia-Styling

หากย้อนไปดูที่มาของ “Suzuki Spacia” ตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรก เริ่มผลิตขายกันตั้งแต่เดือนมีนาคม 2013 โดยมาแทนที่รุ่น Palette ที่เลิกจำหน่ายไป จนถึงเจเนอเรชั่นที่ 2 (MK53S) นี้ ออกแบบใหม่ทั้งภายนอกและภายใน ประตูข้างแบบบานเลื่อนด้วยไฟฟ้า โดย Spacia หน้าตามาแนวน่ารักสดใส เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงและคนที่มีครอบครัว

Suzuki-Spacia-Custom-Styling

Suzuki-Spacia-Custom-Styling

ส่วน “Spacia Custom” หน้าตาดุดัน มีการใช้สีดำตัดกระจกมองข้างและหลังคา เอาใจวัยรุ่น หรือคนวัยทำงานที่ชอบรถขนาดเล็ก

Suzuki-Spacia-Interior

ห้องโดยสารภายใน แผงคอนโซลหน้าดูเหลี่ยมๆ แต่แฝงไปด้วยออพชั่นทันสมัยเพียบ ใช้วัสดุดูแพง ปรับปรุงจุดเก็บของต่างๆ ให้ดูอเนกประสงค์และสะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดย Spacia มีให้เลือกทั้งโทนสีเบจ และโทนสีเทา-ดำ ส่วน Spacia Custom มีเฉพาะโทนสีดำเท่านั้น

Suzuki-Spacia-Custom-Interior

Suzuki-Spacia-Custom-Interior

ในส่วนของระบบความปลอดภัย บอกได้คำเดียวว่าจัดเต็ม ซูซูกิ ให้มาทั้ง ระบบเตือนและป้องกันการชนด้านหน้า Dual Sensor Brake Support, ระบบหลีกเลี่ยงการปะทะทั้งหน้า-หลัง ระบบป้องกันการชนด้านหลังขณะถอยหลัง Back-up Brake Support ที่ติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถยนต์ K-Car แถมติดตั้งกล้องมองภาพรอบคัน และระบบ Head-Up Display เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

Suzuki-Spacia-Safety

Suzuki-Spacia-Safety

Suzuki-Spacia-Safetyสำหรับเครื่องยนต์ … มาพร้อมเครื่องยนต์ Hybrid ขนาด 660 ซีซี รหัส R06A แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว VVT ให้แรงม้าสูงสุด 52 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 5.1 กก.-ม. (50 นิวตันเมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ตามโหมด JC08) สูงสุด 28.2 กม./ลิตร

Suzuki-Spacia-Engine

ในส่วนของแบบ Custom มีเครื่องยนต์เป็น Hybrid Turbo ให้เลือกเพิ่ม แบบ 660 ซีซี รหัส R06A แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว VVT Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 6.1 กก.-ม. (60 นิวตันเมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ตามโหมด JC08) สูงสุด 25.6 กม./ลิตร

ทั้ง 2 รุ่น ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า WA05A ให้แรงม้าสูงสุด 3.1 แรงม้า ที่ 1,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 50 นิวตันเมตร ที่ 100 รอบ/นาที (Mild Hybrid) พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT และระบบขับเคลื่อนที่มีทั้งล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ

Suzuki-Spacia-Safety

มีให้เลือกใน 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Hybrid X, Custom Hybrid XS และ Custom Hybrid XS Turbo ในราคาตั้งแต่ 1,409,400 – 1,908,360 เยน

ส่วนในไทย โอกาสที่จะนำเข้ามาขายนั้น คงบอกได้แต่เพียงว่า ต้องพึ่งผู้นำเข้าอิสระอย่างเดียว แต่จะใครซื้อหรือไม่ อันนี้ไม่รู้ครับ เพราะราคารวมภาษีแล้ว ราคาประมาณหนึ่งล้านกว่าบาท

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก http://www.suzuki.co.jp/

Toyota-Vellfire

ได้เวลาปรับโฉม เพิ่มเติมความสดใหม่ ทั้ง Alphard และ Vellfire

Toyota Alphard (โตโยต้า อัลพาร์ด) เป็นรถตู้ขนาดใหญ่และหรูหรา ซึ่งออกมาตั้งแต่ปี 2002 และได้รับความนิยมอย่างสูงทั้งในญี่ปุ่นและในไทย โฉมปัจจุบันเปิดตัวในปี 2015 เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ส่วน Toyota Vellfire (โตโยต้า เวลไฟร์) ออกแบบให้มีภาพลักษณ์สปอร์ตกว่า โดยจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2015 เช่นกัน ซึ่งก็ถึงเวลาปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ต้อนรับปี 2018 นี้ มีรูปลักษณ์แตกต่างจากเดิมพอสมควร

Alphard-Timeline Vellfire-Timeline

วิวัฒนาการ จากรุ่นสู่รุ่น

จาก Clip VDO แสดงให้เห็นถึง Alphard และ Vellfire ไมเนอร์เชนจ์ มีการเปลี่ยนแปลงทั้งชุดไฟหน้าแบบ LED ดีไซน์ใหม่ รับกับกระจังหน้าที่ใหญ่และหนาขึ้นกว่าเดิม กันชนหน้าใหม่ ชุดไฟท้ายใหม่ และกันชนท้ายที่ปรับรูปแบบจากเดิมนิดหน่อย ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น

Toyota-Alphard Toyota-Alphard Toyota-Alphard

ห้องโดยสารภายในของรุ่น Alphard มีให้เลือกทั้งแบบ 7 ที่นั่ง และ 8 ที่นั่ง ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa, หลังคาซันรูฟคู่ เปิด-ปิดได้ทั้งด้านหน้าและหลัง, สามารถเลือกติดตั้งเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสได้ทั้งขนาด 7 นิ้ว, 9 นิ้ว และ 10.5 นิ้ว พร้อมออพชั่นต่างๆ อีกเพียบ

Toyota-Vellfire Toyota-Vellfire Toyota-Vellfire

ขุมพลัง มีให้เลือกทั้งเบนซินและไฮบริด 3 แบบ ประกอบด้วย

– เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FE ให้แรงม้าสูงสุด 182 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 235 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i

– เครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.5 ลิตร รหัส 2GR-FKS ให้แรงม้าสูงสุด 301 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 361 นิวตัน-เมตร ที่ 4,600-4,700 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift 8 สปีด

– เครื่องยนต์เบนซินไฮบริดขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 152 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 206 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400-4,800 รอบ/นาที ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า ให้แรงม้าสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ด้านหลัง ให้แรงม้าสูงสุด 68 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 139 นิวตัน-เมตร

Toyota-Alphard

ส่วน Alphard และ Vellfire เวอร์ชั่นไทย คาดว่าจะเปิดตัวในไทยต้นปีหน้านี้ครับ

Free-Car-Check-New-Year-2018

ขับขี่ปลอดภัย ด้วยการตรวจเช็ครถยนต์ ก่อนออกเดินทาง

ช่วงเวลาปีใหม่ของทุกๆ ปี เป็นช่วงที่มีผู้คนเดินทางบนท้องถนนกันสูงมาก และตัวเลขของอุบัติเหตุบนท้องถนนก็สูงมากตามไปด้วย (จนกลายเป็นที่ 1 ของโลกไปแล้วในตอนนี้) เพื่อความพร้อมในการเดินทาง ลดปัญหาจากอุบัติเหตุ หรือปัญหารถเสียกลางทาง ทำได้ง่ายๆ ด้วยการนำรถไปตรวจสภาพก่อนออกเดินทาง

CARRO ขอรวบรวมข้อมูลตรวจเช็ครถฟรี ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 ที่กำลังจะมาถึงนี้ เพื่อให้ท่านผู้อ่านเลือกนำรถไปตรวจเช็คได้ตามความสะดวกเลยครับผม.

Toyota

Toyota-Car-Check-12-2017

โตโยต้า ส่งความสุข สำหรับลูกค้าโตโยต้าที่นำรถเข้ามารับบริการที่ศูนย์บริการโตโยต้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธ.ค. 60

Honda

Honda-Car-Check-12-2017

ฮอนด้า จัดแคมเปญ “ปีใหม่ปลอดภัย เช็คก่อนใช้ กับบริการจากฮอนด้า” ตรวจเช็คสภาพรถยนต์ฟรี 25 รายการ พร้อมข้อเสนอแคมเปญผ่อนชำระค่าใช้จ่ายงานบริการ ส่วนลดอะไหล่และอัลติเมทแคร์ ตั้งแต่วันนี้ – 30 ธันวาคม 2560 เพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความมั่นใจในทุกการเดินทางก่อนช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่

รายการตรวจสภาพรถยนต์ฟรี 25 รายการ

1. ตรวจวัดค่าแบตเตอรี่ด้วยเครื่องทดสอบโวลท์ / แอมแปร์ และตรวจเติมน้ำกลั่น
2. ตรวจเติมระดับน้ำในถังสำรองหม้อน้ำและถังเก็บน้ำล้างกระจก
3. ตรวจการรั่วซึมของท่อยางหม้อน้ำ บน / ล่าง
4. ตรวจทำความสะอาดไส้กรองอากาศ
5. ตรวจระดับน้ำมันเครื่อง
6. ตรวจระดับน้ำมันเบรก / คลัทช์ (สำหรับรุ่นที่มี)
7. ตรวจระดับน้ำมัน พวงมาลัยเพาเวอร์ (สำหรับรุ่นที่มี)
8. ตรวจระดับน้ำมันเกียร์
9. ตรวจสภาพสายพานขับด้านนอก
10. ตรวจสภาพยางปัดน้ำฝน
11. ตรวจระดับหัวฉีดน้ำล้างกระจก
12. ตรวจสภาพยาง วัดแรงดัน / เติมลมยาง 5 เส้น
13. ตรวจการทำงานของ ไฟสัญญาณ / ไฟส่องสว่าง
14. ตรวจการทำงานของ เข็มขัดนิรภัย
15. ตรวจการทำงานของ ระยะแป้นเบรก
16. ตรวจการทำงานของ ระยะยกคันโยกเบรกมือ
17. ตรวจการทำงานของ แม่ปั๊มเบรก และหม้อลมเบรก
18. ตรวจการทำงานของ ระบบปรับอากาศ (ความเย็น / ช่องทางลม)
19. ตรวจสภาพของ ท่ออ่อนเบรก 4 ล้อ
20. ตรวจลูกหมากและยางกันฝุ่นแร็คพวงมาลัย
21. ตรวจยางกันฝุ่นเพลาขับด้านซ้าย
22. ตรวจยางกันฝุ่นเพลาขับด้านขวา
23. ตรวจถังน้ำมันเชื้อเพลิง / ท่อ และข้อต่อท่อน้ำมันเชื้อเพลิง
24. ตรวจการทำงานของเครื่องยนต์ รอบเดินเบา / การรั่วซึม
25. ตรวจช่วงล่าง ลูกยาง และลูกหมากต่างๆ

Mazda

Mazda-Car-Check-12-2017

มาสด้าขอขอบคุณทุกความไว้ใจ ที่มอบให้ยนตรกรรม SKYACTIV พร้อมเดินทางเคียงข้างกันตลอดมา… เพียงนำรถมาสด้าเข้ารับบริการที่ศูนย์วันนี้ รับข้อเสนอสุดพิเศษ

  • ทุกสินค้าและบริการ ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน
  • ส่วนลดค่าอะไหล่ที่เข้าร่วมรายการ สูงสุด 40%

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ได้มาสด้าสปีดไลน์ 02-030-5666 หรือที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธ.ค. 60 นี้เท่านั้น

Isuzu

Isuzu-Car-Check-12-2017

อีซูซุ และ กรมการขนส่งทางบก ร่วมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนด้วยบริการจากใจ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย เทศกาลปีใหม่” ฟรี! ตรวจเช็กสภาพรถเบื้องต้น 19 รายการ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 – 31 มกราคม 2561

– ตรวจเช็กการสตาร์ทเครื่องยนต์
– ตรวจเช็กระบบไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณต่างๆ
– ตรวจเช็กการทำงานของแตร
– ตรวจเช็กการทำงานของระบบปรับอากาศ
– ตรวจเช็กระบบปัดน้ำฝน
– ตรวจเช็กการทำงานของเข็มขัดนิรภัยทุกจุด
– ตรวจเช็กระยะและการทำงานของเบรกมือ
– ตรวจเช็กระยะฟรีขาเบรกและการทำงานของเบรก
– ตรวจเช็กระยะฟรีขาคลัตช์และการทำงานของคลัตช์
– ตรวจเช็กสภาพยางและความดันลมยาง
– ตรวจเช็กสภาพและระดับน้ำมันเครื่อง
– ตรวจเช็กสภาพและระดับน้ำมันเบรก/น้ำมันคลัตช์
– ตรวจเช็กสภาพและระดับน้ำหล่อเย็นในถังน้ำพัก
– ตรวจเช็กสภาพและระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่
– ตรวจเช็กสภาพและระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
– ตรวจเช็กสภาพและทำความสะอาดไส้กรองอากาศ
– ตรวจเช็กสภาพและความตึงของสายพานเครื่องยนต์ทุกเส้น
– ตรวจเช็กระบบช่วงล่าง บูชยาง ยางกันฝุ่นและลูกหมากต่างๆ
– ตรวจเช็กสภาพและการรั่วซึมของโช้กอัพ

Hyundai

Hyundai-Car-Check-12-2017

บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ขอมอบความมั่นใจในการขับขี่อย่างปลอดภัยให้สมาชิกครอบครัวฮุนได ในโครงการ “New Year Campaign” “ปีใหม่นี้เดินทางอย่างอุ่นใจ” เตรียมความพร้อมก่อนการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่

โดยลูกค้าสามารถนำรถยนต์ฮุนไดเข้ารับบริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ฟรี 40 พร้อมรับส่วนลดพิเศษ 20% สำหรับ ผ้าเบรก ส่วนลดพิเศษ 15% สำหรับไส้กรองอากาศ, ไส้กรองอากาศในตู้แอร์, กรองน้ำมันเชื้อเพลิง, จานเบรก, ใบปัดน้ำฝนหน้าและหลัง, ยางใบปัดน้ำฝนหน้าและหลัง และส่วนลดพิเศษ 10% สำหรับน้ำมันเครื่องเชลล์ ภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึง 13 มกราคม 2561 (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากศูนย์บริการ)

รายการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ฟรี 40 รายการ มีดังต่อไปนี้

1. ตรวจเช็คสัญญาณไฟเตือนแบตเตอรี่ บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
2. ตรวจเช็คสัญญาณไฟเตือนน้ำมันเครื่อง บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
3. ตรวจเช็คสัญญาณไฟเตือนเครื่องยนต์ บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
4. ตรวจเช็คสัญญาณไฟเตือน ABS บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
5. ตรวจเช็คสัญญาณไฟเตือน AIR BAG บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
6. ตรวจเช็คสัญญาณไฟเตือนเบรคมือ บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
7. ตรวจเช็คสัญญาณบอกตำแหน่งเกียร์ออโต บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
8. ตรวจเช็คสัญญาณไฟเลี้ยว บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
9. ตรวจเช็คสัญญาณไฟฉุกเฉิน บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
10. ตรวจเช็คสัญญาณไฟหรี่ บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
11. ตรวจเช็คสัญญาณไฟสูง บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
12. ตรวจเช็คสัญญาณแตร
13. ตรวจเช็คการทำงานปัดน้ำฝนและการฉีดน้ำล้างกระจก
14. ตรวจการทำงานของกระจกประตูไฟฟ้า
15. ตรวจการทำงานของระบบล็อคประตูไฟฟ้า
16. ตรวจการทำงานของกระจกมองข้างไฟฟ้า
17. ตรวจการทำงานของเข็มขัดนิรภัย ด้านคนขับ
18. ตรวจการทำงานของระบบปรับอากาศ และกรองอากาศแอร์
19. ตรวจเช็คเบรคมือ จำนวนคลิก และระดับคันโยก
20. ตรวจการทำงานของเข็มขัดนิรภัย ด้านผู้โดยสาร
21. ตรวจเช็คแบตเตอรี่ (ที่ต้องเติมน้ำกลั่น), การหลวมของขั้วแบตเตอรี่
22. ตรวจเติมระดับน้ำในถังพักหม้อน้ำ
23. ตรวจเติมระดับน้ำในถังพักน้ำล้างกระจก
24. ตรวจทำความสะอาดไส้กรองอากาศ
25. ตรวจระดับน้ำมันเครื่อง
26. ตรวจระดับน้ำมันเบรค
27. ตรวจระดับน้ำมันคลัทช์หรือน้ำมันเกียร์ออโต้
28. ตรวจระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
29. ตรวจสภาพของสายพานด้านหน้าเครื่องยนต์ (รอยแตก, ความตึง)
30. ตรวจสภาพยางปัดน้ำฝน
31. ตรวจเช็คสัญญาณของไฟหน้า สูง,ต่ำ รอบตัวถังรถ
32. ตรวจเช็คสัญญาณของไฟเลี้ยว ซ้าย,ขวา ไฟหรี่ รอบตัวถังรถ
33. ตรวจเช็คสัญญาณของไฟเบรค ไฟถอยหลัง รอบตัวถังรถ
34. ตรวจเช็คการหลวมคลอนและเสียหายของ ลูกหมากเหล็กกันโคลง
35. ตรวจเช็คการหลวมคลอนและเสียหายของ ลูกหมากคันชักคันส่ง
36. ตรวจเช็คการหลวมคลอนและเสียหายของ ปีกนกและบู๊ช
37. ตรวจเช็คการรั่วซึมของ โช๊คอัพ หน้าและหลัง
38. ตรวจเช็ครอยแตก ฉีกขาด ของยางหุ้มเพลาขับใน, นอก
39. ตรวจเช็ครอยแตก ฉีกขาด ของยางหุ้มแร็คพวงมาลัย
40. ตรวจเช็คการรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง,น้ำมันเกียร์-เฟืองท้าย,น้ำมันเพาเวอร์

กรมการขนส่งทางบก ตรวจรถฟรีขับขี่ปลอดภัย และตั้งจุดให้บริการทั่วไทย

DLT-Free-Check-Car

กิจกรรม “ตรวจรถ “ฟรี” ขับขี่ปลอดภัย” กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับภาคเอกชน สมาคม และหน่วยงานต่างๆ อาทิ บริษัทผู้ผลิตและศูนย์บริการตัวแทนจำหน่ายรถยนต์/รถจักรยานยนต์ ศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถ ศูนย์ซ่อมรถของบริษัทประกันภัย บริษัทติดตั้งแก๊ส NGV/LPG ในรถยนต์ บริษัทผลิตและศูนย์บริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง สถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) สมาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ

ให้บริการเช็กความพร้อมรถยนต์และรถจักรยานยนต์โดยไม่คิดค่าบริการจำนวนกว่า 20 รายการ เช่น การตรวจระบบเบรก สภาพยาง อุปกรณ์ปัดน้ำฝน ระดับน้ำมันเครื่องและความสกปรกของน้ำมันเครื่อง ระดับน้ำมันเบรก การทำงานของไฟส่องสว่าง/ไฟสัญญาณต่างๆ เป็นต้น สามารถนำรถเข้ารับบริการฟรี ณ สถานประกอบการที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถ “ฟรี” ขับขี่ปลอดภัย” ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 – 15 มกราคม 2561 ซึ่งจะให้บริการประชาชนทั้งช่วงก่อนการเดินทางเพื่อเตรียมความพร้อมรถ และครอบคลุมถึงช่วงการเดินทางกลับเพื่อตรวจบำรุงรักษารถหลังจากใช้รถทางไกลด้วย

เครือข่ายไหน ตรวจรถ “ฟรี” 20 รายการบ้าง ปักหมุดไว้เลย

-ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (ร.ย.ส.ท.)
-สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย
-สมาคมตรวจสภาพรถเอกชนไทย
-บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
-บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
-บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
-บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด
-บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
-บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด
-บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
-บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด (MG)
-บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด
-บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด
-บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด
-บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด
-บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด
-บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)
-บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน)
-บริษัท สุวรรณภูมิ เซอร์วิส จำกัด
-บริษัท เอสซีจี ออโต้เซอร์วิส จำกัด
-บริษัท บี-ควิก จำกัด
-บริษัท ฟอร์ซเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (ศูนย์บริการ AUTOQUIKS)
-บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
-บริษัท เชลส์แห่งประเทศไทย จำกัด
-บริษัท คาร์เวิลด์ คลับ จำกัด

ใกล้ที่ไหน ไปที่นั่น ขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนช่วยในการลดอุบัติเหตุ

5-SUV-PPV-Secondhand-Cars

ขึ้นชื่อว่า “เศรษฐกิจ” ไทย ในเวลานี้แล้ว หลายคนบอกว่าแย่ หลายคนบอกว่าดี แต่ถ้าเราฟังตามเสียงส่วนใหญ่ของคนทั้งประเทศ เขาก็บอกว่าแย่กันทั้งนั้นล่ะ

แผนการที่จะคิดเปลี่ยนรถตอนนี้ บางคนอาจงดซื้อรถใหม่ป้ายแดงไปก่อน โดยอาจจะเลือกซื้อเป็นรถยนต์มือสอง หรือรถบ้านมือสอง แทน เนื่องจากช่วยลดค่างวดที่จะต้องผ่อนรถทุกเดือน และยังได้รถคุณภาพดี ในราคาที่คุ้มค่าสบายกระเป๋าอีกด้ว

สำหรับใครหลายๆ คน ที่ตอนนี้ อาจจะมีครอบครัว หรือมีลูกอยู่แล้ว 1-2 คน แต่ชื่นชอบการท่องเที่ยว ชอบออกไปต่างจังหวัดในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือในช่วงเทศกาลหยุดยาว

Chevrolet-Captiva-2007

รถมือสองที่เหมาะสมกับการใช้งาน ก็คงจะหนีไม่พ้นรถแนว “SUV” (Sport Utility Vehicle) และ “PPV” (รถกระบะดัดแปลง PPV – Pickup Passenger Vehicle ที่กรมสรรพสามิตบ้านเรา สร้างศัพท์บัญญัติขึ้นมารายเดียวในโลก เพื่อใช้เรียกจัดเก็บภาษีรถแนวนี้) ที่ให้ความอเนกประสงค์ สะดวกสบาย ปรับรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย และใช้งานในเมืองก็ลงตัว

หากคุณกำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองซักคัน ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดี เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือ ไปผ่อนบ้าน หรือใช้จ่ายในครอบครัว จ่ายค่าเทอมลูก เป็นต้น (แต่คนโสดจะซื้อไปใช้ ก็ได้เช่นกันนะครับ)

MR.CARRO ขอแนะนำรถ SUV และ PPV ที่นั่งได้ตั้งแต่ 5-7 คน ใช้ขนของก็ได้ ไปได้กันทั้งครอบครัว ในราคาตัวรถที่ไม่เกิน 400,000 บาท มาให้ทุกท่านได้พิจารณากันครับ

Toyota-Sport-Rider-2000

1. Toyota Sport Rider

Toyota Sport Rider (โตโยต้า สปอร์ต ไรเดอร์) ในโฉมแรกใช้ชื่อว่า “Hilux Sport Rider” ถือเป็นรถยนต์ PPV แบบ 7 ที่นั่ง ยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งของโตโยต้า พัฒนามาจากรถกระบะรุ่น Hilux Tiger ชื่อรุ่นมาจากภาษาอังกฤษ มีความหมายตรงตัว “Sport Rider” (ผู้ขับสปอร์ต)

Toyota Sport Rider ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงนับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2541 (และเป็นที่นิยมของขโมยในเวลานั้นด้วย) โดย โตโยต้า เป็นผู้บุกเบิกรถแนวนี้ในเมืองไทย (โดยผลิตที่โรงงาน Thai Auto Works – TAW) ยอดขายแซงรถ SUV แท้ๆ ซะอีก จนค่ายคู่แข่งต้องทำออกมาขายบ้าง มีรูปทรงที่สวยงาม ออกแบบได้อย่างลงตัว แม้ว่าบางมุมมองจะยังคงเหมือนรถกระบะก็ตาม ภายในยกชุดมาจาก Hilux Tiger เพิ่มเบาะนั่งแถวที่ 3

มีให้เลือกกันทั้งในแบบขับเคลื่อนล้อหลัง และแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด ECT-i (เฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ D-4D ขับเคลื่อนล้อหลัง) …

โฉมแรก เครื่องยนต์มี 2 แบบ ได้แก่ ดีเซลขนาด 3.0 ลิตร รหัส 5L ให้แรงม้าสูงสุด 97 แรงม้า และรหัส 5L-E แบบ 4 สูบ OHC ให้แรงม้าสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.3 กก.-ม. (200 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,600 รอบ/นาที

กลางปี 2543 เพิ่มเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร จากเครื่องยนต์ที่กำเนิดขึ้นเพื่อใช้ใน Off Road รุ่นใหญ่ อย่าง Land Cruiser Prado จนได้รับสมญานามว่า จ้าวแห่งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ (King of Diesel Turbo Engine) รหัส 1KZ-TE แบบ 4 สูบ OHC ให้แรงม้าสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 32.1 กก.-ม. (315 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 15.3 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 160 กม./ชม.

Toyota-Sport-Rider-2002

ช่วงปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในเดือนกันยายน 2545 ปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ เทคโนโลยี D-4D มีดังนี้ …

เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ มีขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2KD-FTV แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว D-4D ให้แรงม้าสูงสุด 102 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 26.5 กก.-ม. (260 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที

เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร รหัส 1KD-FTV แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว D-4D ให้แรงม้าสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 3,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 32.1 กก.-ม. (315 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที

โดย Toyota Sport Rider ในตลาดรถมือสอง (ในปี 2563) อยู่ที่ประมาณ 120,000 – 230,000 บาท

สำหรับราคาค่าตัวในเครื่อง 5L เวอร์ชั่นแรกนั้น ไม่แพงนักเมื่อเทียบกับตัวรถ เริ่มต้นประมาณ 1 แสนต้นๆ ส่วนตัวไมเนอร์เชนจ์หลังปี 2545 นั้น บล็อก D4-D อยู่ที่ประมาณ 1 แสนปลายๆ – 2 แสนกลางๆ ตามสภาพ

Isuzu-MU-7-2004

2. Isuzu MU-7

หลังจากที่ Isuzu เห็นรถค่ายคู่แข่งอย่าง … กอบโกยยอดขายรถแนว PPV ไปมากมายแล้ว จึงต้องนำ Isuzu D-Max มาพัฒนาเป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่ง จนได้ออกมาเป็น “Isuzu MU-7” (อีซูซุ มิว-เซเว่น) ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2547 ซึ่งออกแบบผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่แรกในโลก ตัวรถดัดแปลงได้ใกล้เคียงรถ SUV มาก จากการใช้ระบบส่งกำลังขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา การหดระยะฐานล้อ และปรับระบบรองรับด้านหลัง เป็นแบบคอยล์สปริง

แม้ตัวเลขยอดจำหน่ายจะตามหลังคู่แข่งอยู่พอสมควร แต่ มิว-7 ก็ยังขายได้ดี เพราะมีแบรนด์ Isuzu เป็นการันตี … สำหรับ MU-7 มีการปรับโฉมแทบทุกปี ตั้งแต่รุ่น Gold Series, Platinum Series รวมไปถึงรุ่นพิเศษอย่างรุ่น Limited, Executive, Groove หรือ Choiz เป็นต้น …

ใช้เครื่องยนต์ใหม่ “I-TEQ 3000 Ddi” ขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว Super Commonrail Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 146 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 294 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,400 รอบ/นาที ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาใหม่หมด

ในโฉมไมเนอร์เชนจ์ เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4 JJ1-TCX 3000 Ddi เทอร์โบแปรผัน VGS Turbo และอินเตอร์คูลเลอร์ใหญ่ขึ้น ให้แรงม้าสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 34.0 กก.-ม. (333 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,600-3,200 รอบ/นาที

โดย MU-7 ในตลาดรถมือสอง (ในปี 2563) อยู่ที่ประมาณ 250,000 – 400,000 บาท (หลังรุ่นปี 2009 ราคาจะขึ้นไปมากกว่า 400,000 บาท)

Mitsubishi-G-Wagon-2001

3. Mitsubishi Strada G-Wagon

มิตซูบิชิ เปิดตัว Mitsubishi Strada G-Wagon (มิตซูบิชิ สตราด้า จีวากอน) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2544 ที่ในเวอร์ชั่นตลาดโลกใช้ชื่อว่า ชาเลนเจอร์ (Challenger) ตัวนี้ใช้พื้นฐานเดียวกับรถกระบะ Strada โดยปรับหน้าตาให้เหมือนกันกับ Strada ซึ่งรุ่นนี้มีการปรับโฉมหน้าตากันอีกหลายครั้ง (ปรับโฉมครั้งที่ 2 ประมาณกลางปี 2546 และสุดท้ายในปี 2548) มีรุ่นพิเศษออกมาเยอะแยะเช่นกัน อาทิเช่น Rally Master หรือ Euro Evolution เป็นต้น

ระยะแรกใช้เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.8 ลิตร รหัส 4M40 แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 96 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.2 กก.-ม. (199 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ช่วงปี 2545 … Strada G-Wagon แนะนำเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ ขนาด 2.5 ลิตร รหัส 4D56 แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว VG Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 116 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 24.4 กก.-ม. (240 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

พอเวลาผ่านไป Mitsubishi ก็หันกลับมาใช้เครื่องยนต์รหัส 4M40 แต่เพิ่ม Turbo Intercooler เข้าไป สะใจขาลุย ให้แรงม้าสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 29.7 กก.-ม. (291 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

โดย Strada G-Wagon ในตลาดรถมือสอง (ในปี 2563) อยู่ที่ประมาณ 150,000 – 250,000 บาท

Honda-CR-V-2002-Thai

4. Honda CR-V (เจเนอเรชั่นที่ 2)

การมาของ “Honda CR-V” (ฮอนด้า ซีอาร์-วี) ที่ทำให้ตลาดรถยนต์ในกลุ่ม SUV ตื่นตัวขึ้นมากกว่าเดิมนับตั้งแต่ในรุ่นแรก โดยโฉมที่ Carro จะแนะนำในครั้งนี้ เป็น ซีอาร์-วี รุ่นที่ 2 ซึ่งเปิดตัวในบ้านเราในเดือนมกราคม 2545 มีให้เลือกทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง โครงสร้างตัวรถออกแบบขึ้นโดยมี Civic รุ่นที่ 7 เป็นต้นแบบ และได้นำเครื่องยนต์หัวฉีด i-VTEC มาใช้อย่างเต็มรูปแบบทุกรุ่นย่อย …

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส K20A แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC LEV ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.4 กก.-ม. (191 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ในรุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัวไปในบ้านเราเมื่อธันวาคม 2547 … และได้เพิ่มเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร เป็นตัวเลือกใหม่ รหัส K24A แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC LEV ให้แรงม้าสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. (219 นิวตัน-เมตร) ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติใหม่ (Real Time 4WD)

โดย Honda CR-V (เจนเนอเรชั่นที่ 2) ในตลาดรถมือสอง (ในปี 2563) อยู่ที่ประมาณ 130,000 – 230,000 บาท

Chevrolet-Captiva-2007

5. Chevrolet Captiva 

Chevrolet Captiva (เชฟโรเลต แคปติวา) เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2550 เป็นรถ SUV แบบ 7 ที่นั่ง เบาะแถว 2 และ 3 สามารถพับเก็บได้ มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด แบบ Tiptronic (ต่อมาปรับเป็น 6 สปีด) และถือเป็นรถที่ขายนานที่สุดอีกหนึ่งรุ่นของ Chevrolet

ในรุ่นเครื่อง 2.0 ลิตร จะเป็นเครื่องยนต์แบบดีเซล แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว Turbo แบบแปรผัน ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม. (320 นิวตันเมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที

ส่วนในรุ่น 2.4 ลิตร จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Flex Fuel รองรับเชื้อเพลิง E20 และ E85 ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. (220 นิวตันเมตร) ที่ 2,200 รอบ/นาที

ภายหลังรุ่นเบนซิน 2.4 ลิตร เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ เป็นแบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Double CVC ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 23.0 กก.-ม. (225 นิวตันเมตร) ที่ 4,600 รอบ/นาที

อีกหนึ่งจุดเด่นที่มาพร้อมกับความจุห้องโดยสารที่มาก เมื่อพับเบาะแถวที่ 3 ลงจะมีปริมาตรในการขนสัมภาระอยู่ที่ 465 ลิตร แต่ถ้าพับเบาะแถวที่ 2 ลงอีก ความจุก็จะเพิ่มเป็น 930 ลิตร

โดย Chevrolet Captiva (โฉมแรก) ในตลาดรถมือสอง (ในปี 2563) อยู่ที่ประมาณ 199,000 – 400,000 บาท (หลังรุ่นปี 2014 ราคาจะขึ้นไปมากกว่า 400,000 บาท)

Ford-Everest-2003

อันนี้แถมให้ครับ … Ford Everest

Ford เปิดตัว Everest (เอเวอเรสต์) PPV 7 ที่นั่งรุ่นแรก ในเดือนมีนาคม 2546 วาระเดียวกับการฉลองครบรอบ 100 ปี ของ ฟอร์ด ซึ่งดัดแปลงมาจากพื้นฐานของกระบะอย่าง “Ranger” โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต ที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ฟอร์ด ซึ่งใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศมากถึงร้อยละ 80 และตั้งความหวังไว้กับรถรุ่นนี้มาก โดยผลิตเพื่อป้อนตลาดภายในประเทศ และส่งออกไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก

เอเวอเรสต์ รุ่นแรก มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ เครื่องยนต์ยังไม่ใช่คอมมอนเรล แต่ใช้ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร รหัส WLT แบบ 4 สูบ Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 27.5 กก.-ม. (270 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ซึ่งขึ้นชื่อว่าแรงที่สุดในเวลานั้น

หลังจากนั้นได้ปรับปรุงอุปกรณ์ตกแต่งอีกเป็นระยะ โดย Ford Everest (เจนเนอเรชั่นที่ 1) มีอายุรวมในตลาดไม่ถึง 4 ปีดี

โดย Everest (รุ่นก่อนปี 2007) ในตลาดรถมือสอง (ปี 2563) อยู่ที่ประมาณ 200,000 – 270,000 บาท

MR.CARRO หวังว่ารถ SUV และ PPV มือสอง ในราคาคุ้มค่า ไม่เกิน 4 แสนบาท ที่นำมาเสนอนั้น น่าจะถูกใจหลายๆ คนกันนะครับ

ส่วนใครที่อยากขายรถ หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Nissan-Juke-Gran-Turismo-Sport

แฟนพันธุ์แท้เกมส์ PlayStation ต้องไม่พลาด! ซื้อ Nissan Juke GT Sport PlayStation แถม PS4 ฟรี! ด้วย

Nissan-Juke-GT-Sport-PlayStation-Head

Nissan Europe (นิสสัน ยุโรป) ร่วมกับ GT Sport เผยโฉม Nissan Juke GT Sport PlayStation (นิสสัน จู๊ค จีที สปอร์ต เพลย์สเตชั่น) รุ่นพิเศษ ต้อนรับการเปิดตัวเกมรถแข่งระดับโลกอย่าง GT Sport ภาคใหม่ล่าสุด สำหรับเครื่องเล่น PlayStation 4 ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คันเท่านั้น

Nissan-Juke-Gran-Turismo-Sport

Nissan-Juke-Gran-Turismo-Sport

 

Nissan Juke GT Sport PlayStation มาพร้อมกับล้อแม็กสีดำ Tokyo Black ขนาด 18 นิ้ว,สติ๊กเกอร์ PlayStation บนตัวถัง, แผ่นรองขอบประตูแบบคาร์บอนไฟเบอร์, โลโก้ GT Sport, พรมปูพื้น และเสาอากาศแบบครีบฉลาม เป็นต้น ส่วนสีตัวถังมีให้เลือกทั้งสีน้ำเงิน Ultramarine Blue หรือ สีขาว Pearl White

Nissan-Juke-Gran-Turismo-Sport

Nissan-Juke-Gran-Turismo-Sport

ลูกค้าที่ซื้อรถ Nissan Juke GT Sport PlayStation รุ่นนี้ ยังได้เครื่องเล่นเกม PlayStation 4 (500GB) และแผ่นเกม GT Sport ไปฟรีๆ อีกด้วย โดยรุ่นพิเศษนี้ จำหน่ายเฉพาะในประเทศสเปน และ โปรตุเกส เท่านั้น ในราคา 22,228 ยูโร

Nissan-Juke-Gran-Turismo-Sport

Nissan-Juke-Gran-Turismo-Sport

สำหรับใครที่กำลังสนใจรถ Nissan Juke รุ่นนี้อยู่ สามารถคลิกเข้าไปดูต่อได้ที่ https://th.carro.co/buycar/Nissan-Juke ได้เลยครับผม

LA-Auto-Show-2017

งานแสดงรถยนต์ยิ่งใหญ่ที่สุดในอเมริกาฝั่งตะวันตก “Los Angeles Auto Show 2017”

Acura-NSX

ประมวลภาพรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด รถต้นแบบ และอื่นๆ ในงานมหกรรมยานยนต์ “Los Angeles Auto Show 2017” งานแสดงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่สุดในภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1907 ถึงปัจจุบัน … ที่แม้ว่างานจะจัดตรงกับงาน Motor Expo 2017 ในบ้านเรา จนข่าวคราวของงานนี้เงียบหายไปบ้าง …

โดยงานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 10 ธันวาคม 2560 ณ LA Convention Center เมือง Los Angeles ประเทศสหรัฐอเมริกา … ทาง CARRO ขอเก็บตกภาพบรรยากาศ พร้อมรถเปิดตัวใหม่มาให้ชมกันครับ

BMW-i8-Roadster

BMW i8 Roadster

BMW-M3-CS

BMW M3 CS

Buick Regal Touring

Chevrolet-Corvette-ZR1-Convertible

Chevrolet Corvette ZR1 Convertible

GMC-Sierra-All-Mountain-Concept

GMC Sierra All Mountain Concept

Hyundai-Kona

Hyundai Kona

Infiniti-QX50

Infiniti QX50

Infiniti-QX80

Infiniti QX80

KIA-Sorento

KIA Sorento

Land-Rover-Range-Rover-SVAutobiography

Land-Rover Range Rover SVAutobiography

Lincoln-Nautilus

Lincoln Nautilus

Maserati-Levante-Nerissimo

Maserati Levante Nerissimo

Mazda6

Mazda6

Mercedes-Benz-CLS

Mercedes-Benz CLS

Nissan-Kicks

Nissan Kicks

Porsche-718-Boxster-GTS

Porsche 718 Boxster GTS

Porsche-718-Cayman-GTS

Porsche 718 Cayman GTS

Saleen-S1

Saleen S1

Subaru-Ascent

Subaru Ascent

Tesla-Model-3

Tesla Model 3

Toyota-FT-AC-Concept

Toyota FT-AC Concept

Volkswagen-I.D.Crozz-Concept

Volkswagen I.D.Crozz Concept

Volvo-XC40

Volvo XC40

ขอบคุณภาพจาก https://www.autoblog.com/