เอกสาร-ใบขับขี่

การจัดเตรียมเอกสารต่อใบขับขี่

สำหรับคนที่เคยต่อใบขับขี่มาหลายครั้งอาจจะยังพอจำได้ว่าเอกสารที่ต้องเตรียมมีอะไรบ้าง แต่ 5 ปีต่อหนึ่งครั้งก็อาจจะมีหลงมีลืมกันไปบ้าง วันนี้ CARRO จึงขอเสนอวิธีการต่อใบขับขี่ทีละขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

ต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ 60-90 วัน

สำหรับผู้ที่ใบขับขี่ใกล้หมดอายุสามารถขอต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ โดยผู้ที่ถือใบอนุญาตขับรถชั่วคราว 1 ปี สามารถขอต่ออายุล่วงหน้าก่อนใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 60 วัน และจะได้รับเป็นใบอนุญาตขับรถชั่วคราว 5 ปี

ส่วนผู้ที่มีใบอนุญาตขับรถชนิด 5 ปี สามารถต่ออายุล่วงหน้าก่อนหมดอายุได้ไม่เกิน 90 วัน และจะได้รับเป็นใบอนุญาตขับขี่ชนิด 5 ปี เช่นเดิมค่ะ

เอกสาร ต่อ ใบขับขี่

การขอรับใบขับขี่รถส่วนบุคคลชนิด 5 ปี จากเดิมแบบชั่วคราว 2 ปี

หลักฐานที่ต้องเตรียม

1.ใบขับขี่ส่วนบุคคลเดิมแบบชั่วคราว 1 ปี
2.บัตรประชาชนตัวจริง และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ฉบับ (เซ็นสำเนาถูกต้อง พร้อมระบุเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ)

  • กรณีชาวต่างชาติ ให้ยื่นใบสำคัญบัตรประจำตัวคนต่างด้าว หรือหนังสือเดินทาง (Passport) พร้อมสำเนา และใบสำคัญถิ่นที่อยู่หรือใบอนุญาตการทำงาน (Work Permit) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุพร้อมสำเนา

3.ใบรับรองแพทย์ (ออกก่อนยื่นคำขอไม่เกิน 1 เดือน) ดูตัวอย่าง ใบรับรองแพทย์ที่ถูกต้อง

สำหรับใครที่อบรมข้างนอกมาแล้วสามารถนำ ใบรับรองการอบรม (กรณีผู้ทำการอบรมนอกกรมขนส่ง) มาประกอบด้วย

ส่วนขั้นตอนดำเนินการอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก > https://th.carro.co/blog/driving-license/

หากใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องเข้ารับการทดสอบข้อเขียน แต่หากหมดอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป จะต้องเข้ารับการอบรม, ทดสอบข้อเขียน และทดสอบขับรถใหม่ทั้งหมด

 

การขอรับใบขับขี่รถส่วนบุคคลชนิด 5 ปี จากเดิมชนิด 5 ปี

หลักฐานที่ต้องเตรียม

1.ใบขับขี่ส่วนบุคคลเดิมชนิด 5 ปี
2.บัตรประชาชนตัวจริง

ส่วนขั้นตอนดำเนินการอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก > https://th.carro.co/blog/driving-license/

หากใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องเข้ารับการทดสอบข้อเขียน แต่หากหมดอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป จะต้องเข้ารับการทดสอบข้อเขียนใหม่, การสอบขับรถใหม่ และเพิ่มใบรับรองแพทย์

 

อัตราค่าธรรมเนียมต่อใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราว 5 ปี

ค่าธรรมเนียม: 500 บาท
ค่าถ่ายรูปและพิมพ์บัตร: 100 บาท
ค่าคำขอ: 5 บาท
รวมทั้งสิ้น: 605 บาท

ระยะเวลาการดำเนินการต่อใบอนุญาตขับขี่จะเสร็จสิ้นภายในวันเดียว ยกเว้นกรณีใบขับขี่เดิมหมดอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป จะต้องเข้ารับการอบรมและทดสอบตามที่กำหนดด้วย

เครดิตข้อมูล: auto.sanook.com,กรมการขนส่งทางบก

10-Favorite-Cars-of-Thai-Prime-Minister

“รถยนต์” ถือเป็นยานพาหนะชิ้นหนึ่งที่สามารถแสดงให้เห็นได้ถึงสถานะ และฐานะ ของผู้ที่ครอบครอง รวมไปถึงการใช้งานในวาระพิเศษต่างๆ อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก ทุกสถานะและอาชีพ

Thaksin-Car-USA

ไม่เว้นแม้กระทั่งอาชีพ “นายกรัฐมนตรี” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเป็นประธานแห่งคณะรัฐมนตรีไทย และทำหน้าที่หัวหน้ารัฐบาลของประเทศไทย ที่ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง หรือจะมาจากวิธีพิเศษพิสดารแบบไหนก็ตาม

Prayut-Car

นายกรัฐมนตรีในอดีตหลายท่าน ต่างก็มีความชื่นชอบรถยนต์เช่นกัน หลายท่านอาจจะมีรถยนต์สะสมไว้หลายสิบคัน หรืออาจจะมีคันใดคันหนึ่ง (ซึ่งอาจจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว หรือรถยนต์ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี) ที่เรียกว่าเป็น “รถคันโปรด” และมักจะใช้ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ …

Carro ขอพาไปชม 10 รถยนต์สุดโปรดของ “นายกรัฐมนตรีไทย” ในแง่มุมของประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ในอดีต จวบจนถึงปัจจุบัน ครับ.

จอมพล ป. พิบูลสงคราม

จอมพล-ป.พิบูลสงคราม

จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ ป. พิบูลสงคราม (แปลก พิบูลสงคราม) หรือ “จอมพลกระดูกเหล็ก” เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 ของไทย ที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุด คือ 15 ปี 24 วัน รวม 8 สมัย มีนโยบายที่สำคัญๆ มากมาย ที่ช่วยพัฒนาประเทศไทย ให้เจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาอารยประเทศ มีการปลุกระดมให้คนไทยรู้สึกรักชาติ

และยังสร้าง “วัฒนธรรมของชาติ” หลายอย่างสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ เช่น การรำวง, ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย และเป็นผู้เปลี่ยนชื่อ “ประเทศสยาม” เป็น “ประเทศไทย” และเป็นผู้เปลี่ยน “เพลงชาติไทย” มาเป็นเพลงที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เป็นต้น

รถยนต์คันโปรดของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม มีมากมายหลายคัน ตั้งแต่รถยนต์ส่วนตัว และรถประจำตำแหน่งอย่าง Buick ปี 1948, Bentley R type Saloon ปี 1952, Mercedes-Benz 300SL Gullwing ปี 1955, Cadillac Fleetwood Series 75 Limousine ปี 1956 หรือรถยนต์ Citroen Traction Avant ที่ใช้ขับลี้ภัยทางการเมือง ไปยังกัมพูชาในปี 2500

แต่ที่ต้องยกให้เป็น “รถคันโปรด” ของท่านนั่นคือ “Ford Thunderbird” (ฟอร์ด ธันเดอร์เบิร์ด) ปี 1960 ที่ท่านจอมพล ได้ซื้อใช้ขณะท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกา ก่อนจะนำกลับไปใช้งานในประเทศญี่ปุ่น ช่วงที่ลี้ภัยทางการเมือง (ปัจจุบัน รถคันนี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ตั้งอยู่ภายในศูนย์การทหารปืนใหญ่ จ.ลพบุรี)

จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

จอมพลสฤษดิ์-ธนะรัชต์

จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ พลตำรวจเอก สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 11 ของไทย และเป็นหัวหน้า “คณะปฏิวัติ” มีฉายา “จอมพลผ้าขาวม้าแดง” เป็นทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, ผู้บัญชาการทหารบก และอธิบดีกรมตำรวจ เจ้าของคำพูดที่ว่า “พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ” และ “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”

เป็นผู้ริเริ่มการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2504–2509) มีการสร้างสาธารณูปโภคสำคัญ เช่น ไฟฟ้า, ประปา, ถนน ทั้งในเมืองและชนบท ซึ่งเรียกว่า “น้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก” เป็นผู้ก่อตั้งสำนักงบประมาณ ก่อตั้งธนาคารทหารไทย และ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด ออกกฎหมายเลิกการเสพและจำหน่ายฝิ่น กฎหมายปราบปรามพวกนักเลง อันธพาล ปราบการค้าประเวณี

รถคันโปรดของ “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์” (ที่ไว้แจกบรรดาอนุภริยา และลูกน้องคนสนิท) ต้องยกให้ Ford Taunus” (ฟอร์ด เทานุส) สั่งนำเข้ามาจากประเทศเยอรมนี 20 คัน ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นรถหายากมากอีกหนึ่งรุ่นไปแล้ว

หรือจะเป็นรถประจำตำแหน่ง อย่าง “Lincoln Continental Convertible” (ลินคอร์น คอนติเนนตัล คอนเวอร์ติเบิล) ปี 1962 และเป็นรถรุ่นเดียวกับที่ John F. Kennedy (JFK) (จอห์น เอฟ. เคนเนดี) ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ใช้เป็นรถส่วนตัว และรถราชการ ที่หายากมากไม่แพ้กัน

จอมพลถนอม กิตติขจร

จอมพลถนอม-กิตติขจร

จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของประเทศไทย ผู้บัญชาการทหารบก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 4 สมัย เป็นระยะเวลาถึง 10 ปี 6 เดือนเศษ

เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาลในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ซึ่งเป็นเหตุการณ์การประท้วงของ นิสิต นักศึกษา และประชาชน โดยทหารได้ใช้อาวุธสงคราม เข้าปราบปรามนักศึกษาประชาชนที่ชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เป็นผลให้ จอมพล ถนอม กิตติขจร ต้องลาออกจากตำแหน่ง และเดินทางออกนอกประเทศ

และจอมพลถนอม ยังเป็น “จอมพลคนสุดท้าย” เพราะมีอายุยืนที่สุด ถึง 92 ปี

สำหรับรถคันโปรดของ จอมพล ถนอม กิตติขจร ก็คงเป็นรถประจำตำแหน่งอย่าง “Lincoln Continental” (ลินคอร์น คอนติเนนตัล) ซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่ง และเป็นรถในยุคที่ความเป็นอเมริกันกำลังเฟื่องฟูในบ้านเราตอนนั้น

พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์

พลเอก-เปรม-ติณสูลานนท์

พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี รัฐบุรุษ และนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 16 ดำรงตำแหน่ง 3 สมัย ระหว่างปี 2523 – 2531

ท่านมักเรียกแทนตัวเองต่อผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าว่า “ป๋า” และเรียกผู้ที่อาวุโสน้อยกว่า อย่างเอ็นดูและเป็นกันเองว่า “ลูก” ที่จนเป็นที่มาของคำว่าป๋า หรือ ป๋าเปรม และคนสนิทของท่านมักถูกเรียกว่า ลูกป๋า และเรียกติดปากกันมาจนถึงปัจจุบัน

ในยุคของป๋าเปรม แม้ว่าจะไม่ได้ปรากฏว่าท่านมีรถยนต์ส่วนตัวหรือไม่ แต่ในปี 2523 สมัยรัฐบาลยุคป๋าเปรม ได้ใช้ “Cadillac Fleetwood Limousine” (คาดิแลค ฟรีตวูด ลิมูซีน) พวงมาลัยขวา เครื่องยนต์ขนาด 7.0 ลิตร จาก USA เป็นรถประจำตำแหน่ง และรับรองผู้นำกับประมุขจากชาติต่างๆ และมีโอกาสใช้งานประจำ เป็นรถที่กระจกและตัวถังกันกระสุน ในราคา (ยุคนั้น) คันละ 13.5 ล้านบาท

ชวน หลีกภัย

ชวน-หลีกภัย

ชวน หลีกภัย หรือ “นายหัวชวน” เป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 20 ของไทย เจ้าของสมญานาม “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” ดำรงตำแหน่งสองสมัย และในสมัยที่ 2 ยังควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งถือเป็นพลเรือนคนที่สอง ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนี้ ปัจจุบันเป็นประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์

สำหรับรถคันโปรดของ “นายหัวชวน” ต้องยกให้รถ “Jeep” (จี๊ป) พวงมาลัยซ้าย คันนี้ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข บนถนนสายการเมืองมายาวนานร่วม 40 กว่าปี ทั้งนี้ รถจี๊ปคันดังกล่าว ซ่อมแซมใหม่หมดทั้งคันโดยอดีตคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลชวน 2 เมื่อครั้งนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 2 แสนบาท

บรรหาร ศิลปอาชา

บรรหาร-ศิลปอาชา

บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 21 เป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรี เดิมมีชื่อว่า เต็กเซียง แซ่เบ๊ หรือที่รู้จักกันในฉายา “มังกรสุพรรณ” หรือ “เติ้งเสี่ยวหาร” อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย อดีตประธานกรรมการมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา อดีตประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา และยังเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรี 11 สมัย

ซึ่งรัฐบาลบรรหาร มีผลงานที่โดดเด่นคือ การริเริ่มให้มีร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540

รถคันโปรดของ บรรหาร ศิลปอาชา คงต้องยกให้ “Peugeot 404” (เปอโยต์ 404) ปี 1960 รถคันแรกที่ซื้อมาในราคา 4 หมื่นบาท เป็นรถที่เขาภูมิใจมาก สมัยยังเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง บริษัท สหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด ตอนนั้นยังไม่ได้ลงเล่นการเมือง

ดร.ทักษิณ ชินวัตร

ทักษิณ-ชินวัตร

นี่ถือเป็นนายกรัฐมนตรีในตำนานอีกหนึ่งท่าน ไม่ว่าจะไปที่ไหน พูดอะไร สื่อต้องเอามาเล่นเป็นข่าวตลอด สำหรับ “เสี่ยแม้ว” “ทักษิณ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 23 ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2544 – 2549 และเป็นพี่ชายของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 28 เคยเป็นนักธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสาร ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อดีตข้าราชการตำรวจ (ชั้นยศสูงสุดที่ พันตำรวจโท) อดีตเจ้าของและประธานสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี

ด้วยนโยบายต่างๆ ที่โดนใจชาวบ้าน เช่น ลดความยากจนในชนบท โดยสามารถลดความยากจนได้ถึงครึ่งหนึ่งภายใน 4 ปี ริเริ่มระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ “30 บาท รักษาทุกโรค” ตลอดจนการกวาดล้างยาเสพติด โครงการ OTOP, หวยบนดิน ที่ทำให้ถูกกฎหมาย ทั้งการสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นต้น

ทำให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเป็น สส. ซึ่งดำรงตำแหน่งจนครบวาระคนแรก และจากผลการเลือกตั้งในปี 2548 ทำให้ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ด้วยคะแนนเสียงสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ขึ้นชื่อว่าเป็นนักธุรกิจหมื่นล้านของ “เสี่ยแม้ว” ย่อมมีรถยนต์ในดวงใจอยู่หลายสิบคันมาก นับตั้งแต่รถ Mercedes-Benz ที่ใช้ตั้งแต่สมัยเรียนที่อเมริกา แล้วก็นำกลับมาเมืองไทย และยังชื่นชอบรถยุโรป โดยเฉพาะ BMW เป็นพิเศษ ซึ่งเคยมีอยู่ 4 คันเลยทีเดียว

โดยรถคันโปรดของทักษิณ (ก่อนถูกปฏิวัติเมื่อปี 2549) คงต้องยกให้รถประจำจำแหน่ง “Mercedes-Benz S600 Pullman (W220)” รุ่นกันกระสุน ในราคา 21 ล้านบาท “BMW Series 7” (บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7) สั่งพิเศษกันกระสุน กันระเบิดและแก๊สน้ำตา ในราคา 57 ล้านบาท (ราคาในปี 2547) และ “BMW 645 Ci” (บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 6 คูเป้) เครื่องยนต์ขนาด 4.5 ลิตร แบบ V8 333 แรงม้า ในราคา 12 ล้านบาท (ราคาในปี 2547)

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

อภิสิทธิ์-เวชชาชีวะ

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ “มาร์ค” เป็นนักการเมืองไทยผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2551 – 2554 และเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบัน

ซึ่ง อภิสิทธิ์ เคยได้ชื่อว่าเป็น ส.ส. กรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2535 ขณะมีอายุได้เพียง 27 ปี ซึ่งนับว่าเป็น ส.ส. ที่มีอายุน้อยที่สุดในขณะนั้น และยังเป็นนายกรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดในรอบกว่า 60 ปี อีกด้วย

สำหรับรถประจำตำแหน่งของ “พี่มาร์ค” ที่ใช้อยู่เป็นประจำ นั่นคือ Range Rover Armoured (เรนจ์ โรเวอร์ อาเมอร์) ที่กันได้ทั้งกระสุนและระเบิด มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 5.0 ลิตร V8 375 แรงม้า จัดซื้อมาในราคาคันละ 6 ล้านบาทเศษ ซึ่งซื้อทีเดียว 20 คันรวด เมื่อเดือนสิงหาคม 2552 รวมราคาอยู่ที่ 122.8 ล้านบาท

หากใครยังจำได้ เหตุการณ์ในกระทรวงมหาดไทย เมื่อเดือนเมษายน 2552 รถ Mercedes-Benz S600 Pullman (W220) ที่ซื้อมาในสมัยรัฐบาลของทักษิณ ก็ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งให้ชาวไทยได้เห็น ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นั่งอยู่ภายในอย่างปลอดภัย …

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ยิ่งลักษณ์-ชินวัตร

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือ “ปู” เป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 28 เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย และด้วยวัย 44 ปี จัดว่าเป็นนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งอายุน้อยที่สุดในรอบกว่า 60 ปี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคเพื่อไทย, กรรมการและเลขานุการมูลนิธิไทยคม

โดยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีรถอยู่หลายคันก็จริง (นับตั้งแต่ Mercedes Benz S-Class รุ่น S280 ที่ครอบครองตั้งแต่ปี 2545) มักนิยมใช้รถตู้ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับนักการเมืองยุคใหม่นิยมกัน แต่ที่ชอบมากเป็นพิเศษคงต้องยกให้ “Volkswagen Caravelle” (โฟล์คสวาเกน คาราเวลล์) กันกระสุน ในราคาคันละ 7.8 ล้านบาท หรือจะเป็น “Toyota Alphard” (โตโยต้า อัลฟาร์ด) ที่มีใช้อยู่หลายคันมาก …

และทะเบียนรถแทบทุกคัน ก็สร้างเรื่องมหัศจรรย์ แสดงอิทธิฤทธิ์ให้เป็นข่าวอีกหลายครั้ง นั่นคือ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มักออกเลขรางวัลเกี่ยวพันต้องตรงกับทะเบียนรถยนต์พาหนะที่คุณยิ่งลักษณ์ หลายต่อหลายงวดอย่างน่าประหลาดล้ำ

ทั้งออกตรงเป๊ะ ทั้งข้างบน ทั้งข้างล่าง … มันเป็นความมหัศจรรย์สุดๆ ไม่ใช่แค่งวดสองงวดนะครับ นับได้ถึง 8 งวดเลย มันเป็นมาตั้งแต่เมื่อเธอเริ่มเข้ามารับตำแหน่งในปี 2554 งวด 16 ส.ค. 2554 ก็ตรงเป๊ะ งวดถัดมา 1 ก.ย. 2554 ตรงเป๊ะอีก!

พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา

พลเอก-ประยุทธ์-จันทรโอชา

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ชื่อเล่น ตู่) เป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 29 ของประเทศไทย หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะทหารผู้ยึดอำนาจการปกครอง ทำรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 อดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตแม่ทัพภาค 1

รถประจำตำแหน่งของ “ลุงตู่” นี่ก็มีใช้อยู่หลายคันอยู่ ไม่ว่าจะเป็น “Volkswagen Caravelle” กันกระสุน หรือ “Toyota Alphard” และ “Toyota Vellfire” เป็นต้น

ส่วนคันล่าสุดนี่คือ “Mercedes-Benz S600 Guard Sedan Long” (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส 600 การ์ด ซีดาน ล็อง) ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 530 แรงม้า ทะเบียน 4 กต 29 ที่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ทำสัญญาจัดซื้อเอาไว้ จำนวน 4 คัน วงเงิน 78 ล้านบาท ตกคันละ 19.5 ล้านบาท

ดูรถของนายกรัฐมนตรีแต่ละคันกันไปแล้ว มาดูเงินในกระเป๋าของตัวเองกันบ้าง หากใครที่สนใจ ต้องการขายรถกับทาง Carro เพื่อนำเงินไปซื้อรถมือสอง Mercedes-Benz หรือ BMW รุ่นเดียวกับที่อดีตนายกรัฐมนตรีทั้งหลายเคยใช้ โดยได้ราคาที่ดีที่สุด พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! ก็เชิญได้เลยนะครับ

ขอขอบคุณ แหล่งที่มาบางส่วนจาก :

Police-Can-Seize-Driver-License

เรื่องนี้มีการถกเถียงกันมานานแล้ว สำหรับ “ใบขับขี่” หรือ “ใบอนุญาตขับรถ” ที่ต้องเป็นของคู่กายนักขี่ หรือนักบิดกันทุกคน หากเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจ ต้องการขอตรวจใบขับขี่ เมื่อคุณทำผิดกฎจราจร หรือ ตรวจวัดแอลกอฮอล์ อะไรก็แล้วแต่ คุณต้องแสดงให้ตำรวจดู …

แต่หลายท่านอาจทราบกันไปแล้วว่า พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 ที่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา มีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย. 2562 มีบางมาตราที่บัญญัติ ให้ยกเลิกความในมาตราเดิม และบัญญัติใหม่ โดยมีสาระสำคัญในการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานจราจร นั่นหมายถึง ตำรวจยังสามารถ “ยึด” และ “ไม่ยึด” ใบขับขี่ของคุณได้อยู่

แต่เงื่อนไขว่า ตำรวจสามารถยึดได้ เพราะอะไร และยึดใบขับขี่ไม่ได้ เพราะเหตุใดนั้น มาอ่านคำตอบกัน …

Police-Can-Seize-Driver-License

พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 140

มาตรา 140

เมื่อปรากฏแก่เจ้าพนักงานจราจร ไม่ว่าพบด้วยตนเอง หรือโดยการใช้เครื่องอุปกรณ์ หรือโดยวิธีการอื่นใดว่า ผู้ขับขี่ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง ที่เป็นความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียว หรือมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนและมีโทษปรับ เจ้าพนักงานจราจรจะว่ากล่าวตักเตือนหรือออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ผู้นั้นชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบก็ได้

ในกรณีเจ้าพนักงานจราจรที่ออกใบสั่งไม่พบตัวผู้ขับขี่ ให้ติด ผูก หรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถที่ผู้ขับขี่สามารถเห็นได้ง่าย หากไม่สามารถติด ผูก หรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้ส่งใบสั่งพร้อมด้วยพยานหลักฐานโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถเพื่อให้ชำระค่าปรับภายในระยะเวลาที่กำหนดในใบสั่งนั้น ทั้งนี้ ตามระเบียบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนด

ให้นำความในวรรคสองมาใช้บังคับกับกรณีที่เจ้าพนักงานจราจรพบการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง แต่ไม่อาจทราบตัวผู้ขับขี่ด้วยโดยอนุโลม

เกณฑ์การกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบและแบบของใบสั่งตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประกาศกำหนด

Police-Can-Seize-Driver-License

มาตรา 140/2

ในกรณีที่เจ้าพนักงานจราจรได้ว่ากล่าวตักเตือนหรือออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ผู้ใด ตามมาตรา 140 แล้ว หากเจ้าพนักงานจราจรเห็นว่าผู้ขับขี่ผู้นั้นอยู่ในสภาพที่หากให้ขับรถต่อไป อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น ให้เจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจ ยึดใบอนุญาตขับขี่ของผู้ขับขี่ดังกล่าว หรือบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้ผู้นั้นขับรถ และให้เจ้าพนักงานจราจรคืนใบอนุญาตขับขี่หรือยกเลิกการบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือยอมให้ผู้ขับขี่ขับรถได้ เมื่อผู้ขับขี่น้ันอยู่ในสภาพที่สามารถขับรถต่อไปได้หรือเมื่อเจ้าพนักงานจราจรแน่ใจว่าผู้ขับขี่จะไม่ขับรถ ในขณะที่อยู่ในสภาพดังกล่าว ทั้งนี้ ตามระเบียบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกร่วมกันกำหนด

มาตรา 150

“ผู้ใด
(1) ไม่ปฏิบัติตามระเบียบหรือประกาศที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดตามมาตรา 8 วรรคสอง หรือมาตรา 14 วรรคสอง
(2) ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดตามมาตรา 13 วรรคสอง
(3) ไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 18
(4) ขัดคำสั่งหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร ซึ่งสั่งตามมาตรา 113 หรือ
(5) ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจราจรซึ่งสั่งตามมาตรา 140/2 หรือมาตรา 140/3 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

ในการแสดงใบอนุญาตขับขี่ในขณะขับรถ มาตรา 31/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 บัญญัติว่า “ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ ในกรณีที่ผู้ขับขี่แสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ให้ถือว่าผู้ขับขี่มีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวตามวรรคหนึ่งแล้ว

ดังนั้นการแสดงใบอนุญาตขับขี่ในขณะขับรถ ผู้ขับขี่สามารถแสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ได้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ

Police-Can-Seize-Driver-License

ส่วนใบขับขี่ เป็น “ทรัพย์สิน” ที่คนอื่นไม่สามารถเอาไปได้โดยไม่มีสิทธิ ย่อมมีความผิดในฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๔ ซึ่งวางหลักว่า “ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่นไป ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์” โดยการเอาไปในที่นี้ ต้องเป็นการเอาไปโดยไม่มีสิทธิ หรือไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ดังนั้น หากผู้เอาไปซึ่งทรัพย์สินมีสิทธิหรืออำนาจตามกฎหมาย ผู้เอาไป ย่อมไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

ตามกฎหมายไทย เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ย่อมเป็นผู้ที่มีอำนาจแห่งกรรมสิทธิ์ในการจำหน่าย จ่าย โอน ทรัพย์สิน รวมถึงทำลายทรัพย์สินนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ บัญญัติไว้ว่า

“มาตรา ๑๓๓๖ ภายในบังคับแห่งกฎหมาย เจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิใช้สอยและจำหน่ายทรัพย์สินของตนและได้ซึ่งดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น กับทั้งมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ และมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย”

Police-Can-Seize-Driver-License

สรุป

ตำรวจ ยังสามารถใช้อำนาจในการขอเรียกดูใบขับขี่ได้ ตามมาตรา 140 และมาตรา 140/2 ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ซึ่งจะทำได้ 2 ทาง คือ

1) ตักเตือน

2) ออกใบสั่งค่าปรับตามข้อหา

ส่วนใบขับขี่ เป็นดุลยพินิจของตำรวจ ซึ่งอาจจะเรียกเก็บ ในกรณีที่คุณไม่พร้อมสำหรับการชับรถ (แต่ต้องออกใบสั่งก่อนยึดด้วย)

ตำรวจ จะบันทึกข้อมูลความผิดเขียนลงใบสั่ง แล้วส่งต้นขั้วไปสถานีตำรวจที่ออกใบสั่ง เพื่อทำการตัดแต้มผู้ขับรถ โดยใบขับขี่จะมีทั้งหมด 12 แต้ม ถ้าถูกตัดครบ 12 แต้ม จะถูกพักใช้ใบขับขี่ 90 วัน ผู้ขับขี่ต้องไปอบรมการขับขี่ และสอบอีกครั้ง ที่กรมการขนส่งทางบก

ถ้าผ่านจะได้รับ 12 แต้มคืน ภายใน 3 ปี แต่ถ้าผู้ขับขี่ถูกพักใช้ใบขับขี่ถึงครั้งที่ 3 จะทำให้ถูกพักใช้ใบขับขี่ 1 ปี ระหว่าง 1 ปีนี้ ถ้าทำผิดอีกเป็นครั้งที่ 4 จะถูกเพิกถอนใบขับขี่ทันที และถ้าหากผู้ขับขี่ไปทำใบขับขี่ใหม่ ก็จะเป็นการผิดกฎหมายอีกด้วย

ส่วนใครที่อยากขายรถ หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

ขอขอบคุณภาพ และข้อมูลบางส่วนจาก

Choose-Car-For-Senior-People

คนเราทุกคน เกิดมาก็ต้องแก่ เป็นเรื่องธรรมดาโลก ไม่มีใครที่จะปฏิเสธความแก่ได้ …

วัยเกษียณอายุ หลายคนใช้ชีวิตมาอย่างคุ้มค่า เจอเรื่องราวต่างๆ มามากมายนับไม่ถ้วน หลายคน พอเกษียณอายุแล้ว ก็อยากจะใช้ชีวิตท่องเที่ยว พักผ่อน เลี้ยงลูก เลี้ยงหลาน เข้าวัดทำบุญ ดูแลสุขภาพ เจอเพื่อนฝูงเก่าๆ หรือทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ให้มีความเหงาเข้ามาในชีวิต

ดังนั้น การเลือกรถยนต์ในการใช้งาน ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุ (ที่อยากขับรถเอง) ก็ถือว่ามีความสำคัญเช่นกัน … MR.CARRO จะขอแนะนำวิธีเลือกรถยนต์ ให้เหมาะกับ “วัยเกษียณอายุ” ครับ.

Choose-Car-For-Senior-People

เพราะในวัยผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่มักไม่มีรายได้ประจำแล้ว หรือมีรายได้จากเพียงเงินบำนาญของทางราชการ การเลือกรถคันใหญ่ๆ ราคาแพงๆ มันจะกลายเป็นภาระไปเสียอีก เว้นแต่ว่าฐานะคุณดี หรือรวยอยู่แล้ว ก็ตามใจคุณ ควรเลือกรถที่เหมาะสมกับตัวคุณเองดีกว่า มิฉะนั้น การขับรถด้วยความสุข จะกลายเป็นการขับรถด้วยความทุกข์ไป …

วัยเกษียณอายุ หากใช้รถยนต์แค่ในเมือง ไปจ่ายตลาด ไปห้างสรรพสินค้า ไปหาเพื่อน หรือรับลูกหลานที่โรงเรียน อยู่แค่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือแค่ในตัวเมืองของต่างจังหวัด ไม่ได้ขับรถไปไหนเป็นระยะทางไกลๆ นัก …

Choose-Car-For-Senior-People

ควรเลือกรถยนต์ใหม่ หรือรถยนต์มือสอง ประเภท Eco-Car หรือรถยนต์ขนาด Sub-Compact ครับ เพื่อประหยัดน้ำมัน และรายจ่ายอื่นๆ ซึ่งตัวเลือกในตลาดนี้ก็มีอยู่มากมายหลายรุ่นเลยให้เลือก อาทิ Toyota Yaris, Toyota Vios, Nissan March, Nissan Almera, Suzuki Swift, Mitsubishi Mirage, Mitsubishi Attrage หรือจะเป็น Mazda2 เป็นต้น

ส่วนใครที่ยังมีไฟอยู่ ยังมีแรงอยากทำงานค้าขายเล็กๆ น้อยๆ หรือว่าฉันเกษียณแล้ว มีเงินเก็บก้อนใหญ่อยู่ และคงไม่เดือดร้อนเรื่องเงินนัก อยากออกขับรถท่องเที่ยวตามต่างจังหวัด พาลูกหลานไปเที่ยวด้วย ก็ควรเลือกรถแนวๆ SUV, MPV หรือแนว Crossover SUV ที่ทนทาน อะไหล่หาง่าย ค่าซ่อมไม่แพง ไม่จุกจิก ลุยได้ ขนของไปขายตามตลาดนัดได้ และขับได้อย่างสบาย ไม่ต้องออกแรงมากนัก (แนะนำให้เลือกรถที่เป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ)

ในตลาดรถใหม่และรถมือสอง ก็มีให้เลือกหลากหลายทั้ง Toyota Fortuner, Isuzu MU-7, Isuzu MU-X หรือ Mitsubishi Pajero Sport เป็นต้น

Choose-Car-For-Senior-People

แต่ถ้าหากมีงบมากหน่อย หรืออยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ เน้นท่องเที่ยวในเมือง มากกว่าลุยๆ ออกต่างจังหวัด จะไปเล่นรถแนว MPV อย่าง Toyota Innova, Suzuki Ertiga หรือ Honda Freed ก็ย่อมได้

อีกหนึ่งปัญหาของผู้สูงวัยส่วนใหญ่ (ที่เรามิได้เจตนาจะว่าใครแต่อย่างใด) นั่นคือ การตามเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ทัน ดังนั้น หากคุณตัดสินใจซื้อรถใหม่หรือรถมือสองมาแล้ว สิ่งสำคัญ คือ ควรศึกษาคู่มือรถและวิธีการใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ของรถ ให้ละเอียดและเข้าใจ เนื่องจากรถรุ่นใหม่ๆ มีเทคโนโลยีสลับซับซ้อน ต่างจากในรถรุ่นเก่าๆ อยู่มาก เพื่อการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ถูกต้อง ให้คุ้นเคยกับการใช้รถคันนั้นๆ

เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และความปลอดภัยของเพื่อนร่วมท้องถนนนั่นเองครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่กำลังอยากขายรถคันเดิม เอาเงินไปซื้อรถคันใหม่ มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครกำลังอยากซื้อรถใหม่ แต่กำลังเงินซื้อรถมือหนึ่งไม่ไหว CARRO อยากให้ลองเปิดใจกับรถมือสอง เนื่องจากรถมือสองสภาพดีสมัยนี้มีให้เลือกเยอะแยะ แถมถ้าเป็นรถรุ่นประหยัดน้ำมันได้ก็ยังดี ซึ่ง CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์ให้คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ต่อทะเบียนออนไลน์

การต่อทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ง่ายๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต

การต่อทะเบียนรถยนต์ เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้มีรถยนต์ต้องรับรู้และปฏิบัติตาม เพราะกฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องต่อทะเบียนทุกปี ซึ่งคุณสามารถต่อก่อนล่วงหน้าได้ แต่ไม่เกิน 3 เดือน โดยจัดเตรียมเอกสารให้พร้อม และไปต่อทะเบียนรถยนต์ที่สำนักงานขนส่งจังหวัด

แต่ถ้าหากคุณลืมหรือต่อทะเบียนล่าช้า ก็จะถูกปรับ 1% ต่อเดือนของค่าต่อทะเบียน และถ้าขาดต่อทะเบียนเกิน 3 ปี รถก็จะถูกระงับการใช้งาน (ดูวิธีต่อทะเบียน กรณีที่ขาดจ่ายเกิด 3 ปี คลิก) ต้องเสียค่าปรับย้อนหลังและทำเรื่องจดทะเบียนรถใหม่ ซึ่งไม่คุ้มค่าเงินและเวลาแน่นอน 

แต่ในปัจจุบัน การต่อทะเบียนรถยนต์เป็นเรื่องง่ายมากๆ แค่มีเน็ตก็ทำได้แล้ว  เพราะทางกรมการขนส่งทางบก ได้ให้บริการ “การต่อภาษีรถยนต์แบบออนไลน์” โดยการรับชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ให้คุณต่อทะเบียนได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งง่ายและประหยัดแบบของจริง! โดยมีขั้นตอนปฏิบัติง่ายๆ ดังนี้

 

1. ตรวจสอบรถที่สามารถใช้บริการออนไลน์ได้

  • ต้องเป็นรถเก๋ง รถตู้ รถกระบะ และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
  • รถเก๋ง รถตู้ รถกระบะ จดทะเบียนไม่เกิน 7 ปี
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล จดทะเบียนไม่เกิน 5 ปี

เป็นรถจดทะเบียนจังหวัดใดก็ได้ และรถที่ค้างชำระภาษีไม่เกิน 1 ปี สมัครเข้าใช้บริการออนไลน์ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ www.dlte-serv.in.th หรือ www.dlt.go.th เพื่อลงทะเบียนขอรับรหัสผ่าน

DLT-1

2. กรอกรายละเอียด

เมื่อได้รับรหัสผ่านแล้ว ให้ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับรถ, หลักฐานการเอาประกัน ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 (กรณียังไม่มี สามารถเลือกซื้อบนเว็บไซด์จากบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการได้) รวมถึงกรอกหลักฐานหนังสือรับรองการตรวจและทดสอบฯ กรณีเป็นรถใช้ก๊าซธรรมชาติอัด (CNG)

 

3. เลือกวิธีชำระเงิน

มีให้เลือกหลายช่องทาง เช่น หักบัญชีเงินฝาก โดยจะต้องมีบัญชีเงินฝากและเป็นสมาชิกใช้บริการโอนเงินผ่านระบบอินเทอร์เน็ตกับธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ หรือชำระด้วยบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ต้องเป็นผู้ถือบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ที่มีสัญลักษณ์ VISA, MASTER พิมพ์ใบแจ้งชำระภาษีรถแล้วนำไปชำระ ณ เคาน์เตอร์หรือตู้ ATM ของธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ (เช็กช่องทางการชำระเงิน คลิก)

 

4. ผู้ใช้บริการตรวจสอบธนาคาร หรือเคาเตอร์ที่เข้าร่วมโครงการได้ที่หน้าเว็บไซต์

โดยทางกรมการขนส่งทางบก จะบวกค่าบริการเป็นค่าจัดส่งเอกสาร รายการละ 40 บาท ค่าธรรมเนียมธนาคาร รายการละ 20 บาท ค่าธรรมเนียมการใช้บัตร (กรณีชำระด้วยบัตรเครดิต) ร้อยละ 2 รวม Vat 7% ของค่าธรรมเนียม

หลังจากนั้นก็รอแค่ทาง กรมการขนส่งทางบกส่งใบเสร็จรับเงิน, เครื่องหมายแสดงการเสียภาษี และกรมธรรม์ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ มาให้ทางไปรษณีย์ จากนั้น ผู้ที่เป็นเจ้าของรถสามารถนำใบคู่มือจดทะเบียนรถไปบันทึก ณ หน่วยงานทะเบียนกรมการขนส่งทางบกได้ทั่วประเทศค่ะ

ต่อภาษีออนไลน์

ซื้อซากรถ ขายซากรถ

“ซากรถ” ถ้าจะว่ากันตามตรง ก็คือ รถที่หมดสภาพการใช้งานแล้ว นั่นเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น รถเกิดอุบัติเหตุมา ชนจนยับ แบบว่าโครงสร้างหลักๆ ตัวรถบิดงอไป ถ้าหากซ่อมแล้วคงไม่เหมือนเดิม ไม่คุ้มค่าใช้จ่าย หรือเป็นรถที่เก่ามากๆ อะไหล่หายากมากๆ เสียหรือจอดทิ้งไว้นานจนใช้การไม่ได้ หรือรถที่ถูกน้ำท่วมมา เป็นต้น

ซื้อซากรถ ขายซากรถ

ภาพจาก สตาร์ บอย

คนอยากขายซากรถ ก็เพราะรถใช้งานไม่ได้แล้ว เก็บไว้ก็รกสถานที่ กับการที่บริษัทประมูล บริษัทประกันภัย ได้ซากรถมาจากผู้เอาประกันภัยอีกที (กฎหมายมีว่า ถ้าทุนประกันเกินกว่า 80% ของราคารถ ซากรถจะเป็นของบริษัทประกันภัย) ส่วนคนซื้อ ก็ต้องการเศษชิ้นส่วนจากซากรถที่ยังพอใช้การได้ นำไปเป็นอะไหล่ใส่ให้รถของตัวเอง แกะชิ้นส่วนขาย หรือนำเศษเหล็กไปหลอมใหม่ ก็มีจะบรรดาอู่หรือป่าช้ารถต่างๆ ติดต่อขอซื้อไปทำอะไหล่กันในราคาถูกๆ

CARRO ขอแนะนำเกร็ดความรู้ต่างๆ สำหรับคนที่อยากซื้อ หรืออยากขายซากรถ ครับ.

ซื้อซากรถ ขายซากรถ

ภาพจาก Buddy Ratchasinghan

อยากซื้อซากรถ

ถ้าเป็นไปได้ หากต้องการซื้อซากรถไปปั้นใหม่ ให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ควรเลือกซากรถที่ยังมีทะเบียนอยู่ แต่อาจจะหายากหน่อย (แต่บางกรณี ที่ผู้ขายก็อยากเก็บทะเบียนไว้ เพื่อป้องกันผู้ซื้อไปแล้วนำไปสวมใส่กับรถคันอื่น ในกรณีที่เป็นซากรถจากการเกิดอุบัติเหตุมา หรือป้องกันผู้ซื้อไปแล้ว ไม่ยอมไปโอนทะเบียนรถเป็นของตัวเอง และนำไปทะเบียนไปสวมรถคันอื่นใช้ก่อเรื่องก่อราว)

ที่สำคัญ แม้ว่าจะเป็นซากรถ ก็ต้องทำ “สัญญาซื้อขาย” เฉกเช่นเดียวกับการซื้อขายรถมือสอง ครับ

ถ้าหากอยากซื้อซากรถมาปั้นใหม่ ก็ต้องทำให้จบ ซ่อมแซมให้รถสภาพสมบูรณ์ วิ่งได้ เพราะถ้าสภาพเป็นซากรถ การตรวจสภาพตอนต่อภาษีประจำปี จดทะเบียนรถใหม่ แจ้งเปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนสี ไม่ผ่านแน่ๆ หรือการนำซากรถหัวตัด หรือท้ายตัด มาต่อกันใหม่ ก็ต้องมีวิศวกรระดับสามัญ เป็นผู้รับรองอีก ถึงจะสามารถนำรถไปตรวจสภาพ จดทะเบียนได้

ระวังซื้อรถแถมคดีมา ซากรถบางคันเป็นรถสวมทะเบียน รถขโมยมา หรือรถติดจำนำที่บ่อน ไม่มีเงินมาไถ่รถคืน รถไม่มีทะเบียน บางคัน ต่อทะเบียนได้แต่ไม่มีเล่ม สวมเล่มทะเบียน รถยำมา อาจจะโดนคดีทั้งคนซื้อเเละคนขาย

ซื้อซากรถ ขายซากรถ

ภาพจาก ช่างนนท์ เซอร์วิส บ้าพลัง

อยากขายซากรถ

การขายซากรถ (แบบเป็นรถที่จอดทิ้งจนพัง หรือซ่อมไม่คุ้ม) ควรขายพร้อมกับเล่มทะเบียนรถไปด้วย เพราะจะได้ราคาที่ดีกว่าซากรถที่ไม่มีเล่มทะเบียน เพราะหลังจากวันที่ 5 ม.ค. 2558 รถที่ยกเลิกการใช้รถในกรณีซากรถ ไม่สามารถจดทะเบียนใหม่ได้ครับ

ส่วนในกรณีที่จะขายซากรถ (แบบที่อุบัติเหตุมา ชนจนยับ ซ่อมไปก็ไม่เหมือนเดิม) ให้ระวังเรื่องทะเบียนรถอย่างเดียว หรือก่อนจะขาย (ถ้าภาษีประจำปียังไม่หมดอายุ) จะไปแจ้งยกเลิกใช้งานรถตลอดไปที่กรมการขนส่งทางบกเลยก็ได้ หรือไม่ก็ตัดเพลทเลขตัวถัง กับเก็บตัวเล่มทะเบียน ไว้ครับ กันพวกไม่หวังดี ซื้อซากไปแล้ว นำรถไปสวมทะเบียน แล้วไปต่อเรื่องก่อราว

ส่วนการขาย ก็เหมือนกับการขายรถมือสอง กรณีต้องการโอนลอย ก็เตรียมเล่มทะเบียนและหลักฐานให้พร้อม ก็สามารถขายได้แล้วครับ

ซื้อซากรถ ขายซากรถ

ภาพจาก ส.รัตกุล เอี่ยมสะอาด

สำหรับใครที่มีซากรถครอบครองอยู่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะขายทิ้ง หรือเอาซากรถไปทำอะไรต่อดี เชิญมาขายได้ที่ CARRO ง่ายนิดเดียว เรารับซื้อซากรถ เพียงแค่กรอกรายละเอียดใน Link นี้ —> https://th.carro.co/sell-car/express/scrapcar หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

ฟิล์มกรองแสง,-ผ้าคลุมรถ,-ขัดเคลือบสี,-เคลือบแก้ว,-น้ำยากันน้ำ

การดูแลรักษาสีรถยนต์อย่างถูกต้อง

พูดถึงเรื่องการดูแลรักษารถยนต์ คนส่วนมากก็คงจะเน้นไปที่การดูแลเครื่องยนต์ส่วนต่างๆ หรือชิ้นส่วนจำพวกอะไหล่ ที่อยู่ภายในรถซะมากกว่า แต่จริงๆ แล้ว การดูแลรักษาสีรถยนต์ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

การดูแลรักษาสีรถยนต์ ไม่ใช่แค่การล้างทำความสะอาด ลงแว็กซ์ หรือเคลือบเงาเท่านั้น แต่การดูแลรักษาสีรถยนต์ มีกรรมวิธีมากกว่าที่คุณคิด วันนี้ Carro จึงมีข้อมูลมาอัพเดทให้คุณได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ การดูแลรักษาสีรถยนต์ได้อย่างถูกต้อง เพื่อการดูแลสีรถของคุณให้ดูใหม่ สะอาด สดใส ไปอีกนานค่ะ

 

การจอดรถกลางแจ้ง

จะทำให้แสง UV ทำลายสีรถโดยตรง กรณีที่คุณไม่มีโรงรถหรือหลังคาที่กันน้ำกันแดดได้ ควรติดกันสาดที่ขอบกระจกทุกบาน เพราะจะช่วยกันฝนเข้าไปในห้องโดยสารตอนคุณแง้มกระจกไว้ การแง้มกระจกไว้สักหนึ่งนิ้วจะช่วยระบายไอร้อนในรถ ลดอุณหภูมิในห้องโดยสารได้ เมื่อในห้องโดยสารระบายความร้อนได้ดี ก็จะช่วยให้หลังคารถอุณหภูมิไม่สะสมสูงนัก สีหลังคาก็จะไม่โดนทำร้าย

กรณีต้องจอดรถได้ต้นไม้ สามารถเอาผ้าคลุมรถมาใช้เพื่อป้องกันยางไม้และขี้แมลงได้ แต่ถ้ามีที่จอดประจำแต่ไม่มีหลังคา ก็มีหลังคาโรงรถแบบพับได้หรือเต็นท์ราคา 3,000-4,000 บาท ซึ่งช่วยได้ กรณีที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อให้ร่มเงาได้ การเคลือบแก้วหรือการเคลือบสีเป็นประจำสามารถช่วยให้สีทนต่อแดดได้มากขึ้น

ฟิล์มกรองแสง, ผ้าคลุมรถ, ขัดเคลือบสี, เคลือบแก้ว, น้ำยากันน้ำ

ผ้าคลุมรถ

ไม่ว่าผ้าคลุมจะคุณภาพดีแค่ไหน คุณก็ไม่ควรคลุมแล้วจอดกลางแจ้ง เพราะไอร้อนที่เกิดขึ้นใต้ผ้าคลุมรถนั้นสะสมสูงมาก สูงจนอาจจะทำให้ผ้าหรือสารเคมีที่เคลือบอยู่  ละลายติดกับสีรถได้เลย การใช้ผ้าคลุมรถที่ดีควรใช้ในที่ร่มเท่านั้น และควรเลือกผ้าคลุมที่มีคุณภาพระบายความร้อนและความชื้นได้ดี

 

ขัดเคลือบสี

หลายคนจะเห็นคำนี้บ่อย ๆ ตาม Car wash หรือคาร์แคร์ และมักจะเข้าใจว่า “การขัด” กับ “การเคลือบสี” เป็นขั้นตอนเดียวกัน แต่ความจริงแล้วมันแยกเป็น 2 ขั้นตอน เหตุผลที่ต้อง “ขัด” ก่อนเคลือบสีรถ เนื่องจากรถที่ใช้งานมานาน จะมีรอยขนแมวเกิดขึ้นจากการล้างและเช็ดที่ไม่สะอาด ดังนั้นจึงต้องขัดสีเพื่อลบรอยขนแมวออกก่อน

“การขัดสี” ก็คือ การขัดผิวหน้าของสีหรือแล็กเกอร์ออกไป เพื่อให้สีเรียบเนียนและเงางาม และทำให้ชั้นสีที่เคลือบอยู่บางลง เมื่อขัดสีเสร็จ ก็ต่อด้วยขั้นตอน “เคลือบสี” เพื่อให้ผิวรถมีความเงางาม และเป็นตัวเคลือบเพื่อปกป้องชั้นสีที่ถูกขัดออกไปให้ทนทานต่อรอยขีดข่วน เมื่อขัดและเคลือบสีแล้ว ควรจะไปเคลือบสีซ้ำตามระยะเวลาของผู้ผลิตน้ำยาเคลือบกำหนด เพื่อให้ผิวรถที่ขัดแล้วมีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น

 

ขัดหยาบ ขัดละเอียด

การขัดสีนั้นจะแบ่งเป็น 2 แบบขึ้นอยู่กับสารเคมีหรือน้ำยาขัด โดยปกติจะมีน้ำยาแบบ “ขัดหยาบ” และ “ขัดละเอียด” กรณีที่ผิวของแล็กเกอร์เป็นรอยลึก ต้องใช้น้ำยาแบบขัดหยาบก่อนเพื่อให้ผิวของแล็กเกอร์บางลง จากนั้นตามด้วยน้ำยาขัดละเอียดเพื่อที่จะให้ผิวที่ถูกขัดชั้นแรกเรียบเนียน จากนั้นจึงตามด้วยน้ำยาเคลือบและชักเงา

โปรแกรมการเคลือบดูแลรักษาสีรถยนต์ปัจจุบันมีมากมายหลายยี่ห้อ แต่ถ้าเป็นแพ็คเกจก็มีราคาตั้งแต่ 3,000 – 4,000 บาทขึ้นไป จนถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว

ฟิล์มกรองแสง, ผ้าคลุมรถ, ขัดเคลือบสี, เคลือบแก้ว, น้ำยากันน้ำ

GLASS COATING

หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า การเคลือบแก้ว ซึ่งการทำแต่ละครั้งนั้นมีราคาสูง แต่ก็จะช่วยให้รถเงางามและผิวรถจะดูฉ่ำขึ้น สีสดขึ้น แถมยังช่วยลดเวลาในการเข้าไปใช้บริการได้มจาก

ข้อดีอีกอย่างคือ การเคลือบจะทำให้ผิวของสีมีความแข็งขึ้น ทนต่อรอยการขีดข่วนและคราบสกปรกอื่น ๆ เกาะติดได้ยาก การทำความสะอาดก็ง่าย แต่ราคาค่อนข้างสูง ส่วนสาเหตุที่ทำให้สีรถหมอง ไม่เงางาม นั่นก็คือ แสง UV ดังนั้นสารเคมีที่ผสมลงไปในน้ำยาเคลือบ จะต้องมีคุณสมบัติป้องกันและสะท้อนแสง UV ได้ด้วย เพราะเป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้สีเสื่อมสภาพ

 

เคลือบภายในห้องโดยสาร

สำหรับรถที่เป็นเบาะผ้า เมื่อออกรถมาใหม่ควรเข้าไปพ่นน้ำยากันน้ำและปกป้องเนื้อผ้า น้ำยาเคมีที่ฉีดพ่นลงไปนั้น จะช่วยให้เบาะผ้าไม่เป็นรอยด่าง เพราะน้ำจะซึมเข้าเนื้อผ้าได้ยากขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้เบาะนั่งดำหรือเป็นคราบไคลติดแน่น ส่วนเบาะหนัง ถ้าเป็นโทนสีอ่อนก็ต้องเคลือบน้ำยาเช่นกัน เพราะเบาะนั่งสีอ่อนนั้นแค่ช่วงเวลาไม่กี่เดือน ก็จะเป็นคราบดำด่าง น้ำยาที่เคลือบจะช่วยไม่ให้เบาะหนังเสื่อมสภาพเร็ว และป้องกันไม่ให้เลอะง่าย

การดูแลภายในห้องโดย อีกทางหนึ่งนอกเหนือจากการทำความสะอาด ก็คือ การเลือกฟิล์มกรองแสง ที่มีคุณภาพสามารถสะท้อนแสง UV และสะท้อนความร้อนได้ดี เพราะจะช่วยยืดอายุชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารด้วย

ทั้งหมดนี้ ก็คือการดูแลรักษาสีรถยนต์ที่ Carro นำมาฝาก ซึ่งจะดีต่อรถยนต์ของคุณอย่างแน่นอน ถ้าคุณปฏิบัติตาม เพราะเป็นการดูแลรักษาสีรถยนต์ที่ถูกต้อง และจะทำให้รถยนต์ของคุณดูสดใส ดูใหม่อยู่เสมอ

หรือถ้าในอนาคตคุณอยากจะขายรถ รถก็จะราคาดี ราคาไม่ตก เพราะยังมีสภาพดีอยู่ และจะดียิ่งกว่าถ้าคุณมาขายรถกับเรา เพราะทาง Carro ให้ราคาดี มีบริการที่รวดเร็วทันใจ ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง แถมยังรับเงินสดหลังจบการขายได้ทันทีเลยละค่ะ คลิกที่ Link นี้เลย > https://th.carro.co/sell-car/express หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook > Carro Thailand จ้า

เด็กในรถ-Feature

การเดินทางที่แสนพิเศษ คือ การได้ร่วมทางไปกับคนที่เรารัก

ทั้งปู่ย่า ตายาย ลุงป้า น้าอา พ่อแม่ พี่น้อง และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ ลูกน้อยที่แสนน่ารักน่าทะนุถนอมของคุณ

ซึ่งแน่นอนว่าการขับขี่ที่มีเด็กมาด้วยนั้น คุณต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างสูง เพราะเด็กจะมีความซุกซนในแบบฉบับของเด็กน้อย จนอาจซุกซนจนเกินเหตุ ทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรืออันตรายขึ้นมาได้ ฉะนั้น วันนี้ คาร์โร จึงมีสิ่งที่ควรทำ และสิ่งที่ไม่ควรทำ หากมีเด็กอยู่ในรถมาฝากกันค่ะ

เด็กในรถ

4 สิ่งที่ไม่ควรทำ หากมีเด็กอยู่ในรถ

  • ห้ามเอาเด็กมานั่งตักในช่วงเวลาที่คุณกำลังขับรถ

ด้วยความรัก ความห่วงใย อยากอยู่ใกล้ลูกตลอดเวลา จึงทำให้พ่อแม่บางคนมักจะชอบเอาลูกมานั่งหลังพวงมาลัยในขณะที่ตัวเองขับรถอยู่เสมอ

แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การกระทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ และเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะแน่นอนว่า เด็กน้อยแสนซนนั้นจะไม่มีทางอยู่นิ่งเป็นแน่ โดยเด็กมักจะชอบใช้มือคว้าโน่น จับนี่ไปเรื่อย ทำให้คุณขาดสมาธิในการขับรถ และขาดความระมัดระวังจนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

 

  • ห้ามทิ้งเด็กไว้ในรถโดยลำพัง

ด้วยความซุกซนของเด็กที่เกินการควบคุม จึงเป็นเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาได้

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการที่เด็กไปกดล็อคประตูเล่น ดังที่เราเห็นได้จากข่าวหน้าหนึ่ง หรือตามจอทีวีบ่อยๆ จนต้องมีการเรียกกู้ภัยมาช่วยกันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต

หรือซ้ำร้าย บางทีพ่อแม่ประมาทติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ แล้วเด็กดันเผลอไปโยกคันเกียร์ จนทำให้รถเคลื่อนที่ออกไปทำความเสียหายให้รถคันรอบข้าง หรืออาคารบ้านเรือนในละแวกนั้นได้

 

  • ห้ามทิ้งเด็กให้หลับอยู่ในรถ

หากคุณพ่อคุณแม่จะลงไปเข้าห้องน้ำ ไปเซเว่นหาขนมนมเนยให้ลูกกิน และให้ลูกนอนอยู่บนรถ เราขอบอกเลยว่าอย่าทำเช่นนั้นเป็นอันขาด ต้องปลุกแล้วอุ้มลูกลงไปด้วย

เพราะพัดลมแอร์จะดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่รถปล่อยออกไป กลับเข้ามาในรถอีก ซึ่งเป็นเหตุทำให้เด็กที่หลับอยู่บนรถนั้นมีออกซิเจนไม่เพียงพอต่อการหายใจ และทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ในที่สุด

 

  • อย่าใช้ความเร็วสูง

เมื่อมีเด็กโดยสารไปในรถยนต์ด้วย พ่อแม่ควรใช้ความเร็วของการขับขี่ที่ต่ำกว่าปกติ และควรเว้นระยะห่างจากคันหน้าในระยะที่มากขึ้น

เพื่อลดการเบรกอย่างรุนแรง รวมถึงการเข้าโค้ง หรือเลี้ยวที่จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อลดการเหวี่ยง ซึ่งอาจทำให้เด็กที่ไม่ทันระวังได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกได้

เด็กในรถ

สิ่งที่ควรทำ หากมีเด็กอยู่ในรถ

สิ่งที่ควรทำหากมีเด็กอยู่ในรถ ก็คือ ถ้าในรถมีเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ให้จับนั่ง Car Seat (เบาะนั่งสำหรับเด็ก) ทุกครั้ง ไม่ว่าจะไปไหนใกล้ไกลก็ตาม เพราะคุณสมบัติของ Car Seat จะช่วย Safety และลดอาการบาดเจ็บในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุได้

ซึ่งการติดตั้งที่ถูกต้องก็คือ ควรติดตั้งอยู่ตรงกลางของเบาะหลัง อย่ารัดให้แน่นมากเกินไป เพราะอาจทำให้เด็กอึดอัด และหายใจไม่ออกได้ค่ะ

ความรู้เพิ่มเติม เรื่องของเบาะนั่งสำหรับเด็ก (Car Seat) เบาะนั่งสำหรับเด็ก มีหลากหลายประเภทด้วยกัน ดังนี้

  • แบบ Rear Facing แบบ Rear Facing นั้นจะเป็นเบาะนั่งสำหรับเด็กที่มีลักษณะคล้ายๆ รถเข็นเด็กทารก ซึ่งจะเหมาะกับเด็กแรกเกิดจนถึงเด็กอายุ 1 ขวบ
  • แบบ Front Facing แบบ Front Facing จะเป็นเบาะนั่งสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งให้เด็กนั่งตั้งหน้าตัวตรง ใช้สำหรับเด็กอายุ 1-4 ปีขึ้นไป
  • แบบ Booster แบบ Booster จะเป็นเบาะนั่งสำหรับเสริมความสูง ใช้สำหรับเด็กอายุ 4 – 10 ปี
  • แบบ ผสม แบบ ผสม คือการนำเบาะทั้ง 3 แบบด้านบน มารวมอยู่ในอันเดียว

ทั้งนี้ คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ควรมีความระมัดระวังตลอดเวลา และห้ามประมาทแม้แต่วินาทีเดียว เพราะแม้เสี้ยววินาทีเดียว ลูกน้อยของคุณอาจจากคุณไปตลอดกาล

9-ทริค-ง่ายๆ-ช่วยยืดอายุรถกระบะ

วิธีดูแลรักษาไม่ให้การใช้งานของรถกระบะสุดรัก
สั้นกว่าที่ควรจะเป็น


ระยะเวลาตลอดเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา รถขวัญใจชาวไทยก็ยังคงเป็นรถกระบะ อาจเพราะหลายๆปัจจัยทั้งเรื่องของราคาเอย ความประหยัดเอย และที่สำคัญคือความทนทาน ซึ่งถึงแม้ว่ารถกระบะนั้นจะอึด จะทน สักแค่ไหน ก็ต้องดูแลรักษาไม่ให้การใช้งานของรถกระบะนั้นสั้นกว่าที่ควรจะเป็น

วันนี้ คาร์โร จึงจะมาบอกทริคง่ายๆในการดูแลรถกระบะ ให้คงสภาพเหมือนซื้อใหม่มาฝากถึงเพื่อนๆกันค่ะ

1.อย่าลืม! ที่จะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนอาจจะไม่ลืม แต่กลับละเลยแทน เรื่องนี้เป็นเรื่องพื้นฐานสำคัญเลยนะคะ ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถให้อยู่กับเพื่อนๆไปได้นานๆ ซึ่งโดยปกติแล้วการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่องจะอยู่ที่ทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน (ขึ้นอยู่กับว่าอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) หรือดูกำหนดการเปลี่ยนจากคู่มือที่ติดมากับรถก็ได้ค่ะ



2.สลับยางตามระยะ

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

โดยทั่วไปล้อหน้าจะมีการสึกหรอที่มากกว่า (ซึ่งก็อาจขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและการขับขี่ของเพื่อนๆด้วย) ทำให้ต้องมั่นสลับยางตามที่คู่มือประจำรถกำหนด เพื่อนๆจะได้มีการขับขี่ที่ราบเรียบ และยังช่วยลดภาระการทำงานของระบบกันสะเทือนที่เกิดจากการสั่นของยางอีกด้วยนะคะ



3.รักษาโครงสร้างยาง

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

ในขณะที่ล้อรถหมุนเราควรที่จะรักษาความสมดุล เพื่อให้ระบบกันสะเทือนมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นค่ะ ส่วนสภาพเส้นทางที่เป็นหลุมและบ่อ หรือการใช้งานแบบออฟโรดก็จะยิ่งทำให้ยางรถยนต์ขาดความสมดุลยิ่งขึ้น จะทำให้เพื่อนๆต้องเสียเงินกับค่าเปลี่ยนยางใหม่เร็วขึ้นนะคะ



4.การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

ก็ต้องยอมรับว่าหลุมบ่อบนถนนหนทางในบ้านเรานั้นเยอะแยะเสียเหลือเกิน ถ้าเพื่อนๆ ขับรถด้วยความเร็วจะทำให้หลบหลุมบ่อพวกนี้ไม่ทันจนต้องตกหลุมอยู่บ่อยๆ ซึ่งนี้แหละค่ะ เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ศูนย์ล้อผิดเพี้ยนไปจากเดิม จึงทำให้ยางเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีผลเสียที่ตามมาอย่างรถกินน้ำมันเพิ่มขึ้น และมีการบังคับควบคุมที่แย่ลงด้วยค่ะ

 

5.ตรวจสอบระบบไฟ

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

อย่างน้อยในเดือนละครั้ง เพื่อนๆ ต้องหาเวลาเพื่อตรวจเช็กระบบไฟทั้งภายนอกและภายใน หากพบความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็ควรจะรีบดำเนินการทำการแก้ไขก่อนที่ปัญหาจะลุกลามมากกว่าเดิมค่ะ

Tip : เพื่อนๆ ควรจะพกฟิวส์ไว้เป็นอะไหล่สำรองในยามฉุกเฉินด้วยนะคะ

 

6.ตรวจสอบของเหลวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

เริ่มแรกเพื่อนๆ ควรเช็กระดับน้ำมันเครื่อง วัดตอนเครื่องยนต์ดับ (อุณหภูมิเครื่องยนต์ปกติ) 1-5 นาที (หรือตามที่คู่มือประจำรถระบุนะคะ) ต่อมาเช็กระดับน้ำหล่อเย็นสำหรับเครื่องยนต์เพื่อป้องกันการโอเวอร์ฮีทของเครื่องยนต์ค่ะ โดยดูระดับน้ำว่าลดลงมากจนผิดปกติหรือไม่ อาจเกิดจากการรั่วซึม หากจำเป็นต้องมีการเติมน้ำยาหล่อเย็นหรือคูลแลนท์ (Coolant) ซึ่งควรใช้ให้ตรงตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ในคู่มือประจำรถด้วยนะคะ และสุดท้ายระดับน้ำล้างกระจกควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมเช่นกัน

 

7.ถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรองอากาศก็ต้องเปลี่ยน

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

ไส้กรองอากาศจะกรองฝุ่นละอองไม่ให้เข้าไปสู่ห้องเผาไหม้ในเครื่องยนต์ ฉะนั้นถ้ายิ่งสะอาดจะยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ อีกทั้งมีผลต่ออัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลืองที่ดีอีกด้วย ซึ่งนานๆไปอาจเกิดการอุดตันได้ แต่เพื่อนๆก็ควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศตามอายุการใช้งานที่ผู้ผลิตได้กำหนดไว้ หรือ 20,000-40,000 กิโลเมตร


8.บำรุงรักษาตามลักษณะการใช้งาน

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

การดูแลรักษารถกระบะแสนรักของเพื่อนๆให้อยู่ไปด้วยกันอีกนานแสนนาน คือ เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้ารับการตรวจเช็กตามกำหนด ก็ต้องไป และเมื่อเข้าอู่เพื่อนๆต้องบอกให้ช่างทราบว่ามีลักษณะการใช้งานเป็นประจำอย่างไร ตัวอย่างเช่น บรรทุกของหนักอยู่ตลอดเวลา, วิ่งบนเส้นทางทุรกันดารเป็นประจำ, ใช้งานในเมือง หรือแม้แต่รถที่จอดทิ้งไว้ไม่ค่อยได้ใช้ก็ตาม

 

9.คู่มือประจำรถ ต้องห้ามหาย! และต้องอ่าน!

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

หลายคนกลับมองข้ามคู่มือประจำรถ ทำให้ดูแลรักษากันผิดวิธีจนรถกระบะของเพื่อนๆโทรมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการดูแลรักษารถกระบะคู่ใจ นั้นได้ถูกแนะนำไว้ในคู่มือประจำรถตั้งแต่ออกมาจากโรงงานแล้ว ตั้งแต่การทำความสะอาด มาตรฐานน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันพาวเวอร์ และของเหลวอื่น ๆ ที่เหมาะสม รวมถึงระยะเวลาการบำรุงรักษา


สุดท้าย เพื่อนๆต้องอย่าละเลยการดูแลรถกระบะ ถึงแม้ว่ารถกระบะจะทนทานแค่ไหน แต่ก็มีวันที่รถกระบะนั้นพังได้ และพอวันที่อยากจะขายรถกระบะ ก็ทำให้ขายไม่ได้ราคาดี แม้จะเป็นที่ต้องการของตลาดรถก็ตาม ฉะนั้นการดูแลรักษารถกระบะคู่ใจไม่ใช่เรื่องยากเลยนะคะ หากเพื่อนๆให้ความใส่ใจ ทำตามที่แนะนำ และอ่านคู่มือประจำรถ เท่านั้นเองค่ะ

Exhaust-Wrap

“ผ้าพันท่อไอเสีย” มีประโยชน์ และช่วยอะไรกับรถยนต์ได้บ้าง ต้องอ่าน!

Dodge Charger ตำนานลุงดอมเกือบดับ

ตำนานลุงดอมเกือบดับ โชคดีมีคนช่วยทันเกือบปิดตำนาน Dodge Charger ของลุงดอมแล้ว ช่วยไว้ทัน รถไม่เป็นไรครับ แร็ครั่ว น้ำมันเพาเวอร์ลงผ้าพันท่อไอเสีย ไฟลุกแต่ลุงดอมไม่เป็นไรครับ เครื่องยนต์ติดปกติ มีเพียง สายไฟบางส่วนต้องเปลี่ยน สี ล้อ ยาง ไม่เป็นไร กำลังไล่ดูสายไฟ และข้อต่อน้ำมัน ขันให้แน่นครับฝากเตือนเพื่อนๆ ควรมีถังดับเพลิงไว้ในรถนะครับ และอย่าประมาท เช็คสายข้อต่อน้ำมันดีๆขอขอบคุณคลิปจาก ตระเวนข่าวเสนอโดย / Present By : Car4YouMag

Posted by Car4YouMag on Tuesday, May 15, 2018

ขอขอบคุณ Clip VDO จาก ตระเวนข่าว

จากกรณีที่รถยนต์ Dodge Charger (ดอดจ์ ชาร์จเจอร์) ของพันเองสมิง อินทราราม หรือที่รู้จักกันในรถของ “ลุงดอม” โดมินิค โทเรตโต (Dominic Toretto) ตัวละครในหนังเรื่อง Fast & Furious หลายๆ ภาค เกิดเครื่องยนต์ไฟลุกขึ้นมาแถว MRT แยกติวานนท์ เนื่องจากแร็ครั่ว น้ำมันเพาเวอร์ลงผ้าพันท่อ ทำให้เกิดไฟลุกขึ้นมา

จนหลายคนสงสัยว่า ผ้าพันท่อไอเสีย มีไว้เพื่อประโยชน์อันใด … Carro จะมาอธิบายให้ฟังครับ.

Muffler-Exhaust-Wrap

ผ้าพันท่อไอเสีย เป็นผ้าที่ใช้ป้องกันความร้อนแผ่กระจายจากท่อไอเสีย นิยมใช้กันทั้งในรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ (ประเภทบิ๊กไบค์ จะเห็นกันบ่อย) เพื่อให้ท่อไอเสียคายไอเสียได้เร็วขึ้น ป้องกันการหดตัวและขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอากาศที่ร้อนต่างกับอากาศเย็นมากเท่าไหร่ อากาศยิ่งวิ่งเร็วมากเท่านั้น นอกจากนี้ ยังไล่ไอเสียที่ตกค้างในกระบอกสูบ และเป็นฉนวน ช่วยลดความร้อนในห้องเครื่อง มีความร้อนสะสมน้อยลงอีกด้วย

Muffler-Exhaust-Wrap

ผ้าพันท่อไอเสีย มีทั้งข้อดีและข้อเสีย กล่าวคือ ในเมืองนอกที่อากาศหนาวจัดๆ มักนิยมใช้ผ้าพันท่อไอเสีย และใช้กับเฮดเดอร์ที่เป็นเหล็ก เพื่อป้องกันอากาศหนาวจัด เพราะผ้าพันท่อไอเสียจะทำการกักความร้อนไว้ที่ตัวมันเอง ป้องกันท่อเกิดการร้าวได้ และมีประโยชน์สำหรับคนขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ เนื่องจาก ผ้าที่พันเฮดเดอร์ จะช่วยป้องกันขา และความร้อนตีกลับเข้าเครื่องยนต์ เวลาขี่มอเตอร์ไซค์ได้

ส่วนข้อเสีย อาจทำให้เฮดเดอร์ร้าวได้ เนื่องจากผ้าจะเก็บความร้อนไว้จนสูงมาก หากใช้เฮดเดอร์ไม่มีคุณภาพ และอาจเกิดสนิมขึ้นบนท่อได้ เนื่องจากผ้า จะสะสมความชื้นเอาไว้ และหากมีน้ำมันอะไรก็ตาม หยดไปโดน โอกาสจะติดไฟขึ้นมาได้

Muffler-Exhaust-Wrap

ผ้าพันไอเสียส่วนใหญ่ จะผลิตจากไฟเบอร์กล๊าส ซึ่งทนความร้อนได้ถึง 400-500 องศาเซลเซียส แต่ท่อไอเสีย จะมีความร้อนตั้งแต่ 300- 600 องศาเซลเซียส ผ้าพันท่อไอเสียที่สามารถทนความร้อนได้ถึง 950 องศาเซลเซียส จะทำจากเส้นใยไทเทเนี่ยม 100% ซึ่งสีของผ้าจะเป็นสีเทาเหมือนโลหะ มักนิยมใช้ในรถแข่ง รองลงมาจะ เป็นผ้าที่ทำจากไฟเบอร์ผสมเส้นใยเซรามิก และเคลือบด้วยอ๊อปซิเดียน ซึ่งจะทนความร้อนได้ประมาณ 750 องศาเซลเซียส

Dodge-Charger

ขอขอบคุณภาพจาก Fanpage Volcano Custom Thailand

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้วละครับ ว่าได้ทราบถึงคุณสมบัติ และข้อดีข้อเสีย ของผ้าพันท่อไอเสียไปแล้ว สามารถเลือกซื้อเลือกใช้ มาใส่ในรถของท่านได้ตามอัธยาศัยครับ