9-New-Cars-In-Half-Year-Later-2018

รถใหม่ รถเด่น 9 รุ่น เตรียมเปิดตัวครึ่งหลังปี 2018

ช่วงครึ่งหลังปี 2561 ที่หลายคนยังบ่นว่า เศรษฐกิจไม่ดี ข้าวยากหมากแพง แต่ตลาดรถใหม่ก็ยังคงแข่งขันกันอย่างดุเดือด เพื่อช่วงชิงยอดขายให้ได้มากที่สุด โดยหลายค่าย เตรียมตัวเปิดตัวรถใหม่ ที่เป็นรถยอดนิยมของคนไทยกันอยู่แล้ว …

Carro ขอแนะนำ 9 รถใหม่ รุ่นเด็ด ที่เตรียมตัวเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 นี้ จะมียี่ห้อไหน รุ่นใดบ้าง ไปชมกันได้เลยครับ.

Toyota Camry

Toyota-Camry

Toyota เตรียมแผนการเปิดตัว Toyota Camry (โตโยต้า คัมรี่) ในไทย ทั้งในรุ่นเครื่องยนนต์เบนซินธรรมดา และรุ่น Hybrid ช่วงประมาณปลายปี 2561 นี้ หลังจากที่เปิดไปแล้วในหลายประเทศ โดยมาพร้อมกับแพลทฟอร์ม TNGA และรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต

ส่วนเครื่องยนต์ คาดว่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร 167 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด, เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร 184 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และ เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด ขนาด 2.5 ลิตร 211 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT

Nissan Terra – มาแน่

Nissan-Terra

Nissan เตรียมเปิดตัวรถ SUV 7 ที่นั่ง โดย Nissan Terra (นิสสัน เทอร์ร่า) จะใช้พื้นฐานร่วมกับ Nissan Navara เตรียมผลิตขายในไทยช่วงปลายปีนี้

ด้านขุมพลังนั้น เวอร์ชั่นไทย คาดว่าจะเป็นแบบเดียวกับในตลาดฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับในรุ่น Navara ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.5 ลิตร รหัส YD25DDTi ให้แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด

Honda HR-V – มาแน่

Honda-HR-V-2018

หลังจากที่ทาง Honda ได้เผยโฉม Honda HR-V (ฮอนด้า เฮชอาร์วี) โฉมไมเนอร์เชนจ์ในรูปแบบ Teaser แล้ว ก็คาดว่าในไม่ช้าก็จะเปิดตัวแน่นอน รูปโฉมภายนอกมาพร้อมชุดกันชนหน้าและกระจังหน้าใหม่ ไฟหน้า และไฟตัดหมอกแบบใหม่ ด้านท้ายต่างจากรุ่นปัจจุบันนิดหน่อย

เครื่องยนต์คาดว่ายังคงใช้ขนาด 1.8 ลิตร แบบเดิม แต่ไฮไลท์เด็ดที่คาดว่า (นะ) ฮอนด้า อาจจะใส่ระบบ Honda LaneWatch แบบเดียวกับในรุ่น Accord และ CR-V ที่มีมาให้ ส่วนจะมีรุ่นเครื่องยนต์ Hybrid และรุ่นใส่ชุดแต่งสปอร์ต “RS” หรือไม่ ต้องติดตาม …

Honda Accord

Honda-Accord

Honda Accord (ฮอนด้า แอคคอร์ด) เจนเนอเรชั่นที่ 10 มาพร้อมรูปร่างหน้าตา ที่ฉีกแนวจากเดิมหมด ดีกว่าเดิมทุกด้าน ทั้งระยะฐานล้อ 2,830 มม. (ยาวขึ้น 55 มม.) ความสูง 1,450 มม. (ลดลง 15 มม.) และความกว้างตัวรถ 1,860 มม. (กว้างกว่า 10 มม.) ไฟหน้าแบบ Full LED 9 ดวง ไฟตัดหมอกแบบ LED รวมไปถึงติดตั้งไฟท้าย LED รูปตัว C ภายในเน้นความหรูหรา แฝงอารมณ์สปอร์ต

คาดว่าจะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร Turbo 192 แรงม้า หรือเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร Turbo 252 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด คาดว่าเปิดตัวในไทย ประมาณปลายๆ ปีนี้

Ford Ranger (Minorchange) – มาแน่

Ford-Ranger

Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) ไมเนอร์เชนจ์ ภายนอกปรับดีไซน์กระจังหน้า พร้อมแถบโครเมียมคู่แนวนอน ไฟหน้าแบบ HID พร้อม Daytime Running Light แบบ LED ภายในมีการปรับเล็กน้อย

ในรุ่น Wildtrak เวอร์ชั่นไทยคาดว่ามีเพิ่มระบบความปลอดภัยขั้นสูง เช่น ระบบช่วยประคองรถให้อยู่ในเลน, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน และ Adaptive Cruise Control รวมถึงระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Active Park Assist โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องจับพวงมาลัย

คาดว่า Ford Ranger ใหม่ เตรียมเปิดตัวในไทยช่วงปลายปีนี้

Ford Everest (Minorchange) – มาแน่

Ford-Everest

Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) ใหม่ เตรียมเปิดตัวในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ ภายนอกปรับดีไซน์กระจังหน้า ชายล่างกันชนหน้าเล็กน้อย และล้อแม็กใหม่ ลายก้านคู่ ภายในน่ามีการปรับในหลายอย่าง บวกกับออพชั่นที่มีมาเพิ่มเติม อาทิ ระบบ Passive Keyless Entry, ปุ่ม Start-Stopเครื่องยนต์ รวมไปถึงระบบ Auto Start-Stop และระบบเบรกอัตโนมัติ (AEB) ป้องกันการชนคนเดินถนนด้านหน้า เริ่มทำงานตั้งแต่ความเร็วเกิน 3.6 กม./ชม. ขึ้นไป

เครื่องยนต์ใหม่ ที่มาแทนเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร นั่นคือ ดีเซล 2.0Bi Turbo แบบ 4 สูบ เทอร์โบคู่ ให้แรงม้าสูงสุด 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

ส่วนเครื่องยนต์เดิมแต่ปรับแต่งใหม่ ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบเทอร์โบแปรผัน TDCI ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิด 375 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที (ปรับแรงม้าลงจาก 160 แรงม้า / แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

Mitsubishi Xpander

Mitsubishi-Xpander

มิตซูบิชิ เตรียมเปิดตัวยนตรกรรมชั้นนำระดับโลก Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) รถ Crossover MPV ได้พบกับตัวจริงที่ไทยอย่างแน่นอน อาจจะเป็นกลางปีนี้ หรือปลายปีนี้

Mitsubishi Xpander ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร MIVEC ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า (PS) ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด มีให้เลือกเฉพาะระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น

MG3 – มาแน่

MG3

หลังจากที่ต้องเผชิญเสียงติชมจากลูกค้าผู้ใช้ MG3 (เอ็มจี3) มานาน สำหรับรถที่ถือว่า ขายดีสุดของ MG ในเวลานี้ …

ในวันที่ 21 มิถุนายน 2561 ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ซะที ปรับปรุงรูปร่างหน้าตา ภายนอกภายใน ใหม่หมด! รวมไปถึงเลิกใช้ระบบเกียร์ AMT เจ้าปัญหา เปลี่ยนมาเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด ชุดใหม่ ที่ขับแล้วมั่นใจได้มากขึ้นกว่าเดิม

Hyundai H-1 – มาแน่

Hyundai-H-1

Hyundai H-1 / Grand Starex (ฮุนได เฮชวัน / แกรนด์ สตาร์เร็กซ์) รุ่นปรับไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่สอง ด้านหน้าปรับโฉมต่างไปจากเดิมมาก ด้วยไฟหน้าทรงเหลี่ยม กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่ กันชนหน้าใหม่ ล้อแม็กลายใหม่ โดยในรุ่น Top ใช้ชุดไฟท้ายแบบ LED และล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว ให้ความหรูหราสง่างามมากยิ่งขึ้น ภายในห้องโดยสารเปลี่ยนชุดคอนโซลหน้าใหม่หมด (ในรุ่น Grand Starex) พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน หัวเกียร์ออกแบบใหม่ มีระบบ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว หน้าจอทัชสกรีน อยู่กึ่งกลางคอนโซล และติดตั้งระบบแอร์ดิจิตอล พร้อมระบบถุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้าง

เวอร์ชั่นไทย เตรียมเปิดตัวในไทยประมาณช่วงงาน BIG Motor Sale 2018 ระหว่างวันที่ 18-27 สิงหาคม 2561 นี้ ซึ่งยังคงใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร เหมือนเดิม ครับ

ถูกใจแบบไหน อยากได้แบบไหน เตรียมตัวเก็บเงิน ไปรอซื้อกันได้แล้วครับ …

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech

กลับมาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของป้าย Silverado

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-2

กลับมาอีกครั้ง สำหรับรถกระบะค่าย Chevrolet ในปี 2019 มาพร้อมกับชุดเครื่องยนต์เพิ่มเทอร์โบ 2.7 ลิตร 4 สูบใหม่ ชุดเกียร์ 6 ชุด เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 310 แรงม้ารุ่นใหม่ แทนที่ V6 ขนาด 4.3 ลิตร ที่เป็นชุดขับเคลื่อนมาตรฐานสำหรับรุ่น LT และสเปกใหม่ของ RST มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 22% จึงประหยัดน้ำมันมากขึ้น พร้อมระบบจัดการเชื้อเพลิงที่ดียิ่งขึ้น

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-2

อัพเดตสำหรับระบบส่งกำลัง ประกอบด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.7 ลิตร และยังมีการปรับปรุงเครื่องยนต์ขนาด 5.3 ลิตร และ 6.2 ลิตร ที่ติดตั้งระบบจัดการเชื้อเพลิงแบบไดนามิค หากใครที่ต้องการความพรีเมี่ยมมากขึ้น สามารถเจาะจงไปที่รุ่น LTZ (รุ่นท้อป)  และ High country trims (รถสไตล์คันทรี่ยกสูง) เพราะสามารถติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.3 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตรที่กำลังจะมาถึง หรือ V8 6.2 ลิตร ที่เป็น V8 ขนาด 420 แรงม้า

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-2

ในขณะเดียวกัน รถรุ่น LT, RST และ LT Trail Boss คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 5.3 ลิตร (มาตรฐาน LT Trail Boss, อุปกรณ์เสริม LT / RST), เทอร์โบ 2.7 ลิตรใหม่ที่มีกำลัง 310 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 472 นิวตันเมตร (LT / RST มาตรฐาน) หรือแบบใหม่ทั้งหมดอย่าง Duramax 3.0 ลิตร ใน turbodiesel (มีอยู่บน LT / RST) ด้วยเทคโนโลยี Start/Stop และระบบปรับความเร็ว 10 ระดับโดยอัตโนมัติ (เทคโนโลยีที่เครื่องยนต์จะดับลงโดยอัตโนมัติ เมื่อรถถึงจุดหยุดนิ่งระหว่างรอสัญญาณไฟแดง ขณะที่อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ รวมถึงพัดลมแอร์ยังคงทำงานอยู่ และจะติดเครื่องให้อัตโนมัติเมื่อปล่อยเท้าออกจากเบรก หรือขยับพวงมาลัย เป็นต้น) ซึ่งเทคโนโลยีนี้ จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ราว 8-15 เปอร์เซ็นต์จะออกวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2019

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-7

ด้วยน้ำหนักที่น้อยลง เนื่องจากรถรุ่นนี้ตัวรถปรับโครงสร้างใหม่ และทำจากเหล็กประเภท High Tensile Steel ทำให้ความต้านทานต่อลมต่ำ และไม่ทำให้การขับขี่เสียประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิง Silverado รุ่นนี้ จึงเป็นรถกระบะที่บรรทุกได้มากกว่า แต่ตอบสนองดีและเร่งความเร็วได้มากขึ้น ซึ่งทางทีมงานวิศวกรที่สร้างรถรุ่นนี้ ขอยืนยันว่า นี่เป็นรถบรรทุกที่ดีที่สุดที่ Chevrolet เคยสร้างขึ้นมา

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-7 2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-7

สำหรับการผลิตรถกระบะแค็บรุ่น V8 จะเริ่มขึ้นในไตรมาสที่สามของปี 2018 ในขณะที่ในไตรมาสที่ 4 จะมีการผลิตรถรุ่นปกติ และรถสองล้อรวมถึงเครื่องยนต์เทอร์โบ V6 และ 2.7 ลิตร

New-Suzuki-Dzire

Suzuki Swift 4 ประตู ที่ในบ้านเราไม่มีขาย!

New-Suzuki-DzireSuzuki Dzire (ซูซูกิ ดีไซร์) ใหม่ (หรือ Suzuki Swift เวอร์ชั่นซีดาน) ใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ในงาน Manila International Auto Show 2018 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ หลังจากที่ออกจำหน่ายในประเทศอินเดียตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ในฐานะรถซีดานขนาดเล็กสำหรับคนรุ่นใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 2 โดย Maruti Suzuki India Limited ผู้ออกแบบและผลิตรถยนต์รุ่นนี้

New-Suzuki-Dzire

Suzuki Dzire ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ Swift ใหม่ มีความยาวตัวรถไม่เกิน 4 เมตร (3,995 มม.) เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีรถยนต์ในประเทศอินเดีย ขณะที่รุ่นแฮทช์แบ็ค มีความยาวตัวรถ 3,840 มม. ส่วนความกว้างของตัวรถอยู่ที่ 1,735 มม. สูง 1,515 มม. และระยะฐานล้อ 2,450 มม.

New-Suzuki-Dzire

เครื่องยนต์ใช้แบบเดียวกับเวอร์ชั่นอินเดีย เป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 113 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ Auto Gear Shift 5 สปีด

ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.3 ลิตร DDiS แรงม้าสูงสุด 73 แรงม้า ในเวอร์ชั่นฟิลิปปินส์ ไม่มีให้เลือก

New-Suzuki-Dzire

New-Suzuki-Dzireภาพประกอบจากเวอร์ชั่นอินเดีย

ภายในห้องโดยสารเหมือนกันกับ Swift แต่ใช้โทนสีเบจ พวงมาลัย 3 ก้านตกแต่งด้วยลายไม้ มีช่องแอร์ด้านหลัง พร้อมเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส SmartPlay เป็นต้น ปรับภาพลักษณ์ให้ดูหรูหรากว่าแบบ Swift ที่เน้นหนักไปทางสปอร์ต

New-Suzuki-Dzire

ส่วนในบ้านเรา Suzuki Dzire ไม่มีมาขายแน่นอนครับ

New-SUV-And-Crossover-In-Motor-Show-2018

พบกับรถ SUV และ Crossover รุ่นใหม่ จากงาน Motor Show 2018 ได้ที่นี่

ในยุคปัจจุบัน ถ้าจะให้พูดถึงรถยนต์อเนกประสงค์ หรือ รถยนต์ในรูปแบบ SUV, PPV หรือ Crossover นั้น เป็นที่นิยมมากขึ้นทุกปี (ดูได้จากยอดขายรถประเภทนี้ ย้อนหลังไป 5 ปีที่ผ่านมา) เพราะเป็นรถที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะไว้วิ่งในเมือง ไว้ออกต่างจังหวัด ลุยน้ำท่วม ขนสัมภาระมากมาย หรือเดินทางไปกับครอบครัวหลายคนก็ตาม

ในงาน Motor Show 2018 นี้ บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ที่มีไลน์การผลิตรถแนว SUV, PPV หรือ Crossover ต่างรีบนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของตนออกสู่ตลาดโดยเร็ว เพื่อช่วงชิงยอดจองและยอดขาย ซึ่งในงาน Motor Show 2018 จะมีรุ่นใดมาโชว์นั้น CARRO ขอนำเสนอข้อมูลให้ทุกท่านดูกันได้เลยครับ …

Toyota C-HR

Toyota-C-HR

Toyota C-HR (โตโยต้า ซี-เฮชอาร์) รถ Crossover อเนกประสงค์ ที่ทาง Toyota นำมาโชว์ ถือว่าได้รับความสนใจอย่างล้มหลามเลยทีเดียว มีทั้งรุ่นเบนซิน และรุ่นไฮบริดให้เลือกกันถึง 4 รุ่นย่อย

ซึ่ง Toyota C-HR ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FBE ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า และเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 122 แรงม้า ที่ยกชุดมาจากในตัว Prius รุ่นล่าสุด ชูจุดเด่นเรื่องความประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense และมีระบบ Toyota T-Connect Telematics เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้สะดวกและง่ายดาย

ราคาของ Toyota C-HR ใหม่

– รุ่น 1.8 Entry ราคา 979,000 บาท
– รุ่น 1.8 Mid ราคา 1,039,000 บาท
– รุ่น Hybrid Mid ราคา 1,069,000 บาท
– รุ่น Hybrid Hi ราคา 1,159,000 บาท

Mazda CX-5

Mazda-CX-5

Mazda (มาสด้า) เปิดตัว Crossover SUV รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง “Mazda CX-5” ใหม่ มาพร้อมรูปทรงการออกแบบอันสง่างามทั้งภายนอกและภายใน ที่ได้แรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์ของงานศิลปะญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ตามแนวทางการออกแบบ “Less is more” ภายนอกดูเรียบง่าย แต่สุขุม และยังคงให้ความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวในแบบฉบับใหม่ อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด

Mazda CX-5 มาพร้อมเครื่องยนต์ SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร ให้แรงม้า 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ประหยัดน้ำมันสูงสุด 13.9 กม./ลิตร

และเครื่องยนต์คลีนดีเซล SKYACTIV-D ขนาด 2.2 ลิตร ให้แรงม้า 175 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิดสูง 420 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ประหยัดสูงสุด 17.5 กม./ลิตร

ราคา Mazda CX-5 ใหม่

– รุ่น 2.0 C ราคา 1,290,000 บาท
– รุ่น 2.0 S ราคา 1,400,000 บาท
– รุ่น 2.0 SP ราคา 1,530,000 บาท
– รุ่น 2.2 XD ราคา 1,560,000 บาท
– รุ่น 2.2 XDL ราคา 1,770,000 บาท

Mitsubishi Pajero Sport

Mitsubishi-Pajero-Sport

Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต) ใหม่ รุ่นปี 2018 เพียบพร้อมด้วยความเหนือระดับ ทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เทคโนโลยี ความปลอดภัยและสมรรถนะ พร้อมแพ็คเกจอุปกรณ์ตกแต่งใหม่ล่าสุดที่ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มความหรูหราของรถอเนกประสงค์ยอดนิยมรุ่นนี้

ตกแต่งพิเศษด้วยชุดอุปกรณ์เหนือระดับ 10 รายการ เพื่อเพิ่มสัมผัสความประณีตสไตล์สปอร์ตพรีเมี่ยม นอกจากเสาอากาศแบบฝังกระจกหลังแล้ว การตกแต่งปรับโฉมเน้นไปที่การยกระดับความหรูหราเหนือระดับของห้องโดยสาร

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล MIVEC VG Turbo ที่มาพร้อมเสื้อสูบและฝาสูบอลูมินัม อัลลอย ความจุ 2.4 ลิตร ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำ ให้พละกำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุดถึง 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที

ราคาของ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่

– รุ่น 2WD GT ราคา 1,296,000 บาท
– รุ่น 2WD GT-Premium ราคา 1,399,000 บาท
– รุ่น 4WD GT-Premium ราคา 1,539,000 บาท

Subaru XV

Subaru-XV

Subaru XV (ซูบารุ เอ็กซ์วี) รถ Crossover ที่เคยสร้างกระแสความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และสร้างยอดขายให้กับ Motorimage ผู้นำเข้ารถยนต์ซูบารุในบ้านเราได้มากพอสมควร ถึงเวลาเปลี่ยนโฉมใหม่ตามญี่ปุ่น พัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มล่าสุด “Subaru Global Platform” ร่วมกันกับ Impreza ใหม่ คาดว่ามาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT แบบ 7 สปีด เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2017 นี้

Subaru XV ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส FB20 แบบ Boxer 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พัฒนาขึ้นใหม่กว่า 80% เพิ่มกำลังอัดเป็น 12.5:1 (จากเดิม 10.5:1) ให้แรงม้าสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ 7 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Symmetrical AWD และระบบ X-Mode สำหรับส่งถ่ายกำลังขับเคลื่อน 4 ล้อ

ราคาของ Subaru XV ใหม่

– รุ่น 2.0i ราคา 1,159,000 บาท
– รุ่น 2.0i-P ราคา 1,259,000 บาท

Isuzu MU-X

Isuzu-MU-X

Isuzu (อีซูซุ) ส่ง Isuzu MU-X The Iconic (อีซูซุ มิวเอ็กซ์ ดิ ไอคอนนิค) รถยนต์นั่งอเนกประสงค์สุดหรูรุ่นล่าสุด ที่มาเพิ่มทางเลือกและต่อยอดความแรงของ “The New Isuzu MU-X” ภายใต้นิยาม Signature of Privilege เอกลักษณ์แห่งเอกสิทธิ์

เพิ่มเติมความโฉบเฉี่ยว หรูหรา งดงามทุกรายละเอียด อาทิ สปอร์ตเท่รอบคันกับชุดแต่ง Iconic Style ห้องโดยสารโทนเข้ม Lava Black ขับเน้นอารมณ์สปอร์ต ระบบความบันเทิงพร้อม Built-in Navigator และ Digital TV Tuner และล้ออัลลอย 18″ Iconic Cross ทำให้เป็นยนตรกรรมไลฟ์สไตล์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้รถที่มีสไตล์อันโดดเด่น ไม่ซ้ำใคร

มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ที่ให้การตอบสนองการขับขี่ที่ดี ประหยัดน้ำมัน และรักษาสิ่งแวดล้อม ชุดเกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 2 ล้อ พร้อมช่วงล่างที่นุ่มนวล รวมถึงเทคโนโลยีและฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตยุคใหม่ให้ผู้ใช้รถได้สูงสุดในทุกด้าน โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ ขาวมุกเอเวอร์เรสต์ (Everest Pearl White) และ ดำออสเตรเลียนโคล (Australian Coal Black)

ราคาของ Isuzu MU-X ใหม่

– รุ่น 1.9 Ddi 4×2 CD A/T ราคา 1,099,000 บาท
– รุ่น 1.9 Ddi 4×2 DVD M/T 1,214,000 บาท
– รุ่น 1.9 Ddi 4×2 DVD AT 1,264,000 บาท
– รุ่น1.9 Ddi 4×2 DVD Navi DA AT 1,329,000 บาท
– รุ่น 3.0 Ddi 4×2 DVD NAVI AT 1,374,000 บาท
– รุ่น 3.0 Ddi 4×4 DVD NAVI AT 1,474,000 บาท
– รุ่น 1.9 Ddi 4×2 AT The Iconic ราคา 1,354,000 บาท
– รุ่น 3.0 Ddi 4×2 AT The Iconic ราคา 1,399,000 บาท

MG ZS

MG-ZS

MG (เอ็มจี) ประเทศไทย นำ MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) มาโชว์รูปลักษณ์ของ New MG ZS ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดบริท ไดนามิค (Brit Dynamic) ที่มีความทันสมัยมากขึ้นและสปอร์ตยิ่งกว่าเดิม พร้อมชูจุดเด่นรถยนต์รุ่นแรกของเอ็มจี ที่มาพร้อมกับระบบอัจฉริยะ i-SMART มีระบบ Voice Command ภาษาไทย

New MG ZS ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ รหัส 15S4C ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC VTi-TECH ให้แรงม้าสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Manual Mode

ราคาของ MG ZS ใหม่

– รุ่น C ราคา 679,000 บาท
– รุ่น D ราคา 729,000 บาท
– รุ่น X ราคา 789,000 บาท

BMW X2

BMW-X2

BMW X2 (บีเอ็มดับบลิว เอ็กซ์2) สมาชิกใหม่ล่าสุดในตระกูล X ของบีเอ็มดับเบิลยู ฉีกภาพลักษณ์แบบเดิมๆ ด้วยดีไซน์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสปอร์ตทรงพลังตั้งแต่แรกเห็น

มาพร้อมรูปทรงโฉบเฉี่ยวและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ผสานรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตคูเป้เข้ากับความแข็งแกร่งทรงพลังในแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยู ตระกูล X โดยเป็นครั้งแรกที่กระจังหน้าไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW มีรูปทรงส่วนฐานด้านล่างกว้างกว่าด้านบน สร้างมิติให้รถดูกว้างและโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ตอกย้ำความสปอร์ตด้วยช่องดักอากาศลวดลายหกเหลี่ยม นอกจากนี้ BMW X2 ยังเป็นรุ่นแรกในตระกูล X ที่มีตราของบีเอ็มดับเบิลยูประดับอยู่บนเสา C-pillar ทั้งสองข้าง

BMW X2 มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน M Sport X สะดุดตาด้วยสเกิร์ตและซุ้มล้อสี Frozen Grey ตัดกับสีตัวถังอย่างลงตัว ท่อไอเสียแบบคู่ ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาลาย Y-spoke ในสไตล์ M ขนาด 19 นิ้ว และเฟรมรอบซุ้มล้อรูปทรงเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ในสี Frozen Grey เช่นกัน

BMW X2 sDrive20i M Sport X ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 4 สูบ ให้แรงม้าสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบ/นาที เมื่อจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ Steptronic คลัตช์คู่ 7 สปีด มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.7 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม.

อีกหนึ่งไฮไลท์อันโดดเด่นของ BMW X2 คือ หลังคากระจกแบบ Panorama สองส่วน ส่วนหน้าสามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอื่น ๆ รวมถึงหน้าจอ Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว ปุ่มควบคุม iDrive พร้อมระบบสัมผัส ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่ที่กระจกหน้าฝั่งคนขับ (BMW Head-Up Display) วิทยุพร้อมการเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth และช่อง USB การเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth ช่อง USB และแท่นสำหรับอุปกรณ์เสริม

BMW X2 ราคา 2,999,000 บาท

Mercedes-Benz GLC-Class

Mercedes-Benz-GLC-Class

Mercedes-Benz นำ GLC-Class มาโชว์ พร้อมกับเผยรุ่นใหม่อย่าง GLC 250 4MATIC Coupé AMG Plus (เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี 240 4แมติก คูเป้ เอเอ็มจี พลัส) ใหม่ ยนตรกรรมที่ผสานความอเนกประสงค์ของรถยนต์สไตล์เอสยูวีและความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ของรถยนต์คูเป้เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมโดดเด่นด้วยการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ที่สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างลงตัว มีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่กว้างขวางด้วยความจุ 500-1,400 ลิตร

GLC 250 4MATIC Coupé AMG Plus มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง ให้แรงม้าสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,200 – 4,000 รอบ/นาที มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-Tronic อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.3 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 222 กม./ชม.

ราคาของ Mercedes-Benz GLC-Class ใหม่

– GLC 250 4MATIC Coupé AMG Plus ราคา 4,060,000 บาท

Pickup-In-Motor-Show-2018

ต้อนรับหน้าร้อน กับรถกระบะรุ่นเด่นๆ ในงาน Motor Show 2018

รถกระบะ ถือเป็นรถที่ยอดนิยมอย่างยิ่งของชาวไทยมานานนับหลายสิบปี ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ออพชั่น และกำลังเครื่องยนต์ที่มากขึ้นเรื่อยๆ และยอดขายยังเป็นปัจจัยที่แสดงให้เห็นถึงสภาวะเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง เป็นรถสารพัดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ใช้งานได้ทั้งในเมือง ในที่ทุรกันดาร ขนของ ขนสัตว์ ใช้รับจ้างหาเงิน ทำเป็นรถสองแถวก็ได้ หรือใช้งานส่วนตัวก็ดี ฯลฯ

ในงาน Motor Show 2018 นี้ ผู้ผลิตรถกระบะหลายเจ้าอย่าง โตโยต้า, อีซูซุ, มิตซูบิชิ, ฟอร์ด หรือ เชฟโรเลต ต่างส่งรถกระบะโฉมใหม่ หรือรุ่นพิเศษของตัวเองออกมาเพื่อกระตุ้นตลาด ช่วงชิงยอดจองและยอดขาย โดนใจผู้บริโภคที่อยากเปลี่ยนรถกระบะคันใหม่

โดยในงาน Motor Show 2018 จะมีรถกระบะรุ่นใดมาโชว์นั้น CARRO ขอนำเสนอข้อมูลให้ทุกท่านดูกันได้เลยครับ …

Toyota Hilux Revo

Toyota-Hilux-Revo-Rocco

Toyota นำเสนอ “Hilux Revo รุ่นปรับโฉมใหม่” ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “ตัวตนของคนจริง” ด้วยดีไซน์ใหม่ของกันชนหน้า กระจังหน้าแบบโครเมียมและสีดำเงา และกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา สอดรับกับสีภายในห้องโดยสารใหม่โทนสีดำ ตลอดจนอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ที่มีการปรับเพิ่มให้ครอบคลุมทุกการใช้งาน

และยังมี Hilux Revo Rocco (ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่) ใหม่! รุ่นตกแต่งพิเศษ เปิดตัวในงานนี้ด้วย ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “แกร่งเกินนิยาม” โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.8 ลิตร รหัส 1GD-FTV แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC VN Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-2,600 รอบ/นาที

ราคาของ Toyota Hilux Revo ใหม่ อยู่ที่ 523,000 – 1,154,500 บาท

Isuzu D-Max X-Series

Isuzu-D-Max-X-Series

Isuzu (อีซูซุ) เปิดตัว “ใหม่! อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” แรงขีดสุด…เต็มสปีดพันธุ์เอ็กซ์ ไลฟ์สไตล์ปิกอัพเพื่อคนสายพันธุ์สปอร์ต ปรับโฉมใหม่เพิ่มเอกลักษณ์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ทั้งภายนอกและภายใน มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Speed สปอร์ตเข้าถึงจิตวิญญาณชาวเรซซิ่ง และครั้งแรกกับทางเลือก ใหม่! Speed Cab4 ปิกอัพสปอร์ต 4 ประตูของคนพันธุ์เท่ พร้อมด้วยรุ่น Hi-Lander สปอร์ตพรีเมี่ยม เท่ หรูหรามีสไตล์ดุจรถยนต์นั่ง

ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมขุมพลังสปอร์ตสไตล์เอ็กซ์ เครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ และระบบส่งกำลังสไตล์สปอร์ตโดยทั้งรุ่นเกียร์ออโตเมติก 6 สปีด แบบ Rev Tronic และรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มาพร้อมโอเวอร์ไดร์ฟ 2 ตำแหน่งที่เกียร์ 5 และ 6

ราคาของ Isuzu D-Max อยู่ที่ 502,000 – 1,099,000 บาท

ราคาของ Isuzu D-Max X-Series ใหม่ อยู่ที่ 742,000 – 966,000 บาท

Nissan Navara (MY2018)

Nissan-NP300-Navara

ครั้งแรกในรถปิคอัพ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัจฉริยะ ใน Nissan NP300 Navara (นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา) ใหม่ กับกล้องมองภาพรอบทิศทาง AVM (Around View Monitor) 360 องศา มองเห็นภาพภายนอกได้รอบคัน และเพิ่มถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งรอบคัน (เฉพาะรุ่น Top)

มาพร้อมเครื่องยนต์ให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ขนาด 2.5 ลิตร รหัส YD25DDTi แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VGS Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 403 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที

ส่วนในรุ่น 4WD รหัส YD25DDTi แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VGS Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที

ราคาของ Nissan NP300 Navara อยู่ที่ 549,500 – 1,106,000 บาท

Mitsubishi Triton Athlete

Mitsubishi-Triton

Mitsubishi (มิตซูบิชิ) นำ Triton รุ่นพิเศษ “Triton Athlete” (ไทรทัน แอทลีท) สปอร์ต พันธุ์เข้ม มาโชว์ เร้าใจทุกมุมมองด้วยชุดแต่งพิเศษรอบคันจากโรงงาน มีสีให้เลือก 3 สี ได้แก่สีขาว, สีเทา และสีดำ ตกแต่งภายในด้วยโทนสีดำ-ส้ม พร้อมสัญลักษณ์ Athlete เครืองเสียงแบบหน้าจอสัมผัสพร้อมรองรับระบบ Apple CarPlay เป็นต้น

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร รหัส 4N15 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VG Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที

ราคาของ Mitsubishi Triton อยู่ที่ 522,000 – 1,111,000 บาท

ราคาของ Mitsubishi Triton Athlete อยู่ที่ 746,000 – 1,072,000 บาท

Ford Ranger Raptor

Ford-Ranger-Raptor

Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเตอร์ แรพเตอร์) ถูกสร้างมาไม่ซ้ำใคร เพราะนี่คือรถกระบะออฟโรดคันแรกของเอเชีย ที่ตั้งใจสร้างมาแบบไร้ข้อจำกัด สร้างและพัฒนายนตรกรรมออฟโรดทั้งคัน ทำใหม่หมด! ส่งตรงจากโรงงานของฟอร์ด นี่แหละกระบะพันธุ์โหดออฟโรดตัวจริงที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง

โครงสร้างทั้งหมดประกอบไปด้วยเหล็ก High-strength Low-alloy (HSLA) หลายเกรด เพื่อให้พร้อมรับทุกความโหด และเข้าถึงสมรรถนะขั้นสุด แชสซีส์ถูกปรับโครงสร้างใหม่หมด มาพร้อมโช้คอัพคู่ด้านหน้าและหลังของ Fox Racing Shox ที่มาพร้อมระบบบายพาสภายใน (Internal Bypass) และระบบกันสะเทือนหลังแบบใหม่ รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์และคอยล์โอเวอร์ช็อค ที่เน้นสมรรถนะการขับขี่บนทางออฟโรดเป็นพิเศษ

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร (1,996 ซีซี) Twin Turbo (ทำงานร่วมกันระหว่าง High-Pressure (HP Turbo) เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure (LP Turbo) เทอร์โบแรงดันต่ำ ควบคุมด้วยวาล์ว Bypass) ให้แรงม้าสูงสุด 213 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift มาพร้อมระบบ Terrain Management System (TMS) สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ถึง 6 แบบ รวมถึงโหมดการขับขี่บาฮาสำหรับการขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูง

ราคาของ Ford Ranger อยู่ที่ 599,000 – 1,199,000 บาท

ราคาของ Ford Ranger Raptor อยู่ที่ 1,699,000 บาท

Chevrolet Colorado

Chevrolet-Colorado-High-Country-Storm

Chevrolet (เชฟโรเลต) เชฟโรเลต ประเทศไทย เปิดตัวรถกระบะ Colorado High Country Storm รุ่นล่าสุด ซึ่งมาพร้อมสีภายนอกใหม่ล่าสุด “Orange Crush” และตกแต่งพิเศษเพิ่มเติมจากชุดอุปกรณ์ตกแต่ง “Thunder” ชุดใหม่

อุปกรณ์ตกแต่งบนรถกระบะสีส้ม “Orange Crush” มีจัดจำหน่ายแบบแยกชิ้น ขณะที่ชุดแต่ง “Thunder” มอบความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้า ด้วยการรวมชุดอุปกรณ์ตกแต่งที่ได้รับความนิยมเข้าไว้ด้วยกัน ในราคาพิเศษ

และ เชฟโรเลต ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความพึงพอใจของลูกค้า จึงนำระบบความปลอดภัยแบบ Active ล้ำสมัยไว้ใน Colorado รุ่น 2 ประตู (X-Cab) LT Z71 และรุ่น 4 ประตู (C-Cab) LT Z71 (ทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ) ซึ่งประกอบด้วย ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง (TSC) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) และ ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (HSA) เป็นต้น

ราคาของ Chevrolet Colorado อยู่ที่ 530,000 – 1,103,000 บาท

Chevrolet-Colorado-High-Country-Storm-2019

เปิดตัวโคโลราโด ไฮ คันทรี สตอร์ม ปี 2019 ด้วยสีภายนอกใหม่ กับตกแต่งรถกระบะ “Thunder” ใหม่ล่าสุด และเพิ่มเติมเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบ Active

เชฟโรเลต ประเทศไทย เปิดตัวรถกระบะ Colorado High Country Storm รุ่นล่าสุด ซึ่งมาพร้อมสีภายนอกใหม่ล่าสุด “Orange Crush” บนชั้นดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้าฟอร์จูนทาวน์ กรุงเทพฯ ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็น ที่มีแสงสีส้มเรืองรองของพระอาทิตย์ตกดิน เป็นฉากหลังที่สมบูรณ์แบบ

Chevrolet-Colorado-High-Country-Storm-2019

Storm มีสีภายนอกทั้งหมด 8 สี ได้แก่ สีใหม่ Orange Crush, Blue Me Away, Pull Me Over Red, Black Meet Kettle Metallic, Summit White, Satin Steel Grey Metallic, Auburn Brown Metallic รวมถึงอีกหนึ่งสีใหม่ ที่จะเปิดตัวภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39

Chevrolet-Colorado-High-Country-Storm-2019

เชฟโรเลต ยังตกแต่งโคโลราโด สี Orange Crush พระเอกของงานให้โดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น ด้วยการตกแต่งพิเศษเพิ่มเติมจากชุดอุปกรณ์ตกแต่ง “Thunder” ชุดใหม่ ประกอบด้วย

– ซุ้มล้อสีดำด้าน
– ตราสัญลักษณ์เชฟโรเลต โบว์ไท สีดำ ด้านหน้า
– ตราสัญลักษณ์เชฟโรเลต โบว์ไท สีดำ ด้านหลัง
– เบดไลเนอร์
– บันไดข้างสีดำแบบสปอร์ต
– กระจังหน้าสีดำ
– สติ๊กเกอร์สีดาด้าน พร้อมสัญลักษณ์โคโรลาโดสาหรับตกแต่งฝากระบะท้าย
– ฝาปิดถังน้ามัน พร้อมตราสัญลักษณ์เชฟโรเลตสีดำ
– ฮูด สกู๊ป

ท่านสามารถดูรายละเอียดชุดอุปกรณ์ตกแต่ง “Thunder” สำหรับรถกระบะโคโรลาโดทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ Chevrolet

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

นอกจากนี้ ยังมีชุดอุปกรณ์ตกแต่งภายในห้องโดยสารของโคโลราโด ที่ลูกค้าสามารถเลือกสรรได้ตามต้องการ ดังนี้

– ชุดตกแต่งแผงคอนโซลหน้ากลางสีส้ม
– ชุดตกแต่งคันเกียร์สีบรอนซ์เงิน
– ชุดตกแต่งช่องแอร์สีบรอนซ์เงิน
– ชุดตกแต่งข้างประตูสีส้ม

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง “Thunder” มีจำหน่ายแยกไม่รวมอยู่ในชุดแต่งบนรถรุ่น High Country Storm ซึ่งประกอบไปด้วย สปอร์ตบาร์ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว สติกเกอร์บนฝากระโปรงหน้าพร้อมโลโก้ High Country กระจกมองข้าง มือจับที่เปิดประตู มือจับทีเปิดฝาท้าย ขอบหน้าต่าง กันชนท้ายสีดำพร้อมเซ็นเซอร์ถอยหลัง และสติกเกอร์สตอร์มตกแต่งข้างตัวรถ โดยชุดแต่งเป็นสีดำทั้งหมด

Chevrolet-Colorado-High-Country-Storm-2019

ทั้งนี้ อุปกรณ์ตกแต่งบนรถกระบะสีส้ม “Orange Crush” มีจัดจำหน่ายแบบแยกชิ้น ขณะที่ชุดแต่ง “Thunder” มอบความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้า ด้วยการรวมชุดอุปกรณ์ตกแต่งที่ได้รับความนิยมเข้าไว้ด้วยกัน ในราคาพิเศษ

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

เชฟโรเลต ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความพึงพอใจของลูกค้า จึงนำระบบความปลอดภัยแบบ Active ล้ำสมัยไว้ใน Colorado รุ่น 2 ประตู (X-Cab) LT Z71 และรุ่น 4 ประตู (C-Cab) LT Z71 (ทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ) ซึ่งประกอบด้วย ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง (TSC) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) และ ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (HSA)

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

รถกระบะ Colorado High Country Storm และ High Country ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยแอคทีฟอื่นๆ ได้แก่ ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจรระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า ระบบช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019 รถกระบะ Colorado High Country Storm เพียบพร้อมด้วยระบบอำนวยความสะดวกสบาย ได้แก่ กล้องมองหลัง เซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำฝน ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่นรีโมทสตาร์ท ดีไซน์ใหม่ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารก่อนขึ้นรถ

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

รถกระบะรุ่นนี้ ยังมาพร้อมระบบ Infotainment เชฟโรเลต มายลิงค์ เจนเนอเรชั่นล่าสุด ระบบควบคุมสั่งการด้วยเสียง สิริ อายส์ ฟรี ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์ และกระจกหน้าต่างคู่หน้า ที่เลื่อนลงเล็กน้อยอัตโนมัติ เพื่อช่วยในการปิดประตู

“และเมื่อสีสันที่โดดเด่น ผสานกับการตกแต่งที่สะดุดตา บนรถกระบะที่บึกบึนอย่างโคโลราโด แน่นอนว่าจะทำให้รถกระบะรุ่นนี้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ที่สะท้อนตัวตนและแสดงถึงบุคลิกที่แท้จริงของเราทุกครั้ง ที่ได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัย”

Toyota-Alphard-Vellfire-2018

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย แนะนำ Toyota Alphard 3.5 VIP, 2.5 Hybrid และ Vellfire 2.5 รุ่นปรับโฉมใหม่ ด้วยแนวคิด “My Vision My Decision”

Toyota-Alphard-2018

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ระดับหรู Toyota Alphard (โตโยต้า อัลฟาร์ด) อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ปี 2552 ด้วยการใส่ใจในการออกแบบทุกรายละเอียด ทั้งภายในและภายนอกอย่างประณีต ซึ่งผ่านการทดสอบคุณภาพรถยนต์ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย

Toyota-Alphard-2018

ต่อมาในปี 2558 ได้แนะนำโตโยต้า อัลฟาร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 3 ประกอบด้วยรุ่นอัลฟาร์ด 3.5 VIP และ อัลฟาร์ด 2.5 ไฮบริด พร้อมทั้งแนะนำ โตโยต้า เวลไฟร์ 2.5 เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราที่มาพร้อมความสปอร์ต

Toyota-Vellfire-2018

โตโยต้า อัลฟาร์ด และเวลไฟร์ รุ่นปรับโฉมใหม่ สะท้อนความสมบูรณ์แบบเหนือระดับ ด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่น และความสะดวกสบายครบครันอันเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมกับความพิเศษสำหรับลูกค้าในประเทศไทยโดยเฉพาะ กับชุดแต่งสเกิร์ตด้านหน้าและด้านหลัง อุปกรณ์บริหารหลังแบบไฟฟ้า กล่องรับสัญญาณดิจิตอลทีวี อีกทั้งระบบ T-connect Telematics

Toyota-Vellfire-2018

เพื่อเป็นการขอบคุณและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า จึงขอมอบข้อเสนอพิเศษ ด้วยการขยายเวลารับประกันคุณภาพรถใหม่เป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. พร้อมฟรีค่าแรงเช็คระยะถึง 100,000 กม. หรือ 5 ปี แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน

อัลฟาร์ด รุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ไฮบริด มาพร้อมความคุ้มครองที่ครบครันยิ่งขึ้นด้วย Hybrid Worry Free กับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และระบบไฮบริด 5 ปี ตอกย้ำความเป็นผู้นำและคุณภาพระบบไฮบริดของโตโยต้า

สำหรับรุ่นอัลฟาร์ด 3.5 VIP มาพร้อมขุมพลังใหม่ V6 24วาล์ว DOHC Chain Drive VVT-iW และ D-4S เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดพร้อม Direct Shift เพื่อสมรรถนะเต็มกำลังและประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ในรุ่นเวลไฟร์ 2.5 ยังได้เพิ่มสีใหม่ Steel Bronze Metallic เป็นอีกหนึ่งทางเลือก

โตโยต้า อัลฟาร์ด และ เวลไฟร์ รุ่นปรับโฉมใหม่

Toyota-Vellfire-2018

I. ดีไซน์ภายนอกใหม่เป็นเอกลักษณ์

– กระจังหน้าโครเมียมใหม่ … ดีไซน์หรู
– ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED พร้อมไฟ Daytime Running Lights และไฟเลี้ยวหน้า-หลังแบบ Sequential …
– ไฟตัดหมอก …
– ชุดไฟท้ายแบบ LED …
– ล้ออัลลอย …

Toyota-Alphard-Vellfire-Guarantee

– ป้ายติดกระจกหลัง “Officially Authorized By Toyota Motor Thailand Co., Ltd.” และ “10-Year Hybrid Battery Guarantee” … นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี

Toyota-Alphard-2018 Toyota-Alphard-2018 Toyota-Alphard-2018

II. ดีไซน์ภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก

– โดดเด่นด้วยการตกแต่งภายใน … ทั้งลายไม้ภายในตัวรถ สีมาตรวัดความเร็ว และการตกแต่งของลายเบาะหนัง* (เฉพาะรุ่น 3.5 VIP)
– อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) … รองรับการชาร์จไฟตามมาตรฐาน Qi (เฉพาะอุปกรณ์ที่รองรับและขนาดที่กำหนด)
– ไฟอ่านหนังสือบริเวณเบาะนั่งด้านหลังแถวที่ 1 … สำหรับผู้โดยสาร
– เบาะนั่งแบบ Seat Ventilator & Heater บริเวณเบาะนั่งคู่หน้าและเพิ่มระบบบริหารหลังไฟฟ้า Air Lumba Pro ในอัลฟาร์ด 2.5 ไฮบริด และเวลไฟร์ 2.5 …
– กล่องรับสัญญาณดิจิทัลทีวี …

Toyota-Vellfire-2018

III. ระบบความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบ

– ไฟตัดหมอกด้านหลัง … เพิ่มความชัดเจนในการมองเห็นแก่ผู้ร่วมทาง
– ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) … หากมีรถอยู่ในมุมอับสายตาที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยกระจกมองข้าง ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่กระจกมองข้างด้านนั้นๆ เพื่อให้ผู้ขับระมัดระวังในการเปลี่ยนเลน
– กระจกมองหลังแบบดิจิตอล (Digital Rear View Mirror) … พร้อมฟังก์ชั่นตัดแสงอัตโนมัติ (EC Mirror)

Toyota-Vellfire-2018

IV. ระบบ T-Connect Telematics เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์

– Find My Car เช็คตำแหน่งรถผ่านแอพพลิเคชั่น Find My Car หรือ Apple Watch
– Stolen Vehicle Tracking ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์เมื่อถูกโจรกรรม
– SOS Emergency Service ประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในบางกรณี)
– Parking Alert ระบบแจ้งเตือนผ่าน Notification เมื่อรถถูกสตาร์ท หรือเคลื่อนที่
– Pay As You Drive ประกัน “ขับน้อย จ่ายน้อย” ข้อเสนอการคุ้มครองสุดพิเศษให้คุณจ่ายตามการใช้งานจริง
*สำหรับการทำประกันภัยกับบริษัทฯ ที่กำหนดไว้เท่านั้น
– My Toyota Wi-Fi เชื่อมต่อความบันเทิงพร้อมกันสูงสุด 9 อุปกรณ์ *ตามเงื่อนไขที่กำหนดในแพ็กเกจ
– Navigator ระบบนำทางพร้อมแสดงข้อมูลจราจร
– OPS (Operator Service) ผู้ช่วยค้นหาเส้นทางตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการจองร้านค้าชั้นนำ

Toyota-Vellfire-2018

โตโยต้า อัลฟาร์ด และ เวลไฟร์ กับสีรถที่มีให้เลือก

Steel Bronze Metallic (ใหม่) / White Pearl Crystal / Burning Black ในเวลไฟร์

และ White Pearl Crystal / Luxury White Pearl Crystal / Black ในอัลฟาร์ด

ราคา / Price

Vellfire 2.5 ราคา 3,809,000 บาท
Alphard 2.5 Hybrid ราคา 3,939,000 บาท
Alphard 3.5 VIP ราคา 5,429,000 บาท

**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน และชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ พร้อมค่าติดตั้งโดยบริษัท TAC จำกัด*

(*เวลไฟร์ 2.5 และ อัลฟาร์ด 2.5 ไฮบริด มูลค่า 62,000 บาท // อัลฟาร์ด 3.5 VIP มูลค่า 47,000 บาท)

Mazda3-MY2018

Mazda3 รุ่นปี 2018 เพิ่มออพชั่นใหม่ๆ เพียบ ขึ้นราคาอีกรุ่นละ 1 หมื่นบาท

Mazda3-MY2018

ถึงเวลาที่มาสด้าขยับอีกครั้ง ด้วยการเสริมทัพ C-Segment อย่าง Mazda3 (มาสด้า3) คอมแพคคาร์ระดับพรีเมียมที่เทียบเท่ากับคู่แข่งรถยนต์จากค่ายยุโรป เตรียมพร้อมสู้ศึกลุยตลาดก่อนถึงงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ ภายใต้แนวคิดสุดหรู Vision Beyond Imagination หรือ มิติใหม่ของความสมบูรณ์แบบที่มีอยู่จริง ที่ยังคงมาพร้อมกับการออกแบบระดับโลกของมาสด้าหรือ “โคโดะ ดีไซน์” ที่สะท้อนความโดดเด่นสง่างามจากการเคลื่อนไหวอันทรงพลังของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ ผนวกกับเทคโนโลยีสุดล้ำที่ไม่เหมือนใครอย่างสกายแอคทีฟ และระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ (G-Vectoring Control)

ส่งผลให้รถมาสด้า3 ใหม่ เพิ่มความโดดเด่นมากยิ่งขึ้นเหนือระดับ ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ มากมายจนล้นคัน แต่ปรับราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียงแค่ 10,000 บาทเท่านั้น โดยราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 857,000 บาท

Mazda3-MY2018

มาสด้า3 รุ่น 2018 คอลเล็กชั่น มาพร้อมสีใหม่ล่าสุด สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal) ที่เพิ่มภาพลักษณ์ความสปอร์ตพรีเมียมให้กับรถมาสด้า3 ปรับปรุงคุณภาพของทุกองค์ประกอบโดยมีปรัชญา HMI เป็นพื้นฐาน ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกและภายใน ฟังก์ชั่นต่างๆ รวมถึงความเงียบภายในห้องโดยสาร

Mazda3-MY2018

มาสด้า3 ยังติดอันดับ Top 3 ของรถยนต์ที่ได้เข้าชิงรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก เมื่อปี 2557 และรางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลก ปี 2557 การเปิดตัว มาสด้า3 รุ่น 2018 คอลเลคชั่น นี้ เป็นอีกหนึ่งในความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของชาวมาสด้า เพิ่มระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM) และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน เร้าใจ และปลอดภัยยิ่งขึ้น

โดยในปีนี้ มาสด้าตั้งเป้ายอดขายเฉพาะมาสด้า3 ประมาณ 6,000 คัน และยอดขายโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 60,000 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 17%

Mazda3-MY2018

สำหรับรถยนต์มาสด้า3 ถือเป็นโมเดลหลักสำคัญ ที่ทำให้มาสด้าเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง โดยรุ่นแรกขึ้นไลน์การผลิตที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ จังหวัดระยอง เมื่อปี 2546 ได้สร้างปรากฏการณ์ต่างๆ ไว้มากมาย และมียอดขายในประเทศไทยสูงถึง 30,000 คัน ถัดมารุ่นที่ 2 เริ่มผลิตขึ้นเมื่อปี 2554 มียอดขาย 13,000 คัน และรุ่นที่ 3 เมื่อปี 2557 จนถึงปัจจุบัน มียอดขายสูงถึง 25,500 คัน รวมทั้ง 3 โมเดล มียอดขายกว่า 68,500 คัน เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญอย่างมากในสายผลิตรถยนต์ของมาสด้า สิ่งสำคัญคือรถยนต์มาสด้า3 ได้ก้าวเข้ามาเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์มาสด้า โดยมียอดขายสูงถึง 1 ใน 3 ของยอดจำหน่ายมาสด้าทั่วโลก ด้วยยอดขายเกือบ 5 ล้านคันใน 142 ประเทศ ที่สำคัญยังได้รับรางวัลและประกาศเกียรติคุณต่างๆ กว่า 180 รางวัล

Mazda3-MY2018

รถยนต์มาสด้า3 รุ่นปี 2018 คอลเลคชั่น ได้เพิ่มออพชั่นล้ำสมัย ตอบสนองกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ ประกอบด้วย

ชื่อรุ่น รายการอุปกรณ์มาตรฐานที่เพิ่มเติมจากรุ่นก่อนหน้า
2.0 E (แบบ 4 ประตู) 2.0 E Sports (แบบ 5 ประตู) 1. เพิ่มระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advance Blind Spot Monitoring, ABSM)
2. เพิ่มระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert, RCTA)
2.0 C (แบบ 4 ประตู) 2.0 C Sports (แบบ 5 ประตู)
  1. เพิ่มไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อม Daytime Running Light
  2. เพิ่มระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา
  3. เพิ่มเพิ่มระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advance Blind Spot Monitoring, ABSM)
  4. เพิ่มระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert, RCTA)
2.0 S (แบบ 4 ประตู) 2.0 S Sports (แบบ 5 ประตู)
  1. เพิ่มเบาะนั่งด้านคนขับแบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
  2. เพิ่มระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา
  3. เพิ่มระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advance Blind Spot Monitoring, ABSM)
  4. เพิ่มระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert, RCTA)
2.0 SP (แบบ 4 ประตู) 2.0 SP Sports (แบบ 5 ประตู)
  1. เพิ่มเบาะนั่งด้านคนขับแบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
  2. เพิ่มระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา
  3. เพิ่มระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor)
  4. เพิ่มระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด

 

Mazda3-MY2018

รถยนต์มาสด้า3 รุ่น 2018 คอลเล็กชั่น มีรูปแบบตัวถังให้เลือกทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแบบแฮตช์แบค 5 ประตู ในรูปแบบเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร

โดยสีภายนอกมี มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ซึ่งสีใหม่ล่าสุดคือ สีแดง โซลเรด คริสตัล, สีเทาแมชชีน เกรย์, สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล, สีน้ำตาล ไททาเนียม แฟลช, สีเงิน อลูมินัม เมทัลลิค, สีดำ เจ็ท แบล็ก และสีน้ำเงิน อีเทอนอล บลู

Mazda3-MY2018

ราคาจำหน่ายรถยนต์มาสด้า3 รุ่น 2018 คอลเลคชั่น ทั้งรุ่นซีดาน 4 ประตู และรุ่นแฮตช์แบค 5 ประตู

  • รุ่น 2.0 E ราคา 857,000 บาท
  • รุ่น 2.0 C ราคา 951,000 บาท
  • รุ่น 2.0 S ราคา 998,000 บาท
  • รุ่น 2.0 SP ราคา 1,149,000 บาท
Jaguar-E-Pace-2018

Compact SUV ขุมพลังดีเซล สไตล์สปอร์ต ในราคา 3,600,000 บาท

Jaguar-E-Paceจากัวร์ อี-เพช ใหม่ (Jaguar E-Pace) รถ Compact SUV ที่มาในรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวแบบรถสปอร์ต กับพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางรองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สมาชิกใหม่ล่าสุดของจากัวร์

Jaguar-E-Pace

จากัวร์ อี-เพช ใหม่ รวมเอาลักษณะโดดเด่นทั้งการออกแบบดีไซน์ สมรรถนะการขับเคลื่อน ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด อันเป็นเครื่องหมายการค้าของจากัวร์เข้าไว้ด้วยกัน โดยได้แรงบันดาลใจในการออกแบบด้านสมรรถนะ มาจากรถยนต์เอสยูวี จากัวร์ เอฟ-เพซ (Jaguar F-Pace) ร่วมกับรูปลักษณ์โดดเด่นสะดุดตา ได้มาจากรถยนต์สปอร์ตจากัวร์ เอฟ-ไทป์ (Jaguar F-Type)

Jaguar-E-Pace

การออกแบบภายนอกถ่ายทอดความเป็นจากัวร์อย่างเด่นชัดด้วยกระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วงหน้าสั้นแต่มีสัดส่วนโค้งเว้าของตัวรถที่ดูแข็งแกร่งทรงพลัง สื่อความหมายในสมรรถนะการขับเคลื่อนอันยอดเยี่ยม อีกทั้งความลาดเอียงของโครงหลังคาที่สอดรับกับหน้าต่างด้านข้าง ภายในแสดงให้เห็นถึงสายพันธุ์สปอร์ตของจากัวร์ เอฟ-ไทป์ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น คันเกียร์สไตล์ จากัวร์ เอฟ-ไทป์ แผงคอนโซลหน้า แผงประตู และเบาะนั่งที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้ผู้ขับขี่รู้สึกถึงความสปอร์ต

Jaguar-E-Pace

Mr. Ian Callum ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของจากัวร์ กล่าวว่า “หลักในการออกแบบรถยนต์ตามแบบฉบับของจากัวร์ทำให้ จากัวร์ อี-เพช ใหม่ ถูกจดจำในฐานะรถยนต์สปอร์ตไปในทันที อีกทั้งประสานการออกแบบเพื่อการใช้สอยทุกพื้นที่ภายในห้องโดยสารแบบรถเอสยูวี รวมถึงการตอบสนองการใช้งานรถยนต์ในแบบครอบครัวอย่างลงตัวทั้งสมรรถนะและรูปลักษณ์”

Jaguar-E-Pace

จากัวร์ อี-เพช ใหม่ มีความยาวรวม 4,395 มม. ระยะความกว้างฐานล้อ 2,681 มม. ทำให้ภายในห้องโดยสารขนาด 5 ที่นั่งมีความกว้างขวางสะดวกสบายด้วยพื้นที่วางขาถึง 892 มม. ความจุของพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุด 577 ลิตร ขึ้นอยู่กับการจัดวางพื้นที่นั่งด้านหลัง โครงสร้างตัวถังแบบใหม่ มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางขึ้น แข็งแกร่ง รองรับสมรรถนะการขับขี่ในทุกสภาพพื้นผิวถนน ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ Integral Link ที่วิศวกรของจากัวร์ออกแบบมาเป็นอย่างดี ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวล ด้วยความแข็งแกร่งของตัวถังทำให้สามารถต่อพ่วงอุปกรณ์อื่นๆ เข้ากับตัวรถได้น้ำหนักสูงสุดถึง 1,800 กิโลกรัม

Jaguar-E-Pace

จากัวร์ อี-เพช ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล Ingenium 150 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ภายใน 10.5 วินาที (0-60 ไมล์/ชม./9.9 วินาที) อัตราเร่งความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 193 กม. /ชม. อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ที่ 160 กรัม/กม.

Jaguar-E-Pace

Mr. Alan Volkaerts ผู้อำนวยการสายการผลิต กล่าวว่า “สมาชิกใหม่ล่าสุดของตระกูลเพช (Pace) ถูกออกแบบโดยเน้นที่ความสะดวกสบายและเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสาร กับเครื่องยนต์ Ingenium แบบล่าสุดของจากัวร์ ถือเป็นรถยนต์ที่รวมเอาการพลังขับเคลื่อนแบบรถสปอร์ตจากัวร์มาไว้ในรถยนต์เอสยูวี”

Jaguar-E-Pace

และนับเป็นครั้งแรกของจากัวร์ ในการติดตั้งระบบขับเคลื่อน Active Driveline ให้กับจากัวร์ อี-เพช การตั้งค่าอัจฉริยะนี้จะลดจุดบกพร่องระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ให้แรงบิดเต็มสมรรถนะและมีเสถียรภาพสูงสุดรวมทั้งให้ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงได้ดีที่สุดในทุกสภาวะ

Jaguar-E-Pace

อีกคุณสมบัติของจากัวร์ อี-เพช ใหม่ คือ เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ด้วยเซนเซอร์ช่วยจอดหน้า-หลัง โดยกล้องวิดีโอที่ตัวรถยังทำงานเชื่อมต่อกับระบบบังคับควบคุมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า ลดจุดอับสายตาและลดความเสี่ยงในการเฉี่ยวชนจากด้านข้างเมื่อขับขี่บนถนนที่มีหลายเลน และยังมีถุงลมนิรภัยสำหรับคนเดินถนนในกรณีที่เกิดการชน ซึ่งติดตั้งอยู่ใต้ขอบของฝากระโปรงหน้า ทั้งหมดเป็นคุณสมบัติและอุปกรณ์มาตรฐานที่มีอยู่ในจากัวร์ อี-เพชทุกคัน

Jaguar-E-Pace

ราคาจำหน่าย จากัวร์ อี-เพช ใหม่ (New Jaguar E-Pace) อยู่ที่ 3,600,000 บาท

พิเศษในช่วงแนะนำ 3,500,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จองตั้งแต่ วันนี้ – 8 เม.ย 2561 หรือในงาน มอเตอร์โชว์ 2018

ส่องปิคอัพรุ่นล่าสุด Honda Ridgeline 2019 เริ่มต้น 9 แสนบาท!

Honda Ridgeline 2019 เริ่มจำหน่ายแล้วในอเมริกา
กับคุณภาพที่เกินราคา

ออกจำหน่ายแล้ววันนี้ สำหรับรถยนต์ปิคอัพจาก Honda Ridgeline 2019 ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มเปิดขายตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2018 สำหรับรุ่นเริ่มต้น คือ รุ่น 2WD RT ในราคา 29,990 เหรียญ หรือประมาณ 930,000 บาท ราคานี้คือ รวมค่าจัดส่งให้ถึงที่บ้านเรียบร้อยแล้ว

2019-honda-ridgeline

ปิคอัพ Honda Ridgeline 2019 รถกระบะคันล่าสุดของค่ายฮอนด้า เหมาะสำหรับการเดินทางไปทำกิจกรรม Outdoor ต่างๆ เช่น ไปปิกนิก ไปเล่นกีฬา หรือบรรทุกผู้โดยสาร ทั้งนี้ ด้านหลังกระบะยังมีฟีเจอร์เด่น ๆ อย่างที่เก็บสัมภาระมีฝาปิด-เปิดจากใต้ท้องกระบะ และเต้าเสียบไฟ AC 115V คอยอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้รถ

2019-honda-ridgeline

ส่วนภายในรถ ก็มีอุปกรณ์ที่ให้มาตามมาตรฐานมากมาย และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นมา หากจ่ายส่วนต่างเพิ่ม อย่างเช่น จอ 8 นิ้ว Audio แบบสัมผัส มาพร้อมกับ Android Auto และ Apple CarPlay ระบบปรับอากาศ 3 โซน และมีที่นั่งคนขับแบบไฟฟ้า ปรับได้ถึง 8 ทิศทาง ภายในยังมีไฟรอบห้องโดยสาร เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย

2019-honda-ridgeline

สำหรับรุ่น 2019, RT, Sport และ RTL จะมี USB Port 2 จุด (เหมือนรุ่นท็อป) ในขณะที่ RTL และ RTL-T มาพร้อมกับกระจกหลังไฟฟ้า และ Moonroof ทั้งนี้ฮอนด้ายังมี อุปกรณ์ตกแต่งที่เป็นทางการออกมามากมาย ให้เลือกแต่งกันได้ตามใจชอบ

2019-honda-ridgeline

ระบบการขับเคลื่อนของ Ridgeline 2019 ใช้เครื่องยนต์ 3.5 ลิตร  i-VTEC V6 เกียร์ออโต้ 6 สปีด 280 แรงม้า แรงบิด 265 ฟุต-ปอนด์ (355 นิวตันเมตร) ในส่วนของลูกค้าที่เลือกซื้อรุ่น AWD ก็จะได้ใช้เทคโนโลยี Intelligent Variable Torque Management (i-VTM4) ของฮอนด้า ที่รองรับทุกสภาพอากาศเหมาะกับประเทศไทย ที่มีความแปรปรวนของอุณหภูมิที่คาดเดาไม่ค่อยได้

2019-honda-ridgeline

ซึ่งตอนนี้ Honda Ridgeline 2019 ยังไม่มีแพลนมาวางจำหน่ายในไทย แต่ถ้าหากมีความเคลื่อนไหว หรือข่าวสารเกี่ยวกับ Honda Ridgeline 2019 มาเมื่อไหร่ คาร์โร จะมาอัพเดตข้อมูลให้อย่างเร็วที่สุด และถ้าคุณกำลังมองหารถกระบะมือสอง (คลิก) หรือต้องการขายรถคันเก่าแบบด่วนๆ (คลิก)

2019-honda-ridgeline

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาจาก:

  • Carscoops.com