รีวิว Toyota Vios Gen.3 มือสอง City Car สปอร์ตใสใส วัยรุ่นชอบ

Toyota Vios (โตโยต้า วีออส) มือสอง ถือเป็นรถยอดนิยม ยอดฮิตของคนไทยเลยก็ว่าได้ และถือเป็นรถเรือธงจากค่ายโตโยต้า ที่มียอดขายดิบขายดีทุกปีทุกสมัย (แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Toyota จะเริ่มหันไปเน้นความสำคัญกับ Toyota Yaris ATIV มากขึ้นก็ตาม)

รีวิว Toyota Vios Gen.3 มือสอง City Car สปอร์ตใสใส วัยรุ่นชอบ

“Vios” ถือกำเนิดครั้งแรกในชื่อ “Soluna” เข้าสู่ตลาดเมืองไทยครั้งแรกในปี 2540 มาจนถึง “Vios” รุ่นที่ 3 ในปี 2556 สามารถครองตำแหน่งยอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขายสะสมตั้งแต่เปิดตัวจนถึงปัจจุบันที่มากกว่า 847,910 คัน *(ยอดขายถึงเดือนธันวาคม 2559) นับเป็นส่วนแบ่งการตลาดถึง 40% และมียอดขายรวมเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาด 1.5 ลิตร

รีวิว Toyota Vios Gen.3 มือสอง City Car สปอร์ตใสใส วัยรุ่นชอบ

โดย Toyota Vios เจเนอเรชั่นที่ 3 ที่มีขายอยู่ในตลาดรถบ้านเรานั้น เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ไทย เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2556 ล่วงมาจนถึงเดือนมีนาคม 2559 ได้ปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์และระบบเกียร์ใหม่ เซ็ทระบบช่วงล่างและพวงมาลัยใหม่ ก่อนจะปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ใหญ่ไปเมื่อเดือนมกราคม 2560 ที่ผ่านมา

ซึ่งตลอดระยะเวลาก็มีรุ่นพิเศษ อาทิเช่นรุ่น TRD Sportivo หรือรุ่น Executive ออกมาสร้างสีสัน และเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ชอบรถผลิตจำนวนจำกัด เข้ามาให้เลือก จนยุติสายการผลิตไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2565 นี่เอง

สำหรับ โตโยต้า วีออส (Gen.3 โฉมแรก) รุ่นนี้มีดีอะไร ทำไมถึงยังยอดฮิตในตลาดรถมือสอง วันนี้ Mr.Carro จะมาบอกเล่ารายละเอียดให้ฟังครับ.

รีวิว Toyota Vios Gen.3 มือสอง City Car สปอร์ตใสใส วัยรุ่นชอบ

สำหรับ Toyota Vios โฉมนี้ มาภายใต้แนวคิด “Value Beyond Belief” ด้วยการดีไซน์ภายนอก-ภายในใหม่หมดจรดทั้งคัน ตอนเปิดตัวครั้งแรก มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ได้แก่ J, E, G และ S โดยในรุ่น J และ E นั้นมี 2 รุ่นย่อยให้เลือก ทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เปิดราคาเริ่มต้นที่ 559,000 บาท

ก่อนจะเลิกผลิตเกียร์ธรรมดาทั้งหมดในช่วงโฉมหลังๆ ปรับเป็นเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด พร้อม Sequential Shift และปรับชื่อรุ่นย่อยไปเป็น Mid, Entry และ High เป็นต้น

ในเดือนกรกฎาคม 2556 Toyota ได้โปรโมทแคมแปญ “VIOS V Control” ที่แสดงถึงความโดดเด่นในเรื่องการควบคุม และการทรงตัวที่เหนือชั้น โดยตัวอักษร “V” มาจากอักษรตัวแรกของ Vios และหมายถึงสัญลักษณ์ “V” หรือเลข 5 ในภาษาโรมันอีกด้วย ดังนั้น คำว่า “V Control” จึงหมายถึง การทำงานร่วมกันของ 5 คุณลักษณะเด่น ของ Vios เพื่อสู่อีกระดับของรถยนต์ที่มีการควบคุมที่เหนือกว่า

โดย 5 องค์ประกอบของ V Control ประกอบไปด้วย

  1. ดีไซน์ Aerodynamic คือ การออกแบบชิ้นส่วนต่างๆ ตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อลดแรงเสียดทานของอากาศ ช่วยให้การขับขี่ทางตรงทำได้อย่างมั่นคง ทรงตัวดี ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม เช่น Aero Stabilizing Fin ครีบรีดอากาศบริเวณกระจกมองข้างและไฟท้าย ช่วยสร้างกระแสลมวน และแรงกดบริเวณด้านข้างตัวรถ เพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัว, Air Spats ลดแรงต้านของกระแสลมบริเวณล้อหน้าและหลัง ทำให้กระแสลมไหลผ่านตัวรถได้ดียิ่งขึ้น, ครีบใต้ท้องรถ บริเวณพื้นรถด้านหน้าช่วยให้ลมไหลผ่านท้องรถได้ดีขึ้นให้การทรงตัวที่ดีขึ้น และหลังคาแบบ Catamaran ออกแบบหลังคาให้มีแนวลึก 2 แนว ช่วยให้หลังคารถมีความแข็งแกร่ง และมีน้ำหนักเบา
  2. พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ใหม่ ปรับปรุงระบบพวงมาลัยใหม่ ควบคุมแม่นยำมากขึ้น โดยระบบจะปรับน้ำหนักของพวงมาลัยอัตโนมัติให้เหมาะสมกับทุกสภาพความเร็ว
  3. ช่วงล่างปรับจูนใหม่ เกาะถนน นุ่มนวล
  4. ระบบเบรกใหม่ หยุดรถได้ทันใจ ใช้ระยะทางสั้นกว่าเดิม
  5. โครงสร้างตัวถังรถที่แข็งแกร่งขึ้น จากการเพิ่มจุดเชื่อมมากกว่า 100 จุด ทั่วทุกพื้นที่ของโครงสร้างตัวถัง พร้อมเสริมเหล็กค้ำขนาดใหญ่ใต้พื้นรถถึง 3 จุด ทำให้โครงสร้างรถแข็งแกร่ง ทนทานทนต่อแรงบิดและแรงดึงสูง และมีน้ำหนักเบา

รีวิว Toyota Vios Gen.3 มือสอง City Car สปอร์ตใสใส วัยรุ่นชอบ

ขณะที่เครื่องยนต์ใช้ขนาด 1.5 ลิตร ตัวเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2002 นั่นคือรหัส 1NZ–FE แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที ส่วนแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 หรือออกเทน 91 ขึ้นไป

โดยเครื่องยนต์รหัส 1NZ-FE ในโฉมนี้ได้รับการปรับปรุงในหลายจุด เช่น ปรับโปรแกรมควบคุมเครื่องยนต์ และระบบเกียร์อัตโนมัติ ให้ทำงานเข้ากันอย่างราบรื่นขึ้น นอกจากนี้ยังปรับการทำงานของคันเร่งไฟฟ้า ให้ทำงานดีขึ้น และเปลี่ยนยางแท่นเครื่องใหม่ ลดการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ เป็นต้น

ส่วนในรุ่นปี 2016 ที่ออกแบบมาให้รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้นั้น เครื่องยนต์จะเป็นรหัส 2NR-FBE แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 108 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที ส่วนแรงบิดสูงสุด ที่ 140 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด พร้อม Sequential Shift เพียงแบบเดียว

รีวิว Toyota Vios Gen.3 มือสอง City Car สปอร์ตใสใส วัยรุ่นชอบ

ภายนอกของรุ่น G

เกริ่นข้อมูลเทคนิคกันพอหอมปากหอมคอ ก็มาถึงดีไซน์การออกแบบ รวมไปถึงมิติขนาดตัวรถกันบ้าง โดยมองรวมๆ รูปลักษณ์ของรถรุ่นนี้สวยกว่ารุ่นก่อน ดูทันสมัย-โมเดิร์น มีเหลี่ยมมีมุม ทำให้ดูมีมิติแตกต่างจากรุ่นก่อนที่จะดูโค้งๆ มนๆ ตัวเส้นสายทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลังก็ดูลงตัวขึ้น ที่สำคัญ โครงสร้างตัวถังแข็งแรงกว่ารุ่นเดิมถึง 20%

โตโยต้า วีออส มีขนาดความยาว 4,410 มม. กว้าง 1,700 มม. สูง 1,475 มม. ระยะฐานล้อ 2,550 มม. น้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 1,020 -1,075 กก. (แต่ละรุ่นน้ำหนักจะแตกต่างกันเล็กน้อย)

รีวิว Toyota Vios Gen.3 มือสอง City Car สปอร์ตใสใส วัยรุ่นชอบ

ภายนอกของรุ่น S

ดีไซน์ด้านหน้ามีจุดดึงดูดคือไฟหน้าโปรเจคเตอร์รมดำ กระจังหน้าแบบโครเมียมรมดำ (ในรุ่นท็อป) แต่ถ้าเป็นรุ่นรองท็อปจะเป็นไฟโปรเจคเตอร์เฉยๆ พร้อมทั้งกระจังหน้าโครเมียม และในรุ่นปกติทั่วไปจะเป็นไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ กระจังหน้าจะเป็นสีเดียวกับตัวรถและมีแถบโครเมียม และมีไฟตัดหมอกหน้าซ้าย-ขวา มุมมองด้านข้างของรุ่นท็อปจะเห็นล้ออัลลอยรมดำ 16 นิ้ว แต่ในรุ่นรองท็อปจะเป็นขนาด 15 นิ้ว

และเมื่อไล่เลียงมาสำรวจบั้นท้ายของรถรุ่นนี้ ก็จะเห็นคิ้วฝากระโปรงท้ายที่โดดเด่นเป็นสง่าด้วยโครเมียมรมดำ และเช่นเดียวกันถ้าไม่ใช่รุ่นท็อป ก็จะเป็นแบบโครเมียมธรรมดา มองซ้าย-ขวาจะเห็นไฟท้ายแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์

ในแง่การดีไซน์ ออกแบบทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง รวมไปถึงภายในภายนอก ถือว่ารุ่นนี้ทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนอย่างมาก ทั้งดูทันสมัยขึ้น ดูดุขึ้น เพราะรุ่นเดิมนั้นดูจะโล้นๆ ไม่มีอะไร (แต่ก็ขายได้เรื่อยๆ) ส่วนภายในห้องโดยสารก็มีความพยายามที่จะให้อารมณ์สปอร์ต ซึ่งก็ต้องชมเชยว่าทำได้ดี สมราคาสมคุณค่าที่จะต้องจ่ายไป

รีวิว Toyota Vios Gen.3 มือสอง City Car สปอร์ตใสใส วัยรุ่นชอบ

ภายในของรุ่น G

มาดูภายในห้องโดยสารกันบ้าง เลิกใช้มาตรวัดอยู่ตรงกลางแล้ว โดยรวมๆ ออกแบบให้ห้องโดยสารกว้างขวางที่สุด ด้วยการออกแบบแผงคอนโซลให้มีขนาดเล็ก เพื่อให้ห้องโดยสารกว้าง ให้อารมณ์สปอร์ต และหรูหรา มีให้เลือกทั้งสีเบจและสีดำ ตั้งแต่ตัวเบาะ ตัวแผงคอนโซล และวัสดุตกแต่งแผงประตูที่เป็นแบบ Piano Black ในรุ่นท็อป และรองท็อป

แต่รุ่นพื้นฐานก็ใช่ว่าจะแตกต่าง เพราะใช้แบบเมทัลลิก และสีดำ แต่หากใครที่อยากได้อารมณ์สปอร์ตสุดสุด ก็ต้องเลือกรุ่นท็อปไปเลย เพราะคุณจะได้เบาะที่นั่งลายสปอร์ตโทนสีฟ้า

รีวิว Toyota Vios Gen.3 มือสอง City Car สปอร์ตใสใส วัยรุ่นชอบ

ภายในของรุ่น S

ความสะดวกสบายในการนั่งนั้น สำหรับเบาะทรงนี้ก็ต้องบอกว่าไม่ไหล ไม่ลื่น เพราะทรงเบาะโอบกระชับ และยังปรับระดับสูงต่ำได้ตามสรีระร่างกาย ส่วนเบาะที่นั่งด้านหลัง ก็นั่งได้สบายๆ ไม่แคบไปไม่กว้างไป ไม่ได้อึดอัดอะไร เพราะในส่วนด้านหลังของเบาะหน้าออกแบบใหม่ให้มีส่วนโค้งเว้า คนนั่งด้านหลังจึงมีพื้นที่หัวเข่าเพิ่มขึ้น 48 มม. และมีระยะห่างระหว่างคนขับและคนนั่งหลังเพิ่มขึ้น 10 มม. มีพื้นที่วางขาเพียงพอ

ส่วนพวงมาลัยเป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ปรับสูงต่ำได้ พร้อมหุ้มหนังและสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียง ด้วยสารพัดปุ่มๆ ที่ถูกติดตั้งอยู่ ตรงหน้าผู้ขับขี่จะเห็นมาตรวัดอนาล็อก และจอแสดงผลการขับขี่ พร้อมสัญลักษณ์ ECO เมื่อมีการขับขี่แบบประหยัด แถมยังมีระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) อีกด้วย

รีวิว Toyota Vios Gen.3 มือสอง City Car สปอร์ตใสใส วัยรุ่นชอบ

ระบบปรับอากาศของรถรุ่นนี้เป็นแบบระบบอัตโนมัติ และมีจอแสดงผล LED ดูเก๋กู้ดมาก ขณะที่อุปกรณ์เพื่อความบันเทิงต่างๆ นั้น ในรุ่นนี้มาพร้อมกับ วิทยุแบบ OEM แบบ 2 DIN ที่ติดตั้งมาจากโรงงาน มี Front End ทั้ง CD, MP3, WMA และช่องต่อ USB, AUX พร้อมทั้งลำโพง 4 ตัว ใช้งานง่าย

ระบบกันสะเทือนแบบเดียวกับ Vios รุ่นเดิม ด้านหน้าอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง จึงส่งผลให้ช่วงล่างมีความมั่นคงยิ่งขึ้น โดยที่ยังคงใช้สปริงและช๊อกแอ็บซอร์เบอร์เหมือนรุ่นเดิม ส่วนระบบเบรกได้รับการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพด้วยระบบท่อสุญญากาศ 2 เส้น ใช้แรงดันจากเครื่องยนต์ซึ่งควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์มาควบคุมระบบเบรก ช่วยให้การเบรกมีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยเฉพาะที่ความเร็วสูง

รีวิว Toyota Vios Gen.3 มือสอง City Car สปอร์ตใสใส วัยรุ่นชอบ

มาตรฐานความปลอดภัย มาแบบจัดเต็มในทุกรุ่นย่อย ทั้งระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) (ในโฉมไมเนอร์เชนจ์), ระบบเบรคป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบกระจายแรงเบรค (EBD) และระบบเสริมแรงเบรค (BA) และถุงลมนิรภัย เป็นต้น

สำหรับข้อมูลจากทีมวิศวกร Toyota โดยการทดสอบของ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ระบุว่า ทดสอบรถรุ่นนี้บน Dyno ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 11.4 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 179 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 16.1 กม./ลิตร

รีวิว Toyota Vios Gen.3 มือสอง City Car สปอร์ตใสใส วัยรุ่นชอบ

ทัศนะความคุ้มค่าน่าใช้ โดย Mr.Carro …

ความคุ้มค่าตอนซื้อ

รุ่นนี้ในตลาดรถมือสอง ถือว่าได้รับความนิยมมาก พูดได้เลยว่าซื้อง่ายขายคล่อง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนวัยทำงานใหม่ พ่อค้าแม่ค้า คนทำงานอาชีพอิสระ หรือบริษัทต่างๆ ที่ซื้อไว้ใช้งานเป็นรถประจำบริษัท มีวิ่งกันเกลื่อนเมือง

ความคุ้มค่าตอนใช้งาน

รุ่นนี้ช่วงล่างถือว่าปรับปรุงมาดี แม้ว่าจะเป็นแบเดิมกับ Vios โฉมก่อนหน้า แต่ได้ปรับปรุงเหล็กกันโคลงกับทอร์ชั่นบาร์ใหม่ พร้อมเสริมบาร์หลังด้านท้าย ปรับจูนโช๊คอัพใหม่ให้ค่า Rebound ที่ไม่หนืดหรือกระด้างไป ขับแล้วนุ่มนวล ไม่กระด้างและยวบยาบ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นรถขนาดไม่ใหญ่ เวลาวิ่งด้วยความเร็วสูงก็ยังรู้สึกมั่นคง ไม่ลอย เข้าโค้งถือว่าเกาะถนนดี ไม่เอียง

พวงมาลัยไฟฟ้ามีความหนืดพอดี มั่นคงในทุกช่วงความเร็ว ไม่หนักและไม่เบาจนเกินไป ส่วนระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ เกาะถนนหนึบดีกว่ารถหลายๆ รุ่นเลย เพราะระบบเบรกได้เพิ่มสายต่อออกจากหม้อลมเบรกเป็นสองเส้น

ส่วนห้องโดยสารภายใน ถือว่าเก็บเสียงเงียบใช้ได้ เพราะใช้กระจกบังลมหน้าแบบ Acoustic Glass เหมาะกับการขับขี่ในเมือง ส่วนการขับขี่ด้วยความเร็วสูง หรือลากรอบเครื่องยนต์สูงๆ ก็ยังคงมีเสียงเล็ดลอดเข้ามาดังอยู่บ้าง

อีกทั้งท่านั่งในการขับขี่ ผู้เขียนสูง 170 ซม. ก็ยังสามารถปรับเบาะให้นั่งขับด้านหน้าได้สบายๆ รวมถึงตอนย้ายไปนั่งบริเวณด้านหลังคนขับ หัวไม่ติดเพดานในรถ

การตอบสนองของคันเร่งค่อนข้างดี ให้อัตราเร่งที่ทันใจ การเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติของระบบที่ค่อนข้างลื่นไหลกว่าเดิม ไม่มีอาการกระตุก (แต่ถ้าเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT จะดีกว่านี้อีก)

การใช้งานในเมือง ประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 10-12 กม./ลิตร และการใช้งานนอกเมือง ประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 16-17 กม./ลิตร

ขณะที่จุดด้อยเท่าที่เห็น คือหลายคนมักบอกว่า วีออส โฉมนี้ (ตัวก่อนไมเนอร์เชนจ์) ยังใช้เครื่องเก่าเกียร์เดิมตั้งแต่ Soluna Vios ตัวแรก แต่ผมมองว่ามันเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง เครื่องยนต์ตัวนี้ก็ถูกพิสูจน์มาแล้วว่าทนทานไม่จุกจิก ระบบเกียร์ก็ทนทาน

รีวิว Toyota Vios Gen.3 มือสอง City Car สปอร์ตใสใส วัยรุ่นชอบ

ความคุ้มค่าตอนซ่อม

ตัวรถไม่จุกจิก ทนทาน ประหยัด ราคาอะไหล่ไม่แพง เตรียมงบไว้สำหรับดูแลตามปกติ ปีละ 5,000 – 10,000 บาท (กรณีดูแลรักษาทั่วไป ถ้ามีเช็คระยะใหญ่ ก็อาจจะต้องเตรียมเงินไว้เพิ่ม) ครับ

ความคุ้มค่าตอนขายต่อ

สำหรับ Toyota Vios โฉมปี 2013 – ปัจจุบัน มีราคามือสองอยู่ที่ 275,000 – 550,000 บาท (เป็นราคาในตลาดรถปี 2565 โดยประมาณ และขึ้นอยู่กับปีรถ รุ่นย่อย กับ สภาพของตัวรถ)

Download Catalogue Toyota Vios (คลิกที่นี่)

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall Toyota Vios / โตโยต้า วีออส

สำหรับใครที่รักรถ Toyota Vios และอยากเป็นเจ้าของ Toyota Vios สภาพเยี่ยมสักคัน Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เรามี โตโยต้า วีออส ให้คุณเลือกมากมาย คุณสามารถจองรถ Toyota Vios ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง โตโยต้า วีออส ทุกคัน ผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

ขณะขับรถ การเกิดอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ทุกวินาทีมีความเสี่ยงทั้งนั้น เพราะฉะนั้นการเลือกรถเพื่อมาใช้งานในชีวิตประจำวัน ให้ได้ระดับมาตฐานความปลอดภัยของรถจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม จะให้หวังเชื่อจากผู้ผลิตข้างเดียวก็เชื่อไม่ได้ทั้งหมด รวมถึงการดูค่าการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัย ก็ยังจำเป็นที่จะต้องดูจากสถาบันที่เป็นกลาง

เนื่องจากความปลอดภัยนั้นสำคัญ ทำให้ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ค่ายรถต่างๆ ทุ่มทุนกันพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ออกมามากมาย บางอย่างนั้นอาจใช้กันจนเป็นเรื่องสามัญไปแล้ว จนไม่รู้ว่า อุปกรณ์ชนิดนี้ ใครคนนั้น? เป็นผู้คิดค้นมันขึ้นมา

วันนี้ MR.CARRO จะมานำเสนอ 5 สิ่งแรกในรถยนต์ที่เกี่ยวกับระบบความปลอดภัย ที่ต่อมารถทุกค่ายต่างต้องนำมาใช้กันหมด มาดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง

5-World-First-Safety-Equipment-In-Car

1. เข็มขัดนิรภัย

เข็มขัดนิรภัย เป็นอุปกรณ์สามัญประจำรถยุคใหม่ ที่ทุกคันจะต้องมี เพราะสามารถปกป้องชีวิตของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้อย่างมาก

นับตั้งแต่การคิดค้นของ George Cayley วิศวกรชาวอังกฤษช่วงกลางศตวรรษที่ 19 แต่ก็ยังไม่ได้ต่อยอดอะไร มาจนถึงปี 1946 Dr. C. Hunter Shelden แห่ง Huntington Memorial Hospital ในเมือง Pasadena รัฐแคลิฟอเนีย จึงเริ่มทำการศึกษาถึงการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยในรถ ต่อมาในปี 1949 รถยนต์ยี่ห้อ Nash และ Ford ในปี 1955 จึงมีการนำเสนอ “เข็มขัดนิรภัย” ในรูปแบบของอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติม

จากนั้นในปี 1958 SAAB ผู้ผลิตรถยนต์จากสวีเดน จึงเริ่มติดตั้งในรถรุ่น GT 750

5-World-First-Safety-Equipment-In-Car

Nils Bohlin วิศวกรของวอลโว่ และผลงานที่ “เปลี่ยนโลก” ของรถยนต์

ต่อมาในปี 1959 เข็มขัดนิรภัย 3 จุด (Three-Point Safety Belt) จึงถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกด้วยแนวคิดของ Nils Bohlin วิศวกรของวอลโว่ ที่ศึกษาการอุบัติเหตุมามากถึง 28,000 เคส ก่อนจะมาพัฒนาเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น Amazons และ PV544 สำหรับตลาดสแกนดิเนเวีย

หลังจากที่วอลโว่ได้ยกเลิกสิทธิบัตรที่เป็นเจ้าของเข็มขัดนิรภัย 3 จุดลง ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกๆ ต่างนำนวัตกรรมชิ้นนี้มาใช้เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ และพัฒนาต่อยอดเป็นเข็มขัดนิรภัยแบบที่เราใช้กันในปัจจุบัน

5-World-First-Safety-Equipment-In-Car

1.ถุงลมนิรภัยด้านคนขับ / ผู้โดยสาร 2.ถุงลมนิรภัยบริเวณเข่า 3.ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 4.ม่านนิรภัย

2. ถุงลมนิรภัย

การขับรถในสมัยก่อน คนขับและผู้โดยสารมักได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เพราะมาจากการถูกพวงมาลัยกระแทกอัดหน้าอก หรือแผงคอนโซลหน้ากระแทก

Airbag หรือ ถุงลมนิรภัย เริ่มผลิตออกมามีลักษณะเป็นถุงที่เต็มไปด้วยอากาศ ผลิตขึ้นอย่างช้าที่สุดในช่วงต้นปี 1941 ต่อมาในปี 1951 วอลเตอร์ ลินเดอเรอ วิศวกรชาวเยอรมัน ได้ทำการออกแบบถุงลมนิรภัยขึ้น และยื่นขอจดสิทธิบัตรของเยอรมันหมายเลขที่ # 896312 เมื่อ 6 ตุลาคม 1951 ซึ่งออกเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 1953 ประมาณสามเดือนหลังจากที่ชาวอเมริกัน John Hetrick ได้ขอสิทธิบัตรของสหรัฐอเมริกา หมายเลขที่ # 2649311 ก่อนหน้านี้เมื่อ 18 สิงหาคม 1953 แต่ก็ยังใช้ในเชิงพาณิชย์ไม่ได้

ทางฝั่งญี่ปุ่นในปี 1964 Yasuzaburou Kobori ก็ได้เริ่มพัฒนาถุงลมนิรภัยขึ้นเช่นกัน ด้วยระบบ “Safety Net”

จนกระทั่งปี 1971 จึงได้ทดลองนำมาติดตั้งในรถ Ford ติดตั้งในกลุ่มของรถยนต์ทดลองที่เรียกว่า Experimental Fleet of Car

5-World-First-Safety-Equipment-In-Car

หลังจากนั้น GM จึงริเริ่มนำถุงลมนิรภัย มาใช้อย่างจริงจังในรถตัวเองเป็นเจ้าแรกๆ ของโลก โดยเรียกถุงลมนิรภัยว่า ACRS (Air Cushion Restraint System) และติดตั้งครั้งแรกใน 1973 Chevrolet Impala ก่อนที่จะติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานพิเศษ ในรถ Oldsmobile, Buick และ Cadillac

ในอดีต ถุงลมนิรภัยยังมีราคาแพงมาก จึงมีการติดตั้งให้เฉพาะรถยนต์ในรุ่น Top เท่านั้น ก่อนจะเงียบหายไปและเริ่มมาพัฒนากันใหม่ในช่วงปลายๆ ยุค 80 โดยรถยุโรปรุ่นแรกๆ ที่มีถุงลมนิรภัยติดตั้งให้ คือ Mercedes-Benz S-Class (W126) รุ่นปี 1981 และ Ford ที่เริ่มติดตั้งแต่มาตรฐานสามัญครั้งแรก (คือติดตั้งในรถทุกรุ่น ไม่ใช่เฉพาะรถหรูๆ อีกต่อไป) ได้แก่รถรุ่น Ford Escort (Mk5)

หลังจากนั้นก็ใช้เวลานานกว่า 20 ปีได้ กว่าที่ถุงลมนิรภัย จะกลายมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสามัญ ที่ต้องมีในรถทุกคัน เป็นสิ่งที่อยากได้ แต่ไม่อยากใช้ รวมไปถึงการคิดค้นถุงลมนิรภัยในจุดต่างๆ เพิ่มอีกด้วย เช่น ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (มีครั้งแรก ในรถ Volvo 850 ปี 1995) ถุงลมนิรภัยบริเวณเข่า (มีครั้งแรก ในรถ KIA Sportage ปี 1995) ม่านนิรภัย (มีครั้งแรก ในรถ BMW ซีรี่ส์ 5 และ ซีรี่ส์ 7 ปี 1997) หรือแม้กระทั่งถุงนิรภัยสำหรับคนเดินเท้า เมื่อเกิดการชนจากภายนอก (มีครั้งแรก ในรถ Volvo V40 ปี 2012)

5-World-First-Safety-Equipment-In-Car

3. ระบบเบรก ABS

นับตั้งแต่ระบบเบรกในรถยนต์ของเรา เริ่มตั้งแต่ใช้ระบบดรัมเบรกกันเป็นหลัก ต่อมาจึงเริ่มหันมาใช้ดิสก์เบรกหน้า (ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานครั้งแรกในปี 1950 ในรถ Chrysler Crown และ Town & Country) จนกระทั่งรถหลายรุ่น เริ่มใช้ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ ที่เพิ่มความปลอดภัยและมั่นใจในการขับขี่มากขึ้น

แต่ดิสก์เบรก 4 ล้อ เวลาเบรกในที่ลื่น บนพื้นน้ำ หรือเบรกกะทัน รถมักจะประสบกับปัญหา “ล้อล็อคตาย” ทำให้เกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยๆ จึงมีการวิจัยและพัฒนา “ระบบเบรก ABS” ขึ้นมา โดย Mercedes-Benz S-Class (W116) เป็นผู้ริเริ่มการใช้ระบบเบรก ABS เป็นเจ้าแรกของโลกในปี 1978 ซึ่งได้ Bosch เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ชิ้นนี้ให้

ซึ่งภายหลัง ระบบเบรก ABS ก็กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่รถทั่วโลกต้องมีให้ อีกทั้งยังพัฒนาต่อยอดไปเป็นระบบต่างๆ อีกด้วย เช่น ระบบ EBD (ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก), ระบบ ESP / ESC (ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว) และระบบ BA (ระบบเสริมแรงเบรก) เป็นต้น

Audi-Quartz

4. ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ / ไฟตาเพชร

ไฟหน้าโปคเจคเตอร์ ยอดฮิตสุดๆ สำหรับรถสมัยนี้ ที่เราเห็นกันจนชินไม่ใช่เรื่องแปลกตาอะไร

ต้นกำเนิดของมันครั้งแรกอยู่ในรถ Audi Quartz ซึ่งเป็นรถต้นแบบของ Audi ที่ออกแบบโดย Pininfarina ในปี 1981 ภายหลังจึงเริ่มใช้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานครั้งแรกในรถรุ่น BMW 7 Series (E32) เมื่อปี 1986 และในส่วนของไฟหน้ารถที่มีไฟ Projector แบบคู่เป็นครั้งแรกของโลก คงต้องยกให้กับ Nissan Silvia (S13) ที่ผลิตขึ้นโดย Ichikoh

ส่วนต้นกำเนิดของ “ไฟตาเพชร” ที่ช่วยให้แสงสว่างสะท้อนออกมาได้มากขึ้น ขับรถได้อย่างปลอดภัยขึ้น กับแผ่น Refector แบบใสทำมุมต่างๆ แบบ Palabora (ภาคตัดกรวย) ภายในโคมไฟ เริ่มใช้ครั้งแรกในรถ Austin Maestro ปี 1983 ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Lucas-Carello แต่ก็รูปแบบของไฟ ก็ยังเป็นแบบโคมแก้วอยู่

Honda-Accord-CB-JDM

มาจนถึงปี 1989 ทาง Honda จึงได้เริ่มใช้ชุดไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ (หรือแบบเคลียร์เลนส์) ซึ่งพัฒนาโดย Stanley ใช้โคมแบบพลาสติก ที่ให้ความสว่างมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ในรถรุ่น Honda Accord หรือที่บ้านเรารู้จักกันในรุ่น “Accord ตาเพชร” นั่นเอง!

5-World-First-Safety-Equipment-In-Car

5. พนักพิงศีรษะ

พนักพิงศีรษะ เริ่มคิดค้นพัฒนาเมื่อปี 1921 โดย Benjamin Katz แต่ก็ไม่ได้ต่อยอด ต่อมาในปัจจุบัน อุปกรณ์ชิ้นนี้ ที่หลายคนอาจจะเฉยๆ เพราะว่ามันมีติดตั้งมากับเบาะนั่งอยู่แล้ว แต่รถเก่าๆ สมัยก่อน ไม่มีนะครับ!

พนักพิงศีรษะ มีใช้กันจริงๆ จังๆ ก็ในยุค 70 ที่ผ่านมานี่เอง เนื่องจากทาง National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ได้บังคับให้รถทุกคันที่ขายในสหรัฐอเมริกา หลังจากวันที่ 1 มกราคม 1969 เป็นต้นไป ต้องติดตั้งพนักพิงศีรษะมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ สามารถขายคันเดิมกับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

Toyota Vios (โตโยต้า วีออส) เจเนอเรชั่นที่ 2 หรือที่เต็นท์รถมือสองให้ฉายาว่ารุ่น “เห็บหมา” (เพราะรูปทรงเหมือนเห็บหมา?) ถือเป็นรถมือสอง รุ่นยอดฮิตของคนไทยอีกรุ่น ที่โตโยต้าภาคภูมิใจนำเสนอ และจัดเป็นรถยนต์นั่งที่ขายดีเป็นอันดับ 1 ของโตโยต้า ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาด 1.5 ลิตร อีกทั้งยังส่งออกไปขายในแถบ ASEAN อีกด้วย …

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

โฉมที่สองของ Vios เปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2549 โดยใช้ชื่อว่า “Toyota Belta” (โตโยต้า เบลต้า) และทยอยเปิดตัวในทั่วโลกช่วงต้นปี 2550 โดยใช้ชื่อ “Toyota Yaris Sedan” (โตโยต้า ยาริส ซีดาน) ส่วนในแถบ ASEAN ใช้ชื่อว่า “Toyota Vios” (โตโยต้า วีออส) เปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกวันที่ 8 และ 9 มีนาคม 2550 ที่สยามพารากอน

Vios ครองตำแหน่งยอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขายสะสมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2545 จนถึงในช่วงเดือนมีนาคม 2550 มากกว่า 178,000 คัน และยอดขายรวมทั้งหมด 847,910 คัน *(ยอดขายถึงเดือนธันวาคม 2559) นับเป็นส่วนแบ่งการตลาดถึง 40%

สำหรับ โตโยต้า วีออส (Gen.2 โฉมแรก) มือสองรุ่นนี้มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ทำไมผ่านมา 13 ปีแล้ว ยังยอดฮิตในตลาดรถมือสอง และในหมู่คนขายรถกันอยู่ Carro จะมาบอกเล่าสู่กันฟังครับ.

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

วีออส โฉมนี้ มีจุดขายหลัก 3 ประการ คือ

  • การออกแบบที่สวยงามโดดเด่น ทั้งภายนอกและภายใน
  • สมรรถนะ ความปลอดภัย
  • ความกว้างขวาง สะดวกสบาย รวมถึงประโยชน์ใช้สอย

มีรุ่นย่อยหลักๆ ให้เลือก 5 รุ่น คือ รุ่น J เจาะกลุ่มลูกค้าที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน กลุ่มรถเช่า รถบริษัท (รถ Fleet) รุ่น E เจาะกลุ่มลูกค้าวัยทำงานหลายปีแล้ว และพิจารณาความคุ้มค่าในการตัดสินใจซื้อ รุ่น G เจาะกลุ่มเจ้าของกิจการหนุ่มสาว หรือนิสิตนักศึกษา

ส่วนรุ่น S-Limited เป็นรุ่นเพิ่มเติมอุปกรณ์ตกแต่งแบบสปอร์ต และรุ่น G-Limited ซึ่งเพิ่มเติมอุปกรณ์แบบหรูหรา

  • Vios รุ่น J เป็นรุ่นล่างสุด มาพร้อมระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA / กระทะล้อขนาด 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบ ไฟตัดหมอกหลัง กระเป๋าเก็บเอกสารหลังผู้ขับขี่ และผู้โดยสารตอนหน้า
  • Vios รุ่น E เป็นรุ่นกลาง เพิ่มอุปกรณ์จากรุ่น J มากขึ้นคือ ระบบป้องกันการโจรกรรม TDS พร้อมรีโมทที่ด้ามกุญแจ ล้อแม็กอัลลอยด์ 5 ก้าน ขนาด 15 นิ้ว ไฟตัดหมอกหลัง และห้องโดยสารภายในสามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบ คือ สีครีม (Ivory) และ สีเทาดำ (Dark Grey) และไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง
  • Vios รุ่น E Safety เป็นเกรดรองสูงสุด เพิ่มถุงลมนิรภัยคู่หน้า และและเข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ เหมือนรุ่น E
  • Vios รุ่น G เป็นเกรดสูงสุด เพิ่มอุปกรณ์ภายใน เช่น เครื่องเสียงแบบ 6 ลำโพง หน้าปัดแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีฟ้า ติดตั้งไฟตัดหมอกหน้า ภายในห้องโดยสารหุ้มด้วยหนัง สามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีดำ (Dark Grey) ที่พักแขนพร้อมหลุมวางแก้วน้ำบริเวณผู้โดยสารตอนหลัง และเบาะหลังสามารถพับทะลุไปห้องเก็บสัมภาระได้ ในอัตราส่วน 60:40

และเพิ่ม 3 รุ่นพิเศษ ได้แก่

  • Vios รุ่น S-Limited เพิ่มอุปกรณ์ชุดแต่งจากโรงงานรอบคัน พร้อมปรับแต่งโช้คอัพ และสปริงให้มีความแข็งมากกว่ารุ่นอื่น หน้าปัดแบบออปติตรอนพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีส้ม ส่วนภายในแบบสปอร์ตสีเทาควันบุหรี่ ทั้งเบาะหุ้มหนัง พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังสีดำ รวมถึงเบาะผู้โดยสารตอนหลังสามารถพับทะลุไปห้องเก็บสัมภาระได้ ในอัตราส่วน 60/40 ไฟหน้าแบบ Bi-Xenon ปรับระดับสูง – ต่ำ แปรผันอัตโนมัติตามน้ำหนักรถ เปลื่ยนระบบเบรกหลังจากดรัมเป็นดิสก์เบรก
  • Vios รุ่น G-Limited เพิ่มอุปกรณ์จากรุ่น G เช่น ระบบกุญแจอัจฉริยะ Smart Entry เปิด – ปิดประตูแบบสัมผัส พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่อง หรือ Push Start และระบบป้องกันการโจรกรรมกุญแจเลียนแบบหรือ Immobilizer สามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีดำ (Dark Grey)
  • Vios รุ่น GT Street โดยการนำรุ่น J มาตกแต่งในรูปแบบพิเศษ สเกิร์ตรอบคันทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง สปอยเลอร์และสติกเกอร์ GT Street ที่ฝากระโปรงหลัง ท่อไอเสียพร้อมฝาครอบสแตนเลส และสติกเกอร์ด้านข้างดีไซน์สปอร์ต ส่วนภายในใช้โทนสีแดงดำ ทั้งผ้าเบาะ สีแดงกับสีดำ รวมถึงพวงมาลัยหุ้มหนัง หัวเกียร์หุ้มหนังเดินด้ายสีแดง คอนโซลหน้าสุดสปอร์ตสีดำ-แดง และเปลี่ยนล้อกระทะ เป็นล้อแม็กขนาด 15 นิ้ว (ลายเดียวกันกับ Yaris ไมเนอร์เชนจ์รุ่นย่อย G, E) โดยผลิตเพียง 1,000 คัน
  • ต่อมาจึงออกรุ่นพิเศษ Vios TRD Sportivo ให้เลือกกันอีกหลายเวอร์ชั่น และรุ่นพิเศษอื่นๆ

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

เกริ่นข้อมูลรายละเอียดกันไปพอสมควร ก็มาถึงดีไซน์การออกแบบ รวมไปถึงมิติขนาดตัวรถกันบ้าง โดยมองรวมๆ รูปลักษณ์ของรถรุ่นนี้จะเป็นแบบกลมๆ ฝากระโปรงบรรจบกันเป็น U-Shape จากฝากระโปรงหน้า จรดกระจังหน้า ไปจนถึงกันชน ไฟหน้าที่ดูปราดเปรียว ด้านท้ายรถไฟหลังโค้งนูน 3 มิติ ฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่าเดิม ตำแหน่งล้อทั้ง 4 ถูกวางไว้ที่มุมกันชนทั้ง 4 ด้าน ของรถได้อย่างลงตัว ทำให้รถมีเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น

โตโยต้า วีออส มีขนาดความยาว 4,300 มม. ความกว้าง 1,700 มม. และความสูง 1,460 มม. ระยะฐานล้อ 2,550 มม. น้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 1,020 -1,065 กก. (แต่ละรุ่นน้ำหนักจะแตกต่างกันเล็กน้อย)

เครื่องยนต์ 1NZ-FE ใน Toyota Vios

เครื่องยนต์ยังคงเป็นขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ–FE แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที ส่วนแรงบิดสูงสุด ที่ 141 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 หรือออกเทน 91 ขึ้นไป ระบบส่งกำลังมีให้เลือก ทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด สามารถติดแก๊สได้ ไม่มีปัญหา …

แม้ว่า Vios ตัวนี้ จะยังคงใช้เครื่องยนต์ 1NZ-FE แบบเดิม เกียร์อัตราทดเท่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ธรรมดาหรืออัตโนมัติ แต่ปรับเปลี่ยนอัตราทดเฟืองท้ายใหม่ เพื่อให้สอดรับกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นนิดหน่อย ทำให้ได้อัตราเร่งที่ดีมากยิ่งขึ้น

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 10.4 วินาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 12.2 วินาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ทำความเร็วได้สูงสุด 190 กม./ชม. ในรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 180 กม./ชม. ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ

รุ่นนี้เพิ่มโครงเหล็กยึดหม้อน้ำเลื่อนตัวได้ ช่วยซับแรงกระแทก และเลื่อนหม้อน้ำไปด้านหลัง ป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนที่มีราคาสูงเสียหาย พร้อมติดตั้งฉนวนกันเสียงหลายจุด ตัดเสียงรบกวนจากภายนอก และแผงเหล็กพื้นผิวโค้ง และเหล็กแผ่นเสริมความแกร่งที่ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งพื้นด้านหน้า ลดอาการสั่นเข้าห้องโดยสาร

ระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรกหน้าดิสก์เบรก หลังดิสก์เบรก (ดรัมเบรก เฉพาะรุ่น J และ E)

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

มาดูภายในห้องโดยสารกันบ้าง เสาเอที่ลาดเทไปด้านหน้าขึ้น ทำให้ภายในห้องโดยสารดูกว้างขึ้นทั้งหน้าและหลัง โดดเด่นด้วยมาตรวัดตั้งตรงอยู่ตรงกลางแผงคอนโซล หลายๆ คน อาจจะไม่ถูกใจนัก เพราะดูล้ำยุคไปหน่อย เวลาขับต้องมองมาตรวัดแบบเฉียงๆ

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

มองมาตรงชุดวิทยุ ดีไซน์ออกมาแบบ Built-In ที่มีแผง LCD รูปทรงแนวตั้ง ส่วนที่ปรับแอร์รูปทรงกราฟฟิค แบบมือหมุน 3 ลูก ดูแปลกตา (คล้ายกับมิคกี้เมาส์) พวงมาลัย 3 ก้าน หุ้มหนังแท้ พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง และที่วางขวดน้ำบริเวณช่องแอร์ สามารถวางขวดน้ำเป่าแอร์เย็นๆ ดื่มน้ำเย็นๆ ได้ตลอดเวลา …

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ช่วยให้น้ำหนักพวงมาลัยเบา ขับขี่คล่องตัวเมื่อความเร็วต่ำ และค่อยๆ มั่นคงขึ้นตามความเร็วของรถ เบาะนั่งระบบ WIL (Whiplash Injury Lessening) ดีไซน์พิเศษ ช่วยลดอาการบาดเจ็บบริเวณกระดูกต้นคอ

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

ในรถมี 6 ลำโพง อัดแน่นด้วยระบบเพิ่มคุณภาพเสียง ทั้ง DSP (Digital Signal Processor), LIVE-ACS (Live Acoustic) และโดดเด่นกว่ารถในระดับเดียวกัน (ถือเป็นรถ B-Segment รุ่นแรกเลย ที่มีให้) นั่นคือ ASL (Speed Auto Sound Levelizer) ที่ช่วยปรับระดับความดังของเสียงตามความเร็วของรถ นอกจากนี้ยังสามารถเล่นแผ่น MP3 และไฟล์ WMA ได้ (รุ่น J/E 4 ลำโพง, รุ่น G 6 ลำโพง)

เบาะนั่งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จัดว่านั่งได้สบาย ไม่อึดอัด ระยะเบาะหน้าที่สามารถเลื่อนเบาะนั่งได้ 255 มม. ความสูงของเบาะนั่งที่สามารถปรับได้ 45 มม. ปรับระดับสูงต่ำพวงมาลัย 30 มม. พื้นรถด้านหลังแบบเรียบ ไม่มีอุโมงค์ด้านหลังให้เกะกะเท้า สำหรับคนนั่งตรงกลาง …

ส่วนตรงคันเกียร์ ถ้าเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ดูหรูหราด้วยคันเกียร์แบบ Gate-Type เข้าเกียร์ง่าย …

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

ที่เก็บสัมภาระด้านหลังใหญ่พิเศษ จุได้เต็มที่ ขนาดความจุ 475 ลิตร กว้างขวางกว่ารุ่นเดิมถึง 19% เบาะหลังพับลงได้ในสัดส่วน 60:40 (เฉพาะรุ่น G)

มาตรฐานความปลอดภัยมาแบบจัดเต็ม ระบบเบรคป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบกระจายแรงเบรค (EBD) และระบบเสริมแรงเบรค (BA) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า เป็นต้น พอหลังจากรุ่นไมเนอร์เชนจ์ในปีหลังๆ โตโยต้าจึงจัดมาให้ครบในทุกรุ่นย่อย

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

ทัศนะความคุ้มค่าน่าใช้ โดย Mr.Carro …

ความคุ้มค่าตอนซื้อ

บอกได้เลยว่า Vios เป็นรถที่ซื้อง่ายขายคล่อง เป็นที่นิยมของคนทุกวัย รวมไปถึงยังเป็นรถที่ไว้ใช้งานประจำบริษัท หรือหน่วยงานต่างๆ เป็นแท็กซี่รุ่นเก่าก็มี มีให้เห็นกันตลอดเวลา ของแต่งรถก็มีให้เลือกเพียบ

ความคุ้มค่าตอนใช้งาน

รุ่นนี้จัดว่าเป็นรถที่คุ้มค่าสำหรับคนใช้รถอีกรุ่น ทั้งประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ทนทาน ติดแก๊สใช้งานได้เลย ไม่จุกจิก เสียช่างที่ไหนก็ซ่อมได้ เครื่องยนต์กับเกียร์เซ็ทมาให้ทำงานได้สัมพันธ์กัน พวงมาลัยไม่หนัก ขับแล้วไหลลื่น อัตราเร่งดี ออฟชั่นที่ให้มาก็คุ้มค่า ระบบความปลอดภัยมีให้ทุกรุ่นย่อย

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

ส่วนจุดด้อยที่หลายคนพูดถึง ก็จะมีอย่างมาตรวัดตรงกลาง (แบบตั้งตรงกลาง ไม่หันหน้าเข้าคนขับแบบรุ่นเก่า) ที่ไม่ชินต่อความรู้สึกของคนส่วนใหญ่อย่างแรง ขับแล้วมองไม่ถนัดตา กับ Vios รุ่นนี้เปลี่ยนมาใช้คันเร่งไฟฟ้าแล้ว เวลาเหยียบแบบหนักๆ อาจไม่ทันใจนักกว่าคันเร่งแบบใช้สาย ระบบช่วงล่างที่ขับเร็วๆ แล้ว จะเริ่มบิน …

ความคุ้มค่าตอนซ่อม

ตัวรถไม่จุกจิก ทนทาน ประหยัด ราคาอะไหล่ไม่แพง เตรียมงบไว้สำหรับดูแลตามปกติ ปีละ 5,000 – 10,000 บาท (กรณีดูแลรักษาทั่วไป ถ้ามีเช็คระยะใหญ่ ก็อาจจะต้องเตรียมเงินไว้เพิ่ม) ครับ

ความคุ้มค่าตอนขายต่อ

สำหรับ Toyota Vios โฉมปี 2007 – 2013 มีราคามือสองอยู่ที่ 130,000 – 280,000 บาท (เป็นราคาในตลาดรถปี 2565 โดยประมาณ และขึ้นอยู่กับปีรถ รุ่นย่อย กับ สภาพของตัวรถ)

Download Catalogue Toyota Vios คลิกที่นี่ >>> Toyota-Vios-10-2010-Brochure

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall Toyota Vios / โตโยต้า วีออส

สำหรับใครที่รักรถ Toyota Vios และอยากเป็นเจ้าของ Toyota Vios สภาพเยี่ยมสักคัน Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เรามี โตโยต้า วีออส ให้คุณเลือกมากมาย คุณสามารถจองรถ Toyota Vios ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง โตโยต้า วีออส ทุกคัน ผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

รวมราคารถใหม่

ผลพวงจากการปรับ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ทั้งระบบในปี 2559 เริ่มส่งผลแล้ว กับราคารถใหม่ ป้ายแดงที่ทางค่ายผู้ผลิต หลายๆ ทยอยประกาศราคาใหม่ ในรุ่นที่ราคามีทั้งการปรับขึ้นและลดลง แต่จากที่เห็นราคาส่วนใหญ่จะปรับขึ้น หรือไม่ก็เท่าเดิม มาดูกันเลยว่าแต่ละค่ายรถยนต์ยอดนิยม ของเมืองไทย มีรุ่นไหน ที่ปรับเพิ่ม ลดลงกันบ้าง

“เจ้าตลาด ไม่สนใจ!! ภาษีขึ้น ราคาก็ต้องขึ้น (และขึ้นเยอะด้วย)”

Toyota 
เริ่มกันที่ค่ายขายดี ตลอดกาลอย่าง Toyota ในรุ่นที่อยู่ในประเภทของภาษีใหม่ลดลง คือรถประเภท Eco Car อย่าง Yaris แต่ราคายังไม่มีการประกาศปรับลดลง แต่อย่างใด ทางค่ายอาจรอเปิดตัว Minor Change เพื่อใส่ Option เพิ่มมาในรุ่นนี้และใช้เป็นข้ออ้างได้อย่างดี ที่จะไม่ลดราคาแม้ภาษีจะปรับลดลงก็ตาม

รุ่นที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่แยแสคนซื้อรถป้ายแดงเลยก็คือ Toyota Fortuner ที่กระแสของรุ่นนี้ยังดีต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า เห็นมากขึ้นตามท้องถนนแล้ว ราคาใหม่ในปีนี้ปรับขึ้นจากราคาปีที่แล้วอยู่ที่ระหว่าง  30,000 ถึง 100,000 บาท  wow………….

  รวมราคารถใหม่ 2016 นโยบายภาษีรถยนต์ส่งผลแค่ไหน |Carro

มาดูกันที่  Sedan กันบ้าง ไล่มาตั้งแต่ Toyota  ViosToyota Altis อันนี้ราคาเท่าเดิม ยังไม่มีประกาศเพิ่มราคาตามภาษีที่จัดเก็บมากขึ้น แต่รุ่นใหญ่ขึ้นมาอย่าง Toyota Camryจะมีการปรับราคาในรุ่นที่เป็นน้ำมันอย่างเดียว ขึ้นมาจากเดิมประมาณ  55,000 บาท ในรุ่นประเภท Hybrid ที่ตามภาษีใหม่นี้ที่เก็บค่าภาษีในรถประเภทนี้ลดลง ยังไม่ได้มีการประกาศแจ้งราคาใหม่ออกมา

** สรุปคือ ** รุ่นที่ขายดี ต้องรีบขึ้นราคา ส่วนรุ่นที่ยังไม่ประกาศราคาออกมา น่าจะรอเปิดตัวรุ่นใหม่ แล้วขึ้นราคาทีเดียว


*** อัพเดทล่าสุด 7-01-2015

รถโตโยต้ามือสองที่น่าสนใจ 

รถมือสองที่น่าสนใจ

Isuzu
ค่ายกระบะ ยอดนิยม ที่เพิ่งเปิดตัว D-MAX เครื่องยนต์ใหม่ ขนาดกระทัดรัด รับภาษีใหม่ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
กับเครื่องยนต์ที่เล็กลง ทำให้ปริมาณการคายก๊าซเสียออกมาต่ำลง การเก็บภาษีของรุ่นนี้ก็ต่ำลง เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์รุ่นก่อนหน้า ยินดีด้วยกับผู้ที่สนใจในรถค่าย Isuzu ที่ราคาจะยังไม่มีการ ปรับขึ้น แต่คาดว่าทางค่ายอาจมีการเปิดตัวไมเนอร์เชนจ์เร็วๆ นี้ เพื่อใช้เป็นเหตุผลในการปรับราคาขึ้น

** สรุปคือ **  เจ้านี้จอมไมเนอร์เชนจ์อยู่แล้ว เดี๋ยวค่อยไปรอขึ้นราคาตอนเปิดตัวรุ่นใหม่ก็ได้ ไม่มีปัญหา


  รวมราคารถใหม่ 2016 นโยบายภาษีรถยนต์ส่งผลแค่ไหน |Trusteecar.com
*** อัพเดทล่าสุด 7-01-2015

รถอีซูสุมือสองที่น่าสนใจ 

รถมือสองที่น่าสนใจ

Honda 
ค่ายยอดฮิตอีกค่ายอย่าง Honda ยนตกรรมสีเขียว ก็ประกาศปรับราคารถยนต์ออกมาแล้ว ทางค่ายยืนยันอย่างชัดเจน ว่าภาษีปีที่ขึ้นใหม่นี้ เป็นหนึ่งในทิศทางที่สำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยายนต์ มีการปรับขึ้นเพียง 3 รุ่นเท่านั้นได้แก่ Honda CR-V ปรับขึ้นจากเดิมระหว่าง 37,000-55,000 บาท


  รวมราคารถใหม่ 2016 นโยบายภาษีรถยนต์ส่งผลแค่ไหน |Carro

Honda HR-V และ Honda City CNG  ปรับขึ้นจากเดิม  20,000  บาท รุ่นอื่นๆ นอกจากนี้จะคงราคาเดิมไว้อยู่
แต่จากการประกาศของ Honda นี้ไม่มีรุ่นขายดีอย่าง Honda Civic และ Honda Accord คาดว่า 2 รุ่นนี้น่าจะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ในไม่ช้านี้ ทั้ง Honda Civic ที่ในต่างประเทศได้เปิดตัว Civic 2016 ไปแล้ว และยังมีภาพ Spy Short ที่ผู้ใช้รถแอบเห็นทาง Honda นำ Civic มาเริ่มวิ่งทดสอบกัน ส่วน Accord ก็น่าจะมีการเปิดตัวไมเนอร์เชนจ์เร็วๆ นี้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการประกาศปรับราคาของ Honda ไม่มีชื่อของ 2 รุ่นนี้

** สรุปคือ ** ขึ้นราคาพอเป็นมารยาท รอดู Civic 2016 กันดีกว่าว่าราคาจะเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหน


*** อัพเดทล่าสุด 7-01-2015

รถฮอนด้ามือสองที่น่าสนใจ 

รถมือสองที่น่าสนใจ

“ค่ายเล็กราคาลงมาหน่อย ยังดูเชิงกันอยู่หลายเจ้า”

Nissan
นิสสันเป็นอีกค่ายที่มีการประกาศปรับขึ้นราคาออกมาแล้ว แต่มีหลายรุ่นที่น่าแปลกใจ ที่ยังคงราคาเดิมไว้ เช่นภาษี Eco car ได้ปรับลดลงแต่ยังคงราคาเดิม เช่น Nissan March,Nissan Almera  งงปะ…?
ยังมีอีก 2 รุ่นจากค่ายที่ยังพอทำให้ชื่นใจอยู่บ้างที่ยังไม่ประกาศขึ้นราคา แม้ภาษีใหม่จะปรับขึ้นคือ Nissan Sylphy และ Nissan Juke


  รวมราคารถใหม่ 2016 นโยบายภาษีรถยนต์ส่งผลแค่ไหน |Carro

ที่ประกาศขึ้นไปแล้วก่อนเพื่อน  เป็นแค่เพียงรถ pickup ของค่าย Navara ได้ปรับขึ้นมาจากเดิมแล้วอยู่ระหว่าง 10,000 – 40,000 บาท ที่ต้องรีบประกาศอาจเป็นเพราะรุ่นนี้ยังขายดีอยู่ ส่วน Nissan Teana และ Nissan X-Trail คาดว่าจะขึ้นประมาณ 10% ของราคาเดิมตัวรถแต่ยังไงก็ต้องรอดูประกาศกับราคาใหม่จากทางค่ายที่จัดเจนอีกที

** สรุปคือ ** ECO car อดใจรอดูทรงว่าจะลดราคาไหม อดใจไม่ไหวก็ซื้อเลย เพราะคงลดไม่เยอะเท่าไร

*** อัพเดทล่าสุด 7-01-2015

รถนิสสันมือสองที่น่าสนใจ 

รถมือสองที่น่าสนใจ

Mitsubishi 
มิตซูบิชิที่ตอนนี้กำลังขายดิบขายดีกับ New Pajero Sport ก็ประกาศราคามาใหม่แล้วขึ้นมาจากราคาเดิมระหว่าง 19,000 – 29,000 บาทถือว่าขึ้นมาไม่เยอะเท่าไรพอรับได้ ทำให้คนที่กำลังสนใจรุ่นนี้อยู่ตัดสินใจง่ายขึ้นเยอะ

  รวมราคารถใหม่ 2016 นโยบายภาษีรถยนต์ส่งผลแค่ไหน |Carro

ทางกระบะ Triton ของทางค่ายมีการปรับราคาทั้งเพิ่มขึ้น และลดลงในบางรุ่น โดยรุ่นที่เพิ่มขึ้น สูงขึ้นถึง 41,000 บาทในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ Double Cab แต่ในรุ่นที่ลดราคาก็ลดเยอะอยู่เหมือนกันโดยถูกกว่าปีที่แล้วถึง 32,000 บาทในรุ่น Double Cab สี่ประตู

ส่วน Eco car อย่าง Mitsubishi Mirage ก็ไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อ Motor Expo ครั้งที่ผ่านมาทางค่ายก็ประกาศมาก่อนหน้านี้แล้วว่าราคาของรุ่นนี้ รวมไปถึง  Attrage ที่กำลังจะเปิดตัว ไมเนอร์เชนจ์เร็วๆ นี้ราคาจะมีการปรับขึ้น  5,000 – 9,000 บาท

รถซีดานตัวเดียวของค่ายอย่าง  Mitsubishi Lancer ก็ปรับขึ้นอยู่ที่ประมาณ 40,000 – 60,000 บาท เช่นกัน

** สรุปคือ ** ขึ้นราคาแล้วอย่างถ้วนหน้าทุกรุ่น มีกระบะบางรุ่นย่อยที่ลดราคา ลองดูรุ่นดีดี


*** อัพเดทล่าสุด 7-01-2015

รถมิตซูบิชิมือสองที่น่าสนใจ 

รถมือสองที่น่าสนใจ

Mazda 
น่ายินดีที่สุดคือค่ายนี้ที่ราคารถป้ายแดง ปรับลดมา จากเดิมในรุ่น Mazda 2 ทั้งดีเซลและเบนซิน ทาง
มาสด้าปรับลดราคาตามเงื่อนไขการปล่อยก๊าซเสีย ของรถประเภท Eco car เฟส 2 ซึ่งในรุ่นนี้อยู่ในโครงการ โดยราคาปรับลดมาจากเดิมที่  21,000 – 23,000 บาท ยินดีด้วยกับผู้ที่กำลังสนใจรถในประเภทนี้อยู่ !!

SUV ทั้งสองรุ่นของค่ายทั้ง  CX-3, CX-5 ยังไม่มีการปรับราคาขึ้นยังคงราคาเดิมไว้ สองรุ่นนี้กระแสยังแรงจากปีที่แล้ว การทำราคาไว้เท่าเดิมจากทางค่าย เอาใจคนที่กำลังดูสองรุ่นนี้ไว้อยู่จากปี่แล้ว ให้รีบตัดสินใจกันหน่อย กระบะของมาสด้า  BT-50 รุ่นนี้ยังไม่ประกาศขึ้นราคาแต่ น่าจะมีการปรับขึ้น เร็วๆ นี้ โดยราคาที่ขึ้นนี้จะเริ่มต้นที่ 15,000 บาท ต้องรอประกาศจากทางค่ายผู้ผลิตอีกที

                                                                                รวมราคารถใหม่ 2016 นโยบายภาษีรถยนต์ส่งผลแค่ไหน |Trusteecar.com

รุ่นเดียวที่ทางมาสด้าปรับขึ้นมาแล้วในปีนี้คือ  Mazda 3 ที่ปรับราคาขึ้นมาจากเดิมตั้งแต่ 5,000 – 14,000 บาท

** สรุปคือ ** ยังใจดีที่ลดราคา Eco car เพิ่งเห็นเจ้าแรกนะ มีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้นที่ขึ้นราคาคือ Mazda 3 ใครชอบจริงๆ ก็ต้องกัดฟันซื้อหน่อยนะ


*** อัพเดทล่าสุด 7-01-2015

รถมาสด้ามือสองที่น่าสนใจ 

รถมือสองที่น่าสนใจ
480,000 ฿2014
Mazda Bt-50

Ford


  รวมราคารถใหม่ 2016 นโยบายภาษีรถยนต์ส่งผลแค่ไหน |Carro

Ford ค่ายนี้เพิ่งประกาศมา เพียงสองรุ่น  PPV ตัวเก่งจากทางค่าย  Everest และกระบะ Ranger ที่สองรุ่นนี้ราคาจะขึ้นอยู่ที่ระหว่าง  30,000 – 50,000  บาท ถือว่าเยอะเหมือนกันสำหรับรถ pickup ดัดแปลงและ picup ทั่วไปใครชอบกระบะจากค่ายนี้เป็นพิเศษ อาจพอรับได้

** สรุปคือ ** ต้องรีบขึ้นราคา 2 รุ่นนี้หน่อยเพราะน่าจะเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของค่าย 


 *** อัพเดทล่าสุด 7-01-2015

รถมาสด้ามือสองที่น่าสนใจ 

รถมือสองที่น่าสนใจ

การที่เริ่มใช้จริงในปีนี้กับ โครงสร้างภาษีใหม่ ดูเหมือนว่าค่ายรถยนต์หลายๆ ค่ายจะฉวยโอกาสขึ้นราคารถป้ายแดงจนหน้าตกใจ รถบางรุ่นที่ภาษีเรียกเก็บลดลงแต่กำหนดราคาขายรถยังเท่าเดิม บางรุ่นออกไมเนอร์เชนจ์เพื่อใช้อ้างไปขึ้นราคา เรียกว่าขึ้นไม่สงสารผู้บริโภคกันเลย

รถบางรุ่นขึ้นราคาเป็นแสนทำให้ผู้ซื้อต้องไตร่ตรองกันให้มากขึ้นที่จะซื้อรถป้ายแดงราคาเป็นแสน จนไปถึงล้าน เงินไม่ได้หากันง่ายๆ  จะซื้อทั้งทีก็ต้องลองดูกันดี ๆ  ไม่ก็ลองหาทางเลือกอื่นดู

BMW-X1

ถึงไทยแล้ว BMW X1 (F48) sDrive18d xLine 2016 ตัวใหม่ ที่หลายคนรอคอย กับดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

สำหรับใครที่รอ BMW X1 (F48) sDrive18d xLine ตัวใหม่ โฉม 2016 ที่เพิ่งเปิดตัวไปแบบสดๆ ร้อนๆ วันนี้ หลายคนคงอยากรู้ CARRO เลยมีข้อมูลใหม่ๆ มาอัพเดตให้ดูกัน

รายละเอียด
– เครื่องยนต์แบบ BMW TwinPower Turbo 4 สูบ
– ขนาดเครื่องยนต์ 2.0L 1,955 ซีซี
– กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ 150 แรงม้า 4,000 รอบ/นาที
– แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร และ 1,750 รอบ/นาที
– ความเร็วสูงสุด 205 กิโลเมตร/ชม.
– อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 21.3 กม./ลิตร และอัตราปล่อย Co2 อยู่ที่ 125 กรัม/กม.
– ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าแบบ S Drive และออพชั่นเลือกขับเคลื่อน 4 ล้อ
– มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ Stepsonic sport 8 จังหวะ และระบบควบคุมการเข้าโค้ง
– ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว แบบ Y-spoke
– พวงมาลัยไฟฟ้าแบบ Servotronic
– เบรคมือแบบไฟฟ้า และระบบจัดเก็บพลังงานเบรค
– ไฟหน้า LED พร้อมระบบส่องสว่างขณะการเข้าโค้ง
– ระบบช่วยจอด
– ระบบอินโฟเทเมนต์ iDrive และหน้าจอ 8.8 นิ้ว
– น้ำหนักรถ 1,545 กิโลกรัม

รถ BMW X1 (F48) sDrive18d xLine รุ่นนี้ เป็นการปรับโฉมเจเนอเรชั่นที่ 2 และเป็นรถรุ่นนำเข้า (CBU) ซึ่งความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน จาก BMW X1 รุ่นเดิม ก็คือ ดีไซน์ที่มีความทันสมัย โฉบเฉี่ยว และมีความสปอร์ตมากขึ้น ด้วยการเพิ่มดีไซน์ความโค้งมนเข้าไป ส่วนตัวถังรถก็ได้ปรับให้มีขนาดใหญ่มากกว่าเดิม 53 มิลลิเมตร

นอกจากการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก ภายในห้องโดยสารก็ถือว่าเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าเดิมเช่นกัน เพราะภายในจะกว้างมากขึ้น หรือถ้าอยากจุของได้เยอะ ให้พับเบาะขึ้นให้หมด รถรุ่นนี้ก็จะสามารถจุได้มากถึง 1,550 ลิตร เลยทีเดียว ซึ่งถ้าหากใครงบยังไม่ถึง แนะนำให้ลองเลือกดู Bmw X1 มือสอง เพราะราคาต่างกันมากโข

เลือกรถ BMW X1 มือสองสภาพดี ได้ที่นี่

สัญลักษณ์บนแก้มยาง-บอกอะไร-

สัญลักษณ์ต่างๆ บนแก้มยางคืออะไร? ควรรู้ไว้

ตัวอักษร และตัวเลขบนยางรถยนต์ สามารถบอกอะไรเราได้หลายอย่าง หากสังเกตดูสักนิด จะพบว่าสัญลักษณ์เหล่านี้ มีความสำคัญกับเราพอสมควร รู้เอาไว้ดีกว่าไม่รู้ เพราะเวลาเปลี่ยนยางใหม่จะได้คุ้มค่ากับเงินที่จะต้องเสียไป

ซึ่งในบทความนี้ เราจะขอยกตัวอย่างแบบง่ายๆ ที่เห็นได้ตามรถยนต์ทั่วไป ว่าตัวเลข ตัวอักษรต่างๆ มีความหมายอะไรบ้าง เช่น 205/65R15 95H ที่เราเคยเห็นกันข้างแก้มยาง สามารถแยกออกมาได้ดังนี้

  • 205 = ความกว้างของหน้ายาง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร
  • 65 = อัตราส่วนความกว้างของหน้ายาง (แก้มยาง)
  • R = ชนิดของยาง ส่วนมากจะเป็นยางเรเดียลเกือบหมดแล้ว
  • 15 = ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของล้อ มีหน่วยเป็นนิ้ว
  • *94 = ดัชนีน้ำหนักบรรทุกสูงสุด ตัวเลข 94 ในที่นี้สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ไม่เกิน 670 กิโลกรัม
  • **H = หน่วยวัดความเร็วสูงสุด ตัวอักษร H ในที่นี้สามารถใช้ได้เต็มที่ 210 กม./ชม.

Toyota-Vios-Laos

สำหรับยางรถยนต์อีกประเภท จะมีสัญลักษณ์แตกต่างจากด้านบน ซึ่งส่วนมากจะเป็นพวกรถออฟโรด เช่น

  • 31×10.5R16 ซึ่งสามารถแยกออกมาได้ดังนี้
  • 31 = เส้นผ่าศูนย์กลางยาง มีหน่วยเป็นนิ้ว
  • 10.5 = ความกว้างยาง มีหน่วยเป็นนิ้ว
  • R = โครงสร้างยางแบบเรเดียล
  • 16 = เส้นผ่าศูนย์กลางกระทะล้อ มีหน่วยเป็นนิ้ว

*ตารางแสดงดัชนีน้ำหนักบรรทุกสูงสุด

ส่วนการดูวันเดือนปีที่ผลิตนั้น ให้สังเกตตัวเลข 4 หลัก ที่อยู่ในวงรีเล็กๆ ใกล้ๆ ตัวย่อ DOT ยกตัวอย่างเช่น 1015 ในที่นี้ เลข 2 ตัวแรก 10 จะบอกถึงสัปดาห์ที่ผลิตยางขึ้นมา ถ้าให้ประมาณก็ราวๆ เดือนมีนาคม ส่วนตัวเลขอีก 2 ตัวที่เหลือ 15 จะบอกถึงปี ค.ศ. ที่ผลิต ซึ่งถ้าให้ดูโดยรวมแล้ว ยางวงนี้ผลิตขึ้นเมื่อ เดือนมีนาคม 2015 ซึ่งหากอยากได้ยางใหม่ๆ ให้สังเกตดูที่ตรงนี้นั่นเอง

จำเอาไว้ว่า ขนาดยางเองก็มีความสำคัญเหมือนกัน จะเลือกใช้แบบไหนก็คิดให้ดี เพราะบางคนเน้นใช้งานหนัก บางคนใช้ขับสบายๆ และบางคนแต่งสวยงาม ดังนั้นเลือกใช้ให้ถูกประเภทดีกว่า อย่าเลือกเพราะสวย แต่ใช้งานไม่คุ้มค่า ไม่งั้นได้เสียเงินเปลี่ยนบ่อยๆ แน่

ขอบคุณข้อมูลจาก: Silkspan

พ.ร.บ

แต่งรถเลี่ยงความผิด พ.ร.บ.

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่ารถที่คุณซื้อมานั้นสามารถดัดแปลงได้ แต่ต้องทำให้ถูกหลัก พ.ร.บ. ในบทความนี้ CARRO เลยนำวิธีแต่งรถดี ๆ ไม่ให้ผิดหลัก พ.ร.บ. มาฝากกัน

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าการที่ได้เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รถคันนั้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าคุณได้ทำการดัดแปลงรถ ไม่ว่าจะส่วนหนึ่งส่วนใดก็ตาม นอกเหลือจากกฎ พ.ร.บ จราจรกำหนดไว้ ก็จะถือว่าคุณได้ทำผิดกฎหมายโดยทันที !

แต่ก็ไม่ใช่ว่านักซิ่งรถทั้งหลาย หรือว่าใครก็ตามที่อยากจะแต่งรถนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรถได้เลย เพราะว่าคุณมีสิทธิที่จะแต่งรถได้แบบถูกกฎหมาย แต่จะถูกกฎหมายได้อย่างไรนั้น ในบทความนี้จะมาบอก 5 วิธีที่จะทำให้คุณสามารถแต่งรถได้โดยไม่ผิดกฎหมาย

พ.ร.บ

1. โหลดเตี้ยได้ แต่ต้องไม่เกิน 40 เซนติเมตร

สำหรับสาวกรถซิ่งที่ชอบโหลดรถให้ต่ำและเตี้ย การันตีว่าคุณสามารถโหลดรถให้เตี้ยได้ แต่ต้องไม่เกิน 40 เซนติเมตรเท่านั้น เพราะถ้าหากมีความสูงน้อยกว่านี้ ก็จะผิดกฎหมายทันที โดยความสูงที่ว่านี้จะมีการวัดจากกึ่งกลางไฟหน้า ไปจนถึงระดับพื้นถนน

2. ยกสูงได้ แต่ต้องไม่เกิน 135 เซนติเมตร

ถ้าหากคุณไม่ชอบโหลดรถเตี้ย แต่อยากโหลดรถให้สูงขึ้น สำหรับนำไปใช้ในจุดประสงค์ใดก็แล้วแต่ ก็สามารถโหลดรถให้สูงได้ แต่ว่าก็ต้องไม่เกิน 135 เซนติเมตร เพราะถ้าหากมีความสูงมากกว่านี้ ก็ถือว่าเป็นการผิดกฎหมาย ดังนั้นผู้ที่ต้องการยกรถให้สูง ก็ต้องทำการวัดให้ดี โดยใช้หลักเกณฑ์การวัดจากกึ่งกลางไฟหน้า ไปจนถึงระดับพื้นถนน

3. สามารถติดไฟซีนอนได้ แต่ต้องเลือกสีให้ถูกต้อง และมีองศาตกกระทบที่ถูกต้อง

สำหรับคนที่ชอบติดไฟซีนอน ก็สามารถติดได้แบบไม่ผิดกฎหมาย แต่จะติดไฟซีนอนได้แค่ สีขาว และสีเหลืองอ่อนเท่านั้น สำหรับสีอื่นๆ อาทิ สีเขียว สีส้ม สีม่วง ก็ไม่ได้ทั้งนั้น ดังนั้นถ้าหากใครจะคิดจะติดไฟซีนอน ก็อย่าลืมเลือกใช้สีที่ถูกกฎหมาย แต่ถ้าหากติดแล้ว เมื่อนำเข้าเครื่องทดสอบโคมไฟ ลำแสงจะต้องตกเป็นแนวระนาบไม่น้อยกว่า 2 องศา

พ.ร.บ

4. เปลี่ยนฝากระโปรงได้ แต่ต้องสีเดียวกับตัวรถ

หากใครเบื่อสีเดิมๆ ของตัวรถ อยากจะเพิ่มสีสันให้กับรถของคุณ ก็สามารถเปลี่ยนสีฝากระโปรงรถได้ แต่มีข้อห้ามว่า ต้องไม่เกิน 50% ของสีรถทั้งคัน หรือถ้าหากใครต้องการที่จะเปลี่ยนทั้งหน้าฝากระโปรงหน้า และฝากระโปรงหลัง แนะนำว่าไม่ควรทำ เพราะถ้าหากคุณเปลี่ยนทั้งสองอย่างนี้พร้อมกัน จะถือว่าผิดกฎหมายทันที

5. ล้อแมกซ์เปลี่ยนให้ใหญ่ได้ แต่ห้ามเกินขนาด

คนที่ชอบเปลี่ยนล้อแมกซ์ สามารถเลือกล้อแมกซ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าของเดิมได้ โดยไม่ผิดกฎหมาย เนื่องจากตามกฎหมาย ไม่มีการระบุขนาดล้อรถยนต์ เพราะการเปลี่ยนล้อแมกช์นั้นไม่ได้เป็นตัวเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ แต่ถ้าหากล้อแมกซ์ที่คุณติดตั้งใหม่นั้นมีขนาดที่ใหญ่มากจนเกินออกมานอกบังโคลนรถหลายนิ้ว หรือตามการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ ก็จะถือว่าผิดกฎหมายทันที

พ.ร.บ

ซึ่งหลัก 5 ข้อนี้ ก็จะช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบรถมือสองที่เพิ่งซื้อมาได้ด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากรถคันนั้นมีการดัดแปลงมาโดยไม่ถูกหลัก พ.ร.บ. ก็จะทำให้ไม่สามารถโอนรถได้โดยสมบูรณ์นั่นเอง (สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่)

โอนรถอย่างไร ที่ผู้ซื้อ-ขาย และเต็นท์รถ ไม่โดนหลอก!

การซื้อขายรถแบบโอนลอย เรียกได้ว่ามีการใช้วิธีนี้มานานแล้ว เนื่องจากความสะดวกของผู้ขายรถ ที่ไม่ต้องเสียเวลาไปดำเนินการโอนทางทะเบียนให้ที่สำนักงานขนส่งฯ ด้วยตนเองพร้อมกับเจ้าของรถคนใหม่ หรือขายรถให้กับเต็นท์รถ ตัวเจ้าของรถก็มอบชุดโอน ให้เต็นท์รถไปจัดการเอาเอง

แต่รู้หรือไม่ว่า โอนลอย อาจสร้างปัญหาให้คุณมากกว่าที่คิดได้ ถึงขั้นติดคุกติดตะราง จากสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อเลยทีเดียว!

บทความนี้ CARRO จะมาเปิดเผยเคล็ดลับ สำหรับผู้ซื้อ ผู้ขาย และเต็นท์รถมือสอง ที่จะช่วยให้ทุกฝ่าย ซื้อ-ขายรถไปแล้วไม่ต้องมีปัญหาตามมาในภายหลัง ไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดนหลอก หรือถูกนำเอาเอกสารไปใช้ในทางมิชอบอีกต่อไป

เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ ดังนั้นถ้าหากคุณได้นำหลัก 5 ข้อนี้ไปใช้ ก็รับรองได้เลยว่า การโอนกรรมสิทธิ์ ที่เป็นขั้นตอนสำคัญของการซื้อ-ขาย รถมือสองของคุณ จะปลอดภัยอย่างแน่นอน

Carro-คนขายรถ

เคล็ดลับสำหรับผู้ขาย

  • เซ็นเอกสารต้องบอกจุดประสงค์
    ในการเซ็นเอกสารทุกอย่างสำหรับผู้ขาย หรือแม้แต่หนังสือมอบอำนาจที่ผู้ขายจะต้องเซ็นในช่องผู้รับโอน ทุกครั้งที่มีการลงลายเซ็นเกิดขึ้น รวมถึงการเซ็นสำเนาถูกต้อง แนะนำให้เขียนบอกจุดประสงค์ลงไปข้างๆ ด้วย อาทิ “การใช้เอกสารเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน … เท่านั้น” หรือ “หนังสือมอบอำนาจสำหรับการดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์เท่านั้น” เป็นต้น หรือจะลงวันที่กำกับไว้ด้วยก็ได้ (แต่ต้องมั่นใจว่า คนซื้อจะไปโอนรถภายใน 15 วันหลังจากที่คุณขายรถแล้ว หากเลยวันกำหนด คนไปโอนรถโดนปรับอีก)
  • สัญญาซื้อ-ขาย ต้องห้ามหาย
    เอกสารที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือ “สัญญาซื้อ-ขายรถ” เพราะถือว่าเป็นหลักฐานการซื้อขายเพียงอย่างเดียวตามกฎหมาย ห้ามหาย เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่ซื้อรถคุณไป จะเอารถไปทำเรื่องผิดกฎหมายแบบที่เห็นเป็นข่าวหรือเปล่า เช่น ไปขนยาเสพติด ไปขนไม้เถื่อน หรือไม่ยอมโอนรถ จนใบสั่งส่งมาให้ที่บ้านเพียบ หรือมีรถฝาแฝด รถหลุดจำนำ หรือซากรถ ถูกสวมทะเบียนมาการเก็บสัญญาซื้อ-ขาย ไว้ เป็นหลักฐานสำหรับไว้ให้ตำรวจ หรือหน่วยงานต่างๆ ตรวจสอบได้ กรณีรถของคุณขายไปแล้ว ถูกนำไปใช้ในทางมิชอบทางกฎหมายส่วนเอกสารพวกสำเนาบัตรประชาชน หนังสือมอบอำนาจ หรือทะเบียนบ้าน นั้นถือเป็นแค่เอกสารประกอบการโอนกรรมสิทธิ์เท่านั้น ( สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่ >> th.carro.co/download )

Carro-คนซื้อรถ

เคล็ดลับสำหรับผู้ซื้อ

  • วันหมดอายุของสำเนาบัตรประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ
    ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ซื้อ หรือผู้ขาย เวลาที่เตรียมสำเนาบัตรประชาชน อย่าลืมดูวันหมดอายุของบัตรประชาชนให้ดี เพราะถ้าหากวันที่คุณไปดำเนินการโอนรถ เอกสารสำเนาบัตรประชาชนได้หมดอายุไปแล้ว ก็จะไม่สามารถดำเนินการโอนรถได้ต้องเสียเวลาไปตามหาเจ้าของรถคนที่เคยขายให้คุณ บางทีรถเปลี่ยนมาหลายมือ หาเจ้าของเก่าไม่เจอ ยุ่งยากวุ่นวาย รถโอนไม่ได้อีก หรือถ้าหากผู้ขาย จงใจให้สำเนาบัตรประชาชนที่หมดอายุมา แสดงว่าอาจจะเป็นเอกสารปลอมก็เป็นได้
  • แต่งรถได้แต่ห้ามผิดหลัก พรบ.
    ก่อนที่จะไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ คุณต้องแน่ใจให้ดีว่า รถคันนั้นเคยผ่านการดัดแปลงมาก่อนหรือไม่ และถ้าหากมีการดัดแปลง เจ้าของรถได้นำไปแจ้งต่อนายทะเบียนหรือเปล่า เพราะการแต่งรถบางประเภท อาจจะผิด พรบ. ก็ได้ ซึ่งมันอาจจะทำให้คุณเสียเวลาในการเตรียมเอกสารเพิ่ม ( อ่านต่อ เรื่องแต่งรถที่ไม่ผิด พรบ. )

Carro-เต็นท์รถ

เคล็ดลับสำหรับเต็นท์รถ

  • ห้ามระบุวันที่ถ้าหากยังไม่รู้จะไปโอนเมื่อไหร่
    การระบุวันที่ไว้ในแบบคำขอร้องขอโอนและรับโอน นั้นสำคัญมาก เพราะถ้าหากคุณได้ระบุวันที่ไปแล้ว และไม่ไปทำการโอนภายใน 15 วัน ก็จะถูกปรับ และเอกสารใบนั้นจะเป็นโฆฆะ ดังนั้นถ้าหากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะไปทำการโอนวันไหน หรือแม้แต่กระทั่งการโอนลอย ก็ห้ามระบุวันที่ลงไป ถ้ายังไม่แน่ใจ
  • ลายเซ็นต้องครบ
    ลายเซ็นที่อยู่บนเอกสารทุกอย่าง รวมไปถึงการเซ็นสำเนาถูกต้อง ต้องครบ และทุกลายเซ็นจะต้องเป็นชื่อเดียวกัน และลายเซ็นเดียวกับชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์รถคนสุดท้าย ในหนังสือคู่มือจดทะเบียนรถ

TIPS: อย่าลืมตรวจว่าชื่อผู้ขาย ตรงกับชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์รถคนสุดท้ายในหนังสือจดทะเบียนรถหรือเปล่า เพราะผู้ทีมีสิทธิ์ในการโอนกรรมสิทธิ์ นั้นต้องเป็นรายชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์รถคนสุดท้ายเท่านั้น

เมื่อคุณอ่านบทความนี้จบแล้ว และอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมของการเตรียมเอกสาร หรือข้อมูลอื่นๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ >> การโอนรถ โอนตรง โอนลอย คืออะไร? มีขั้นตอนอะไรบ้าง และ 3 ขั้นตอนการโอนรถ (เอกสาร ค่าธรรมเนียม สถานที่โอนรถ) ที่ผู้ซื้อ-ผู้ขายรถต้องรู้!

Carro-Express

ถ้าใครอยากขายรถตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

BMW Z4

มีพบก็ต้องมีพราก ถือเป็นสัจธรรม
ที่ใช้ได้กับโลกยานยนต์โดยแท้

วันนี้ Carro จะชวนคุณๆ มาดู 5 อันดับรถยนต์ที่เราจะไม่ได้เห็นอีกแล้วในปี 2017! ซึ่งหลายคันในกลุ่มนี้น่าจะเป็นรถในดวงใจของใครหลายคนเลยทีเดียว!

1. BMW Z4

คาดว่าอาจทำให้หลายคนงงงวยว่าโรดสเตอร์ยอดนิยมอย่าง Z4 เนี่ยนะจะไม่ได้ไปต่อ! มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ แต่ไม่ต้องตกอกตกใจไป มันเป็น Life Cycle ของ Z4 จ้า!

BMW Z4 เจนเนอเรชั่นปัจจุบันถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งออกมาตั้งแต่ปี 2009 แล้ว แม้ว่าโฉมปัจจุบันของ Z4 จะเป็นโฉมที่หลายคนยอมรับว่าดีไซน์สวยงามที่สุด คว้ารางวัลมาแล้วหลายเวที แถมยังโดดเด่นมากในบรรดา Roadster ด้วยกัน แต่เรื่องน้ำหนักของรถซึ่งเพิ่มขึ้นจาก Hard Top ที่ออกแบบมาใหม่นั้นก็ยังเป็นปัญหา รวมถึงการทำความเร็วที่ยังเป็นรอง Porsche Boxster ด้วย

และช่วยไม่ได้จริงๆ ที่โรดสเตอร์เดี๋ยวนี้ขายยากขึ้นทุกวัน แถมผู้ซื้อก็เป็นกลุ่มเล็กๆ ทางผู้ผลิตจึงต้องมีการปรับปรุงและพัฒนารถกันอีกสักยก ในปี 2017 เราน่าจะได้เห็น Z5 ที่จะมาพร้อมกับความสำเร็จยิ่งกว่าเดิม! และก็อย่างที่รู้ๆ กันว่า BMW ได้จับมือกับ Toyota เพื่อพัฒนา Sport Car ร่วมกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว อย่างที่หลายคนน่าจะทราบแล้วว่า Toyota Supra รุ่นต่อไปจะใช้เครื่องยนต์ BMW! ฉะนั้น Z5 ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอนาคตอันใกล้นี้จึงน่าจะเป็นรถที่ร่วมมือกันระหว่าง BMW กับ Toyota เช่นกัน !

(BMW Z4)

(BMW Z5 Spy Shots)

2. Rolls – Royce Phantom

นับว่าผ่านมาร่วม 13 ปีแล้วหลังจากที่ Phantom รุ่นล่าสุดเปิดตัวออกมา แม้จะไม่ใช่รถที่เราจะสามารถพบเห็นได้บ่อยๆ แต่ก็น่าใจหายอยู่ไม่น้อยทีเดียว เพราะดูเหมือนว่า Phantom รุ่น Drophead Coupe’ (เปิดประทุน) และรุ่น Coupe’ (2 ประตู) จะไปแล้วไปลับ เหลือไว้เพียงรุ่นลิมูซีนเท่านั้น!

(Rolls – Royce Phantom Coupe’)

(Rolls – Royce Phantom Drophead Coupe’)

3. Honda CR – Z

ซีอาร์ – ซีร์เพิ่งจะเข้ามาในประเทศไทยได้ไม่กี่ปี แต่ในอเมริกาจะเลิกขายแล้ว! นับว่ารถไฮบริดจากค่ายฮอนด้าคันนี้มีชะตากรรมที่น่าสงสารอย่างยิ่ง เพราะแม้แต่ในไทยซึ่งนิยมรถญี่ปุ่น เราก็ยังไม่ค่อยจะเห็น CR-Z บนท้องถนนบ่อยนัก ส่วนเมืองนอกซึ่งนิยมรถไฮบริดมากกว่าก็ดันประกาศเลิกผลิต!

ความแป้กของยอดขาย CR-Z นั้นเป็นที่คาดการณ์มาล่วงหน้านานแล้ว สาเหตุก็เพราะ CR-Z เป็นรถที่ไปไม่สุดเลยสักทาง จะเป็นคูเป้ที่ขับสนุกก็ไม่ใช่ เป็นอีโคคาร์ก็ไม่เชิง อีกทั้งในแง่ของความประหยัดน้ำมันนั้น คู่แข่งอย่าง Toyota Prius ก็ทำได้ดีกว่ามาก  Honda CR-Z จึงโบกมือลาตลาดอมริกาไปด้วยประการฉะนี้

(Honda CR-Z)

4. Volvo S80

ถือเป็นรุ่นที่อยู่มาเกือบ 10 ปีแล้วสำหรับ S80 คันนี้! หลังจากต้องยืนหยัดแข่งขันกับ BMW 5 series และ Mercedes Benz E-Class อย่างแสนสตรองมาร่วมทศวรรษ และประสบความล้มเหลวไม่เป็นท่ากับยอดขายมาหลายปีติดๆ กัน แม้ว่าทางผู้ผลิตพยายามยื้อชีวิต S80 ด้วยการเติมโน่นนิด เติมนี่หน่อย และใส่เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์ต 4 สูบลงไปในรุ่นที่วางขายปี 2015 ก็ตาม

ในที่สุดทาง Volvo ก็ตัดสินใจปลดระวาง S80 แล้ว และมีแผนที่จะส่ง S90 ซึ่งมีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ทันสมัยกว่า และดีไซน์หรูหรามีระดับมากกว่าออกมาทดแทนในอนาคตอันใกล้นี้!

(Volvo S80)

5. Dodge Viper

หากคุณไม่ใช่แฟน Sport Car คงไม่ตกใจมากนัก แต่สำหรับคนรักรถสมรรถนะสูงทั่วโลก การที่ Viper จะเลิกผลิตในอเมริกานั้นถือเป็นเรื่องสะเทือนขวัญทีเดียว ด้วยสมรรถนะ ดีไซน์ และเสน่ห์หลายอย่างประกอบกัน Viper ได้กลายเป็นขวัญใจของคนรัก Sport Car จำนวนมาก! แต่เป็นที่แน่นอนแล้วว่า หลังจากรุ่น Limited Edition เปิดตัวในปีหน้า อสรพิษจากค่าย Dodge จะเป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่จะไม่มีขายอีกแล้ว! เรื่องนี้ทำให้สื่อมวลชนหลายเจ้าโจมตีว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวอเมริกันปัจจุบันคงกลายเป็นพังพอนไปแล้ว! Viper จึงสามารถครองพื้นที่ในโชว์รูมต่อไปได้! (Viper แปลว่า งูพิษ)

(Dodge Viper)

เอาเป็นว่า Carro ขอแจ้งข่าวให้คนรักรถได้รับรู้ทั่วกัน 5 อันดับรถที่กล่าวมานี้ไม่ผลิตและวางขายในอเมริกาเหนือแล้วจ้า! แต่แฟนๆ ก็ไม่ต้องเสียอกเสียใจไป เพราะบางคันยังหาได้ในตลาดรถมือสอง! ใครที่สนใจรถมือสองสภาพดี ลองเข้าไปเลือกชม เลือกหาซื้อได้บนเว็บไซต์คาร์โรเลย! ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและโปรเด็ดๆ ในแวดวงรถยนต์มือสอง มาติดตามได้ที่ได้ที่ facebook : Carro thailand แล้วเราจะได้ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม!

TAX2016

เป็นที่สนใจของการปรับขึ้น ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ทั้งระบบในปี 2559 การคิดภาษีของรถใหม่ป้ายแดง ประเภทต่างๆ

จากภาษีที่มีการปรับขึ้นนี้ อาจเป็นการชี้ทิศทางตลาดรถยนต์ในเมืองไทยที่จะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะราคาที่เพิ่มสูงขึ้นสุดโหด ของรถป้ายแดง

“ป้ายแดงที่ภาษีลง แต่ราคากลับไม่ลด งงปะ…”คาดว่าค่ายผู้ผลิตจะต้องปรับราคาขึ้นจากภาษีที่ปรับสูงขึ้นของรถแต่ละรุ่น มีบางค่ายรถยนต์ออกมาประกาศถึงราคารถใหม่ในปี 2559 แล้วด้วยซ้ำ เห็นได้ว่าราคารถแพงขึ้น เป็นหลักแสนก็มี รถบางประเภทก็มีการปรับลดภาษีเช่นกัน ได้แก่ Eco Car ที่มีการเพิ่มเฟส 2 มาด้วยแต่การที่ภาษีปรับลดลง ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงราคารถใหม่ ป้ายแดงจะลดลงด้วยนะ เพราะราคารถขึ้นอยู่กับค่ายผู้ผลิตเป็นผู้กำหนดเอง Eco Car บางค่ายมีการออกรุ่นใหม่ Minor change เพื่อรอรับกับภาษีใหม่นี้โดยเฉพาะ แต่ราคากลับไม่ลดจากเดิม เป็นการเพิ่ม Option ต่างๆ ของรถเข้าไปแทน ซึ่งจะดีใจทั้งทีก็ไม่สุดที่ภาษีรถ Eco Car ประเภทนี้ลดลง แต่ราคารถกลับเท่าเดิมหรืออาจจะเพิ่มขึ้นอีกด้วยซ้ำ


ภาษีใหม่ปี 59 ป้ายแดงแพงโหดโอกาสทองรถมือสอง | Carro

“ประเภทรถยนต์ที่ภาษีขึ้น ราคาขึ้นจากเดิมเป็นแสน”

คนที่กำลังสนใจจะตัดสินใจซื้อรถป้ายแดง คงต้องรีบตัดสินใจกันก่อนสิ้นปี 2558 นี้แล้วเพราะจากภาษีใหม่ของรถประเภทที่ภาษีขึ้นมี ถ้าลองคิดตามเปอร์เซ็นที่มีการเพิ่มขึ้นนี้ คาดว่าราคาป้ายแดงจะขึ้นเป็นแสนไม่ก็หลายหมื่น ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละค่ายว่าจะใจดี อยากกระตุ้นยอดขาย ขึ้นราคารถไม่มาก บางรุ่นขายได้อยู่แล้วก็อาจจะขึ้นราคาแบบคาดไม่ถึงเลยก็เป็นได้ อ้างภาษีขึ้นทีก็เถียงอะไรไม่ได้อยากได้จริงๆ ก็ต้องยอมจ่าย


ภาษีใหม่ปี 59 ป้ายแดงแพงโหดโอกาสทองรถมือสอง | Carro

“อย่าสับสน!! ภาษีประจำปียังเท่าเดิม โอกาสทองรถมือสอง” 

ภาษีสรรพสามิตรไม่ได้เกี่ยวอะไรกับภาษีประจำปีที่ต้องเสียทุกปี ฉะนั้นอย่าสับสน  รถทั่วไปที่วิ่งตามท้องถนน ไม่มีผลกระทบใดๆ

ภาษีรถป้ายแดงขึ้นเอาๆ พาให้ราคารถไปถึงผู้ซื้อเพิ่มขึ้นอย่างสุดโหด ทำให้ผู้ต้องการจะซื้อรถ อาจหันมาพิจารณาซื้อรถมือสอง ที่ตอนนี้ตลาดกำลังคึกคัก น่าจะเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในตอนนี้มากที่สุดในเรื่องของราคารถมือสอง ประกอบกับที่หน่วยงานของรัฐเข้ามาช่วยคุ้มครองผู้ซื้อรถยนต์มือสอง เช่น การบังคับของสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคให้ผู้ประกอบการรถยนต์มือสองต้องออก “ฉลากรถมือสอง” เพื่อระบุสเปคของตัวรถให้ชัดเจน และถูกต้อง เป็น เป็นต้น

นอกจากนี้การเลือกซื้อรถยนต์มือสองยังมีผู้ให้บริการ ที่ช่วยให้การตรวจสอบสภาพรถยนต์แต่ละคันที่จะซื้อ เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อรถยนต์มือสองมั่นใจในสภาพของรถคันนั้นๆ ที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าได้ รถที่สภาพที่ดี ไม่เคยชนหนัก มีการตัดต่อ หรือเป็นรถขโมยมาเป็นต้น

ไฟแนนซ์สำหรับการซื้อรถมือสอง การพิจารณาให้อนุมัติก็ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น ผู้ให้บริการไฟแนนซ์ มีตัวช่วยเพื่ออำนวยความสะดวก และช่วยตัดสินใจให้ผู้ซื้อรถมือสองได้อีกทาง

                           ภาษีใหม่ปี 59 ป้ายแดงแพงโหดโอกาสทองรถมือสอง | Carro

การหมุนเวียนของรถทั้งผู้ซื้อและผู้ขายมีมาก ผู้ขายมีทั้งรถเต้นท์และรถบ้าน ยิ่งเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้ซื้อที่มีความต้องการในรถรุ่นนั้น ตลาดซื้อขายรถยนต์มือสองออนไลน์  ยิ่งเป็นช่องทางสำคัญที่จะให้ผู้ซื้อพบผู้ขาย เจอรถที่เหมาะสมกับราคาได้ง่ายมากขึ้น

นับว่าตลาดรถยนต์มือสองเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ผู้บริโภคมาสนใจ พร้อมด้วยตัวช่วยต่างๆ มากมาย ที่จะให้ผู้บริโภคหันมาเลือกใช้รถมือสองมากยิ่งขึ้น การที่จะได้รถมือสองดีๆ สภาพเยี่ยม สักคันไม่ยากอีกต่อไปแล้ว

 

1 2 3 6