รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น “เห็บหมา” กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?
Toyota Vios (โตโยต้า วีออส) เจเนอเรชั่นที่ 2 หรือที่เต็นท์รถมือสองให้ฉายาว่ารุ่น “เห็บหมา” (เพราะรูปทรงเหมือนเห็บหมา?) ถือเป็นรถมือสอง รุ่นยอดฮิตของคนไทยอีกรุ่น ที่โตโยต้าภาคภูมิใจนำเสนอ และจัดเป็นรถยนต์นั่งที่ขายดีเป็นอันดับ 1 ของโตโยต้า ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาด 1.5 ลิตร อีกทั้งยังส่งออกไปขายในแถบ ASEAN อีกด้วย …
โฉมที่สองของ Vios เปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2549 โดยใช้ชื่อว่า “Toyota Belta” (โตโยต้า เบลต้า) และทยอยเปิดตัวในทั่วโลกช่วงต้นปี 2550 โดยใช้ชื่อ “Toyota Yaris Sedan” (โตโยต้า ยาริส ซีดาน) ส่วนในแถบ ASEAN ใช้ชื่อว่า “Toyota Vios” (โตโยต้า วีออส) เปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกวันที่ 8 และ 9 มีนาคม 2550 ที่สยามพารากอน
Vios ครองตำแหน่งยอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขายสะสมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2545 จนถึงในช่วงเดือนมีนาคม 2550 มากกว่า 178,000 คัน และยอดขายรวมทั้งหมด 847,910 คัน *(ยอดขายถึงเดือนธันวาคม 2559) นับเป็นส่วนแบ่งการตลาดถึง 40%
สำหรับ โตโยต้า วีออส (Gen.2 โฉมแรก) มือสองรุ่นนี้มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ทำไมผ่านมา 13 ปีแล้ว ยังยอดฮิตในตลาดรถมือสอง และในหมู่คนขายรถกันอยู่ Carro จะมาบอกเล่าสู่กันฟังครับ.
วีออส โฉมนี้ มีจุดขายหลัก 3 ประการ คือ
- การออกแบบที่สวยงามโดดเด่น ทั้งภายนอกและภายใน
- สมรรถนะ ความปลอดภัย
- ความกว้างขวาง สะดวกสบาย รวมถึงประโยชน์ใช้สอย
มีรุ่นย่อยหลักๆ ให้เลือก 5 รุ่น คือ รุ่น J เจาะกลุ่มลูกค้าที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน กลุ่มรถเช่า รถบริษัท (รถ Fleet) รุ่น E เจาะกลุ่มลูกค้าวัยทำงานหลายปีแล้ว และพิจารณาความคุ้มค่าในการตัดสินใจซื้อ รุ่น G เจาะกลุ่มเจ้าของกิจการหนุ่มสาว หรือนิสิตนักศึกษา
ส่วนรุ่น S-Limited เป็นรุ่นเพิ่มเติมอุปกรณ์ตกแต่งแบบสปอร์ต และรุ่น G-Limited ซึ่งเพิ่มเติมอุปกรณ์แบบหรูหรา
- Vios รุ่น J เป็นรุ่นล่างสุด มาพร้อมระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA / กระทะล้อขนาด 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบ ไฟตัดหมอกหลัง กระเป๋าเก็บเอกสารหลังผู้ขับขี่ และผู้โดยสารตอนหน้า
- Vios รุ่น E เป็นรุ่นกลาง เพิ่มอุปกรณ์จากรุ่น J มากขึ้นคือ ระบบป้องกันการโจรกรรม TDS พร้อมรีโมทที่ด้ามกุญแจ ล้อแม็กอัลลอยด์ 5 ก้าน ขนาด 15 นิ้ว ไฟตัดหมอกหลัง และห้องโดยสารภายในสามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบ คือ สีครีม (Ivory) และ สีเทาดำ (Dark Grey) และไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง
- Vios รุ่น E Safety เป็นเกรดรองสูงสุด เพิ่มถุงลมนิรภัยคู่หน้า และและเข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ เหมือนรุ่น E
- Vios รุ่น G เป็นเกรดสูงสุด เพิ่มอุปกรณ์ภายใน เช่น เครื่องเสียงแบบ 6 ลำโพง หน้าปัดแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีฟ้า ติดตั้งไฟตัดหมอกหน้า ภายในห้องโดยสารหุ้มด้วยหนัง สามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีดำ (Dark Grey) ที่พักแขนพร้อมหลุมวางแก้วน้ำบริเวณผู้โดยสารตอนหลัง และเบาะหลังสามารถพับทะลุไปห้องเก็บสัมภาระได้ ในอัตราส่วน 60:40
และเพิ่ม 3 รุ่นพิเศษ ได้แก่
- Vios รุ่น S-Limited เพิ่มอุปกรณ์ชุดแต่งจากโรงงานรอบคัน พร้อมปรับแต่งโช้คอัพ และสปริงให้มีความแข็งมากกว่ารุ่นอื่น หน้าปัดแบบออปติตรอนพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีส้ม ส่วนภายในแบบสปอร์ตสีเทาควันบุหรี่ ทั้งเบาะหุ้มหนัง พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังสีดำ รวมถึงเบาะผู้โดยสารตอนหลังสามารถพับทะลุไปห้องเก็บสัมภาระได้ ในอัตราส่วน 60/40 ไฟหน้าแบบ Bi-Xenon ปรับระดับสูง – ต่ำ แปรผันอัตโนมัติตามน้ำหนักรถ เปลื่ยนระบบเบรกหลังจากดรัมเป็นดิสก์เบรก
- Vios รุ่น G-Limited เพิ่มอุปกรณ์จากรุ่น G เช่น ระบบกุญแจอัจฉริยะ Smart Entry เปิด – ปิดประตูแบบสัมผัส พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่อง หรือ Push Start และระบบป้องกันการโจรกรรมกุญแจเลียนแบบหรือ Immobilizer สามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีดำ (Dark Grey)
- Vios รุ่น GT Street โดยการนำรุ่น J มาตกแต่งในรูปแบบพิเศษ สเกิร์ตรอบคันทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง สปอยเลอร์และสติกเกอร์ GT Street ที่ฝากระโปรงหลัง ท่อไอเสียพร้อมฝาครอบสแตนเลส และสติกเกอร์ด้านข้างดีไซน์สปอร์ต ส่วนภายในใช้โทนสีแดงดำ ทั้งผ้าเบาะ สีแดงกับสีดำ รวมถึงพวงมาลัยหุ้มหนัง หัวเกียร์หุ้มหนังเดินด้ายสีแดง คอนโซลหน้าสุดสปอร์ตสีดำ-แดง และเปลี่ยนล้อกระทะ เป็นล้อแม็กขนาด 15 นิ้ว (ลายเดียวกันกับ Yaris ไมเนอร์เชนจ์รุ่นย่อย G, E) โดยผลิตเพียง 1,000 คัน
- ต่อมาจึงออกรุ่นพิเศษ Vios TRD Sportivo ให้เลือกกันอีกหลายเวอร์ชั่น และรุ่นพิเศษอื่นๆ
เกริ่นข้อมูลรายละเอียดกันไปพอสมควร ก็มาถึงดีไซน์การออกแบบ รวมไปถึงมิติขนาดตัวรถกันบ้าง โดยมองรวมๆ รูปลักษณ์ของรถรุ่นนี้จะเป็นแบบกลมๆ ฝากระโปรงบรรจบกันเป็น U-Shape จากฝากระโปรงหน้า จรดกระจังหน้า ไปจนถึงกันชน ไฟหน้าที่ดูปราดเปรียว ด้านท้ายรถไฟหลังโค้งนูน 3 มิติ ฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่าเดิม ตำแหน่งล้อทั้ง 4 ถูกวางไว้ที่มุมกันชนทั้ง 4 ด้าน ของรถได้อย่างลงตัว ทำให้รถมีเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น
โตโยต้า วีออส มีขนาดความยาว 4,300 มม. ความกว้าง 1,700 มม. และความสูง 1,460 มม. ระยะฐานล้อ 2,550 มม. น้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 1,020 -1,065 กก. (แต่ละรุ่นน้ำหนักจะแตกต่างกันเล็กน้อย)
เครื่องยนต์ 1NZ-FE ใน Toyota Vios
เครื่องยนต์ยังคงเป็นขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ–FE แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที ส่วนแรงบิดสูงสุด ที่ 141 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 หรือออกเทน 91 ขึ้นไป ระบบส่งกำลังมีให้เลือก ทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด สามารถติดแก๊สได้ ไม่มีปัญหา …
แม้ว่า Vios ตัวนี้ จะยังคงใช้เครื่องยนต์ 1NZ-FE แบบเดิม เกียร์อัตราทดเท่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ธรรมดาหรืออัตโนมัติ แต่ปรับเปลี่ยนอัตราทดเฟืองท้ายใหม่ เพื่อให้สอดรับกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นนิดหน่อย ทำให้ได้อัตราเร่งที่ดีมากยิ่งขึ้น
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 10.4 วินาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 12.2 วินาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ทำความเร็วได้สูงสุด 190 กม./ชม. ในรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 180 กม./ชม. ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ
รุ่นนี้เพิ่มโครงเหล็กยึดหม้อน้ำเลื่อนตัวได้ ช่วยซับแรงกระแทก และเลื่อนหม้อน้ำไปด้านหลัง ป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนที่มีราคาสูงเสียหาย พร้อมติดตั้งฉนวนกันเสียงหลายจุด ตัดเสียงรบกวนจากภายนอก และแผงเหล็กพื้นผิวโค้ง และเหล็กแผ่นเสริมความแกร่งที่ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งพื้นด้านหน้า ลดอาการสั่นเข้าห้องโดยสาร
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรกหน้าดิสก์เบรก หลังดิสก์เบรก (ดรัมเบรก เฉพาะรุ่น J และ E)
มาดูภายในห้องโดยสารกันบ้าง เสาเอที่ลาดเทไปด้านหน้าขึ้น ทำให้ภายในห้องโดยสารดูกว้างขึ้นทั้งหน้าและหลัง โดดเด่นด้วยมาตรวัดตั้งตรงอยู่ตรงกลางแผงคอนโซล หลายๆ คน อาจจะไม่ถูกใจนัก เพราะดูล้ำยุคไปหน่อย เวลาขับต้องมองมาตรวัดแบบเฉียงๆ
มองมาตรงชุดวิทยุ ดีไซน์ออกมาแบบ Built-In ที่มีแผง LCD รูปทรงแนวตั้ง ส่วนที่ปรับแอร์รูปทรงกราฟฟิค แบบมือหมุน 3 ลูก ดูแปลกตา (คล้ายกับมิคกี้เมาส์) พวงมาลัย 3 ก้าน หุ้มหนังแท้ พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง และที่วางขวดน้ำบริเวณช่องแอร์ สามารถวางขวดน้ำเป่าแอร์เย็นๆ ดื่มน้ำเย็นๆ ได้ตลอดเวลา …
พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ช่วยให้น้ำหนักพวงมาลัยเบา ขับขี่คล่องตัวเมื่อความเร็วต่ำ และค่อยๆ มั่นคงขึ้นตามความเร็วของรถ เบาะนั่งระบบ WIL (Whiplash Injury Lessening) ดีไซน์พิเศษ ช่วยลดอาการบาดเจ็บบริเวณกระดูกต้นคอ
ในรถมี 6 ลำโพง อัดแน่นด้วยระบบเพิ่มคุณภาพเสียง ทั้ง DSP (Digital Signal Processor), LIVE-ACS (Live Acoustic) และโดดเด่นกว่ารถในระดับเดียวกัน (ถือเป็นรถ B-Segment รุ่นแรกเลย ที่มีให้) นั่นคือ ASL (Speed Auto Sound Levelizer) ที่ช่วยปรับระดับความดังของเสียงตามความเร็วของรถ นอกจากนี้ยังสามารถเล่นแผ่น MP3 และไฟล์ WMA ได้ (รุ่น J/E 4 ลำโพง, รุ่น G 6 ลำโพง)
เบาะนั่งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จัดว่านั่งได้สบาย ไม่อึดอัด ระยะเบาะหน้าที่สามารถเลื่อนเบาะนั่งได้ 255 มม. ความสูงของเบาะนั่งที่สามารถปรับได้ 45 มม. ปรับระดับสูงต่ำพวงมาลัย 30 มม. พื้นรถด้านหลังแบบเรียบ ไม่มีอุโมงค์ด้านหลังให้เกะกะเท้า สำหรับคนนั่งตรงกลาง …
ส่วนตรงคันเกียร์ ถ้าเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ดูหรูหราด้วยคันเกียร์แบบ Gate-Type เข้าเกียร์ง่าย …
ที่เก็บสัมภาระด้านหลังใหญ่พิเศษ จุได้เต็มที่ ขนาดความจุ 475 ลิตร กว้างขวางกว่ารุ่นเดิมถึง 19% เบาะหลังพับลงได้ในสัดส่วน 60:40 (เฉพาะรุ่น G)
มาตรฐานความปลอดภัยมาแบบจัดเต็ม ระบบเบรคป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบกระจายแรงเบรค (EBD) และระบบเสริมแรงเบรค (BA) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า เป็นต้น พอหลังจากรุ่นไมเนอร์เชนจ์ในปีหลังๆ โตโยต้าจึงจัดมาให้ครบในทุกรุ่นย่อย
ทัศนะความคุ้มค่าน่าใช้ โดย Mr.Carro …
ความคุ้มค่าตอนซื้อ
บอกได้เลยว่า Vios เป็นรถที่ซื้อง่ายขายคล่อง เป็นที่นิยมของคนทุกวัย รวมไปถึงยังเป็นรถที่ไว้ใช้งานประจำบริษัท หรือหน่วยงานต่างๆ เป็นแท็กซี่รุ่นเก่าก็มี มีให้เห็นกันตลอดเวลา ของแต่งรถก็มีให้เลือกเพียบ
ความคุ้มค่าตอนใช้งาน
รุ่นนี้จัดว่าเป็นรถที่คุ้มค่าสำหรับคนใช้รถอีกรุ่น ทั้งประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ทนทาน ติดแก๊สใช้งานได้เลย ไม่จุกจิก เสียช่างที่ไหนก็ซ่อมได้ เครื่องยนต์กับเกียร์เซ็ทมาให้ทำงานได้สัมพันธ์กัน พวงมาลัยไม่หนัก ขับแล้วไหลลื่น อัตราเร่งดี ออฟชั่นที่ให้มาก็คุ้มค่า ระบบความปลอดภัยมีให้ทุกรุ่นย่อย
ส่วนจุดด้อยที่หลายคนพูดถึง ก็จะมีอย่างมาตรวัดตรงกลาง (แบบตั้งตรงกลาง ไม่หันหน้าเข้าคนขับแบบรุ่นเก่า) ที่ไม่ชินต่อความรู้สึกของคนส่วนใหญ่อย่างแรง ขับแล้วมองไม่ถนัดตา กับ Vios รุ่นนี้เปลี่ยนมาใช้คันเร่งไฟฟ้าแล้ว เวลาเหยียบแบบหนักๆ อาจไม่ทันใจนักกว่าคันเร่งแบบใช้สาย ระบบช่วงล่างที่ขับเร็วๆ แล้ว จะเริ่มบิน …
ความคุ้มค่าตอนซ่อม
ตัวรถไม่จุกจิก ทนทาน ประหยัด ราคาอะไหล่ไม่แพง เตรียมงบไว้สำหรับดูแลตามปกติ ปีละ 5,000 – 10,000 บาท (กรณีดูแลรักษาทั่วไป ถ้ามีเช็คระยะใหญ่ ก็อาจจะต้องเตรียมเงินไว้เพิ่ม) ครับ
ความคุ้มค่าตอนขายต่อ
สำหรับ Toyota Vios โฉมปี 2007 – 2013 มีราคามือสองอยู่ที่ 130,000 – 280,000 บาท (เป็นราคาในตลาดรถปี 2565 โดยประมาณ และขึ้นอยู่กับปีรถ รุ่นย่อย กับ สภาพของตัวรถ)
Download Catalogue Toyota Vios คลิกที่นี่ >>> Toyota-Vios-10-2010-Brochure
สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!
สำหรับใครที่รักรถ Toyota Vios และอยากเป็นเจ้าของ Toyota Vios สภาพเยี่ยมสักคัน Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เรามี โตโยต้า วีออส ให้คุณเลือกมากมาย คุณสามารถจองรถ Toyota Vios ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!
ซึ่ง โตโยต้า วีออส ทุกคัน ผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!
อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!
หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai