Mitsubishi-Pajero-Sport-MY2018

ตกแต่งพิเศษ เพิ่มออพชั่นอีก 10 รายการ เจอตัวจริงได้ที่ Motor Show 2018

Mitsubishi-Pajero-Sport-MY-2018-Front

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ 
ปาเจโร สปอร์ต) ใหม่ เพียบพร้อมด้วยความเหนือระดับ ทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เทคโนโลยี ความปลอดภัยและสมรรถนะ พร้อมแพ็คเกจอุปกรณ์ตกแต่งใหม่ล่าสุดที่ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มความหรูหราของรถอเนกประสงค์ยอดนิยมรุ่นนี้

ในปี 2560 มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มียอดจำหน่ายทั้งหมด 14,454 คัน หนึ่งในผู้นำตลาดรถยนต์ประเภท PPV ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต คือรถอเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย และเป็นที่ยอมรับในด้านสมรรถนะการขับขี่ เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ก้าวล้ำ และสมรรถนะการใช้งานที่ยอดเยี่ยม

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ตกแต่งพิเศษด้วยชุดอุปกรณ์เหนือระดับ 10 รายการ เพื่อเพิ่มสัมผัสความประณีตสไตล์สปอร์ตพรีเมี่ยม นอกจากเสาอากาศแบบฝังกระจกหลังแล้ว การตกแต่งปรับโฉมเน้นไปที่การยกระดับความหรูหราเหนือระดับของห้องโดยสาร

Gear-Electric-Parking

เริ่มจากคอนโซลกลางเสริมด้วยวัสดุผิวนุ่มบริเวณด้านข้าง มาตรวัดเรืองแสงไฮคอนทราสต์พร้อมการแสดงผลแบบอนิเมชั่นสามมิติ และระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสารนาโนอิ1 เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงช่องจ่ายกระแสไฟ AC 220 โวลต์ ช่องต่ออุปกรณ์ USB 2 ตำแหน่ง ช่องเก็บสมาร์ทโฟนที่เบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ที่บังแดดด้านคนขับแบบมีไฟส่องสว่าง ที่บังแดดผู้โดยสารด้านหน้าพร้อมช่องเสียบบัตรและไฟส่องสว่าง รวมถึงช่องระบบปรับอากาศดีไซน์ใหม่แบบ Fin Shut สำหรับผู้โดยสารแถวที่สองและแถวที่สาม

Nanoe

อุปกรณ์เพิ่มเติมเหล่านี้ได้รับการติดตั้งไว้ในห้องโดยสารที่ยังคงความกว้างขวาง หรูหรา และรองรับทุกการใช้งาน ด้วยฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกอันเพียบพร้อม ประกอบด้วย ระบบปรับอากาศปรับอุณภูมิอัตโนมัติแบบแยกปรับซ้าย-ขวา พวงมาลัยแบบปรับสูง-ต่ำและปรับเข้า-ออก เบาะนั่งปรับระดับได้ 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า จอภาพบนเพดานพร้อมเครื่องเล่นดีวีดีสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ และแผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระ

RearPower-Outlet

ขณะที่คอนโซลรูปทรงตัว T ให้สวิตช์และปุ่มควบคุมอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการใช้งานของผู้ขับขี่ รวมถึงหน้าจอทัชสกรีนเพื่อความบันเทิงขนาด 7 นิ้วและระบบนำทาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นมีสวิตช์ควบคุมระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ได้เอง และสวิตช์ควบคุมวิทยุเครื่องเสียง เป็นต้น

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล MIVEC VG Turbo ที่มาพร้อมเสื้อสูบและฝาสูบอลูมินัม อัลลอย ความจุ 2.4 ลิตร ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำ ให้พละกำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุดถึง 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที

มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบดับเบิลวิชโบน คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบทรีลิงค์ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ได้รับการออกแบบเพื่อการเกาะถนนและทรงตัวได้อย่างเหนือชั้น

RearSmartPhone-Socket

ผสานขุมพลังและความแข็งแกร่งผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ด้วยอัตราทดเกียร์เดินหน้า 8 ระดับ พละกำลังจึงถูกถ่ายทอดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อมอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและช่วยประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ระบบส่งกำลังยังมาพร้อมระบบควบคุมและตัดกำลังไปยังเพลาขับแบบอัตโนมัติ (Idling Neutral Control – INC) ที่ช่วยลดการสูญเสียพลังงานที่เกิดจากทอร์กคอนเวอร์เตอร์เมื่อตัวรถจอดนิ่งโดยที่เกียร์อยู่ในตำแหน่ง “D”

ด้วยความโดดเด่นด้านการขับขี่ทั้งบนถนนทั่วไปและเส้นทางทุรกันดาร มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ยังคงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD-II ที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า มีทั้งโหมด 2H ระบบขับเคลื่อนสองล้อ (2WD High-Range) โหมด 4H ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full Time – All Wheel Control (4WD High-Range) โหมด 4HLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง (4WD High-range with Locked Transfer) และโหมด 4LLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ (4WD Low-Range with Locked Transfer) เพื่อการขับขี่บนเส้นทางทุรกันดารและมีความท้าทายสูง

PowerSocket-AC220V

เพื่อเพิ่มเสถียรภาพการยึดเกาะ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ยังคงติดตั้งระบบออฟโรด 4 รูปแบบการขับขี่ที่ปรับเปลี่ยนได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ได้แก่ กรวด (Gravel), โคลน/ หิมะ (Mud/Snow), ทราย (Sand) และ หิน (Rock) กล่องสมองกลจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และระบบเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อเสริมสมรรถนะสูงสุดตามโหมดที่ผู้ขับขี่เลือกใช้

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ยังเหนือกว่ารถในระดับเดียวกันด้วยการติดตั้งระบบล็อกเฟืองท้าย (Rear Differential Lock) ซึ่งทำงานร่วมกับระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง เมื่อระบบนี้ทำงานจะช่วยล็อกเฟืองท้ายเพื่อให้มีการกระจายพละกำลังสู่ล้อคู่หลังแบบ 50:50 ตลอดเวลา จึงเป็นระบบที่มีความสำคัญต่อการขับขี่บนเส้นทางทุรกันดารมากๆ

Socket

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ มีสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวมุก (White Pearl) สีเงิน (Stering Silver) สีเทา (Titanium Gray) สีน้ำตาล (Deep Bronze) และสีดำ (Diamond Black) แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย ได้แก่

– รุ่น 2WD GT ราคาเริ่มต้น 1,296,000 บาท
– รุ่น 2WD GT-Premium ราคาเริ่มต้น 1,399,000 บาท
– รุ่น 4WD GT-Premium ราคาเริ่มต้น 1,539,000 บาท

Rolls-Royce-Phantom-2018

New Phantom มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ กับราคาเริ่มต้น 53.5 ล้านบาท

Rolls-Royce Motor Cars เปิดตัว New Phantom (นิว แฟนทอม) โฉมใหม่อย่างยิ่งใหญ่ ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่ Rolls-Royce มีให้กับประเทศไทยซึ่งเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีโชว์รูม Rolls-Royce ถึง 3 แห่ง และนับเป็นตลาดที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Rolls-Royce-Phantom

ตลอดระยะเวลา 93 ปี มีเพียงรถยนต์โรสส์-รอยซ์ เท่านั้น ที่ได้รับการขนานนามว่ารถที่ดีที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้รับเกียรติในการติดตามผู้ทรงอิทธิพลของโลกหลายท่าน ไม่ว่าหญิงหรือชาย เดินผ่านช่วงเวลาสำคัญต่างๆของประวัติศาสตร์

Rolls-Royce-Phantom

ด้วยนิยามการออกแบบใหม่ที่หลอมรวมพลังของตัวตนนี้ ภาพ New Phantom ที่โลดแล่นอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ จึงเป็นภาพที่หาชมได้ยาก และเปี่ยมด้วยความงดงามยิ่งนัก

Rolls-Royce-Phantom

Rolls-Royce-Phantom

“The Gallery” คือชิ้นงานแนวกว้างที่สร้างติดบนแผงหน้าปัดรถ New Phantom เปรียบเสมือนผีนผ้าในที่ว่างเปล่า สำหรับลูกค้าที่ชอบความหรูหราสามารถรังสรรค์งานศิลปะในแบบที่ต้องการ เป็นห้องแสดงผลงานศิลป์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ แห่งแรกของโลกที่เคยมีมา

Rolls-Royce-Phantom

ขุมพลังและตัวตนของ New Phantom เครื่องยนต์ V12 Twin Turbo แบบใหม่ ที่ให้แรงม้าสูงสุด 563 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร ที่ 1,700 รอบ/นาที พลังจะถูกส่งไปยังอย่างเงียบ และแสนสบาย ซึ่งทำให้การขับเคลื่อนดั่งพรมวิเศษดียิ่งขึ้นไปอีก

Rolls-Royce-Phantom

Rolls-Royce-Phantom

ผลลัพธ์ที่ได้คือผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะรู้สึกว่าภายในรถเงียบกว่า Phantom รุ่นก่อนถึง 10% รถคันนี้ได้รับการยกย่องอย่างมากมายเรื่องคุณภาพการขับขี่ที่แทบจะเงียบสนิท

ประตู เปิด-ปิด อัตโนมัติ

Rolls-Royce Phantom ยานยนต์ระดับอัครมหาเศรษฐีรุ่นล่าสุด ราคาเริ่มต้นที่ 53.5 ล้านบาท ส่วนรุ่นฐานล้อยาว มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 59.5 ล้านบาท เรียกได้ว่า … ต้องระดับอัครมหาเศรษฐีจริงๆ ครับ ถึงจะได้เป็นเจ้าของ Phantom คันนี้

Rolls-Royce-Phantom

พบกับ New Phantom โฉมใหม่ในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 39 @ Impact Challenger เมืองทองธานี

Mitsubishi-Mirage-Limited-Edition

Mirage Limited Edition สีใหม่ ตกแต่งใหม่ ต้อนรับปี 2018

Mitsubishi-Mirage-Limited-Edition-2018

ยกระดับรูปลักษณ์ให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยสีใหม่ 2 สไตล์ คือ สีแดงเมทัลลิก (Red Metallic) หลังคาดำ และ สีขาวมุก (White Pearl) ตัดกับหลังคาสีดำ

Mitsubishi-Mirage-Limited-Edition-2018

มิตซูบิชิ มิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ตกแต่งด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ 10 รายการ เริ่มจากกระจกมองข้างสีดำพร้อมไฟเลี้ยว LED สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED ล้ออัลลอยสีดำขนาด 15 นิ้ว และตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์ลายกราฟฟิก ชุดอุปกรณ์ตกแต่งดังกล่าวช่วยให้ มิตซูบิชิ มิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น มีความสวยงามโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ควบคู่กับการใช้งานที่ได้อย่างลงตัว

Mitsubishi-Mirage-Limited-Edition-2018

ภายในห้องโดยสารของ มิตซูบิชิ มิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ยังคงให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายเป็นหลัก พร้อมตกแต่งเพิ่มสไตล์ที่สวยงาม ผสมผสานกับความเป็นสปอร์ตด้วยเบาะผ้าสีทูโทน ดำ-แดง พร้อมตะเข็บสีแดง หัวเกียร์และพวงมาลัยหุ้มหนัง ตกแต่งเสริมเพิ่มความเป็นสปอร์ตด้วยสีดำแบล็กเปียโนและโครเมียม เดินตะเข็บสีแดง มาพร้อมกระจกส่องหน้าบนแผงบังแดดคู่หน้า และราวมือจับเหนือศีรษะสามตำแหน่งแบบพับได้

Mitsubishi-Mirage-Limited-Edition-2018

มิตซูบิชิ มิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ยังพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งระบบสั่งงานด้วยเสียง พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ และสวิตช์ควบคุมวิทยุที่พวงมาลัย ห้องโดยสารที่กว้างขวางและอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ช่วยมอบความสะดวกสบายอย่างมีสไตล์ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารในการขับขี่ทุกเส้นทางระบบความปลอดภัยของมิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น มีครบครันเพื่อปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคน ระบบความปลอดภัยเชิงรุกประกอบด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) และระบบป้องกัน การลื่นไถล (TCL) ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) (FCM-LS) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (เฉพาะด้านหน้า) (RMS-Forward) ทุกระบบได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยทั้งการขับขี่ด้วยความเร็วปกติ

นอกจากถุงลมนิรภัยคู่หน้า ที่ช่วยปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า มิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ยังมาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) และระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) พร้อมด้วยระบบเสริมแรงเบรก (BA) และยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) กับจุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX สองตำแหน่ง

Mitsubishi-Mirage-Limited-Edition-2018

มิตซูบิชิ มิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร DOHC พร้อม MIVEC ระบบวาล์วแปรผันเอกสิทธิ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มีอัตราบริโภคน้ำมันที่ 23.8 กม./ลิตร และมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ 98 กรัมต่อกม. ใช้ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ INVECS-III CVT พร้อมระบบ INC (Idle Neutral Control) ช่วยควบคุมและตัดกำลังไปยังเพลาขับโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรก และระบบ จี-เซ็นเซอร์ (G-Sensor) ช่วยควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ให้แม่นยำมากขึ้นในทางลาดชัน

มิตซูบิชิ มิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ราคา 564,000 บาท สำหรับรุ่นสีแดงเมทัลลิก (Red Metallic) หลังคาสีดำ และ 571,000 บาท สำหรับรุ่นสีขาวมุก (White Pearl) หลังคาสีดำ

Maserati-Ghibli-2018

Hi-Luxury Sport Sedan เพิ่มความโฉบเฉี่ยว สะกดทุกสายตา

Maserati-Ghibli

มาเซราติ ประเทศไทย พร้อมรุกตลาดไฮลัคชัวรี่ เผยโฉม Maserati Ghibli (มาเซราติ กิบลี่) สปอร์ตซีดาน 4 ประตู รุ่นปรับโฉม ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน “มอเตอร์โชว์”

Maserati-Ghibli

มาเซราติ กิบลี่ 2018 ปรับโฉมเพิ่มความสดใหม่ (ไมเนอร์เชนจ์) บนตัวถังเดิมที่ดูโฉบเฉี่ยวคล้ายรถคูเป้ ผสานความประณีตหรูหรา ตามแบบฉบับรถสปอร์ตอิตาเลียน โดยยังคงเอกลักษณ์ต่างๆ ของมาเซราติไว้ครบถ้วน เช่น กระจังหน้าพร้อมสัญลักษณ์ “ตรีศูล” สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของมาเซราติสุดคลาสสิกจากยุค 1950 และประตูแบบไร้กรอบกระจก (Frameless Doors) ตามสไตล์รถสปอร์ตพันธุ์แท้ กันชนหน้า-หลังปรับปรุงใหม่ ช่วยให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) ต่ำลง 7% จากเดิม 0.31 เหลือ 0.29

Maserati-Ghibli

พร้อมเพิ่มความปลอดภัย ด้วยไฟหน้าแบบ Matrix LED โดย มาเซราติ กิบลี่ ที่นำเข้ามาจำหน่ายในไทย แบ่งเป็น 2 รุ่นหลัก คือ เบนซิน และดีเซล โดยมีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย คือ

Maserati-Ghibli

Ghibli GranLusso (กิบลี่ แกรนลุซโซ่) เครื่องยนต์เบนซิน วี6 สูบ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 350 แรงม้า

Ghibli GranSport (กิบลี่ เอส แกรนสปอร์ต) ใช้เครื่องยนต์เดียวกัน แต่เพิ่มกำลังเป็น 430 แรงม้า

Ghibli Diesel (กิบลี่ ดีเซล) เครื่องยนต์ดีเซล วี6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบ 275 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดถึง
600 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,600 รอบ/นาที

ส่วนรุ่นสุดท้าย เป็น Ghibli Diesel GranLusso (กิบลี่ ดีเซล แกรนลุซโซ่) ที่ถูกเพิ่มหลายออพชั่นล้ำสมัย โดย มาเซราติ กิบลี่ ทุกรุ่นย่อย ส่งกำลังสู่ล้อหลัง ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF

Maserati-Ghibli

จุดเด่น มาเซราติ กิบลี่ ใหม่

ชุดแต่ง 2 สไตล์ (GranSport และ GranLusso)
ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) 0.29
ไฟหน้า Adaptive LED
ระบบประตูแบบ Soft Close
เครื่องยนต์ 430 แรงม้า (Ghibli S)
ระบบควบคุมเสถียรภาพ Integrated Vehicle Control (IVC)
พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS

อุปกรณ์มาตรฐาน Ghibli Diesel ราคา 6,990,000 บาท

ไฟหน้า Adaptive LED
ลายไม้ Radica
ระบบปรับอากาศ 2 โซน
เบาะหุ้มหนังแท้ชนิดพิเศษ
กล้องแสดงภาพขณะถอยหลัง
คาลิเปอร์เบรกสีดำ
ล้อแม็กขอบ 19 นิ้ว

Maserati-Ghibli

อุปกรณ์เพิ่มสำหรับรุ่น Ghibli Diesel GranLusso ราคา 7,590,000 บาท

ระบบ Easy Entry
4 Doors Keyless Entry
Adaptive Cruise Control
Forward Collision Warning
Blind Spot Alert
Lane Departure Warning
Surround View Camera

อุปกรณ์เพิ่มสำหรับรุ่น Ghibli GranLusso ราคา 8,890,000 บาท

ซันรูฟ
Paddle Shift หลังพวงมาลัย
ลายไม้ Ebano
เบาะคู่หน้าพร้อมระบบระบายอากาศ

อุปกรณ์เพิ่มสำหรับรุ่น Ghibli S GranSport ราคา 9,990,000 บาท

กันชนหน้า-หลัง แต่งด้วยสีดำเงา
ลายไม้ Black Piano
เบาะทรงสปอร์ต
พวงมาลัยแบบสปอร์ต
แป้นคันเร่งและเเป้นเบรกดีไซน์สปอร์ต
คาลิเปอร์เบรกสีดำ
ล้อแม็กขอบ 20 นิ้ว

Maserati-Ghibli

มาพร้อม Warranty และ Free Maintenance 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร …

New-Car-in-Motor-Show-2018

รถใหม่หลายหลายรุ่น เตรียมเปิดตัวก่อนและในงาน Motor Show 2018

“มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39” หรือ The 39th Bangkok International Motor Show 2018 ภายใต้แนวคิด “ปฏิวัติทุกการเคลื่อนไหว” หรือ “Revolution in Motion” พร้อมนำรถรุ่นใหม่ ทั้งที่เปิดตัวในปีนี้และปีที่ผ่านมา รวมทั้งรุ่นยอดนิยม มาจัดแสดงต้อนรับต้นปีอย่างยิ่งใหญ่ โดยงานมอเตอร์โชว์ 2018 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 8 เมษายน 2561 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

CARRO ขอนำเสนอรถยนต์ใหม่ๆ ที่เตรียมเปิดตัวก่อนและในงาน Motor Show 2018 โดยในเดือนมีนาคมนี้ บริษัทรถยนต์หลายแบรนด์ ต่างเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ กันหลายค่าย CARRO ขอแนะนำให้ทุกท่านได้ทราบข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ครับผม …

Maserati Ghibli

Maserati-Ghibli-GranLusso

Maserati Ghibli (มาเซราติ กิบลี่) สุดยอดรถยนต์หรูในแบบ Mid-Size จากค่ายตรีศูลของอิตาลี เปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ในวันที่ 7 มีนาคม นี้ โดยมาพร้อมทั้งรุ่นย่อยอย่าง GranSport และ GranLusso รวมไปถึงเครื่องยนต์เบนซิน V6 Twin-Turbo และดีเซล V6 Turbo ในราคา 6,990,000 – 9,990,000 บาท

Rolls-Royce Phantom

Rolls-Royce-Phantom

Rolls Royce Phantom (โรลส์-รอยซ์ แฟนทอม) ได้รับการขนานนามว่ารถที่ดีที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้รับเกียรติในการติดตามผู้ทรงอิทธิพลของโลกหลายท่าน เปิดตัวในไทยไปแล้วในรอบ Sneak Preview ก่อนงานมอเตอร์โชว์ที่จะเริ่มนี้ มีให้เลือกในรุ่นธรรมดา และรุ่นช่วงยาว (Extended Wheelbase) มาพร้อมครื่องยนต์ V12 Twin Turbo แบบใหม่ ที่ให้แรงม้าสูงสุด 563 แรงม้า ในราคาเริ่มต้นที่ 53,500,000 บาท และในรุ่นช่วงยาว 59,500,000 บาท

Jaguar E-Pace

Jaguar-E-Pace

Jaguar E-Pace (จากัวร์ อี-เพซ) รถ Compact SUV จากค่ายเสือจากัวร์ จากแดนผู้ดีอังกฤษ ออกแบบในสไตล์คูเป้ ดูน่ารักปราดเปรียว ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ All-Wheel Drive มาพร้อมห้องโดยสารภายในแบบสปอร์ต มีให้เลือกเฉพาะเครื่องดีเซลขนาด 2.0 ลิตร Ingenuim 150 แรงม้า ในราคา 3,600,000 บาท

BMW M4 CS

BMW-M4-CS

BMW M4 CS (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม4 ซีเอส) ที่สุดของความสง่างามและขุมพลังเครื่องยนต์ เตรียมเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ 2018 นี้

BMW M5

BMW-M5

BMW M5 (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม 5) ใหม่ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจากเทคโนโลยี M xDrive เป็นครั้งแรก ก่อนเปิดตัวสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการในงาน มอเตอร์โชว์ 2018 นี้ ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ M TwinPower Turbo แบบ V8 ขนาด 4.4 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 600 แรงม้า สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.4 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ภายใน 11.1 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 250 กม./ชม. ในราคา 13,339,000 บาท และรุ่นพิเศษ First Edition คันเดียวในไทย (จาก 400 คันทั่วโลก) ราคา 14,939,000 บาท

BMW X2

BMW-X2

BMW X2 (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์2) รถยนต์ตระกูลซีรีส์ X รุ่นล่าสุด เตรียมเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ 2018 นี้แน่นอน นำเข้ามาเฉพาะรุ่น sDrive20i พร้อมชุดแต่ง M Sport X เคาะราคาจำหน่ายที่ 2,999 ล้านบาท

Mercedes-Benz CLS 300 d AMG Premium

Mercedes-Benz-CLS-Class

Mercedes-Benz CLS 300 d AMG Premium (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส 300 ดี เอเอ็มจี พรีเมี่ยม) สุดยอดยนตรกรรมสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและดีไซน์ อันงดงาม มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ และอินเตอร์คูลเลอร์ 245 แรงม้า ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic และระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering – wheel Gearshift Paddles)

Audi A8 L

Audi-A8-L

Audi A8 L (ออดี้ เอ8 แอล) ใหม่ มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย A8 L 55 TFSI quattro Premium และ A8 L 55 TFSI quattro Prestige โดยทั้งคู่เป็นรุ่นฐานล้อยาว มีความยาวตัวถังตลอดคันอยู่ที่ 5,302 มม. มากกว่ารุ่นพื้นฐาน 13 มม. โครงสร้างถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบา คล่องตัวและประหยัดน้ำมัน เน้นดีไซน์ที่ดูสปอร์ต ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน Mild Hybrid แบบ V6 เทอร์โบชาร์จ ความจุ 3.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 340 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ในราคา 6,799,000 – 7,999,000 บาท

Ford Ranger Raptor

Ford-Ranger-Raptor

Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเตอร์ แรพเตอร์) หลังจากที่เปิดตัวไปในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นกระบะที่แรงที่สุดในไทย มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ให้แรงม้าสูงสุด 213 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ส่วนราคาก็ขึ้นไปอยู่ที่หลักล้านกลางๆ ซึ่งตอนรอเปิดราคาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง คาดว่า Ford Ranger รุ่นปกติ ก็เตรียมปรับโฉมตามไปด้วย แฟนๆ ฟอร์ด เตรียมเก็บเงินรอซื้อได้เลย

Nissan GT-R

Nissan-GT-R-Premium-Edition

Nissan GT-R Premium Edition (นิสสัน จีที-อาร์ พรีเมี่ยม เอดิชั่น) เจ้าของตำนานรถซูเปอร์สปอร์ตคาร์ พัฒนาขึ้นเพื่อลูกค้าที่ปรารถนาประสบการขับขี่แบบ “Grand Touring” และ “Racing” โดยเฉพาะ เปิดตัวโฉมใหม่อย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์ 2018 โดย GT-R ยังคงใช้เครื่องยนต์เดิมขนาด 3.8 ลิตร รหัส VR38DETT แบบ V6 Twin Turbo ที่มีน้ำหนักเบา และมีขนาดเล็ก ให้แรงมม้ามากถึง 555 แรงม้า

ซึ่งการเปิดตัว GT-R ในครั้งนี้ เป็นการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ที่ตื่นเต้นเร้าใจ (Innovation That Excites) ของนิสสันมาสู่ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอีกครั้ง ในราคา 13.5 ล้านบาท

Isuzu D-Max X-Series

Isuzu-X-Series-2018

Isuzu D-Max X-Series (อีซูซุ ดีแมกซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ส์) โดดเด่นยิ่งขึ้นทั้งภายนอกและภายใน โดยยังคงเอกลักษณ์เฉพาะในแบบ X-Series ด้วยโทนสีแดง-ดำ กับชุดแต่งรอบคัน สปอร์ตเท่ทุกมุมมอง กับขุมพลัง Blue Power ขนาด 1.9 ลิตร 150 แรงม้า โดย New X-Series มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Speed สปอร์ต และ Speed Cab 4 ปิกอัพสปอร์ต 4 ประตู พร้อมด้วยรุ่น Hi-Lander ในราคา 742,000 – 966,000 บาท

Suzuki Swift

Suzuki-Swift

Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์) ใหม่ Sport Compact Car รุ่นล่าสุด ดีไซน์ที่สปอร์ตลงตัวคงเอกลักษณ์ DNA ของ Swift กับมาตรฐานและความสมบูรณ์แบบระดับโลก ภายใต้ Concept สไตล์เด่นบนเส้นทางที่แตกต่าง “WE STANDOUT” โดยชูจุดเด่นเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่ DualJet ขนาด 1.2 ลิตร 83 แรงม้า ผสานแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT ในราคา 499,000 – 629,000 บาท

Mitsubishi Xpander

Mitsubishi-Xpander

Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) รถ MPV 7 ที่นั่ง สไตล์ครอสโอเวอร์รุ่นใหม่หมดจรด มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ MIVEC ให้แรงม้าสูงสุด 103 แรงม้า ที่จะเปิดตัวในระดับราคากลุ่ม B-Segment ประมาณ 7-8 แสนบาท สเปคและออพชั่นจะจัดเต็มแค่ไหน โปรดติดตามชมให้ดี

Suzuki-Swift-Compare

ดู Suzuki Swift กันให้ชัด! ว่าแต่ละรุ่นย่อย มีอะไรกันบ้าง

Suzuki-Swift

Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์) เปิดตัวมาพร้อมเสียงฮือฮาของคนชอบรถเล็ก และคนที่สนใจรถแนว Eco-Car (อีโคคาร์) มาพร้อมโครงสร้างตัวถังแบบใหม่ HEARTECT ที่่น้ำหนักเบา แข็งแรง ทนต่อการสึกหรอ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12M 83 แรงม้า กับเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ DUALJET และฟังก์ชั่นจัดเต็ม ในราคาที่จับต้องได้

Suzuki-Swift

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12M แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที กับเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ DUALJET รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20

มิติตัวรถ ยาว 3,840 มม. กว้าง 1,735 มม. สูง 1,495 มม. ระยะฐานล้อ 2,450 มม.

Suzuki-Swift

อุปกรณ์มาตรฐานของแต่ละรุ่นย่อย มีดังนี้

1.2 GA CVT ราคา 499,000 บาท

– ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ฮาโลเจน
– ไฟท้าย LED
– จอแสดงข้อมูลการขับขี่ดิจิตอล
– เบาะหลังปรับพับ 60:40
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
– ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP
– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS
– ระบบเบรก ABS และ EBD
– ระบบ Idling Stop
– จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
– เบาะหลังพับแบบ 60:40
– ล้อกระทะเหล็กขนาด 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ

รุ่น 1.2 GL CVT ราคา 536,000 บาท

เพิ่ม

– ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
– มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ
– ที่เปิดประตูท้ายแบบไฟฟ้า
– กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
– เซ็นทรัลล็อค และกุญแจรีโมท
– ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
– เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
– เครื่องเล่นวิทยุ CD/MP3
– USB/AUX
– ไฟห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง

รุ่น 1.2 GLX CVT ราคา 609,000 บาท

เพิ่ม

– กระจังหน้าตกแต่งลายเส้นสีแดง
– ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ปรับสูง-ต่ำได้
– ไฟตัดหมอกคู่หน้า
– เครื่องเล่นวิทยุ CD/MP3/Bluetooth
– กระจกข้างปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
– พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมปุ่มรับโทรศัพท์
– Keyless Entry & Keyless Push Start
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
– มือจับคู่หลังบนเพดาน
– ดิสก์เบรก 4 ล้อ
– ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
– ล้อแม็กขนาด 16 นิ้ว

รุ่น 1.2 GLX-Navi CVT ราคา 629,000 บาท

เพิ่ม

– Suzuki Smart Connect หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว
– ระบบ Navigator รองรับ Apple CarPlay และ Mirrorlink

Suzuki-Swift

ราคา

รุ่น 1.2 GA CVT ราคา 499,000 บาท
รุ่น 1.2 GL CVT ราคา 536,000 บาท (เพิ่มขึ้นจากรุ่น GA CVT 37,000 บาท)
รุ่น 1.2 GLX CVT ราคา 609,000 บาท (เพิ่มขึ้นจากรุ่น GL CVT 73,000 บาท)
รุ่น 1.2 GLX-Navi CVT ราคา 629,000 บาท (เพิ่มขึ้นจากรุ่น GLX CVT 20,000 บาท)

*สีขาว เพิ่มเงินอีก 5,000 บาท

มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ Ablaze Red Pearl, Star Silver Metallic, Mineral Gray Metallic, Super Black Pearl และ 2 สีใหม่ คือ Speedy Blue Metallic และ Pure White Pearl

Isuzu-MU-X-The-Iconic

“อีซูซุมิว-เอ็กซ์ The Iconic” มาพร้อมชุดแต่งสปอร์ต ในราคา 1,354,000 – 1,411,000 บาท

อีซูซุ เขย่าตลาดรถเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการแนะนำ รุ่นพิเศษ! “Isuzu MU-X The Iconic” รถยนต์นั่งอเนกประสงค์สุดหรูที่มาพร้อมชุดแต่งพิเศษสปอร์ตเท่รอบคัน จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบรถที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Isuzu-MU-X-The-Iconic“อีซูซุมิว-เอ็กซ์ The Iconic” เป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์สุดหรูรุ่นล่าสุด ต่อยอดความแรงของ “The New Isuzu MU-X” ภายใต้นิยาม Signature of Privilege เอกลักษณ์แห่งเอกสิทธิ์ โดยเพิ่มเติมความโฉบเฉี่ยว หรูหรา งดงามทุกรายละเอียด อาทิ สปอร์ตเท่รอบคันกับชุดแต่ง Iconic Style ห้องโดยสารโทนเข้ม Lava Black ขับเน้นอารมณ์สปอร์ต ระบบความบันเทิงพร้อม Built-in Navigator และ Digital TV Tuner และล้ออัลลอย 18” Iconic Cross

Isuzu-MU-X-The-Iconic

มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ที่ให้การตอบสนองการขับขี่ที่ดี ประหยัดน้ำมัน และรักษาสิ่งแวดล้อม ชุดเกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 2 ล้อ พร้อมช่วงล่างที่นุ่มนวล รวมถึงเทคโนโลยีและฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตยุคใหม่ให้ผู้ใช้รถได้สูงสุดในทุกด้าน โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ ขาวมุกเอเวอร์เรสต์ (Everest Pearl White) และ ดำออสเตรเลียนโคล (Australian Coal Black) ในราคา 1,354,000 – 1,411,000 บาท

Isuzu-MU-X-The-Iconic

รุ่นพิเศษ! “อีซูซุมิว-เอ็กซ์ The Iconic” ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ศกนี้ ณ โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ

Isuzu-MU-X-The-Iconic-Price

Mazda2-MY2018

Mazda2 (มาสด้า2) ใหม่ ราคาเดิม เพิ่มออพชั่น เปิดตัวแล้ว

Mazda2-MY2018

Mazda แนะนำ Mazda2 (มาสด้า2) รุ่น 2018 Collection ลุยตลาด ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ล่าสุด “Excitement Never Ends” หรือ “เร้าใจ ไม่เคยหยุด” ใส่ออพชั่นเพิ่มจนล้นคัน หวังมัดใจสาวก Zoom-Zoom พร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง SKYACTIV-Vehicle Dynamics ที่มาพร้อมกับระบบ G-Vectoring Control เอกลักษณ์เฉพาะตัวจากมาสด้า เพิ่มออพชั่นเต็มคัน แต่ราคาเท่าเดิม

Mazda2-2018สำหรับมาสด้า2 รุ่น 2018 คอลเลคชั่น ทั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1.3L และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1.5L ทั้งตัวถังแบบซีดานและแฮตช์แบค หวังมัดใจกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ในราคาที่จับต้องได้ง่าย เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานที่หลากหลาย ประกอบด้วย

Mazda2-2018

– สีใหม่ล่าสุด สีแดงโซลเรด คริสตัล ที่ให้ความสดใสเป็นประกายของสีแดง
– ระบบเชื่อมต่อโลกการสื่อสาร MZD Connect
– ระบบไฟหน้า เปิด-ปิด แบบอัตโนมัติ
– ที่ปัดน้ำฝนแบบกระจกหน้าแบบอัตโนมัติ
– ไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อม Daytime Running Light
– ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control)
– ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advance Blind Spot Monitoring, ABSM)
– ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert, RCTA)
– ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry)
– หน้าจอ Active Driving Display แสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี

*ออพชั่นเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของรถ

Mazda2-2018

Mazda 2 เครื่องยนต์เบนซิน

1.3 Skyactiv-G Standard ราคา 530,000 บาท
1.3 Skyactiv-G High ราคา 590,000 บาท
1.3 Skyactiv-G High Connect ราคา 620,000 บาท
1.3 Skyactiv-G High Plus ราคา 670,000 บาท

Mazdd 2 เครื่องยนต์ดีเซล

1.5 Skyactiv-D Standard ราคา 680,000 บาท
1.5 Skyactiv-D High Connect ราคา 750,000 บาท
1.5 Skyactiv-D High Plus L ราคา 789,000 บาท

สำหรับ รุ่น 1.3 Standard ไม่มีการเพิ่มอุปกรณ์

*เฉพาะสี Snowflake Pearl เพิ่มเงินอีก 7,000 บาท
**เฉพาะสี Soul Red เพิ่มเงินอีก 10,000 บาท

รุ่น High

ไฟอ่านแผนที่ตอนหน้า แบบแยกซ้าย–ขวา
ไฟส่องสว่างตรงกลางภายในห้องโดยสาร
หน้าจอกลาง แบบสี Center Display Touchscreen ขนาด 7 นิ้ว
ระบบ MZD Connect พร้อมปุ่ม Center Command
ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
ช่องเชื่อมต่อ USB 1 ช่อง / ช่องใส่ SD Card
ระบบจดจำเสียง Voice Recognition
ลำโพง 6 ตำแหน่ง (เดิน 4 คำแหน่ง)
ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ Auto Headlamp
ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor

รุ่น 1.3 High Connect เพิ่ม

ไฟหน้า LED Projector Lens พร้อมไฟ Daytime Running Light
ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ Auto Headlamp
ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control

รุ่น 1.3 High Plus

ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ Auto Headlamp
ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM
ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA

รุ่น 1.5 Standard

ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ Auto Headlamp
ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ

รุ่น 1.5 High Connect

ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ Auto Headlamp
ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
หน้าจอ Active Driving Display แสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control

รุ่น 1.5 High Plus L

ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ Auto Headlamp
ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor

Mazda2-2018

รถยนต์มาสด้า2 รุ่นปรับโฉมใหม่ มีรูปแบบตัวถังให้เลือกทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแบบแฮตช์แบค 5 ประตู โดยในแต่ละรูปแบบตัวถังจะมี 7 รุ่นย่อย แบ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 รุ่นและเครื่องยนต์คลีนดีเซล 3 รุ่น

Mazda2-2018

สีภายนอก มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ซึ่งสีใหม่ล่าสุด คือ สีแดง โซลเรด คริสตัล, สีขาว สโนว์เฟค ไวท์ เพิร์ล, สีน้ำตาล ไททาเนียมแฟลช, สีเงิน อลูมินัม เมทัลลิค, สีน้ำเงิน อีเทอนอล บลู, สีเทา เมทิเออ เกรย์ และสีดำ เจ็ท แบล็ก

Mazda2-2018

นับได้ว่าคุ้มค่าเลยทีเดียวสำหรับผู้ที่กำลังมองหา Mazda2 ใหม่ รุ่นปี 2018 เพราะนอกจากจะได้ออพชั่นต่างๆ เพิ่มขึ้นมาแล้ว ยังได้ประหยัดเงินด้วยเพราะซื้อได้ในราคาที่เท่ากับรุ่นปี 2017 ส่วนใครที่คิดว่างบประมาณยังมีไม่พอ ก็ลองมองหา Mazda2 มือสองได้ง่ายๆ ด้วยการติดต่อมาที่ Fanpage Carro Thailand ได้เลยครับผม

Toyota-Hilux-Australia

“Unbreakable” กับรุ่นพิเศษของ Hilux สำหรับตลาดออสซี่

Toyota Australia เผยโฉมรุ่นพิเศษของรถกระบะ Hilux ที่นำเข้ามาจากไทย และเตรียมขายในประเทศออสเตรเลียอย่างเป็นทางการ ใส่ชุดแต่งแบบลุยๆ ดูดุดัน พร้อมรับทุกศึกทุกสถานการณ์

ทราบหรือไม่ว่า ในปี 2017 Toyota Hilux ครองแชมป์ยอดขายรถกระบะมากที่สุดในออสเตรเลีย มากถึง 47,093 คัน จากทั้งหมด 216,566 คันที่ Toyota ขายได้ในออสเตรเลีย พร้อมครองแชมป์ยอดขายรวมสูงสุด เป็นปีที่ 15 ติดต่อกัน

Toyota-Hilux-Australia

รุ่นพิเศษของกระบะ Hilux เป็นรุ่น Double Cab แบบ 4X4 ที่ตกแต่งใหม่แบบพิเศษใน 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Rogue, Rugged และ Rugged X โดยติดตั้งชุดแต่ง และอุปกรณ์เสริมสไตล์ออฟโรดอย่างครบครัน

เริ่มต้นด้วยรุ่นพิเศษพื้นฐานอย่าง Rogue ที่ตกแต่งให้ดูสูงกว่า Hilux SR5 รุ่น Top สุดที่ขายในออสเตรเลีย มาพร้อมกระจังหน้าแบบ Hexagonal กันชนหน้าใหม่ เพิ่มไฟตัดหมอก ใช้ล้อแม็กขนาด 18 นิ้วเท่ากับ Revo Rocco ที่ขายในไทย

Toyota-Hilux-Australia

ในส่วนของรุ่นกลาง Rugged เพิ่มไฟ Daytime Running Light ที่ชุดไฟหน้า ใช้ชุดกันชนหน้าแบบ Steel Bull Bar ตกแต่งในสไตล์ลุยๆ ด้วยท่อสน็อกเกิ้ล บันไดข้าง สติ๊กเกอร์บนฝากระโปรงสีดำ และสปอร์ตบาร์กระบะหลัง

Toyota-Hilux-Australia

Toyota-Hilux-Australia

Toyota-Hilux-Australia

ในรุ่น Top สุดอย่าง Hilux Rugged X พร้อมลุย มาพร้อมกันชนหน้าสีดำแบบ Winch-compatible Hoopless Steel Bull Bar เสริมแผ่นกันกระแทกเครื่องยนต์ด้านล่าง และสติ๊กเกอร์บนฝากระโปรงสีดำ พร้อมอุปกรณ์พิเศษ อย่างไฟหน้าแบบ LED มีท่อสน็อกเกิ้ล หูลากทั้งด้านหน้า-หลัง บันไดข้าง และสปอร์ตบาร์กระบะหลัง

Toyota-Hilux-Australia

สำหรับ Hilux รุ่นพิเศษนี้ จะเริ่มขายในประเทศออสเตรเลีย ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2018 ครับ

Toyota-Avalon-2018

รถซีดาน Full-Size เจนเนอเรชั่นที่ 5 จากค่ายโตโยต้า

Toyota (โตโยต้า) เปิดตัว Toyota Avalon 2019 (โตโยต้า อวาลอน) ใหม่ รถซีดาน Full-Size เจนเนอเรชั่นที่ 5 ในงาน Detroit Auto Show 2018 โดยมาพร้อมแพลทฟอร์มใหม่ล่าสุด TNGA หรือ Toyota New Global Architecture ที่ใช้ร่วมกันกับในรุ่น Prius หรือ C-HR แต่ว่าใน 2 รุ่นดังกล่าวจะอยู่ในกลุ่ม GA-C ในขณะที่ Avalon จะใช้งานในกลุ่ม GA-K ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับรถหรูอย่าง Lexus ES

Toyota-Avalon

Avalon ใหม่ ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ มาพร้อมมิติตัวถังความยาว 4,978 มม. (เพิ่มขึ้น 18 มม.) กว้าง 1,849 มม. (เพิ่มขึ้น14 มม.) ความสูงลดเหลือ 1,435 มม. (ลดลง 25 มม.) ระยะฐานล้อ 2,870 มม. (ยาวขึ้น 50 มม.)

Toyota-Avalon

พร้อมติดตั้งระบบช่วงล่างแบบ Adaptive Variable Suspension (AVS) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น Touring ปรับความหนืดของช่วงล่างได้อัตโนมัติ ผ่าน G-Sensors 4 จุดรอบคัน

Toyota-Avalon

Toyota-Avalon

ห้องโดยสารภายในตกแต่งใหม่ทั้งหมด โดดเด่นด้วยชุดแผงควบคุมขนาดยักษ์บริเวณคอนโซลกลาง ระบบอินโฟเทนเมนท์ Entune 3.0 พร้อมระบบ Head-up Display ขนาด 10 นิ้ว ใหญ่สุดในรถระดับเดียวกัน

Toyota-Avalon

ควบคู่ไปกับเครื่องเสียงชุดใหญ่จาก JBL มากถึง 14 จุด มีจุดชาร์จสมาทโฟนแบบไร้สายมาตรฐาน Qi ระบบ Amazon Alexa จากค่าย Amazon และสามารถควบคุมการทำงานบางส่วนของผ่าน Application บนสมาร์ทวอช ได้ด้วย

Toyota-Avalon

เครื่องยนต์ของ Avalon มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ แบบเบนซินขนาด 3.5 ลิตร แบบ V6 ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และรุ่นไฮบริด ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร คู่มอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT ส่วนรุ่น Top อย่าง Touring ระบบส่งกำลังจะมีโหมด Sport+ เพิ่มขับเคลื่อนความมันส์ได้มากขึ้น

Toyota-Avalon

ระบบความปลอดภัยถูกติดตั้ง Toyota Safety Sense P เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่นย่อย ประกอบด้วย ระบบป้องกันการชนด้านหน้า, ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ, ระบบป้องกันรถออกนอกเลน, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบเตือนมุมอับสายตา และระบบเตือนรถเคลื่อนผ่านขณะถอยหลัง นอกจากนั้น ยังถูกติดตั้งกล้องมองภาพขณะถอยหลังและถุงลมนิรภัย 10 จุดทุกรุ่นย่อย ขณะที่รุ่นบนจะถูกติดตั้งกล้องมองภาพรอบคันมาให้ด้วย

Toyota-Avalon

Toyota จะเริ่มจำหน่าย Avalon ใหม่ ในอเมริกาเหนือช่วงปี 2018 นี้