“สิงคโปร์” (Singapore) เป็นประเทศเล็กๆ ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดี ในฐานะเกาะเล็กๆ (ที่เป็นประเทศด้วย) ที่แยกตัวออกมาจากประเทศมาเลเซีย มีพื้นที่แค่เพียง 718.3 ตร.กม. ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเหมือนประเทศอื่น มีเพียงทรัพยากรมนุษย์เท่านั้น แต่สามารถสร้างประเทศ ให้เป็นศูนย์กลางทางการค้าขาย ในระดับ ASEAN และในระดับโลกได้

เป็นศูนย์รวมของบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก มีสำนักงานในประเทศนี้ และศูนย์รวมเรือสินค้าจากทั่วโลก เพราะมีท่าเรือขนส่งสินค้าปลอดภาษี ให้ผู้ซื้อ-ผู้ขาย มาทำการซื้อขายได้ที่นี่ ด้วยความที่สิงคโปร์เป็น “พ่อค้าคนกลาง” นั่นเอง

ตัวประเทศสิงคโปร์เอง ยังมีฐานะทางเศรษฐกิจดี (แม้ว่าช่วงนี้ อาจจะมีอาการ “สะดุด” ออกมาให้เห็นอยู่บ้างก็ตาม) จากการพัฒนาเศรษฐกิจด้านการค้ามาหลายสิบปี อีกทั้งยังมีแรงงานต่างชาติ ที่นิยมเข้าไปทำงานเป็นจำนวนมากอีกด้วย

พอย้อนกลับมาที่หัวเรื่อง ก็สงสัยว่าแต่ทำไม? ประเทศไทย เวลาปรับขึ้นหรือลงราคาน้ำมัน ถึงต้องอิงราคาน้ำมัน จากประเทศสิงคโปร์ด้วย?

ทำไมราคาน้ำมันไทยต้องอิงสิงคโปร์

ทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน มีรายละเอียดอธิบายดังนี้ …

สาเหตุที่ต้องอ้างอิงราคาสิงคโปร์ นั่นหมายถึง เป็นราคาที่สะท้อนถึงการซื้อ-ขาย ของทุกประเทศ ในภูมิภาคนี้

1. สะท้อนต้นทุนการนำเข้าของไทยในระดับต่ำสุด ตลาดสิงคโปร์เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุด ในภูมิภาคเอเซีย ซึ่งใกล้ไทยมากที่สุด ดังนั้น ต้นทุนในการนำเข้า จึงเป็นต้นทุนที่ถูกที่สุดที่โรงกลั่นไทยต้องแข่งขันด้วย

2. ปริมาณการซื้อ-ขาย สูง ซึ่ง สิงคโปร์ จะเป็นตลาดที่ซื้อขายน้ำมันเช่นเดียวกับนิวยอร์ค (NYMEX) โดยน้ำมันที่ทำการซื้อขาย อาจไม่ได้เก็บไว้ในสิงคโปร์ แต่จะมีการตกลงซื้อขายในสิงคโปร์ เนื่องจากจะมีบริษัทที่ทำธุรกิจซื้อขายน้ำมัน มาเปิดดำเนินการในสิงคโปร์ ปริมาณการซื้อขายน้ำมันในสิงคโปร์ จะอยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกับตลาดใหญ่ ในพื้นที่อื่น (ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง) ซึ่งทำให้ยากต่อการปั่นราคา

โดยผู้ซื้อหรือผู้ขาย และราคาจะสะท้อน จากความสามารถในการจัดหา และความต้องการน้ำมันของภูมิภาคนี้

3. ราคาสะท้อนความสามารถในการจัดหา และความต้องการของเอเซีย แม้สิงคโปร์จะมีกำลังการกลั่นรวมอยู่ที่ 1.5 ล้านบาเรลต่อวัน ซึ่งยังเป็นระดับที่ต่ำกว่า จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แต่การกลั่นของสิงคโปร์ เป็นการกลั่นเพื่อส่งออก ในขณะที่ประเทศที่มีกำลังกลั่น มากกว่าสิงคโปร์ดังกล่าว เป็นการกลั่นเพื่อใช้ในประเทศเป็นหลัก เมื่อเหลือแล้วจึงส่งออก จากการกลั่นเพื่อส่งออกเป็นหลัก ทำให้ราคาจำหน่ายของตลาดสิงคโปร์ จะสะท้อนราคาส่งออกที่แท้จริง ซึ่งจะสะท้อนความสามารถในการจัดหา และสภาพความต้องการนำน้ำมันสำเร็จรูป ของภูมิภาคเอเซีย

ทำไมราคาน้ำมันไทยต้องอิงสิงคโปร์

4. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ เป็นฐานกำหนดราคาส่งออกของประเทศต่างๆ แม้ว่าการส่งออกของสิงคโปร์จะเริ่มลดลง เพราะมีกำลังกลั่นเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ แต่ราคาที่ส่งออกของประเทศต่างๆ ยังคงใช้ราคาน้ำมันของตลาดสิงคโปร์ เป็นฐานในการกำหนดราคาส่งออก และการซื้อขายเพื่อส่งออกจากประเทศต่างๆ ยังทำการซื้อขายที่สิงคโปร์เป็นหลัก

5. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ เปลี่ยนแปลงสอดคล้องกับตลาดอื่นๆ ทั่วโลก สพช. ได้ศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในตลาดต่างๆ ได้แก่ ตลาดตะวันออกกลาง ตลาดยุโรป ตลาดอเมริกา และตลาดจรสิงคโปร์พบว่า ราคาน้ำมันสำเร็จรูปทุกตลาดต่างปรับตัวเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน และในระดับที่ใกล้เคียงกัน อาจมีบางช่วงที่ราคา ของบางตลาดเปลี่ยนแปลงในทิศทาง หรือระดับที่แตกต่างกับตลาดอื่นๆ ซึ่งเป็นเพราะภาวะที่ความต้องการ และปริมาณน้ำมันในตลาด ไม่มีความสมดุลในช่วงเวลานั้นๆ

แต่ต่อมาราคาที่แตกต่างจากตลาดอื่นมาก จะทำให้เกิดการไหลเข้า / หรือออกของน้ำมันจากตลาดอื่น จนทำให้ระดับของราคาตลาดนั้น ปรับตัวสู่ภาวะสมดุลกับตลาดอื่น ทั้งนี้ เนื่องจากน้ำมันสำเร็จรูปที่จำหน่ายในทุกตลาด เป็นสินค้าภายใต้ระบบการค้าเสรี และเป็นสากล

6. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ ผันผวนน้อยกว่าตลาดอื่นๆ จากการสังเกตความเคลื่อนไหว ของราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพบว่า ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ มีความผันผวนน้อยกว่าตลาดอื่นๆ

และการปรับตัวของราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ ในช่วงที่มีความแตกต่างจากตลาดอื่นมาก ตลาดสิงคโปร์จะใช้เวลาในการปรับตัวสู่สมดุลในเวลาประมาณ 1-3 วัน ซึ่งจะเห็นว่าการแข็งตัวของราคาน้ำมันสำเร็จรูป ในเดือนมีนาคมในตลาดจรสิงคโปร์ ได้ปรับตัวสู่ระดับปกติในช่วงหลังของเดือน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วีระ ธีรภัทร

และอันนี้เป็นความคิดเห็นในส่วนของ “วีระ ธีรภัทร” หรือ วีระ ธีระภัทรานนท์ ผู้จัดรายการชื่อดังจากรายการ คุยได้ คุยดี “Talk News & Music” ที่กล่าวไว้ในรายการเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2562 จากความทรงจำ …

“ราคาอ้างอิงสิงคโปร์ คือราคาหน้าโรงกลั่นประเทศไทย ที่อ้างอิงราคาจากที่สิงคโปร์ ไม่ใช่ราคาน้ำมันดิบ และราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปั้มน้ำมันในประเทศสิงคโปร์

ทำไมถึงใช้อ้างอิงกัน ทั้ง ญี่ปุ่น, เวียดนาม, อินโดนีเซีย เป็นต้น เพราะสิงคโปร์ มีการซื้อ-ขาย น้ำมัน ในสิงคโปร์มากที่สุดในภูมิภาคนี้ เปรียบเหมือน “ตลาดไท” ในบ้านเรา เราเชื่อว่าราคาส้มโอ หรือแตงโมที่ตลาดไท น่าจะถูกกว่าที่ตลาดสดติดบ้านเรา คุณคิดว่าถูกกว่า? หรือแพงกว่า?

แล้วทำไมเราใช้ราคาอ้างอิงที่ถูกกว่า เพราะเราใช้ราคาที่อื่นไม่ได้แล้ว อันนี้คือวิธีคิด ฉันใดฉันนั้น เพราะผู้ซื้อผู้ขายเยอะ และราคานี้ก็ขึ้นลงได้เร็ว เพราะ Demand / Supply เยอะ

ถ้าถามว่าเราไม่ใช้ราคานี้ได้ไหม ได้ ก็อิงจากราคาหน้าโรงกลั่นไป

แต่ถ้าคุณทำราคาได้ต่ำกว่าราคาอ้างอิงที่สิงคโปร์ คุณก็ได้กำไรไป”

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เหมาะกับโรงรถบ้านคุณ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

  • EPPO

Brake-Lines-Is-Important

ระบบเบรกในรถยนต์ ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเลยก็ว่าได้ เพราะถ้ารถของคุณมีระบบเบรกที่พร้อมใช้งาน ระบบเบรกที่ดี ก็ช่วยให้คุณขับรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น (แต่ก็ต้องมาพร้อมกับยางรถยนต์สภาพดี ที่ได้คุณภาพด้วยเช่นกัน)

แต่เชื่อไหมครับว่า เวลาที่หลายต่อหลายคน นำรถไปเข้าอู่ หรือศูนย์บริการ เพื่อทำระบบเบรก ไม่ว่าจะไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก เปลี่ยนผ้าเบรก เจียรจานเบรก หรือเปลี่ยนจานเบรกใหม่ก็ตาม หลายคนอาจจะละเลย “ท่ออ่อนเบรก” (Brake Lines) ไป หลายครั้งที่มีข่าวรถยนต์เบรกแตก เกิดอาการเหยียบเบรกไม่อยู่ เบรกจม จนเกิดอุบัติเหตุสร้างความเสียหาย หลายต่อหลายครั้ง มาจาก “ท่ออ่อนเบรก” ที่หมดสภาพ

Mr.Carro จะมาอธิบายว่า “ท่ออ่อนเบรก” มันคืออะไร มีความสำคัญอย่างไรกันครับ.

Brake-Lines-Is-Important

ท่ออ่อนเบรก คือ ส่วนที่สามารถขยับตัวได้ระหว่างตัวถังกับล้อ ทำให้การส่งน้ำมันเบรกไปยังดุมล้อนั้น ต้องขยับตัวและรับแรงบิดตามการเลี้ยวของล้อ

ท่ออ่อนเบรกนั้นจึงสำคัญมาก โดยวัสดุที่มักจะเอามาทำท่ออ่อนเบรกนั้น จะทำมาจากยางแล้วถักด้วยเส้นด้าย เมื่อหักล้อ เลี้ยว หักพวงมาลัยไปนานๆ ท่ออ่อนเบรกอาจมีอาการบวม พอง แตก หรือแตกตามข้อต่อ ทำให้น้ำมันเบรกรั่วออกมาได้ หรือมีอาการตันในท่ออ่อนเบรก

Brake-Lines-Is-Important

อาการต่างๆ ที่เกิดจากท่ออ่อนเบรกตัน หรือบวม มีอะไรบ้าง?

1. เบรกติดใขณะที่เหยียบเบรก น้ำมันถูกส่งออกมาจากแม่ปั้มเบรก ไปยังลูกสูบเบรกดันให้ฝักเบรกอ้าออก แต่ในเวลาที่ปล่อยเบรก น้ำมันเบรกไม่สามารถไหลกลับได้เพราะท่ออ่อนตีบตัน หรือไหลกลับแต่ช้ามาก ทำให้การคืนตัวของฝักเบรกช้า ทำให้เบรกติด

2. เบรกไม่อยู่ อาจจะเป็นที่ล้อใดล้อหนึ่ง เพราะน้ำมันเบรกไม่สามารถไหลผ่านท่ออ่อนไปยังลูกสูบเบรกได้

อายุของท่ออ่อนเบรก ส่วนใหญ่ใช้งานได้ประมาณ 4-5 ปี หรือประมาณ 50,000 กิโลเมตร หรือถ้าหากจับตัวดูแล้วรู้สึกยางเริ่มแข็ง ก็ควรเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว ซึ่งสายอ่อนเบรกที่ดีนั้น ต้องทนต่อแรงดันน้ำมันเบรก ความชื้น ความร้อน สารเคมี และน้ำมันเชื้อเพลิง และข้อต่อปลายต้องกันสนิมได้

3. เบรกแตก (อาการยอดฮิต ของรถบรรทุกเก่าๆ ในอดีต เป็นกันบ่อย) คือถ้าคุณใช้รถไปนานๆ ไม่เคยก้มลงไปตรวจสภาพสายอ่อนเบรกของทั้ง 4 ล้อดูเลย เมื่อเกิดอาการเสื่อมสภาพ จะทนแรงดันไม่ไหว ขณะเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน แรงดันน้ำมันเบรกจะมาสูงมาก ทำให้ท่ออ่อนเบรกทนต่อแรงดันไม่ไหว ก็อาจจะแตกหรือขาดออก ทำให้น้ำมันเบรกรั่ว และรถเบรกไม่อยู่

Brake-Lines-Is-Important

ทางที่ดี เมื่อคุณจะตรวจเปลี่ยนอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับระบบเบรกทุกครั้ง อย่าลืมตรวจสภาพ “ท่ออ่อนเบรก” ทุกครั้งนะครับ!

ถ้าคุณเกิดเบื่อซ่อมรถคันเดิม คิดอยากจะขายรถเมื่อไหร่ สามารถขายรถคันเดิมกับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Renew-Or-Choose-New-Company-Car-Insurance

ลังเลใจไม่น้อยเมื่อประกันรถยนต์ใกล้หมดแบบนี้ จะต่อประกันรถยนต์ที่เก่าดี หรือที่ใหม่ดีนะ มีข้อดีข้อเสียต่างกันยังไง ตามเรามาดูกันเลยดีกว่า 

ต่อประกันรถยนต์กับที่เดิม

ใครที่อยากจะต่อประกันรถยนต์ที่เดิมนั่น เหมาะมากๆ สำหรับใครที่ธุรกิจรัดตัว เวลาว่างไม่เยอะ ไม่ต้องการความยุ่งยากให้กับชีวิต เพราะจะต่อประกันรถยนต์ใหม่สักเจ้า นอกเหนือจากเบี้ยประกันแล้ว เราต้องศึกษาเงื่อนไขอื่นๆ เพิ่มเติม แถมต้องคอยเปรียบเทียบประกันอีก ทำให้หลายคนตัดปัญหาที่แสนยุ่งยากเหล่านั้นดว้ยการต่อประกันภัยรถยนต์ที่เดิมแทน

นอกจากนี้ ข้อดีของการต่อประกันรถยนต์ที่เดิม คือ มีส่วนลดเบี้ยประกันภัยในปีต่อไป หากคุณต้องการตัดรายจ่าย ถ้าได้ความคุ้มครองเท่าเดิม แต่จ่ายน้อยลง ที่เดิมนี่แหละที่ตอบโจทย์! แถมยังสะดวกสบายไม่ต้องตระเตรียมเอกสารใหม่ๆ ให้ยุ่งยาก 

ถ้าประกันรถยนต์เจ้าเดิมของคุณไม่มีปัญหา ตอบโจทย์ครบถ้วนอยู่แล้ว ก็คงไม่มีใครคิดจะอยากเปลี่ยนเจ้าประกันรถยนต์หรอก จริงไหมล่ะ

Renew-Or-Choose-New-Company-Car-Insurance

ต่อประกันรถยนต์เปลี่ยนที่ใหม่

ถ้าประกันรถยนต์เจ้าเก่าไม่ค่อยตอบโจทย์เอาเสียเลย การเปลี่ยนไปต่อประกันรถยนต์เจ้าใหม่ๆ น่าจะตอบโจทย์มากกว่า! นอกจากนี้การเปลี่ยนเจ้าต่อประกันรถยนต์นั้น ให้ข้อดีใจแง่การเคลมนั่นเอง เพราะหากคุณเคลมบ่อย อยากจ่ายเบี้ยปีหน้าถูกลง จะต้องย้ายค่ายไปหาเจ้าใหม่จะช่วยให้เบี้ยประกันคุณถูกลงมากกว่า

นอกจากนี้ อาจจะมีสิทธิ์ได้รับส่วนลดมากกว่าอีกด้วย เพราะหลายเจ้ามักมีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมให้กับลูกค้าใหม่ๆ  แต่การเปลี่ยนเจ้า เปลี่ยนที่ต่อประกันรถยนต์ใหม่นั่น มีข้อเสียคือเสี่ยงนั่นเอง เสี่ยงว่าถ้าเราเปรียบเทียบไม่ดี ก็อาจจะเจอประกันรถยนต์ที่แย่กว่าเจ้าเก่าได้ และกว่าจะเปลี่ยนก็ต้องรออีกทีปีหน้าเลยนะ! 

แบบนี้เลือกยังไงให้ชัวร์ ? 

สำหรับใครที่ยังลังเล ชั่งใจว่าจะต่อประกันรถยนต์ที่ไหนดี ที่เก่า หรือที่ใหม่ดีนะ ขอแบบนี้บอกเลยว่าไม่ตายตัว และขึ้นอยู่กับเงื่อนไข ปัจจัยต่างๆ ขอแต่ละคน เช่น ถ้าประกันเจ้าเดิมดี มีส่วนลดต่างๆ ที่น่าสนใจ เวลาเคลม ไปอู่ซ่อมก็สบาย ไม่ยากอะไร คุณก็อาจจะต่อที่เดิมก็ได้

แต่ถ้าใครที่อยากจะเปลี่ยนที่ใหม่ แสวงหาประกันรถยนต์ที่ดีกว่าประกันรถยนต์เดิมๆ ลองมาทำความรู้จักกับ บริการเปรียบเทียบประกันรถยนต์จาก rabbit finance ที่ให้คุณเปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้สะดวกสบาย ไม่ต้องยุ่งยาก ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถค้นหาประกัรรถยนต์พร้อมโปรโมชั่นที่โดนใจ เหมาะกับเงินในกระเป๋าได้ง่ายๆ ไม่ต้องยุ่งยากอีกต่อไป

Drive-Wear-Shoes-Or-Without-Shoes

นี่ก็นับเป็นปัญหาโลกแตก ของคนขับรถอีกละครับ สำหรับเรื่อง “รองเท้า”

บางคนบอก ใส่รองเท้าขับรถดีกว่า เพราะอย่างน้อย มันก็ปลอดภัยเวลาขับรถ ที่รองเท้าอาจจะไหลลื่น ไปขัดกับคลัทช์, เบรก หรือ คันเร่ง จนไม่สามารถเหยียบได้ เกิดอุบัติเหตุเมหือนที่เป็นข่าวอยู่หลายครั้ง … แต่ฝ่ายที่บอกว่า ไม่ใส่รองเท้าขับรถ เพราะว่าเวลาเหยียบคลัทช์, เบรก และคันเร่ง มันกะน้ำหนักได้มากกว่าใส่รองเท้า

ลองมาดูกันว่า เวลาขับรถ ใส่รองเท้า หรือไม่ใส่รองเท้า อันไหนดีกว่ากัน เหมาะกว่ากัน?

Drive-Wear-Shoes-Or-Without-Shoes

โดยปกติแล้ว แป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง ออกแบบมาสำหรับให้รองรับกับรองเท้า ซึ่งการขับขี่รถยนต์โดยใส่รองเท้า นับว่าถูกต้อง แต่การเลือกรองเท้าที่เหมาะสม ใส่แล้วกระชับ ไม่หลวมหรือแน่นจนเกินไป ก็จะช่วยให้ขับรถได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งเดี๋ยวนี้ยังมีการผลิตรองเท้าสำหรับใส่ขับรถ ออกมาขายอีกด้วยนะครับ

Drive-Wear-Shoes-Or-Without-Shoes

โดยรองเท้าอะไรบ้าง ที่ไม่เหมาะสมเวลาใส่ขับรถ Mr.Carro ขออธิบายดังนี้

– รองเท้าส้นสูง เพราะ ส้นของรองเท้า อาจไปติดกับเบรกหรือคันเร่ง ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
– รองเท้าแตะ เพราะ รองเท้าแตะบางคู่ พื้นเรียบจนลื่นแล้ว อาจทำให้เหยียบแป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง พลาดได้ กรณีที่เข้ามานั่งขับรถช่วงฝนตก
– รองเท้าหลวม เพราะ เท้าที่เล็กกว่ารองเท้า ทำให้การเหยียบแป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง ได้ลำบากมากขึ้น

Drive-Wear-Shoes-Or-Without-Shoes

การขับรถโดยถอดรองเท้า ตามจริงแล้วก็ไม่ผิดนะครับ (ยกเว้นผู้ที่เป็นคนขับรถสาธารณะ ไม่สามารถถอดรองเท้าขับรถได้ เพราะผิดกฎหมาย) เพียงแต่ไม่ปลอดภัย และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ กรณีที่มีรองเท้า ไหลเข้าไปขัดอยู่ที่แป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง

อีกทั้งการวางสิ่งของต่างๆ เช่น ขวดน้ำ กระบอกน้ำ กล่องแว่นตา กระเป๋า ไว้บริเวณที่พักเท้าด้านคนขับ ก็ยังจัดว่าอัตรายอีกด้วย! เพราะสิ่งของอาจะเลื่อนไหลไปขัดที่แป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง ได้!

ถ้าคุณเกิดอยากตัดสินใจขายรถด่วนๆ เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ที่ประหยัดน้ำมันขึ้น หรือขับเคลื่อนธุรกิจคุณ สามารถขายรถคันเดิมกับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Masii-Auto-Insurance-And-Secondhand-Car

หากพูดถึงรถยนต์มือสอง แน่นอนว่าหลายๆ คน ก็มักจะเลือกซื้อใช้ เพราะเนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่ารถยนต์มือหนึ่งป้ายแดงอย่างเห็นได้ชัดเจน และรวมไปถึงเรื่องของคุณภาพ และสภาพรถยนต์มือสองทั่วไปในปัจจุบัน ก็คงสภาพได้ดีด้วยอีกด้วย ดังนั้น ไม่แปลกใจเท่าไรที่เพื่อนๆ หลายคนเลือกใช้รถยนต์มือสองกันมากขึ้น

Carro-Masii-Auto-Insurance-And-Secondhand-Car

ใช้รถมือสอง ประกันรถยนต์ยังจำเป็นอยู่ไหม?

แน่นอนว่าอาจจะมีเพื่อนๆ หลายคนที่มักมีความคิดว่าการซื้อรถยนต์มือสองคือการซื้อขาย หรือใช้รถยนต์ต่อจากคนอื่น ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องมีประกันรถยนต์ก็ได้เหมือนกัน อาจจะดูเป็นความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไรนัก แต่เชื่อสิว่ายังมีคนคิดแบบนี้อยู่จริงๆ นะ ทางมาสิ ขอแนะนำให้เพื่อนๆ พักความเชื่อเหล่านี้เอาไว้ก่อน

เราอยากจะบอกว่ากับเพื่อนๆ ทุกคนว่า ประกันภัยรถยนต์ยังถือว่าเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างมากสำหรับเพื่อนๆ ที่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งป้ายแดงหรือมือสองก็ตาม เพราะหน้าที่หลักของการทำประกันรถยนต์ คือ การคุ้มครองทั้งตัวเราและรถยนต์ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เกิดเหตุที่ไม่คาดคิด เห็นไหมว่า มันไม่เกี่ยวกันเลยว่าต้องเป็นรถยนต์มือหนึ่งอย่างเดียวที่ควรทำ รถยนต์ใดๆ ก็สามารถทำประกันรถยนต์ได้ทั้งนั้น

แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่ซื้อรถมือสองมาใช้งาน แล้วพบว่าไม่รู้ว่า เราควรจะเลือกทำประกันรถมือสองประเภทไหนดีถึงจะเหมาะสม วันนี้ มาสิ มีคำแนะนำดีๆ มาฝากกัน ไปดูกันว่า รถมือสอง ทำประกันรถยนต์แบบไหนดี

Carro-Masii-Auto-Insurance-And-Secondhand-Car

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่มีอายุรถมือสองที่ไม่เก่ามากนัก และใช้งานเป็นประกันทางเราขอแนะนำให้ทำประกันชั้น 1 ไปเลยเพราะว่า จะให้ความคุ้มครองที่มากกว่าชั้นอื่นๆ นอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยต่างๆ แต่ยังครอบคลุมไปถึงการคุ้มครองกรณีรถชนไม่มีคู่กรณีอีกด้วยนะ เช่น รถชนต้นไม้ ชนกำแพง เป็นต้น

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+

สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากประหยัดค่าเบี้ยประกันน้อยลง ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เป็นตัวเลือกที่เหมาะมากสำหรับรถมือสอง โดยเฉพาะหากรถมือสองมีอายุมากกว่า 3 ปีขึ้นไป สำหรับความคุ้มครองนั้นจะใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ชั้น 1 เลย แตกต่างตรงกันที่ชั้น 2+ จะชดเชยความเสียหายกรณีรถชนที่มีคู่กรณีเท่านั้น

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+

ประหยัดได้เพิ่มขึ้นด้วยเบี้ยประกันที่ถูกลง แต่ความคุ้มครองสำหรับชั้น 3+ นั้นไม่ได้แตกต่างกับชั้น 1 และ 2+ โดยเฉพาะรถมือสองที่มีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป ประกันชั้นนี้จะเหมาะกับรถของเพื่อนๆ เลย สำหรับความคุ้มครองจะแตกต่างตรงที่ไม่ครอบคลุมถึงรถหาย และไฟไหม้รถ

เพียงเท่านี้ทาง มาสิ ก็หวังว่าเพื่อนๆ ที่มีรถมือสองอยู่น่าจะทราบและหาได้แล้วว่ารถยนต์ของเราเหมาะกับประกันรถยนต์ชั้นไหน หากใครสนใจหรือมองหาประกันรถยนต์ สามารถโทรเข้ามาสอบถามเบี้ยได้เลยที่ 02-710-3100 หรือ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

Carro-Masii-Trick-To-Save-Oil-Your-Car

ในปัจจุบันนี้ สิ่งหนึ่งที่คอยรบกวนเราอยู่ทุกวัน คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงไปเกือบจะทุกๆ วัน เดี๋ยวราคาขึ้นบ้าง ราคาลงบ้าง เท่ากับว่าถ้าเป็นแบบนี้ในแต่ละเดือน เราจะเสียเงินไปกับค่าน้ำมันของรถยนต์ตัวเองประมาณกี่บาทนะ

แน่นอนว่าหลายๆ คนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่จำเป็นที่เราต้องใช้จ่ายทุกเดือนสำหรับค่าน้ำมัน แต่ถ้าเราลองมองว่าให้เรื่องจำเป็นสามารถประหยัดขึ้นมาได้ จะถือว่าเป็นการช่วยเซฟเงินในกระเป๋าของเราได้ไม่มากก็น้อย

เคล็ดลับทำอย่างไรให้ประหยัดค่าน้ำมัน

ถ้าหากเกิดคำถามที่ว่าเราจะสามารถหาวิธีประหยัดค่าน้ำมันได้จากที่ไหนบ้าง ซึ่งทาง masii อยากจะบอกเพื่อนๆ เลยว่า จริงๆ การอัปเดตคอยหมั่นดูราคาน้ำมันก็ถือว่าเป็นวิธีที่ช่วยในเบื้องต้นได้แล้ว แต่วันนี้ทางเราได้รวบรวมวิธีการเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยประหยัดค่าน้ำมันมากฝากเพื่อนๆ ชาว Carro จ้า

ตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์

Carro-Masii-Trick-To-Save-Oil-Your-Car

สิ่งแรกเลย วิธีที่จะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้มากขึ้นคือ การหมั่นเช็กดูสภาพรถยนต์ของตัวเอง โดยหลักๆ ทาง มาสิ แนะนำว่าให้เพื่อนๆ ตรวจดูอะไหล่เครื่องยนต์ เพราะถ้าหากเราไม่เปลี่ยนอะไหล่เดิมให้เป็นอะไหล่ที่มีสภาพที่พร้อมใช้งาน จะทำให้อายุการใช้งานของรถสั้นลง ส่งผลให้รถกินน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม

บรรทุกของตามความเหมาะสม

มาสิเข้าใจว่าเพื่อนๆ หลายคนมักจะใช้ชีวิตอยู่บนรถยนต์เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวบนรถยนต์ แต่งหน้าบนรถยนต์ หรือแม้แต่การรับประทานอาหารรถยนต์ก็ต้องทำมาบ้างแล้ว แบบนี้ส่งผลทำให้รถยนต์ของเราบรรทุกของมากขึ้น อาทิเช่น กระเป๋าเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง รวมไปถึงสัมภาระอื่นๆ เท่ากับว่ายิ่งรถยนต์ของเรามีน้ำหนักมากขึ้น ก็จะทำให้รถทำงานมากขึ้นกว่าเดิม

รักษาความเร็วให้มั่นคง

วิธีที่จะช่วยให้รถยนต์ของเพื่อนๆ ประหยัดค่าน้ำมันได้มากขึ้นคือ การขับขี่รถยนต์ด้วยอัตราความเร็วที่เหมาะสมคือ 60-70 กม./ชม. ซึ่งถ้าเพื่อนๆ สามารถทำได้จะเป็นการประหยัดน้ำมันไปได้ถึง 15-20% และลดความเสี่ยงอุบัติเหตุที่จะเกิดท้องถนนได้อีกด้วย

ทำบัตรเครดิตสำหรับการเติมน้ำมัน

Carro-Masii-Trick-To-Save-Oil-Your-Car

สิ่งสุดท้ายที่อยากจะแนะนำเพื่อนๆ หลายคนคือ การทำบัตรเครดิตสำหรับการเติมน้ำมัน แน่นอนว่าธนาคารหรือสถาบันทางการเงินได้จับมือรวมกับปั๊มน้ำมันมากมาย เพื่อเสนอสิทธิพิเศษ โปรโมชั่น และส่วนลดต่างๆ ยิ่งถ้าหากเราจำเป็นต้องเติมน้ำมันอยู่แล้ว ลองรูดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติมน้ำมันอาจจะได้รับส่วนลด เครดิตเงินคืน สูงสุดถึง 3-5% ก็เป็นไปได้ อาจจะเป็นยอดจำนวนเงินที่ไม่มากไม่น้อย แต่ที่แน่ๆ คือช่วยเราประหยัดค่าน้ำมันได้มากขึ้นนั่นเอง

เพียงเท่านี้ หากเพื่อนๆ ลองปฎิบัติตามกันดูสัก 2-3 ข้อบอกเลยว่า ค่าน้ำมันแต่ละเดือนที่เพื่อนๆ ใช้จ่ายไป จะประหยัดขึ้นได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีเงินเก็บ เงินออมไว้ใช้ในยามจำเป็นอีกด้วยจ้า ถ้าอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถโทรเข้ามาได้ที่ 02 710 3100 หรือไลน์ @masii

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

Claim-Car-Insurance-About-Flood

ช่วงนี้ หลายต่อหลายพื้นที่ของประเทศไทย ก็อยู่ในช่วงฤดูมรสุม โดนพายุฝนกระหน่ำกันไปถ้วนหน้า ถ้าท่านใดสามารถขนข้าวของ ขนรถหนีน้ำได้ทัน ก็ถือว่าโชคดีไป แต่บางหลายอาจจะขนข้าวขนของ ขนรถหนีไม่ทัน (เช่น รถจอดอยู่ชั้นใต้ดินของคอนโดมิเนียม) โดนน้ำท่วมไปต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว นับเป็นความสูญเสียที่มหาศาล ทั้งทรัพย์สินและที่อยู่อาศัย

สำหรับประกันภัยรถยนต์บางชนิด เช่น ประกันภัยชั้น 1 ที่มีครอบคลุมไปถึงภัยธรรมชาติ หรือประกันภัยแบบพิเศษ อาทิเช่น ประกันภัยชั้น 2+ และ 3+ เป็นต้น หากรถใครที่มีประกันภัยชนิดดังกล่าว ก็จะช่วยลดความกังวลในการจ่ายค่าซ่อมไปได้บ้าง

Claim-Car-Insurance-About-Flood

หากรถโดนน้ำท่วมแล้ว (แล้วรถมีประภันภัย เช่น ชั้น 1) จะมีวิธีเคลมประกันได้อย่างไร กรณีน้ำท่วมรถ

1. แจ้งเคลมกับบริษัทประกันภัย ให้มาตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือถ้าไม่สะดวกก็ถ่ายรูปรถยนต์รอบๆ รถเอาไว้ ตอนที่เกิดน้ำท่วมเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน

2. บริษัทประกันภัยก็จะติดต่อนัดหมายผู้เอาประกันภัย เพื่อเข้าไปตรวจสอบรถยนต์คันที่เสียหาย หรือาจจะขอนัดคุณไปดูว่า รถคันที่เสียหายตอนนี้ จอดอยู่ ณ สถานที่แห่งใด ก่อนจะลากรถไปยังอู่ซ่อมรถ หรือศูนย์บริการ เพื่อทำการตรวจสอบสภาพรถ

3. อู่หรือศูนย์บริการ ก็จะทำการประเมินความเสียหาย ประเมินรายการจัดซ่อม ซึ่งสามารถตัดสินออกได้เป็นอีก 2 แบบ ได้แก่

  • กรณีรถยนต์เสียหายอย่างสิ้นเชิง (หรือ Total Loss) คือ ส่วนใหญ่บริษัทประกันภัย จะประเมินมูลค่าความเสียหายที่ 70% ของมูลค่ารถคันนั้น ซึ่งหากพิจารณาจากความเสียหาย ในกรณีนี้คือ รถจมน้ำท่วมมิดคัน หรือ ท่วมเกินช่วงคอนโซลหน้า ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับทั้งห้องโดยสาร
    หากบริษัทประกันภัยพิจารณาแล้วว่า รถยนต์คันดังกล่าว ไม่คุ้มที่จะซ่อมให้กลับมาสภาพเดิมได้ ซึ่งรวมถึงเครื่องยนต์ ก็จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ให้ตามทุนประกันภัยที่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยเจ้าของรถหรือผู้รับผลประโยชน์ ต้องโอนกรรมสิทธิ์ (คืนซากรถ) ให้กับบริษัทประกันภัย และกรมธรรม์ฉบับดังกล่าวก็ถือเป็นอันสิ้นสุดความคุ้มครองไป
  • กรณีรถยนต์เสียหายบางส่วน (หรือ Partial Loss) คือ รถยนต์ไม่เสียหายมากนัก สามารถซ่อมให้กลับมาใช้งานได้ตามเดิม บริษัทประกันภัยก็จะพิจารณาให้เป็นลักษณะความเสียหายบางส่วนเท่านั้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการประเมินของบริษัทประกันภัยด้วย ซึ่งมีรายละเอียดตามนี้

 

OIC-Repair-method-of-each-water-level-rank

 

ระดับ A น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์ ประเมินค่าซ่อม 8,000-10,000 บาท มีรายการที่ต้องดำเนินการ 15 รายการ เช่น ตรวจสอบแบ็ตเตอรี่ (ถอดขั้ว/ตรวจสอบน้ำกลั่น/ไฟ-ชาร์ท) ทำความสะอาดตัวรถ ล้าง-อัด-ฉีด ขัดสี ถอดเบาะนั่ง หน้า-หลัง ถอดคอนโซลกลาง (คันเกียร์) ถอดพรมในเก๋ง-ซักล้าง-ตาก-อบแห้ง ถอดคันเร่ง (รถที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าและเซ็นเซอร์)

ถอดลูกยางอุดรูพื้นรถและทำความสะอาด ล้างทำความสะอาดห้องเครื่อง-เป่าแห้ง ตรวจสอบทำความสะอาดระบบเบรก 4 ล้อ/ผ้าเบรก ทำความสะอาดสายไฟ-ปลั๊กไฟด้วยน้ำยาเคมีภัณฑ์ ตรวจสอบชุดท่อพักไอเสีย (แคทธาเรติค)

ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง ประเมินค่าซ่อม 15,000 -20,000 บาท มีรายการที่ต้องดำเนินการ 26 รายการ โดยเพิ่มเติมจาก 15 รายการในระดับ A คือ การถ่ายน้ำมันเครื่อง-เกียร์-เฟืองท้าย กรองน้ำมันเครื่อง-กรองอากาศ-กรองเบนซิน-กรองโซล่า ตรวจระบบจุดระเบิด หัวเทียน จานจ่าย หัวฉีด ตรวจสอบชุดเพลาขับ

ถอดทำความสะอาดแผงประตูทั้ง 4 บาน ตรวจชุดสวิทซ์สตาร์ท-กล่องควบคุมไฟ- กล่องฟิวส์ ถอดทำความสะอาดไล่ความชื้นระบบเข็มขัดนิรภัย ถอดทำความสะอาดชุดมอเตอร์ยกกระจกไฟฟ้า ตรวจสอบทำความสะอาดเบาะ ถอดทำความสะอาด (ไดสตาร์ทและไดชาร์จ) เพื่อไล่ความชื้น

Claim-Car-Insurance-About-Flood

ระดับ C น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท มีรายการที่ต้องดำเนินการ 39 รายการ โดยเพิ่มเติมจาก ระดับ A และ B คือ ตรวจสอบชุดอีโมไรท์เซอร์/ระบบ GPS (ที่ติดมากับรุ่นรถ) ตรวจสอบไล่น้ำออกจากเครื่องยนต์ ท่อไอดี ห้องเผาไหม้ ตรวจสอบลูกปืนไดชาร์ท ลูกรอก ตรวจสอบทำความสะอาดระบบไฟส่องสว่าง (ไฟหน้า-ท้าย-เลี้ยว) ตรวจเช็คระบบขับเลี้ยวไฟฟ้า

ถอดตรวจเช็คตู้แอร์ มอเตอร์ โบวเวอร์ เซ็นเซอร์ ถอดหน้าปัดเรือนไมล์ เกจ์ ถอดตรวจเช็คระบบไฟฟ้าและสายไฟขั้วต่างๆ ตรวจเช็คระบบเครื่องเสียง-วิทยุ-แอมป์-ลำโพง ตรวจเช็คระบบเบรก (ABS) ตรวจชุดหม้อลมเบรก/ แม่ปั้มบน-ล่าง ตรวจสอบลูกปืนล้อ-ลูกหมาก-ลูกยางต่างๆ ผ้าหลังคา/แมกกะไลท์

ระดับ D น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 30,000 บาท ขึ้นไป มีรายการที่ต้องดำเนินการ 40 รายการ โดยเพิ่มเติมจาก ระดับ A – C มา 1 รายการ คือ ทำสี (กรณีสีรถได้รับความเสียหาย) ซึ่งในกรณีนี้ทางบริษัทผู้รับประกันภัยอาจพิจารณาคืนทุนประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัยก็ได้

และระดับ E รถยนต์จมน้ำทั้งคัน ซึ่งในกรณีนี้ บริษัทผู้รับประกันภัยจะคืนทุนประกันภัย ให้กับผู้รับประกันภัยสถานเดียว

Claim-Car-Insurance-About-Flood

โดยที่บริษัทประกันภัย จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น ค่าทำความสะอาดภายในรถ ซักเบาะ พรม ขัดสี ทำความสะอาดต่างๆ ซึ่งคุณสามารถนำหลักฐานไปเคลมประกันภัยได้เช่นกัน

และเมื่อรถซ่อมเสร็จนำกลับมาใช้ ถ้าพบปัญหาจากระบบต่างๆ ของตัวรถ ที่เป็นสาเหตุเกิดจากตอนถูกน้ำท่วม ก็สามารถแจ้งบริษัทประกันภัยได้ทันที เพื่อเคลมความเสียหายต่อเนื่องครับ

CARRO-MSIG-Insurance-Promotion-2020

หากรถของคุณที่ใช้งานในช่วงนี้ ต้องเสี่ยงกับการเจอน้ำท่วมบ่อยๆ ไม่ว่าจะขับรถไปเจอ หรือจอดรถไว้อยู่กับที่ ก็ลองทำประกันภัยชั้น 2+ (Safe Guard 2+) หรือ 3+ (Safe Guard 3+) ของทาง MSIG Insurance ดูสิ เพราะว่าประกันภัยดังกล่าวมี Cover เรื่องซ่อมรถกรณีรถถูกน้ำท่วมเพิ่มเติมด้วย คลิกเลยที่ ซื้อประกันภัยรถยนต์ CARRO X MSIG ประกันภัย อีกทั้งช่วงนี้ยังมี ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ทั่วประเทศอีกด้วย

ส่วนใครที่อยากขายรถที่ถูกน้ำท่วมมา ไม่ว่าจะเป็นรถบ้าน รถมือสอง ก็สามารถปรึกษากับทางเราดูก่อนได้ เพียงแค่คุณขายรถคันเดิมกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

หากท่านใดอ่านแล้วยังมีข้อสงสัย หรือมีปัญหาไม่ได้รับความเป็นธรรม ในการเคลมประกันภัยจากบริษัทประกันภัย ก็สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186 ครับผม

แหล่งที่มา :

Carro x Frank - จะให้ดี... ควรต่อประกันรถตอนไหน

มีรถยนต์ก็ต้องดูแล! ต้องเทคแคร์อย่าให้ขาดทั้งน้ำมัน ทั้งซ่อมบำรุง ทั้งเติมลมยาง และอื่นๆ มากมาย และที่ลืมไม่ได้เลยคือการต่อประกันรถยนต์เพิ่มความคุ้มครองนอกเหนือจาก พ.ร.บ.รถยนต์

ถามว่าเราควรต่อประกันรถยนต์ตอนไหน ?

คงต้องตอบตรงๆ ว่า มีให้เลือกต่อประกันรถยนต์หลายช่วงเวลาตามนี้

1. ต่อล่วงหน้า 3 เดือนก่อนหมดอายุ
2. ต่อล่วงหน้า 1 เดือนก่อนหมดอายุ
3. ต่อล่วงหน้า 1 วันก่อนหมดอายุ

และเพื่อชาว CARRO ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพนกวิน Frank.co.th โบรกเกอร์ประกันภัยออนไลน์ขออธิบายตามนี้ครับ!!

Car-Insurance-For-New-Driver

1. ต่อประกันรถล่วงหน้า 3 เดือน

คงต้องบอกว่า “หากกลัวลืม!!” และต้องการความดูแลต่อเนื่อง
เราสามารถต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า 3 เดือนก่อนประกันหมดอายุ

สำหรับการต่อประกันล่วงหน้ามีข้อดียังไงบ้าง ?

  • มีเวลาได้พิจารณาเงื่อนไขที่ดีที่สุด
  • มีเวลาอ่านข้อตกลง และเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยที่ต้องการ
  • มีเวลาผ่อนจ่ายยาว ๆ สบาย ๆ ไม่ตึงมือ
  • มีเวลาเคลมรถยนต์และนำเข้าซ่อมก่อนต่อประกันกับที่ใหม่
  • และที่สำคัญคือมีความคุ้มครองต่อเนื่อง

ดังนั้น การต่อประกันภัยล่วงหน้า 3 เดือนนั้น เหมาะสำหรับคนขี้ลืมและเหมาะกับคนที่ต้องการเปลี่ยนบริษัทฯ ประกันรถยนต์เป็นบริษัทใหม่ แนะนำให้ซื้อประกันล่วงหน้าเลย หากใครเงินไม่พออยากได้ประกันชั้น 1 บางโบรกเกอร์มีผ่อน 0% ให้เลือกด้วยนะ

What-Is-Excess-In-Insurance

2. ต่อประกันรถล่วงหน้า 1 เดือน

ไม่มากไม่น้อยครับสำหรับช่วงเวลา 1 เดือน สำหรับคนที่ต้องการต่อประกันกับเจ้าใหม่ เมินบริษัทฯ เดิม เรายังมีเวลาได้หายใจหายคอดูเบี้ยประกันภัย เทียบความคุ้มครอง เลือกทุนประกัน และมองหาบริการเสริมอื่นๆ จากโบรกเกอร์ออนไลน์เจ้าดังทั้งหลายที่พร้อมให้บริการ

ข้อดีของการต่อประกันรถล่วงหน้า 1 เดือน คือ

  • ไม่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้านานเกินไป
  • มีเวลาเคลมรอยรอบคัน หรือเคลมแห้งซ่อมกับประกันเจ้าเดิม
  • รับความคุ้มครองต่อเนื่อง (แต่ต้องตัดสินใจในทันนะ)

Old-Car-Over-7-Years-With-Insurance

3. ต่อประกันรถล่วงหน้า 1 วันก่อนหมดอายุ

ถ้าเลือกเพลินเกินห้ามใจ อันนี้ก็ดีอันโน้นก็ดี ตัดใจไม่ได้สักที อันนี้ก็ต้องบอกว่าอาจเสี่ยงหน่อย ๆ ครับ สำหรับการซื้อล่วงหน้า 1 วันก่อนหมดอายุ เพราะประกันรถยนต์บางเจ้าอาจจะต้องใช้เวลาตรวจสอบรถยนต์ก่อนรับประกันก็มี และอาจจะมีระยะเวลาดำเนินการอยู่บ้างครับ

อ่านมาถึงตรงนี้เลือกได้หรือยังครับ ? ว่าต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้าแบบไหนเหมาะกับเรา ?

ขอบคุณข้อมูลจาก Frank.co.th ประกันที่รวดเร็ว เรียบง่าย และจริงใจกับคุณ

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก จส.100

10-ศัพท์ขายรถมือสอง-ที่คุณต้องรู้-ก่อนจะขายรถ!

ในอดีตหากใครที่ต้องการประกาศขายรถด้วยตัวเอง ช่องทางการขายก็มีค่อนข้างจำกัดกว่าในปัจจุบันมาก เช่น ลงประกาศขายรถในหนังสือพิมพ์ ในนิตยสารรถยนต์ หรือนิตยสารที่เกี่ยวกับรถมือสองเล่มใหญ่ๆ แบบสมัยก่อน

นอกจากการถ่ายรูปรถออกมาให้สวยแล้ว การใช้คำโฆษณาที่กระชับ ดูน่าสนใจ ก็เป็นหนึ่งในจุดสนใจที่ทำให้คนหันมามองรถคันนั้น จนนำไปสู่การไปดูรถของจริง ทดลองขับ ก่อนจะจ่ายเงินและทำสัญญาซื้อขาย

แต่ถ้าคุณอ่านแล้วรู้สึกสงสัยกับ “ศัพท์ขายรถมือสอง” MR.CARRO จะมาอธิบายให้ฟัง ว่าแต่ละคำนั้น หมายความว่าอย่างไร …

Know-10-Thai-Words-About-Used-Car

1. อ.ว.ท.ม.

อ.ว.ท.ม. นั้น ย่อมาจาก “แอร์ วิทยุ เทป แม็ก” (ไม่ใช่ “เอาไว้ทำไม” แบบนี้คนยุคปัจจุบันพูดกันนะ!) เป็นศัพท์ที่คนอายุ 30+ ขึ้นไปถึงจะรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาหน่อย

เพราะการลงขายรถในอดีต เนื้อที่ในนิตยสารมีจำกัด การลงขายละเอียดย่อๆ ให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย ถือว่าสำคัญที่สุด ซึ่งในสมัยก่อน รถใครที่มีครบทั้ง 4 ออพชั่นนี้ ถือว่าแจ๋วจริงๆ ในยุคที่รถหลายรุ่นแอร์ซื้อต้องแยกต่างหาก ติดวิทยุ เทป แยก และล้อแม็ก ที่มีมาให้เฉพาะรุ่นท็อปๆ เท่านั้น

2. รถมือเดียว

เต็นท์รถยนต์หลายเต็นท์มักการันตีว่า รถที่ลงขายนี่เป็น “รถมือเดียว” นะ! โดยรถมือเดียว ใช้กันเยอะมาก มักใช้ในความหมายที่พูดถึงว่าเป็นรถที่เจ้าของใช้คนเดียวตั้งแต่ป้ายแดงจนขาย เพราะเชื่อกันว่า ขับคนเดียว สภาพรถต้องดีกว่าขับกันหลายๆ คน

แต่ในความเป็นจริง รถคันที่ลงขาย อาจจะเป็นรถที่เปลี่ยนมาหลายมือ เพียงแต่ถือชุดโอนลอยไว้ ไม่ได้โอนเป็นชื่อเจ้าของรถคนล่าสุด หรือขับมาหลายคนแล้วก็เป็นได้ ทางที่ดี ถ้าคุณเล็งๆ รถคันไหนไว้อยู่ ลองเอาเลขทะเบียน เลขรหัสตัวถัง เช็กกับศูนย์บริการดูสภาพรถก่อนก็ได้ ว่าตรวจซ่อมบำรุงมากี่ครั้ง

Know-10-Thai-Words-About-Used-Car

3. รถคันนี้ “ผู้หญิงขับ”

คุณคงเคยเห็นรถบ้านหรือคัน หรือรถเต็นท์โฆษณามา “รถผู้หญิงใช้” คงจะต้องถนอม สภาพดีแน่ๆ (แต่เรื่องรอยเฉียวชนเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจจะมีบ้างเป็นเรื่องปกติ) และดูแลรถได้ดีกว่าผู้ชายใช้แน่ๆ แต่เรื่องนี้ก็ไม่เสมอไป

เพราะผู้หญิงหลายคนนั้น ก็อาจจะใช้รถอย่างเดียวจริงๆ วิ่งกันจนเครื่องยนต์ความร้อนขึ้น วิ่งกันจนน้ำมันเครื่องแห้ง ก็เป็นไปได้ ดังนั้น การดูแลรักษารถที่มีสภาพที่พร้อมใช้ น่าจะเป็นสิ่งที่คนซื้อรถมือสอง โฟกัสในจุดนี้ มากกว่ามาดูว่ารถคันไหนผู้ชายใช้ หรือผู้หญิงใช้

4. วิ่งน้อย, ไมล์น้อย, ไมล์แท้ๆ

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารถคันนี้ใช้งานมาน้อย ซึ่งก็อาจจะน้อยมากจริงๆ หากเทียบกับรถมือสองในรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งหลายคนใช้ความเป็นรถวิ่งน้อย อัพราคาขายได้มากขึ้นนิดหน่อย

แต่รถวิ่งน้อยหลายคัน ก็อาจจะไม่ได้มีสภาพที่ดีเสมอไป บางคันวิ่งน้อย แต่จอดตากแดดตากฝนจนสภาพสีซีด สีแตก หรือมีรอยเฉี่ยวชนมาเต็มคันก็มี ดังนั้นก่อนจะเลือกรถคันไหน ก็ต้องดูองค์ประกอบโดยรวมด้วยครับ อีกทั้งในยุคที่ไมล์แบบธรรมดา หรือไมล์แบบดิจิทัล สามารถ “กรอ” กันได้หมด ก็ลองเอารถไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการดูก่อนนะครับ ว่ารถคันนี้ วิ่งมาแท้จริงกี่กิโลเมตร …

Know-10-Thai-Words-About-Used-Car

5. ประวัติดี มี Book Service เช็กได้

อีกหนึ่งทริคที่เต็นท์ขายรถมักใช้ศัพท์นี้กัน ในการเสนอการขาย เนื่องจากศูนย์บริการจะมีเก็บข้อมูลตั้งแต่ตอนเจ้าของคนแรกออกรถมา ไปจนถึงการเข้ารับบริการ การตรวจเช็คตามระยะกิโลเมตร ของรถคันนั้นๆ เอาไว้ ทำให้คนที่จะซื้อรถ สามารถตรวจสอบข้อมูลรถคันที่ต้องการเบื้องต้นได้

ซึ่งอย่างน้อยก็มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า รถคันนี้ ได้เข้ารับการบำรุงรักษา ที่ศูนย์บริการของยี่ห้อนั้นๆ อย่างแน่นอน

6. รถหมอใช้

ผมเองก็ได้ยินมาตั้งแต่ในอดีตแล้ว ที่เต็นท์รถชอบโฆษณาว่า “รถหมอใช้” โดยความเชื่อของคนไทยส่วนใหญ่มักเชื่อว่า อาชีพหมอหรือแพทย์นั้น เป็นคนที่มีความรู้สูง เรียนมาสูง รายได้ดี เมื่อมีรถก็กล้าที่จะเปย์เงินในการดูแล จึงทำให้ความคิดของคนจะซื้อรถ ต้องคิดว่า รถคันนี้สภาพดีแน่นอน

แต่อะไรในโลกนี้มันก็ไม่เสมอไป เพราะหมอที่ใช้รถวิ่งแบบสมบุกสมบัน ใช้งานกันจนรถมีปัญหาเยอะ ต้องรีบขายทิ้งก็มี!

Know-10-Thai-Words-About-Used-Car

7. เจ้าของไปต่างประเทศ

ในอดีต ยุคที่คนไทยแห่กันไปทำงานในต่างประเทศ “เจ้าของไปต่างประเทศ” มีใช้ให้เห็นกันบ่อยมากตามนิตยสารรถมือสอง หรือตามเต็นท์รถมือสอง

แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยมีคนใช้กันแล้ว เพราะผู้บริโภคหลายคนก็รู้ ว่าบางคนไม่ได้ไปต่างประเทศจริงๆ หรอก เพียงแต่ว่าอยากขายรถมือสอง แบบขายด่วนๆ ขายไวๆ เท่านั้น แต่ไม่แน่ เจ้าของรถอาจจะไปเมืองนอกจริงๆ แต่เอกสารชุดโอนที่ให้ไว้ ดันหมดอายุอีก! ต้องเสียเวลามาตามตัว ตามเอกสารกันยาวเลย …

8. ยุบโปรเจค, ล้มโปรเจค

ศัพท์นี้ จะมีให้เห็นกันเยอะ ในบรรดาผู้ที่เล่นรถคลาสสิค รถ Retro และรถซิ่งทั้งหลาย … รถที่ยุบโปรเจค ล้มโปรเจค ส่วนใหญ่จะเป็นรถที่เจ้าของอยากซื้อมาเก็บเดิมๆ หรือแต่งซิ่ง แต่ด้วยสภาวะทางการเงินที่ย่ำแย่ (พูดง่ายๆ คือ ไม่มีเงินจะใช้จ่ายแล้ว ในยุคนี้) ก็ต้องทำการขายรถออกมา ซึ่งบางคัน อาจจะอยู่ในสภาพปั้นอยู่ในอู่ซ่อมรถด้วยซ้ำไป

แต่การที่คุณจะซื้อรถที่ยุบโปรเจค ล้มโปรเจค ก็อาจจะต้องเตรียมเงินไว้โมดิฟาย หรือซ่อมรถมากขึ้นด้วยเช่นกัน อาจจะต้องเป็นคนที่ถูกชะตากับรถคันนั้นจริงๆ ถึงจะอยู่คู่กันได้ เพราะไม่งั้นก็คงออกมาลงประกาศขายอีก

Know-10-Thai-Words-About-Used-Car

9. ต่อรองหน้ารถ

ในยุคที่ขายรถเป็นเรื่องง่ายกว่าในอดีต อยากจะยกหูคุยกับคนขาย จะแชทคุย ก็ทำได้ง่ายๆ มักจะมาพร้อมกับการต่อรองราคาเสมอ แน่นอน ใครๆ ก็อยากได้ของดี ราคาถูก ซึ่งบางคนยังไม่ทันเห็นตัวรถจริงๆ ก็ต่อราคากันซะแบบกำปั้นทุบดินไปซะก่อน!

คนขายรถหลายคน ไม่ได้แอนตี้นักต่อราคาหรอกครับ เพียงแต่อยากให้ผู้ซื้อ ไปดูรถคันจริงๆ ก่อน แล้วก็ค่อยต่อรองราคา เอาตามความพอใจของทั้งสองฝ่าย หรือจะหาคนที่พูดเก่งๆ คนที่มีความรู้เรื่องรถ ไปช่วยดูช่วยคุยก็ได้อีกทาง

10. น้ำลาย, ไม่พูดมาก เจ็บคอ

ศัพท์นี้ มีให้เห็นเยอะพอสมควร โดยเฉพาะรถบ้านที่ขายในโซเชียลมีเดีย เนื่องมาจากว่าประสบการณ์ของคนขายรถมือสองหลายคน มักเจอกับพวกชอบจองปากเปล่าจนเบื่อ ถึงเวลานัดแล้วเงียบ ไม่มาตามนัดบ้างล่ะ ทำให้เสียโอกาสในการขายรถกับคนอื่นๆ ที่สนใจรถคันนี้ไปด้วย

หลายคนจึงจั่วหัวเป็นข้อความไว้แบบนี้เลย ว่าถ้าคุณไม่พร้อม ก็อย่า Comment เล่น! แต่ก็อาจจะทำให้คนที่สนใจ เมินเฉยไปด้วยเช่นกัน อันนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะเธอ …

สำหรับใครที่อยากขายรถตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

เช็กสภาพรถให้แม่-ก่อนออกเดินทาง

สำหรับช่วงวันแม่และตลอดเดือนของแม่ปีนี้ เพื่อนๆ หลายคนก็มักจะเลือกพาคุณแม่ของเราออกเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกันซะเป็นส่วนใหญ่แน่เลย ไม่ว่าจะเป็นการพาไปรับประทานอาหารร้านดัง พาไปเที่ยว ทำบุญเสริมสร้างดวงชะตาตามวัดต่างๆ เพียงแค่นี้ก็คงทำให้คุณแม่ของเราเปรมสุขกันเป็นที่เรียบร้อย

เช็กสภาพรถให้แม่ก่อนออกเดินทาง

แน่นอนว่าถ้าหากเพื่อนๆ ไม่ได้ออกเดินทางไปเที่ยวในช่วงวันแม่ด้วยรถขนส่งสาธารณะแล้ว การใช้รถยนต์ของคุณแม่หรือของเพื่อนๆ นั้น ก็ควรที่จะเริ่มเช็กสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานนะ จะได้ไม่ต้องกังวลถ้าหากขับรถยนต์ไปสักพักเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาเราและคุณแม่จะรับมืออย่างไรดี และยิ่งถ้าคุณแม่ของเรามีอายุเยอะแล้ว ต้องใช้รถยนต์ทุกวันไปทำงาน เพื่อนๆ ก็น่าจะลองเช็กสภาพรถให้ท่านดูนะว่ามีอะไรที่ดูไม่ปกติขึ้นมา เราจะได้รับมือและแก้ไขปัญหาได้ทันที เพื่อเป็นการป้องกันเหตุสุดวิสัยให้คุณแม่และเพิ่มความอุ่นใจให้ตัวเรา

ดังนั้นวันนี้ มาสิ ได้รวบรวมวิธีเช็กรถยนต์ของคุณแม่ให้มีสภาพพร้อมใช้งานก่อนออกเดินทางมาฝากกันจ้า รับรองว่าทั้งเราและคุณแม่จะได้เที่ยวอย่างสนุกและมีความสุขในช่วงวันแม่และตลอดเดือนของแม่ปีนี้แน่นอนจ้า

1.ยาง

001_car-tire

ลองตรวจสอบดูความดันของยาง ดอกยาง รวมไปถึงรอยฉีกขาด ถ้าเกิดอาการผิดปกติให้เริ่มแก้ไขทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวเพื่อนๆ และคุณแม่

2.ดวงไฟ

ให้เช็กสภาพของไฟดูว่าสภาพพร้อมมากแค่ไหน ไฟส่องสว่างมากพอรึเปล่า ตรวจดูทั้งไฟหน้า ไฟท้าย รวมไปถึงไฟเบรกต่างๆ

3.แบตเตอรี่

003_car-battery

ควรหมั่นดูและเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนดไว้ ดูลักษณะแบตเตอรี่ว่ามีร่องรอยเสียหายหรือเปล่า รวมไปถึงการเช็กดูขั้วต่อและสายไฟว่าอยู่ในสภาพที่ดีหรือไม่

เท่านี้เพื่อนๆ ก็สามารถเช็กสภาพรถยนต์เบื้องต้นได้แล้ว ถ้าหากเกิดมีข้อบกพร่องตรงไหนก็อย่าลืมรีบเข้าไปแก้ไขก่อนออกเดินทางได้อย่างทันที สำหรับการทำประกันรถยนต์ก็สามารถช่วยให้ชีวิตของเพื่อนๆ และคุณแม่อุ่นใจได้มากขึ้น หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาประกันรถยนต์ก็จะคอยคุ้มครองให้ คลิกที่นี่ เพือเช็กเบี้ยประกันรถยนต์ได้เลย ถ้าข้อมูลอยากสอบถามโทรเข้ามาที่ 02 710 3100 หรือไลน์ @masii

ขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com