Motorshow-Car-2020

“Motor Show 2020 (มอเตอร์โชว์ 2020)” หรือ The 41th Bangkok International Motor Show 2020 ภายใต้แนวคิด “แรงบันดาลใจ” หรือ “Inspiration Unlocks The Future” ในปีนี้แม้ว่าจะเจอวิฤกตโควิด-19 รุมเร้าจนต้องเลื่อนการจัดงานถึง 3 ครั้ง 3 หน แต่ในงานก็ยังมีรถรุ่นใหม่ๆ มาเปิดตัวกันหลายรุ่นด้วยกัน พร้อมกำหนดมาตรฐานใหม่ New Normal สำหรับผู้ร่วมงานทุกท่าน ที่ต้องเจอ “ไทยชนะ” กันทุกบูธเลย!

โดยผู้จัดงานจะเสริมความมั่นใจให้ผู้เข้าชม ด้วยการเตรียมจุดคัดกรองก่อนเข้าสู่ฮอลล์จัดแสดงอีก 1 ครั้ง รวมทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายทางดวงตา (Eye Temperature) ที่มีความแม่นยำเป็นมาตรฐานสากล

ในขณะที่มาตรการเสริม เพื่อลดความแออัดของพื้นที่การจัดงาน ปรับเพิ่มพื้นที่ทางเดินทางกลางจาก 6 เมตร เป็น 10 เมตร และทางเดินระหว่างบูธจาก 3 เมตร เป็น 6 เมตร จัดพื้นที่สำหรับการเจรจาธุรกิจเพื่อรองรับลูกค้าเพิ่มเติมกว่า 3,0005,000 ที่นั่ง ให้กับแต่ละแบรนด์รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ เพื่อจะสามารถกระจายลูกค้าที่ทำธุรกรรม สู่บริเวณพื้นที่โหลดดิ้ง ด้านหลังของอาคารชาเลนเจอร์ 2

เชิญพบกับรถยนต์ที่ร่วมงานจำนวนมากถึง 27 แบรนด์ หลากหลายประเทศ และรถจักรยานยนต์อีก 12 แบรนด์

ทาง CARRO อยากให้คนรักรถทุกท่าน หาโอกาสไปเดินเที่ยวกันจริงๆ ครับ … เชิญชมกับภาพบรรยากาศภายในงาน Motor Show 2020 กันได้เลย

Toyota-Corolla-Cross-2020

Toyota Corolla Cross

Toyota-Hilux-Revo-Rocco-2020

Toyota Hilux Revo Rocco

Toyota-Fortuner-Legender

Toyota Fortuner Legender

Nissan-Kicks-e-POWER-2020

Nissan Kicks e-POWER

Honda-CR-V-2020

Honda CR-V

Mitsubishi-Xpander-Cross

Mitsubishi Xpander Cross

Mazda-CX-3-2020

Mazda CX-3

Mazda-CX-30-2020

Mazda CX-30

Mazda MX-5 RF

Suzuki-XL7

Suzuki XL7

Suzuki-Ciaz-2020

Suzuki Ciaz

Lexus-LM

Lexus LM

MG-ZS-2020

MG ZS

Mini-Rosewood-Edition

Mini Rosewood Edition

Aston-Martin-DBX

Aston Martin DBX

Audi-TT-RS

Audi TT RS

Audi-A5-Coupe

Audi A5 Coupe

Peugeot-2008

Peugeot 2008

BMW-X3-2020

BMW X3

Lamborghini-Huracan-EVO

Lamborghini Huracan EVO

Lamborghini-Aventador

Lamborghini Aventador

Land-Rover-Defender

Land Rover Defender

Porsche-Taycan

Porsche Taycan

ถ้าคุณอยาก “ขายรถ” คันเดิม เพื่อซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถด่วนกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! และฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ ขายรถด่วน! —> เพิ่มเพื่อน

Suzuki-Motorshow-2020

บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมบุกงานมอเตอร์โชว์ 2020 ภายใต้แนวคิด Drive Your Limitless การสร้างสรรค์ของยานยนต์ทุกรุ่นจากซูซูกิ ที่ผสานฟีเจอร์และดีไซน์ให้พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้งานอันหลากหลายของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง บนพื้นฐานราคาที่คุ้มค่า เพื่อให้การขับขี่ในชีวิตประจำวันอยู่เหนือขีดจำกัดเดิมๆ

พร้อมขนทัพยนตรกรรมซูซูกิทุกรุ่น พบกับไฮไลท์พิเศษ All-New Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล-7) กับประสบการณ์ใหม่อย่างมีสไตล์ในแบบของ Multi-Dynamic Crossover สุดยอดสมรรถนะที่เกินคาดด้วยดีไซน์สปอร์ต พร้อมลุยทุกเส้นทางในแบบรถ Crossover ของคนรุ่นใหม่

พิเศษสุดกับข้อเสนอ และแคมเปญอัดแน่นทุกรุ่น ณ บูธรถยนต์ซูซูกิ (บูธหมายเลข A4) ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานีในวันพุธที่ 15 กรกฎาคม – วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2563 พร้อมมั่นใจกับการจัดแสดงรถยนต์ตามรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ New Normal ด้วยมาตรการคัดกรองผู้เข้าชมงานอย่างเคร่งครัด

New-Honda-CRV-2020

Honda เปิดตัวยนตรกรรมพรีเมียม SUV Icon ของ Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์-วี) ใหม่ ในไทยเป็นประเทศแรกของภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ด้วยดีไซน์ภายนอกยังสปอร์ตหรูหราและความแข็งแกร่งในทุกมิติ พรีเมียมขึ้นด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential

เสริมความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) และนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ครบครันด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายล้ำสมัยระดับพรีเมียม

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง มาพร้อมขุมพลังการขับเคลื่อนทั้งเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC มาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก ในราคา 1,369,000 – 1,759,000 บาท

พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% หรือเลือกรับข้อเสนอ “Double Smile” ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 18,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี เปิดให้ลูกค้าได้สัมผัสในงาน Motor Show 2020 และที่โชว์รูมฮอนด้า* ตั้งแต่ 13 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป

New-Honda-CR-V-2020

สรุปเร็วๆ Honda CR-V Minorchange มีอะไรเด่นๆ บ้าง?

  • หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบ Panorama พร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential
  • กระจังหน้าแบบ Gloss Black และกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่
  • มั่นใจในทุกการเดินทางด้วย “ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง” (Honda SENSING) และนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT)
  • 2 ขุมพลังทางเลือก ดีเซล เทอร์โบ และเบนซิน พร้อมระบบขับเคลื่อน 4WD
  • สีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก
  • โปรโมชั่น! ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% หรือข้อเสนอ Double Smile ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 18,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี

New-Honda-CR-V-2020

อ่านเพิ่มเติม: ประวัติ Honda CR-V มือสอง ในแต่ละรุ่นที่ผ่านมา

New-Honda-CR-V-2020

ดีไซน์ภายนอก หรูหรา แข็งแกร่งในทุกมุมมอง

  • ตอกย้ำความพรีเมียมเหนือระดับ ด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) พร้อมระบบเปิด-ปิดแบบ One-Touch
  • เสริมอารมณ์ความสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่
  • ฝากระโปรงท้ายตกแต่งด้วย โครเมียมรมดำและไฟท้ายรมดำ
  • ไฟหน้าแบบ FULL LED มาพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Light – DRL) พร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential และไฟท้ายแบบ FULL LED
  • โดดเด่นด้วยเส้นสายที่เฉียบคมพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตใหม่ขนาด 18 นิ้ว

New-Honda-CR-V-2020

มั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ได้แก่

  • ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

New-Honda-CR-V-2020

และยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) (ทุกรุ่น) ตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ผ่านการควบคุมพวงมาลัยและแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT พร้อมการสั่นเตือนที่พวงมาลัย ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (Agile Handling Assist) อีกทั้งนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เป็นต้น

New-Honda-CR-V-2020

ดีไซน์ภายในกว้างขวาง หรูหรา ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม

ภายในห้องโดยสาร มาพร้อมแผงคอนโซลขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยลายไม้และวัสดุสีดำ Piano Black มีทั้งแบบเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม อาทิ

  • อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
  • กระจกมองข้างแบบพับเก็บอัตโนมัติ (ควบคุมด้วยรีโมท) (Auto Foldable Side Door Mirror)
  • ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat)
  • เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง
  • กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (Auto Dimming Rear View Mirror) (ทุกรุ่น)
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา i-Dual Zone และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 2 และแถว 3 (รุ่น 7 ที่นั่ง)

New-Honda-CR-V-2020

เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออันล้ำสมัย อาทิ

  • ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri
  • ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ (เฉพาะรุ่น 4WD)
  • มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ควบคุมทุกการสั่งงานได้อย่างง่ายดายผ่านพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันพร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ เป็นต้น

New-Honda-CR-V-2020

พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์และทุกการใช้งาน ด้วย

  • ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate) (ทุกรุ่น)
  • เบาะนั่งที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับผู้โดยสารและการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมด้วยช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางที่ปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับการใช้งานได้ถึง 3 แบบ

New-Honda-CR-V-2020

มาพร้อม 2 ขุมพลังขับเคลื่อน ได้แก่

  • เครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO 4 สูบ ให้แรงม้าสูงสุดถึง 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 รอบ/นาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire) ให้ทั้งอัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 17.9 กม./ลิตร โดยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD
  • เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ ให้กำลังสูงถึง 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที
    ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 224 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ให้การตอบสนองที่ทันใจ พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85 และ E20 มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อ 2WD และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD

New-Honda-CR-V-2020

รุ่น 5 ที่นั่ง

New-Honda-CR-V-2020

รุ่น 7 ที่นั่ง

Honda CR-V 2020 ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่น ดังนี้

  • เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 S 5 ที่นั่ง ราคา 1,369,000 บาท
  • เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 ES 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,529,000 บาท
  • เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 E 7 ที่นั่ง ราคา 1,419,000 บาท
  • เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,579,000 บาท
  • เครื่องยนต์ดีเซล รุ่น DT-EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,759,000 บาท

โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีขาวแพลทินัม (มุก) และสีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)

New-Honda-CR-V-2020

Honda CR-V ใหม่ มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% หรือ เลือกรับข้อเสนอ “Double Smile” ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 18,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี

พบกับ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้า* ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป และในงาน Motor Show 2020 ตั้งแต่วันที่ 15 – 26 กรกฎาคม 2563 โดยมาพร้อมข้อเสนอเดียวกันทั้งที่โชว์รูมฮอนด้าและในงานมอเตอร์โชว์

หมายเหตุ:

– *กรุณาโทรนัดหมายก่อนเข้าเยี่ยมชม เพื่อความสะดวกของท่าน
– อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
– สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น DT-EL 4WD, 2.4 EL 4WD และ 2.4 ES 4WD
– สำหรับสีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 12,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 8,000 บาท

ส่วนใครที่อยากขายรถ หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Carro-Compare-Toyota-Corolla-Cross-And-Nissan-Kicks-2020

รถในระดับ B-SUV ป้ายแดงยอดนิยม ในราคาเริ่มต้นประมาณ 8 แสนบาทปลายๆ ไปจนถึง 1 ล้านต้นๆ ชั่วโมงนี้คงไม่มีอะไรน่าสนใจไปกว่า Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) และ Nissan Kicks (นิสสัน คิกส์) อีกแล้ว! เพราะเป็นรถที่เหมาะสำหรับคนมีครอบครัว หรือมีลูก 1-2 คน ไว้ใช้งานในชีวิตประจำวัน และไว้ใช้งานในวันหยุดได้

ซึ่งทั้งสองโมเดลนี้ ต่างก็เปิดตัวในไทยเป็นที่แรกของโลก คันหนึ่งใหม่หมดทั้งคัน อีกคันหนึ่งเป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์ คันหนึ่งเป็นรถยนต์แบบ e-POWER ระบบ Hybrid ใช้น้ำมันให้เครื่องยนต์ไปปั่นมอเตอร์ไฟฟ้า ได้อารมณ์ขับรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนอีกคันหนึ่งยังเป็นแบบเบนซิน และระบบเบนซินแบบ Hybrid ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า

ถ้าหากในปี 2020 นี้ ทั่วโลกไม่เจอเจ้าโควิด-19 ซะก่อน ตลาดรถในกลุ่ม B-SUV คงจะคึกคักมากกว่านี้แน่นอน เนื่องด้วยกำลังซื้อที่ขาดหายไปมาก และบรรดาไฟแนนซ์ สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ทำให้การแข่งขันเพื่อชิงยอดขายนั้น ดุเดือดเลยทีเดียว หากฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำแล้ว บอกได้เลยว่าลำบากแน่!

ถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ในช่วงโควิด-19 สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand หรือทาง Line @carrothai

มาดูกันว่า Toyota Corolla Cross 2020 และ Nissan Kicks 2020 มีจุดเด่น ข้อดี ข้อเสีย ตรงไหนกันบ้าง ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อ และไปดูตัวจริงในงาน Motor Show 2020 …

All-New-Corolla-Cross-2020

Toyota Corolla Cross 2020

ข้อดี : เป็นรถครอสโอเวอร์ไฮบริด รุ่นที่พ่วงชื่อ Corolla มาด้วย โดยเป็นการนำ DNA ของรถยนต์โคโรลล่า มาพัฒนาให้เกิดเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ บนแพลทฟอร์มใหม่อย่าง TNGA โดยใช้แพลตฟอร์มของโคโรลล่า ซีดาน และยังคล้ายกับในรุ่น C-HR อีกด้วย แต่ C-HR เน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่น ส่วน Corolla Cross จะเน้นกลุ่มคนวัยทำงานขึ้นมาหน่อย และมีครอบครัวแล้ว อีกทั้งยังมีรถโชว์พร้อมขาย พร้อมให้ทดลองขับ และระบบ Hybrid ที่ไว้ใจได้

ข้อด้อย : เรื่องหน้าตาความชอบนั้นเป็นรสนิยม หลายคนอาจบอกว่าหน้าตาดูดุไปหน่อย แต่บางคนดูแล้วก็บอกว่า OK  ตัวรอง Top ดูคุ้มค่าเงินที่สุดกว่าตัวรุ่น Top

รายละเอียดตัวรถ : ตัวรถถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด “ความกะทัดรัดที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย” (Compact yet Comfortable) และ “ความล้ำสมัยที่สะท้อนตัวตนของความภูมิฐานสำหรับชีวิตในเมือง” (Dignity Urban Vogue) มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ควบคู่ไปกับระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense)

ใช้ช่วงล่างแบบคานแข็งที่ได้รับการพัฒนาใหม่ เพื่อปรับช่วงล่างให้มีประสิทธิภาพการเกาะถนน ส่วนพื้นที่จุสัมภาระด้านท้ายรถ มีมากถึง 487 ลิตร นอกจากนี้ ในส่วนของห้องโดยสาร โดดเด่นด้วยประตูด้านหลังขนาดใหญ่ที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถขึ้นและลงจากรถได้อย่างสะดวกสบาย และยังมีการออกแบบที่ว่างเหนือศีรษะให้สูงพอดี มีความโปร่ง สบาย ไม่อึดอัด

All-New-Corolla-Cross-2020

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED แบบ Hybrid
  • ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) LED แบบ Light Guiding
  • ไฟเลี้ยวด้านหน้า LED
  • ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home
  • ไฟท้าย LED แบบ Light Guiding
  • กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าและพับเก็บอัตโนมัติ พร้อมระบบ Reverse Link
  • ราวหลังคา
  • สีภายใน สีแดง Terra Rossa / สีดำ (ขึ้นอยู่กับสีภายนอก)
  • จอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Bluetooth และ USB
  • เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
  • ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
  • ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
  • ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start)
  • ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry)
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปรับอิสระแยกซ้าย-ขวา
  • ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่พวงมาลัย
  • ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
  • จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display)
  • กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ (Electro Chromic)
  • ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน (Drive Start Control)
  • ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control System)
  • สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Brake Signal)
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Steering Assist)
  • ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติพร้อมช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (Dynamic Radar Cruise Control with Lane Tracing Assist)
  • ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)
    รวมทั้ง …
  • กล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ (Panoramic View Monitor)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor)
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)
  • ถุงลมเสริมความปลอดภัย ระบบ SRS 7 ตำแหน่ง (Air Bags)

เครื่องยนต์ : เป็นแบบเบนซินขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FBE ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร (18.05 กก.-ม.) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด CVT-i พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 15.4 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 150 กรัม/กม.

ส่วนรุ่น Hybrid มากับชุดระบบไฮบริดเจเนอเรชั่น 4 ที่พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 98 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร 53 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แพคชนิด Ni-MH (นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์) แบบใหม่ ให้กำลังรวมทั้งระบบ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock และเลือกโหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง EV, Sport และ Eco

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 98 กรัม/กม.

มิติตัวรถ : ยาว 4,460 มม. กว้าง 1,825 มม. สูง 1,620 มม. ระยะฐานล้อ 2,640 มม.

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนกรกฏาคม 2563)

  • รุ่น 1.8 Sport ราคา 989,000 บาท** (ราคาพิเศษ 959,000 บาท ณ วันเปิดตัว – 30 กันยายน 2563 มีจำนวนจำกัด)
  • รุ่น Hybrid Smart ราคา 1,019,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid Premium ราคา 1,089,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid Premium Safety ราคา 1,199,000 บาท**

*สำหรับสีพิเศษ Platinum White Pearl เพิ่ม 10,000 บาท
**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม

Nissan-Kicks-ePower-2020

Nissan Kicks e-Power 2020

ข้อดี : เป็นรถครอสโอเวอร์ไฮบริด ที่มาพร้อมจุดเด่นอย่างการใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไปปั่นกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน และจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าให้ขับเคลื่อนรถยนต์อีกที ซึ่งเป็นหลักการที่คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV : Battery Electric Vehicle) แต่ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เหมาะกับการขับรถทางไกล

ข้อด้อย : หลายคนอาจผิดหวังกับความประหยัด ว่าประหยัดได้เท่า Eco-Car และไม่มีระบบ Active Cooling ให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งเมืองร้อน (มาก) อย่างบ้านเรา ควรจะเพิ่มระบบหล่อเย็นจุดนี้ แม้ว่าแบตเตอรี่จะถูกออกแบบมาให้ทนความร้อนได้สูงก็ตาม

อีกทั้งรถยังไม่มีให้ลูกค้าได้ทดสอบตามโชว์รูมต่างๆ และพร้อมส่งมอบ เนื่องจากผู้ผลิตชิ้นส่วนติดปัญหาโควิด-19 ทำให้การผลิตชิ้นส่วนชะงัก และต้องแก้ QC ในชิ้นงานที่มีปัญหา อีกทั้งยังต้องผลิตรถส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้มียอดจองเข้ามาหลายพันคัน ทำให้เกิดการล่าช้าในการผลิต หลายคนจึงเริ่มลงเลในการซื้อ กลายเป็นเจ้าพ่อตลาดวายไป

รายละเอียดตัวรถ : เป็นรถแบบ SUV ที่นิสสันพัฒนามาจากรถต้นแบบอย่าง Nissan Kicks Concept โดยเปิดตัวตัวรถผลิตขายจริงมาตั้งแต่ช่วงปี 2016 เพื่อทำตลาดในอเมริกาใต้เป็นหลัก ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม V แบบเดียวกับรถตระกูล Nissan Micra, Note, Pulsar หรือ Sylphy

ห้องโดยสารภายใน โดดเด่นด้วยการใช้สีทูโทนดำ – ส้ม (เฉพาะรุ่น VL) ด้วยแผงคอนโซล และเบาะหนัง พร้อมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับหน้าจอเครื่องเสียง ผ่าน Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigation System ผ่าน Google Map กับระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition ที่ใช้งานง่าย

แถมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุมากถึง 432 ลิตร และยังมีความลึกของห้องเก็บสัมภาระที่มากถึง 900 มม. โดยที่ยังไม่พับเบาะหลัง

เวลาขับยังมีระบบอัจฉริยะ ช่วยให้คนขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทาง ผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน จับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และนำไปประมวลผล แล้วแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอวิทยุ และทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือน เมื่อตรวจพบบุคคล หรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่

Nissan-Kicks-ePower-2020

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • หน้าจอ TFT Digital Meter ขนาด 7 นิ้ว บนมาตรวัด
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape
  • กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Intelligent Key
  • ปุ่ม Push Start
  • กุญแจระบบ Immobilizer
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
  • กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Anti-jam Protection ด้านผู้ขับ
  • ที่วางแก้วตอนหน้า 2 ตำแหน่ง
  • ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้า-หลัง 4 ตำแหน่ง
  • กล่องเก็บของด้านหน้า
  • ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า
  • ไฟห้องสัมภาระด้านท้าย
  • ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง
  • ระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา
  • ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ Nissan Connect จอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ลำโพง 6 ตำแหน่ง Bluetooth, USB, AUX-in, ฟังก์ชั่น Apple CarPlay สำหรับ iOS (เฉพาะรุ่น V และ VL)
  • ชุดเครื่องเสียงมาตรฐาน วิทยุ AM/FM, Bluetooth, USB, AUX-in และลำโพง 4 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น S และ E)
  • เทคโนโลยร One-Pedal คันเร่งอัจฉริยะ
  • ระบบ Intelligent Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชั่นชลอความเร็วและรักษาระยะห่างตามรถคันหน้า
  • ระบบ Intelligent Forward Collision Warning ช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า
  • ระบบ Intelligent Emergency Braking ช่วยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อชะลอความเร็วหรือหยุดรถ ลดความเสียหายที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุ
  • ระบบ Blind Spot Warning เตือนจุดอับสายตา
  • ระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนในขณะถอยออก
  • ระบบ Intelligent Around View Monitor กล้องอัจฉริยะรอบทิศทาง พร้อมเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อพบวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control
  • ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ Intelligent Ride Control
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง Intelligent Trace Control
  • ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด ประกอบด้วยคู่หน้า, ข้าง และม่านข้างซ้าย-ขวา (รุ่น VL) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า (ทุกรุ่น)
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ Pretensioner and Load Limiter Seatbelts
  • จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กเด็กแบบ ISOFIX
  • ระบบเบรก ABS, EBD และ BA
  • กระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror แสดงผลด้วยจอ LCD ที่แสดงภาพจากกล้องด้านหลังตัวรถ สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลระหว่างจอแสดงภาพ หรือภาพสะท้อนแบบปกติจากกระจกได้
  • ระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน

Nissan-Kicks-e-POWER-ECO-Sticker

ECO Sticker ของ Nissan Kicks e-POWER 2020

เครื่องยนต์ : เป็นแบบเบนซินขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE (แบบเดียวกับใน Note e-Power) แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด  79 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)

จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor รหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (95 กิโลวัตต์) ที่ 4,000-8,992 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 500-3,008 รอบ/นาที

หากรวมพลังทั้งหมด ให้แรงม้าสูงถึง 129 แรงม้า ที่ 4,000 – 8,992 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ที่ 500 – 3,008 รอบ/นาที และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23.8 กม./ลิตร (ตาม Eco Sticker) หรือ 4.2 ลิตร/100 กม.

มิติตัวรถ : ยาว 4,290 มม. กว้าง 1,760 มม. สูง 1,615 มม. ระยะฐานล้อ 2,615 มม.

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนพฤษภาคม 2563)

  • รุ่น S ราคา 889,000 บาท
  • รุ่น E ราคา 949,000 บาท
  • รุ่น V ราคา 999,000 บาท (ราคาหลังโปรโมชั่น 1,049,000 บาท ปรับขึ้น 50,000 บาท)
  • รุ่น VL ราคา 1,049,000 บาท (ราคาหลังโปรโมชั่น 1,103,900 บาท ปรับขึ้น 54,900 บาท)

มิติตัวรถ / เครื่องยนต์ ของ Toyota Corolla Cross 2020 และ Nissan Kicks 2020

Specifications Toyota Corolla Cross Nissan Kicks e-POWER
ยาว (มม.) 4,460 4,290
กว้าง (มม.) 1,825 1,760
สูง (มม.) 1,620 1,615
ระยะฐานล้อ (มม.) 2,640 2,615
ความกว้างล้อหน้า/หลัง (มม.) 1,559/1,571 (รุ่น 1.8 Sport และ Hybrid Smart 1,569/1,581) 1,520/1,535
ระยะต่ำสุดจากพื้น (มม.) 161 175
วงเลี้ยวแคบสุด (เมตร) 5.2 5.1
น้ำหนัก (กิโลกรัม) 1,340-1,350
เครื่องยนต์ เบนซิน รหัส 2ZR-FBE 1,798 ซีซี แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 140 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที เบนซิน Hybrid รหัส HR12DE 1,279 ซีซี แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที

พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า EM57 ขนาด 95 กิโลวัตต์ รวมกำลังทั้งหมด 129 แรงม้า

เบนซิน Hybrid รหัส 2ZR-FXE 1,798 ซีซี 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที

พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 53 กิโลวัตต์ รวมกำลังทั้งหมด 122 แรงม้า

ระบบส่งกำลัง CVT-i 7 สปีด (รุ่นเบนซิน) / E-CVT (รุ่น Hybrid) แบบอัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23.8 กม./ลิตร 15.4 กม./ลิตร (รุ่นเบนซิน) / 23.3 กม./ลิตร (รุ่น Hybrid)

ตารางผ่อนดาวน์ Toyota Corolla Cross 2020 ใหม่

Toyota-Corolla-Cross-2020-ตารางผ่อนดาวน์

โปรโมชั่น Toyota Corolla Cross 2020 ใหม่

พิเศษสำหรับลูกค้าซื้อ All-New Corolla Cross วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2563

  • เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.85% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care
  • ขยายระยะเวลารับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีค่าแรงเช็กระยะจนถึง 100,000 กม. มูลค่ากว่า 34,000 บาท
  • Toyota Privilege More ข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมเฉพาะลูกค้าโตโยต้า

ตารางผ่อนดาวน์ Nissan Kicks e-POWER 2020 ใหม่

Nissan-Kicks-e-POWER-2020-ตารางผ่อนดาวน์

โปรโมชั่น Nissan Kicks e-POWER 2020 ใหม่

Nissan-Kicks-ePower-2020

All-New Nissan Kicks รุ่น V

  • ราคาช่วงเปิดตัว 999,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.69%* (เงินดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน)
  • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี*
  • ฟรี รับประกันระบบ e-POWER 5 ปี รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 ปี**
  • ฟรี ไส้กรองแอร์แบบพรีเมียม “Nissan Premium Air-Con filter”

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น

** รับประกันระบบรถยนต์ e-POWER เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือ ระยะทาง 100,000 โลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และ รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เป็นระยะเวลา 10 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กิโลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน โดยเป็นขยายการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเพิ่มเติม ภายในปีที่ 6-10 จาก ปีที่ 5 โดยเพิ่มระยะทางจาก 100,000 กิโลเมตรเป็น 200,000 กิโลเมตร โดยลูกค้าสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่เนื่องจากความเสียหาย ได้ 1 ครั้ง

All-New Nissan Kicks รุ่น VL

  • ราคาช่วงเปิดตัว 1,049,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.69%* (เงินดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน)
  • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี*
  • ฟรี รับประกันระบบ e-POWER 5 ปี รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 ปี**
  • ฟรี ไส้กรองแอร์แบบพรีเมียม “Nissan Premium Air-Con filter”

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น

** รับประกันระบบรถยนต์ e-POWER เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือ ระยะทาง 100,000 โลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และ รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เป็นระยะเวลา 10 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กิโลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน โดยเป็นขยายการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเพิ่มเติม ภายในปีที่ 6-10 จาก ปีที่ 5 โดยเพิ่มระยะทางจาก 100,000 กิโลเมตรเป็น 200,000 กิโลเมตร โดยลูกค้าสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่เนื่องจากความเสียหาย ได้ 1 ครั้ง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ย้ำกันอีกครั้ง! สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

All-New-Toyota-Corolla-Cross-2020

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ SUV ครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทย Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) ใหม่ A New Journey…ให้ชีวิตเดินทาง พร้อมเทคโนโลยีและฟังก์ชั่นตอบโจทย์การใช้ชีวิตเพื่อที่สุดของความสะดวกสบาย

ด้วยภายนอกดูโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว และแข็งแกร่ง ซึ่งได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “ความกะทัดรัดที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย” (Compact yet Comfortable) และ “ความล้ำสมัยที่สะท้อนตัวตนของความภูมิฐานสำหรับชีวิตในเมือง” (Dignity Urban Vogue)

All-New-Corolla-Cross-2020

และรุ่นนี้ยังมีการส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย โดย Toyota Corolla Cross จะถูกส่งออกจากโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ถือเป็นรถรุ่นที่สร้างขึ้นโดยฝีมือคนไทย และส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ ทั่วโลก ภายใต้ฝีมือการผลิตของคนไทย

อีกทั้งยังมาพร้อมกับสถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) โดยใช้แพลตฟอร์มของโคโรลล่า ซีดาน ควบคู่ไปกับระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense)

All-New-Corolla-Cross-2020

ด้าน มร.ไดโซะ คาเมะยามา หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวถึงแนวคิดของรถคันนี้คือ “การนำ DNA ของรถยนต์โคโรลล่า มาพัฒนาให้เกิดเป็นรถยนต์อเนกประสงค์”

ทั้งนี้ Corolla คือรุ่นรถที่ขายดีที่สุดในโลกของโตโยต้า กล่าวคือ Corolla ก็คือ Toyota นับตั้งแต่การเปิดตัวรถโคโรลล่ารุ่นแรกในประเทศญี่ปุ่นในปี 2509 และเป็นรถที่ขายดีที่สุดของโตโยต้า ปัจจุบันขายมาแล้ว 150 ประเทศทั่วโลก ด้วยยอดขายสะสม 48 ล้านคัน

All-New-Corolla-Cross-2020

แต่คุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของ โคโรลล่า ครอส คือ ความหรูหรา พร้อมประโยชน์ใช้สอยที่เหนือความคาดหมายของลูกค้า “ความแข็งแกร่งสำหรับชีวิตในเมือง” (Urban Toughness) ซึ่งเห็นได้ชัดจากดีไซน์ และการออกแบบฐานล้อที่กว้าง

All-New Toyota Corolla Cross…A NEW JOURNEY มี 5 จุดขายหลักๆ ที่นับได้ว่าเป็นจุดเด่น ได้แก่

All-New-Corolla-Cross-2020

1. ด้านการออกแบบ

  • A New Outstanding Journey – ให้ชีวิตเดินทาง…โดดเด่นด้วยดีไซน์เหนือระดับ

ตัวรถภายนอกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว หรูหราแข็งแกร่ง มาพร้อมหลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า ราวหลังคา ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

มิติตัวรถยาว 4,460 มม. กว้าง 1,825 มม. สูง 1,620 มม. ระยะฐานล้อ 2,640 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 161 มม. รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร

  • A New Satisfying Journey – ให้ชีวิตเดินทาง…พื้นที่ที่ตอบทุกความต้องการ

ภายในใช้โทนสีแดงใหม่ Terra Rossa จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) ขนาด 7 นิ้ว

All-New-Corolla-Cross-2020

2. สมรรถนะการขับขี่

  • A New Energetic Journey – ให้ชีวิตเดินทาง…ขีดสุดแห่งพลังขับเคลื่อน

เครื่องยนต์ เริ่มต้นด้วยรุ่นเบนซินรหัส 2ZR-FBE ขนาด 1.8 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร (18.05 กก.-ม.) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด CVT-i พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 15.4 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 150 กรัม/กม.

ส่วนรุ่น Hybrid มากับชุดระบบไฮบริดเจเนอเรชั่น 4 ที่พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 98 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร 53 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แพคชนิด Ni-MH (นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์) แบบใหม่ ให้กำลังรวมทั้งระบบ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock และเลือกโหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง EV, Sport และ Eco

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 98 กรัม/กม.

All-New-Corolla-Cross-2020

  • A New Confident Journey – ให้ชีวิตเดินทาง…ควบคุมได้อย่างมั่นใจในทุกเส้นทาง

ด้วยแพลตฟอร์ม TNGA มาใช้ควบคู่กับช่วงล่างแบบคานแข็งที่ได้รับการพัฒนาใหม่ เพื่อปรับช่วงล่างให้มีประสิทธิภาพการเกาะถนนที่ดี แต่ยังนุ่มนวลสะดวกสบายในทุกระดับ เพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวทั้งการขับขี่ทางตรงและในขณะเข้าโค้ง ทำให้การขับขี่ปราดเปรียว มั่นใจ ทัศนวิสัยดีขึ้น

All-New-Corolla-Cross-2020

3. ด้านความสะดวกสบาย

  • A New Convenient Journey – ให้ชีวิตเดินทาง…ความสะดวกสบายทุกเส้นทาง

เน้นประโยชน์ใช้สอยที่โดดเด่นด้วยพื้นที่จุสัมภาระได้มากถึง 487 ลิตร นอกจากนี้ ในส่วนของห้องโดยสาร โดดเด่นด้วยประตูด้านหลังขนาดใหญ่ที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถขึ้นและลงจากรถได้อย่างสะดวกสบาย และยังมีการออกแบบที่ว่างเหนือศีรษะให้สูงพอดี มีความโปร่ง สบาย ไม่อึดอัด

มาพร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิดประตูท้ายแบบ Kick Activated เพิ่มความสะดวกสบายในการเก็บสัมภาระ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone พนักพิงด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา พนักวางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ ช่องระบายอากาศและช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

All-New-Corolla-Cross-2020

4. ด้านความปลอดภัย

  • A New Protected Journey – ให้ชีวิตเดินทาง…มาตรฐานความปลอดภัย

มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense) อาทิ

  • ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System)
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Steering Assist)
  • ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติพร้อมช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (Dynamic Radar Cruise Control with Lane Tracing Assist)
  • ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)
    รวมทั้ง …
  • กล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ (Panoramic View Monitor)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor)
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)
  • ถุงลมเสริมความปลอดภัย ระบบ SRS 7 ตำแหน่ง (Air Bags)

All-New-Corolla-Cross-2020

5. ด้านการเชื่อมต่อ

  • A New Connected Journey – ให้ชีวิตเดินทาง…เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ด้วยความเชื่อมั่น ปลอดภัย ไร้กังวล

สะดวกสบายไปกับหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ T-Connect ที่มาพร้อมคุณสมบัติ 3 อย่างหลักๆ ได้แก่

1. Always located and protect : บริการ Find My Car, ระบบติดตามการโจรกรรม TheftTrack, ระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS และ ระบบกำหนดขอบเขตปลอดภัย หรือ Geo-fencing

2. Telematics CARE : บริการแจ้งเตือนการบำรุงรักษา Maintenance Reminder รวมถึงการนัดหมายออนไลน์, บริการข้อมูลรถและการขับ Vehicle Information, ประกันภัย “ขับดีลดให้” Toyota Care PHYD (Pay How You Drive) ส่วนลดจากการวิเคราะห์ข้อมูลการขับ… หากขับดี ขับปลอดภัย จะมีส่วนลดค่าเบี้ยประกันต่ออายุ ต่อแรก ส่วนลดประวัติดีในปีที่ 2 : 20% พร้อมลดเพิ่มอีกสูงสุด 25%

3. Happiness Mobility : บริการผู้ช่วยส่วนตัว Concierge Services

เพื่อตอบสนอง A New Journey ของทุกคนที่แตกต่างกัน นอกจากรุ่นมาตรฐานแล้ว เรายังมีรุ่นตกแต่ง ณ จุดขาย ที่จะมาเพิ่มความสุขและความสนุกให้มากขึ้น

  • Urban sport style เพิ่มความสปอร์ต ตกแต่งด้วยชุดสปอยเลอร์รอบคัน และคิ้วตกแต่งประตูหลัง
  • Adventure style เพิ่มดีไซน์ให้ดุดัน พร้อมลุยได้ทุกที่ ตอบโจทย์คนที่ชอบการเดินทาง ท่องเที่ยว ตกแต่งด้วยชุดสปอยเลอร์รอบคัน และคิ้วตกแต่งประตูหลัง

โดยลูกค้าสามารถเลือกรูปแบบที่ชอบ โดยจ่ายเพิ่มไม่เกิน 500 บาท ต่อเดือนในยอดการผ่อนชำระรายเดือนเท่านั้น (คำนวณจากการเช่าซื้อนาน 60 เดือน) ซึ่งลูกค้าสามารถติดต่อผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ

All-New-Corolla-Cross-2020

ราคาของ Toyota Corolla Cross ใหม่

ราคารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ

  • รุ่น 1.8 Sport ราคา 989,000 บาท**

ราคาพิเศษ 959,000 บาท (ณ วันเปิดตัว – 30 กันยายน 2563 มีจำนวนจำกัด)

ราคารุ่น Hybrid

  • รุ่น Hybrid Smart ราคา 1,019,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid Premium ราคา 1,089,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid Premium Safety ราคา 1,199,000 บาท**

All-New Toyota Corolla Cross มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ประกอบด้วย

– Metal Stream Metallic – Red  Mica Metallic
– Attitude Black Mica – Celestite Gray Metallic
– Platinum White Pearl* – Nebula Blue
– Graphite Metallic

*สำหรับสีพิเศษ Platinum White Pearl เพิ่ม 10,000 บาท
**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม

สีภายใน 2 สี

  • Terra Rossa (เฉพาะรุ่น Hybrid Premium Safety, Hybrid Premium ที่มีสีภายนอก Attitude Black Mica / Celestite Gray Metallic / Platinum White Pearl)
  • Black

พิเศษสำหรับลูกค้าซื้อ All-New Corolla Cross วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2563

  • เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.85% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care
  • ขยายระยะเวลารับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีค่าแรงเช็กระยะจนถึง 100,000 กม. มูลค่ากว่า 34,000 บาท
  • Toyota Privilege More ข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมเฉพาะลูกค้าโตโยต้า

ส่วนใครที่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของรถยนต์ Toyota Corolla Cross 2020 สักคัน ก็ลองขายรถคันเดิมแล้วเอาเงินไปซื้อ Toyota Corolla Cross มาใช้ดู เพียงลงขายรถคันเดิมง่ายๆ ได้ที่ Link นี้เลย https://th.carro.co/sell-car/express ให้ราคาดี รับเงินไว ปิดการขายได้ใน 24 ชั่วโมง หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand คลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Suzuki-XL7-2020

บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว All-New Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล-7) Multi-Dynamic Crossover อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ชูแนวคิด THINK XL คิดได้เกินคาด ไปได้เกินใคร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิต โดยพัฒนามาจากรุ่น Ertiga ซึ่ง Suzuki XL7 เข้าไทยครั้งนี้ นำเข้าจากอินโดนีเซีย เอาใจชาวไทยที่ชอบรถแนวอเนกประสงค์ มีเพียงรุ่นย่อยเดียว GLX ในราคา 779,000 บาท!

All-New-Suzuki-XL7-2020-1

ด้วยสมรรถนะและฟังก์ชันที่ครบครัน มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต ซึ่ง All-New Suzuki XL7 ได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานได้หลากหลายตามแบบฉบับของรถ Crossover ได้อย่างลงตัว เพื่อให้ทุกการขับขี่เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบในเส้นทางที่หลากหลาย มอบอิสระและตัวตนที่ชัดเจน มุ่งขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทุกความต้องการ โดดเด่นด้วยความคล่องตัว ทั้งการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง โดยมั่นใจว่า All-New Suzuki XL7 คือรถยนต์ที่จะให้ทั้งความสนุก ความท้าทาย และความคุ้มค่าที่สุดในตลาดครอสโอเวอร์ ณ เวลานี้

All-New-Suzuki-XL7-2020

All-New Suzuki XL7 รถครอสโอเวอร์ขนาด 7 ที่นั่ง มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตเข้ม ดุดัน ตอบโจทย์และสะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว ซูซูกิจึงคาดหวังว่า All-New Suzuki XL7 จะเป็นรถครอสโอเวอร์อีกหนึ่งรุ่น ที่เข้ามาสร้างสีสันในตลาดรถยนต์ประเทศไทยให้คึกคักขึ้นได้อย่างแน่นอน”

All-New-Suzuki-XL7-2020

สำหรับไตรมาสแรกของปี 2563 ซูซูกิได้แนะนำรถยนต์จำนวน 2 รุ่น ประกอบด้วย New Suzuki Ciaz “สัมผัสใหม่ สบายทุกมิติ” สปอร์ตอีโคซีดาน สมบูรณ์แบบทั้งดีไซน์และสมรรถนะ และ New Suzuki Ertiga “จุดประกายอีกขั้นของชีวิต” หรือ “SPARK IT UP” ที่เพิ่มฟีเจอร์ความสะดวกสบายให้รถยนต์อเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่ง เป็นรถยนต์สำหรับคนรุ่นใหม่ จึงส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายที่สวนทางกับตลาดโดยรวมด้วยจำนวน 6,529 คัน เพิ่มขึ้น 15.11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

All-New-Suzuki-XL7-2020

อย่างไรก็ตาม แม้ปีนี้จะเป็นปีแห่งความท้าทาย อันเนื่องมาจากผลกระทบจากวิกฤตไวรัส COVID-19 แต่ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เล็งเห็นว่ารถยนต์ประเภทครอสโอเวอร์ เป็นหนึ่งกลุ่มที่มีลูกค้าให้ความสนใจเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซูซูกิจึงภูมิใจที่จะนำเสนอรถรุ่นใหม่ล่าสุด All-New Suzuki XL7, Multi-Dynamic Crossover เพื่อมาเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ทุกท่านได้ THINK XL คิดได้เกินคาด ไปได้เกินใคร

All-New-Suzuki-XL7-2020

All-New Suzuki XL7 ผ่านการคิดค้นและออกแบบเพื่อต้องการให้ผู้ใช้งานได้รับความคุ้มค่าและครบครันมากกว่าใคร มิติของตัวรถถูกออกแบบให้มีความสูงขึ้นเพื่อให้สามารถเดินทางไปได้หลากหลายเส้นทางเหมาะกับสภาพถนนเมืองไทย แต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะการขับขี่ที่นุ่มนวล พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก รวมไปถึงอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย มีมาให้อย่างครบครัน

All-New-Suzuki-XL7-2020

All-New-Suzuki-XL7-2020

โดย All-New Suzuki XL7 มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส K15B แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เป็นที่คุ้นเคยกันดีจากในรุ่น Ertiga

All-New-Suzuki-XL7-2020

All-New Suzuki XL7, Multi-Dynamic Crossover มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีส้ม Rising Orange Pearl Metallic (ZZY), สีเทา Metallic Magma Gray (ZYZ), สีขาว Pearl Snow White (ZQZ) และสีดำ Cool Black Metallic (ZBD)

All-New-Suzuki-XL7-2020

ซูซูกิพร้อมจะมอบสุดยอดความคุ้มค่าให้ผู้ที่สนใจได้เป็นเจ้าของ All-New Suzuki XL7 ได้ง่ายยิ่งขึ้นกับราคาพิเศษในช่วงแนะนำที่ 779,000 บาท (สีขาวเพิ่ม 5,000 บาท) พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษสุดเริ่มต้นเพียง 1.89%”

All-New-Suzuki-XL7-2020

อีกทั้ง ซูซูกิจัดให้มีกิจกรรมเปิดตัว All-New Suzuki XL7 ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิในวันที่ 4-5 กรกฎาคม 2563 เชิญร่วมสัมผัสและทดลองขับ All-New Suzuki XL7 พร้อมรับของที่ระลึกบัตรชมภาพยนตร์ 2 ที่นั่ง ทันที! โดยสามารถติดต่อสำรองการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิใกล้บ้านทั่วประเทศ

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้จ่าย หรือซื้อ Suzuki XL7 ใหม่ สามารถขายรถคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

New-Car-Promotion-Motorshow-2020
Carro-New-Car-In-Motorshow-2020

Motor Show 2020 หรือ The 41th Bangkok International Motor Show 2020 ภายใต้แนวคิด “แรงบันดาลใจ” หรือ “Inspiration Unlocks The Future” พร้อมนำรถรุ่นใหม่มาโชว์ให้ดูกันอย่างเต็มอิ่ม ในมาตรฐานการจัดงานตามรูปแบบวิถีชีวิตใหม่-New Normal วางมาตรการคัดกรองผู้เข้าชมงานอย่างเคร่งครัดตามข้อกำหนดของรัฐบาล มั่นใจ ปลอดภัยไร้กังวลจากโควิด-19 แน่นอน

โดยงานมอเตอร์โชว์ 2020 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 26 กรกฏาคม 2563 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

CARRO ขอนำเสนอรถยนต์ใหม่ๆ ที่เตรียมเปิดตัวก่อนและในงาน Motor Show 2020 โดยนับจากในเดือนเมษายน ถึงกรกฎาคมนี้ บริษัทรถยนต์หลายค่าย ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ กันไปหลากหลายรุ่นแล้ว CARRO ขอแนะนำให้ทุกท่านได้ทราบข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ครับผม …

All-New-Corolla-Cross-2020

Toyota Corolla Cross

Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) นับได้ว่าเป็นรถ SUV Crossover เปิดตัวในไทยเป็นที่แรกของโลก ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “ความกะทัดรัดที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย” (Compact yet Comfortable) และ “ความล้ำสมัยที่สะท้อนตัวตนของความภูมิฐานสำหรับชีวิตในเมือง” (Dignity Urban Vogue) และรุ่นนี้ยังมีการส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย

ตัวรถภายนอกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว หรูหราแข็งแกร่ง มาพร้อมหลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า ราวหลังคา ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

ส่วนห้องโดยสารภายในใช้โทนสีแดงใหม่ Terra Rossa มีจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) ขนาด 7 นิ้ว เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone พนักพิงด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา พนักวางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ ช่องระบายอากาศและช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิดประตูท้ายแบบ Kick Activated และระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense)

เครื่องยนต์ เริ่มต้นด้วยรุ่นเบนซินรหัส 2ZR-FBE ขนาด 1.8 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร (18.05 กก.-ม.) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด CVT-i พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 15.4 กม./ลิตร

ส่วนรุ่น Hybrid มากับชุดระบบไฮบริดเจเนอเรชั่น 4 ที่พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 98 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร 53 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แพคชนิด Ni-MH (นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์) แบบใหม่ ให้กำลังรวมทั้งระบบ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock และเลือกโหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง EV, Sport และ Eco อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร

ทั้งหมดนี้ มีให้เลือกใน 4 รุ่นย่อย ในราคา 989,000 – 1,199,000 บาท

Nissan-Kicks-ePower-2020

Nissan Kicks e-Power

Nissan Kicks e-POWER (นิสสัน คิกส์) แม้ว่าจะโดนกระแสต่อว่าจากลูกค้าอย่างมาก ว่ารถยังไม่พร้อมขายแต่รีบเปิดตัว แถมยังไม่มีให้ทดสอบอีก แต่ก็สร้างความตื่นเต้นกับผู้ที่รอคอยได้มากพอสมควร กับรถ Crossover ไฮบริด ที่ใช้จุดเด่นอย่างการใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไปปั่นกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน และจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าให้ขับเคลื่อนรถยนต์อีกที ซึ่งเป็นหลักการที่คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV : Battery Electric Vehicle) แต่ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เหมาะกับการขับรถทางไกล

ขุมพลังหลักคือเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร ขนาด 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 79 แรงม้า ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)

จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor รหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (95 กิโลวัตต์) หากรวมพลังทั้งหมด ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะให้แรงม้าสูงถึง 129 แรงม้า

นอกจากนี้ ห้องโดยสารภายใน โดดเด่นด้วยการใช้สีทูโทนดำ – ส้ม ด้วยแผงคอนโซล และเบาะหนัง พร้อมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับหน้าจอเครื่องเสียง ผ่าน Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigation System ผ่าน Google Map กับระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition ที่ใช้งานง่าย แถมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมากถึง 432 ลิตร และยังมีความลึกของห้องเก็บสัมภาระที่มากถึง 900 มม. โดยที่ยังไม่พับเบาะหลัง

ทั้งหมดนี้ มาในราคา 889,000 – 1,049,000 บาท! 

New-Honda-CR-V-2020

Honda CR-V

Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์-วี) ใหม่ เปิดตัวในไทยที่งาน Motor Show เป็นประเทศแรกของภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ด้วยดีไซน์ภายนอกยังสปอร์ตหรูหราและความแข็งแกร่งในทุกมิติ พรีเมียมขึ้นด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบ Panorama และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential

เสริมความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) และนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ครบครันด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายล้ำสมัยระดับพรีเมียม

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง มาพร้อมขุมพลังการขับเคลื่อนทั้งเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO 160 แรงม้า และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC 173 แรงม้า และมาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก ในราคา 1,369,000 – 1,759,000 บาท

All-New-Mazda-CX-30-2020

Mazda CX-30

Mazda CX-30 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-30) ออกแบบภายใต้แนวคิด Kodo: Soul of Motion เป็นรถที่ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mazda3 เพิ่มทางเลือกระหว่างรุ่น CX-3 และ CX-5 โดย CX-30 ยังเป็นรถที่ได้รางวัล 1 ใน 3 รถยนต์ยอดเยี่ยมของโลกปี 2020 มั่นใจได้ทั้งคุณภาพและการชับขี่ ภายในนั่งกันได้ 4 คนสบายๆ เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง หรือชอบที่ชื่นชอบรถ SUV แนวสปอร์ต

ห้องโดยสารภายใน ครบทุกความสะดวกสบาย เริ่มตั้งแต่มาตรวัดแบบดิจิทัลแบบจอ TFT LCD ขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบ Head-up Display แบบสีบนกระจกหน้า มีระบบอินโฟเทนเมนท์ และระบบเชื่อมต่อ Mazda Connect ทำงานผ่านจอกว้างขนาด 8.8 นิ้ว รองรับการแสดงผลระบบกล้อง 360° View Monitor รวมถึงฟังก์ชั่น Apple CarPlay ที่สามารถควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ด้วยปุ่ม Center Commander ที่บริเวณฐานเกียร์ได้ และชุดเครื่องเสียง Bose พร้อมลำโพง 12 ตัว

มาพร้อมขุมพลังเบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว SkyActiv-G ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.4 กม./ลิตร และสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้

ที่กล่าวมานี้ ราคาอยู่ที่ 989,000 – 1,199,000 บาท!

All-New-Suzuki-XL7-2020-1

Suzuki XL7

Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7) Multi-Dynamic Crossover ที่ชื่อรุ่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกันกับ Suzuki Vitara XL7 ที่ทาง Suzuki เคยขายในไทยมาก่อนเลย ชูแนวคิด THINK XL คิดได้เกินคาด ไปได้เกินใคร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิต บนพื้นฐานของ HEARTECT Platform ร่วมกับรุ่น Ertiga ด้วยสมรรถนะและฟังก์ชันที่ครบครัน

มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต ออกแบบให้มีความสูงขึ้น ใช้ไฟหน้า LED ปรับระดับองศาของไฟต่ำได้ พร้อม ไฟ Daytime Running Light และล้ออัลลอยแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว มีราวหลังคา และไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรคแนวตั้งแบบ Light guides

ที่มาของ XL7 ซึ่งก็หมายถึงรุ่นนี้มี 7 ที่นั่งนั่นเอง ภายในตกแต่งวัสดุด้วยลาย Carbon Fiber พร้อมคิ้วโครเมียม พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape, มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงผลข้อมูลการขับขี่ จอแสดงผลระบบอินโฟฯ แบบทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว ระบบปรับอากาศด้านหน้าแบบอัตโนมัติ พร้อมแอร์เบาะแถว 2 และแถว 3 ซึ่งเบาะแถว 2 สามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ปรับเลื่อนได้ 240 มม. ช่วยให้เข้า-ออกเบาะแถว 3 ง่ายขึ้นและเบาะแถว 3 ปรับพับได้แบบ 50:50

ขุมพลังแบบ K15B เหมือนในรุ่น Ertiga ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า ในราคา 779,000 บาท

New-Toyota-Hilux-Revo-Pre-Runner-2020

Toyota Hilux Revo

Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) ปรับโฉมยกใหญ่ต้อนรับปี 2020 ทุกรุ่นย่อย! เริ่มด้วยไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Bi-Beam + ไฟ LED Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED Light Guiding ส่วนรุ่น Rocco จะมีปรับกระจังหน้าและกันชนใหม่ เพิ่มสปอร์ตบาร์ ล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษ พร้อมยางแบบ White Letters (ตัวหนังสือสีขาว)

ส่วนภายในใช้มาตรวัดใหม่ ปรับจอแสดงผลระบบ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay ส่วนระบบเชื่อมต่อ T-Connect ในทุกรุ่น และช่วงล่าง Super Flex Suspension ที่ปรับปรุงและพัฒนาใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของการดูดซับแรงกระแทกของโช๊คอัพ และเปลี่ยนวัสดุของแหนบ พร้อมระบบบังคับเลี้ยวแบบ VFC (Variable Flow Control) ปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้เหมาะสมในทุกช่วงความเร็ว

ด้านเครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่ในทุกเครื่องยนต์ ทั้งในขนาด 2.4 ลิตร และขนาด 2.8 ลิตร GD Super Power (เจนเนอเรชั่น 2) แรงม้าสูงสุดขึ้นมาเป็น 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น Off-Road เครื่องยนต์มีการปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบ/นาที เป็น 680 รอบ/นาที) พร้อมทั้งพัฒนาประสิทธิภาพการขับขี่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) สามารถลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง

ทั้งหมดนี้ มีให้เลือกตั้งแต่รุ่นมาตรฐาน, รุ่น Z-Edition, รุ่น Prerunner, รุ่น 4WD และ Rocco ในราคา 544,000 – 1,239,000 บาท 

New-Toyota-Fortuner-Legender-2020

Toyota Fortuner

Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) ปรับโฉมยกใหญ่ต้อนรับปี 2020 ทุกรุ่นย่อย! บวกกับเพิ่มรุ่นพิเศษใหม่ “Legender” ด้วยกระจังหน้าใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมแถบกันชนล่างสีเงิน ไฟหน้า DayTime Running Light แบบ Light Guiding ดีไซน์ใหม่ และปรับชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่เป็นแบบ LED พร้อมกับ Light Guiding กับล้ออัลลอย 18 นิ้วดีไซน์ใหม่

ส่วนภายในใช้มาตรวัดใหม่ ปรับจอแสดงผลระบบ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay ส่วนระบบเชื่อมต่อ T-Connect ในทุกรุ่น มีกล้องมองภาพรอบคันพร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ พร้อมระบบ Activated Kick Door เปิดประตูหลังได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสตัวรถ

และช่วงล่าง Super Flex Suspension ที่ปรับปรุงและพัฒนาใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของการดูดซับแรงกระแทกของโช๊คอัพ และเปลี่ยนวัสดุของแหนบ พร้อมระบบบังคับเลี้ยวแบบ VFC (Variable Flow Control) ปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้เหมาะสมในทุกช่วงความเร็ว

ด้านเครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่ในรุ่นเครื่องยนต์ ขนาด 2.8 ลิตร GD Super Power (เจนเนอเรชั่น 2) แรงม้าสูงสุดขึเนมาเป็น 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น Off-Road เครื่องยนต์มีการปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบ/นาที เป็น 680 รอบ/นาที) พร้อมทั้งพัฒนาประสิทธิภาพการขับขี่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) สามารถลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง และยังเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense อีกด้วย ในราคา 1,564,000 – 1,839,000 บาท

Lexus-LM

Lexus LM

The All-New Lexus LM (เลกซัส แอลเอ็ม) New Space for Luxury ที่สุดแห่งยนตรกรรมหรูระดับผู้นำ (แต่ชื่อชวนนึกถึงบุหรี่ยี่ห้อหนึ่ง) เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ด้วยแนวคิดการออกแบบ 3 องค์ประกอบหลัก คือ 1) การออกแบบด้านนวัตกรรมล้ำสมัย (Lexus Innovation) 2) ความประณีตของชิ้นงาน (Craftsmanship) และ 3) วัฒนธรรมการต้อนรับและดูแลเอาใจใส่แบบ Omotenashi ของญี่ปุ่น ถูกรังสรรค์ภายใต้แนวคิด “Mobile Private Lounge”

โดดเด่นด้วยกระจังหน้า Spindle Grille ขนาดใหญ่ กับไฟหน้า LED แบบ 3-Eye ไฟท้าย LED ลากยาวตลอดความกว้างของรถเสริมให้ตัวรถดูกว้างและมั่นคง และไฟเลี้ยวแบบ Sequential Turning Lamps

ส่วนภายในนำนำนวัตกรรมเบาะนั่งโฟมยูรีเทน AdaptiPedic โดย Woodbridge มาใช้เป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งจะช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวถนนอีกชั้นหนึ่ง นอกจากนี้ Lexus LM ยังมาพร้อมกับสุดยอดเครื่องเสียงจาก Mark Levinson กับหน้าจอขนาดใหญ่บน Partition พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่ครบครัน

อีกทั้งยังใช้ขุมพลังขนาด 2.5 ลิตร Hybrid ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม รหัส 2AR-FXE 152 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 206 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Motor ด้านหน้า 105 แรงม้า และด้านหลัง 50 แรงม้า รวมกำลังทั้งระบบ 197 แรงม้า อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 15.6 กม./ลิตร ในราคา 5,500,000 – 6,500,000 บาท!

Porsche-Taycan

Porsche Taycan

Porsche Taycan (ปอร์เช่ ไทคานน์) ใหม่ สุดยอดยนตรกรรมสปอร์ตซาลูน 4 ประตู ที่ได้รับการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์ เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และคงไว้ซึ่งงานออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ปอร์เช่

Porsche Taycan Turbo S มาพร้อมกับพละกำลังสูงสุด 761 แรงม้า ให้อัตราเร่งออกตัวจาก 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลาเพียง 2.8 วินาที

Porsche Taycan Turbo มาพร้อมพละกำลังสูงสุด 680 แรงม้า ให้อัตราเร่งออกตัวจาก 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 3.2 วินาที ทั้ง 2 รุ่นนี้ยังสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ได้ถึง 260 กม./ชม.

สำหรับในรุ่น Taycan 4 S ที่ติดตั้ง Performance Battery Plus ให้พละกำลังสูงสุด 571 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 4.0 วินาที พร้อมทะยานทะลุความเร็วสูงสุดกว่า 250 กม./ชม.

ปอร์เช่ ไทคานน์ ใหม่ ราคาเริ่มต้น 7.1 ล้านบาท

Maserati-Levante-Trofeo-Launch-Edition

Maserati Levante Trofeo Launch Edition

Maserati Levante Trofeo Launch Edition (มาเซราติ เลอวานเต้) รุ่นพิเศษ คันเดียวในไทยเท่านั้น! จาก 100 คันทั่วโลก เอาใจคนชอบรถ SUV พลังสูง มาพร้อมตัวรถสีพิเศษเฉพาะตัว น้ำเงินด้าน Blu Emozione Matte ติดตั้งชุดแต่ง Nerissimo Package ชุดไฟหน้า Full Matrix LED กระจังหน้าตกแต่งด้วยสีดำ Piano Black ช่องดักลมแบบตาข่ายและออกแบบใหม่ ฝากระโปรงหน้าแบบคาร์บอนไฟเบอร์ เป็นต้น

ส่วนห้องโดยสารตกแต่งด้วยชุดคาร์บอนไฟเบอร์ ผิวด้าน พร้อมเบาะหนังแท้ Pieno Fiore เลือกสีได้ระหว่าง ดำ, แดง หรือน้ำตาลอ่อน เดินตะเข็บด้วยด้ายสีต่าง ปักโลโก้ Trofeo ตรงที่พิงศีรษะ มีแผ่นโลหะระบุลำดับการผลิต 1 Of 100 ที่คอนโซลกลาง และชุดเครื่องเสียงพรีเมียม ระบบเสียงของ Bowers & Wilkins พร้อมลำโพง 17 ตำแหน่ง เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 ขนาด 3.8 ลิตร Twin Turbo ปรับแต่งฝาสูบ เสื้อสูบ และสมองกลให้รองรับความแรงที่เพิ่มขึ้น ให้แรงม้าสูงสุด 580 แรงม้า 730 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด บนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Q4 all-wheel drive ทำความเร็วได้สูงสุด 300 กม./ชม.

Maserati Levante Trofeo Launch Edition ราคา 20,490,000 บาท ถ้าหากรวม PMP (Premium Maintenance Program) จำนวน 500,000 บาท เข้าไปด้วยก็จะอยู่ที่ 20,999,000 บาท

Rolls-Royce-Cullinan-Black-Badge

Rolls-Royce Cullinan Black Badge

Rolls-Royce Cullinan Black Badge (โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน แบล็ค เบดจ์) ราชาของรถ SUV คงต้องยกให้กับเจ้านี้ และยังเป็นรุ่นพิเศษ “The King of the Night” ของตระกูล Black Badge เปิดตัวเป็นลำดับที่ 3 ในประเทศไทย ต่อจาก Wraith Black Badge ในปี 2559 และ Ghost Black Badge ในปี 2560

โดยสีของตัวรถพ่นอย่างประณีตหลายชั้น มีการขัดด้วยมือถึง 10 รอบ เสริมด้วยการวาดเส้น หรือ Coachline ด้วยมือจากโรงงานที่อังกฤษ พร้อม สัญลักษณ์ Spirit of Ecstasy แบบโครเมียมรมดำ ตราสัญลักษณ์ RR สีเงินบนพื้นดำ และส่วนประกอบอื่นๆ พ่นด้วยสีเข้ม

ส่วนภายในก็หรูหราอยู่แล้ว ตกแต่งโดยทีมผู้เชี่ยวชาญแผนก Colour and Trim พวกเขาเลือกใช้วัสดุใหม่ๆ ผสานเข้ากับงานฝีมือ แนวคิดนี้ถูกปรับใช้อย่างลงตัวบนแผงวีเนียร์เทคนิคัลคาร์บอน ที่ผลิตขึ้นตามปรัชญาของ Sir Frederick Henry Royce ที่ว่า “หากสิ่งใดไม่มีอยู่ จงออกแบบมันขึ้นมา” ชิ้นส่วนเทคนิคัลคาร์บอน 23 ชิ้น เคลือบแลคเกอร์ 6 ชั้น พักเอาไว้ 72 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำมาขัดด้วยมือจนเรียบเนียนเหมือนกระจก ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลา 21 วัน และผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยช่างฝีมือ

และอีกจุดเด่นอย่างหลังคา Starlight Headliner พื้นเป็นหนังแท้สีดำ โดยมีแสงสว่างจากเส้นไยไฟเบอร์ออพติคที่ร้อยด้วยมือถึง 1,344 จุด เสริมด้วยลูกเล่นเป็นดาวตกสีขาว 8 ดวง พุ่งพาดผ่านเพดานหลายทิศทาง รวมถึงบริเวณเพดานเหนือเบาะคู่หน้า

ขุมพลังเป็นแบบเบนซิน V12 ความจุ 6.75 ลิตรที่ Twin Turbo แรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 592 แรงม้า (เพิ่มขึ้น 29 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 900 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 8 สปีด ควบคุมการทำงานด้วยดาวเทียม (Satellite Aided Transmission) ช่วงล่างถุงลมที่นุ่มนวลดุจพรมวิเศษ (Magic Carpet Ride) และระบบขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ในราคา 37,800,000 บาท!!!

Aston-Martin-DBX

Aston Martin DBX

Aston Martin DBX (แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอ็กซ์) คือ Crossover SUV ระดับหรู 5 ที่นั่ง รุ่นแรกของ Aston Martin ที่พัฒนามาจากรถต้นแบบ Aston Martin DBX Concept ตั้งแต่ปี 2015 ยังคงความเป็นสไตล์ Aston Martin เอาไว้อย่างครบครัน โดดเด่นด้วย Logo Aston Martin ที่ผลิตด้วยมือจากผู้ผลิตจิวเวลรี่ที่มีความชำนาญกว่า 200 ปี พร้อมกับประตูแบบ Wrap Around และไร้ขอบกระจก และล้อแม็กขนาด 22 นิ้ว

ห้องโดยสารหรูหราด้วยวัสดุอลูมิเนียมและหนังแท้ Full Natural Grain “Caithness” หลังคาแบบ Panoramic Sunroof คอนโซลกลางแบบยาวพร้อมที่วางแขน มีชุดไฟ Ambient ในห้องโดยสารเลือกได้ 64 เฉดสี ใช้มาตรวัดแบบจอขนาด 12.3 นิ้ว ส่วนจอทัชสกรีนตรงส่วนกลางขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมแสดงผลกล้องจำลองภาพ 360 องศา พร้อมเบาะปรับได้แบบ 40:20:40 กับพื้นที่บรรทุกสัมภาระ 632 ลิตร และเนื้อพื้นที่เพิ่มเติมอีก 62 ลิตรใต้พื้นห้องบรรทุกสัมภาระ

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร Twin Turbo พร้อมระบบ Cylinder Deactivation หยุดการทำงานของบางสูบในบางจังหวะเพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน ให้แรงม้าสูงสุด 550 แรงม้า 700 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Shift By Wire ทำความเร็วได้สูงสุด 291 กม./ชม. ในราคา 19,900,000 บาท!

Jaguar-F-Type

Jaguar F-Type

Jaguar F-Type (จากัวร์ เอฟไทป์) เปิดตัวรุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งยังมีให้เลือกระหว่าง F-Type Coupé หรือ F-Type Convertible เช่นเคย

สำหรับตัวรถภายนอกมาพร้อมชุดไฟหน้า LED แบบ Pixel ชุดไฟท้าย LED ทรง “Chicane” แบบเดียวกับใน Jaguar I-Pace พร้อมระบบเสียงสังเคราะห์ Active Exhaust System เพิ่มความดุดันของเสียงท่อไอเสีย ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ V8 มีเพิ่มระบบ Quiet Start ช่วยลดเสียงรบกวนคนรอบข้างเวลาสตาร์ทเครื่องยนต์

ห้องโดยสารภายในยังคงความเป็นสปอร์ตหรูหรา มี มาตรวัดแบบดิจิทัลแบบจอขนาด 12.3 นิ่ว พร้อมระบบ Head-Up Display พ่วงชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ InControl เวอร์ชั่น Touch Pro บนจอทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว และใช้ชุดเครื่องเสียงจาก Meridian

ส่วนเครื่องยนต์มี 2 แบบ เริ่มด้วยแบบเบนซินตระกูล Ingenium ขนาด 2.0 ลิตร Turbo 300 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง และเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 5.0 ลิตร Supercharged 575 แรงม้า ขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทั้งสองแบบ

ในราคาเริ่มต้น 6,400,000 – 13,000,000 บาท!

Land-Rover-Defender

Land Rover Defender

Land Rover Defender (แลนด์โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์) ตำนาน SUV จอมลุยชื่อดังของโลก ที่เป็นโฉมใหม่หมดจรดจริงๆ ในรหัสตัวถัง L663 ซึ่งพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์มอลูมิเนียมน้ำหนักเบา D-Series ของ Jaguar & Land Rover ยังคงมีให้เลือกทั้งแบบ 3 ประตู ฐานล้อ 90 นิ้ว และ 5 ประตู ฐานล้อ 110 นิ้ว เช่นเคย

ตัวรถภายนอก และห้องโดยสารภายในออกแบบใหม่หมด แต่ก็ยังคงกลิ่นอายของ Defender รุ่นเก่าในตำนานเอาไว้ มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยให้ขับขี่อย่างปลอดภัยอย่าง ADAS (Advanced Driver-Assistance Systems) ที่มีระบบความปลอดภัยมากมาย

ในบ้านเรามีให้เลือกกันทุกแบบ เช่นเดียวกับเวอร์ชั่นตลาดโลก นับตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รหัส P300 Twin-Scroll Turbo 300 แรงม้า, รหัส P400 Twin-Scroll Turbo พร้อมชุดระบบเสริมกำลังแบบ Mild-Hybrid 400 แรงม้า

และเครื่องยนต์ดีเซล ตระกูล Ingenium แบบเดียวกับของ Jaguar รหัส D200 ขนาด 2.0 ลิตร Twin Turbo 200 แรงม้า และรหัส D240 ขนาด 2.0 ลิตร Twin Turbo 240 แรงม้า ทุกรุ่นส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF พร้อมเกียร์สโลว์

Defender 90 ราคาเริ่มต้น 5,400,000 บาท ส่วน Defender 110 ราคาเริ่มต้น 5,800,000 บาท

จะมีรุ่นไหนถูกตาถูกใจคุณผู้ชมบ้าง ก็ลองไปเดินดูตัวจริงที่งานได้ แต่ถ้าอยากขายรถคันเดิมของคุณ ก็มาใช้บริการที่ CARRO นะครับ

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปซื้อรถใหม่ ง่ายๆ เพียงขายรถคันเก่ากับ CARRO Express ได้เงินไว! เร็ว! พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

Thailand-Monthly-Car-Sales-Volume

สถิติการขายรถยนต์เดือนพฤษภาคม สามารถสร้างยอดขาย 40,418 คัน ลดลง 54.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 65.1% และตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 47.4% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา

จะเห็นได้ว่า สถานการณ์การขายของเดือนพฤษภาคม มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าเดือนเมษายนที่ผ่านมา สืบเนื่องจากรัฐบาลได้ทยอยประกาศผ่อนปรนมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้บางธุรกิจที่ได้รับการผ่อนปรนเริ่มทยอยกลับมาดำเนินงาน ซึ่งส่งผลในเชิงบวกให้กับตลาดรถยนต์

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ยังคงอยู่ในช่วงของการค่อยๆ ฟื้นตัว ทำให้ผู้บริโภคยังระวังเรื่องใช้จ่ายอยู่ รวมถึงภาครัฐฯต้องออกมาตรการดูแลและเยียวยาเพื่อช่วยเหลือประชาชน และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ด้วย ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ที่ไทยที่เดียว แต่เป็นเหมือนกันทั้งโลก

ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 5 เดือน มีปริมาณการขาย 270,591 คัน ลดลง 38.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 42.2% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 35.6%

ส่วนในเดือนมิถุนายน 2563 จากการที่ภาครัฐฯ ได้ผ่อนคลายให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการได้ในระยะที่ 3 และไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศ กับได้มีการคลายล็อกระยะที่ 4 มีผลบังคับใช้วันที่ 15 มิถุนายน โดยให้กิจการและกิจกรรมอีกหลายประเภท กลับมาดำเนินธุรกิจได้ภายใต้มาตรการที่ภาครัฐกำหนด เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ แนวโน้มของตลาดรถยนต์ในเดือนมิถุนายน น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤษภาคม 2563

1.     ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 40,418 คัน ลดลง 54.1%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 13,611 คัน ลดลง 53.7% ส่วนแบ่งตลาด 33.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ
10,130 คัน ลดลง 35.3% ส่วนแบ่งตลาด 25.1%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 4,178 คัน ลดลง 62.8% ส่วนแบ่งตลาด  10.3%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 11,733  คัน ลดลง 65.1%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 3,557 คัน ลดลง 62.9% ส่วนแบ่งตลาด 30.3%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 3,514 คัน ลดลง 59.2% ส่วนแบ่งตลาด 29.9%
อันดับที่ 3 ซูซูกิ 1,218 คัน ลดลง 37.3% ส่วนแบ่งตลาด 10.4%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 28,685 คัน ลดลง 47.4%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 10,130 คัน ลดลง 35.3% ส่วนแบ่งตลาด 35.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 10,054 คัน ลดลง 49.2% ส่วนแบ่งตลาด 35.0%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,823 คัน ลดลง 50.9% ส่วนแบ่งตลาด  6.4%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน*  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 23,137 คัน ลดลง 47.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 9,318 คัน ลดลง 34.7% ส่วนแบ่งตลาด 40.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 9,138 คัน ลดลง 48.2% ส่วนแบ่งตลาด 39.5%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 1,823 คัน ลดลง 50.9% ส่วนแบ่งตลาด 7.9%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 2,570 คัน
โตโยต้า 1,308 คัน- มิตซูบิชิ 420 คัน – อีซูซุ 363 – คัน- ฟอร์ด 277 คัน – นิสสัน 181 คัน – เชฟโรเลต 21 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 20,567 คัน ลดลง 46.8%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 8,955 คัน ลดลง 32.5% ส่วนแบ่งตลาด 43.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,830 คัน ลดลง 48.4% ส่วนแบ่งตลาด 38.1%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 1,403 คัน ลดลง 48.2% ส่วนแบ่งตลาด 6.8%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2563

1.  ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 270,591 คัน ลดลง 38.2%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
80,856 คัน ลดลง 43.3% ส่วนแบ่งตลาด 29.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 59,393 คัน ลดลง 21.8% ส่วนแบ่งตลาด 21.9%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
35,504 คัน ลดลง 32.4% ส่วนแบ่งตลาด 13.1%

2.  ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 98,948 คัน ลดลง 42.2%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 29,702 คัน ลดลง 25.3% ส่วนแบ่งตลาด 30.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
25,124 คัน ลดลง 50.4% ส่วนแบ่งตลาด 25.4%
อันดับที่ 3 นิสสัน
10,908 คัน ลดลง 34.5% ส่วนแบ่งตลาด 11.0%

3.  ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 171,643 คัน ลดลง 35.6%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
59,393 คัน ลดลง 21.8% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
55,732 คัน ลดลง 39.4% ส่วนแบ่งตลาด 32.5%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
12,854 คัน ลดลง 39.5% ส่วนแบ่งตลาด 7.5%

4.  ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 136,833 คัน ลดลง 37.2%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
55,205 คัน ลดลง 21.3% ส่วนแบ่งตลาด 40.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
48,890 คัน ลดลง 40.4% ส่วนแบ่งตลาด 35.7%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
12,854 คัน ลดลง 39.5% ส่วนแบ่งตลาด 9.4%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 13,985 คัน
โตโยต้า 5,381 คัน – มิตซูบิชิ 3,265 คัน – อีซูซุ 2,448 คัน – ฟอร์ด 1,786 คัน – นิสสัน 495 คัน –เชฟโรเลต 610 คัน

5.  ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 122,848 คัน ลดลง 35.4%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
52,757 คัน ลดลง 19.2% ส่วนแบ่งตลาด 42.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
43,509 คัน ลดลง 37.8% ส่วนแบ่งตลาด 35.4%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
9,589 คัน ลดลง 38.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.8%
ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในยุคโควิด-19 ระบาด สามารถขายคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

Covid-19-Motivate-Electric-Car-Growth-Up-In-Thailand

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ร่วมกับ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ฯ จัดเสวนาออนไลน์เรื่อง “แนวโน้มและการปรับตัวอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย หลังวิกฤต โควิด-19” เพื่อนำเสนอมุมมองของผู้ผลิต จากผู้บริหารค่ายรถชั้นนำ ซึ่งต่างนำเสนอเป็นเสียงเดียวกันว่า ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย หลังจากหมดโควิด-19 จะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้น จึงต้องการให้รัฐบาลหันมาสนับสนุน

ในการสัมมนา มี ดร.ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ, กฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย, สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) และสรรเพชญ ตั้งเสาวภาคย์ รองประธานสายงานวางแผนองค์กรและกลยุทธ์การตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นวิทยากร

ภายในการสัมมนาออนไลน์ครั้งนี้ ทาง ดร.ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เผยว่า ไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น มีสิ่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน นั่นคือ ปัญหาฝุ่น PM2.5 หายไป ส่วนหนึ่งมารถที่หายจากท้องถนนไปเยอะ

ซึ่งทำให้เห็นชัดเจนว่า รถยนต์ไฟฟ้ามีความสำคัญ ที่จะมาแก้ปัญหามลพิษบนท้องถนนของประเทศไทยในอย่างถาวร โดยอยากให้ประชาชนร่วมมือสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น เพื่อรักษามลภาวะสิ่งแวดล้อม

MINE-SPA1-2019

ด้าน สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เผยว่า หากภาครัฐมีการส่งเสริมการลงทุนที่ชัดเจน จะทำให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ ลงทุนกับรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมากขึ้น ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจตอนนี้ยังไม่ดีนัก ค่ายรถยนต์จึงจำเป็นต้องปรับการผลิต ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะช้าหรือเร็วคงต้องรอดูต่อไป

อีกทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างมากในช่วง COVID-19 หรือฝุ่น PM2.5 ลดลง ปัจจัยเหล่านี้เป็นมุมที่สะท้อนให้คนเร่งหันไปใช้พลังงานสะอาด หรือพลังงานไฟฟ้าในระยะยาวมากขึ้น

BMW-i8

ด้าน กฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่า เมื่อผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปแล้ว จะช่วยเร่งการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น เนื่องจากค่ายรถยนต์ต่างมีเทคโนโลยี มีกลยุทธ์ใหม่ๆ ประกอบกับระบบสาธารณูปโภคในไทยที่เริ่มรองรับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

โดยสิ่งที่จะกระตุ้นตลาดในไทยก็คือความต้องการซื้อ ภาครัฐต้องสร้างแรงจูงใจ เช่น การส่งเสริมการลดภาษีฯ การเพิ่มที่ชาร์จไฟฟ้าสาธารณะให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสถานีชาร์จประมาณ 500 สถานี 700 หัวจ่าย พร้อมทั้งขยายโมเดลรถยนต์ไฟฟ้า ไปยังระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถเมล์ เพื่อช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมทั้งหมด

Nissan-Leaf-2019

ขณะที่ สรรเพชญ ตั้งเสาวภาคย์ รองประธานสายงานวางแผนองค์กรและกลยุทธ์การตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ขณะนี้ Nissam (นิสสัน) ในประเทศญี่ปุ่นเองก็ยังไม่มีนโยบายชัดเจนว่า ญี่ปุ่นจะปรับตัวมีรถยนต์ไฟฟ้า 100 % เมื่อไร แต่ทาง Nissan มีเทคโนโลยี และมีรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ต้นแบบมานานแล้ว

อ่านเพิ่มเติม : Nissan Hypermini : รถ EV ของเล่นคนรวยรักษ์โลก ในยุค 2000

ซึ่งในประเทศไทย Nissan ขอนำเสนอระบบ e-Power ไปก่อน จนกว่ารัฐจะมีความชัดเจนในการสนับสนุนให้เกิดรถ BEV

ส่วนใครที่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน ก็ลองขายรถคันเดิมแล้วเอาเงินไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ดู เพียงลงขายรถคันเดิมง่ายๆ ได้ที่ Link นี้เลย https://th.carro.co/sell-car/express ให้ราคาดี รับเงินไว ปิดการขายได้ใน 24 ชั่วโมง หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand คลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน