Carro-New-Car-In-Motorshow-2020

Motor Show 2020 หรือ The 41th Bangkok International Motor Show 2020 ภายใต้แนวคิด “แรงบันดาลใจ” หรือ “Inspiration Unlocks The Future” พร้อมนำรถรุ่นใหม่มาโชว์ให้ดูกันอย่างเต็มอิ่ม ในมาตรฐานการจัดงานตามรูปแบบวิถีชีวิตใหม่-New Normal วางมาตรการคัดกรองผู้เข้าชมงานอย่างเคร่งครัดตามข้อกำหนดของรัฐบาล มั่นใจ ปลอดภัยไร้กังวลจากโควิด-19 แน่นอน

โดยงานมอเตอร์โชว์ 2020 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 26 กรกฏาคม 2563 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

CARRO ขอนำเสนอรถยนต์ใหม่ๆ ที่เตรียมเปิดตัวก่อนและในงาน Motor Show 2020 โดยนับจากในเดือนเมษายน ถึงกรกฎาคมนี้ บริษัทรถยนต์หลายค่าย ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ กันไปหลากหลายรุ่นแล้ว CARRO ขอแนะนำให้ทุกท่านได้ทราบข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ครับผม …

All-New-Corolla-Cross-2020

Toyota Corolla Cross

Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) นับได้ว่าเป็นรถ SUV Crossover เปิดตัวในไทยเป็นที่แรกของโลก ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “ความกะทัดรัดที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย” (Compact yet Comfortable) และ “ความล้ำสมัยที่สะท้อนตัวตนของความภูมิฐานสำหรับชีวิตในเมือง” (Dignity Urban Vogue) และรุ่นนี้ยังมีการส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย

ตัวรถภายนอกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว หรูหราแข็งแกร่ง มาพร้อมหลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า ราวหลังคา ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน

ส่วนห้องโดยสารภายในใช้โทนสีแดงใหม่ Terra Rossa มีจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) ขนาด 7 นิ้ว เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone พนักพิงด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา พนักวางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ ช่องระบายอากาศและช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิดประตูท้ายแบบ Kick Activated และระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense)

เครื่องยนต์ เริ่มต้นด้วยรุ่นเบนซินรหัส 2ZR-FBE ขนาด 1.8 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร (18.05 กก.-ม.) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด CVT-i พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 15.4 กม./ลิตร

ส่วนรุ่น Hybrid มากับชุดระบบไฮบริดเจเนอเรชั่น 4 ที่พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 98 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร 53 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แพคชนิด Ni-MH (นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์) แบบใหม่ ให้กำลังรวมทั้งระบบ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock และเลือกโหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง EV, Sport และ Eco อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร

ทั้งหมดนี้ มีให้เลือกใน 4 รุ่นย่อย ในราคา 989,000 – 1,199,000 บาท

Nissan-Kicks-ePower-2020

Nissan Kicks e-Power

Nissan Kicks e-POWER (นิสสัน คิกส์) แม้ว่าจะโดนกระแสต่อว่าจากลูกค้าอย่างมาก ว่ารถยังไม่พร้อมขายแต่รีบเปิดตัว แถมยังไม่มีให้ทดสอบอีก แต่ก็สร้างความตื่นเต้นกับผู้ที่รอคอยได้มากพอสมควร กับรถ Crossover ไฮบริด ที่ใช้จุดเด่นอย่างการใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไปปั่นกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน และจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าให้ขับเคลื่อนรถยนต์อีกที ซึ่งเป็นหลักการที่คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV : Battery Electric Vehicle) แต่ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เหมาะกับการขับรถทางไกล

ขุมพลังหลักคือเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร ขนาด 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 79 แรงม้า ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)

จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor รหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (95 กิโลวัตต์) หากรวมพลังทั้งหมด ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะให้แรงม้าสูงถึง 129 แรงม้า

นอกจากนี้ ห้องโดยสารภายใน โดดเด่นด้วยการใช้สีทูโทนดำ – ส้ม ด้วยแผงคอนโซล และเบาะหนัง พร้อมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับหน้าจอเครื่องเสียง ผ่าน Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigation System ผ่าน Google Map กับระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition ที่ใช้งานง่าย แถมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมากถึง 432 ลิตร และยังมีความลึกของห้องเก็บสัมภาระที่มากถึง 900 มม. โดยที่ยังไม่พับเบาะหลัง

ทั้งหมดนี้ มาในราคา 889,000 – 1,049,000 บาท! 

New-Honda-CR-V-2020

Honda CR-V

Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์-วี) ใหม่ เปิดตัวในไทยที่งาน Motor Show เป็นประเทศแรกของภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ด้วยดีไซน์ภายนอกยังสปอร์ตหรูหราและความแข็งแกร่งในทุกมิติ พรีเมียมขึ้นด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบ Panorama และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential

เสริมความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) และนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ครบครันด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายล้ำสมัยระดับพรีเมียม

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง มาพร้อมขุมพลังการขับเคลื่อนทั้งเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO 160 แรงม้า และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC 173 แรงม้า และมาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก ในราคา 1,369,000 – 1,759,000 บาท

All-New-Mazda-CX-30-2020

Mazda CX-30

Mazda CX-30 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-30) ออกแบบภายใต้แนวคิด Kodo: Soul of Motion เป็นรถที่ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mazda3 เพิ่มทางเลือกระหว่างรุ่น CX-3 และ CX-5 โดย CX-30 ยังเป็นรถที่ได้รางวัล 1 ใน 3 รถยนต์ยอดเยี่ยมของโลกปี 2020 มั่นใจได้ทั้งคุณภาพและการชับขี่ ภายในนั่งกันได้ 4 คนสบายๆ เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง หรือชอบที่ชื่นชอบรถ SUV แนวสปอร์ต

ห้องโดยสารภายใน ครบทุกความสะดวกสบาย เริ่มตั้งแต่มาตรวัดแบบดิจิทัลแบบจอ TFT LCD ขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบ Head-up Display แบบสีบนกระจกหน้า มีระบบอินโฟเทนเมนท์ และระบบเชื่อมต่อ Mazda Connect ทำงานผ่านจอกว้างขนาด 8.8 นิ้ว รองรับการแสดงผลระบบกล้อง 360° View Monitor รวมถึงฟังก์ชั่น Apple CarPlay ที่สามารถควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ด้วยปุ่ม Center Commander ที่บริเวณฐานเกียร์ได้ และชุดเครื่องเสียง Bose พร้อมลำโพง 12 ตัว

มาพร้อมขุมพลังเบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว SkyActiv-G ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.4 กม./ลิตร และสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้

ที่กล่าวมานี้ ราคาอยู่ที่ 989,000 – 1,199,000 บาท!

All-New-Suzuki-XL7-2020-1

Suzuki XL7

Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7) Multi-Dynamic Crossover ที่ชื่อรุ่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกันกับ Suzuki Vitara XL7 ที่ทาง Suzuki เคยขายในไทยมาก่อนเลย ชูแนวคิด THINK XL คิดได้เกินคาด ไปได้เกินใคร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิต บนพื้นฐานของ HEARTECT Platform ร่วมกับรุ่น Ertiga ด้วยสมรรถนะและฟังก์ชันที่ครบครัน

มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต ออกแบบให้มีความสูงขึ้น ใช้ไฟหน้า LED ปรับระดับองศาของไฟต่ำได้ พร้อม ไฟ Daytime Running Light และล้ออัลลอยแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว มีราวหลังคา และไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรคแนวตั้งแบบ Light guides

ที่มาของ XL7 ซึ่งก็หมายถึงรุ่นนี้มี 7 ที่นั่งนั่นเอง ภายในตกแต่งวัสดุด้วยลาย Carbon Fiber พร้อมคิ้วโครเมียม พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape, มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงผลข้อมูลการขับขี่ จอแสดงผลระบบอินโฟฯ แบบทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว ระบบปรับอากาศด้านหน้าแบบอัตโนมัติ พร้อมแอร์เบาะแถว 2 และแถว 3 ซึ่งเบาะแถว 2 สามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ปรับเลื่อนได้ 240 มม. ช่วยให้เข้า-ออกเบาะแถว 3 ง่ายขึ้นและเบาะแถว 3 ปรับพับได้แบบ 50:50

ขุมพลังแบบ K15B เหมือนในรุ่น Ertiga ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า ในราคา 779,000 บาท

New-Toyota-Hilux-Revo-Pre-Runner-2020

Toyota Hilux Revo

Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) ปรับโฉมยกใหญ่ต้อนรับปี 2020 ทุกรุ่นย่อย! เริ่มด้วยไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Bi-Beam + ไฟ LED Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED Light Guiding ส่วนรุ่น Rocco จะมีปรับกระจังหน้าและกันชนใหม่ เพิ่มสปอร์ตบาร์ ล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษ พร้อมยางแบบ White Letters (ตัวหนังสือสีขาว)

ส่วนภายในใช้มาตรวัดใหม่ ปรับจอแสดงผลระบบ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay ส่วนระบบเชื่อมต่อ T-Connect ในทุกรุ่น และช่วงล่าง Super Flex Suspension ที่ปรับปรุงและพัฒนาใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของการดูดซับแรงกระแทกของโช๊คอัพ และเปลี่ยนวัสดุของแหนบ พร้อมระบบบังคับเลี้ยวแบบ VFC (Variable Flow Control) ปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้เหมาะสมในทุกช่วงความเร็ว

ด้านเครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่ในทุกเครื่องยนต์ ทั้งในขนาด 2.4 ลิตร และขนาด 2.8 ลิตร GD Super Power (เจนเนอเรชั่น 2) แรงม้าสูงสุดขึ้นมาเป็น 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น Off-Road เครื่องยนต์มีการปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบ/นาที เป็น 680 รอบ/นาที) พร้อมทั้งพัฒนาประสิทธิภาพการขับขี่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) สามารถลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง

ทั้งหมดนี้ มีให้เลือกตั้งแต่รุ่นมาตรฐาน, รุ่น Z-Edition, รุ่น Prerunner, รุ่น 4WD และ Rocco ในราคา 544,000 – 1,239,000 บาท 

New-Toyota-Fortuner-Legender-2020

Toyota Fortuner

Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) ปรับโฉมยกใหญ่ต้อนรับปี 2020 ทุกรุ่นย่อย! บวกกับเพิ่มรุ่นพิเศษใหม่ “Legender” ด้วยกระจังหน้าใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมแถบกันชนล่างสีเงิน ไฟหน้า DayTime Running Light แบบ Light Guiding ดีไซน์ใหม่ และปรับชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่เป็นแบบ LED พร้อมกับ Light Guiding กับล้ออัลลอย 18 นิ้วดีไซน์ใหม่

ส่วนภายในใช้มาตรวัดใหม่ ปรับจอแสดงผลระบบ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay ส่วนระบบเชื่อมต่อ T-Connect ในทุกรุ่น มีกล้องมองภาพรอบคันพร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ พร้อมระบบ Activated Kick Door เปิดประตูหลังได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสตัวรถ

และช่วงล่าง Super Flex Suspension ที่ปรับปรุงและพัฒนาใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของการดูดซับแรงกระแทกของโช๊คอัพ และเปลี่ยนวัสดุของแหนบ พร้อมระบบบังคับเลี้ยวแบบ VFC (Variable Flow Control) ปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้เหมาะสมในทุกช่วงความเร็ว

ด้านเครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่ในรุ่นเครื่องยนต์ ขนาด 2.8 ลิตร GD Super Power (เจนเนอเรชั่น 2) แรงม้าสูงสุดขึเนมาเป็น 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น Off-Road เครื่องยนต์มีการปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบ/นาที เป็น 680 รอบ/นาที) พร้อมทั้งพัฒนาประสิทธิภาพการขับขี่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) สามารถลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง และยังเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense อีกด้วย ในราคา 1,564,000 – 1,839,000 บาท

Lexus-LM

Lexus LM

The All-New Lexus LM (เลกซัส แอลเอ็ม) New Space for Luxury ที่สุดแห่งยนตรกรรมหรูระดับผู้นำ (แต่ชื่อชวนนึกถึงบุหรี่ยี่ห้อหนึ่ง) เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ด้วยแนวคิดการออกแบบ 3 องค์ประกอบหลัก คือ 1) การออกแบบด้านนวัตกรรมล้ำสมัย (Lexus Innovation) 2) ความประณีตของชิ้นงาน (Craftsmanship) และ 3) วัฒนธรรมการต้อนรับและดูแลเอาใจใส่แบบ Omotenashi ของญี่ปุ่น ถูกรังสรรค์ภายใต้แนวคิด “Mobile Private Lounge”

โดดเด่นด้วยกระจังหน้า Spindle Grille ขนาดใหญ่ กับไฟหน้า LED แบบ 3-Eye ไฟท้าย LED ลากยาวตลอดความกว้างของรถเสริมให้ตัวรถดูกว้างและมั่นคง และไฟเลี้ยวแบบ Sequential Turning Lamps

ส่วนภายในนำนำนวัตกรรมเบาะนั่งโฟมยูรีเทน AdaptiPedic โดย Woodbridge มาใช้เป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งจะช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวถนนอีกชั้นหนึ่ง นอกจากนี้ Lexus LM ยังมาพร้อมกับสุดยอดเครื่องเสียงจาก Mark Levinson กับหน้าจอขนาดใหญ่บน Partition พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่ครบครัน

อีกทั้งยังใช้ขุมพลังขนาด 2.5 ลิตร Hybrid ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม รหัส 2AR-FXE 152 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 206 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Motor ด้านหน้า 105 แรงม้า และด้านหลัง 50 แรงม้า รวมกำลังทั้งระบบ 197 แรงม้า อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 15.6 กม./ลิตร ในราคา 5,500,000 – 6,500,000 บาท!

Porsche-Taycan

Porsche Taycan

Porsche Taycan (ปอร์เช่ ไทคานน์) ใหม่ สุดยอดยนตรกรรมสปอร์ตซาลูน 4 ประตู ที่ได้รับการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์ เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และคงไว้ซึ่งงานออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ปอร์เช่

Porsche Taycan Turbo S มาพร้อมกับพละกำลังสูงสุด 761 แรงม้า ให้อัตราเร่งออกตัวจาก 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลาเพียง 2.8 วินาที

Porsche Taycan Turbo มาพร้อมพละกำลังสูงสุด 680 แรงม้า ให้อัตราเร่งออกตัวจาก 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 3.2 วินาที ทั้ง 2 รุ่นนี้ยังสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ได้ถึง 260 กม./ชม.

สำหรับในรุ่น Taycan 4 S ที่ติดตั้ง Performance Battery Plus ให้พละกำลังสูงสุด 571 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 4.0 วินาที พร้อมทะยานทะลุความเร็วสูงสุดกว่า 250 กม./ชม.

ปอร์เช่ ไทคานน์ ใหม่ ราคาเริ่มต้น 7.1 ล้านบาท

Maserati-Levante-Trofeo-Launch-Edition

Maserati Levante Trofeo Launch Edition

Maserati Levante Trofeo Launch Edition (มาเซราติ เลอวานเต้) รุ่นพิเศษ คันเดียวในไทยเท่านั้น! จาก 100 คันทั่วโลก เอาใจคนชอบรถ SUV พลังสูง มาพร้อมตัวรถสีพิเศษเฉพาะตัว น้ำเงินด้าน Blu Emozione Matte ติดตั้งชุดแต่ง Nerissimo Package ชุดไฟหน้า Full Matrix LED กระจังหน้าตกแต่งด้วยสีดำ Piano Black ช่องดักลมแบบตาข่ายและออกแบบใหม่ ฝากระโปรงหน้าแบบคาร์บอนไฟเบอร์ เป็นต้น

ส่วนห้องโดยสารตกแต่งด้วยชุดคาร์บอนไฟเบอร์ ผิวด้าน พร้อมเบาะหนังแท้ Pieno Fiore เลือกสีได้ระหว่าง ดำ, แดง หรือน้ำตาลอ่อน เดินตะเข็บด้วยด้ายสีต่าง ปักโลโก้ Trofeo ตรงที่พิงศีรษะ มีแผ่นโลหะระบุลำดับการผลิต 1 Of 100 ที่คอนโซลกลาง และชุดเครื่องเสียงพรีเมียม ระบบเสียงของ Bowers & Wilkins พร้อมลำโพง 17 ตำแหน่ง เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 ขนาด 3.8 ลิตร Twin Turbo ปรับแต่งฝาสูบ เสื้อสูบ และสมองกลให้รองรับความแรงที่เพิ่มขึ้น ให้แรงม้าสูงสุด 580 แรงม้า 730 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด บนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Q4 all-wheel drive ทำความเร็วได้สูงสุด 300 กม./ชม.

Maserati Levante Trofeo Launch Edition ราคา 20,490,000 บาท ถ้าหากรวม PMP (Premium Maintenance Program) จำนวน 500,000 บาท เข้าไปด้วยก็จะอยู่ที่ 20,999,000 บาท

Rolls-Royce-Cullinan-Black-Badge

Rolls-Royce Cullinan Black Badge

Rolls-Royce Cullinan Black Badge (โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน แบล็ค เบดจ์) ราชาของรถ SUV คงต้องยกให้กับเจ้านี้ และยังเป็นรุ่นพิเศษ “The King of the Night” ของตระกูล Black Badge เปิดตัวเป็นลำดับที่ 3 ในประเทศไทย ต่อจาก Wraith Black Badge ในปี 2559 และ Ghost Black Badge ในปี 2560

โดยสีของตัวรถพ่นอย่างประณีตหลายชั้น มีการขัดด้วยมือถึง 10 รอบ เสริมด้วยการวาดเส้น หรือ Coachline ด้วยมือจากโรงงานที่อังกฤษ พร้อม สัญลักษณ์ Spirit of Ecstasy แบบโครเมียมรมดำ ตราสัญลักษณ์ RR สีเงินบนพื้นดำ และส่วนประกอบอื่นๆ พ่นด้วยสีเข้ม

ส่วนภายในก็หรูหราอยู่แล้ว ตกแต่งโดยทีมผู้เชี่ยวชาญแผนก Colour and Trim พวกเขาเลือกใช้วัสดุใหม่ๆ ผสานเข้ากับงานฝีมือ แนวคิดนี้ถูกปรับใช้อย่างลงตัวบนแผงวีเนียร์เทคนิคัลคาร์บอน ที่ผลิตขึ้นตามปรัชญาของ Sir Frederick Henry Royce ที่ว่า “หากสิ่งใดไม่มีอยู่ จงออกแบบมันขึ้นมา” ชิ้นส่วนเทคนิคัลคาร์บอน 23 ชิ้น เคลือบแลคเกอร์ 6 ชั้น พักเอาไว้ 72 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำมาขัดด้วยมือจนเรียบเนียนเหมือนกระจก ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลา 21 วัน และผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยช่างฝีมือ

และอีกจุดเด่นอย่างหลังคา Starlight Headliner พื้นเป็นหนังแท้สีดำ โดยมีแสงสว่างจากเส้นไยไฟเบอร์ออพติคที่ร้อยด้วยมือถึง 1,344 จุด เสริมด้วยลูกเล่นเป็นดาวตกสีขาว 8 ดวง พุ่งพาดผ่านเพดานหลายทิศทาง รวมถึงบริเวณเพดานเหนือเบาะคู่หน้า

ขุมพลังเป็นแบบเบนซิน V12 ความจุ 6.75 ลิตรที่ Twin Turbo แรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 592 แรงม้า (เพิ่มขึ้น 29 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 900 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 8 สปีด ควบคุมการทำงานด้วยดาวเทียม (Satellite Aided Transmission) ช่วงล่างถุงลมที่นุ่มนวลดุจพรมวิเศษ (Magic Carpet Ride) และระบบขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ในราคา 37,800,000 บาท!!!

Aston-Martin-DBX

Aston Martin DBX

Aston Martin DBX (แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอ็กซ์) คือ Crossover SUV ระดับหรู 5 ที่นั่ง รุ่นแรกของ Aston Martin ที่พัฒนามาจากรถต้นแบบ Aston Martin DBX Concept ตั้งแต่ปี 2015 ยังคงความเป็นสไตล์ Aston Martin เอาไว้อย่างครบครัน โดดเด่นด้วย Logo Aston Martin ที่ผลิตด้วยมือจากผู้ผลิตจิวเวลรี่ที่มีความชำนาญกว่า 200 ปี พร้อมกับประตูแบบ Wrap Around และไร้ขอบกระจก และล้อแม็กขนาด 22 นิ้ว

ห้องโดยสารหรูหราด้วยวัสดุอลูมิเนียมและหนังแท้ Full Natural Grain “Caithness” หลังคาแบบ Panoramic Sunroof คอนโซลกลางแบบยาวพร้อมที่วางแขน มีชุดไฟ Ambient ในห้องโดยสารเลือกได้ 64 เฉดสี ใช้มาตรวัดแบบจอขนาด 12.3 นิ้ว ส่วนจอทัชสกรีนตรงส่วนกลางขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมแสดงผลกล้องจำลองภาพ 360 องศา พร้อมเบาะปรับได้แบบ 40:20:40 กับพื้นที่บรรทุกสัมภาระ 632 ลิตร และเนื้อพื้นที่เพิ่มเติมอีก 62 ลิตรใต้พื้นห้องบรรทุกสัมภาระ

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร Twin Turbo พร้อมระบบ Cylinder Deactivation หยุดการทำงานของบางสูบในบางจังหวะเพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน ให้แรงม้าสูงสุด 550 แรงม้า 700 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Shift By Wire ทำความเร็วได้สูงสุด 291 กม./ชม. ในราคา 19,900,000 บาท!

Jaguar-F-Type

Jaguar F-Type

Jaguar F-Type (จากัวร์ เอฟไทป์) เปิดตัวรุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งยังมีให้เลือกระหว่าง F-Type Coupé หรือ F-Type Convertible เช่นเคย

สำหรับตัวรถภายนอกมาพร้อมชุดไฟหน้า LED แบบ Pixel ชุดไฟท้าย LED ทรง “Chicane” แบบเดียวกับใน Jaguar I-Pace พร้อมระบบเสียงสังเคราะห์ Active Exhaust System เพิ่มความดุดันของเสียงท่อไอเสีย ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ V8 มีเพิ่มระบบ Quiet Start ช่วยลดเสียงรบกวนคนรอบข้างเวลาสตาร์ทเครื่องยนต์

ห้องโดยสารภายในยังคงความเป็นสปอร์ตหรูหรา มี มาตรวัดแบบดิจิทัลแบบจอขนาด 12.3 นิ่ว พร้อมระบบ Head-Up Display พ่วงชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ InControl เวอร์ชั่น Touch Pro บนจอทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว และใช้ชุดเครื่องเสียงจาก Meridian

ส่วนเครื่องยนต์มี 2 แบบ เริ่มด้วยแบบเบนซินตระกูล Ingenium ขนาด 2.0 ลิตร Turbo 300 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง และเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 5.0 ลิตร Supercharged 575 แรงม้า ขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทั้งสองแบบ

ในราคาเริ่มต้น 6,400,000 – 13,000,000 บาท!

Land-Rover-Defender

Land Rover Defender

Land Rover Defender (แลนด์โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์) ตำนาน SUV จอมลุยชื่อดังของโลก ที่เป็นโฉมใหม่หมดจรดจริงๆ ในรหัสตัวถัง L663 ซึ่งพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์มอลูมิเนียมน้ำหนักเบา D-Series ของ Jaguar & Land Rover ยังคงมีให้เลือกทั้งแบบ 3 ประตู ฐานล้อ 90 นิ้ว และ 5 ประตู ฐานล้อ 110 นิ้ว เช่นเคย

ตัวรถภายนอก และห้องโดยสารภายในออกแบบใหม่หมด แต่ก็ยังคงกลิ่นอายของ Defender รุ่นเก่าในตำนานเอาไว้ มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยให้ขับขี่อย่างปลอดภัยอย่าง ADAS (Advanced Driver-Assistance Systems) ที่มีระบบความปลอดภัยมากมาย

ในบ้านเรามีให้เลือกกันทุกแบบ เช่นเดียวกับเวอร์ชั่นตลาดโลก นับตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รหัส P300 Twin-Scroll Turbo 300 แรงม้า, รหัส P400 Twin-Scroll Turbo พร้อมชุดระบบเสริมกำลังแบบ Mild-Hybrid 400 แรงม้า

และเครื่องยนต์ดีเซล ตระกูล Ingenium แบบเดียวกับของ Jaguar รหัส D200 ขนาด 2.0 ลิตร Twin Turbo 200 แรงม้า และรหัส D240 ขนาด 2.0 ลิตร Twin Turbo 240 แรงม้า ทุกรุ่นส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF พร้อมเกียร์สโลว์

Defender 90 ราคาเริ่มต้น 5,400,000 บาท ส่วน Defender 110 ราคาเริ่มต้น 5,800,000 บาท

จะมีรุ่นไหนถูกตาถูกใจคุณผู้ชมบ้าง ก็ลองไปเดินดูตัวจริงที่งานได้ แต่ถ้าอยากขายรถคันเดิมของคุณ ก็มาใช้บริการที่ CARRO นะครับ

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปซื้อรถใหม่ ง่ายๆ เพียงขายรถคันเก่ากับ CARRO Express ได้เงินไว! เร็ว! พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน