Toyota เปิดตัว Yaris ATIV ใหม่ ครั้งแรกในโลก ในราคา 469,000-619,000 บาท

Toyota Yaris ATIV

Toyota แนะนำรถยนต์ Sub-Compact Sedan รุ่นใหม่ล่าสุด ครั้งแรกของโลกกับ “Yaris ATIV…Life Activated” ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ตลอดทั้งคัน ภายนอกดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ภายในสวยสะดุดตา กว้างขวางสะดวกสบาย รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องตัว พร้อมเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดน้ำมัน มาพร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานเหนือรถระดับเดียวกัน

Toyota Yaris ATIV

หลังจากที่โตโยต้า แนะนำ Yaris (ยาริส) เข้าสู่ตลาดโลกครั้งแรกในปี 2542 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในยุโรปรวมทั้งในญี่ปุ่น จนกระทั่งได้แนะนำเข้าสู่ตลาดประเทศไทยในเดือนมกราคม 2549 และในเดือนตุลาคมปี 2556 โตโยต้าได้เปิดตัวยาริส เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ด้วยคุณลักษณะที่โดดเด่น สามารถครองใจลูกค้าชาวไทยด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 150,000 คัน*

*(ข้อมูลยอดขายสะสมของยาริส รุ่น 1.2 ลิตร ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 – กรกฎาคม 2560)

Toyota Yaris ATIV

Toyota Yaris ATIV

สำหรับชื่อของ Yaris ATIV มีที่มาจากคำว่า “Smart” และ “Active” เป็นการผสมผสานระหว่างองค์ประกอบสำคัญสองประการ ได้แก่ ความล้ำสมัยและความคล่องแคล่วปราดเปรียว และยังสะท้อนถึงนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ ทำให้เรามั่นใจว่า ATIV จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมทางการตลาดรถยนต์นั่ง ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ที่โดดเด่น ความสะดวกสบายในการขับขี่ ความเงียบภายในห้องโดยสาร ตลอดจนระบบความปลอดภัยเหนือรถระดับเดียวกัน โดยมาพร้อมกับราคาที่ทุกคนสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก

Toyota Yaris ATIV

มร.ทาคาโทโมะ สึซึกิ หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เผยว่า “ทีมวิศวกรโตโยต้าได้สร้างสรรค์ Yaris ATIV ภายใต้แนวคิด “ผู้ริเริ่มคุณค่าใหม่” มุ่งเน้นให้เป็นรถยนต์ที่คุ้มค่าเหนือราคา ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ ด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ตลอดคันทั้งภายนอกและภายใน พร้อมประกอบด้วยวัสดุตกแต่งคุณภาพสูงและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน กว้างขวางสะดวกสบาย ตลอดจนสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ขับสนุกแต่ยังคงความประหยัดน้ำมัน รวมถึงมาตรฐานระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ”

Toyota Yaris ATIV

Toyota Yaris ATIV

เริ่มต้น สู่โลกที่กว้างกว่ากับ All New Yaris ATIV

ภายใต้แนวคิด Life Activated … เริ่มต้น สู่โลกที่กว้างกว่า ด้วยจุดเด่น 4 จุดหลัก ดังนี้

– ภายนอกดีไซน์ล้ำสมัย โดดเด่นกว่าที่เคยสัมผัส…โฉบเฉี่ยวด้วยเส้นสายที่มีความต่อเนื่องรอบคัน เน้นความสปอร์ตด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์เชื่อมต่อกับกระจังหน้าโครเมียมรมดำ สะท้อนถึงความหรูหรา ทันสมัยอย่างลงตัว
– ภายในตอบรับทุกความต้องการ กับไลฟ์สไตล์ที่เหนือกว่า…ห้องโดยสารดีไซน์ล้ำสมัยกับการออกแบบที่เน้นความกว้างขวางสะดวกสบายและพื้นที่ใช้สอยประโยชน์สูงสุด พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน เพิ่มวัสดุซับเสียงรบกวนรอบคัน
– สมรรถนะเหนือชั้น ขับสนุกควบคุมได้ดั่งใจ…ด้วยเครื่องยนต์ DUAL VVT-i ขนาด 1.2 ลิตร ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ที่มีการปรับจูนเกียร์ให้ตอบสนองต่อการขับขี่ที่ดีมากขึ้น และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
– มั่นใจด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ที่ครบครันและเหนือชั้น มีถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS 7 ตำแหน่ง ทุกรุ่น

Toyota Yaris ATIV

ทั้งนี้ โตโยต้าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการให้กับลูกค้าและผู้ที่สนใจได้ร่วมสัมผัส Yaris ATIV ภายในงาน BIG Motor Sale ระหว่างวันที่ 19-27 สิงหาคม ที่ BITEC บางนา นอกจากนี้เราจะจัดกิจกรรมที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศในวันที่ 25-27 สิงหาคม เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์ขับขี่อย่างทั่วถึง พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษ

Toyota Yaris ATIV

โตโยต้า ยังแนะนำข้อเสนอพิเศษเพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ในรูปแบบการเช่าซื้อพร้อมประกันภัย และการขยายระยะรับประกันคุณภาพ นอกจากนี้ ราคาพิเศษในช่วงแนะนำ สำหรับลูกค้าที่จองและออกรถตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2560 โดย Yaris ATIV มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่น 7 สี พร้อมสีภายในให้เลือก 2 สี และมีเป้าหมายการขายในปี 2560 ที่ 4,700 คัน/เดือน

พร้อมเลือกเป็นเจ้าของ Yaris ATIV 5 รุ่น และ 7 สี ในราคาช่วงแนะนำ วันนี้ – 31 ตุลาคม 2560

1.สีน้ำเงิน 2.สีเทาดำ 3.สีบรอนซ์เงิน 4.สีน้ำตาล 5.สีขาว 6.สีดำ 7.สีแดง

Toyota Yaris ATIV

สีภายในให้เลือกสองสี (สีดำในทุกรุ่น และสีเบจเฉพาะในรุ่น G และ E)

Toyota Yaris ATIV

– รุ่น J ECO เกียร์อัตโนมัติ ราคา 469,000 บาท**

Toyota Yaris ATIV

– รุ่น J เกียร์อัตโนมัติ ราคา 519,000 บาท**

Toyota Yaris ATIV

– รุ่น E เกียร์อัตโนมัติ ราคา 549,000 บาท**

Toyota Yaris ATIV

– รุ่น G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 599,000 บาท**

Toyota Yaris ATIV

– รุ่น S เกียร์อัตโนมัติ ราคา 619,000 บาท**

**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมราคาชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ

Mitsubishi-Xpander-2018

Mitsubishi Motors เปิดตัว “Xpander” ใหม่ 2 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นประมาณ 7 แสนบาทปลายๆ

Mitsubishi-Xpander-1

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เปิดตัวยนตรกรรมชั้นนำระดับโลก “Mitsubishi Xpander” (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) รถ Crossover MPV ที่ประเทศอินโดนีเซีย และในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของรถยนต์แบบ MPV สร้างยอดขายให้กับมิตซูบิชิอย่างมาก โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย ที่มียอดส่งมอบไปมากกว่า 50,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา

Mitsubishi-Xpander

ซึ่งทางมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ตัดสินใจนำรถรุ่นนี้เข้ามา และเตรียมเปิดตัวภายในงาน BIG Motor Sale 2018 อย่างเป็นทางการ เพื่อต่อกรกับรถในประเภทเดียวกัน อาทิ Honda BR-V และ Toyota Sienta ด้วยคุณสมบัติที่ใหญ่กว่า สูงกว่า ในสไตล์รถ MPV ที่ดีไซน์ตัวรถละม้ายคล้ายกับรถ SUV

“เอ็กซ์แพนเดอร์” คือการผสมผสานความสามารถในการใช้งานที่หลากหลายของรถเอ็มพีวี เข้าไว้กับสมรรถนะที่โดดเด่นตามแบบฉบับของรถเอสยูวี กลายเป็นนิยามใหม่ของมิตซูบิชิ ที่มีความแกร่ง ความโอ่โถง รูปลักษณ์ที่โดดเด่น ความสะดวกสบาย รวมถึงสไตล์และฟังก์ชั่นการใช้งาน หลอมรวมกันเป็นรถครอสโอเวอร์ เอ็มพีวี ซึ่งครบครันทั้งความสบายในการขับขี่ที่มาพร้อมสมรรถนะ และดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว และขับเคลื่อนล้อหน้า

Mitsubishi-Xpander

– อีกหนึ่งการขับเคลื่อนตลาดในภูมิภาคอาเซียนของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
– โฉบเฉี่ยวด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์
– มอบความสบายที่มากขึ้นในทุกการเดินทาง
– กว้างขวางด้วยห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่
·- โดดเด่นด้วยสมรรถนะและความแกร่ง

Mitsubishi-Xpander

ตัวถังของ Xpander ใหม่ มีมิติตัวรถยาว 4,475 มม. กว้าง 1,750 มม. สูง 1,700 มม. ระยะฐานล้อ 2,775 มม.

ดีไซน์ตัวรถด้วยหลัก Dynamic Shield t ติดตั้งไฟ Daytime Running Light ไว้บริเวณฝากระโปรงหน้า ส่วนชุดไฟหลักถูกติดตั้งไว้ต่ำกว่า ด้านท้ายไฟท้ายแบบ LED รูปตัว L รองรับด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท และเหล็กกันโคลง ในขณะที่ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ระบบเบรกแบบด้านหน้าดิสก์เบรก ด้านหลังแบบดรัมเบรก

Mitsubishi-Xpander

มีให้เลือกในบ้านเรา 2 รุ่นย่อย ได้แก่ GLS-LTD และ GT โดยรุ่น GT เป็นรุ่น Top สุด ออพชั่นมากกว่ารุ่น GLS-LTD พอสมควร

Mitsubishi-Xpander

พื้นที่ที่กว้างขวางด้วยห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง และพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่สุดในคู่แข่งระดับเดียวกัน ผู้โดยสารแถวที่ 3 สามารถเดินภายในได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่เบาะนั่งแถวที่สองสามารถพับเบาะกลางลงเพื่อใช้เป็นที่วางแขนได้ มีช่องวางแก้วน้ำให้ถึง 16 จุดรอบคัน มีระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

Mitsubishi-Xpander

ขุมพลังของ “เอ็กซ์แพนเดอร์” ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 4A91 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว MIVEC ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมปุ่ม Overdrive รองรับแก๊สโซฮอล์ E85

Mitsubishi-Xpander

“เอ็กซ์แพนเดอร์” ผลิตขึ้นที่ โรงงานใหม่ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ในประเทศอินโดนีเซีย เมืองเบกาซิ จังหวัดชวาตะวันตก ซึ่งมีแผนการผลิตอยู่ที่จำนวน 80,000 คัน/ปี และจะเริ่มจำหน่ายในตลาดอินโดนีเซีย เร็วๆนี้ พร้อมทั้งยังมีแผนที่จะส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่นๆ

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ ในรุ่น GLS-LTD

  • ไฟหน้าอบบฮาโลเจน + ไฟหรี่แบบ LED
  • ไฟท้าย LED
  • มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ
  • คิ้วขอบประตูสีดำ
  • แผงกันชนหน้า-หลัง และคิ้วด้านข้างสีดำ
  • กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
  • ที่ปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา
  • ไฟ Welcome Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่อง
  • เบาะนั่งหุ้มผ้า
  • เครื่องเสียง CD/MP3/USB ขนาด 2DIN
  • ลำโพง 4 จุด
  • ระบบปรับอากาศด้านหลัง
  • พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง
  • กุญแจรีโมท
  • ช่องจ่ายไฟ 12 V 3 ตำแหน่ง
  • ระบบเบรก ABS/EBD/BA
  • ระบบป้องกันลื่นไถล TCL
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพ ASC
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
  • ล้อแม็กสีเงินขนาด 15 นิ้ว พร้อมยางขนาด 185/68 R15

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ ในรุ่น GT (เพิ่มขึ้นจากรุ่น GLS-LTD)

  • ไฟตัดหมอกคู่หน้า
  • ที่เปิดประตู-ขอบประตู วัสดุโครเมียม
  • แผงกันชนหน้า-หลัง และคิ้วด้านข้างสีเงิน
  • เบาะนั่งหนังแท้และหนังสังเคราะห์
  • พวงมาลัย, หัวเกียร์, และเบรกมือ หุ้มหนัง
  • เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว CD/DVD/MP3
  • Bluetooth
  • ช่องเชื่อมต่อ USB/AUX
  • จอ MID แบบ TFT สี ขนาด 4.2 นิ้ว
  • สวิตช์เครื่องเสียงและโทรศัพท์ บนพวงมาลัย
  • ลำโพง 6 จุด
  • มาตรวัดแบบ High Contrast
  • Cruise Control
  • กุญแจ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์
  • กล้องมองหลัง
  • ล้อแม็กสีทูโทนขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 205/55 R16

Mitsubishi-Xpander

สำหรับท่านใดที่สนใจ Mitsubihi Xpander ใหม่ สามารถไปชมตัวจริงได้ที่งาน BIG Motor Sale 2018

เงินสดฉุกเฉิน แค่มีเล่มทะเบียน

หากท่านจำเป็นหรือต้องการใช้เงินสดในยามฉุกเฉิน การเอาเล่มทะเบียนไปจำนำนั้น ง่ายกว่าและได้เงินเร็วกว่า ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สามารถนำเงินออกมาใช้ได้ง่ายกว่าการที่ไปขอกู้เงินจากธนาคาร ซึ่งทาง CARRO มีโปรโมชั่นพิเศษ เพียงท่านจำนำเล่มทะเบียนกับเราวันนี้ ลุ้นรับ Lucky Draw ทั้งสร้อยคอทองคำ และ บัตรเติมน้ำมัน ทันที!

หากแนะนำเพื่อนให้มาจำนำเล่มทะเบียนรถยนต์กับ CARRO รับอีกต่อ! ค่าแนะนำต่อราย 500 บาท ได้ง่ายๆ (ค่าแนะนำจะได้รับเมื่อคนที่ท่านแนะนำมา ผ่านการอนุมัติแล้วเท่านั้น)
หากคุณแนะนำเพื่อนได้มากถึง 50 คน คุณจะได้รับค่าแนะนำมากถึง 25,000 บาท และหากแนะนำเพื่อนได้มากถึง 100 คน คุณจะได้รับค่าแนะนำมากถึง 50,000 บาท …. ดูรายละเอียดและกรอกรายละเอียดได้ที่ – https://th.carro.co/pledge

หมายเหตุ:

– ลูกค้าที่สมัครบริการจำนำเล่มทะเบียนกับทาง CARRO ลุ้นรับสร้อยคอทองคำ มูลค่า 1 บาท 2 รางวัล และ บัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 1,000 บาท
– สำหรับลูกค้าที่แนะนำให้เพื่อนใช้บริการจำนำเล่มทะเบียนกับทาง CARRO จะได้รับเงินสดมูลค่า 500 บาท ไม่จำกัดจำนวนในการแนะนำ
– ระยะเวลาที่จัดรายการ ตั้งแต่วันนี้ ​- 31 สิงหาคม 2560
– สอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Fanpage https://www.facebook.com/carrothai/

ขั้นตอนการรับค่าแนะนำ

– หากลูกค้าที่ท่านแนะนำเพื่อนมาจำนำเล่มทะเบียน ผ่านการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ทาง CARRO จะติดต่อกลับไปเพื่อเลือกวิธีการรับค่าแนะนำ และเอกสารที่ต้องเตรียม (สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารของผู้แนะนำ)
– รับเงินสด แค่ยื่นสำเนาบัตรประชาชนของผู้แนะนำเท่านั้น
– รับเงินโอนเข้าบัญชีธนาคาร เตรียมเพียงสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารของผู้แนะนำ
– ระยะเวลาในการรับค่าแนะนำ หลังจากที่ลูกค้าผ่านการรับเงินเรียบร้อย ภายใน 7 วัน

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ขบ. ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมเข้ามากำกับดูแลรถป้ายแดง โดยจะดำเนินการตรวจจับปรับรถส่วนบุคคลที่ใช้ป้ายแดงในการขับขี่ ในส่วนของรถส่วนบุคคลที่ซื้อตั้งแต่ 1 ต.ค. 2560 – 31 ธ.ค. 2560 หากซื้อรถใหม่ป้ายแดงจะต้องจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกภายใน 60 วันนับแต่รับรถ และหากซื้อรถตั้งแต่ 1 ม.ค. 2561 เป็นต้นไป จะต้องจดทะเบียนกับ ขบ. ภายใน 30 วันนับแต่รับรถ

หากไม่ดำเนินการตามข้อกำหนดในช่วงเวลาดังกล่าว จะต้องถูกตำรวจตรวจจับและปรับทันที โดยมีโทษปรับตั้งแต่ 1,000 – 10,000 บาท ดังนั้นช่วงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปถึง 30 ก.ค. 2560 ขบ. จะเร่งประชาสัมพันธ์ และทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อให้รับทราบข้อมูลดังกล่าว และเข้าใจกฎระเบียบ กฎหมาย ที่ขบ.จะประกาศออกไปเพื่อให้เข้าใจตรงกันและจะได้ไม่ต้องประสบกับปัญหาระหว่างเจ้าหน้าที่ ขณะตรวจจับ

นายสนิทกล่าวอีกว่า การดำเนินการ ดังกล่าวขณะนี้ทาง ขบ. อยู่ในขั้นตอนการแก้ไขกฎหมายรถป้ายแดง และขณะนี้ผ่าน ขั้นตอนของกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้วรอเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสนช. ให้พิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม ขบ. มั่นใจว่าการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวนั้นเป็น การรักษาสิทธิของประชาชนที่เป็นเจ้าของ รถที่ซื้อรถใหม่จากศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถ มีการดำเนินการให้จดทะเบียนรถถูกต้องตามกฎหมาย และเพื่อให้ป้ายแดงที่ ขบ. ออกไปอย่างถูกกฎหมายกว่า 100,000 ป้ายทั่วประเทศ หมุนเวียนในระบบ รวมถึงป้องกันปราบปรามรถผิดกฎหมายที่วิ่งบนท้องถนนด้วย ประกอบกับการเข้ามาจดทะเบียนรถถูกต้องตามกำหนดเวลาก็จะทำให้ภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น

ขอขอบคุณภาพจาก jacky2008

ทางกรมการขนส่งทาทงบกระบุอีกว่า สำหรับการเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถส่วนบุคคลจากป้ายแดง เป็นป้ายดำ หากเป็นขั้นตอนของ ขบ. ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็แล้วเสร็จ ที่ผ่านมามีรถป้ายแดงจำนวนมากที่ไม่เปลี่ยนป้าย หรือเปลี่ยนป้ายช้า ส่วนหนึ่งมาจากขั้นตอนเอกสารของบริษัทรถยนต์ และ ดีลเลอร์ขายรถ ซึ่งหากถึงกำหนดเวลาตามเงื่อนไข ทางดีลเลอร์ต้องเร่งเวลาเรื่องเอกสารให้ได้ตามกำหนดของ ขบ.

สำหรับรถยนต์ ป้ายแดงที่ซื้อในช่วงก่อนหน้านี้ หรือก่อนวันที่ 1 ต.ค. แล้วยังไม่เปลี่ยนป้ายทะเบียน หากถึงกำหนดวันที่ 1 ต.ค.ที่เริ่มกวดขัน เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจคู่มือรถแล้วพบว่ารับรถมาเกิน 2 เดือนแล้วยังไม่เปลี่ยนป้ายทะเบียนจะถูกจับปรับเช่นกัน โดยช่วงแรกจะเน้นการประชาสัมพันธ์ หรือปรับอัตราต่ำสุดคือ 1,000 บาท

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ข่าวสด

Trick-Use-Car-Camera

เลือกกล้องติดหน้ารถ เลือกราคาเท่าไหร่ สเปคแบบไหน ต้องอ่าน

Car-Cameraภาพจาก ausdom

            ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกวันนี้ “กล้องติดรถยนต์” หรือ “กล้องติดหน้ารถ” นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง การมีกล้องติดรถยนต์นั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญแล้วจำเป็นไปแล้ว ทั้งสามารถบันทึกเรื่องราวต่างๆ อาทิเช่น บันทึกภาพรถยนต์ที่ทำผิดกฎจราจร หรือกรณีเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ช่วยให้ตำรวจสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ตัดสินได้ง่ายขึ้นว่าใครถูกใครผิด ทาง

Carro ขอแนะนำวิธีการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ให้ได้คุณภาพ และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปครับ.

Car-Camera-2

ภาพจาก Youtube Nopparit Lee

1. ความคมชัดของกล้อง

ความคมชัดของกล้อง ถือเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อเลยก็ว่าได้ เพราะราคาที่ถูก กับ ราคาที่แพง ความคมชัดของภาพก็ย่อมต่างกัน แต่ถ้ายึดตามการใช้งานแล้ว ระดับ Full HD 1080P หรือ HD Ready (720P) ก็ถือว่าเหมาะสม ส่วนค่า FPS (Frame Per Second – อัดเฟรมภาพต่อวินาที) หากอยู่ที่ 20-30 FPS (หมายถึง ใน 1 วินาที จะบันทึกภาพต่อเนื่องได้ 20-30 ภาพ) ก็ถือว่าใช้ได้ เพราะให้ภาพที่คมชัดสมจริง และไม่กระตุก

ในส่วนของรูรับแสง หรือ Lens Aperture ของกล้องติดรถยนต์มีความหมายเดียวกับของกล้องถ่ายรูป ที่ช่างภาพมักนิยมเรียนว่า ค่า “F/Stop” ใช้ตัวเลขกำกับแสดงขนาดของรูรับแสง ค่าตัวเลข F น้อยๆ รูรับแสงกว้าง แสงเข้าได้มาก หรือชัดตื้น ภาพจะชัดแค่ช่วงจุดโฟกัส ส่วนที่ค่าตัวเลข F มากๆ รูรับแสงจะแคบลง แสงเข้าได้น้อย หรือชัดลึก ภาพจะคมชัดทั้งหมดของภาพ

สำหรับโหมดการบันทึกภาพแบบ WDR (Wide Dynamic Range) ในช่วงกลางคืน ควรเลือกกล้องที่มีรูรับแสงกว้าง หรือมีระบบอินฟราเรด เพื่อให้ถ่ายภาพในเวลากลางคืน หรือในสภาพที่มีแสงน้อยได้อย่างชัดเจน และมีระบบ G-Sensor บันทึกภาพฉุกเฉิน และระบบ Motion detect (ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว) ด้วยก็ดี

Toyota-Car-Camera

2. มุมมองของกล้อง

ควรเลือกกล้องติดรถยนต์ที่มีมุมมองด้านหน้ากว้างและอยู่กึ่งกลาง เพื่อเห็นบริเวณหน้ารถให้มากที่สุด หรือเห็นทั้งมุม ซ้าย-ขวา ได้ บางรุ่นก็มีเลนส์ Fish Eye ให้เลือกด้วย

Car-Camera-4

ภาพจาก Aliexpress

3. ความคมชัด และ รองรับความจุเมมโมรี่

กล้องติดรถยนต์แต่ละตัวก็รองรับชนิดเมมโมรี่ขนาดความจุได้ไม่เท่ากัน ทางที่ดีควรเลือกแบบรองรับเมมโมรี่การ์ดได้ 64GB จะทำให้เก็บไฟล์ VDO ได้ต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่มักรองรับที่ 32GB และควรเลือกกล้องที่มีสามารถอัดทับได้ (หรือ Loop Recording) คือ การเลือกบันทึกวีดีโอความยาว 3-10 นาที และเริ่มบันทึกวีดีโอใหม่ไปเรื่อยๆ หากเมมโมรี่การ์ดเต็มความจุ ก็จะวนกลับไปบันทึกทับไฟล์วีดีโอของเก่าโดยอัตโนมัติ ทำให้เมมโมรี่การ์ดไม่เต็ม เพราะไฟล์วีดีโอเก่าจะถูกลบไปเรื่อยๆ

4. แบตเตอรี่

กล้องติดรถยนต์มีทั้งเป็นแบบที่มีแบตเตอรี่ในตัว และแบบคือไม่มีแบตเตอรี่ในตัวเอง โดยมีแค่เพียงตัวเก็บประจุไฟ หรือ คาปาซิเตอร์ (Capacitor) คล้ายกับแบตเตอรี่สำรองในตัวกล้อง แต่ก็ต้องต่อเชื่อมต่อไฟกับที่จุดบุหรี่ ก็มีข้อดีอยู่ตรงที่ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ในตัวกล้องเสื่อม หรือความร้อนจากแบตเตอรี่ที่เกิดจากการใช้งาน

Car-Camera-5

ภาพจาก Aliexpress

5. คุณภาพ ราคา และ การรับประกันหลังการขาย

ราคาของกล้องติดรถยนต์นั้น มีแต่ตั้งหลักหลายร้อยบาท ไปจนถึงราคาหลักหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติความทนทาน และคุณภาพ โดยที่กล้องบางรุ่น บางยี่ห้อ ราคาถูกก็จริง แต่ใช้งานไปได้ไม่นานนักก็รวน หรือพัง บางชนิดก็ไม่สามารถทนแดดแรงๆ ในบ้านเราได้

ทางที่ดีเมื่อไม่ได้ใช้กล้องแล้ว ก็ควรที่จะถอดเก็บ เพื่อไม่ให้โดนแดด หรืออาจจะหาอะไรบังป้องกันแสงแดดไว้ไม่ให้โดนตัวกล้อง หรือชาร์จไฟเต็มแล้ว ให้ถอดแบตเตอรี่ออก

ทางที่ดีควรดูด้วยว่า ผู้แทนจำหน่าย มีระบุเงื่อนไขในการรับประกันหลังการขายด้วยหรือไม่ ทางที่ดีควรเลือกซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่มีในประเทศไทย มีราคาที่เหมาะสมต่อการใช้งานของคุณ และมีการรับประกันสินค้าให้ก็ดีครับ แม้ว่าราคาอาจจะแพงกว่า แต่ก็ดีกว่าเสียแล้วต้องโยนทิ้งเลย

Car-Camera-6

ภาพจาก ebay

หากใครที่กำลังมองหากล้องติดรถยนต์ในขณะนี้ ก็ลองนำข้อมูลจากทาง Carro ไปเปรียบเทียบและพิจารณาในการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ได้เลยครับผม เพื่อความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปครับ

5 วิธีขับรถลุยน้ำท่วม

การขับรถลุยน้ำท่วม ต้องใช้ความระมัดระวัง

น้ำท่วม

          ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ข่าวคราวที่เราได้ยินกันบ่อยที่สุดอีกข่าวหนึ่ง นั่นก็คือข่าว “น้ำท่วม” ที่กำลังประสบอยู่ในหลายๆ จังหวัด และหลายคนก็ยังจำเป็นต้องใช้รถยนต์ ในสถานการณ์ที่กำลังน้ำท่วมในขณะนี้ ทาง Carro Thailand ขอแนะนำวิธีเตรียมตัวและขับรถลุยน้ำท่วม ได้อย่างปลอดภัย ครับ

น้ำท่วม

1. การขับรถเมื่อฝนตกใหม่ๆ ต้องใช้ความระมัดระวังมาก เพราะน้ำฝนและฝุ่นโคลน จะจับตัวกันกลายเป็นฟิล์มระหว่างยางกับพื้นถนน รถจะเกิดการลื่นเมื่อวิ่งผ่าน ควรขับรถผ่านด้วยความเร็วต่ำ จะทำให้รถเกาะถนนได้ดีขึ้น และควรถอนคันเร่งเมื่อขับรถผ่านแอ่งน้ำ พร้อมทั้งเปิดไฟหน้าไว้ รักษาความเร็วและรอบเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับเดียวกันอย่างสม่ำเสมอ ลดการใช้เบรก โดยการถอนคันเร่งเพื่อชลอให้รถลดความเร็วลงแทน

น้ำท่วม-6

2. กรณีที่จอดรถไว้ แล้วรถถูกน้ำท่วมในระดับสูงกว่าระดับเครื่องยนต์ สิ่งแรกที่ควรปฏิบัติ คือ ห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด เพราะอาจให้ระบบไฟฟ้า ภายในรถยนต์ช็อต เกิดความเสียหายได้ เบื้องต้นควรถอดขั้วแบตเตอรี่ออก รวมทั้งบริเวณแผงฟิวส์ รีเลย์ กล่อง ECU เพื่อไม่ให้ไฟเข้าไปเลี้ยงระบบต่างๆ ของรถ ก่อนจะนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนถ่ายของเหลวภายในระบบรถยนต์ทั้งหมด พร้อมทั้งตรวจเช็คระบบเบรก ช่วงล่าง และระบบไฟฟ้า

น้ำท่วม

3. หากขับรถลุยน้ำท่วมในระดับที่ไม่สูงนัก สามารถค่อยๆ ไปได้เรื่อยๆ สำหรับเกียร์ธรรมดา ควรใช้เกียร์ต่ำที่เกียร์ 1, 2 หากเกียร์อัตโนมัติที่ L หรือ D2 เป็นต้น จนกระทั่งถ้าระดับที่ผิวน้ำสูงถึงใต้ท้องรถจนได้ยินเสียงน้ำกระแทก ควรขับให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างคลื่นน้ำที่จะไปปะทะกับรถยนต์คันอื่น และการตกหลุมบ่อที่พื้นถนน โดยรักษาระดับจากรถคันหน้าไว้

น้ำท่วม

4. ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด ในขณะขับรถลุยน้ำ หากฝนหยุดตกก็เปิดกระจกรถขับลุยน้ำท่วมแทน เนื่องจากพัดลมไฟฟ้าของแอร์จะทำงาน อาจจะทำให้เครื่องยนต์ดับและไม่สามารถไปต่อได้ อีกทั้งอาจจะมีเศษขยะที่ลอยติดเข้ามากับน้ำ เข้าไปในระบบเครื่องยนต์ และสร้างความเสียหายกับตัวพัดลมไฟฟ้าได้ ในกรณีที่พัดลมไฟฟ้าดูดเอาสิ่งเศษขยะต่างๆ ที่ลอยมากับน้ำ

น้ำท่วม

5. หลังจากที่คุณขับรถลุยน้ำแล้ว แนะนำให้ล้างรถ ฉีดน้ำล้างช่วงล่างให้ทั่ว ใช้แปรงขนอ่อนๆ ขัดเอาเศษทราย เศษโคลนออก เป่าลมในห้องเครื่อง บริเวณแผงฟิวส์ หรือตามสายไฟจุดต่างๆ ที่คิดว่าน้ำเข้าถึง เพื่อไล่ความชื้นออก ตรวจดูระดับของเหลวต่างๆ ที่อยู่ในห้องเครื่องยนต์ ว่ามีน้ำเข้าไปเจือปนอยู่หรือไม่ เช็คลูกปืนล้อ และลองเหยียบคลัทช์ และย้ำเบรคเบาๆ เพื่อรีดน้ำและไล่ความชื้นออก เพื่อให้ผ้าเบรกรีดน้ำออกจากจานเบรก และเพื่อให้ไอน้ำจากจานเบรก ทั้งแบบดิสก์เบรก และดรัมเบรก ร้อนจนระเหยกลายเป็นไอ

Police-Flood

          แต่ในความเป็นจริงแล้ว รถยนต์ส่วนใหญ่ ถูกออกแบบมาให้เพื่อลุยน้ำได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น โดยรถยนต์ประเภทรถกระบะยกสูง รถ SUV ทั้งหลาย สามารถลุยน้ำได้สูงหน่อย (แต่ก็ไม่เกิน 80 ซม.) หากถ้าระดับน้ำมีความสูงมากกว่านั้น ก็ไม่ควรเสี่ยงอย่างยิ่งในการไปต่อครับผม

หลังขับรถลุยน้ำท่วมมา หากมีโอกาส ก็ควรนำรถไปให้ศูนย์บริการตรวจเช็ค หากรถมีอาการผิดปกติก็จะได้สามารถแก้ได้ทันการ ช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ ด้วยความปรารถนาดีจาก Carro Thailand ครับ

ขอขอบคุณภาพจาก มหัศจรรย์สกลนคร และ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร – บก.02