ค่าน้ำมันรถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall เติมเต็มถังกี่บาท!

ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็ต้องเจอแต่คนใช้รถ จะเป็นเศรษฐีหรือยาจก ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า “น้ำมันแพงๆๆๆๆ” กับราคาน้ำมันไทยที่พุ่งทะยานกันอย่างต่อเนื่องในปี 2565 นี้นับสิบครั้ง ส่งผลกระทบกับคนที่ต้องใช้รถยนต์ทำงานกันถ้วนหน้า ต่างต้องหาทางออกในการลดรายจ่ายให้กับชีวิตกันเป็นแถวๆ

เมื่อรู้กันว่าน้ำมันขึ้นไปแล้ว มักจะลงยาก การหาทางออกด้วยการเลือกรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ต้องใช้งบประมาณสูง ถ้าใครเงินดาวน์น้อยหรืองบสำหรับผ่อนมีน้อย จะเลือกรถยนต์ Eco-Car มือสองมาใช้ก็ดี เพราะประหยัดพลังงาน กินน้ำมันประมาณ 15 – 23 กม./ลิตร ก็ยังพอช่วยบรรเทารายจ่ายคุณได้บ้าง

CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) เลยขอแนะนำรถ Eco-Car (รถอีโคคาร์) รุ่นเด่นๆ ที่มีขายในเวลานี้ ว่าแต่ละรุ่น กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ (คิดจากราคาน้ำมันในวันที่ 17 มีนาคม 2565 ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 38.75 บาท/ลิตร และราคาน้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 46.16 บาท/ลิตร) ถ้าจะเติมเต็มถังในแต่ละรุ่น ต้องใช้เงินกี่บาท ไปดูกันเลยจ้า

รถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ เติมเต็มถังกี่บาท!

1. Toyota Yaris / Toyota Yaris ATIV

Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) / Yaris ATIV (โตโยต้า ยาริส เอทีฟ) เป็นรถที่เปิดตัวมาตั้งแต่ในเดือนเดือนตุลาคม 2556 และ ATIV ที่ตามมาทีหลังในเดือนสิงหาคม 2560

ทั้งคู่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 86 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์มีแบบเดียว คือ เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i

และเครื่องยนต์ใหม่ (ตั้งแต่ปี 2562 – ปัจจุบัน) รหัส 3NR-FKE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-iE มอบแรงม้าสูงสุด 92 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 109 นิวตันเมตร ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i และฟังก์ชัน S Mode ขับสนุกมากยิ่งขึ้น (Fun-To-Drive) พร้อมอัตราประหยัดน้ำมันได้ถึง 23.3 กม./ลิตร รองรับแก๊สโซฮอล์ E20

ทั้ง 2 รุ่น ในแบบ Hatchback 5 ประตู และ Sedan 4 ประตู ใช้ขนาดถังน้ำมันเท่ากัน คือ 42 ลิตร หากเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถัง ต้องจ่าย 1,627.50 บาท และหากเติมเบนซิน เต็มถัง ต้องจ่าย 1,938 บาท

รถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ เติมเต็มถังกี่บาท!

2. Nissan March

Nissan March (นิสสัน มาร์ช) รถ Eco-Car ยอดฮิตในไทยอีกรุ่น ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC ให้แรงม้าสูงสุด 79 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ Xtronic CVT

นิสสัน มาร์ช ใช้ถังน้ำมัน 41 ลิตร หากเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถัง ต้องจ่าย 1,588.75 บาท และหากเติมเบนซิน เต็มถัง ต้องจ่าย 1,892 บาท

รถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ เติมเต็มถังกี่บาท!

3. Nissan Note

Nissan Note (นิสสัน โน๊ต) ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ตัวเดียวกับใน Nissan March รหัส HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC ให้แรงม้าสูงสุด 79 แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ Xtronic CVT พร้อม D-Step Logic

นิสสัน โน๊ต ใช้ถังน้ำมัน 41 ลิตร หากเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถัง ต้องจ่าย 1,588.75 บาท และหากเติมเบนซิน เต็มถัง ต้องจ่าย 1,892 บาท

รถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ เติมเต็มถังกี่บาท!

4. Nissan Almera

Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) รถ Eco-Car 4 ประตูรุ่นแรกของไทย เปิดตัวครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2554 ใช้ขุมพลังเหมือน March รหัส HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC ให้แรงม้าสูงสุด 79 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ Xtronic CVT ประหยัดน้ำมันสูงสุด 20 กม./ลิตร

นิสสัน อัลเมร่า ใช้ถังน้ำมัน 41 ลิตร หากเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถัง ต้องจ่าย 1,588.75 บาท และหากเติมเบนซิน เต็มถัง ต้องจ่าย 1,892 บาท

รถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ เติมเต็มถังกี่บาท!

5. Nissan Almera Turbo

Nissan Almera Turbo (นิสสัน อัลเมร่า เทอร์โบ) รถ Eco-Car 4 ประตูเจเนอเรชั่นที่ 2 ของ Almera ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ เปิดตัวครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2562

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร Turbo รหัส HRA0 แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 100 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม D-Step Logic ประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 23.3 กม./ลิตร

นิสสัน อัลเมร่า เทอร์โบ ใช้ถังน้ำมัน 35 ลิตร หากเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถัง ต้องจ่าย 1,356.25 บาท และหากเติมเบนซิน เต็มถัง ต้องจ่าย 1,615 บาท

รถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ เติมเต็มถังกี่บาท!

6. Honda Brio / Brio Amaze

Honda Brio (ฮอนด้า บริโอ้) และ Honda Brio Amaze (ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ) มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส L12B3 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 90 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่มาพร้อมระบบ Shift Hold System และทุกรุ่นยังรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้

ฮอนด้า บริโอ้ และบริโอ้ อเมซ 2 รุ่นนี้ใช้ถังน้ำมันเท่ากัน คือ 35 ลิตร หากเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถัง ต้องจ่าย 1,356.25 บาท และหากเติมเบนซิน เต็มถัง ต้องจ่าย 1,615 บาท

รถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ เติมเต็มถังกี่บาท!

7. Honda City Turbo

Honda City Turbo (ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ) นับเป็นครั้งแรกของรถตระกูล City เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่วางเครื่องยนต์เทอร์โบ มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม แต่แรงม้ามากขึ้น และประหยัดน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม) และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร

ขุมพลังเทอร์โบใหม่ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว VTEC Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ประหยัดน้ำมันได้ถึง 23.8 กม./ลิตร และรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้อีกด้วย

ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ ใช้ถังน้ำมัน 40 ลิตร หากเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถัง ต้องจ่าย 1,550 บาท และหากเติมเบนซิน เต็มถัง ต้องจ่าย 1,846 บาท

รถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ เติมเต็มถังกี่บาท!

8. Mitsubishi Mirage

Mitsubishi Mirage (มิตซูบิชิ มิราจ) มาพร้อมขุมพลังขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3A92 แบบ 3 สูบ DOHC MIVEC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 78 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ Invecs-III CVT รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 22 กม./ลิตร และ 23.3 กม./ลิตร

มิตซูบิชิ มิราจ ใช้ถังน้ำมัน 35 ลิตร หากเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถัง ต้องจ่าย 1,356.25 บาท และหากเติมเบนซิน เต็มถัง ต้องจ่าย 1,615 บาท

รถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ เติมเต็มถังกี่บาท!

9. Mitsubishi Attrage

Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) มาพร้อมขุมพลังขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3A92 แบบ 3 สูบ DOHC MIVEC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 78 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ Invecs-III CVT รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 22 กม./ลิตร และ 23.3 กม./ลิตร

มิตซูบิชิ แอททราจ ใช้ถังน้ำมัน 42 ลิตร หากเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถัง ต้องจ่าย 1,627.50 บาท และหากเติมเบนซิน เต็มถัง ต้องจ่าย 1,938 บาท

รถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ เติมเต็มถังกี่บาท!

10. Suzuki Celerio

Suzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ) รถ Eco-Car น้องเล็กจาก Suzuki มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร รหัส K10B แบบ 3 สูบ 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 68 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 90 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดาแบบ 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 22 กม./ลิตร รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20

ซูซูกิ เซเลริโอ้ ใช้ถังน้ำมัน 35 ลิตร หากเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถัง ต้องจ่าย 1,356.25 บาท และหากเติมเบนซิน เต็มถัง ต้องจ่าย 1,615 บาท

รถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ เติมเต็มถังกี่บาท!

11. Suzuki Ciaz

Suzuki Ciaz (ซูซูกิ เซียส) รถ Eco-Car Sedan จากค่ายซูซูกิ ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.25 ลิตร รหัส K12B แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว VVT ให้แรงม้าสูงสุด 91 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 118 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดาแบบ 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ประหยัดน้ำมันได้ถึง 20 กม./ลิตร รองรับเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ E20

ซูซูกิ เซียส ใช้ถังน้ำมัน 42 ลิตร หากเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถัง ต้องจ่าย 1,627.50 บาท และหากเติมเบนซิน เต็มถัง ต้องจ่าย 1,938 บาท

รถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ เติมเต็มถังกี่บาท!

12. Suzuki Swift

Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์) เป็น Swift รุ่นแรกที่เข้าร่วมโครงการรถ Eco-Car เปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.25 ลิตร รหัส K12B แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว VVT ให้แรงม้าสูงสุด 91 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 118 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ประหยัดน้ำมันได้ถึง 20 กม./ลิตร รองรับเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ E20

ซูซูกิ สวิฟท์ ใช้ถังน้ำมัน 42 ลิตร หากเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถัง ต้องจ่าย 1,627.50 บาท และหากเติมเบนซิน เต็มถัง ต้องจ่าย 1,938 บาท

รถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ เติมเต็มถังกี่บาท!

13. Suzuki Swift

Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์) โฉมปัจจุบันที่เปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 แรงสุดขีด สปีดเร้าใจ ด้วยเครื่องยนต์เบนซินรหัส K12M ขนาด 1.2 ลิตร แบบ 4 สูบ 83 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร มาพร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ หรือ DUALJET ทำให้น้ำมันมีละอองที่ละเอียดขึ้น ได้กำลังและแรงบิดดียิ่งขึ้น ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้ถึง 23 กม./ลิตร รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20

ซูซูกิ สวิฟท์ ใช้ถังน้ำมัน 37 ลิตร หากเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถัง ต้องจ่าย 1,433.75 บาท และหากเติมเบนซิน เต็มถัง ต้องจ่าย 1,707 บาท

รถ Eco-Car รุ่นเด่นใน CARRO Automall กับราคาน้ำมันไทยวันนี้ เติมเต็มถังกี่บาท!

14. Mazda2

Mazda2 (มาสด้า2) รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ใช้เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 1.3 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงถึง 93 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE แบบ 6 สปีด ประหยัดน้ำมันถึง 23.3 กม./ลิตร รองรับเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ E20

มาสด้า2 เบนซิน ทั้งแบบ Hatchback 5 ประตู และ Sedan 4 ประตู ใช้ถังน้ำมัน 35 ลิตร เท่ากัน หากเติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถัง ต้องจ่าย 1,356.25 บาท และหากเติมเบนซิน เต็มถัง ต้องจ่าย 1,615 บาท

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่ทนราคาน้ำมันแพงไม่ไหว อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมันคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ:

  • ราคาน้ำมันสถานี ปตท. ณ วันที่ 17 มี.ค. 2565 เวลา 5.00 น.
  • ราคาน้ำมันนี้ ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่

แหล่งที่มาของราคาน้ำมันจาก :

ฟรี! กรมการขนส่งทางบกเคลือบสีให้ใหม่ ถ้าป้ายทะเบียนซีด ถึง 29 ธ.ค. นี้

กรมการขนส่งทางบก ขยายเวลาให้เจ้าของรถ นำแผ่นป้ายทะเบียนรถซีดจางมาเคลือบสีใหม่ ฟรี!!! ไม่มีค่าใช้จ่าย ถึง 29 ธันวาคม 2565 เพื่ออำนวยความสะดวกและรักษาสิทธิให้แก่เจ้าของรถ แนะ!!! เช็กหมวดอักษรที่เข้าเงื่อนไขเคลือบสีฟรีได้ที่นี่

นางพรรณี พุ่มพันธ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาตามที่กรมการขนส่งทางบกได้ประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของรถนำแผ่นป้ายทะเบียนรถที่สีตัวอักษร หมายเลขทะเบียน หรือตัวอักษรบอกชื่อจังหวัดซีดจาง ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในหมวด 3กก – 4กฆ กรุงเทพมหานคร และบางหมวดของต่างจังหวัด มาเคลือบสีแผ่นป้ายทะเบียนใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา มีจำนวนการยื่นคำขอรวมทั่วประเทศมากกว่า 25,000 ราย

อย่างไรก็ตาม พบว่ายังมีเจ้าของรถอีกหลายรายไม่สามารถมาดำเนินการได้ สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้เจ้าของรถหลีกเลี่ยงการติดต่อราชการในช่วงดังกล่าว กรมการขนส่งทางบกจึงขยายระยะเวลาให้บริการเคลือบสีแผ่นทะเบียนฟรีเพิ่มเติมจนถึงสิ้นปีนี้ (วันที่ 29 ธันวาคม 2565) เพื่ออำนวยความสะดวกและรักษาสิทธิให้แก่เจ้าของรถ โดยกรมการขนส่งทางบกจะออกหนังสือแจ้งเจ้าของรถให้เจ้าของรถทราบโดยตรง เพื่อให้นำแผ่นป้ายทะเบียนรถมาเคลือบสีใหม่ ซึ่งจะดำเนินการควบคู่กับการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ในทุกช่องทาง

ตรวจสอบหมวดป้ายทะเบียนซีดจางได้ ที่นี่

นอกจากนี้ ยังได้ขอความร่วมมือไปยังสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ร่วมเป็นเครือข่ายในการประชาสัมพันธ์แจ้งให้เจ้าของรถที่ยังไม่มาดำเนินการ เร่งนำแผ่นป้ายทะเบียนมาเคลือบสีภายในวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ในวันและเวลาราชการ

รู้หรือยัง! ป้ายทะเบียนซีดจาง กรมการขนส่งทางบก เคลือบสีใหม่ให้ฟรี! หมดเขต 29 ธันวาคม 2565

สำหรับหลักฐานขอเข้ารับการเคลือบสีป้ายทะเบียนใหม่ ที่ต้องเตรียมไปด้วย คือ

  • ใบคู่มือจดทะเบียนรถ หรือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของรถ
  • กรณีเป็นนิติบุคคล ให้ใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล

ส่วนเจ้าของรถที่ไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ

โดยนำป้ายทะเบียนรถที่ต้องการเคลือบสีใหม่ ที่ผ่านการทำความสะอาดเบื้องต้น และแผ่นป้ายทะเบียนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เช่น ไม่บิดงอ เจาะรู เป็นต้น ติดต่อขอเคลือบสีใหม่ได้ที่งานแผ่นป้ายทะเบียนรถ อาคาร 7 กรมการขนส่งทางบกโดยตรง ซึ่งสามารถรอรับได้ภายในวันที่ติดต่อทันที

หรือให้ยื่นความประสงค์ได้ที่สำนักงานขนส่งที่รถนั้นจดทะเบียนหรืออยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อให้สำนักงานขนส่งที่รับแจ้งจัดส่งแผ่นป้ายทะเบียนเข้ามาเคลือบสีที่กรมการขนส่งทางบก แล้วส่งกลับคืนไปยังสำนักงานขนส่งอีกครั้ง กรณีดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาดำเนินการรวมจัดส่งไม่เกิน 7 วันทำการ

ทั้งนี้ ในช่วงเวลาการส่งแผ่นป้ายเพื่อเคลือบสีใหม่ เจ้าของรถสามารถใช้ใบนัดรับแผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นหลักฐานชั่วคราว แสดงกับเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ แทนแผ่นป้ายทะเบียนรถที่อยู่ระหว่างส่งเคลือบสีได้

รู้หรือยัง! ป้ายทะเบียนซีดจาง กรมการขนส่งทางบก เคลือบสีใหม่ให้ฟรี! หมดเขต 29 ธันวาคม 2565

กรณีแผ่นป้ายทะเบียนรถไม่ได้อยู่ในหมวด “3กก – 4กฆ” กรุงเทพมหานคร หรือแผ่นป้ายทะเบียนที่มิได้ผลิตและออกให้ระหว่างวันที่ 1 ส.ค. – 31 ธ.ค. 2557 หรือพบว่าสาเหตุสีหลุดลอกมาจากการใช้งาน การขัดล้างที่ไม่ถูกวิธี แผ่นป้ายทะเบียนรถชำรุดจากสาเหตุอื่น หรือสูญหาย เจ้าของรถสามารถติดต่อขอรับแผ่นป้ายทะเบียนใหม่ทดแทนของเดิม โดยติดต่อที่สำนักงานขนส่งที่รถนั้นจดทะเบียนหรืออยู่ในความรับผิดชอบ ซึ่งเจ้าของรถต้องเสียค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายแผ่นละ 100 บาท

ดังนั้น เพื่อรักษาและยืดอายุการใช้งานแผ่นป้ายทะเบียนรถ ขอให้เจ้าของรถให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาแผ่นป้ายทะเบียนรถให้ถูกวิธี ไม่ใช้น้ำยาขัดล้างถูรุนแรงบริเวณแผ่นป้าย ตัวอักษรหรือตัวเลข ให้ใช้น้ำเปล่าหรือน้ำผสมแชมพูอ่อนๆ และใช้ผ้านุ่มบางหรือสำลีเช็ดทำความสะอาด

ส่วนเจ้าของรถที่ต้องการใส่กรอบแผ่นป้ายทะเบียนเพื่อป้องกันการชำรุดก็สามารถกระทำได้ โดยต้องเป็นกรอบใสที่มองเห็นรายละเอียดของแผ่นป้ายทะเบียนรถได้ชัดเจน ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของกรอบบดบังส่วนที่เป็นหมวดอักษร หมายเลขทะเบียน และตัวอักษรบอกชื่อจังหวัดโดยเด็ดขาด

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ตลาดรถยนต์ปีนี้ มีลุ้น 8 แสนคัน EV/ SUV มาแรง!

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ปี 2564 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2565

ปี 2564 ถือเป็นอีกปีที่เศรษฐกิจและสังคมไทยเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ตาม จากความมุ่งมั่นพยายามของภาครัฐและบุคลากรทางการแพทย์ เราเชื่อว่าสถานการณ์กำลังจะก้าวเข้าสู่ภาวะคลี่คลาย

อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่า โตโยต้า จะสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนให้สำเร็จภายในปี 2593 โดยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 Akio Toyoda (อากิโอะ โตโยดะ) กรรมการผู้จัดการใหญ่ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศไว้ว่าโตโยต้ามีกลยุทธ์มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกลยุทธ์ด้านรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ โดยโตโยต้าจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ครบทั้ง 30 รุ่น ภายในปี 2573

ซึ่งรวมไปถึงรถซีรีส์ bZ จำนวน 5 โมเดล ซึ่งมาพร้อมแพลตฟอร์มที่พัฒนาใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่โดยเฉพาะ โตโยต้ามุ่งมั่นที่จะขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ทั้งสิ้น 3.5 ล้านคัน ภายในปี 2573

ทั้งนี้ โตโยต้าทุ่มเงินลงทุน 1.2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ โดยที่เงิน 0.6 ล้านล้านบาท เป็นการลงทุนด้านแบตเตอรี่ และยังลงทุนอีก 1.2 ล้านล้านบาท สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง ภายในปี 2573

ส่วนในประเทศไทยนั้น Toyota เริ่มแนะนำเทคโนโลยีด้านยานยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2552 โดยครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ถึง 80% และมีการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าของโตโยต้ามากสุดในอาเซียน เราลดคาร์บอนไดออกไซด์ลงไปได้ 148,000 ตัน ซึ่งเท่ากับการปลูกต้นไม้ 2 ล้านต้น อีกทั้งในปีที่แล้ว เรายังได้ทำการแนะนำ Lexus UX300e ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ และ Lexus NX450h+ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด

Toyota มีแผนที่จะทำการแนะนำ Toyota bZ4X ซึ่งถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของซีรีส์ bZ ออกสู่ตลาดภายในปีนี้ พร้อมส่งเสริมให้มีการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับการประกอบรถยนต์ไฟฟ้าอีกหลากหลายรุ่นต่อไปในอนาคต

สำหรับยอดขายรถรวมในปี 2564 เป็นปีที่สถานการณ์โรคโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเกิดปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิต เช่น ปัญหาชิปขาดตลาด ด้วยเหตุนี้ ยอดขายรวมภายในประเทศจึงอยู่ที่ราว 759,119 คัน หรือลดลง 4.2% เมื่อเทียบกับปี 2563

สถิติการขายรถยนต์ในปี 2564 ยอดขายปี 2564 การเปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2563
 ปริมาณการขายรวม 759,119 คัน – 4.2%
 รถยนต์นั่ง  251,800 คัน -8.4%
 รถเพื่อการพาณิชย์ 507,319 คัน -1.9%
 รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 393,476 คัน -3.9%
 รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 341,452 คัน -6.4%

สำหรับยอดขายของโตโยต้าในปี 2564 นั้น ยอดขายรวมอยู่ที่ประมาณ 239,723 คัน หรือลดลง 1.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเรายังคงครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 31.6% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด

ซึ่งหากว่ากันตามตรง ถือว่าต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ แต่ถ้าเราดูยอดขายของปีที่แล้ว จะเห็นได้ว่าเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นมา สืบเนื่องมาจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลอดจนดำเนินกิจกรรมทางการตลาดที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตแบบใหม่ เช่น การขายผ่านช่องทางออนไลน์ ถ้าเราลองดูที่ยอดขายของโตโยต้าในระหว่างช่วงไตรมาสที่ 2 ถึงไตรมาสที่ 4 จะเห็นได้ว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของเราอยู่ที่ 32.5% ซึ่งเป็นระดับที่ไกล้เคียงกับในปี 2562 หรือช่วงก่อนที่โรคโควิด-19 จะระบาด โดยในส่วนของยอดขายของ ไฮลักซ์ รีโว่ นั้น มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 39.1% ซึ่งสูงกว่าของปี 2562 ในขณะที่ เอทีฟ และ ยาริส นั้น ก็สามารถครองอันดับ 1 ในตลาดรถ อีโคคาร์

ในส่วนของตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ โตโยต้ามียอดขายรวมทั้งปีเป็นอันดับ 1 ถึง 2 ปีซ้อน ด้วยยอดขายที่สูงเป็นประวัติการณ์ของโคโรลลา ครอส ส่วนฟอร์จูนเนอร์ ก็มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดรถกระบะดัดแปลงต่อเนื่องมาเป็นเวลา 10 ปี ในขณะเดียวกัน คัมรี ก็ครองอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์ขนาดกลาง ส่วนไฮเอซก็ครองอันดับ 1 ตลอดกาลเช่นกันสำหรับในตลาดรถตู้

สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2564 ยอดขายปี 2564 การเปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2563 ส่วนแบ่งตลาด
 ปริมาณการขายโตโยต้า 239,723 คัน    -1.9% 31.6%
 รถยนต์นั่ง  62,403 คัน -8.4% 24.8%
 รถเพื่อการพาณิชย์ 177,320 คัน +0.7% 35.0%
 รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 151,501 คัน +1.2% 38.5%
 รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 128,639 คัน -1.0% 37.7%

แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2565

เป็นไปได้ว่าโควิด-19 จะยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย อย่างไรก็ดี เราคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมๆ กับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมด

นอกจากนี้ ประชาชนเองก็เรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ให้ได้อย่างปลอดภัยแล้ว ส่วนปัญหาชิ้นส่วนการผลิตขาดตลาดก็จะค่อยๆ คลี่คลายลงเช่นกัน คาดหวังว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะกลับคืนสู่สภาวะปกติ และคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2565 จะอยู่ที่ 860,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 13.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2565 ยอดขายประมาณการปี 2565 เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2564
 ปริมาณการขายรวม 860,000 คัน  + 13.3%
 รถยนต์นั่ง 292,500 คัน + 16.2%
 รถเพื่อการพาณิชย์ 567,500 คัน + 11.9%

“สำหรับโตโยต้า เราตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 284,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 18.5% โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 33%”

ประมาณการยอดขายรถยนต์

โตโยต้าในปี 2565

ยอดขายประมาณการปี 2565 เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2564 ส่วนแบ่งตลาด
 ปริมาณการขายโตโยต้า 284,000 คัน  + 18.5% 33.0%
 รถยนต์นั่ง    81,000 คัน     + 29.8% 27.7%
 รถเพื่อการพาณิชย์ 203,000 คัน      + 14.5% 35.8%
 รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 175,932 คัน     + 16.1% 40.6%
 รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 149,000 คัน      + 15.8% 39.8%

ปริมาณการส่งออกรถยนต์และการผลิตของโตโยต้าในปี 2564

ในด้านการส่งออกรถยนต์ ในปี 2564 โตโยต้าส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปไปราว 292,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 35.5% จากปี 2563 โดยยอดรวมการผลิตรถยนต์สำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกในปี 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 514,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 16.1% จากปี 2563

ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของ

โตโยต้าในปี 2564

ปริมาณในปี 2564 เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2563
 ปริมาณการส่งออก 292,000 คัน     + 35.5%
 ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ 514,000 คัน + 16.1%

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์และการผลิตของโตโยต้าในปี 2565

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้ เราคาดว่าความต้องการของตลาดต่างประเทศจะเพิ่มสูงขึ้น โดยเราตั้งเป้าปริมาณการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 371,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 27.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเราตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของปี 2565 อยู่ที่ ราว 647,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 25.9% จากปีที่ผ่านมา

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของโตโยต้าปี 2565 ปริมาณในปี 2565 เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2564
 ปริมาณการส่งออก 371,000 คัน     + 27.2%
 ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ 647,000 คัน + 25.9%

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนธันวาคม 2564

1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 91,010 คัน ลดลง 12.6%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 27,150 คัน ลดลง 18.2% ส่วนแบ่งตลาด 29.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 18,801 คัน ลดลง 18.0% ส่วนแบ่งตลาด 20.7%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 11,556 คัน เพิ่มขึ้น 14.7% ส่วนแบ่งตลาด 12.7%

2.)  ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 31,917 คัน ลดลง 16.3%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 8,763 คัน เพิ่มขึ้น 4.6% ส่วนแบ่งตลาด 27.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,347 คัน ลดลง 16.6% ส่วนแบ่งตลาด 23.0%
อันดับที่ 3 ซูซูกิ 2,776 คัน ลดลง 14.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.7%

3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 59,093 คัน ลดลง 10.4%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 19,803 คัน ลดลง 18.8% ส่วนแบ่งตลาด 33.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 18,801 คัน ลดลง 18.0% ส่วนแบ่งตลาด 31.8%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 4,117 คัน ลดลง 10.4% ส่วนแบ่งตลาด 7.0%

4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)

ปริมาณการขาย 42,785 คัน ลดลง 16.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 16,908 คัน ลดลง 21.6% ส่วนแบ่งตลาด 39.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 16,733 คัน ลดลง 16.8% ส่วนแบ่งตลาด 39.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 4,117 คัน ลดลง 10.4% ส่วนแบ่งตลาด 9.6%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 6,280 คัน

โตโยต้า 2,459 คัน – อีซูซุ 1,990 คัน – มิตซูบิชิ 872 คัน – ฟอร์ด 707 คัน – นิสสัน 252 คัน

 5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 36,505 คัน ลดลง 17%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 14,918 คัน ลดลง 20.5% ส่วนแบ่งตลาด 40.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 14,274 คัน ลดลง 18.0% ส่วนแบ่งตลาด 39.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,410 คัน ลดลง 8.8% ส่วนแบ่งตลาด 9.3%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – ธันวาคม 2564

1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 759,119 คัน ลดลง 4.2%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
239,723 คัน ลดลง 1.9% ส่วนแบ่งตลาด 31.6%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 184,160 คัน เพิ่มขึ้น 1.6% ส่วนแบ่งตลาด 24.3%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
88,692 คัน ลดลง 4.7% ส่วนแบ่งตลาด 11.7%

2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 251,800 คัน ลดลง 8.4%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 76,886 คัน ลดลง 0.7% ส่วนแบ่งตลาด 30.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
62,403 คัน ลดลง 8.4% ส่วนแบ่งตลาด 24.8%
อันดับที่ 3 มาสด้า 19,800 คัน ลดลง 20.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.9%

3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 507,319 คัน ลดลง 1.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 184,160 คัน เพิ่มขึ้น 1.6% ส่วนแบ่งตลาด 36.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
177,320 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% ส่วนแบ่งตลาด 35.0%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 32,329 คัน เพิ่มขึ้น 8.3% ส่วนแบ่งตลาด 6.4%

4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)

ปริมาณการขาย 393,476 คัน ลดลง 3.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
167,180 คัน ลดลง 0.8% ส่วนแบ่งตลาด 42.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
151,501 คัน เพิ่มขึ้น 1.2% ส่วนแบ่งตลาด 38.5%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 32,329 คัน เพิ่มขึ้น 8.3% ส่วนแบ่งตลาด 8.2%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 52,024 คัน

โตโยต้า 22,862 คัน – อีซูซุ 16,439 คัน – มิตซูบิชิ 6,619  คัน – ฟอร์ด 5,025 คัน –  นิสสัน 1,079 คัน 

5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 341,452 คัน ลดลง 6.4%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
150,741 คัน ลดลง 6.0% ส่วนแบ่งตลาด 44.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
128,639 คัน ลดลง 1.0% ส่วนแบ่งตลาด 37.7%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 27,304 คัน เพิ่มขึ้น 11.4% ส่วนแบ่งตลาด 8.0%

ขอขอบคุณข้อมูลจาก:

10 ทางม้าลายอันตรายใน กทม. ที่ต้องระวัง!

หลายท่านคงได้เห็นกับข่าวอันน่าเศร้าลสดกันไปแล้ว ที่ ส.ต.ต. นรวิชญ์ บัวดก ขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ชนคุณหมอกระต่าย หรือ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล ขณะเดินข้ามถนนตรงทางม้าลายจนถึงแก่ความตายบนถนนพญาไท ที่สร้างความสูญเสียอย่างไม่สามารถประเมินค่าได้ สร้างความสะเทือนใจให้คนไทยทั้งประเทศ

จนกลายเป็นที่พูดถึงในสังคมไทยอย่างมาก ถึงเรื่องที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย ทำผิดกฎหมายหลายอย่างเสียเอง รวมไปถึงการบังคับใช้กฎหมายอันย่อหย่อน และอีกหลายๆ ปัญหาที่ตามมามากมาย รวมไปถึงประสบการณ์ของผู้ที่ใช้ทางม้าลาย

ถึงแม้ว่าทาง กทม. และบางจังหวัด ได้รีบรับฟังเสียงประชาชน (หรือรีบผักชีโรยหน้า?) ปรับปรุงลักษณะทางกายภาพของทางม้าลายในแต่ละจุดกันใหญ่ ตั้งแต่ทาสีขาว ทาสีแดงให้สังเกตง่ายขึ้น ตัดต้นไม้ที่ขึ้นรก ปรับปรุงสัญญาณไฟ หรือไฟกระพริบ ไฟส่องสว่าง หรือทาสีเพิ่มลูกระนาด ให้รถวิ่งมาแล้วรู้สึกสะเทือนก่อนจะถึงทางม้าลาย เป็นต้น

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนพญาไท

แต่เท่าที่พบ หลายสี่แยกไฟแดง รถจักรยานยนต์ก็ยังคงจอดทับทางม้าลาย หรือรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ไม่ยอมจอดให้คนข้ามทางม้าหลายเช่นเคย หรือฝ่าฝืนกฎจราจรจำนวนมาก จนเกิดอุบัติเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่น แยกอโศกมนตรี ถึงแม้จะนำกล้อง AI มาใช้ในพื้นที่จับปรับบริเวณทางม้าลาย ก็ยังพบคนทำผิดกฎจราจรมากกว่า 25,000 ครั้ง

แม้ว่าในบางครั้ง คนข้ามถนน และถนน อาจจะเป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นด้วยก็ตาม เช่น เล่นโทรศัพท์มือถือระหว่างเดินข้ามถนน หรือคิดจะข้ามก็รีบวิ่งตัดหน้ารถเลย หรือขับรถมาในเลนขวาสุด แต่มีรถเลนกลางบังคนข้ามถนนในมุมซ้ายอยู่ เป็นต้น

เรามาดูกันดีกว่า ว่า 10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ ที่คนข้ามทางม้าลายข้ามได้ยากเย็น จะมีถนนเส้นไหนบ้าง ทั้งจากประสบการณ์ตรง และจากชาวโซเชียลเล่ากันมา ไปอ่านและระวังตอนข้ามถนนได้เลยครับ

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนอโศกมนตรี

1. ถนนอโศกมนตรี

ถนนอโศกมนตรี จัดได้ว่าเป็นถนนที่มีรถยนต์วิ่งจอแจมากที่สุดสายหนึ่งของกรุงเทพฯ ทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ อีกทั้งช่วงกลางถนน ไม่มีพื้นที่สำหรับให้คนข้ามได้ยืนหยุดรอรถอีกฝั่ง ทำให้ข้ามถนนได้ลำบากอีกหนึ่งเส้น

เฉกเช่นเดียวกับที่เราเห็นคลิปแชร์ในสังคมออนไลน์ ที่เจอทั้งรถบีบแตรไล่ รวมถึงต้องระวังหลังอีกต่างหาก แถมยังมีรถทะลึ่ง ใช้ทางม้าลายเป็นที่กลับรถอีกต่างหาก

ซึ่งหากย้อนไปเมื่อปี 2557 บริเวณถนนอโศกมนตรี ก็เกิดเหตุรถฝ่าไฟแดงพุ่งชนพนักงานสาวแกรมมี่ ขณะข้ามทางม้าลายจนเสียชีวิต บริเวณหน้าตึกแกรมมี่มาแล้ว

ยิ่งในเวลากลางคืน ช่วงนี้ถนนอโศกมนตรีค่อนข้างโล่ง เนื่องจากผับบาร์รอบๆ ยังปิดอยู่เยอะ ทำให้รถสามารถใช้ความเร็วได้มาก หลายคันไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ขับผ่านเลย แม้ว่าสัญญาณไฟข้ามถนนจะเป็นสีเขียวก็ตาม!

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนประดิษฐ์มนูธรรม

2. ถนนประดิษฐ์มนูธรรม

ถ้าใครเคยขับรถบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม ตั้งแต่ช่วงลาดพร้าว ไปจนถึงรามอินทรา จะสังเกตได้เลยว่าทางม้าลายสำหรับให้คนข้ามถนน มีน้อยมาก และสะพานลอยสำหรับให้คนข้าม ก็มีน้อยมากเช่นกัน

ซึ่งคนข้ามถนนเส้นเลียบด่วนนี้ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า อันตรายและรอนานมาก และมีรถยนต์วิ่งมาตลอด หรือวิ่งมาอย่างเร็ว จนหาช่วงข้ามได้ลำบากมาก ต้องวัดใจกันเลยทีเดียว

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนราชดำริ

3. ถนนราชดำริ

ถนนราชดำริ สถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยว เพราะเป็นย่านที่มีศูนย์การค้า และโรงแรมรวมตัวอยู่มากมาย รวมถึงอยู่ใกล้สถานที่ค้าส่งสินค้าอย่างประตูน้ำอีกด้วย จึงมีผู้คนจอแจมากเป็นพิเศษ

แม้ว่าตรงสี่แยกราชประสงค์ จะมีทางเดินแบบ Skywalk แล้ว ช่วงหน้าห้างเซ็นทรัลเวิล์ด เชื่อมต่อกับ เกษรพลาซ่า และ Big C ราชดำริ ก็มีสะพานลอยข้ามถนนอยู่แล้วถึงสองจุด จึงไม่ค่อยมีปัญหาจากคนเดินข้ามถนนเท่าไหร่ แต่ก็ข้ามได้ลำบาก เพราะไม่มีทางม้าลาย และถนนหลายเลนข้ามลำบาก

แต่จุดที่คนชอบข้ามถนนกันมาก นั่นก็คือ ช่วงสี่แยกประตูน้ำ ตรงสะพานเฉลิมโลก ซึ่งก่อนหน้านั้นจุดนี้ไม่มีทางม้าลายสำหรับข้าม ต้องข้ามถนนแบบเสี่ยงตาย มีรถวิ่งมาตลอดทั้งสองฝั่ง ฝั่งนึงหยุด ฝั่งนึงก็พุ่งมา หลายครั้งที่รถยนต์, รถจักรยานยนต์ ไม่หยุดจอดให้คนข้าม จนมีข่าวเกิดอุบัติเหตุหลายต่อหลายครั้ง

จนต้องทำทางม้าลายขึ้นมาถาวร แต่ก็ต้องข้ามถนนแบบเสี่ยงตายเหมือนเดิม

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนเพลินจิต

4. ถนนเพลินจิต

จุดนี้ก็จัดเป็นย่านท่องเที่ยวเช่นกัน มีทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน รวมไปถึงโรงพยาบาล ก็ขึ้นชื่อเรื่องข้ามถนนลำบาก แม้ว่าจะมีสัญญาณไฟข้ามถนนอยู่รอบด้าน

ด้วยสภาพความจอแจของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทำให้คนข้ามถนนที่จอแจมาก ต้องเสียเวลายืนรอข้ามกันนานมาก ยิ่งเป็นจุดข้ามถนนฝั่งเกษรพลาซ่า เมื่อมีสัญญานไฟเขียวให้คนข้ามถนนได้ ก็ดันเป็นจังหวะของรถที่มาจากถนนราชดำริ ได้ไฟเขียวให้เลี้ยวซ้ายได้วิ่งมาตรงนี้พอดี

ทำให้การข้ามถนนโดยมีสัญญานให้คนข้าม ก็ดูไม่มีความปลอดภัยเลย หลายครั้งที่มีคนข้ามถนน แล้วถูกรถชนตรงนี้!

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนชิดลม

5. ถนนชิดลม

ใครจะไปคิดล่ะว่า ถนนเส้นเล็กๆ คั่นกลางระหว่างถนนราชดำริ กับถนนวิทยุ อย่าง “ถนนชิดลม” นี้ จะมีปัญหาเรื่องการข้ามถนนเหมือนกัน!

ปกติ ถ้าเป็นช่วงรถติดแหง็กๆ ตอนเช้า ตอนเย็น ก็พอจะเดินข้ามถนนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ขณะที่รถโล่งๆ ทีนี้ล่ะลำบากหน่อย เพราะรถยนต์ที่วิ่งลงมาจากสะพานชิดลม มักใช้ความเร็วสูง และไม่ยอมชะลอหรือเบรกให้คนข้ามถนนอยู่เป็นประจำ

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนราชปรารภ

6. ถนนราชปรารภ

ถนนราชปรารภ ในย่านประตูน้ำ ก็จัดว่าเป็นถนนที่มีคนใช้รถเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงนักท่องเที่ยว พ่อค้าแม่ค้าที่จอแจด้วยเช่นกัน

แต่ถนนสายนี้ ก็มีจุดที่ข้ามถนนได้ยากอยู่หลายจุด นับตั้งแต่ช่วงแยกจตุรทิศ ที่จะมีรถมากันอยู่ตลอดเวลา หรือแม้แต่จะข้ามถนนในยุดอื่นก็ลำบาก เพราะไม่มีเกาะกลางถนนให้ยืนรอรถอีกฝั่งนั่นเอง หรือช่วงมุมถนนรางน้ำ เป็นต้น

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนพระรามที่ 4

7. ถนนพระรามที่ 4

ถนนพระรามที่ 4 มีหลายช่วงอยู่เหมือนกันที่ข้ามถนนได้ลำบาก อาทิ ช่วงตลาดคลองเตย ที่คนนิยมข้ามถนน สะดวกกว่าข้ามสะพานลอย โดยเฉพาะคนที่ต้องหิ้วของเยอะๆ ออกมาจากตลาดคลองเตย เห็นได้ประจำ

และช่วงแยกเกษมราษฏร์ ที่ตำรวจมักจะปล่อยไฟเขียวกับถนนพระรามที่ 4 ขาไปพระโขนงนานมาก รวมถึงปล่อยให้ไฟเขียวรถเลี้ยวขวาเข้าถนนเกษมราษฏร์ด้วย

ทำให้คนที่จะข้ามถนน ต้องไปยืนคาอยู่ที่บริเวณเกาะกลางถนนนานพอสมควร และยังมีพุ่มไม้ที่ค่อนข้างสูง บังคนที่จะข้ามถนนอีกด้วย

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนลาดพร้าว

8. ถนนลาดพร้าว

ถนนลาดพร้าว อันนี้ก็จัดเป็นถนนที่มีรถยนต์คับคั่งเหมือนกัน แต่บางจุดก็ขึ้นชื่อว่าข้ามถนนได้ยาก และอันตรายอยู่ …

ถนนลาดพร้าวตอนต้น ช่วงตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าว – สี่แยกรัชดา-ลาดพร้าว เมื่อรถที่วิ่งลงมาจากสะพานตรงห้าแยกลาดพร้าว มักใช้ความเร็วสูงหากรถโล่ง ทำให้คนเดินข้ามถนนได้ลำบาก ยิ่งสะพานลอยแต่ละจุดที่อยู่ค่อนข้างห่างกันพอสมควร และไม่มีทางม้าลายบนถนนด้วย ตอนข้ามต้องวัดใจกันเลยทีเดียว

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนราชดำเนินกลาง

9. ถนนราชดำเนินกลาง

ถนนที่จัดได้ว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ อย่าง ถนนราชดำเนินกลาง ก็จะไม่ใช่ว่าไม่มีปัญหาเรื่องคนข้ามถนนตรงทางม้าลาย แต่จุดนี้กลับเป็นจุดที่ไฟเขียวให้คนข้ามถนนได้ และไฟเขียวให้รถข้ามมาได้ด้วย!

ทางม้าลายบริเวณแยกอนุสรณ์สถาน​ 14​ ตุลา​ หากต้องการข้ามไปฝั่งหอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร​ พบว่า​ เมื่อสัญญาณไฟคนข้ามเป็นสีเขียว แต่ก็ยังข้ามไม่ได้​ เพราะมีรถเลี้ยวซ้ายจาก​ ถ.ตะนาว​ มาตลอดเวลา​!

แถมเมื่อถึงเกาะกลางแล้วยังต้องระวังรถด้านซ้ายมือด้วย เนื่องจากสัญญาณไฟบนถนนราชดำเนินกลาง ไฟเขียวให้รถเลี้ยวขวาเข้าถนนตะนาวได้ ช่างลำบากยากเย็น

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนราชวิถี

10. ถนนราชวิถี

ถนนราชวิถี จัดเป็นถนนที่มีรถค่อนข้างเยอะแทบจะตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังเป็นย่านที่มีคนป่วย หรือผู้สูงอายุมากันเยอะ เพราะมีโรงพยาบาลใหญ่ๆ อยู่หลายโรงพยาบาล

และทางม้าลายหลายจุด เช่น หน้าโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มักจะมีผู้สูงอายุข้ามกันอยู่เสมอ ทำให้คนขับรถหลายคนมักหงุดหงิด หรือรอคนข้ามถนนช้าจนรถติด จึงไม่ค่อยยอมจอดให้คนข้ามถนนไป

เป็นอย่างไรบ้างครับ ใครที่เคยมีโอกาสข้ามถนนใน 10 เส้นทางนี้ มาบอกเล่าประสบการณ์กันได้นะครับ

ถ้าจะให้ทางม้าลายในไทยใช้แล้วปลอดภัย คงต้องทำไม้กั้นแบบทางรถไฟครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

แต่ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องของความสะอาดทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

รัฐบาลเดินหน้า! ห้ามเก็บค่าทวงหนี้ "รถยนต์ - จยย." ค่างวดต่ำกว่า 1 พัน!

แม้ว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ปีใหม่ 2565 กันแล้ว แต่ปัญหาที่ตามมาของคนเป็นเจ้าของรถยนต์ หรือเจ้าของรถจักรยานยนต์ ในทุกปีทุกยุคนั่นก็คือปัญหา “หนี้ครัวเรือน” ที่หลายคนมักแก้ไม่ตก ยิ่งยุคโควิด-19 ด้วย เงินยิ่งหายาก

จนเกิดความล่าช้าในการจ่ายค่างวดรถ ผ่อนรถ ผ่อนมอเตอร์ไซค์ ส่งให้กับทางบริษัทไฟแนนซ์หรือสินเชื่อ ทำให้ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน กู้หนี้นอกระบบ พอไม่มีเงินพอใช้หนี้ ก็ต้องหนีหนี้จนถูกตามทวงหนี้ ถูกยึดรถ หรือเจอการทวงหนี้แบบไม่เป็นธรรมอีก

ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ทางรัฐบาลได้มองเห็นว่าเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน จึงเริ่มการแก้ไขปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยทาง นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า ในไทยตอนนี้ยังไม่มีกฎหมายเฉพาะในการกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อ และไม่มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลธุรกรรมเช่าซื้อเป็นการเฉพาะ ทำให้เกิดการทวงหนี้ที่ไม่เป็นธรรม รัฐบาลโดยคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ จึงได้เข้าไปแก้ไขปัญหาดังกล่าว

รัฐบาลเดินหน้า! ห้ามเก็บค่าทวงหนี้ "รถยนต์ - จยย." ค่างวดต่ำกว่า 1 พัน!

เบื้องต้นได้มีการออกประกาศกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายในการทวงหนี้ เพื่อคุ้มครองลูกหนี้ไม่ให้ถูกเก็บเงินในการทวงถามหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เกินความจำเป็น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 14 กันยายนที่ผ่านมา สาระสำคัญ คือ

  • อัตราค่าทวงหนี้กรณีทั่วไปรวมจำนำทะเบียน ให้คิดไม่เกิน 50 บาทต่อรอบการทวงถามกรณีค้างชำระ 1 งวด และคิดไม่เกิน 100 บาท ต่อรอบการทวงถามกรณีค้างชำระมากกว่า 1 งวด
  • อัตราค่าทวงหนี้สำหรับปฏิบัติการลงพื้นที่ติดตามถามหนี้ฯ คิดไม่เกิน 400 บาท ต่อรอบการทวงถาม และเก็บต่อเมื่อลูกหนี้ค้างชำระมากกว่า 1 งวด
  • กำหนดให้ไม่มีการเก็บค่าทวงหนี้ กรณีค่างวดที่ถึงกำหนดชำระต่ำกว่า 1,000 บาท เพื่อคุ้มครองประชาชนรายย่อยที่จ่ายค่างวดจำนวนน้อยๆ

รัฐบาลเดินหน้า! ห้ามเก็บค่าทวงหนี้ "รถยนต์ - จยย." ค่างวดต่ำกว่า 1 พัน!

ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อยู่ระหว่างการทบทวนและปรับปรุงประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเพื่อแก้ไขหนี้เช่าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์ เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยไม่ให้สูงกว่าความเสี่ยงที่แท้จริง พร้อมทั้งปรับปรุงเงื่อนไขการยึดและคืนรถให้เป็นธรรมมากขึ้น รวมทั้งกำหนดแนวทางการคิดยอดหนี้เช่าซื้อคงเหลือกรณีที่มีการคืนรถและกรณีที่เจ้าหนี้ยึดคืนให้ชัดเจนและเป็นธรรม คาดว่าจะสามารถประการใช้ในอีกไม่นานนี้ และทุกขั้นตอนต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็นของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ส่วนเรื่องที่ต้องดำเนินการเพิ่มเติมจากนี้ เพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมายให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน คือ

  • การกำหนดหน่วยงานเพื่อเข้ามากำกับดูแลธุรกิจสินเชื่อ หรือธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายสินเชื่อ เพื่อให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีหน่วยงานกำกับดูแลเป็นการเฉพาะ
  • พิจารณามาตรการดูแลประชาชนที่เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่ปัจจุบันไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของ สคบ. เช่น คนขับรถแท็กซี่ คนขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่เช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันคนกลุ่มนี้กำลังประสบปัญหาและไม่ได้รับความเป็นธรรม
  • จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาจากกรณีเช่าซื้อรถ และการทวงถามหนี้ที่ไม่เป็นธรรมเพื่อให้มีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

หากคุณต้องการขายรถด่วน CARRO ช่วยคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมง รับรองได้ราคาดี มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

สถิติการขายรถยนต์ ยอดขายรถ ตลาดรถยนต์ไทย ปี 2564

สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2564 ยังชะลอตัวต่อเนื่องในทุกเซ็กเมนท์ โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 71,716 คัน แต่มีอัตราการหดตัวที่ลดลงเพียง 9.4% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 23,793 คัน ลดลง 6.5% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 47,923 คัน ลดลง 10.8% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 38,550 คัน ลดลง 9.9%

สืบเนื่องจากภาวะการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ยังเกิดขึ้นทั่วประเทศ ส่งผลเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิต และการดำเนินธุรกิจ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการท่องเที่ยว และบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผู้บริโภคยังคงชะลอการตัดสินใจซื้อ และรัดกุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง

ORA Good Cat

ตลาดรถยนต์ในเดือนธันวาคมมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ส่งผลดีต่อการประกอบธุรกิจต่างๆ และประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงสภาวะปกติ และสืบเนื่องจากทุกค่ายรถยนต์แข่งกันนำเสนอแคมเปญและโปรโมชั่นในช่วงสิ้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงงาน Motor Expo 2021 ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมากถึง 1,151,540 คน และยอดจองรถยนต์ในงานมากถึง 31,583 คัน ไม่นับรวมยอดจองรถยนต์ตามโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายทุกยี่ห้อทั่วประเทศ ภายใต้ข้อเสนอพิเศษ “เงื่อนไขเดียวกับมอเตอร์โชว์” เป็นตัวกระตุ้นการตัดสินใจซื้อรถยนต์ของลูกค้าได้อย่างดี

แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” ที่เริ่มระบาดในหลายประเทศรวมทั้งไทย เป็นปัจจัยลบต่อตลาดรถยนต์ และสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ในปี 2565 นี้

บรรยากาศในงาน Motor Expo 2021

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนตพฤศจิกายน 2564

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 71,716 คัน ลดลง 9.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 โตโยต้า 23,168 คัน ลดลง 18.1% ส่วนแบ่งตลาด 32.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 18,419 คัน ลดลง 4.8% ส่วนแบ่งตลาด 25.7%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 8,624 คัน ลดลง 3.2% ส่วนแบ่งตลาด 12.0%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 23,793 คัน ลดลง 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 8,062 คัน เพิ่มขึ้น 9.3% ส่วนแบ่งตลาด 33.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 6,304 คัน ลดลง 15.0% ส่วนแบ่งตลาด 26.5%
อันดับที่ 3 ซูซูกิ 2,242 คัน เพิ่มขึ้น 1.8% ส่วนแบ่งตลาด 9.4%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 47,923 คัน ลดลง 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 อีซูซุ 18,419 คัน เพิ่มขึ้น 4.8% ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 16,864 คัน ลดลง 19.2% ส่วนแบ่งตลาด 35.2%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,859 คัน ลดลง 13.5% ส่วนแบ่งตลาด 6.0%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 38,550 คัน ลดลง 9.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 อีซูซุ 16,956 คัน เพิ่มขึ้น 2.3% ส่วนแบ่งตลาด 44.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 14,888 คัน ลดลง 14.0% ส่วนแบ่งตลาด 38.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,859 คัน ลดลง 13.5% ส่วนแบ่งตลาด 7.4%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 5,410 คัน
โตโยต้า 2,338 คัน – อีซูซุ 1,734 คัน – มิตซูบิชิ 651 คัน – ฟอร์ด 482 คัน – นิสสัน 205 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 33,140 คัน ลดลง 11.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 อีซูซุ 15,222 คัน ลดลง 1.6% ส่วนแบ่งตลาด 45.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 12,550 คัน ลดลง 13.7% ส่วนแบ่งตลาด 37.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,377 คัน เพิ่มขึ้น 16.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.2%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2564

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 668,109 คัน ลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 โตโยต้า
212,573 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% ส่วนแบ่งตลาด 31.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 165,359 คัน เพิ่มขึ้น 4.5% ส่วนแบ่งตลาด 24.8%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
77,136 คัน ลดลง 7.0% ส่วนแบ่งตลาด 11.5%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 219,883 คัน ลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 68,123 คัน ลดลง 1.3% ส่วนแบ่งตลาด 31.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
55,056 คัน ลดลง 7.2% ส่วนแบ่งตลาด 25.0%
อันดับที่ 3 มาสด้า 18,603 คัน ลดลง 12.9% ส่วนแบ่งตลาด 8.5%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 448,226 คัน ลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 อีซูซุ 157,517 คัน เพิ่มขึ้น 3.8% ส่วนแบ่งตลาด 35.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
165,359 คัน เพิ่มขึ้น 4.5% ส่วนแบ่งตลาด 36.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 28,212 คัน เพิ่มขึ้น 11.7% ส่วนแบ่งตลาด 6.3%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 350,691 คัน ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 อีซูซุ
150,272 คัน เพิ่มขึ้น 2.3% ส่วนแบ่งตลาด 42.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
134,768 คัน เพิ่มขึ้น 4.1% ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 28,212 คัน เพิ่มขึ้น 11.7% ส่วนแบ่งตลาด 8.0%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 45,744  คัน
โตโยต้า 20,403 คัน – อีซูซุ 14,449 คัน – มิตซูบิชิ 5,747 คัน – ฟอร์ด 4,318 คัน – นิสสัน 827 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 304,947 คัน ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 อีซูซุ
135,823 คัน ลดลง 4.1% ส่วนแบ่งตลาด 44.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
114,365 คัน เพิ่มขึ้น 1.7% ส่วนแบ่งตลาด 37.5%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 23,894 คัน เพิ่มขึ้น 15.0% ส่วนแบ่งตลาด 7.8%

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม เพื่อนำเงินไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แหล่งที่มาจาก:

รวมข้อมูลที่ตรวจเช็กสภาพรถฟรี ก่อนเที่ยวปีใหม่ 2565!

ช่วงเวลาปีใหม่ของทุกๆ ปี เป็นช่วงที่มีผู้คนเดินทางบนท้องถนนกันสูงมาก และตัวเลขของอุบัติเหตุบนท้องถนนก็สูงมากตามไปด้วย จนต่างชาติ ยกให้ถนนไทยความปลอดภัยน้อยสุดใน ASEAN แล้ว … เพื่อความพร้อมในการเดินทาง ลดปัญหาจากอุบัติเหตุ หรือปัญหารถเสียกลางทาง ทำได้ง่ายๆ ด้วยการนำรถไปตรวจสภาพก่อนออกเดินทาง

ซึ่งในบ้านเรา มีหลายบริษัท หลายหน่วยงาน พร้อมให้ความมั่นใจในการตรวจเช็กรถของคุณ ให้พร้อมใช้งาน ตรวจเปลี่ยนซ่อมแซม ก่อนเดินทางไปเที่ยวเทศกาลปีใหม่ 2565 กันอย่างเต็มที่

CARRO ขอรวบรวมข้อมูลตรวจเช็กรถฟรี ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่กำลังจะมาถึงนี้ เพื่อให้ท่านผู้อ่านเลือกนำรถไปตรวจเช็คได้ตามความสะดวกเลยครับผม.

New Toyota Camry 2022

Toyota (โตโยต้า)

สำหรับช่วงเทศกาลปีใหม่ประจำปี 2565 Toyota ได้ร่วมมือกับภาครัฐโดยกรมขนส่งทางบก ให้บริการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ 24 รายการ ฟรี ที่ศูนย์บริการ ผู้แทนจำหน่าย Toyota ทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมรถยนต์ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ สร้างความมั่นใจก่อนเดินทาง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

บริการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ฟรี 24 รายการ ประกอบด้วย

  1. ตรวจเสียงเครื่องยนต์ขณะสตาร์ท
  2. ที่ปัดน้ำฝน/น้ำล้างกระจก
  3. ยางกันฝุ่นเพลาขับ
  4. ลูกปืนล้อ
  5. ลูกหมากปีกนก
  6. สภาพยางรถยนต์
  7. สายพานต่างๆ
  8. ไส้กรองอากาศเครื่องยนต์
  9. รอยรั่วและความผิดปกติของท่อทางน้ำ
  10. รอยรั่วและความผิตปกติของพวงมาลัยพาวเวอร์
  11. รอยรั่วและความผิดปกติของหม้อน้ำ
  12. รอยรั่วและความผิดปกติของเกียร์
  13. รอยรั่วและความผิดปกติของเครื่องยนต์
  14. ระบบฟรีแป้นเหยียบ/คลัตช์/เบรกมือ
  15. ระบบไฟส่องสว่าง/แตร
  16. ระบบเครื่องปรับอากาศ พัดลม และน้ำยา
  17. ระดับน้ำมันพาวเวอร์
  18. ระดับน้ำมันเกียร์
  19. ระดับน้ำมันเครื่อง
  20. ระดับน้ำมันเบรก
  21. ระดับน้ำในถังสำรอง/ระดับน้ำยาหล่อเย็น
  22. เข็มขัดนิรภัย
  23. แบตเตอรี่/ระดับน้ำกลั่น
  24. โช้คอัพหน้าหลัง
  25. *ระดับน้ำมันเฟืองท้าย (เพิ่มเติมเฉพาะรถที่มีอุปกรณ์ดังกล่าว)
  26. *ระดับน้ำมันทรานเฟอร์ (เพิ่มเติมเฉพาะรถที่มีอุปกรณ์ดังกล่าว)

โดยผู้ที่สนใจสามารถนำรถยนต์ไปตรวจเช็กได้ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2564

เช็กรถฟรี 24 รายการ

Toyota K.Motors (โตโยต้า เค.มอเตอร์ส)

โตโยต้า เค.มอเตอร์ส อำนวยความสะดวก เพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน ในช่วงหยุดยาว ให้บริการเช็กรถฟรี 24 รายการ มั่นใจ ปลอดภัยทุกการเดินทาง ที่ศูนย์บริการโตโยต้า เค.มอเตอร์ส ทุกสาขา 1 – 31 ธ.ค. 2564 นัดหมายล่วงหน้าโทร 02-662-6555

*รายการตรวจเช็กฟรี 24 รายการ พร้อมทำความสะอาดฆ่าเชื้อฟรี

แบตเตอรี่/ระดับน้ำกลั่น ระดับน้ำมันเกียร์
สภาพยางรถยนต์ ระบบฟรีแป้นเหยียบ/คลัตช์/เบรกมือ
ที่ปัดน้ำฝน/น้ำยาล้างกระจก ยางกันฝุ่นเพลาขับ
ระดับน้ำมันเครื่อง โช้คอัพหน้าหลัง
ระดับน้ำในถังสำรอง/ระดับน้ำยาหล่อเย็น ลูกหมากปีกนก
ระดับน้ำมันเบรก ลูกปืนล้อ
ระดับน้ำมันพาวเวอร์ ระบบเครื่องปรับอากาศ พัดลม และน้ำยา
ไส้กรองอากาศเครื่องยนต์ รอยรั่วและความผิดปกติของเครื่องยนต์
ตรวจเสียงเครื่องยนต์ขณะสตาร์ท รอยรั่วและความผิดปกติของเกียร์
สายพานต่างๆ รอยรั่วและความผิดปกติของหม้อน้ำ
ระบบไฟส่องสว่าง/แตร รอยรั่วและความผิดปกติของท่อทางน้ำ
เข็มขัดนิรภัย รอยรั่วและความผิตปกติของพวงมาลัยพาวเวอร์
ระดับน้ำมันเฟืองท้าย
(เพิ่มเติมเฉพาะรถที่มีอุปกรณ์ดังกล่าว)
ระดับน้ำมันทรานเฟอร์
(เพิ่มเติมเฉพาะรถที่มีอุปกรณ์ดังกล่าว)

Honda (ฮอนด้า)

Honda จัดแคมเปญ “หนาวนี้ เที่ยวไหน ก็อุ่นใจกับฮอนด้า” แคมเปญส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 โดย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก เชิญชวนลูกค้าฮอนด้าเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 เพิ่มความอุ่นใจและปลอดภัยตลอดทุกการเดินทาง ด้วยบริการตรวจสภาพรถยนต์ฟรี 25 รายการ

รวมถึงข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะลูกค้าฮอนด้า อาทิ โปรโมชั่นยางซื้อ 3 แถม 1 ส่วนลดอะไหล่และแบตเตอรี่รถยนต์ รวมถึงการผ่อนชำระค่าใช้จ่ายงานบริการและยางรถยนต์ นานสูงสุดถึง 10 เดือน พร้อมบริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในรถยนต์ฟรี เมื่อนำรถยนต์เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการฮอนด้า ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 31 มกราคม 2565

สิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้าฮอนด้าในแคมเปญ “หนาวนี้ เที่ยวไหน ก็อุ่นใจกับฮอนด้า”

  • รายการที่ 1 บริการตรวจสภาพรถยนต์ฟรี 25 รายการ (ตามรายการที่กำหนด*)
  • รายการที่ 2 ฟรี บริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในห้องโดยสารรถยนต์
  • รายการที่ 3 ส่วนลดอะไหล่ 10% สำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเครื่องยนต์ (Engine Oil Treatment) และนํ้ายาล้างระบบปรับอากาศ (Evaporator Cleaner)
  • รายการที่ 4 ส่วนลดค่าแบตเตอรี่รถยนต์ 100 บาท
  • รายการที่ 5 – ซื้อยางโยโกฮาม่า 3 เส้น รับฟรี 1 เส้น
    – ซื้อยางมิชลิน 4 เส้น รับฟรี กระเป๋าคาด Michelin มูลค่า 900 บาท หรือลำโพงบลูทูธมิชลิน มูลค่า 1,500 บาท
    – ซื้อยางกู๊ดเยียร์ 4 เส้น รับฟรี กระเป๋าล้อลากกู๊ดเยียร์ มูลค่า 1,290 บาท และบัตรของขวัญโลตัส มูลค่า 200 บาท (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ**)
  • รายการที่ 6 ผ่อนชำระค่าใช้จ่ายงานบริการ 0% นานสูงสุด 6 เดือน (ตามเงื่อนไขที่กำหนด***)
  • รายการที่ 7 เลือกผ่อนชำระค่าใช้จ่ายสำหรับยางรถยนต์ 0% นานสูงสุด 10 เดือน (ตามเงื่อนไขที่กำหนด****)

นอกจากนี้ ฮอนด้ายังได้ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดโครงการ “คลินิกรถ” โดยมีเป้าหมายเชิญชวนให้ลูกค้านำรถยนต์ฮอนด้าที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปเข้ารับการตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์ เพื่อแก้ปัญหามลพิษฝุ่น PM 2.5 ด้วยบริการตรวจสภาพรถยนต์ฟรี 25 รายการ พร้อมรับสิทธิพิเศษส่วนลด 20% สำหรับกรองนํ้ามันเครื่อง และส่วนลด 10% สำหรับกรองอากาศ เมื่อนำรถยนต์เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการฮอนด้า ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 28 กุมภาพันธ์ 2565

รายการตรวจสภาพรถยนต์ฟรี 25 รายการ

1. ตรวจวัดค่าแบตเตอรี่ด้วยเครื่องทดสอบโวลท์ / แอมแปร์ และตรวจเติมน้ำกลั่น
2. ตรวจเติมระดับน้ำในถังสำรองหม้อน้ำและถังเก็บน้ำล้างกระจก
3. ตรวจการรั่วซึมของท่อยางหม้อน้ำ บน / ล่าง
4. ตรวจทำความสะอาดไส้กรองอากาศ
5. ตรวจระดับน้ำมันเครื่อง
6. ตรวจระดับน้ำมันเบรก / คลัทช์ (สำหรับรุ่นที่มี)
7. ตรวจระดับน้ำมัน พวงมาลัยเพาเวอร์ (สำหรับรุ่นที่มี)
8. ตรวจระดับน้ำมันเกียร์
9. ตรวจสภาพสายพานขับด้านนอก
10. ตรวจสภาพยางปัดน้ำฝน
11. ตรวจระดับหัวฉีดน้ำล้างกระจก
12. ตรวจสภาพยาง วัดแรงดัน / เติมลมยาง 5 เส้น
13. ตรวจการทำงานของ ไฟสัญญาณ / ไฟส่องสว่าง
14. ตรวจการทำงานของ เข็มขัดนิรภัย
15. ตรวจการทำงานของ ระยะแป้นเบรก
16. ตรวจการทำงานของ ระยะยกคันโยกเบรกมือ
17. ตรวจการทำงานของ แม่ปั๊มเบรก และหม้อลมเบรก
18. ตรวจการทำงานของ ระบบปรับอากาศ (ความเย็น / ช่องทางลม)
19. ตรวจสภาพของ ท่ออ่อนเบรก 4 ล้อ
20. ตรวจลูกหมากและยางกันฝุ่นแร็คพวงมาลัย
21. ตรวจยางกันฝุ่นเพลาขับด้านซ้าย
22. ตรวจยางกันฝุ่นเพลาขับด้านขวา
23. ตรวจถังน้ำมันเชื้อเพลิง / ท่อ และข้อต่อท่อน้ำมันเชื้อเพลิง
24. ตรวจการทำงานของเครื่องยนต์ รอบเดินเบา / การรั่วซึม
25. ตรวจช่วงล่าง ลูกยาง และลูกหมากต่างๆ

NISSAN ALWAYS CARES

Nissan (นิสสัน)

Nissan ส่งความห่วงใยผ่านแคมเปญ Nissan Always Cares ชวนลูกค้านำรถเข้าเช็กระยะ ด้วยโปรโมชั่นตรวจเช็กระยะฟรี 28 รายการ พร้อมส่วนลดแพ็คเกจเช็กระยะและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง พร้อมลุ้นโชคทองและของรางวัลรวมกว่า 1.5 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 28 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อบรรเทาปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

Nissan Always Cares ให้บริการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ฟรี 28 รายการ* พร้อมส่วนลดแพ็คเกจเช็กระยะสูงสุดถึง 44% และสามารถเลือกบริการผ่อนชำระ ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้า พร้อมลุ้นชิงโชครางวัล มูลค่ารวมกว่า 1.5 ล้านบาท เมื่อนำรถเข้าศูนย์บริการนิสสัน และมียอดค่าใช้จ่ายทุกๆ 1,500 บาท

สำหรับลูกค้าที่สนใจ สามารถติดต่อเข้ารับบริการพร้อมรับข้อเสนอพิเศษ ได้ที่ศูนย์บริการนิสสันใกล้บ้าน หรือติดต่อ นิสสัน คอลเซ็นเตอร์ โทร 02-4019600

*สามารถตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ https://www.nissan.co.th/owners/service-package.html

รถยนต์ซูซูกิ จับมือกรมขนส่งทางบก รณรงค์ความปลอดภัยช่วงปีใหม่ ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ฟรี โปรโมชั่น

Suzuki (ซูซูกิ)

Suzuki ให้การสนับสนุนกรมการขนส่งทางบก ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มอบของขวัญปีใหม่ 2565 โดยจัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” เชิญชวนลูกค้า นำรถยนต์ซูซูกิเข้าตรวจสอบความพร้อมก่อนเดินทางปีใหม่นี้ ฟรี!!! ตลอดเดือนธันวาคม

ทั้งนี้ได้จัดบริการพิเศษ ด้วยการตรวจเช็คสภาพรถยนต์โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ใช้รถยนต์ซูซูกิ ซึ่งการให้บริการพิเศษนั้นประกอบด้วย การตรวจเช็คฟรี 15 รายการ ดังนี้ แตร ไฟส่องสว่าง ใบปัดน้ำฝน น้ำฉีดกระจก สภาพแบตเตอรี่ อุปกรณ์สายพานขับ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค เปลี่ยนถ่ายตามระยะ น้ำหล่อเย็น ไส้กรองอากาศ น้ำมันเกียร์ การรั่วซึมของน้ำมัน ระบบปรับอากาศ เบรคมือ แป้นเหยียบเบรคและคลัช ยางรถยนต์และการขันน๊อตล้อ เป็นต้น และเหนือกว่าด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ข้อบกพร่องและเช็กความสมบูรณ์ของตัวรถ เสริมความมั่นใจก่อนเดินทางโดยส่งผลการตรวจสอบผ่าน Hello Suzuki Application ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 31 ธันวาคม 2564 เท่านั้น

ทั้งนี้ลูกค้าสามารถเข้ารับบริการดังกล่าว โดยติดต่อนัดหมายล่วงหน้าได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิใกล้บ้าน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ SUZUKI Cause We Care โทร 1800-600-900 (ไม่คิดค่าบริการ)

Isuzu D-Max

Isuzu (อีซูซุ)

อีซูซุ มอบสุขทุกเส้นทาง ด้วยของขวัญสุดพิเศษส่งท้ายปี

Isuzu และ กรมการขนส่งทางบก ตรวจเช็กรถฟรี สำหรับรถปิกอัพอีซูซุทุกรุ่น และรถยนต์นั่งอเนกประสงค์อีซูซุทุกรุ่น ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 30 ธันวาคม 2564

– ตรวจเช็กการสตาร์ทเครื่องยนต์
– ตรวจเช็กระบบไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณต่างๆ
– ตรวจเช็กการทำงานของแตร
– ตรวจเช็กการทำงานของระบบปรับอากาศ
– ตรวจเช็กระบบปัดน้ำฝน
– ตรวจเช็กการทำงานของเข็มขัดนิรภัยทุกจุด
– ตรวจเช็กระยะและการทำงานของเบรกมือ
– ตรวจเช็กระยะฟรีขาเบรกและการทำงานของเบรก
– ตรวจเช็กระยะฟรีขาคลัตช์และการทำงานของคลัตช์
– ตรวจเช็กสภาพยางและความดันลมยาง
– ตรวจเช็กสภาพและระดับน้ำมันเครื่อง
– ตรวจเช็กสภาพและระดับน้ำมันเบรก/น้ำมันคลัตช์
– ตรวจเช็กสภาพและระดับน้ำหล่อเย็นในถังน้ำพัก
– ตรวจเช็กสภาพและระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่
– ตรวจเช็กสภาพและระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
– ตรวจเช็กสภาพและทำความสะอาดไส้กรองอากาศ
– ตรวจเช็กสภาพและความตึงของสายพานเครื่องยนต์ทุกเส้น
– ตรวจเช็กระบบช่วงล่าง บูชยาง ยางกันฝุ่นและลูกหมากต่างๆ
– ตรวจเช็กสภาพและการรั่วซึมของโช้กอัพ

Hyundai Staria

Hyundai (ฮุนได)

Hyundai มอบบริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ฟรีสำหรับลูกค้าฮุนได ภายใต้โครงการ “ปีใหม่นี้ ขับขี่ปลอดภัย ให้ฮุนไดดูแลคุณ” เพื่อเชิญชวนลูกค้าเตรียมรถยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานก่อนเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 นี้

โดยลูกค้าสามารถนำรถยนต์ฮุนไดเข้ารับบริการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ฟรี 40 รายการ พร้อมรับส่วนลดพิเศษค่าอะไหล่สูงสุด 15% อาทิ กรองน้ำมันเครื่อง, กรองน้ำมันเชื้อเพลิง,ไส้กรองอากาศ และชุดปัดน้ำฝน เป็นต้น พร้อมรับสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติม

รายการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ฟรี 40 รายการ มีดังต่อไปนี้

1. ตรวจเช็กสัญญาณไฟเตือนแบตเตอรี่ บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
2. ตรวจเช็กสัญญาณไฟเตือนน้ำมันเครื่อง บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
3. ตรวจเช็กสัญญาณไฟเตือนเครื่องยนต์ บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
4. ตรวจเช็กสัญญาณไฟเตือน ABS บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
5. ตรวจเช็กสัญญาณไฟเตือน AIR BAG บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
6. ตรวจเช็กสัญญาณไฟเตือนเบรคมือ บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
7. ตรวจเช็กสัญญาณบอกตำแหน่งเกียร์ออโต บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
8. ตรวจเช็กสัญญาณไฟเลี้ยว บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
9. ตรวจเช็กสัญญาณไฟฉุกเฉิน บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
10. ตรวจเช็กสัญญาณไฟหรี่ บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
11. ตรวจเช็กสัญญาณไฟสูง บนแผงมาตรวัดเรือนไมล์
12. ตรวจเช็กสัญญาณแตร
13. ตรวจเช็กการทำงานปัดน้ำฝนและการฉีดน้ำล้างกระจก
14. ตรวจการทำงานของกระจกประตูไฟฟ้า
15. ตรวจการทำงานของระบบล็อคประตูไฟฟ้า
16. ตรวจการทำงานของกระจกมองข้างไฟฟ้า
17. ตรวจการทำงานของเข็มขัดนิรภัย ด้านคนขับ
18. ตรวจการทำงานของระบบปรับอากาศ และกรองอากาศแอร์
19. ตรวจเช็กเบรคมือ จำนวนคลิก และระดับคันโยก
20. ตรวจการทำงานของเข็มขัดนิรภัย ด้านผู้โดยสาร
21. ตรวจเช็กแบตเตอรี่ (ที่ต้องเติมน้ำกลั่น), การหลวมของขั้วแบตเตอรี่
22. ตรวจเติมระดับน้ำในถังพักหม้อน้ำ
23. ตรวจเติมระดับน้ำในถังพักน้ำล้างกระจก
24. ตรวจทำความสะอาดไส้กรองอากาศ
25. ตรวจระดับน้ำมันเครื่อง
26. ตรวจระดับน้ำมันเบรค
27. ตรวจระดับน้ำมันคลัทช์หรือน้ำมันเกียร์ออโต้
28. ตรวจระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
29. ตรวจสภาพของสายพานด้านหน้าเครื่องยนต์ (รอยแตก, ความตึง)
30. ตรวจสภาพยางปัดน้ำฝน
31. ตรวจเช็กสัญญาณของไฟหน้า สูง,ต่ำ รอบตัวถังรถ
32. ตรวจเช็กสัญญาณของไฟเลี้ยว ซ้าย,ขวา ไฟหรี่ รอบตัวถังรถ
33. ตรวจเช็กสัญญาณของไฟเบรค ไฟถอยหลัง รอบตัวถังรถ
34. ตรวจเช็กการหลวมคลอนและเสียหายของ ลูกหมากเหล็กกันโคลง
35. ตรวจเช็กการหลวมคลอนและเสียหายของ ลูกหมากคันชักคันส่ง
36. ตรวจเช็กการหลวมคลอนและเสียหายของ ปีกนกและบู๊ช
37. ตรวจเช็กการรั่วซึมของ โช๊คอัพ หน้าและหลัง
38. ตรวจเช็กรอยแตก ฉีกขาด ของยางหุ้มเพลาขับใน, นอก
39. ตรวจเช็กรอยแตก ฉีกขาด ของยางหุ้มแร็คพวงมาลัย
40. ตรวจเช็กการรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง,น้ำมันเกียร์-เฟืองท้าย,น้ำมันเพาเวอร์

MG (เอ็มจี)

ส่งมอบความสุขให้กับลูกค้า MG ให้เริ่มต้นปีใหม่ 2565 ด้วยความมั่นใจกับบริการตรวจเช็กฟรี พร้อมสิทธิพิเศษ สำหรับลูกค้าคนพิเศษเช่นคุณ

  • ฟรี บริการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ให้กับลูกค้ารถยนต์ MG จำนวน 37 รายการ (สิทธิพิเศษนี้ครอบคลุมทั้งการให้บริการที่ศูนย์บริการมาตรฐาน MG และการนัดหมายรับบริการกับรถบริการเคลื่อนที่ Mobile Service)
  • ส่วนลดพิเศษ 10%  สำหรับอะไหล่การบำรุงรักษากว่า 84 รายการ รวมถึง น้ำมันเครื่อง, ไส้กรองน้ำมันเครื่อง, ไส้กรองปรับอากาศ, แบตเตอรี่ และผ้าเบรก
  • ฟรี สเปรย์แอลกอฮอล์แบบพกพาพร้อมสายคล้อง สำหรับลูกค้าที่เข้ารับบริการ และมีค่าใช้จ่ายครบ 1,500 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

ลูกค้าสามารถนำรถยนต์เข้ารับบริการตามโปรโมชันพิเศษข้างต้น ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 31 มกราคม 2565 สอบถามรายละเอียด หรือนัดหมายจองคิวเข้ารับบริการล่วงหน้าได้ที่ศูนย์บริการ MG ทั้ง 150 แห่งทั่วประเทศ หรือติดต่อลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 1267

รายการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ ให้กับลูกค้ารถยนต์ MG

ห้องเครื่องยนต์

  1. ตรวจสอบความตึง และสภาพของสายพานขับ
  2. ตรวจสอบสภาพไส้กรองอากาศ
  3. ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ และขั้วแบตเตอรี่/ไดร์ชาร์จ
  4. ตรวจสอบอาการเสียงดังของเครื่องยนต์ที่รอบเดินเบา
  5. ตรวจอาการสั่นของเครื่องยนต์ที่รอบเดินเบา
  6. ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องยนต์ และรอยรั่วซึม
  7. ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรก และรอยรั่วซึม
  8. ตรวจสอบระดับน้ำมันเพาเวอร์ และรอยรั่วซึม
  9. ตรวจอสบระดับน้ำหล่อเย็นในถังพัก
  10. ตรวจสอบระดับน้ำฉีดกระจกในถังพัก

ภายในห้องโดยสาร

  1. ตรวจสอบระยะฟรีของขาคันเร่ง
  2. ตรวจสอบระยะฟรีขาเหยียบเบรก
  3. ตรวจสอบระบบกุญแจ และเซ็นทรัลล็อก
  4. ตรวจสอบที่เปิดฝากระโปรงหน้า / หลัง / ถังน้ำมัน
  5. ตรวจสอบการปรับระดับคอพวงมาลัย และระบบบังคับเลี้ยว
  6. ตรวจสอบการทำงานของเข็มขัดนิรภัย
  7. ตรวจสอบการทำงานเบาะนั่ง และพนักพิงศีรษะ
  8. ตรวจสอบระบบเบรกมือไฟฟ้า หรือเบรกมือธรรมดา
  9. ตรวจสอบไฟสัญญาณแผงหน้าปัด
  10. ตรวจสอบระบบปรับอากาศ
  11. ตรวจสอบการทำงานที่ปัดน้ำฝน / สภาพใบปัดน้ำฝน และตำแหน่งน้ำฉีดกระจก
  12. ตรวจสอบการทำงานเสียงแตร
  13. ตรวจสอบการทำงานของระบบกระจกไฟฟ้า
  14. ตรวจสอบการทำงานของกระจกมองข้าง และมองหลัง
  15. ตรวจสอบไฟสัญญาณ / ไฟเตือน
  16. ตรวจสอบไฟส่องสว่างภายในรถ
  17. ตรวจสอบการทำงานของไล่ฟ้ากระจก

ระบบไฟส่องสว่างภายนอก

  1. ตรวจสอบไฟส่องสว่างไฟหน้า
  2. ตรวจสอบไฟตัดหมอกหน้า (เฉพาะรุ่น)
  3. ตรวจสอบไฟส่องสว่างไฟท้าย
  4. ตรวจสอบไฟตัดหมอกท้าย (เฉพาะรุ่น)

ระบบรองรับน้ำหนัก

  1. ตรวจสอบขันน็อตและโบล์ท ระบบรองรับทั้งหมด
  2. ตรวจสอบรอยรั่วซึมระบบเบรก ท่อทางน้ำมันเบรก
  3. ตรวจสอบความหนาผ้าเบรก
  4. ตรวจสอบความหนา และสภาพจานเบรก
  5. ตรวจสอบสภาพล้อ และยางรถยนต์

ตรวจรหัสปัญหา

  1. ตรวจสอบรหัสปัญหาด้วยเครื่องมือ VDI

กรมการขนส่งทางบก ตรวจรถฟรีขับขี่ปลอดภัย และตั้งจุดให้บริการทั่วไทย

กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนมากกว่า 20 หน่วยงาน อาทิ ผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ บริษัทประกันภัย สถานตรวจสภาพรถเอกชน ศูนย์บริการน้ำมัน และศูนย์บริการติดตั้งแก๊ส LPG/NGV จัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ตลอดเดือนธันวาคม (ระหว่างวันที่ 1-31 ธันวาคม 2564) เพื่อให้ประขาชนนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อเข้ารับบริการได้ฟรี ณ ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ รวมกว่า 2,000 แห่ง ที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย”

โดยมีบริการตรวจเช็กสภาพรถและอุปกรณ์ส่วนควบเพื่อความปลอดภัยเบื้องต้น 20 รายการ เช่น การตรวจระบบเบรก สภาพยาง อุปกรณ์ปัดน้ำฝน ระดับน้ำมันเครื่องและความสกปรกของน้ำมันเครื่อง ระดับน้ำมันเบรกและน้ำมันคลัตช์ ความตึงของสายพาน แบตเตอรี่ และการทำงานของไฟส่องสว่าง ไฟสัญญาณต่างๆ เป็นต้น ซึ่งจะได้รับการดูแลจากช่างผู้ชำนาญงาน เพื่อให้สภาพรถพร้อมใช้งานอย่างปลอดภัยสำหรับการเดินทางไกลในเทศกาลปีใหม่นี้

นอกจากนี้ บางหน่วยงานยังมีส่วนลดค่าอะไหล่บางรายการ มีของที่ระลึก รวมไปถึงบริการอำนวยความสะดวกอื่นๆ ให้แก่เจ้าของรถอีกด้วย

ซึ่งกรมการขนส่งทางบก ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่มีความห่วงใยและต้องการส่งมอบความปลอดภัยให้แก่ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่

– ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (ร.ย.ส.ท.)
– สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย
– สมาคมการค้าไทย-ยุโรป (TEBA)
– สมาคมตรวจสภาพรถเอกชนไทย
– สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์
– สถาบันยานยนต์
– บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
– บริษัท ฮอนด้าออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
– บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
– บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด
– บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
– บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด
– บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด
– บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด
– บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด
– บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด
– บริษัท ซูซูกิ โมโตเซลส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด
– บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)
– บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน)
– บริษัท บี-ควิก จำกัด
– บริษัท ฟอร์ซเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (ศูนย์บริการ AutoQuiks)
– บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด
– บริษัท คาร์เวิลด์ คลับ จำกัด
– บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
– บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)
– บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด
– บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด

วิริยะประกันภัย

วิริยะประกันภัย มอบความสุขและเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน บริษัทฯ จึงได้ร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก จัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย เทศกาลปีใหม่ 2565” ให้ความสำคัญของการดูแลบำรุงรักษารถให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานก่อนการเดินทาง

ทั้งนี้ ลูกค้าวิริยะประกันภัยและประชาชนทั่วไป สามารถนำรถยนต์เข้ามารับบริการตรวจเช็คสภาพเบื้องต้นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ จำนวน 20 รายการ อาทิ ตรวจระดับน้ำมันเครื่อง ตรวจสภาพยาง ตรวจสภาพการทำงานของไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณ ตรวจสอบระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ ขั้วแบตเตอรี่ ตรวจสอบเบรก คลัตซ์ ตรวจสภาพการทำงานของเครื่องยนต์ ณ ศูนย์ซ่อมมาตรฐานวิริยะประกันภัยที่ติดป้ายประชาสัมพันธ์กิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย เทศกาลปีใหม่ 2565”

พร้อมรับของที่ระลึกฟรี! ถุงผ้า “CARE INSURANCE” เมื่อลงทะเบียนตอบแบบสอบถาม โดยสามารถเข้ารับบริการได้ตั้งแต่บัดนี้ ไปจนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2564

สำหรับศูนย์ซ่อมมาตรฐานวิริยะประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการให้บริการตรวจรถฟรี จำนวน 32 แห่ง ได้แก่

1) อู่ร่วมมิตรการาจ 2) บริษัท นิวเพื่อนยนต์ จำกัด 3) บริษัท ไทยรัตน์ยานยนต์ จำกัด 4) หจก. งามวงศ์วาน คาร์แคร์ 5) บริษัท อู่นำชัย รัตนาธิเบศร์ จำกัด 6) บริษัท เจริญกิจ ออโต้ เซอร์วิส จำกัด 7) บริษัท เจริญกิจ ราชพฤกษ์ จำกัด 8) บริษัท เซอร์กิต ติวานนท์ จำกัด 9) บริษัท คุงการาจ จำกัด 10) บริษัท อู่นำชัย เตาปูน จำกัด 11) บริษัท เซอร์กิตบริการ จำกัด 12) บริษัท อู่กังวานชัยการช่าง จำกัด 13) บริษัท อู่วิชัยยนต์ จำกัด 14) บริษัท ทรัพย์สิทธิ คาร์ อินเตอร์ จำกัด 15) บริษัท เทวินทร์ คาร์เซ็นเตอร์ จำกัด 16) บริษัท อู่บอส 888 การาจ จำกัด 17) บริษัท ธนพัฒน์ ออโต้ เซ็นเตอร์ จำกัด 18) บริษัท เพอร์เฟคท์ สปีด ไลน์ จำกัด 19) บริษัท โสฬส ธนบดี จำกัด 20) หจก. เจดีย์ออโต้เซอร์วิส 21) หจก.เป้งการาจ 22) บริษัท เจ.เอส.อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด 23) บริษัท อู่ เอส.เอส. อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด 24) บริษัท รุ่งเจริญ บอดี้ คลีนิค จำกัด 25) บริษัท สุขุมวิท เอ.ที. เซอร์วิส 26) หจก.สุทินคาร์เซอร์วิส 27) บริษัท เฮงบอดี้คาร์ เซอร์วิส จำกัด 28) บริษัท วงษ์ศิริเลิศ คาร์ เซอร์วิส (1997) จำกัด 29) บริษัท เจริญภัณฑ์ยนตรกิจ เซอร์วิส จำกัด 30) บริษัท นที อินเตอร์เซอร์วิส จำกัด สาขา 1 31) บริษัท อู่แม่กลอง จำกัด 32) บริษัท อ.พิพัฒน์ยนต์ (1989) จำกัด

B-Quik

บี-ควิก เอาใจเจ้าของรถทุกยี่ห้อ นำรถเข้าตรวจเช็กสุขภาพฟรี 30 รายการ ที่บี-ควิก ทุกสาขาทั่วไทย ได้ตลอดทั้งปี แจ้งเจ้าหน้าที่ที่สาขาก่อนรับบริการได้เลย สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1153

ตรอ.

สมาคมตรวจสภาพรถเอกชนไทย รวบรวมสถานตรวจสภาพรถ หรือ ตรอ. ทั่วประเทศ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ผู้สนใจสามารถนำรถเข้าตรวจความพร้อมก่อนเดินทางไกลกับ ตรอ. ที่มีป้าย “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย”

ใกล้ที่ไหน ไปที่นั่น ขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนช่วยในการลดอุบัติเหตุ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม เพื่อนำเงินไปโปะรถคันใหม่ จะได้ผ่อนดาวน์กันน้อยลง มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ส่วนช่วงปลายปีนี้ ใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ 

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

10 อันดับรถขายดีสูงสุดใน Motor Expo 2021 พร้อมสรุปยอดรวม

บริษัท สื่อสากล จำกัด เผยยอดจองรถยนต์ในงาน Motor Expo 2021 ท่ามกลางเศรษฐกิจซบเซาในวิกฤตโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก แต่การจำหน่ายรถยังประสบความสำเร็จ กวาดยอดขายรถยนต์ในงาน 31,583 คัน จักรยานยนต์ 3,253 คัน ผู้ชมทะลุ 1 ล้านคน อัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 4.4 หมื่นล้าน ปลุกตลาดรถตื่นรับปีใหม่

พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ เป็นวัคซีนยาแรงสารพัดสูตรจากค่ายรถ กระตุ้นผู้บริโภคเกิดความอยากซื้อ แม้ว่ากระเป๋าเงินจะแฟบก็ตาม และกระตุ้นเศรษฐกิจปัจจุบัน

เราอาจจะเรียกได้ว่า ในงานครั้งนี้ สุขใจทั้งคนซื้อรถ ได้รถใหม่ไปขับ ส่วนคนในวงการรถก็แฮปปี้ ทำยอดขายได้ตามเป้า รอรับโบนัสสิ้นปีหลายเดือน แต่หลายคนก็อาจทุกข์ใจตอนหาเงินผ่อนรถ กับโดนไฟแนนซ์ยึดรถในภายหลัง

บรรยากาศในงาน Motor Expo 2021

ในงานปีนี้มีรถใหม่เปิดตัวหลายรุ่น พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ทำให้มียอดจำหน่ายที่น่าพอใจ แบ่งเป็นรถยนต์ 31,583 คัน จักรยานยนต์ 3,253 คัน และจากข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม “ซื้อรถ…ชิงรถ” พบว่า รถยนต์ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ Honda, Mazda และ MG

โดยรถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ได้รับความสนใจสูงสุด สัดส่วน 49.8% รถเก๋ง สัดส่วน 35.1% รถกระบะ สัดส่วน 10.6 % และอื่นๆ 4.5% ด้านรถจักรยานยนต์ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรม “ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิ๊กไบค์” สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ Royal Enfield, Honda และ Triumph

ราคาเฉลี่ยของรถที่ขายได้ในงาน 1,308,053 บาท และราคาเฉลี่ยของรถจักรยานยนต์ 398,831 บาท เงินหมุนเวียนภายในงานราว 4.3 หมื่นล้านบาท ผู้เข้าชมงาน 1,151,540 คน นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

สำหรับยอดเงินสะพัดในพื้นที่เรือ และบริการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางน้ำ ณ บูธ Join Boat Platform รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

แต่ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม เพื่อนำเงินไปโปะรถคันใหม่ จะได้ผ่อนดาวน์กันน้อยลง มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

สรุป

ยอดจองรถยนต์ วันที่ 1 – 13 ธ.ค. 2563 33,753 คัน (หากรวมยอดรถมอเตอร์ไซค์ด้วย เป็น 38,699 คัน)

ยอดจองรถยนต์ วันที่ 28 พ.ย. – 10 ธ.ค. 2562 37,489 คัน (หากรวมยอดรถมอเตอร์ไซค์ด้วย เป็น 44,740 คัน)

ยอดจองรถยนต์ วันที่ 28 พ.ย. – 10 ธ.ค. 2561 44,189 คัน (หากรวมยอดรถมอเตอร์ไซค์ด้วย เป็น 53,358 คัน)

ยอดจองรถยนต์ วันที่ 29 พ.ย. – 11 ธ.ค. 2560 39,832 คัน

ยอดจองรถยนต์ วันที่ 30 พ.ย. – 12 ธ.ค. 2559 32,422 คัน

ยอดจองรถยนต์ 10 อันดับแรกของ Motor Expo 2021 วันที่ 1 – 12 ธ.ค. 2564 (CARRO Update ยอด ณ วันที่ 12 ธ.ค. 2564)

Toyota Corolla Cross GR Sport

1. Toyota 5,715 คัน

Honda HR-V e:HEV

2. Honda 4,115 คัน

Isuzu D-Max X-Series

3. Isuzu 3,329 คัน

Mazda CX-3 2022

4. Mazda 3,189 คัน

MG5

5. MG 2,297 คัน

Suzuki Swift GL Plus

6. Suzuki 2,185 คัน

Mercedes-Benz S 580 e

7. Mercedes-Benz 2,005 คัน

Mitsubishi Xpander Special Edition 2021

8. Mitsubishi 1,572 คัน

BMW iX3 M Sport

9. BMW 1,111 คัน

Nissan Kicks Sky Edition

10. Nissan 1,028 คัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Motor Expo

ดูสรุปยอดจองรถยนต์ในงาน Motor Expo 2020 ได้ที่นี่ >> https://th.carro.co/blog/motor-expo-2020-booking/

ดูสรุปยอดจองรถยนต์ในงาน Motor Expo 2019 ได้ที่นี่ >> https://th.carro.co/blog/motor-expo-2019-booking/

ดูสรุปยอดจองรถยนต์ในงาน Motor Expo 2018 ได้ที่นี่ >> https://th.carro.co/blog/motor-expo-2018-booking/

ดูสรุปยอดจองรถยนต์ในงาน Motor Expo 2017 ได้ที่นี่ >> https://th.carro.co/blog/motor-expo-2017-booking/

10 ที่สุด Motor Expo 2021 ที่คุณอาจคาดไม่ถึง!

งาน “Motor Expo 2021” หรือ “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38” นอกจากจะมีการนำเสนอรถใหม่ 2022, รถยนต์ไฟฟ้า รถ Hybrid รุ่นใหม่ๆ รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ รถมือสอง รวมไปถึงอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง อุปกรณ์ตกแต่ง โปรโมชั่น และพริตตี้สาวสวยที่หลายๆ คนชื่นชอบ ในยุคโควิดครองเมืองมาเป็นปีที่สองแล้ว …

ภายในงานยังถือได้ว่ามีเรื่องราว “ที่สุด” ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ทั้งหลายที่นำมาโชว์ด้วย หลายคนอาจไม่ทราบ CARRO ขอรวบรวม 10 ที่สุด ที่เกี่ยวกับรถยนต์ในงาน “Motor Expo 2021” มาให้ทุกท่านได้รับทราบกันครับผม

Suzuki Celerio

1. รถถูกที่สุด

รถที่ “ถูก” ที่สุดในงาน Motor Expo 2021 ต่อเนื่องมาหลายปี ยังคงเป็นSuzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ)” รถ Eco-Car น้องเล็กในตระกูล Suzuki สำหรับตลาดเมืองไทย อัดแน่นคุณภาพ ชู 3 จุดเด่น เน้นห้องโดยสารกว้างขวาง หลังคาที่สูง สมรรถนะเกินตัว ความประหยัดเป็นเยี่ยม มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3 สูบ 1.0 ลิตร 68 แรงม้า ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22 กม./ลิตร ในราคาเริ่มต้นที่ 318,000 บาท!

Rolls-Royce Ghost

2. รถแพงที่สุด

รถที่ขึ้นชื่อว่า “แพง” ที่สุดในงาน Motor Expo 2021 ยังคงต้องยกให้เจ้าเดิม อย่าง Rolls-Royce Ghost (โรลส์-รอยซ์ โกสต์) ที่ยังคงครองแชมป์รถยนต์นั่งแพงสุดเป็นประจำในงาน กับราคา 35,900,000 – 42,900,000 บาท!!!

การออกแบบตัวรถ ใช้โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียม เรียกว่า “สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา” (Architecture of Luxury) ที่เคยใช้เฉพาะรุ่นเรือธงอย่าง Phantom และเอสยูวี Cullinan เป็นโครงสร้างสเปซเฟรมที่เบา ยืดหยุ่น แต่แข็งแกร่ง ตัวถังอะลูมิเนียมเชื่อมด้วยมือ อัตราส่วนการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่สมดุล 50:50 ส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนในทุกสภาพถนน

ทีมออกแบบ Bespoke Collective ที่ประกอบด้วยนักออกแบบ วิศวกร และช่างศิลป์ ได้รังสรรค์แดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) ที่ดูเข้ากันกับเพดานห้องโดยสาร Starlight Headliner กับแดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) ติดตั้งท่อนำแสงหนา 2 มม. พร้อมเจาะรูขนาดเล็กด้วยเลเซอร์กว่า 90,000 ช่อง บนแดชบอร์ด เพื่อทำให้คำว่า Ghost มีความสว่างอย่างทั่วถึง ภายใต้ LED 152 ดวง ล้อมรอบด้วยหมู่ดาว 850 ดวง เปล่งประกายระยิบระยับ

ทั้งหมดถูกซ่อนไว้ขณะดับเครื่องยนต์ ภายใต้วัสดุคอมโพสิต 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นพื้นสีดำ Piano Black ที่ผ่านการเจาะรูด้วยเลเซอร์ เพื่อให้แสงส่องผ่านคำว่า Ghost และกลุ่มดาว จากนั้นพ่นทับด้วยแลคเกอร์ทึบ และแลคเกอร์ขุ่นในชั้นสุดท้าย พร้อมขัดแต่งด้วยมืออย่างประณีต เหลือเพียงชั้นแลคเกอร์บางเฉียบ 0.5 มม. พร้อมความเงางามฉ่ำลึก

ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังบล็อกเดียวกับที่ใช้กับ Rolls-Royce Phantom เป็นเครื่องยนต์เบนซิน Twin Turbo V12 สูบ ขนาด 6.75 ลิตร 571 แรงม้า (PS) แรงบิด 850 นิวตันเมตร ช่วยให้ยนตรกรรมพิกัดกว่า 2 ตัน มีอัตราเร่งทันใจในทุกสถานการณ์ แรงบิดสูงสุดมีให้ใช้ตั้งแต่ 1,600 รอบ/นาที ซึ่งสูงกว่ารอบเดินเบาประมาณ 600 รอบ/นาที เท่านั้น รวมถึงมีการปรับแต่งท่อไอดีใหม่ เพื่อลดเสียงรบกวนที่อาจเล็ดลอดสู่ห้องโดยสาร

Pocco Duoduo

3. รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ถูกที่สุด

รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ที่ถูกที่สุดในงาน Motor Expo 2021 ต้องยกให้กับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนนั่นเอง กับ Pocco Duoduo (ป๊อคโค่ ตั่วตั่ว) หรือ 朋克多多 เป็นรถภายใต้แบรนด์ 朋克 (เผิงเค่อ) มาจากภาษาอังกฤษคำว่า Punk (พังก์) เป็นรถพลังงานไฟฟ้าแบบ Tall Boy 4 ประตู (ดูคล้ายกับรถ K-Car ของญี่ปุ่น) นั่งได้ 4-5 ที่นั่ง ผสมผสานการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ จุดชาร์จไฟอยู่บริเวณด้านหน้ารถ โดยใช้สีทูโทนเพื่อให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพิ่งเปิดตัวไปในจีนเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 29 กิโลวัตต์ (39 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนฟอสเฟต มีขนาด 10.3 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 128 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (ไฟบ้าน 0-100%) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

และยังมีแบตเตอรี่ขนาด 14.5 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) ที่เพิ่มระยะทางขึ้นเป็น 178 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จ (ไฟบ้าน 0-100%) หนึ่งครั้ง ให้เลือก ทำความเร็วได้สูงสุด 100 กม./ชม.

รุ่น L ราคาเริ่มต้นที่ 389,000 บาท! (รุ่นแบตเตอรี่ 10.3 kWh) และรุ่น K ราคา 449,000 บาท (รุ่นแบตเตอรี่ 14.5 kWh)

Porsche Taycan 4S Cross Turismo

4. รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) แพงที่สุด

รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) (ที่มาโชว์) และราคาแพงที่สุดในงาน Motor Expo 2021 ครั้งนี้ ต้องยกให้ Porsche Taycan 4S Cross Turismo (ปอร์เช่ ไทคานน์ 4เอส ครอส ทัวริสโม) ใหม่ รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์ในเวอร์ชั่นออฟโรด (Off-Road) ต่อยอดความสำเร็จจาก Taycan โดยยังคงรักษาไว้ซึ่งความโดดเด่นจากนวัตกรรมระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแรงดัน 800 โวลต์

และมีช่วงล่างที่ประกอบไปด้วย เทคโนโลยีขั้นสูงพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive และระบบถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ Adaptive Air Suspension รองรับสมรรถนะการขับขี่รองรับสมรรถนะการขับขี่รูปเเบบสปอร์ตบนเส้นทาง Off-Road และ On Road

รููปลักษณ์ภายนอกใกล้เคียงรถต้นแบบ Mission E Cross Turismo Concept Study ตัวรถมีเส้นโค้งของแนวหลังคา ลาดยาวจรดท้ายให้อารมณ์สปอร์ต มีชื่อเรียกจากบรรดานักออกแบบของปอร์เช่ ว่า “Flyline” พร้อมพื้นที่เหนือศีรษะภายในห้องโดยสารตอนหลังที่เพิ่มขึ้นถึง 47 มม. พื้นที่ท้ายรถมีความจุุมากขึ้นกว่า 1,200 ลิตร พร้อมฝาท้ายขนาดใหญ่ และสามารถติดตั้งจักรยานไว้บริเวณท้ายรถสูงสุดถึง 3 คัน ด้วยจุดยึดแบบ Universal

สำหรับ Porsche Taycan 4S Cross Turismo ราคาอยู่ที่ 7,790,000 บาท!

Black High Wheeler

5. เก่าที่สุด

รถเก่าที่สุดในงาน อยู่ที่บูธ สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย นั่นคือ “Black High Wheeler” (แบลค์ ไฮ วีลเลอร์) รุ่นปี 1904 ซึ่งความพิเศษของรถโบราณรุ่นนี้ คือ เป็นรถที่มีฐานล้อใหญ่ถึง 75 นิ้ว และผลิตออกมาเพียง 18 คันเท่านั้น

เครื่องยนต์วางใต้แคร่กลางลำ แบบ 2 สูบนอน ความจุ 52 Cu.In. (หรือ 852 ซีซี) 18 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยโซ่ ใช้ล้อแบบรถม้าขอบบางขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 36 นิ้ว

ผลงานของ Black Manufacturing Company แห่งเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ USA และจำหน่ายโดย Sear, Roebuck & Co. ระหว่างปี 1904-1912 ในปัจจุบันมีเหลือเพียง 13 คันทั่วโลก ถือเป็นรถที่เก่าที่สุดในงาน Motor Expo ครับ

Mercedes-Maybach GLS 600

6. รถ SUV แพงที่สุด

รถ SUV ที่แพงที่สุดในงาน Motor Expo 2021 นั่นคือ Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC Premium (เมอร์เซเดส-มายบัค จีแอลเอส 600) ที่สุดแห่งยนตรกรรม SUV ไฮบริด ระดับ Ultra Luxury ภายใต้แบรนด์ Mercedes-Maybach ที่นำเสนอความพิถีพิถันในแบบที่ยกระดับขึ้นอีกขั้นในทุกรายละเอียด ทั้งด้านการออกแบบและวัสดุตกแต่งภายนอกและภายใน รายละเอียดทางวิศวกรรม และนวัตกรรมที่เป็นที่สุดจากเมอร์เซเดส-เบนซ์

มาพร้อมขุมพลังเบนซิน V8 Biturbo ขนาด 3,982 ซีซี ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้แรงม้าสูงสุดถึง 557 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 730 นิวตันเมตรที่ 2,500-5,000 รอบ/นาที ขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.9 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กม./ชม. ในราคาเริ่มต้น 18,000,000 บาท!

คนสนใจล้นหลามที่สุด Motor Expo 2021

7. คนสนใจล้นหลามที่สุด

สำหรับบูธที่คนล้นหลามที่สุดในงาน Motor Expo 2021 แบบไม่เกรงใจโควิดสายพันธุ์ใหม่ (เพราะงานนี้มีมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างแน่นหนา) ในปีนี้ ต้องยกให้กับบูธ Great Wall Motor (เกรท วอลล์ มอเตอร์) นำรถขุมพลังไฮบริดอย่าง Haval Jolion (ฮาวาล โจไลอ้อน), Haval H6 (ฮาวาล เอช6), Haval H6 PHEV (ฮาวาล เอช6 พีเอชอีวี) และรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง ORA Good Cat (โอร่า กู๊ดแคท) มาโชว์ คนสนใจแน่นมาก

และอีกหนึ่งบูธอย่าง Honda (ฮอนด้า) ที่นำ All-New Honda HR-V e:HEV (ฮอนด้า เอชอาร์วี) รุ่นใหม่มาโชว์ ขุมพลังไฮบริดทุกรุ่น ซึ่งตัว RS ที่เปิดตัวในไทยเป็นครั้งแรกของโลก คนให้ความสนใจอย่างแน่นบูธทีเดียว

Yamaha Finn

8. รถมอเตอร์ไซค์ถูกที่สุด

ในงาน Motor Expo 2021 นี้ แม้แต่มอเตอร์ไซค์จ่ายตลาด ก็มีขายเช่นกัน! ขอยกให้ “Yamaha Finn” (ยามาฮ่า ฟินน์) กล้าที่จะไป…กล้าที่เป็น #กล้าที่จะฟินน์…บ่งบอกความเป็นตัวตนกับ ยามาฮ่า ฟินน์ รถครอบครัวระดับพรีเมียมสุดคุ้ม ซึ่งมาพร้อมกับสีสันกราฟิกใหม่ สวยล้ำสไตล์โมเดิร์นไม่เหมือนใคร คุ้มค่าทันสมัยด้วยระบบสตาร์ทมือทุกรุ่น!

พร้อมเครื่องยนต์แรงดี 115 ซีซี ขับขี่ง่าย ไม่จุกจิก ประหยัดน้ำมันสูงสุด 96.16 กม./ลิตร (ที่พิสูจน์แล้วโดยสื่อมวลชน) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน และครั้งแรกของโลก! รับประกันนานถึง 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

โดยในรุ่นสตาร์ทมือ ดรัมเบรก สีแดง ราคาอยู่ที่ 39,800 บาท!

Harley-Davidson Ultra Limited

9. รถมอเตอร์ไซค์แพงที่สุด

รถมอเตอร์ไซค์แพงที่สุดในงาน Motor Expo 2021 ต้องยกให้กับ Harley-Davidson Ultra Limited (ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน อุลต้า ลิมิเต็ด) เจ้าเก่า ที่มาพร้อมความโดดเด่นเรื่องงานดีไซน์ ใช้เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 114 ขนาด 1,868 ซีซี แบบ 2 สูบ V-Twin 4 จังหวะ 2 วาล์ว/สูบ ในราคา 1,539,000 บาท

Fairline-F-Line-33

10. ใหญ่ที่สุดในงาน

สิ่งที่ใหญ่ที่สุดในงาน Motor Expo 2021 ครั้งนี้ต้องขอยกให้เรือ Fairline F-Line 33 (แฟร์ไลน์ เอฟ-ไลน์ 33) จากบูธ Join Boat Platform ที่นำเรือแม่น้ำ สปีดโบ๊ต และสกู๊ตเตอร์มาโชว์และจำหน่าย ไม่มีใครใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม เพื่อนำเงินไปโปะรถคันใหม่ จะได้ผ่อนดาวน์กันน้อยลง มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถของเราทุกคันผ่านการตรวจสภาพ 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนาน 1 ปี หรือสูงสุด 30,000 กิโลเมตร อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

รวมรถเด่น รถใหม่ รถเปิดตัวล่าสุด ในงาน Motor Expo 2021

งาน Motor Expo 2021 (มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38) มาภายใต้แนวคิด “มหกรรมสุขสันต์คนรักยานยนต์” หรือ “TIME to ENJOY!” หลังจากที่ต้องเผชิญกับโควิด-19 มาอย่างหนักทั้งปีจนอ่วม แถมยังจะมีโควิดสายพันธุ์ใหม่อย่าง “โอไมครอน” มาอีก! โดยที่ผู้บริโภคกำลังซื้อหดหายไปอย่างมาก

ทำให้รถหลายค่ายต้องเร่งนำเสนอรถใหม่ รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ รถจักรยานยนต์ใหม่ หรือสินค้าใหม่ๆ เอาใจผู้บริโภค และกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติไปในตัว ซึ่งในงาน Motor Expo 2021 ปีนี้ มีรถยนต์มาร่วมงานมากถึง 32 แบรนด์ จาก 9 ประเทศ และรถจักรยานยนต์อีก 12 แบรนด์ จาก 7 ประเทศ รวมถึงจัดแสดงเรือ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องมากมาย

รวมรถเด่น รถใหม่ รถเปิดตัวล่าสุด ในงาน Motor Expo 2021

ไหนๆ จะไปดู ไปซื้อรถใหม่ที่งาน Motor Expo 2021 กันแล้ว ถ้าคุณอยากขายรถคันเดิม หรือรับเป็นเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเดิมกับ CARRO ได้ เราพร้อมรับซื้อรถของคุณ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Fanpage CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

นอกจากโปรโมชั่นพิเศษมากมายแล้ว งานนี้ยังมอบโชคคืนกำไรให้แก่ผู้ชมงาน ทั้ง ซื้อรถ…ชิงรถ / ซื้อบัตร…ชิงรถ / ซื้อสินค้า…ชิงรถ / ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิ๊กไบค์ รวมถึงลุ้นชิงรางวัลอื่นๆ จากการซื้อสินค้าอีกมากมาย

และยังมีรถ Shuttle Bus รับ-ส่ง ฟรี! จาก 3 จุดในกรุงเทพฯ และที่รังสิต รอบแรก 11.00 น. รอบสุดท้าย 20.30 น. ส่วนขาออกงาน รอบแรก 12.00 น. รอบสุดท้าย 22.30 น ให้คุณเดินทางมาชมงานได้อย่างสะดวกสบาย

ฉีดวัคซีนไม่ครบ ไม่ต้องกังวล! รีวิวจุดตรวจ ATK ที่งาน Motor Expo 2021!

แต่ปีนี้พิเศษหน่อย เนื่องจากมีมาตรการควบคุมป้องกันโควิด-19 สำหรับผู้ชมงาน คือ ต้องเเสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือเป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยโรคโควิด-19 มาเเล้ว 21-90 วัน หรือได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการ RT-PCR เเละได้ผลลัพธ์ภายในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเข้างาน

หากท่านใดที่ฉีดวัคซีนยังไม่ครบ 2 เข็ม หรือผลการฉีดวัคซีนเข็ม 2 ไม่มีแสดงขึ้นมาในหมอพร้อม หรือเด็กเล็กอายุ 6-12 ปี ที่ยังรับวัคซีนไม่ได้ จะต้องตรวจ ATK (บริเวณหน้างาน) มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 99 บาท (ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ไม่ต้องตรวจ ATK)

ทาง CARRO อยากให้คนรักรถทุกท่าน หาเวลาว่าง ไปเดินเที่ยวชมงานกันครับ … เชิญชมกับภาพบรรยากาศภายในงาน Motor Expo 2021 ได้เลยครับ

Pocco Meimei

Pocco Meimei

Pocco Duoduo

Pocco Duoduo

ORA Good Cat

ORA Good Cat

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion

Haval H6 PHEV

Haval H6 PHEV

Tank 500

Tank 500

MG Cyberster

MG Cyberster

MG5

MG5

MG-EP-Plus

MG EP Plus

Porsche 911 Carrera GTS

Porsche 911 Carrera GTS

Porsche Cayenne Turbo GT

Porsche Cayenne Turbo GT

Porsche Macan

Porsche Macan

Mini Electric Pacesetter Inspired By JCW

Mini Electric Pacesetter Inspired By JCW

Mini John Cooper Works Hatch Launched By Carnival

Mini John Cooper Works Hatch Launched By Carnival

Mercedes-Benz-EQS-450+-AMG-Premium

Mercedes-Benz EQS

Mercedes-Maybach GLS 600

Mercedes-Maybach GLS 600

BMW 630i GT M Sport

BMW 630i GT M Sport

BMW X3 xDrive20d M Sport

BMW X3 xDrive20d M Sport

BMW iX3 M Sport

BMW iX3 M Sport

BMW iX xDrive50 Sport

BMW iX xDrive50 Sport

Audi A3 Sportback

Audi A3 Sportback

Lotus Elise 220 Sport

Lotus Elise 220 Sport

Lotus Exige Sport 350

Lotus Exige Sport 350

Peugeot 3008

Peugeot 3008

Volvo XC40 Recharge

Volvo XC40 Recharge

Toyota Corolla Cross GR Sport

Toyota Corolla Cross GR Sport

Toyota Yaris GR Sport

Toyota Yaris GR Sport

Toyota Camry

Toyota Camry

Lexus-NX-450h+

Lexus NX450h+

Honda Civic RS

Honda Civic RS

Honda Accord e:HEV

Honda Accord e:HEV

Honda HR-V e:HEV

Honda HR-V e:HEV

Nissan Kicks Sky Edition

Nissan Kicks Sky Edition

Subaru XV 2.0 iP EyeSight

Subaru XV 2.0 i-P EyeSight

Tesla Model Y

Tesla Model Y

โดยงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2021 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 12 ธันวาคม 2564 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

หากท่านใดที่อยากได้บัตรเข้างาน Motor Expo 2021 ฟรี! ท่านละ 2 ใบ ง่ายๆ ดูรายละเอียดการขอบัตรได้ในนี้เลย —> https://th.carro.co/blog/carro-ticket-motor-expo/

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ถ้าใครสนใจอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือจะรับเป็นเงินก้อนไปใช้ สามารถนำรถคันเดิมมาขายกับ CARRO ได้เลย เราพร้อมรับซื้อรถของคุณ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Fanpage CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

สำหรับใครที่อยากซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ แต่ถ้ามีงบไม่พอ มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถของเราทุกคันผ่านการตรวจสภาพ 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนาน 1 ปี หรือสูงสุด 30,000 กิโลเมตร อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ