Motor-Show-2018-Accessories

Motor Show 2018 เต็มที่กับอุปกรณ์ตกแต่ง รถแต่งซิ่งแต่งสวย และเครื่องเสียงติดรถ

“มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39” หรือ The 39th Bangkok International Motor Show 2018 ภายใต้แนวคิด “ปฏิวัติทุกการเคลื่อนไหว” หรือ “Revolution in Motion” พร้อมนำรถรุ่นใหม่ ทั้งที่เปิดตัวในปีนี้และปีที่ผ่านมา รวมทั้งรุ่นยอดนิยม มาจัดแสดงต้อนรับต้นปีอย่างยิ่งใหญ่ โดยงานมอเตอร์โชว์ 2018 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 8 เมษายน 2561 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

นอกจากรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่มาร่วมงานในงานนี้มากมายแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ขายไม่ได้สำหรับงาน มอเตอร์โชว์ ทุกๆ ปี นั่นคืออุปกรณ์ประดับยนต์ต่างๆ อาทิเช่น กล้องติดรถยนต์ ฟิล์มกรองแสง ล้อแม็ก ยางรถยนต์ เครื่องเสียงติดรถ หมวกกันน็อค หรืออุปกรณ์ทำความสะอาดรถ ที่มาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมาย และกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้ที่มาเดินเที่ยวชมงานได้เสียเงินเลือกซื้อ ติดไม้ติดมือกลับบ้าน …

ทาง CARRO อยากให้คนรักรถทุกท่าน หาโอกาสไปเดินเที่ยวกันจริงๆ ครับ … เชิญชมกับภาพบรรยากาศของ รถแต่ง ของแต่งรถ และเครื่องเสียงติดรถ ในงาน Motor Show 2018 กันได้เลย

Sound-Motorshow2018

มุมเครื่องเสียง

Sound-Motorshow2018

มุมเครื่องเสียง

Sound-Motorshow2018

มุมเครื่องเสียง

Sound-Motorshow2018

มุมเครื่องเสียง

Sound-Motorshow2018

ชุดลำโพง (ตู้ซับเบส) ติดรถยนต์

Sound-Motorshow2018

มุมเครื่องเสียงติดรถยนต์

Sound-Motorshow2018

มุมเครื่องเสียงติดรถยนต์

Sound-Motorshow2018

ชุดลำโพง (ตู้ซับเบส) ติดรถยนต์

Accessories-Motorshow2018-1

ทางเข้ามุมอุปกรณ์ตกแต่ง

Accessories-Motorshow2018-1

มุมอุปกรณ์ตกแต่ง

Accessories-Motorshow2018

กล้องติดหน้ารถ ถูกๆ เพียบ!

Accessories-Motorshow2018

ล้อที่พี่หมื่น เลือกใช้ …

Accessories-Motorshow2018

โช๊คอัพหลากหลายแบบ ให้เลือก

Accessories-Motorshow2018

ยางติดรถยนต์สารพัดแบบ

Accessories-Motorshow2018

เคลือบแก้วกันฝุ่น

Nissan-Cefiro-Club

Nissan Cefiro Club

Nissan-Cefiro-Club

Nissan Cefiro Club

Nissan-Cefiro-Club

Nissan Cefiro Club

Nissan-Cefiro-Club

Nissan Cefiro Club

Nissan-Cefiro-Club

Nissan Cefiro Club

จะโดน “ปาดหน้า” กี่ที ก็ไม่มีปัญหา
รวมข้อคิดดีๆ ที่ทำให้ใจไม่ร้อน ตามสภาพอากาศ

การโดน “ขับรถปาดหน้า” ถือเป็นปัญหาโลกแตกพอๆกับคำว่า วันนี้จะกินอะไรดี แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือ การขับรถปาดหน้ามักเป็นต้นเหตุให้เกิดการปะทะ ทะเลาะวิวาท หรือถึงขั้นเกิดอุบัติเหตุเลยก็ได้ เป็นการเสียเงิน เสียเวลาโดยใช่เหตุ บางครั้งก็ถึงขั้นเสียชีวิต!

ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากชั่วโมงเร่งรีบบนท้องถนน จนคนบางคนลืมกฏจราจรไป ยิ่งการขับรถในกรุงเทพฯ ยิ่งเจอเหตุการณ์ “โดนปาดหน้า” ได้บ่อยกว่าชาวบ้าน เพราะคนกรุงเทพฯ มีวิถีชีวิตที่ต้องรวดเร็วในทุกๆอย่าง รวมไปถึง “การขับรถ” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขับรถ, หัวร้อน, คิดบวก, เทคนิค

แต่ถึงแม้ว่า เราจะแก้ไขปัญหา “การขับรถปาดหน้า” หรือหลีกเลี่ยงมันไม่ได้ แต่เราสามารถจัดการอารมณ์ของตนเองได้ หากตกอยู่ในสถานการณ์เหล่านี้ ซึ่งมีวิธีคิดบวกเบื้องต้น จากกรมสุขภาพจิต ที่จะช่วยลดความหงุดหงิด หรืออาการ “หัวร้อน” จากการโดนปาดหน้า เพื่อลดการทะเลาะวิวาท และการเกิดอุบัติเหตุ ที่สำคัญที่สุดคือ เพื่อรักษาสุขภาพจิตที่ดี วิธีการคิดบวกเบื้องต้น 5 ข้อ ก็ทำได้ง่ายๆ คือ

  1. คิดว่าเขาเป็นคนในครอบครัว เป็นญาติ เป็นครูบาอาจารย์ที่เราเคารพ
  2. คิดว่าเขารีบ เพราะมีเรื่องจำเป็นเร่งด่วนในชีวิตของลูก คนในบ้านหรือญาติๆ
  3. ร้องเพลง, เปิดเพลงที่ชอบ เพื่อระงับหรือเปลี่ยนอารมณ์ของตนเอง ไปในทางที่ดีขึ้น
  4. ฝึกการหายใจทางหน้าท้อง สูดลมหายใจเข้าและออกยาวๆ เพื่อบรรเทาความเครียด
  5. ขอบคุณคนที่ขับปาดหน้ารถ ที่ช่วยฝึกความอดทนให้กับเรา

การฝึกคิดแง่บวกในสถานการณ์แย่ๆเป็นเรื่องที่ดี ทั้งในเวลาที่เกิดเหตุการณ์และในระยะยาว เพราะจะฝึกให้เราเป็นคนใจเย็น มีสติมากขึ้น และการคิดบวกก็ไม่มีผลเสียตามมา ให้เราต้องรับผิดชอบในภายหลัง

ขับรถ-หัวร้อน-คิดบวก-เทคนิค

หวังว่าคุณผู้อ่านจะนำข้อคิดดีๆ 5 ข้อนี้ ไปปรับใช้ในการเดินทางในชีวิตประจำวัน หรือในช่วงสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย ไม่หัวร้อน ไร้อุบัติเหตุ แถม save เงินค่าซ่อมรถไปได้อีกเยอะ!

 

โสด,-ซื้อรถ,-ประหยัด

โสด โทรศัพท์มีกล้อง! อยากมีรถขับเก๋ๆ เลือกซื้อเองได้ไม่ยาก

ภาระไม่มี และพี่เปย์ไว อาจเป็นคำนิยามใหม่ของ #คนโสด2018 หลายๆคน แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีภาระอย่างคนอื่นที่มีคู่หรือมีครอบครัว เราก็ต้องเตรียมตัวและ Plan เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เป๊ะ! ยิ่งเรื่องรถยิ่งสำคัญ เพราะการใช้ชีวิตคนเดียวนั้นไม่มีใครคอยรับคอยส่ง ไม่มีใครคอยแชร์ค่างวด ค่าน้ำมัน ค่าอะไหล่ ไหนจะต้องสำรองค่าดูแลรักษารถตามอายุการใช้งาน ถ้าพลาดมาก็หนักกว่าชาวบ้าน เพราะต้องรับผิดชอบคนเดียวล้วนๆ

ฉะนั้น เรามาเตรียมตัวให้พร้อม จะได้เป็นโสดให้สนุก ไม่ทุกข์ เพราะการมีรถจะไม่เป็นภาระ วันนี้ Carro จึงขอเสนอทริคดีๆ บวกรถเก๋ๆ ที่จะทำให้ชีวิตโสดของคุณปัง ไม่มีพัง!

1.ราคาไม่แพงเกินไป

นี่คือปัจจัยสำคัญอันดับ 1 ในการเลือกซื้อรถของคนโสด บางคนอาจแย้งว่า เห้ย! สไตล์เราคือ Luxury นะยู แต่เดี๋ยวก่อน! เราเข้าใจเรื่อง Style ว่าเป็นของใครของมัน แต่อยากให้ลองคำนวนว่ารายรับเรามีเท่าไหร่ มีรายจ่ายอะไรบ้าง เพราะการบริหารรายจ่ายที่ดี ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถไม่ควรเกิน 25 – 30% ของรายรับ ต่อเดือน เพราะชีวิตยังมีค่าใช้จ่ายด้านอื่นอีก เช่น ค่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าประกันชีวิต ฯลฯ คุณจึงไม่ควรถวายเงินเดือนมากกว่าครึ่งไปกับค่างวดรถและค่าน้ำมัน เพราะอาจจะชักหน้าไม่ถึงหลัง และที่น่ากลัวกว่าการโดนยึดรถคือ การเป็นหนี้!

รถที่ขึ้นชื่อเรื่องความประหยัดและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราขอแนะนำ

Nissan March

Nissan March

Suzuki Celerio

suzuki-celerio

Nissan Almera

Nissan Almera

Mitsubishi Mirage

Mitsubishi Mirage

2.เลือกรุ่นที่ประหยัดน้ำมัน

เนื่องจากราคาน้ำมันในประเทศไทยมีการขึ้นและลงตลอดเวลา ไม่ค่อยเสถียร และเราต้องใช้รถทุกวันอย่างเลี่ยงไม่ได้ วิธีที่เซฟที่สุดคือ เลือกซื้อรถยนต์รุ่นที่ประหยัดน้ำมัน ได้แก่

Mitsubishi Attrage

Mitsubishi Attrage

Mazda2

Mazda 2

Toyota Yaris

toyota-Yaris

Suzuki Celerio

Suzuki Celerio

 

3.สามารถเติมน้ำมัน E85 หรือ E20 ได้

รุ่นที่จะแนะนำในข้อนี้เหมาะกับคนโสดตัวคนเดียวมากที่สุด เพราะขนาดเล็ก ปราดเปรียว ขับและดูแลง่าย เหมาะกับสภาพถนนในกรุงเทพฯ และยังเหมาะกับสภาพการเงินในกระเป๋าคนโสดอีกด้วย เพราะเติมน้ำมันที่มีราคาถูกได้ คือ E85 หรือ E20 รถที่แนะนำ ได้แก่

Honda Jazz

honda jazz

Honda City

Honda City

4.ค่าบำรุงรักษาไม่แพง

ข้อนี้เป็นข้อที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ แต่มักจะโดนมองข้าม เพราะรถ 1 คัน ก็เหมือนกับคนในครอบครัว 1 คน รับมาในชีวิตแล้วก็ต้องดูแลกันจนวันสุดท้าย การดูแลก็ทำได้ไม่ยาก เช่น ใช้งานอย่างถนอม หมั่นตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ เช็คระยะ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ฯลฯ จะเห็นได้ว่า การบำรุงรักษามีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง แม้ยังไม่รวมประกัน พ.ร.บ. แต่ถ้าหากใครคิดว่ามีรายรับสูงงงงงมากพอ สภาพการเงินคล่องมือ ไม่มีความเดือดร้อนทางการเงินใดๆ ทั้งโสด รวย และพร้อมเป เราก็ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะคุณสามารถเลือกซื้อรถได้ทุกรุ่นตามใจอยาก

แต่ถ้าหากคุณยังเป็นโสด ตัวคนเดียว ไม่มีรายรับที่มากพอบวกกับยังมีค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ เราขอแนะนำให้เลือกซื้อรถตลาดอย่าง Toyota หรือ Honda เพราะราคาสามารถเอื้อมถึง อะไหล่หาง่าย ค่าบำรุงรักษาถูก ซ่อมไม่ยุ่งยาก หรือเลือกซื้อรถบ้านมือสอง ก็คุ้มค่าเช่นกัน แค่นี้ เราก็จะโสดแบบ Cool Cool เก๋ๆ เงินเหลือพร้อมเปย์ มีรถพร้อมขับ และไร้ปัญหากวนใจภายหลัง!

Geneva-Motor-Show-2018

งานแสดงรถยนต์ยิ่งใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ “Geneva Motor Show 2018”

ประมวลภาพรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด รถต้นแบบ และอื่นๆ ในงานมหกรรมยานยนต์ Geneva Motor Show 2018 งานแสดงรถยนต์อีกหนึ่งงานในสวิตเซอร์แลนด์ จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1905 ถึงปัจจุบันเป็นครั้งที่ 88 โดยเป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อ “The International Geneva Motor Show หรือ Salon international de l’automobile ในภาษาฝรั่งเศส

โดยงานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 18 มีนาคม 2561 ณ Palexpo เมือง Le Grand-Saconnex ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ … ทาง Carro ขอรวบรวมภาพบรรยากาศ พร้อมรถเปิดตัวใหม่มาให้ชมกันครับ

ABT-RS4-R

ABT RS4 R

ABT-RS5-R

ABT RS5 R

David-Brown-Automotive-Mini-Remastered

David Brown Automotive Mini Remastered

Kia-Cee'd

Kia Cee’d

Ford KA+

Ford KA+

Seat-Cupra-Ateca

Seat Cupra Ateca

Porsche-911-GT3-RS

Porsche 911 GT3 RS

Jaguar-i-Pace-First-Edition

Jaguar i-Pace First Edition

Hyundai-Santa-Fe

Hyundai Santa Fe

Alpina-XD3

Alpina XD3

Mazda6-Tourer

Mazda6 Tourer

Subaru-Viziv-Tourer-Concept

Subaru Viziv Tourer Concept

Alpine-A110-Pure

Alpine A110 Pure

Toyota-Aygo

Toyota Aygo

Peugeot-508

Peugeot 508

Citroen-Berlingo

Citroen Berlingo

E'Mobile-Microlino

E’Mobile Microlino

Toyota-Auris

Toyota Auris

Toyota-GR-Supra-Racing-Concept

Toyota GR Supra Racing Concept

Italdesign-Speciali-Zerouno-Targa

Italdesign Speciali Zerouno Targa

Ferrari-488-Pista

Ferrari 488 Pista

McLaren-Senna

McLaren Senna

ขอบคุณภาพจาก gims.swiss/

Supercar

ส่อง 10 อันดับแบรนด์รถหรู ที่สามารถจอดในชั้น Supercar ได้ ขนมาครบ จัดเต็มทุกแบรนด์ !!

ในปัจจุบัน การหาที่จอดรถในห้างสรรพสินค้า ก็ไม่ต่างกับการงมเข็มในมหาสมุทร! ยิ่งในวันหยุด หรือวันนักขัตฤกษ์ บางคนถึงกับต้องขับรถวนหาที่จอด ไม่ต่ำกว่า 2 รอบเลยทีเดียว แต่ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นกับคุณเด็ดขาด ถ้าคุณขับ Supercar!

Supercar คืออะไร? แปลง่ายๆก็คือ รถยนต์ระดับ luxury brand มีราคาสูง(มากกกก) เพราะมีสมรรถนะทางเครื่องยนต์ที่เป็นเลิศ รูปทรงมีการออกแบบโดยเฉพาะและมีภาพลักษณ์ที่ชัดเจน supercar แต่ละรุ่นต้องมีเทคโนโลยียนตร์กรรมเป็นของตนเอง และได้รับการยอมรับจากมาตรฐานสากลโลก

ซึ่งในประเทศไทย ห้างสรรพสินค้าในเครือ Central และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น Siam Paragon ก็จะเตรียมที่จอดรถไว้สำหรับ Supercar โดยเฉพาะ เพราะถือเป็นการอำนวยความสะดวกสบาย แก่ลูกค้าที่มีกำลังซื้อเยอะเป็นพิเศษ ส่วนรถยนต์ที่เข้าข่าย Supercar จะมีแบรนด์ไหน รุ่นอะไรบ้าง มาเช็คกัน!

10 brands list of Supercar

1. BMW

อ่านว่า บีเอ็มดับเบิลยู (BMW ย่อจาก ภาษาเยอรมัน: Bayerische Motoren Werke; อังกฤษ: Bavarian Motor Works) เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ของเยอรมนี ตั้งอยู่ที่เมืองมิวนิก ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2459 (ค.ศ. 1916) และเป็นบริษัทแม่ของมินิ ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูซื้อมาจากโรเวอร์ 

ส่วนรุ่นที่สามารถจอดในชั้น Supercar ของห้างได้ คือ รุ่น M2-M6, X5M, X6M, i8, X5M, X6M ซึ่งราคาเริ่มต้น 3.3 – 12.5 ล้านบาท

BMWBMW

 

2.MASERATI 

เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ของอิตาลี มีต้นกำเนิดที่เมืองโบโลญญา ปัจจุบันตั้งอยู่ที่เมืองโมเดนา

ส่วนรุ่นที่สามารถจอดในชั้น Supercar ของห้างได้ คือ รุ่น Maserati Ghibli, Quattroporte, Grand Turismo ซึ่งราคาเริ่มต้น 6.9 – 11.3 ล้านบาท

MASERATI

MASERATI

 

3.MERCEDES BENZ

เป็นบริษัทยานยนต์เยอรมนีในเครือเดมเลอร์ ผลิตทั้งรถยนต์ รถบัส รถบรรทุก ก่อตั้งโดยก็อตต์ลีบ เดมเลอร์ และคาร์ล เบนซ์ ในปีพ.ศ. 2469 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองชตุทท์การ์ท

ส่วนรุ่นที่สามารถจอดในชั้น Supercar ของห้างได้ คือ รุ่น SL, SLR, SLS, S63/65, CL, CLS, E63, C63, GT S, Maybach และสนนราคาเริ่มต้นที่ 2.4 – 17.4 ล้านบาท

MERCEDES BENZ

MERCEDES BENZ

4.ASTON MARTIN

อ่านว่า แอสตันมาร์ติน (ชื่อเต็มของบริษัทคือ Aston Martin Lagonda Limited) เป็นชื่อบริษัทผลิตรถยนต์สปอร์ตหรูของสหราชอาณาจักร มีฐานการผลิตที่เมืองเกย์ดอน (Gaydon) ในอังกฤษ

ชื่อยี่ห้อแอสตันมาร์ตินนี้ ตั้งชื่อตามนามสกุลของลีโอเนล มาร์ติน (Lionel Martin) ผู้ก่อตั้งบริษัท และตามชื่อสถานที่ เนินแอสตัน (Aston Hill) ใกล้กับหมู่บ้านแอสตันคลินตัน (Aston Clinton) ในเมืองบักกิงแฮมเชอร์ (Buckinghamshire) นอกจากนี้ แอสตันมาร์ติน ยังเป็นที่รู้จักในฐานะรถยนต์ของเจมส์ บอนด์ ในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ หลายๆ เรื่อง

และรุ่นที่สามารถจอดในชั้น Supercar ของห้างได้ คือรุ่น DB7, DB8, DBS, Vantage, Vanquish มีราคาเริ่มต้นที่ 5.2 – 25.9 ล้านบาท

ASTON MARTIN ASTON MARTIN

 

5.FERRARI (อิตาลี : Ferrari)

เป็นบริษัทผลิตรถสปอร์ตจากเมืองมาราเนลโล ประเทศอิตาลี ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1929 มีเอ็นโซ เฟอร์รารี่ เป็นผู้ก่อตั้ง โดยจุดเริ่มต้นจากการเป็นทีมแข่งรถของอัลฟาโรเมโอ โดยใช้ชื่อว่า “สคูเดอเรีย เฟอร์รารี่” (Scuderia Ferrari) ซึ่งในตอนที่ทำงานอยู่กับอัลฟาโรเมโอนั้น เอ็นโซเองก็เป็นทั้งวิศวกรและนักแข่งรถด้วย

จนมาในปี ค.ศ. 1947 รถยนต์ในนามของเฟอร์รารี่รุ่นแรกจึงถือกำเนิดขึ้น คือรุ่น 125 เอส เฟอร์รารี่ได้เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชื่อดังที่ประสบความสำเร็จ และมีการจำหน่ายไปทั่วโลก มีสีที่เป็นเอกลักษณ์ คือสีแดง (Rosso Corsa) ซึ่งเป็นของรถแข่งอิตาลี เฟอร์รารี่ ถือเป็นค่ายรถที่ประสบความสำเร็จในกีฬาฟอร์มูล่าวันมากที่สุด

ในปัจจุบัน เฟอร์รารี่เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของความเร็ว ความหรูหรา และความรวย รถเฟอร์รารี่มีฉายาที่คนไทยรู้จักกันดีอีกชื่อหนึ่งว่า “ม้าลำพอง” ดังนั้น ทุกรุ่นของรถแบรนด์นี้สามารถจอดในชั้น Supercar ของห้างได้ และราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 23.3 – 35 ล้านบาท

FERRARI FERRARI

 

6.ROLLS-ROYCE

อ่านว่า โรลส์-รอยซ์ เป็นรถยนต์สุดหรูจากประเทศอังกฤษ บริษัทก่อตั้งโดย เฟดริก เฮนรี่ รอยซ์ และ ชาร์ล โรลส์ รถยนต์ของโรลส์-รอยซ์มีลักษณะเป็นรถยนต์หรูหราขนาดใหญ่ นอกจากนี้รถยนต์แล้ว ยังได้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับอากาศยาน ให้แก่เรือเหาะ (Zeppelin) ปัจจุบันบีเอ็มดับเบิลยูเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าของโรลส์รอยซ์

ด้วยความแพง และความหรูหรานี้ทำให้รถทุกรุ่นของ Rolls-Royce สามารถจอดในชั้น Supercar ของห้างได้ และราคาเริ่มต้นที่ 29.9 – 59 ล้านบาท

ROLLS-ROYCE ROLLS-ROYCE

 

7.LAMBORGHINI

(ในภาษาอังกฤษบางครั้งเรียก แลมบอร์กินี) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอิตาลีอย่าง Automobili Lamborghini S.p.A ได้ก่อตั้งโดย Ferruccio Lamborghini ในปี ค.ศ. 1963 เน้นเจาะตลาดตลาดไปที่การผลิตรถสปอร์ต มีคู่แข่งทางตลาดที่สำคัญ คือ เฟอร์รารี ซึ่งเป็นรถสัญชาติเดียวกัน ต่อมา ลัมโบร์กีนี อยู่ในการครอบครองของเอาดี้ เอจี ในเครือโฟล์กสวาเกนกรุ๊ป

ลัมโบร์กีนี นั้นเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งสำหรับ ความเร็ว และความหรู เช่นเดียวกับ เฟอร์รารี ส่วนการออกแบบตราสัญลักษณ์ของลัมโบร์กินีนั้นได้รับแรงบัลดาลใจมาจากการแข่งขันสู้วัวกระทิงในประเทศสเปน

ปัจจุบัน Lamborghini ได้ตั้งทีมแข่งรถที่ชื่อว่า Squadra Corse ในการแข่งขัน Super Trofeo, GT3 และเพื่อจัดโปรแกรมการทดสอบรถสำหรับลูกค้า

ซึ่งทุกรุ่นของลัมโบร์กินีเป็นรถที่สามารถจอดในชั้น Supercar ของห้างได้ ส่วนราคาเริ่มต้น 22.8 – 40.5 ล้านบาท

LAMBORGHINI LAMBORGHINI

 

8.PORSCHE (เยอรมัน: Porsche พอร์เชอ)

เป็นยี่ห้อรถยนต์ของเยอรมนี ผลิตโดยบริษัท Dr. Ing. h.c. F. Porsche AG ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1931 โดย ดร. แฟร์ดีนันด์ พอร์เชอ (Ferdinand Porsche) วิศวกรชาวออสเตรีย ก่อตั้งบริษัท DR.ING.H.V. PORSCHE AG และผลิตรถยนต์จำหน่ายเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1948 และใช้ตราประจำเมืองชตุทท์การ์ท (Stuttgart) อันเป็นที่ตั้งโรงงานเป็นสัญลักษณ์

ปัจจุบันได้ผลิตรถยนต์ เช่น ปอร์เช่ 911 (991), ปอร์เช่ บ็อกซเตอร์, ปอร์เช่ คาเยนน์, ปอร์เช่ เคย์แมน ล่าสุดคือ ปอร์เช่ เคย์แมน จีที4 ที่เปิดตัวไปเมื่อค.ศ. 2015

ด้วยเป็นรถแบรนด์สุดหรูทำให้ทุกรุ่นของปอร์เช่สามารถจอดได้ในชั้น Supercar ของห้าง และมีราคาเริ่มต้น 6.3 – 21.9 ล้านบาท

PORSCHE

 

9.AUDI

(เยอรมัน: เอาดี้ ;บางครั้งเรียก ออดี้ ในภาษาอังกฤษ) เป็นชื่อบริษัทผลิตรถยนต์ของประเทศเยอรมนี มีสำนักงานอยู่ที่เมืองอิงโกล์ชตัดช์ ใกล้เมืองมิวนิก ในแคว้นบาวาเรีย ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1899

จัดว่าเป็นรถที่มีคุณภาพทัดเทียมกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ และ บีเอ็มดับเบิลยู ปัจจุบันอยู่ในเครือโฟล์กสวาเกน บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในเยอรมนี ซึ่งเอาดี้ก็มีบริษัทในเครือคือลัมโบร์กีนี รถยนต์สปอร์ตจากประเทศอิตาลี

รถรุ่น Audi ที่สามารถจอดในชั้น Supercar ของห้าง ได้แก่ รุ่น R8, RS4, RS5, RS6, RS7 และราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3.1 – 7.9 ล้านบาท

AUDI AUDI

 

10.LEXUS 

เป็นชื่อบริษัทผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นอยู่ในเครือโตโยต้า ผลิตรถประเภทพรีเมี่ยม ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2532 รถยนต์รุ่นแรก คือ แอลเอส 400 และ อีเอส 250 

เล็กซัส เริ่มทำการตลาดครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก และขายดีที่สุดเป็นอันดับ 4 ในสหรัฐอเมริกา ต่อมาก็ได้ทำการตลาดที่อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย

ฮันเตอร์คอมมิวนิเคชัน ผู้ออกแบบสัญลักษณ์ของเล็กซัสได้อธิบายถึงโลโก้ของเล็กซัสว่า เป็นรูปตัวอักษร L ตัวเอียง อยู่ในกรอบวงกลม โดยคำว่า เล็กซัส (Lexus) ย่อมาจาก “Luxury Edition for the United States”

ด้วยความที่เป็นระดับพรีเมี่ยม เล็กซัสจึงถูกจัดให้ในระดับเดียวกับ ออดี้ บีเอ็มดับเบิลยู เมอร์ซิเดส-เบนซ์ และอื่นๆ

ส่วนรถรุ่น Lexus สามารถจอดได้ในชั้น Supercar ของห้าง คือ รุ่น LFA ซึ่งมีราคา 24.5 ล้านบาทเลยทีเดียว

LEXUS LEXUS

10-Intersection-Traffic-Bad-In-Bangkok

จากสภาวะของกรุงเทพฯ ประเทศไทย ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่รถติดเป็นอันดับ 1 ของโลก ณ ขณะนี้ รวมไปถึงที่ประเทศ ปัญหาอุบัติเหตุที่มากเป็นอันดับ 1 ของโลก และปัญหาของมลพิษที่มากติดอันดับโลก เนื่องจากจำนวนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่มีในกรุงเทพฯ นับล้านคันบนถนน และระบบขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์ ที่มีสภาพย่ำแย่มาก ที่รวมกันสร้างปัญหารถติด และปัญหามลพิษ

อีกทั้งผังเมืองที่ไม่ได้วางอย่างเป็นระบบระเบียบ ถนนไม่มีการเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ ทำให้เกิดปัญหาในการปล่อยรถตามแยกต่างๆ ที่บางแยกได้ชื่อเป็นแยกที่มีรถติดนานมากๆ ในช่วงเวลาเร่งด่วน เพราะตำรวจปล่อยรถไม่สัมพันธ์กัน ผนวกกับรถยนต์บนถนนที่มากขึ้นเรื่อยๆ

CARRO ขอรวบรวมข้อมูล 10 แยกไฟแดงรถติดนรกที่สุด ติดได้ ติดดี ติดทุกวัน มาให้ทุกท่านได้ชมกันครับ.

Asoke-Sukhumvit

แยกอโศก-สุขุมวิท

จัดเป็นแยกที่รถติดนรกอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ เป็นย่านที่มีแต่ความสับสนวุ่นสาย และไร้ระเบียบมาก เนื่องจากปริมาณรถบนถนนสุขุมวิท และถนนรัชดาภิเษก ที่มากจนเกินจะรับไหว ทำให้ตำรวจต้องกักรถอีกฝั่ง เพื่อที่จะปล่อยรถอีกฝั่งให้นานกว่าปกติเป็นการระบายรถ จนทำให้ฝั่งที่ติดไฟแดง รถจะติดกันอย่างมาก แทบทั้งวันในทุกวัน

Pratunam

แยกประตูน้ำ

แยกนี้ ก็ถือเป็นอีกแยกหนึ่งที่เรียกได้ว่ารถติดหนักมากที่สุดในกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ โดยติดกันแทบทั้งวันทั้งคืน ไม่ว่าจะเป็นรถที่มาจากทางถนนราชดำริ ถนนเพชรบุรี ถนนราชปรารภ และยังเป็นย่านที่มีนักท่องเที่ยวขยันข้ามถนน มีรถตุ๊กๆ กับรถแท็กซี่ ที่จอดเกะกะอยู่หน้าห้างสรรพสินค้าเพื่อรอผู้โดยสาร ทำให้เสียช่องทางจราจรไป 1 ช่อง โดยที่ตำรวจไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ และตำรวจมักปล่อยรถเฉพาะฝั่งถนนราชดำริมากกว่า เลยทำให้ถนนเพชรบุรี และ ราชปรารภ มีรถติดกันยาวมาก

Chidlom

แยกชิดลม

เนื่องจากปัญหาของแยกประตูน้ำ ที่ส่งผลกระทบมายังถนนเพลินจิตด้วย ในช่วงเวลาเร่งด่วน แยกชิดลมรถนี่ก็ถือว่ารถติดหนักทีเดียว แต่ช่วงดึกๆ ไป ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ ซึ่งตำรวจประจำป้อม จะปล่อยรถทางถนนเพลินจิต และถนนชิดลมอย่างสม่ำเสมอก็ตาม แต่ปัญหาที่เกิดจากแยกอื่น และจากรถของผู้ปกครองที่ชอบจอดหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ตามมาเป็นลูกโซ่ และรถที่หนีจากถนนเพชรบุรีมาเข้าถนนชิดลมจำนวนมาก บางทีไฟแดงนาน หรือฝนตกหนัก จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีรถติดหนัก

Nana

แยกนานา

อีกแยกหนึ่งที่มีรถติดสุดๆ ในกรุงเทพฯ นั่นคือ แยกนานา คือแยกที่ซอยสุขุมวิท 3 (นานาเหนือ) ตัดกับซอยสุขุมวิท 4 (นานาใต้) เป็นแยกที่ค่อนข้างจอแจที่สุดอีกแห่งหนึ่ง และมีทั้งรถแท็กซี่ รถตุ๊กๆ หาบเร่แผงลอย นักท่องเที่ยวที่เดินกันเยอะ กินพื้นที่ถนนบางช่วงหายไป 1 เลน โดยรถที่มาจากทางด่วนและมาจากทางราชปรารภ มักชอบเข้ามาในซอยนานา เพื่อลัดไปออกทางถนนวิทยุ รถจึงค่อนข้างติดมาก และตำรวจที่เน้นปล่อยรถถนนสุขุมวิทมากกว่า จึงทำให้แยกนานารถติดหนัก

Phrakhanong

แยกพระโขนง

ปัญหาที่เกิดจากการตัดถนนพระรามที่ 4 (ส่วนต่อขยาย) จากคลองเตยมายังพระโขนง บรรจบกับถนนสุขุมวิท ตั้งแต่เมื่อประมาณ 70 ปีที่แล้ว ที่ถนนไม่ได้ไปบรรจบกับซอยสุขุมวิท 71 ที่ต่อมาคือ ถนนพระโขนง-คลองตัน (หรือชื่อปัจจุบันคือ ถนน ปรีดี พนมยงค์) ทำให้การปล่อยรถ ตำรวจชอบปล่อยรถทางถนนสุขุมวิทที่มีรถติดหนักอยู่แล้ว มากกว่าฝั่งถนนพระรามที่ 4 และถนนสุขุมวิท 71 จึงทำให้แยกพระโขนงนี้ มีรถติดหนักมาก บางทีเปิดไฟเขียว 30 วินาที แต่ให้ไฟแดงเกือบ 10 นาทีก็มี

Sang-Hi

แยกซังฮี้

แยกนี้ เมื่อคุณขับรถมาจากทางถนนราชวิถี ถ้าเป็นช่วงเวลาปิดเทอม รถก็จะไม่ติดเท่าไหร่ แต่พอเวลาเปิดเทอมของโรงเรียนดัง และมหาวิทยาลัยชื่อดังในย่านนั้นแล้วล่ะก็ รถติดนรกเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นรถที่มาจากทางถนนสามเสน ที่มากอยู่แล้ว กับจำนวนรถที่ลงมาจากทางสะพานกรุงธนเพิ่มอีก จึกให้แยกซังฮี้ โดยเฉพาะเส้นถนนราชวิถี ต้องรับรถติดไปเต็มๆ

Ratchada-Ladphrao

แยกรัชดา-ลาดพร้าว

แยกรถติดนรกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ แมหว่าถนนรัชดาภิเษก จะมีสะพานข้ามแยกก็ตาม แต่รถที่มาจากทางถนนรัชดาภิเษก ที่ต้องการเลี้ยวไปยังถนนลาดพร้าว และรถจากถนนลาดพร้าว จะเลี้ยวไปยังถนนรัชดาภิเษก มีมากเหลือเกิน จึงทำให้ตำรวจต้องเฉลี่ยปล่อยรถในแต่ละฝั่ง แต่รถมีจำนวนมาก และช่วงปากซอยลาดพร้าว 23 ที่มีรถชอบเลี้ยวเข้า-ออก เป็นประจำ ทำให้กีดขวางทางจราจรเข้าไปอีก

Ratchada-Ratchapruek

แยกรัชดา-ราชพฤกษ์

เป็นแยกหนึ่งในย่านฝั่งธนบุรี ที่มีรถติดมากนับตั้งแต่มีถนนราชพฤกษ์เกิดขึ้นมา โดยรถที่มาจากทางถนนจริญสนิทวงศ์ มักจะมากองรวมกันอยู่บริเวณนี้ และใกล้แยกนี้ยังมีย่านตึกแถว ตลาดนัด ป้ายรถเมล์ที่รถเมล์ชอบจอดแช่ และมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ทำให้มีรถเข้า-ออก กันตลอดเวลา จึงทำให้แยกนี้เลี่ยงรถติดได้ยาก

Lam-Sali

แยกลำสาลี

หลายคนถึงกับเปลี่ยนชื่อแยกนี้ให้เป็นแยก “ลำสาหัส” เลยทีเดียว เป็นแยกที่ถนนรามคำแหง ตัดกับถนนศรีนครินทร์ แม้ว่าจะมีสะพานลอยข้ามแยก แต่จำนวนรถที่มาจากทางถนนลาดพร้าว ถนนนวมินทร์ ถนนเสรีไทย ส่วนใหญ่มักจะมากองรวมกันอยู่บรเวณบางกะปิ แยกนี้จึงต้องรับรถไปเต็มๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าตำรวจจะปล่อยรถแต่ละฝั่งเป็นเวลาที่นานขึ้นก็ตาม

Khae-Rai

แยกแคราย

แยกรถติดสุดโหดของชาวนนทบุรี เพราะติดกันแทบทั้งวันทั้งคืน ซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นแค่เพียงสามแยกแคราย ของถนนงามวงศ์วาน ตัดกับถนนติวานนท์ ภายหลังจากการตัดถนนรัตนาธิเบศร์ บวกกับจำนวนรถที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนของคนที่ย้ายออกไปซื้อบ้านอยู่ชานเมือง แล้วเข้ามาทำงานในเมือง ถึงจะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงแล้ว ก็ยังไม่สามารถช่วยให้แยกนี้รถติดน้อยลงได้ บางวัน รถติดจากแยกแครายยาวไปจนถึงอุโมงค์เกษตร เลยทีเดียวครับ

จริงๆ แล้ว แยกที่รถติดสุดโหด ยังมีมากกว่านี้ เชื่อได้ว่าหากใครที่ไม่จำเป็นแล้วล่ะก็ อย่าขับรถไปตามแยกเหล่านี้เลยครับ …

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

Nostalgic2Days-2018

รวมรถ Retro รถย้อนยุค ของแต่งรถ Retro ในงาน “Nostalgic2Days”

Nostalgic2Days-2018

ประมวลภาพรถยนต์ Retro รถย้อนยุค รถดัังในอดีต และอื่นๆ ในงาน Nostalgic2Days งานแสดงรถ Retro ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2008 ถึงปัจจุบัน เป็นการจัดงานในครั้งที่ 10 …

โดยงานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 18 กุมภาพันธ์ 2561 ณ Pacifico Yokohama เมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น … ทาง Carro ขอเก็บตกภาพบรรยากาศ พร้อมรถ Retro รถย้อนยุค สวยๆ มาให้ชมกันครับ

Nostalgic2Days-2018

มุม Isuzu

Nostalgic2Days-2018

Datsun Skyline Coupe C10

Nostalgic2Days-2018

Datsun Bluebird

Nostalgic2Days-2018

Hino Contessa

Nostalgic2Days-2018

Mazda RX-7

Nostalgic2Days-2018

Datsun Skyline C10

Nostalgic2Days-2018

Subaru SVX

Nostalgic2Days-2018

Nissan Fairlady 240Z

Nostalgic2Days-2018

มุม Porsche

Nostalgic2Days-2018

มุม Nissan และ Dome Zero

Nostalgic2Days-2018

มุม Nissan

Nostalgic2Days-2018

Event Show

Nostalgic2Days-2018

Toyota Sprinter Trueno (AE86)

ขอบคุณภาพจาก Nostalgic2Days Fanpage

เช็กรถ

มั่นตรวจสภาพรถ เพื่อความปลอดภัย และยืดอายุการใช้งาน

หลายคนทำงานจนอาจไม่มีเวลาเช็กสภาพรถที่ใช้งานอยู่ทุกวัน หรือบางคนอาจละเลยจนมองข้ามไป ทำให้วันนี้ คาร์โร เลยอยากขอแนะนำ 7 สิ่งที่คนมีรถ ควรเช็กให้เป็นนิสัย ซึ่งนอกจากจะยืดอายุการใช้งานแล้ว ยังช่วยให้คุณประหยัดเงินค่าบำรุงรักษา และเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนได้อีกด้วย

1. ก่อนออกรถเช็กสัญญาณเตือนหน้าปัด

สังเกตไหมว่า ทุกครั้งที่เราสตาร์ทรถจะมีเครื่องหมายสัญลักษณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบเครื่องยนต์ เข็มขัดนิรภัย น้ำมันเครื่อง ระดับความร้อน และระดับน้ำมัน ซึ่งแต่ละสัญลักษณ์ก็มีสีที่แตกต่าง คือ สีเขียวแปลว่าใช้งานได้ปกติ, สีเหลืองเป็นการเตือนแต่ยังสามารถใช้ได้อยู่ สีแดงบอกถึงอันตรายให้หยุดใช้รถและรีบตรวจสอบความผิดปกติ

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องพื้นฐานก็จริง แต่ก็เป็นเรื่องพื้นฐานที่บางคนมองข้าม และรู้ตัวเอาอีกทีก็ตอนที่เกิดความเสียหายแล้ว

เช็กรถ

2. ตรวจสอบของเหลวภายในรถ

เช่นน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรค น้ำกลั่น น้ำหล่อเย็น เป็นต้น เราต้องหมั่นตรวจเช็คของเหลวเหล่านี้ให้เป็นนิสัย เพราะทุกสิ่งที่กล่าวมามีความสำคัญ และส่งผลถึงทุกการทำงานของรถที่คุณรัก เสียเวลาเช็กเล็กน้อย ดีกว่าต้องมาเสียเงินซ่อมรถที่หลังนะคะ

3. เปิดไฟทุกครั้ง

ทุกครั้งเวลาขับรถควรเช็กว่าสัญญาณไฟต่างๆ เช่นไฟหน้า ไฟหลัง ไฟเลี้ยว ไฟเบรก เปิดหรือไม่ เพราะบางครั้งมักละเลยว่าไฟเหล่านี้ยังอยู่ในสภาพใช้งานได้ อาจเป็นจุดกำเนิดของอุบัติเหตุบนท้องถนน และอุบัติเหตุก็เป็นตัวการที่ทำให้อายุการใช้งานของรถสั้นกว่าที่ควรจะเป็นด้วย

4. ตรวจเช็กลมยางให้เป็นประจำ

ควรตรวจเช็คลมยางสัปดาห์ละครั้งก็ยังดี ซึ่งนอกจากนี้ควรเช็คดอกยางด้วยว่าหายไปเยอะแค่ไหน และยางมีสิ่งผิดปกติติดอยู่บางหรือไม่ หรือกำหนดไปเลยก็ได้ว่าถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ ควรต้องเปลี่ยนทุกๆ 2 ปี เพื่อความปลอดภัย

เช็กลมยางรถ

5. แอร์เย็นเป็นปกติหรือเปล่า

ด้วยสภาพอากาศในบ้านเราที่แสงแดดแผดเผากันทุกฤดูขนาดนี้ ถ้าวันใดเกิดแอร์ของรถเสียขึ้นมาคงบันเทิงแน่ๆ เพราะฉะนั้นระวังอย่าให้น้ำยาแอร์หมด เพราะนอกจากคุณต้องทนอากาศร้อนแล้ว ยังส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น และสุดท้ายก็อาจพังก่อนเวลาอันควร

6. ดูเลขไมล์

นอกจากจะนับว่าซื้อรถมาปีไหนแล้ว ยังต้องดูที่อายุการใช้งานของรถด้วยว่าเราใช้ไปกี่กิโลเมตร เพื่อที่เราจะนำรถไปตรวจสภาพได้ถูกต้อง ตรงตามกำหนด เป็นการยืดอายุการใช้งานของรถ และลดภาระรายจ่ายค่าซ่อมรถได้อีกทางหนึ่ง ที่สำคัญ ถ้าคุณมีแผนจะขายรถต่อ อย่าลืมว่าราคาของรถมือสองส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับอายุการใช้งานนี่ล่ะ ซึ่งถ้าคุณสนใจอยากขายรถ คลิก

7. ราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันมีผลต่อชีวิตประจำอย่างมาก เพราะค่าใช้จ่ายของใช้รถหลัก ๆ ก็เป็นคงค่าน้ำมัน และนอกจากดูเรื่องราคาแล้ว ก็อย่าลืมเช็กให้แน่ใจว่าประเภทของน้ำมันที่ใช้อยู่นั้นเหมาะสมกับรถของเราด้วย ซึ่งคุณสามารถติดตามราคาน้ำมันได้ ที่นี้ 

5-Gift-For-Girl-In-Valentines-Day

ของติดรถที่สาวๆ ควรมีติดรถไว้ ในวันวาเลนไทน์

Car-Chocolate

ในช่วงวัน วาเลนไทน์ 2021 ที่กำลังมาถึงนี้ หนุ่มๆ คนใดที่กำลังมีสาวๆ ที่หมายปองอยู่ และอยากให้ของขวัญที่เธอประทับใจ และมีราคาที่มนุษย์เงินเดือน พอจะจับต้องได้ นอกจากดอกกุหลาบ ตุ๊กตา ช็อกโกแลต หรือเครื่องสำอางต่างๆ แล้ว การเลือกซื้อสิ่งที่จำเป็นสำหรับรถยนต์ของเธอ ให้เป็นของขวัญ และใช้ประโยชน์ได้ ทั้งในยามปกติและยามฉุกเฉิน ก็น่าจะเป็นที่พึงพอใจของสาวๆ นะครับ

MR.CARRO ขอแนะนำสิ่งของ 5 สิ่งที่หนุ่มๆ ควรซื้อให้สาวๆ ติดรถในวันวาเลนไทน์ ครับ.

Emergency-Car-Kit

1. อุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉิน

อุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉิน นี่ก็ถือเป็นสิ่งที่จำเป้นสำหรับสาวๆ ที่ต้องขับรถคนเดียวนะครับ มีประโยชน์อย่างมากเวลารถเสีย เพราะมีอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ ไฟฉาย สายพ่วงแบตเตอรี่ เกจ์วัดลมยาง ป้ายสามเปลี่ยมสะท้อนแสง เป็นต้น รับรองว่าต้องประทับใจผู้หญิงที่ใส่ใจในการดูแลรักษารถแน่นอน

Rilakkuma-Pillow

2. หมอน

เวลานั่งขับรถนานๆ มันก็ต้องมีเมื่อยล้าบ้างใช่ไหมล่ะ? การมีหมอนที่ช่วยหนุนหลัง หรือหนุนคอสักใบ ก็ถือเป็นการช่วยผ่อนคลายได้ดีทีเดียว และยิ่งเป็นลายน่ารักๆ เนี่ย สาวๆ มักชอบมาก

Seat-Cover

3. ผ้าคลุมเบาะ

สาวๆ หลายคนมักใช้รถที่เป็นทั้งห้องกินข้าว ห้องทำงาน บางกิจวัตร อาจสร้างความเลอะเทอะให้เกิดขึ้นกับเบาะที่นั่งได้ ดังนั้น การตกแต่งรถด้วยผ้าคลุมเบาะสวยๆ ก็เป็นที่ถูกอกถูกใจกับสาวๆ ได้ครับ

Car-Sticker

4. สติ๊กเกอร์ติดรถ

ผู้หญิงหลายคนชอบตกแต่งรถด้วยการติดสติ้กเกอร์ติดรถ หรือติดที่กระจกรถ แต่ลวดลายนั้นอาจจะแตกต่างไปจากที่ผู้ชายชอบประดับรถ … การซื้อสติ๊กเกอร์ติดรถให้ ก็ถือว่าน่าประทับใจครับ (แต่ต้องเป็นตัวการ์ตูนตัวโปรด หรือ Mascot ที่เธอชอบด้วยนะ!)

Car-Camera

5. กล้องติดหน้ารถ

กล้องติดหน้ารถ มีความสำคัญอย่างยิ่ง และถือเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นไปแล้ว สามารถบันทึกเรื่องราวต่างๆ อาทิเช่น บันทึกภาพรถยนต์ที่ทำผิดกฎจราจร หรือกรณีเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ช่วยให้ตำรวจสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ตัดสินได้ง่ายขึ้นว่าใครถูกใครผิด ซึ่งมีไว้ติดรถคุณผู้หญิงนั้น ก็ถือว่าดีไม่น้อยเลยทีเดียวครับ

ซึ่งสิ่งของ 5 สิ่งที่ทาง CARRO แนะนำในครั้งนี้ เชื่อได้ว่าน่าสนใจและมีประโยชน์ในการใช้งาน คุ้มค่าทั้งผู้ให้ สุขใจทั้งผู้รับ นะครับ

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

ถ้าสาวๆ คนไหน กำลังคิดอยากขายรถช่วงวาเลนไทน์ 2021 พอดี อยากเอาเงินไปดาวน์รถใหม่ หรือจะซื้อรถใหม่ไว้อวดหนุ่มๆ อิจฉาเล่น เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

ความเชื่อ

เชื่อกันหรือไม่ เกี่ยวกับความเชื่อของรถเหล่านี้ !!

เชื่อว่า .. คนไทยหลายบ้านมีความเชื่อเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิต เพื่อความสบายใจบางอย่างที่หลายคนก็หาคำตอบมาตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงทำเช่นกัน และแน่นอนหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของความเชื่อที่เกี่ยวกับรถ

วันนี้ Carro จึงจะยกตัวอย่าง 7 ความเชื่อที่เกี่ยวกับรถให้ได้ลองอ่านกันดู แล้วลองคิดตามดูว่าคุณเชื่อแบบนี้ด้วยหรือไม่

1. ติดสติ้กเกอร์ “รถคันนี้สี …”

หลายคนคงเคยเห็นรถจำนวนไม่น้อยเลยที่มักติดสติ้กเกอร์เป็นวลีบอกเล่าอย่าง “รถคันนี้สีขาว” บ้าง “รถคันนี้สีชมพู” บ้าง เนื่องจากความเชื่อเรื่องของสีรถยนต์ให้ถูกโฉลก นั่นเอง บางคนอาจถูกใจรถยนต์สีดำแต่ดวงชะตา (ตามความเชื่อ) ดันไปถูกโฉลกกับสีชมพู แต่จะให้ซื้อรถยนต์สีชมพู ก็เกรงว่าจะทำร้ายใจกันไปหน่อย ดังนั้น การติดสติ้กเกอร์บอกสีนี้แทน ก็เป็นช่วยแก้เคล็ดได้ในทางหนึ่งนั่นเอง

รถคันนี้สี…

2. ดูฤกษ์ออกรถ

เรื่องนี้มีหลายคนค่อนข้างให้ความสำคัญมาก เพราะถือว่าเป็นวันแรกที่จะนำรถออกมาใช้งาน เป็นวันที่จะเอารถออกจากศูนย์ จึงต้องมีการทำพิธีต่างๆมากมาย เพื่อเป็นสิริมงคลแก่รถและตัวเอง ทำให้บางคนต้องถึงขั้นกับไปหาหมอดู หรือไปหาพระเพื่อขอฤกษ์งามยามดีเพื่อการออกรถกันเลยทีเดียว

3. เลขทะเบียนสวย เลขทะเบียนมงคล

เรียกว่ากำลังเป็นกระแสมาแรงมากในปัจจุบัน เป็นเรื่องของการคำนวณผลรวมตัวเลข และเลขมงคลเลขอัปมงคล คือ ความเชื่อที่ว่าตัวเลขย่อมมีอิทธิพล และส่งผลต่อโชคชะตาของผู้ใช้ นั่นเอง ซึ่งนอกจากรถแล้วเราก็ยังจะเห็นได้อีกอย่างที่ฮิตๆ คือ เบอร์โทรศัพท์

4. การเจิมรถ

ส่วนใหญ่มักจะนิยมให้พระเป็นผู้เจิมให้ เนื่องจาก มีความเชื่อว่าหากพระท่านเจิมให้รถคันนั้นก็จะมีแต่นำพาสิ่งดีๆ เข้ามา จะก่อให้เกิดแต่โชค ขับรถไปไหนมาไหนก็ปลอดภัยทุกครั้ง คล้ายๆ กับการทำบุญเพื่ออะไรใหม่ๆ ทั้งหลาย ที่ต้องมีพระสงฆ์เป็นผู้ทำพิธีให้

5. แขวนพระไว้หน้ารถ หรือนำรูปพระเก็บไว้ที่บังแดด

การแขวนพระก็เป็นความเชื่ออย่างหนึ่ง เพราะคนเรามักเชื่อว่าหากได้นำพระมาแขวนไว้ที่หน้ารถนั่นจะทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ท่านจะคอยปกป้องอันตรายให้กับตัวเจ้าของ ทำให้ขณะเดินทางแคล้วคลาด และยังรู้สึกปลอดภัยจากสัมภเวสี เมื่อมีพระไว้ที่รถย่อมอุ่นใจมากกว่าประมาณนั้น ซึ่งเมืองไทยก็จะมี เกจิอาจารย์ดัง สำหรับการนี้ไว้อยู่เช่นกัน

ของหน้ารถ6. ให้บุพการีนั่งรถก่อน หรือให้บุพการีเป็นคนขับออกมาจากศูนย์

ข้อนี้เป็นประสบการณ์ตรงของตัวผู้เขียนเอง ไม่ว่าจะออกรถมากี่คัน ก็จะให้คุณพ่อหรือคุณแม่เป็นคนได้ขึ้นไปนั่งบนรถก่อน ก่อนที่ออกจากศูนย์ เพราะมีความเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่คือ คนที่ดูแลปกป้องเราได้ดีที่สุด และเวลาขับรถจะได้นึกถึงท่าน ไม่ให้ขับรถอย่างประมาณ นั่นเอง

7. กราบไหว้ ‘แม่ย่านาง’

ตามความเชื่อของไทย ‘แม่ย่านาง’ คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยเคารพนับถือว่าคอยคุ้มครองปกป้องกันภัย ให้แก่พาหนะ เช่น รถ เรือ หรือเชื่อว่าสิงสถิตอยู่ในรถ ในเรือ และให้คุณให้โทษแก่ผู้ขับขี่โดยสารได้ ปัจจุบันในเครื่องบินที่บรรจุผู้โดยสาร บางเครื่องมีองค์เทพแม่ย่านางตั้งอยุ่ด้วย เพื่อเป็นสิริมงคล ความปลอดภัยในการเดินทาง

และนี่ก็คือ 7 ความเชื่อเกี่ยวกับรถ ก็ต้องขอบอกไว้เลยว่า “ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและความเชื่อของแต่ละบุคคล” บางอย่างหลายคนก็ไม่เชื่อ ตัดสินใจจากความสะดวกของตัวเอง แต่บางคนก็เชื่อและนำไปปฏิบัติเพื่อความสบายใจ ตราบใดที่ไม่ได้ทำใครเดือดร้อน เพราะความเชื่อของตัวเองนะคะ