2018-Isuzu-D-Max-Minorchange

อีซูซุ ฉลองครบรอบ 60 ปีของการดำเนินธุรกิจในไทย ด้วย “D-Max” Blue Power โฉมใหม่!

2018-Isuzu-D-Max-Blue-Power

อีซูซุ เผยโฉม “Isuzu D-Max 1.9 – 3.0 Ddi Blue Power” (อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์) ส่งท้ายปีทองด้วยความยิ่งใหญ่ ฉลองครบรอบ 60 ปี อีซูซุในประเทศไทย สานต่อความแรงของ “ปรากฏการณ์ อีซูซุบลูเพาเวอร์” ให้กระหึ่มต่อเนื่อง พร้อมปรับราคาเพิ่มขึ้น 3,000 – 30,000 บาท

พร้อมจัดงานใหญ่ 60 ปีของอีซูซุที่อยู่เคียงคู่สังคมไทย และเปิดตัวรถปิคอัพรุ่นใหม่ล่าสุด ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ศกนี้ และรอบสาธารณชนในวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน ศกนี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 อิมแพค เมืองทองธานี

Isuzu-D-Max-Blue-Power

อีซูซุดีแมคซ์ บลูเพาเวอร์ เป็นรถปิกอัพที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2558 ด้วยความโดดเด่นของเครื่องยนต์ดีเซล ซูเปอร์คอมมอนเรล รุ่นล่าสุด ซึ่งพัฒนาภายใต้แนวคิด “The Power of Less” มาใช้ในรถปิกอัพครั้งแรกในโลก อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นรถที่มีการออกแบบที่ล้ำสมัยและลงตัว

2018-Isuzu-D-Max-Blue-Power

ในปี 2560 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 60 ปีของการดำเนินธุรกิจอีซูซุในประเทศไทย อีซูซุพร้อมแล้วที่จะตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถปิกอัพเมืองไทยอีกครั้งด้วย “ใหม่! อีซูซุ ดีแมคซ์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ขีดสุดแห่งนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ที่พัฒนาให้สมบูรณ์แบบขึ้นในทุกๆ ด้าน ภายใต้แนวคิด Sharp/ Aggressive/ Solid หรูหราและสง่างามยิ่งขึ้น ผสานความสปอร์ตและล้ำสมัย รวมทั้งบรรยากาศใหม่ภายในห้องโดยสารแต่ละรุ่นที่บ่งบอกเอกลักษณ์เฉพาะตัว

2018-Isuzu-D-Max-Blue-Power

ควบคู่กับการติดตั้งนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้รถ อาทิ ครั้งแรกในวงการปิกอัพกับไฟหน้าใหม่แบบ Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight อีกทั้งยังปรับระดับสูง-ต่ำของไฟหน้าได้ถึง 4 ระดับ ความบันเทิงเหนือระดับกับ ใหม่! Isuzu iConnect พร้อม Built-in Navigator และใหม่ล่าสุด “อีซูซุอินไซท์” ที่โหลดข้อมูลผ่าน Smartphone ได้ ต่อยอดความสะดวกสบายสูงสุดตามแบบฉบับอีซูซุ

Isuzu-D-Max-Blue-Power

นอกจากนี้ยังได้เพิ่มสมรรถนะการบรรทุกใหม่ให้กับ “Isuzu D-Max Blue Power Spark” (อีซูซุดีแมคซ์ บลูเพาเวอร์ สปาร์ค) โดยมีเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมเกียร์โอเวอร์ไดร์ฟถึง 2 ตำแหน่ง คือ เกียร์ 5 และ 6 ให้เลือกในรุ่นเครื่องยนต์ อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ด้วยอัตราทดใหม่ ทรงพลัง ให้กำลังฉุดลากสูงยิ่งขึ้น ออกตัวดีแม้บรรทุกหนัก

2018-Isuzu-D-Max-Blue-Power

ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ แต่ละรุ่นได้รับการเติมเต็มความสมบูรณ์แบบสู่ขีดสุดแห่งนวัตกรรมเปลี่ยนโลก อาทิ

– ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ V-Cross MAX 4×4 สปอร์ตออฟโรด ดีไซน์ภายนอกใหม่! ผสานความแกร่งและสปอร์ตเป็นหนึ่งเดียว ดุดัน บึกบึนเต็มขั้น ด้วยโทนสีเทาดำ ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight กระจังหน้าใหม่พร้อม Engine Hood Garnish พร้อมชุดแต่งรอบคัน MAX 4X4 ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่แบบทูโทน ขนาด 18 นิ้ว ห้องโดยสารบรรยากาศใหม่! เพิ่มความสะดวกสบาย หรูหรา พร้อมสัญลักษณ์ V-Cross ที่เบาะนั่งกึ่งหนังแท้ทูโทนสีน้ำตาลเทาเดินด้ายสีส้ม

2018-Isuzu-D-Max-Blue-Power

– ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ บลูเพาเวอร์ รุ่น Hi-Lander สะดุดตากับกระจังหน้าโครเมี่ยม และชุดไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน พร้อมทำหน้าที่เป็นไฟหรี่เวลากลางคืน ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมดีไซน์ห้องโดยสารใหม่ กว้างขวาง สะดวกสบาย เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีน้ำตาล

– ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ บลูเพาเวอร์ รุ่น Cab 4 และ Spacecab ปรับลุคใหม่ สปอร์ต ทรงพลัง โฉบเฉี่ยวขั้นสุดในทุกมิติ ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight และกระจังหน้าโครเมี่ยมดีไซน์ใหม่ บรรยากาศห้องโดยสารใหม่! โทนสีเทาเข้ม เท่ ลงตัว

2018-Isuzu-D-Max-Blue-Power

นอกจากนี้ยังเพิ่มฟังก์ชั่นล้ำสมัย เติมเต็มความสุนทรีย์ให้ทุกการเดินทางด้วยระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบ ใหม่! ISUZU iConnect พร้อม Built-in Navigator หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อม Air Mirroring รองรับการเชื่อมต่อแบบ ไร้สายกับ Smartphone สะดวกสบายเพื่อไลฟ์สไตล์เหนือระดับ และ ใหม่ล่าสุด “อีซูซุอินไซท์” ที่พัฒนาไปอีกขั้นผ่านแอพพลิเคชั่นใหม่ สามารถดาวน์โหลดข้อมูลรายงานการขับขี่อีซูซุอินไซท์ผ่านสมาร์ทโฟน เพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่ ทั้งด้านความปลอดภัย และประหยัดน้ำมัน

Isuzu-D-Max-Blue-Power

“ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” มีหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการ โดยมี 8 สีให้เลือก พร้อม 3 สีใหม่ล่าสุด สำหรับราคาปรับเพิ่มขึ้น 3,000 – 30,000 บาท

แต่ถ้าติดเรื่องงบประมาณ แนะนำให้ลองดูรถกระบะ Isuzu D-Max มือสองสภาพดีๆ สักคัน ในราคาที่ถูกกว่ารถป้ายแดง ก็ลองเข้าไปเลือกค้นหาได้ที่ https://th.carro.co/buycar/isuzu-dmax ครับผม!

Tokyo-Motor-Show-2017

งานแสดงรถยนต์ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น “Tokyo Motor Show 2017”

Tokyo-Motor-Show-2017

ประมวลภาพรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด รถต้นแบบ และอื่นๆ ในงานมหกรรมยานยนต์ “Tokyo Motor Show 2017” งานแสดงรถยนต์อีกหนึ่งงานในญี่ปุ่น จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1954 ถึงปัจจุบันเป็นครั้งที่ 45

โดยงานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2560 ณ Tokyo Big Sight เมือง Tokyo ประเทศญี่ปุ่น … ทาง CARRO ขอรวบรวมภาพบรรยากาศ พร้อมรถเปิดตัวใหม่มาให้ชมกันครับ

Toyota-Century

Toyota Century

Toyota-Tj-Cruiser

Toyota Tj Cruiser

Toyota-Auto-Body-LCV-D-Cargo-Concept

Toyota Auto Body LCV D Cargo Concept

Toyota-Auto-Body-Wonder-Capsule-Concept

Toyota Auto Body Wonder Capsule Concept

Nissan-1Mx

Nissan 1Mx

Nissan-Leaf-Nismo-Concept

Nissan Leaf Nismo Concept

Honda-Sports-EV-Concept

Honda Sports EV Concept

Honda-Urban-EV-Concept

Honda Urban EV Concept

Mazda-Kai-Concept

Mazda Kai Concept

Subaru-Viziv-Performance-Concept

Subaru Viziv Performance Concept

Subaru-WRX-STi-S208

Subaru WRX STi S208

Lexus-LS500h

Lexus LS500h

Daihatsu-DN-Compagno

Daihatsu DN Compagno

Daihatsu-DN-U-Space

Daihatsu DN U Space

Daihatsu-Thor

Daihatsu Thor

Daihatsu-Hijet-Cargo

Daihatsu Hijet Cargo

Mitsubishi-e-Evolution-Concept

Mitsubishi e-Evolution Concept

Suzuki-Swift-Sport

Suzuki Swift Sport

Suzuki-XBEE

Suzuki XBEE

Suzuki-e-SURVIVOR

Suzuki e-SURVIVOR

Suzuki-Spacia-Custom-Concept

Suzuki Spacia Custom Concept

Isuzu-FD-SI

Isuzu FD-SI

Isuzu-Elf-EV

Isuzu Elf EV

Isuzu-6X6

Isuzu 6X6

Isola-Volta-Zagato-Vision-Gran-Turismo

Isola Volta Zagato Vision Gran Turismo

Renualt-Megane-RS

Renualt Megane RS

Volkswagen-I.D.-BUZZ

Volkswagen I.D. BUZZ

BMW-Concept-Z4

BMW Concept Z4

Mercedes-AMG-Project-ONE

Mercedes-AMG Project ONE

Mercedes-Benz-Concept-EQA

Mercedes-Benz Concept EQA

Smart-Vision-EQ-Fortwo

Smart Vision EQ Fortwo

Mitsubishi-E-Fuso-Vision-ONE

Mitsubishi E-Fuso Vision ONE

UD-Trucks-Quon

UD Trucks Quon

ขอบคุณภาพจาก http://car.watch.impress.co.jp/

รถใหม่หลายหลายรุ่น เตรียมเปิดตัวก่อนและในงาน Motor Expo 2017

2018-BMW-X3

งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34” หรือ The 34th Thailand International Motor Expo 2017 ภายใต้แนวคิด “ยานยนต์ยุคใหม่ ฝันไกลที่กลายเป็นจริง” หรือ “New Age Vehicles … A Distant Dream Come True” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี พร้อมนำรถรุ่นใหม่ๆ ทั้งที่เปิดตัวก่อนงานเริ่ม และภายในงานของปีนี้ มีมาให้ชมกันมากมายหลายรุ่น

Carro ขอนำเสนอรถยนต์ใหม่ๆ ที่เตรียมเปิดตัวก่อนและในงาน Motor Expo 2017 โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้ บริษัทรถยนต์หลายแบรนด์ ต่างเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ กันหลายค่าย Carro ขอแนะนำให้ทุกท่านได้ทราบข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ครับผม …

Toyota C-HR

Toyota-C-HR

Toyota C-HR (โตโยต้า ซี-เอชอาร์) รถ Crossover ในรูปแบบ 4 ประตู ที่ปีนี้มาแรงจริงๆ โดยในงาน Motor Expo 2017 มีความเป็นไปได้ว่า Toyota จะนำรถมาโชว์ก่อนขายจริงในปีหน้านี้ คาดว่าราคาเริ่มต้นต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท

Volvo XC60

Volvo-XC60-2018

หลังจากที่ Volvo (วอลโว่) ประสบความสำเร็จกับการขาย Volvo XC90 ใหม่ ไปทั่วโลกนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมถึงในไทยก็มียอดขายที่น่าพอใจ ในเดือนนี้ วอลโว่ เปิดตัว Volvo XC60 รุ่นใหม่ Crossover SUV ที่ดีไซน์และตกแต่งไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง XC90 ในวันที่ 8 พฤศจิกายน มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน T8 Twin Engine แบบ Plug-In Hybrid และเครื่องยนต์ดีเซล D4 ให้เลือก … ในราคา 3,090,000 – 3,590,000 บาท

Mazda CX-5

Mazda-CX-5-2018

Mazda (มาสด้า) เปิดตัว Crossover SUV รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง “Mazda CX-5” ใหม่ ในวันที่ 13 พฤศจิกายน มาพร้อมเครื่องยนต์ SkyActiv-G ขนาด 2.0 ลิตร 175 แรงม้า แบบใหม่ และเครื่องยนต์ดีเซล SkyActiv-D ขนาด 2.2 ลิตร 165 แรงม้า ในราคา 1,290,000 – 1,770,000 บาท

MG ZS

MG-ZS-2018

MG (เอ็มจี) ประเทศไทย เปิดตัว MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ต่อจากตลาดจีนและอังกฤษที่เปิดตัวไปก่อนหน้า โดยในตลาดจีน ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 120 แรงม้า ในราคา 679,000 – 789,000 บาท

BMW X3

BMW-X3-2018

BMW X3 (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 3) ใหม่ (G01) เปิดตัวในไทย 16 พฤศจิกายน นี้ ถือว่ารวดเร็วมาก เพราะ BMW X3 ใหม่ เพิ่งเปิดตัวครั้งแรกที่งานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์ โชว์ 2017 ไปเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา มาพร้อมดีไซน์ภายนอกโฉมใหม่หมด แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของ BMW เช่นเคย ในราคา 3,699,000 บาท

Lexus NX

Lexus-NX

Lexus NX (เลกซัส เอ็นเอ็กซ์) รุ่นไมเนอร์เชนจ์ มาภายใต้แนวคิด “The urbaNXplorer” ตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองยุคใหม่ ที่มีวิถีชีวิตไม่ซ้ำใคร ถือเป็นรถ Lexus รุ่นที่ขายดีที่สุดของเลกซัสในประเทศไทย นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ด้วยยอดจำหน่ายรวมภายในประเทศกว่า 1,400 คัน พร้อมการันตีถึงความนิยมด้วยยอดจำหน่ายสะสมทั่วโลก กว่า 400,000 คัน

มาพร้อมกับระบบเครื่องยนต์ 2 ทางเลือก ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Hybrid ขนาด 2.5 ลิตร ในรุ่น NX300h เต็มสมรรถนะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยระบบ Lexus Hybrid Drive อัจฉริยะ และขุมพลังเครื่องยนต์ Turbo 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร ในรุ่น NX300 ให้สมรรถนะแรงเต็มพลังในทุกระดับความเร็ว

พร้อมเป็นเจ้าของ Lexus NX รุ่นปรับโฉมใหม่ ได้แล้ววันนี้

NX300
– รุ่น F Sport แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 4,450,000 บาท
– รุ่น Grand Luxury ราคา 3,440,000 บาท

NX300h
– รุ่น F Sport ราคา 4,050,000 บาท
– รุ่น Premium ราคา 3,550,000 บาท
– รุ่น Grand Luxury ราคา 3,140,000 บาท
– รุ่น Luxury ราคา 2,930,000 บาท

Lexus LS

Lexus-LS500

ถึงเวลาที่ Lexus จะเปิดตัวรถธงของค่ายอย่าง “Lexus LS” (เลกซัส แอลเอส) ใหม่ ที่พัฒนามาจากรถต้นแบบอย่าง “LF-FC” โดยมาพร้อมขุมพลังขนาด 3.5 ลิตร ในรูปแบบ V6 และ V6 ทวินเทอร์โบ พร้อมเครื่องยนต์ V6 ขุมพลังไฮบริด ที่คาดว่าราคาในบ้านเรา น่าจะอยู่ที่หลักสิบล้านบาทเลยทีเดียว … พบกันได้ในวันที่ 21 พฤศจิกายน นี้ …

Mercedes-AMG GT

Mercedes-AMG-GT-R

แม้ว่าทาง Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) จะเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Mercedes-AMG GT ในวันที่ 20 พฤศจิกายน นี้ แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดใดๆ ที่ออกมาบอกว่า จะเปิดตัวรุ่นไหนบ้าง … ในตระกูล Mercedes-AMG GT

Mercedes-Benz S-Class / Maybach S-Class

Mercedes-Benz-S-Class-Sedan

Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ยังเตรียมเปิดตัวสุดยอดรถยนต์หรูแห่งยุค อย่าง รถยนต์ระดับเรือธง “The new S-Class” ที่สุดแห่งความสง่า มาพร้อมกับ ความหรูหรา ดีไซน์เหนือระดับ ความสะดวกสบายอันไร้ขีดจำกัด และระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย

Mercedes-Benz-Maybach-S-Class

และ “The Maybach S-Class” (มายบัค เอส-คลาส) สุดยอดแห่งยนตรกรรมที่รวบรวมความเป็นที่สุดของสมรรถนะเหนือชั้นกับประสิทธิภาพในทุกๆ ด้าน ไว้อย่างครบครัน เหมาะสำหรับท่านผู้นำ … พบกันได้ในวันที่ 27 พฤศจิกายน นี้ครับ

Mitsubishi Triton Athlete

Mitsubishi-Triton-Athlete

Mitsubishi (มิตซูบิชิ) เตรียมเปิดตัว Triton รุ่นพิเศษ “Triton Athlete” (ไทนทัน แอทลีท) สปอร์ต พันธุ์เข้ม เร้าใจทุกมุมมองด้วยชุดแต่งพิเศษรอบคันจากโรงงาน ในงาน Motor Expo 2017

Subaru XV

Subaru-XV-2018

Subaru XV (ซูบารุ เอ็กซ์วี) รถ Crossover ที่เคยสร้างกระแสความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และสร้างยอดขายให้กับ Motorimage ผู้นำเข้ารถยนต์ซูบารุในบ้านเราได้มากพอสมควร ถึงเวลาเปลี่ยนโฉมใหม่ตามญี่ปุ่น พัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มล่าสุด “Subaru Global Platform” ร่วมกันกับ Impreza ใหม่ คาดว่ามาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT แบบ 7 สปีด เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2017 นี้

Toyota Hilux Revo (Minorchange)

Toyota-Hilux-Revo-2018

เป็นข่าวลือในวงในมานานหลายเดือนแล้วสำหรับ Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) กับยอดขายที่ดูเหมือนโตโยต้าจะไม่เป็นปลื้มนัก ในที่สุด เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน โตโยต้า จึงเผยโฉมไมเนอร์เชนจ์ของ Hilux Revo ปรับหน้าตาดูดุดันขึ้น เพิ่มออพชั่น กระตุ้นยอดขายให้มากขึ้น และเสนอรุ่นแกร่งๆ อย่าง “Rocco” (ร็อคโค่) สำหรับคนพันธุ์ลุย … ในราคาตั้งแต่ 523,000 – 1,154,500 บาท

Isuzu D-Max (Minorchange)

2018-Isuzu-D-Max-Blue-Power

Isuzu (อีซูซุ) ฉลองครบรอบ 60 ปีในไทย พร้อมกับมีเซอร์ไพรส์ กับการเปิดตัว Isuzu D-Max Minorchange เล็กๆ ปรับเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ เพิ่มออพชั่นหลายอย่าง ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ส่วนราคาอย่างเป็นทางการ ต้องรอในงาน Motor Expo 2017 ครับ

KIA Stinger

KIA-Stinger

จากกระแสข่าวที่ว่า Kia Thailand วางแผนเปิดตัว Kia Stinger (เกีย สตริงเกอร์) รถ Mid-Size แบบ Liftback 5 ประตูสุดหรู ภายในปลายปีนี้ช่วงงาน Motor Expo 2017 นั้น จะเปิดตัวด้วยราคาหลักล้าน (เท่าไหร่) และมาพร้อมเครื่องยนต์แบบไหน (ในเวอร์ชั่นต่างประเทศ มีทั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร Turbo, และ V6 ขนาด 3.3 ลิตร Turbo รวมไปถึงแบบดีเซลขนาด 2.2 ลิตร Turbo ที่ทุกแบบมาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด) ต้องติดตามกันเร็วๆ นี้ครับ

Audi A5 Sportback & Audi A4 Avant

Audi-Motor-Expo-2017

Audi (ออดี้) ในงาน Motor Expo ครั้งนี้ ส่งรุ่นใหม่มาโชว์ถึง 2 รุ่นทั้ง Audi A5 Sportback (ออดี้ เอ5 สปอร์ตแบ็ค) และ Audi A4 Avant Black Edition (ออดี้ เอ4 อาวอง แบล๊ค เอดิชั่น) โดยรถรุ่น Audi A5 Sportback เป็นรถยนต์นั่งแบบ 5 ประตู ตกแต่งแบบสปอร์ต ด้วยชุดแต่งภายนอกแบบ S line ในราคา 4,299,000 บาท และอีกรุ่นคือ Audi A4 Avant Black Edition รถแวนแบบสปอร์ตเหนือระดับ ในราคาเริ่มต้น 3,249,000 บาท

MINI John Cooper Works Countryman

MINI-JCW-Countryman

MINI (มินิ) ส่ง MINI John Cooper Works Countryman (มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน) ใหม่ มาโชว์ในฐานะรถยนต์เอนกประสงค์ Premium Compact มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และห้องโดยสารที่กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมความแรงของเครื่องยนต์ที่มีถึง 231 แรงม้า ให้ความคล่องตัวในการขับขี่ และยังคงให้ความรู้สึกคลาสสิคของ “Go-Kart-Feeling” ซึ่งจะเปิดราคาในงาน Motor Expo 2017 นี้

Aston Martin DB11 V8

Aston-Martin-DB11-V8

Aston Martin (แอสตัน มาร์ติน) เตรียมเปิดตัว “Aston Martin DB11 V8” รถสปอร์ตหรูในรูปแบบ GT อย่างเป็นทางการในประเทศไทย และเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในอาเซียน ในวันที่ 21 พฤศจิกายน นี้

โคโรลล่าเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่สอง

Corolla-Axio-Exterior

Corolla-Fielder-Exterior

Toyota Corolla Axio และ Corolla Fielder เป็นรถซีดานขนาดคอมแพ็ค ที่พัฒนาขึ้นแตกต่างไปจาก Corolla ที่จำหน่ายในตลาดโลกโดยสิ้นเชิง ตามสไตล์อนุรักษ์นิยมของญี่ปุ่น ซึ่งถูกปรับไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรกไปเมื่อปี 2558 และในเดือนนี้ Toyota Japan ได้ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์อีกรอบ ให้ดูทันสมัยขึ้น ก่อนจะเปิดตัวรุ่นใหม่จริงๆ ในปี 2018 นี้

Corolla-Axio-Exterior

สำหรับชื่อรุ่นของ “Axio” นั้น มาจากภาษากรีก “Axia” หมายถึง “Value” หรือ “Quality” ในภาษาอังกฤษ ส่วน “Fielder” ก็มาจากภาษาอังกฤษ ตามความหมายคือ คนรับลูกในกีฬาเบสบอล และคริกเก็ต

Corolla-Fielder-Exterior

Corolla-Fielder-Exterior

Toyota Corolla Axio และ Fielder มีการปรับโฉมกระจังหน้าเพียงเล็กน้อย ด้วยการปรับขอบบนของกระจังหน้าให้บางขึ้น ปรับมิติของกระจังหน้าให้นูนขึ้น ปรับกระจังหน้า และเปลี่ยนทรงกันชนหน้าใหม่ ออกแบบช่องรับอากาศ ซ้าย-ขวา ของกันชนหน้า ดูให้ดูเข้มขึ้น

Corolla-Axio-Interior

Corolla-Axio-Interior

ภายในห้องโดยสาร แทบไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม มีแค่มีการเปลี่ยนโทนสีภายในห้องโดยสารสำหรับรุ่นย่อย “W x B” มีให้เลือกทั้งโทนสีดำคาดด้วยสีเทา และโทนสีขาว

Corolla-Fielder-Interior

Corolla-Fielder-Interior

ด้านระบบความปลอดภัยถูกติดตั้งระบบ Toyota Safety Sense C พร้อมเพิ่มระบบ Intelligent Clearance Sonar (ICS) ระบบเบรกอัตโนมัติ เมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง หรือถอยจอดใกล้วัตถุในระยะกระชั้นชิดเกินไป โดยระบบจะตัดกำลังเครื่องยนต์พร้อมเหยียบเบรกให้อัตโนมัติ

Corolla-Fielder-Utility

สำหรับ Toyota Corolla Axio และ Corolla Fielder เครื่องยนต์มีให้เลือก 4 แบบ ได้แก่ …

เครื่องเบนซินขนาด 1.3 ลิตร (เฉพาะ Corolla Axio) รหัส 1NR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 95 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.3 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i อัตราสิ้นเปลืองน้ำเชื้อเพลิงอยู่ที่ 20.6 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน JC08)

เครื่องเบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 2NR-FKE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-iE ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.9 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i อัตราสิ้นเปลืองน้ำเชื้อเพลิงอยู่ที่ 23.4 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน JC08)

ส่วนในรุ่นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และแบบ 4WD จะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ-FE 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า (103 แรงม้า ในรุ่น 4WD) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.1 กก.-ม. (13.5 กก.-ม. ในรุ่น 4WD) ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i อัตราสิ้นเปลืองน้ำเชื้อเพลิงอยู่ที่ 18.0 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน JC08)

Corolla-Axio-Hybrid-Engine

ด้านขุมพลังไฮบริด เป็นเครื่องเบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ-FXE 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 100 แรงม้า ที่ 4,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 11.3 กก.-ม. ที่ 3,600-4,400 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 61 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

Corolla-Fielder-Utility

Toyota Corolla Axio มีสีให้เลือก 9 สี ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,526,040 เยน ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ไปจนถึงสูงสุด 2,482,920 เยน ในรุ่น Hybrid ส่วน Corolla Fielder มีสีให้เลือก 9 สี ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,656,720 เยน ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ไปจนถึงสูงสุด 2,536,920 เยน ในรุ่น Hybrid

Toyota-Century-2018

All-New Toyota Century หน้าตาโบราณ อนุรักษ์นิยม ท่ามกลางเทคโนโลยีอันล้ำสมัยทั้งคัน

Toyota-Century

Toyota Century (โตโยต้า เซ็นจูรี่) ถือเป็นรถเรือธงของโตโยต้า นับตั้งแต่ปี 1967 เป็นที่สุดของความหรูหราในแบบฉบับญี่ปุ่น และถือเป็นสัญลักษณ์ของรถสุดหรูของญี่ปุ่นอีกหนึ่งรุ่น ชื่อรุ่นมาจากภาษาอังกฤษ ที่แปลว่า “ศตวรรษ” (100 ปี ของ Sakichi Toyoda ผู้ก่อตั้งบริษัท Toyota) และประกอบรถรุ่นนี้ด้วยมือ … ในไทยก็มีรถรุ่นนี้อยู่หลายคัน

ออกจำหน่ายครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 1967 ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมกับปรับโฉมเล็กน้อยอีกหลายครั้ง และเปลี่ยนเครื่องยนต์ V8 เป็นขนาด 3.4 ลิตร และ 4.0 ลิตร กระทั่งในเดือนเมษายน 1997 จึงออกเจเนอเรชั่นที่ 2 มา อัดเทคโนโลยีอันทันสมัยอย่างเต็มที่ พร้อมใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 5.0 ลิตร และคงหน้าตาโบราณไว้เช่นเดิม มากว่า 2 ทศวรรษ…

Toyota-Century

ในงาน Tokyo Motor Show 2017 โตโยต้า ได้เวลาเตรียมนำเสนอ Century เจเนอเรชั่นที่ 3 ใหม่หมดจด และพร้อมที่จะออกจำหน่ายตาม Order เร็วๆ นี้ …

ดีไซน์ของรถ ยังอนุรักษ์นิยมเหมือนเคย แต่ปรับรูปโฉมและเส้นสายให้ทันสมัยยิ่งขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ ในรถยุคปัจจุบัน อาทิเช่น ไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมระบบปรับไฟหน้าอัตโนมัติ Adaptive High Beam System (AHS), พร้อมไฟ LED Daytime Running Lights, ชายล่างประดับด้วยแถบโครเมี่ยมรอบคัน และไฟท้ายแบบ LED เสริมขอบโครเมี่ยม

Toyota-Century

ออกแบบภายใต้หลักการ “Monozukuri” (“โมโนซุคุริ”) คือการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ และประณีต ตามสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม

Toyota-Century

มีขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน มีมิติตัวถังยาว 5,335 มม. กว้าง 1,930 มม. และสูง 1,505 มม. มีระยะฐานล้อ 3,090 มม.

Toyota-Century

ห้องโดยสารภายในยังหรูหรา มีพื้นที่ภายในที่กว้างกว่าเดิม คอนโซลหน้าตกแต่งด้วยลายไม้ชั้นดี เบาะนั่งภายในเลือกได้ 2 แบบ คือ เบาะผ้าคุณภาพสูงทำจากขนสัตว์ 100% และเบาะหนังแท้ให้เลือก

Toyota-Century

ในส่วนของเบาะที่นั่งด้านหลังมีเพียง 2 ที่นั่ง มาพร้อมระบบอุ่นและนวดตัว พร้อมระบบควบคุมผ่านจอ LCD ตรงกลางคอนโซลหลัง สามารถควบคุมเครื่องปรับอากาศและที่นั่งได้ทุกที่นั่ง มีโต๊ะเขียนหนังสือและไฟส่องแบบ LED กับระบบเครื่องเสียงพรีเมี่ยมพร้อมลำโพงอีก 20 ตัว

Toyota-Century

สำหรับเครื่องยนต์ถูกแทนที่ด้วยขุมพลังใหม่แบบ Hybrid ขนาด 5.0 ลิตร รหัส 2UR-FSE แบบ V8 DOHC 32 วาล์ว D4-S ที่ยกมาจาก Lexus LS600h โฉมที่แล้ว ให้แรงม้าสูงสุด 394 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 520 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบไฮบริด Toyota Hybrid System II มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว

Toyota-Century

ระบบช่วงล่าง ถูกออกแบบใหม่หมดเพื่อลดการสั่นสะเทือน เก็บเสียงได้ดีขึ้น และนุ่มนวลขึ้นในเวลาวิ่ง พร้อมยางรถยนต์ใหม่ ส่วนระบบความปลอดภัยก็มีการติดตั้งชุดระบบ “Toyota Safety Sense P” เป็นต้น

All-New Toyota Century เตรียมเปิดตัวในงาน Tokyo Motor Show 2017 ปลายเดือนตุลาคมนี้

I-tim-Light

จับปรับจริง! ไฟท้ายไอติม หรือไฟ LED ที่สว่างจ้าเกินไป

ไฟไอติม

เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มานานหลายปีแล้ว สำหรับการเปลี่ยนไฟหรี่ หรือไฟเลี้ยวท้ายรถเป็นสีฟ้า (หรือที่เรียกกันว่า “ไฟไอติม”) ซึ่งพบว่ามีความสว่างมากกว่าปกติ นิยมติดกันในรถเก๋ง รถกระบะ และรถบัสขนส่งผู้โดยสาร

ไฟไอติม

ตามกฎหมายสากลทั่วโลก กำหนดไว้ว่า ไฟหรี่หน้ารถต้องเป็นสีเหลือง ไฟเบรกต้องเป็นสีแดง และไฟเลี้ยวต้องเป็นสีเหลือง หรือสีเหลืองอำพัน (หรือสีแดงก็ได้ ในสหรัฐอเมริกา) โดยไฟหรี่หน้ารถ และท้ายรถ กฎหมายระบุไว้ชัด ให้ใช้ไฟสีขาวหรือสีเหลืองเท่านั้น หากไปใช้ไฟหรี่สีอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ก็ถือว่าผิดกฎหมาย

ไฟไอติม

กรณีพบรถโดยสารสาธารณะ ฝ่าฝืนดัดแปลงอุปกรณ์ส่องสว่างในลักษณะดังกล่าว เป็นความผิดตามตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71 ฐานใช้รถที่มีอุปกรณ์ส่วนควบไม่ถูกต้องตามที่กำหนด ต้องระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และอาจถูกสั่งระงับการใช้รถจนกว่าจะดำเนินการแก้ไขเรียบร้อย

ไฟไอติม

ในส่วนของรถที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ที่มีการแก้ไขดัดแปลงโคมไฟหน้าให้เป็นแสงสีอื่น หรือดัดแปลงอุปกรณ์ส่วนควบหรือเพิ่มเติมส่วนหนึ่งส่วนใดเข้าไป จนทำให้แสงมีความสว่างจ้ามากเกินไป มีความผิดตามมาตรา 12 ฐานเพิ่มเติมสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

ไฟไอติม

หากท่านพบเจอรถที่เปลี่ยนไฟหรี่ หรือไฟเลี้ยวท้ายรถเป็นสีฟ้า (หรือที่เรียกกันว่า “ไฟไอติม”) หรือไฟ LED แบบอื่นๆ ที่มีความสว่างจ้ามากเกินไป สามารถแจ้งร้องเรียนไปที่ 1584 กรมการขนส่งทางบก ได้ตามช่องทางต่อไปนี้

– Facebook : “1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ”
– Line ID : “1584dlt”
– E-Mail : [email protected]

ไฟไอติม

โดยต้องแนบหลักฐานเป็นภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหว ระบุสถานที่ เวลาที่พบเหตุ ชื่อและข้อมูลผู้แจ้งเรื่องร้องเรียน เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

Honda-StepWGN-Spada

ปรับหน้าตาดูทันสมัย ควบคู่ไปกับเครื่องยนต์พลังไฮบริด

Honda StepWGN / StepWGN Spada (ฮอนด้า สเตปแวกอน / สเตปแวกอน สปาด้า) โฉมปัจจุบันที่วางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2015 ก็ได้เวลาปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ เพื่อช่วงชิงยอดขายจากคู่แข่งซะที

Honda-StepWGN-Spada

โดย StepWGN Spada โฉมไมเนอร์เชนจ์ที่คุณกำลังเห็นอยู่นี้ ทาง Honda ได้ปรับปรุงหน้าตาให้ดูทันสมัย (หรือดูเหมือนหุ่นยนต์?) และร่วมสมัยกับการออกแบบในฮอนด้ารุ่นอื่นๆ อาทิเช่น ชุดกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED รวมไปถึงชุดไฟท้ายแบบ LED และสปอยเลอร์หลังดีไซน์ใหม่ เป็นต้น

Honda-StepWGN-Spada

Honda-StepWGN-Spada

มาพร้อมมิติตัวถังยาว 4,695 มม. (รุ่น Spada 4,760 มม.) กว้าง 1,695 มม. สูง 1,840 มม. และระยะฐานล้อ 2,890 มม.

Honda-StepWGN-Spada

Honda-StepWGN-Spada

ห้องโดยสารภายใน สะดวกสบายด้วยเบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้ามี Heater ในเบาะ สนุกไปกับระบบ Infotainment แบบหน้าจอสัมผัส คอนโซลกลางติดตั้ง USB จ่ายไฟ 2 จุด ติดตั้งเครื่องเล่น DVD แบบพับเก็บได้ พร้อมหน้าจอขนาด 9 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Triple Zone และระบบฟอกอากาศ Plasma Cluster เป็นต้น

Honda-StepWGN-Spada

Honda-StepWGN-Spada

Honda StepWGN Spada ไมเนอร์เชนจ์ มาพร้อมระบบความปลอดภัย Honda Sensing ใหม่ ประกอบด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน – Adaptive Cruise Control (ACC), ระบบเตือนการชนด้านหน้าและตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์พร้อมระบบช่วยเบรก- Collision Mitigation Braking System (CMBS), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ – Lane Keeping Assist System (LKAS) รวมไปถึงระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ – Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW) เป็นต้น

Honda-StepWGN-Spada

Honda StepWGN Spada มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส L15B แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VTEC Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 20.7 กก.-ม. (203 นิวตันเมตร) ที่ 1,600-5,500 รอบ/นาที ประหยัดน้ำมันได้ดีเลยทีเดียว ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ตามโหมด JC08) ได้มากถึง 17.0 กม./ลิตร ในรุ่น B 2WD ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

และเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด 2.0 ลิตร รหัส LFA-H4 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC + i-MMD ให้แรงม้าสูงสุด 145 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 17.8 กก.-ม. (175 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้แรงม้าสูงสุด 184 แรงม้า (PS) ที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 32.1 กก.-ม. (315 นิวตัน-เมตร) ที่ 0-2,000 รอบ/นาที ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ตามโหมด JC08) ได้มากถึง 25.0 กม./ลิตร และส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

Honda StepWGN Spada มีสีให้เลือกทั้งหมด 8 สี และ 5 รุ่นย่อย ในราคาเริ่มต้นที่ 2,852,280 เยน ไปจนถึง 3,559,680 เยน

Honda-StepWGN-Spada

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก www.honda.co.jp

เจาะลึก-NewYaris

เจาะลึก! Toyota Yaris Hatchback ใหม่ มีเพิ่มอะไรให้บ้าง ในแต่ละรุ่นย่อย?

Toyota-Yaris-Head

หลังจากที่ Toyota ได้เปิดตัว Yaris Hatchback Minorchange (ยาริส แฮทช์แบ็ค ไมเนอร์เชนจ์) ไปแล้วเมื่อวานที่ผ่านมา เชื่อได้ว่าแฟนๆ โตโยต้า ที่กำลังสนใจและอยากซื้อรถใหม่ หรือกำลังต้องการศึกษาข้อมูลของ Yaris Hatchback ในตอนนี้ คงอยากรู้เป็นแน่แท้ว่า มีอะไรจัดมาให้ หรือเพิ่มขึ้นมาในแต่ละรุ่นย่อยบ้าง?

ทาง CARRO ขอรวบรวมข้อมูลอุปกรณ์มาตรฐานของ Yaris ทุกรุ่นย่อย มาให้ทุกท่านได้พิจารณากันครับ

Toyota Yaris Hatchback มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ได้แกรุ่น J ECO, J, E และ G มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 86 แรงม้า 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 11.0 กก.-ม. (108 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i

มิติตัวรถยาว 4,145 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475 มม. (รุ่น G 1,500 มม.) ระยะฐานล้อ 2,550 มม.

Toyota-Yaris-Safety

และสีใหม่! Citrus Mica Metallic (มาแทนสี Frozen Blue Metallic)

รุ่น J ECO ราคา 479,000 บาท

Toyota-Yaris-J-Eco-Grade

Toyota-Yaris-J-Eco-Grade-Interiorอุปกรณ์มาตรฐานรุ่น J ECO

– ล้อกระทะเหล็กแบบ 14 นิ้ว
– ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ ฮาโลเจน
– ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding
– เสาอากาศแบบสั้น
– ที่ปัดน้ำฝนแบบธรรมดา
– กระจกมองข้างสีดำ
– มือจับประตูสีดำ
– พวงมาลัยแบบยูรีเทน ปรับสูง-ต่ำ ได้
– เบาะนั่งหุ้มวัสดุผ้า
– กระจกไฟฟ้าคู่หน้า (ด้านหลังแบบมือหมุน)
– เบาะนั่งด้านหลังพับได้
– ไฟอ่านแผนที่
– Eco Meter
– กุญแจรีโมท
– ลำโพง 2 ตำแหน่ง (ไม่มีเครื่องเสียง)
– กระจกมองข้างแบบธรรมดา
– ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านนิรภัยด้านข้าง และ หัวเข่าฝั่งคนขับ)
– ระบบเบรก ABS/EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA
– ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
– ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC

รุ่น J ราคา 529,000 บาท

Toyota-Yaris-J-Grade

Toyota-Yaris-J-Grade-Interior

อุปกรณ์มาตรฐาน (ที่เพิ่มมาจากรุ่น J ECO)

– ล้อกระทะเหล็กแบบ 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ
– กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ
– มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ
– กระจกไฟฟ้า 4 บาน
– เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
– กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
– เครื่องเสียง AM/ FM / CD / MP3 / WMA พร้อม USB / AUX

รุ่น E ราคา 559,000 บาท
Toyota-Yaris-E-Grade

Toyota-Yaris-E-Grade-Interior

อุปกรณ์มาตรฐาน (ที่เพิ่มมาจากรุ่น J)

– ล้อแม็กขนาด 15 นิ้ว
– แผ่นกันความร้อนใต้ฝากระโปรง
– ที่ปัดน้ำฝนหน่วงเวลาและปรับตั้งเวลาได้
– กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
– กระจกบังลมหน้า Acoustic Glass
– กระจกแต่งหน้าบริเวณที่บังแดดคู่หน้า
– เบาะหลังปรับพับแยก 60:40
– แผงปิดห้องสัมภาระท้ายรถ
– มาตรวัดเรืองแสง
– จอแสดงข้อมูลการขับขี่ (MID)
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
– Bluetooth
– ลำโพง 4 ตำแหน่ง
– สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
– กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า
– สัญญาณกะระยะท้าย
– กุญแจ Immobilizer
– สัญญาณกันขโมย TDS

รุ่น G ราคา 609,000 บาท

Toyota-Yaris-G-Grade

Toyota-Yaris-G-Grade-Interior

อุปกรณ์มาตรฐาน (ที่เพิ่มมาจากรุ่น E)

– ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อม LED Light Guiding
– ไฟหน้าเปิด-ปิด อัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home
– ไฟส่องสว่างแบบ LED Daytime Running Lights
– ไฟตัดหมอกหน้า
– กระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม ด้านล่างสีดำเงา
– เสาอากาศแบบครีบฉลาม
– มือจับประตูโครเมียม
– พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง ตกแต่งด้วยแถบเมทัลลิก
– ระบบ Smart Entry และ Push Start

หากคุณกำลังตัดสินใจซื้อรถรุ่นนี้อยู่ ขอให้คำนึงว่า เรามีความต้องการใช้งานแบบไหน งบประมาณมีอยู่เท่าไหร่ เพราะออพชั่นบางอย่าง ก็อาจไม่ได้จำเป็นใช้งานเสมอไป ลองตัดสินใจหรือพิจารณาเลือกซื้อดู …

แต่ถ้าติดเรื่องงบประมาณ แนะนำให้ลองดู Yaris Hatchback มือสองสภาพดีๆ สักคัน หรืออยากได้ Yaris Hatchback รุ่นท็อปสุด ในราคาที่ถูกกว่ารถป้ายแดง ก็ลองเข้าไปเลือกค้นหาได้ที่ https://th.carro.co/ ครับผม!

New-YARIS-ยาริส

Toyota Yaris Hatchback ใหม่ มาพร้อม 4 รุ่นย่อย และ 7 สี ในราคาพิเศษ 479,000-619,000 บาท

Toyota-Yaris-2017

ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม 2549 เวลานั้น โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้แนะนำรถยนต์ Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) เข้าสู่ตลาดประเทศไทยเป็นครั้งแรก และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ต่อมาในเดือนตุลาคม 2556 โตโยต้า ได้เปิดตัว Yaris เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร สามารถสร้างยอดขายสะสมได้มากกว่า 150,000 คัน (ข้อมูลยอดขายสะสมถึงเดือนสิงหาคม 2560)

จนกระทั่งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โตโยต้าได้เปิดตัว Yaris ATIV ในรูปแบบของรถยนต์ซับคอมแพคซีดาน ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ตลอดทั้งคัน และถึงคิวของ Toyota Yaris Hatchback ที่ได้เวลาปรับโฉมบ้าง

Toyota เตรียมผลิต Yaris เพื่อส่งออกไปยัง 70 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะเริ่มผลิตรถรุ่นนี้ที่โตโยต้าเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมเริ่มส่งออกนับตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป และเป้าหมายการขายในปี 2560 ตั้งไว้ที่ 3,200 คัน/เดือน

Toyota-Yaris-2017

Toyota-Yaris-2017

Toyota-Yaris-2017

รูปทรงภายนอก สปอร์ต ถูกใจวัยรุ่น

ยาริส ใหม่ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นรถยนต์แฮทช์แบ็คขนาดเล็กที่จะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ วัยรุ่นที่ชอบความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร มีไลฟ์สไตล์ที่สนุกสนาน ภายใต้แนวคิด “New YARIS…YES, THAT’S RIGHT! ที่สุดของความใช่ ในสไตล์คุณ”

Toyota-Yaris-2017 Toyota-Yaris-2017

Toyota-Yaris-2017

Toyota Yaris Hatchback ภายนอกดีไซน์โฉบเฉี่ยวตลอดรอบคัน เน้นความสปอร์ตด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ LED Light Guiding ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Light แบบ LED และไฟตัดหมอกหน้า
ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding สะท้อนถึงความหรูหรา ทันสมัยอย่างลงตัว

ภายนอกและภายในดีไซน์โดดเด่น…Yes That’s Cool!

Toyota-Yaris-2017-Interior

Toyota-Yaris-Optitron-Meter

Toyota-Yaris-Air-Radio

ห้องโดยสารภายใน ดูดี หรูหรา ทันสมัย 

ห้องโดยสารดีไซน์ล้ำสมัย เน้นความกว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน

Toyota-Yaris-2017-Utility

Trunk-Space

อเนกประสงค์ทุกการใช้สอย

อีกทั้งยังเงียบและนุ่มนวลเหนือระดับรถยนต์ซับคอมแพคแฮทช์แบ็ค ด้วยการเพิ่มวัสดุซับเสียงรบกวนรอบคัน

Toyota-Yaris-Safety

สมรรถนะ ขับสนุกควบคุมได้ดั่งใจ…Yes That’s Fun!

Toyota-Yaris-Dual-VVT-i-Engine

เครื่องยนต์ DUAL VVT-i ขนาด 1.2 ลิตร ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ให้การตอบสนองต่อการขับขี่ที่ดีมากขึ้น ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่ อีกทั้งยังช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างยอดเยี่ยม

ระบบความปลอดภัยสูงสุดเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น…Yes That’s Safe!

Toyota-Yaris-7Airbags

มั่นใจด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดที่ครบครัน หนึ่งเดียวในรถยนต์แฮทช์แบ็คขนาดเล็ก ที่มีถุงลมนิรภัยระบบ SRS 7 ตำแหน่ง และอื่นๆ อาทิ ระบบสัญญาณเตือนสิ่งกีดขวางขณะถอยหลัง (ในรุ่น G และ E), ระบบไฟส่องสว่างหลังจากดับเครื่องยนต์(Follow-Me-Home) (เฉพาะรุ่น G), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill Start Assist Control), ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control) เป็นต้น

โตโยต้า จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการให้กับลูกค้าและผู้ที่สนใจ ได้สัมผัส ยาริส ใหม่ ที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศในวันที่ 22-24 กันยายน 2560 พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษ

สำหรับข้อเสนอพิเศษ ทาง Toyota มีโปรแกรม Convini-EXT ทางเลือกใหม่จากแพ็กเกจที่คุ้มค่าด้วยการรวมสิทธิประโยชน์ 3 รายการ ด้วยรูปแบบเงินดาวน์และดอกเบี้ยต่ำ พร้อมประกันภัย และการขยายการรับประกันคุณภาพ

Toyota-Yaris-J-Eco-Grade Toyota-Yaris-J-Eco-Grade-Interior– รุ่น J ECO เกียร์อัตโนมัติ ราคา 479,000 บาท*

Toyota-Yaris-J-Grade Toyota-Yaris-J-Grade-Interior– รุ่น J เกียร์ CVT ราคา 529,000 บาท*

Toyota-Yaris-E-Grade Toyota-Yaris-E-Grade-Interior– รุ่น E เกียร์ CVT ราคา 559,000 บาท*

Toyota-Yaris-G-Grade Toyota-Yaris-G-Grade-Interior– รุ่น G เกียร์ CVT ราคา 609,000 บาท*

Follow-Me-Home

*ราคาดังกล่าว เป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน เป็นราคาพิเศษในช่วงแนะนำ สำหรับลูกค้าที่จองและออกรถตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2560

Toyota-Yaris-Orange-Metallic

พร้อมเลือกเป็นเจ้าของ ยาริส ใหม่ 7 สี

(Citrus Mica Metallic / Orange Metallic / Red Mica Metallic / Super White / Silver Metallic / Gray Metallic / Attitude Black Mica)

Nissan-Leaf

Nissan Leaf ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 2 ประหยัดขึ้นกว่าเดิม

             Nissan เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) เจเนอเรชั่นที่ 2 “Simply Amazing” ครั้งแรกในโลกที่ญี่ปุ่น พร้อมเริ่มขายที่ญี่ปุ่นในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ ก่อนส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกเช่นเคย

สำหรับ นิสสัน ถือเป็นผู้บุกเบิกในยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการเปิดตัว นิสสัน ลีฟ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของโลก และเริ่มจำหน่ายในญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2010 ปัจจุบันมียอดขายที่มากกว่า 280,000 คัน ถือว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายมากที่สุดในโลก ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า กำลังจะมาแทนที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง!

Nissan-Leaf

Nissan Leaf ใหม่

Nissan-Leaf

Nissan-Leaf

รูปทรงภายนอก เน้นความสปอร์ต ลู่ลมขึ้น

นิสสัน ลีฟ ใหม่ ถูกออกแบบด้วยรูปโฉมสปอร์ต ตัวรถพัฒนาด้วย Concept “Advance Expression” มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED ทรงบูมเมอแรง, กระจังหน้า V-Motion แบบ 3 มิติ และไฟท้ายทรงบูมเมอแรงแบบ LED คู่กับล้อแม็กขนาด 16 นิ้ว และ 17 นิ้ว (ในรุ่น G)

มาพร้อมมิติตัวถังยาว 4,480 มม. กว้าง 1,790 มม. สูง 1,540 มม. และระยะฐานล้อ 2,700 มม.

Nissan-Leaf

Nissan-Leaf

Nissan-Leaf

ห้องโดยสารภายใน พร้อมพื้นที่เก็บของกว้างขวาง

ห้องโดยสารออกแบบใหม่ตาม Concept “Gliding Wing” คอนโซลหน้ารูปแบบใหม่ เบาะนั่งเดินด้วยด้ายสีน้ำเงิน ส่วนความบันเทิง มาพร้อมชุดจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบ Apple CarPlay และ NissanConnect ที่สามารถค้นหาข้อมูล Update ล่าสุด ของสถานีชาร์จไฟฟ้า ทั้งสถานที่ตั้ง หรือเวลาให้บริการ รวมทั้งการรอคิวชาร์จ และในระหว่างชาร์จไฟฟ้า เจ้าของรถสามารถดูปริมาณแบตเตอรี่ได้ผ่านสมาร์ทโฟน เป็นต้น พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มากถึง 435 ลิตร (วัดตามมาตรฐาน VDA)

Nissan-Leaf

นิสสัน ลีฟ คือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า “100%” และมีอัตราการปล่อยมลพิษเป็น “0” พร้อมชูจุดเด่นอย่าง “นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี้ (Nissan Intelligent Mobility)” ทำให้ผู้ขับขี่มีความมั่นใจกับมุมมองรอบด้าน และสามารถตรวจจับวัตถุต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวรถได้ดีขึ้น ด้วยระบบต่างๆ อาทิเช่น

Nissan-Leaf

  • ระบบ ProPILOT ครั้งแรกของการแนะนำระบบขับอัตโนมัติ รวมถึงระบบ ProPILOT Park ที่สามารถนำรถยนต์เข้าจอดในซอง และการจอดรถริมฟุตบาท แบบอัตโนมัติ โดยที่คนขับนั่งเฉยๆ ไม่ต้องไปหมุนพวงมาลัยใดๆ

Nissan-Leaf

  • ระบบ e-Pedal ช่วยในการเร่งความเร็วและการเบรก โดยระบบจะทำงานร่วมกับระบบ Regenerative Braking ในการช่วยหยุดรถ อีกทั้งยังใช้ทดแทนระบบ Hill Start Assisted (HSA) ในการออกตัวบนทางลาดชันอีกด้วย

Nissan Leaf ใหม่ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าชุดใหม่ แบบ EM57 ที่ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า (PS) (110 กิโลวัตต์) (แรงม้าเพิ่มขึ้น 38% จากรุ่นแรก) ที่ 3,283-9,795 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม. (320 นิวตันเมตร) ที่ 0-3,283 รอบ/นาที

แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ขนาด 40 กิโลวัตต์/ชม. เพียงชาร์จ 1 ครั้ง สามารถเดินทางได้ระยะทางมากถึง 400 กิโลเมตร (ตามการทดสอบตามโหมด JC08 ของประเทศญี่ปุ่น)

Nissan-Leaf

Nissan-Leaf

ขับไปไหนก็หายห่วงเรื่องไฟหมด ด้วยจุดเติมพลังงานไฟฟ้าที่มากถึง 28,500 จุด (โดยประมาณ) ทั่วประเทศญี่ปุ่น (แบ่งเป็นสถานี Quick Change 7,108 จุด และสถานีขาร์จแบบธรรมดา 20,727 จุด) ใช้เวลาชาร์จประมาณ 40 นาที ก็ได้ปริมาณพลังงานไฟฟ้ามากถึง 80% หากชาร์จแบบ Quick Charge และใช้เวลาชาร์จ 8 ชั่วโมง (กำลังไฟ 6 กิโลวัตต์) สำหรับการชาร์จแบบธรรมดา

Nissan Leaf ใหม่ มีรุ่นย่อยให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ S, X และ G พร้อมมีสีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ในราคา 3,150,360-3,990,600 เยน

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก www.nissan.co.jp