โอนรถอย่างไร ที่ผู้ซื้อ-ขาย และเต็นท์รถ ไม่โดนหลอก!

การซื้อขายรถแบบโอนลอย เรียกได้ว่ามีการใช้วิธีนี้มานานแล้ว เนื่องจากความสะดวกของผู้ขายรถ ที่ไม่ต้องเสียเวลาไปดำเนินการโอนทางทะเบียนให้ที่สำนักงานขนส่งฯ ด้วยตนเองพร้อมกับเจ้าของรถคนใหม่ หรือขายรถให้กับเต็นท์รถ ตัวเจ้าของรถก็มอบชุดโอน ให้เต็นท์รถไปจัดการเอาเอง

แต่รู้หรือไม่ว่า โอนลอย อาจสร้างปัญหาให้คุณมากกว่าที่คิดได้ ถึงขั้นติดคุกติดตะราง จากสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อเลยทีเดียว!

บทความนี้ CARRO จะมาเปิดเผยเคล็ดลับ สำหรับผู้ซื้อ ผู้ขาย และเต็นท์รถมือสอง ที่จะช่วยให้ทุกฝ่าย ซื้อ-ขายรถไปแล้วไม่ต้องมีปัญหาตามมาในภายหลัง ไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดนหลอก หรือถูกนำเอาเอกสารไปใช้ในทางมิชอบอีกต่อไป

เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ ดังนั้นถ้าหากคุณได้นำหลัก 5 ข้อนี้ไปใช้ ก็รับรองได้เลยว่า การโอนกรรมสิทธิ์ ที่เป็นขั้นตอนสำคัญของการซื้อ-ขาย รถมือสองของคุณ จะปลอดภัยอย่างแน่นอน

Carro-คนขายรถ

เคล็ดลับสำหรับผู้ขาย

  • เซ็นเอกสารต้องบอกจุดประสงค์
    ในการเซ็นเอกสารทุกอย่างสำหรับผู้ขาย หรือแม้แต่หนังสือมอบอำนาจที่ผู้ขายจะต้องเซ็นในช่องผู้รับโอน ทุกครั้งที่มีการลงลายเซ็นเกิดขึ้น รวมถึงการเซ็นสำเนาถูกต้อง แนะนำให้เขียนบอกจุดประสงค์ลงไปข้างๆ ด้วย อาทิ “การใช้เอกสารเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน … เท่านั้น” หรือ “หนังสือมอบอำนาจสำหรับการดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์เท่านั้น” เป็นต้น หรือจะลงวันที่กำกับไว้ด้วยก็ได้ (แต่ต้องมั่นใจว่า คนซื้อจะไปโอนรถภายใน 15 วันหลังจากที่คุณขายรถแล้ว หากเลยวันกำหนด คนไปโอนรถโดนปรับอีก)
  • สัญญาซื้อ-ขาย ต้องห้ามหาย
    เอกสารที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือ “สัญญาซื้อ-ขายรถ” เพราะถือว่าเป็นหลักฐานการซื้อขายเพียงอย่างเดียวตามกฎหมาย ห้ามหาย เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่ซื้อรถคุณไป จะเอารถไปทำเรื่องผิดกฎหมายแบบที่เห็นเป็นข่าวหรือเปล่า เช่น ไปขนยาเสพติด ไปขนไม้เถื่อน หรือไม่ยอมโอนรถ จนใบสั่งส่งมาให้ที่บ้านเพียบ หรือมีรถฝาแฝด รถหลุดจำนำ หรือซากรถ ถูกสวมทะเบียนมาการเก็บสัญญาซื้อ-ขาย ไว้ เป็นหลักฐานสำหรับไว้ให้ตำรวจ หรือหน่วยงานต่างๆ ตรวจสอบได้ กรณีรถของคุณขายไปแล้ว ถูกนำไปใช้ในทางมิชอบทางกฎหมายส่วนเอกสารพวกสำเนาบัตรประชาชน หนังสือมอบอำนาจ หรือทะเบียนบ้าน นั้นถือเป็นแค่เอกสารประกอบการโอนกรรมสิทธิ์เท่านั้น ( สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่ >> th.carro.co/download )

Carro-คนซื้อรถ

เคล็ดลับสำหรับผู้ซื้อ

  • วันหมดอายุของสำเนาบัตรประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ
    ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ซื้อ หรือผู้ขาย เวลาที่เตรียมสำเนาบัตรประชาชน อย่าลืมดูวันหมดอายุของบัตรประชาชนให้ดี เพราะถ้าหากวันที่คุณไปดำเนินการโอนรถ เอกสารสำเนาบัตรประชาชนได้หมดอายุไปแล้ว ก็จะไม่สามารถดำเนินการโอนรถได้ต้องเสียเวลาไปตามหาเจ้าของรถคนที่เคยขายให้คุณ บางทีรถเปลี่ยนมาหลายมือ หาเจ้าของเก่าไม่เจอ ยุ่งยากวุ่นวาย รถโอนไม่ได้อีก หรือถ้าหากผู้ขาย จงใจให้สำเนาบัตรประชาชนที่หมดอายุมา แสดงว่าอาจจะเป็นเอกสารปลอมก็เป็นได้
  • แต่งรถได้แต่ห้ามผิดหลัก พรบ.
    ก่อนที่จะไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ คุณต้องแน่ใจให้ดีว่า รถคันนั้นเคยผ่านการดัดแปลงมาก่อนหรือไม่ และถ้าหากมีการดัดแปลง เจ้าของรถได้นำไปแจ้งต่อนายทะเบียนหรือเปล่า เพราะการแต่งรถบางประเภท อาจจะผิด พรบ. ก็ได้ ซึ่งมันอาจจะทำให้คุณเสียเวลาในการเตรียมเอกสารเพิ่ม ( อ่านต่อ เรื่องแต่งรถที่ไม่ผิด พรบ. )

Carro-เต็นท์รถ

เคล็ดลับสำหรับเต็นท์รถ

  • ห้ามระบุวันที่ถ้าหากยังไม่รู้จะไปโอนเมื่อไหร่
    การระบุวันที่ไว้ในแบบคำขอร้องขอโอนและรับโอน นั้นสำคัญมาก เพราะถ้าหากคุณได้ระบุวันที่ไปแล้ว และไม่ไปทำการโอนภายใน 15 วัน ก็จะถูกปรับ และเอกสารใบนั้นจะเป็นโฆฆะ ดังนั้นถ้าหากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะไปทำการโอนวันไหน หรือแม้แต่กระทั่งการโอนลอย ก็ห้ามระบุวันที่ลงไป ถ้ายังไม่แน่ใจ
  • ลายเซ็นต้องครบ
    ลายเซ็นที่อยู่บนเอกสารทุกอย่าง รวมไปถึงการเซ็นสำเนาถูกต้อง ต้องครบ และทุกลายเซ็นจะต้องเป็นชื่อเดียวกัน และลายเซ็นเดียวกับชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์รถคนสุดท้าย ในหนังสือคู่มือจดทะเบียนรถ

TIPS: อย่าลืมตรวจว่าชื่อผู้ขาย ตรงกับชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์รถคนสุดท้ายในหนังสือจดทะเบียนรถหรือเปล่า เพราะผู้ทีมีสิทธิ์ในการโอนกรรมสิทธิ์ นั้นต้องเป็นรายชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์รถคนสุดท้ายเท่านั้น

เมื่อคุณอ่านบทความนี้จบแล้ว และอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมของการเตรียมเอกสาร หรือข้อมูลอื่นๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ >> การโอนรถ โอนตรง โอนลอย คืออะไร? มีขั้นตอนอะไรบ้าง และ 3 ขั้นตอนการโอนรถ (เอกสาร ค่าธรรมเนียม สถานที่โอนรถ) ที่ผู้ซื้อ-ผู้ขายรถต้องรู้!

Carro-Express

ถ้าใครอยากขายรถตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

BMW Z4

มีพบก็ต้องมีพราก ถือเป็นสัจธรรม
ที่ใช้ได้กับโลกยานยนต์โดยแท้

วันนี้ Carro จะชวนคุณๆ มาดู 5 อันดับรถยนต์ที่เราจะไม่ได้เห็นอีกแล้วในปี 2017! ซึ่งหลายคันในกลุ่มนี้น่าจะเป็นรถในดวงใจของใครหลายคนเลยทีเดียว!

1. BMW Z4

คาดว่าอาจทำให้หลายคนงงงวยว่าโรดสเตอร์ยอดนิยมอย่าง Z4 เนี่ยนะจะไม่ได้ไปต่อ! มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ แต่ไม่ต้องตกอกตกใจไป มันเป็น Life Cycle ของ Z4 จ้า!

BMW Z4 เจนเนอเรชั่นปัจจุบันถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งออกมาตั้งแต่ปี 2009 แล้ว แม้ว่าโฉมปัจจุบันของ Z4 จะเป็นโฉมที่หลายคนยอมรับว่าดีไซน์สวยงามที่สุด คว้ารางวัลมาแล้วหลายเวที แถมยังโดดเด่นมากในบรรดา Roadster ด้วยกัน แต่เรื่องน้ำหนักของรถซึ่งเพิ่มขึ้นจาก Hard Top ที่ออกแบบมาใหม่นั้นก็ยังเป็นปัญหา รวมถึงการทำความเร็วที่ยังเป็นรอง Porsche Boxster ด้วย

และช่วยไม่ได้จริงๆ ที่โรดสเตอร์เดี๋ยวนี้ขายยากขึ้นทุกวัน แถมผู้ซื้อก็เป็นกลุ่มเล็กๆ ทางผู้ผลิตจึงต้องมีการปรับปรุงและพัฒนารถกันอีกสักยก ในปี 2017 เราน่าจะได้เห็น Z5 ที่จะมาพร้อมกับความสำเร็จยิ่งกว่าเดิม! และก็อย่างที่รู้ๆ กันว่า BMW ได้จับมือกับ Toyota เพื่อพัฒนา Sport Car ร่วมกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว อย่างที่หลายคนน่าจะทราบแล้วว่า Toyota Supra รุ่นต่อไปจะใช้เครื่องยนต์ BMW! ฉะนั้น Z5 ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอนาคตอันใกล้นี้จึงน่าจะเป็นรถที่ร่วมมือกันระหว่าง BMW กับ Toyota เช่นกัน !

(BMW Z4)

(BMW Z5 Spy Shots)

2. Rolls – Royce Phantom

นับว่าผ่านมาร่วม 13 ปีแล้วหลังจากที่ Phantom รุ่นล่าสุดเปิดตัวออกมา แม้จะไม่ใช่รถที่เราจะสามารถพบเห็นได้บ่อยๆ แต่ก็น่าใจหายอยู่ไม่น้อยทีเดียว เพราะดูเหมือนว่า Phantom รุ่น Drophead Coupe’ (เปิดประทุน) และรุ่น Coupe’ (2 ประตู) จะไปแล้วไปลับ เหลือไว้เพียงรุ่นลิมูซีนเท่านั้น!

(Rolls – Royce Phantom Coupe’)

(Rolls – Royce Phantom Drophead Coupe’)

3. Honda CR – Z

ซีอาร์ – ซีร์เพิ่งจะเข้ามาในประเทศไทยได้ไม่กี่ปี แต่ในอเมริกาจะเลิกขายแล้ว! นับว่ารถไฮบริดจากค่ายฮอนด้าคันนี้มีชะตากรรมที่น่าสงสารอย่างยิ่ง เพราะแม้แต่ในไทยซึ่งนิยมรถญี่ปุ่น เราก็ยังไม่ค่อยจะเห็น CR-Z บนท้องถนนบ่อยนัก ส่วนเมืองนอกซึ่งนิยมรถไฮบริดมากกว่าก็ดันประกาศเลิกผลิต!

ความแป้กของยอดขาย CR-Z นั้นเป็นที่คาดการณ์มาล่วงหน้านานแล้ว สาเหตุก็เพราะ CR-Z เป็นรถที่ไปไม่สุดเลยสักทาง จะเป็นคูเป้ที่ขับสนุกก็ไม่ใช่ เป็นอีโคคาร์ก็ไม่เชิง อีกทั้งในแง่ของความประหยัดน้ำมันนั้น คู่แข่งอย่าง Toyota Prius ก็ทำได้ดีกว่ามาก  Honda CR-Z จึงโบกมือลาตลาดอมริกาไปด้วยประการฉะนี้

(Honda CR-Z)

4. Volvo S80

ถือเป็นรุ่นที่อยู่มาเกือบ 10 ปีแล้วสำหรับ S80 คันนี้! หลังจากต้องยืนหยัดแข่งขันกับ BMW 5 series และ Mercedes Benz E-Class อย่างแสนสตรองมาร่วมทศวรรษ และประสบความล้มเหลวไม่เป็นท่ากับยอดขายมาหลายปีติดๆ กัน แม้ว่าทางผู้ผลิตพยายามยื้อชีวิต S80 ด้วยการเติมโน่นนิด เติมนี่หน่อย และใส่เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์ต 4 สูบลงไปในรุ่นที่วางขายปี 2015 ก็ตาม

ในที่สุดทาง Volvo ก็ตัดสินใจปลดระวาง S80 แล้ว และมีแผนที่จะส่ง S90 ซึ่งมีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ทันสมัยกว่า และดีไซน์หรูหรามีระดับมากกว่าออกมาทดแทนในอนาคตอันใกล้นี้!

(Volvo S80)

5. Dodge Viper

หากคุณไม่ใช่แฟน Sport Car คงไม่ตกใจมากนัก แต่สำหรับคนรักรถสมรรถนะสูงทั่วโลก การที่ Viper จะเลิกผลิตในอเมริกานั้นถือเป็นเรื่องสะเทือนขวัญทีเดียว ด้วยสมรรถนะ ดีไซน์ และเสน่ห์หลายอย่างประกอบกัน Viper ได้กลายเป็นขวัญใจของคนรัก Sport Car จำนวนมาก! แต่เป็นที่แน่นอนแล้วว่า หลังจากรุ่น Limited Edition เปิดตัวในปีหน้า อสรพิษจากค่าย Dodge จะเป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่จะไม่มีขายอีกแล้ว! เรื่องนี้ทำให้สื่อมวลชนหลายเจ้าโจมตีว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวอเมริกันปัจจุบันคงกลายเป็นพังพอนไปแล้ว! Viper จึงสามารถครองพื้นที่ในโชว์รูมต่อไปได้! (Viper แปลว่า งูพิษ)

(Dodge Viper)

เอาเป็นว่า Carro ขอแจ้งข่าวให้คนรักรถได้รับรู้ทั่วกัน 5 อันดับรถที่กล่าวมานี้ไม่ผลิตและวางขายในอเมริกาเหนือแล้วจ้า! แต่แฟนๆ ก็ไม่ต้องเสียอกเสียใจไป เพราะบางคันยังหาได้ในตลาดรถมือสอง! ใครที่สนใจรถมือสองสภาพดี ลองเข้าไปเลือกชม เลือกหาซื้อได้บนเว็บไซต์คาร์โรเลย! ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและโปรเด็ดๆ ในแวดวงรถยนต์มือสอง มาติดตามได้ที่ได้ที่ facebook : Carro thailand แล้วเราจะได้ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม!

TAX2016

เป็นที่สนใจของการปรับขึ้น ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ทั้งระบบในปี 2559 การคิดภาษีของรถใหม่ป้ายแดง ประเภทต่างๆ

จากภาษีที่มีการปรับขึ้นนี้ อาจเป็นการชี้ทิศทางตลาดรถยนต์ในเมืองไทยที่จะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะราคาที่เพิ่มสูงขึ้นสุดโหด ของรถป้ายแดง

“ป้ายแดงที่ภาษีลง แต่ราคากลับไม่ลด งงปะ…”คาดว่าค่ายผู้ผลิตจะต้องปรับราคาขึ้นจากภาษีที่ปรับสูงขึ้นของรถแต่ละรุ่น มีบางค่ายรถยนต์ออกมาประกาศถึงราคารถใหม่ในปี 2559 แล้วด้วยซ้ำ เห็นได้ว่าราคารถแพงขึ้น เป็นหลักแสนก็มี รถบางประเภทก็มีการปรับลดภาษีเช่นกัน ได้แก่ Eco Car ที่มีการเพิ่มเฟส 2 มาด้วยแต่การที่ภาษีปรับลดลง ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงราคารถใหม่ ป้ายแดงจะลดลงด้วยนะ เพราะราคารถขึ้นอยู่กับค่ายผู้ผลิตเป็นผู้กำหนดเอง Eco Car บางค่ายมีการออกรุ่นใหม่ Minor change เพื่อรอรับกับภาษีใหม่นี้โดยเฉพาะ แต่ราคากลับไม่ลดจากเดิม เป็นการเพิ่ม Option ต่างๆ ของรถเข้าไปแทน ซึ่งจะดีใจทั้งทีก็ไม่สุดที่ภาษีรถ Eco Car ประเภทนี้ลดลง แต่ราคารถกลับเท่าเดิมหรืออาจจะเพิ่มขึ้นอีกด้วยซ้ำ


ภาษีใหม่ปี 59 ป้ายแดงแพงโหดโอกาสทองรถมือสอง | Carro

“ประเภทรถยนต์ที่ภาษีขึ้น ราคาขึ้นจากเดิมเป็นแสน”

คนที่กำลังสนใจจะตัดสินใจซื้อรถป้ายแดง คงต้องรีบตัดสินใจกันก่อนสิ้นปี 2558 นี้แล้วเพราะจากภาษีใหม่ของรถประเภทที่ภาษีขึ้นมี ถ้าลองคิดตามเปอร์เซ็นที่มีการเพิ่มขึ้นนี้ คาดว่าราคาป้ายแดงจะขึ้นเป็นแสนไม่ก็หลายหมื่น ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละค่ายว่าจะใจดี อยากกระตุ้นยอดขาย ขึ้นราคารถไม่มาก บางรุ่นขายได้อยู่แล้วก็อาจจะขึ้นราคาแบบคาดไม่ถึงเลยก็เป็นได้ อ้างภาษีขึ้นทีก็เถียงอะไรไม่ได้อยากได้จริงๆ ก็ต้องยอมจ่าย


ภาษีใหม่ปี 59 ป้ายแดงแพงโหดโอกาสทองรถมือสอง | Carro

“อย่าสับสน!! ภาษีประจำปียังเท่าเดิม โอกาสทองรถมือสอง” 

ภาษีสรรพสามิตรไม่ได้เกี่ยวอะไรกับภาษีประจำปีที่ต้องเสียทุกปี ฉะนั้นอย่าสับสน  รถทั่วไปที่วิ่งตามท้องถนน ไม่มีผลกระทบใดๆ

ภาษีรถป้ายแดงขึ้นเอาๆ พาให้ราคารถไปถึงผู้ซื้อเพิ่มขึ้นอย่างสุดโหด ทำให้ผู้ต้องการจะซื้อรถ อาจหันมาพิจารณาซื้อรถมือสอง ที่ตอนนี้ตลาดกำลังคึกคัก น่าจะเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในตอนนี้มากที่สุดในเรื่องของราคารถมือสอง ประกอบกับที่หน่วยงานของรัฐเข้ามาช่วยคุ้มครองผู้ซื้อรถยนต์มือสอง เช่น การบังคับของสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคให้ผู้ประกอบการรถยนต์มือสองต้องออก “ฉลากรถมือสอง” เพื่อระบุสเปคของตัวรถให้ชัดเจน และถูกต้อง เป็น เป็นต้น

นอกจากนี้การเลือกซื้อรถยนต์มือสองยังมีผู้ให้บริการ ที่ช่วยให้การตรวจสอบสภาพรถยนต์แต่ละคันที่จะซื้อ เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อรถยนต์มือสองมั่นใจในสภาพของรถคันนั้นๆ ที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าได้ รถที่สภาพที่ดี ไม่เคยชนหนัก มีการตัดต่อ หรือเป็นรถขโมยมาเป็นต้น

ไฟแนนซ์สำหรับการซื้อรถมือสอง การพิจารณาให้อนุมัติก็ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น ผู้ให้บริการไฟแนนซ์ มีตัวช่วยเพื่ออำนวยความสะดวก และช่วยตัดสินใจให้ผู้ซื้อรถมือสองได้อีกทาง

                           ภาษีใหม่ปี 59 ป้ายแดงแพงโหดโอกาสทองรถมือสอง | Carro

การหมุนเวียนของรถทั้งผู้ซื้อและผู้ขายมีมาก ผู้ขายมีทั้งรถเต้นท์และรถบ้าน ยิ่งเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้ซื้อที่มีความต้องการในรถรุ่นนั้น ตลาดซื้อขายรถยนต์มือสองออนไลน์  ยิ่งเป็นช่องทางสำคัญที่จะให้ผู้ซื้อพบผู้ขาย เจอรถที่เหมาะสมกับราคาได้ง่ายมากขึ้น

นับว่าตลาดรถยนต์มือสองเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ผู้บริโภคมาสนใจ พร้อมด้วยตัวช่วยต่างๆ มากมาย ที่จะให้ผู้บริโภคหันมาเลือกใช้รถมือสองมากยิ่งขึ้น การที่จะได้รถมือสองดีๆ สภาพเยี่ยม สักคันไม่ยากอีกต่อไปแล้ว

 

Pejero
ถือเป็นเรื่องน่าปวดหัวอีกเรื่องหนึ่งสำหรับผู้ที่ซื้อ – ขายรถมือสองเลยทีเดียว เพราะดูเหมือนยังมีคนอีกจำนวนมากที่เข้าใจว่า Mitsubishi Pajero กับ Mitsubishi Pajero Sport นั้นเป็นรถโมเดลเดียวกัน!

อันที่จริง หากไม่นับเรื่องชื่อที่คล้ายกัน และมาจากค่ายเดียวกันแล้ว รถ 2 รุ่นนี้ก็แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย!!!

ก่อนอื่น เรามาดูหน้าตาของ Pajero และ Pajero Sport กันก่อน


(Pajero VS Pajero Sport)

จุดเริ่มต้นแห่งความงง

สาเหตุแห่งความเข้าใจผิดนี้เริ่มขึ้นในปี 2551 ปีนั้น Mitsubishi ประเทศไทยได้ประกาศว่าจะเลิกวางจำหน่ายรถยนต์รุ่น Pajero และในปีเดียวกัน ก็ได้มีการเปิดตัวรถโฉมใหม่ที่มีชื่อว่า “Mitsubishi Pajero Sport” จนหลายคนหลงเข้าใจผิดว่า “อ๋อ! ที่แท้ Pajero Sport จะมาแทน Pajero นี่เอง”

แต่มันเป็นความเข้าใจที่ “ผิด” อย่างมหันต์ เพราะถ้าหากยังจำกันได้ กาลครั้งหนึ่ง มิตซูฯ ได้เคยขายรถที่ชื่อว่า Strada G-Wagon (หรือที่รู้จักในชื่อว่า Mitsubishi Challenger) มาก่อน นั่นแหละคือบรรพบุรุษที่แท้จริงของ Pajero Sport! คือเป็นรถ Generation แรกของปาเจโร่ สปอร์ต ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนชื่อจาก Strada G-Wagon (อ่านว่า สตราด้า จี-แวกอน) มาเป็น Pajero Sport นั่นเอง

แล้วเปลี่ยนชื่อทำไม? คำตอบคือในปี พ.ศ. 2549 Mitsubishi ได้ประกาศว่าจะเลิกผลิตรถกระบะรุ่นดังของค่ายอย่าง “Mitsubishi Strada” ซึ่งในขณะนั้นมีอายุผลิตภัณฑ์ราวๆ 10 ปีแล้ว และแทนที่ด้วย “Mitsubishi Triton” กระบะรุ่นใหม่ซึ่งมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า

รถ Generation แรกอย่าง Strada G – Wagon ซึ่งวางขายมาแต่เดิมนั้นมีพืื้นฐานมากจากกระบะมิตซูฯ สตราด้า แต่รถ Generation ใหม่ที่ออกมามีพื้นฐานมากกระบะมิตซูฯ ไทรทัน ทางผู้ผลิตจึงถือโอกาสนี้เปลี่ยนชื่อโมเดลเสียใหม่เป็น “Pajero Sport” ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้ทำการตลาดในแถบยุโรปมาตลอด


(Strada G Wagon หรือ Pajero Sport Gen แรก)

SUV หรือ PPV?
ถ้าคุณเข้าใจมาตลอดว่า Pajero เป็นรถ SUV (Sport Utility Vehicle) ส่วน Pajero Sport เป็นรถ PPV  (Pick Up Based Passenger Vehicle) ความเข้าใจของคุณก็ถือว่าถูกแล้วตามความนิยมในประเทศไทย

ปัญหาคลาสสิกอย่างหนึ่งของค่ายรถยนต์ในบ้านเราก็คือการแบ่งประเภทของรถยนต์แบบไม่ค่อยอ้างอิงระบบสากลนี่เอง

ขอให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า ตามหลักสากลนั้น รถประเภท SUV จะผลิตขึ้นมาโดยการทำ Chassis ขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ หรือจะไปเอา Chassis ของรถกระบะมาใช้ก็ได้ เหตุที่เลือกเอา Chassis ของรถกระบะมาใช้ก็ เพราะเป็นรถที่ทนทาน จะเอาไปขับออฟโร้ดก็ดี จะขับขี่ในเมืองก็ไม่เป็นปัญหา อีกทั้งทางผู้ผลิตเองก็มีชิ้นส่วนอยู่แล้วครบครัน

แต่ก็จะมีรถ SUV บางประเภทที่เอา Chassis มาจากรถเก๋ง รถแบบนี้จะเรียกว่า Crossover SUV คือเป็น SUV ที่ทำมาเพื่อเอาใจคนเมือง เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในเมือง สามารถขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลกว่า SUV พื้นฐานกระบะ แต่ไม่ใช่รถที่จะใช้อย่างสมบุกสมบันได้มากนัก

ในประเทศไทย จะเรียกรถ SUV แท้ๆ ตามหลักสากลว่า PPV (PPV เป็นคำที่มีใช้ในประเทศไทยเท่านั้น ประเทศอื่นๆ ไม่ได้ใช้) แต่จะเรียก Crossover SUV ว่า SUV เฉยๆ

ฉะนั้น Pajero กับ Pajero Sport ตามหลักสากลแล้วถือเป็น SUV ทั้งคู่ กล่าวคือ Pajero เป็น SUV ที่มีการทำ Chassis ขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ (จะเห็นได้ว่า Gen แรกๆ หน้าตาคล้าย Jeep มาก) ส่วน Pajero Sport ใช้ Chassis ของ Strada (เฉพาะ Gen แรก) และ Triton (Gen ที่ 2 เป็นต้นมา)

ปัจจุบันทั้ง 2 โมเดลนี้ไปถึงไหนแล้ว?
 รถ Mitsubishi Pajero เลิกผลิตและวางจำหน่ายในประเทศไทยไปแล้ว โดย Generation สุดท้ายที่วางจำหน่ายในไทยคือ Generation ที่ 4 และวางจำหน่ายจนถึงปี 2552 อย่างไรก็ตาม รถปาเจโร่ทุกๆ โฉมที่เคยขายในไทยยังหาได้ในตลาดมือสอง หากคุณชมชอบความเท่สไตล์ปาเจโร่ก็หามาครอบครองได้


(ปาเจโร่รุ่นล่าสุดที่วางขายในประเทศญี่ปุ่น)

 รถ Mitsubishi Pajero Sport ที่วางขายอยู่ปัจจุบันคือ Generation ที่ 3 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากคนไทยซึ่งนิยม PPV Pajero Sport ถือเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของ Fortuner จากค่าย Toyota  Everest จากค่าย Ford รวมถึง Trailblazer จาก Chevrolet


(ปาเจโร่ สปอร์ตเจ็นใหม่)

สำหรับใครที่ชมชอบรถมือสอง อยากจับจองปาเจโร่ หรือปาเจโร่สปอร์ตไปขับเล่นสักคัน Trusteecar (ทรัสตี้คาร์) มีรถครบทุกโฉม หลายระดับราคา รอให้คุณเลือกอย่างจุใจอยู่แล้ว! ถ้าสนใจรถคันไหนอยู่ แต่อยากมั่นใจเรื่องสภาพรถก่อน คุณก็สามารถให้ทรัสตี้คาร์ไปตรวจสภาพให้ได้ด้วย! จะรออะไรอีก กดเข้าไปที่ลิงก์ต่อไปนี้ได้เลย!
Pajero Sport: mitsubishi-pajero-sport
Pajero: mitsubishi-pajero 

หากต้องการสอบถามเพิ่มเติม หรือมีข้อข้องใจในการใช้บริการใดๆ จาก Carro มาสอบถามได้ที่ เพจ Facebook: Carrothailand หรือมาเป็นเพื่อนกันที่ Line: Carrothailand ได้เลย

Rover-LandRover-RangeRover

สิ่งที่เรากำลังจะคุยกันต่อไปนี้ น่าจะเป็นคำถามที่คนขายรถ เต็นท์รถมือสอง ไปจนถึงเซลส์ขายรถจำนวนมาก ต้องเคยถูกลูกค้าถามมาก่อน ว่า Rover (โรเวอร์), Land Rover (แลนด์ โรเวอร์) และ Range Rover (เรนจ์ โรเวอร์) (อาจรวมแบรนด์ Roewe ด้วย) เป็นรถยี่ห้อเดียวกันหรือเปล่า?

MR.CARRO แน่ใจว่า มีคนไทยจำนวนไม่น้อยเลยที่ยังสับสนในเรื่องนี้ เพราะในตลาดรถยนต์บ้านเรานิยมรถญี่ปุ่นกันส่วนใหญ่ ถ้าหากถามเรื่องรถ Toyota, Honda รับรองว่าเข้าใจตรงกัน ไม่มีสับสนอย่างแน่นอน

เอาล่ะ MR.CARRO จะมาเคลียร์กันให้ชัดๆ ไปเลยครับว่า Rover, Land Rover และ Range Rover สรุปว่ามันยี่ห้อเดียวกันมั้ย?

Rover-Mini-Cooper-S-Final-Edition-UK-Spec

Rover Mini รถยอดฮิตในยุค 90 ของ Rover Group ในบ้านเรา

รถ Rover กับ Land Rover (และ Range Rover) ในปัจจุบัน ถือเป็นรถคนละยี่ห้อกัน แต่ยังคงมีความเกี่ยวข้องกันในอดีต ดังนี้

– Land Rover เป็นชื่อยี่ห้อหรือแบรนด์ (Make) ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในปี 1948
– ส่วน Range Rover เป็นชื่อรุ่น (Model) และถือกำเนิดขึ้นในปี 1970
– แต่ Rover เป็นบริษัทผู้ผลิตในอดีต! (หรือเป็นที่รู้จักในนาม Rover Company และ Rover Group) อดีตเป็นบริษัทในเครือของ BMW ปัจจุบันเป็นแบรนด์ในเครือของ TATA Motors ซึ่ง Rover ยังไม่มีผลิตรถขายในตอนนี้ …
– อีกฟากหนึ่งของโลก SAIC Motor ของจีน ได้ตัดสินใจซื้อแบรนด์ MG (MG เคยเป็นแบรนด์รถที่เคยอยู่ในเครือของ Rover Group) ในปี 2548 ช่วงที่อุตสาหกรรมยานยนต์ในอังกฤษล่มสลาย จากทาง BMW (ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์รถทั้งหมดของ Rover Group ในเวลานั้น) และเคยร่วมทุนประกอบรถยนต์ Rover ในเซี่ยงไฮ้ พอเมื่อรถยนต์ Rover เลิกกิจการ ทาง SAIC ก็ยังประกอบรถขายต่อ แต่ไม่ได้ซื้อแบรนด์ Rover ต่อจาก BMW จึงต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็น “Roewe” (โรวี่) แทน

สรุปคือ

– Land Rover กับ Rover ในอดีตนั้น เป็นคนละยี่ห้อกัน! แต่ผลิตจากบริษัทเดียวกัน
– และ Jaguar Land Rover Corporate เป็นบริษัทที่เกิดจากรวมกันของ Jaguar และ Land Rover ภายใต้การบริหารของบริษัทแม่ในปัจจุบัน ซึ่งก็คือ TATA Motors

Rover-600

Rover 623 GSi อีกรุ่นยอดฮิต ของ Rover บ้านเราในอดีต

ถ้าคุณยังสับสนอยู่ Carro มี Timeline ให้คุณดู! วงจรชีวิตอันแสนสับสนวุ่นวายของ Land Rover มีดังนี้

จะเห็นได้เลยว่า Land Rover นั้นถูกส่งต่อไปหลายบริษัทมาก และสามารถสังเกตได้ในช่วงตั้งแต่ปี 1994 – 2008 จะพบว่า Land Rover และ Range Rover เคยอยู่กับ BMW ตั้งแต่ปี 1994 ต่อมาในปี 2000 BMW ได้ขายให้กับกลุ่ม Ford Premier Automotive Group (PAG) ไป

ส่วน Jaguar นั้นมาเอี่ยวด้วยในตอนท้าย เพราะ Ford ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Jaguar และ Land Rover ตัดสินใจขายบริษัทลูกทั้งสองให้กับ TATA Motors ในปี 2008 แล้ว TATA Motors ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ก็จับเอา Jaguar กับ Land Rover มายัดเข้าในบริษัทลูกที่มีชื่อว่า Jaguar Land Rover Corporate

Land-Rover-Defender-110

Land Rover Defender รถรุ่นสร้างชื่อเสียงของ Land Rover ในบ้านเราตั้งแต่อดีต

หากจะพูดถึงประวัติของรถ Rover, Land Rover และ Range Rover ในไทย ก็ขอย้อนไปสักประมาณยุค 90 ในยุคนั้น กำแพงภาษีรถยนต์ถูกลดลงมา ทำให้บรรดาบริษัทรถนำเข้าได้นำเข้ามาขายในไทยกันเพียบ ซึ่งรวมถึงรถยี่ห้อ Rover, Land Rover, Range Rover และ MG ซึ่งอยู่ในเครือ Rover Group ถูกนำเข้ามาขายโดย บริษัท ไทยอัลติเมทคาร์ จํากัด (เป็นบริษัทลูกของทาง ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ ของตระกูลเผอิญโชค ปัจจุบันขายแค่รถยนต์ของ Thairung อย่างเดียว)

จากความผันผวนทางด้านเศรษฐกิจเข้ามาเยือนไทยเมื่อปลายปี 2539 ทำให้ ไทยอัลติเมทคาร์ ได้รับผลกระทบจากยอดขายที่หดตัวลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ต้นปี 2540 เป็นต้นมา ถึงแม้ว่าจะสามารถรักษาระดับยอดขายเอาไว้ได้ก็ตาม

ต่อมาบริษัทก็เกิดวิกฤต จนต้องขายรถเหลือเพียงแค่แบรนด์ Land Rover และ Range Rover เท่านั้น ก่อนที่ ไทยอัลติเมทคาร์ จะเลิกขายรถที่นำเข้าจากอังกฤษไปประมาณปลายปี 2552

Range-Rover

Range Rover รถ SUV สุดหรู ยอดนิยมของผู้บริหารในบ้านเรามาตั้งแต่ยุค 90

บริษัท กัววา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ถือสิทธิ์แบรนด์แลนด์โรเวอร์ และเรนจ์โรเวอร์ ในยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ASEAN ครอบคลุม 27 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย จึงแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายรายใหม่ 2-3 เจ้า (ซึ่งอยู่ได้ไม่นาน ก็ปิดไปเพราะปัญหาทางการเงิน) ก่อนจะมาได้ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Jaguar และ Land Rover ในปัจจุบัน

คงต้องพูดกันตรงๆ ว่า Land Rover ก็ไม่ใช่ค่ายรถที่มียอดขายรถในไทยสูงสักเท่าไหร่ ไม่เชื่อลองถามหา Land Rover รุ่นยอดนิยมสิ คนที่จะตอบคุณได้นั้น หากไม่ใช่คนที่ติดตามข่าวในแวดวงยานยนต์อย่างสม่ำเสมอ ก็น่าจะเป็นคนที่เล่นรถประเภทนี้จริงๆ หรือชื่นชอบรถยุโรปเป็นทุนเดิม ซึ่งก็ไม่ใช่กลุ่มที่ใหญ่มากในประเทศไทย

เหตุปัจจัยที่น่าจะเป็นตัวการให้ Land Rover ไม่บูมในประเทศไทยเท่าที่ควร ก็คงจะเป็นราคาจำหน่ายที่สูงมาก ค่านิยม กับรถรุ่นที่ตัวแทนจำหน่ายเลือกเข้ามาขาย รวมถึงจำนวนศูนย์บริการที่มีไม่มาก นี่ไม่ใช่ปัญหาของ Land Rover เพียงค่ายเดียว แต่ยังรวมถึงค่ายรถยุโรปหลายๆ เจ้าอีกด้วย

Range-Rover-Sport-Plug-in-Hybrid-2018

Range Rover ในปัจจุบัน ในราคาบ้านเราที่สูงลิบลิ่ว

จบไปแล้วกับสาระความรู้ว่าด้วยเรื่องของ Land Rover หากคุณไม่อยากพลาดเรื่องราวข่าวสารใหม่ๆ และสนใจรับโปรเด็ดๆ ก่อนใคร กดติดตาม Fanpage CARRO Thailand แล้วเราจะได้ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม!

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ สามารถขายรถคันเดิมกับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งข้อมูลบางส่วนจาก:

Smart-Reasons-For-Buy-Used-Car

ซื้อรถมือสองดีไหม?? คำถามนี้อาจยังติดใจของคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรถหลายท่าน ด้วยเหตุผลนานับประการ

Used-Car

แต่ความเป็นจริงแล้ว!! รถมือสองมีดีกว่าที่คุณคิดมาก เมื่อยังไม่แน่ใจ CARRO จะช่วยให้คุณได้เห็นมุมมองใหม่ ของการที่จะซื้อรถมือสอง มันไม่ยากเลยที่จะมีรถมือสองดีๆ สักคันมาใช้งาน และถ้าคำตอบของคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกรถมือสองหรือไม่…

ลองมาดูเหตุผลง่ายๆ ที่จะทำให้คุณมองรถมือสองเปลี่ยนไป …

Used-Car

1. ได้รถในราคาที่ถูกกว่า!!

งบประมาณเป็นปัจจัยหลักของการเลือกซื้อรถ จะดีไหม? หากมีรถขับในรุ่นเดียวกับคนอื่น แต่ซื้อมาในราคาที่ถูกกว่ารถมือสองจะช่วยประหยัดเงินของคุณ และได้รถรุ่นที่ยังไม่ตกรุ่น ในตลาดรถยนต์มือสองจะเห็นว่ามีรถป้ายแดง ที่ถูกนำมาขายเป็นมือสองเยอะพอสมควร

ถ้าคุณเลือกซื้อรถมือสอง แทนที่จะเป็นป้ายแดง รถมือสองที่ปีเก่ากว่าปีปัจจุบัน และยังไม่ตกรุ่น จะช่วยคุณประหยัดเงินไปตั้งแต่ หลักหมื่นไปจนถึงแสนบาท

:: รถมือสองสภาพเหมือนรถป้ายแดงมีเยอะ ลองเลือกรถในรุ่นปีที่เก่าลงมาจากปัจจุบันสัก 2-3 ปี จะทำให้คุณประหยัดได้เป็นแสน

รถมือสองที่น่าสนใจดูเพิ่มเติม

Used-Car

2. รถมือสองสภาพดีๆ มีเยอะ

สิ่งที่ผู้ซื้อโดยทั่วไปคิดกันก็คือ “รถมือสองต้องไม่ดี เคยชนหนักจนต้องขาย” แต่ในความเป็นจริงแล้วรถมือสองไม่เป็นแบบนั้นทั้งหมด รถมือสองที่สภาพดีมีขายอยู่เยอะ ไม่จริงเสมอไปที่รถมือสองทุกคันจะต้องเคยชนหนัก อาจจะเพียงแค่เฉี่ยวเล็กน้อยไม่ส่งผลต่อโครงสร้างรถยนต์ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับรถใช้งานทั่วไป

สาเหตุที่รถยนต์แต่ละคันจะถูกนำมาขายเป็นรถมือสองมีได้หลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็น เจ้าของจำเป็นต้องขายทั้งที่ยังอยากเก็บไว้ใช้อยู่ หรือจะเป็นรถที่ถูกยึดมาเพราะผ่อนไม่ไหว เป็นต้น

:: อย่าไปกลัวที่จะซื้อรถมือสอง ผู้ช่วยมีเยอะ ซื้อรถมือสองไม่ยากอย่างที่คิด 

Used-Car

3. ออกรถง่ายๆ ไม่ต้องรอ

รถป้ายแดงสมัยนี้ รอรถตั้งแต่ 3 เดือนยาวไปถึงครึ่งปี ยิ่งจองรถที รับรถปีหน้า ในรุ่นรถยอดนิยมขาดตลาด และก็มีข่าวอยู่บ่อยๆ ว่ารถป้ายแดงออกมาและเกิดปัญหาต่างๆ ไม่ได้มาตรฐาน

แล้วสำหรับผู้ซื้อที่ต้องการใช้รถจริงๆ ละจะทำอย่างไร ??

สำหรับคนที่จะซื้อรถแล้ว เรื่องหนึ่งที่เป็นข้อดีของรถมือสอง คือทางผู้ขายมีโปรโมชั่นต่างๆ ในการช่วยให้ผู้ซื้อสามารถเป็นเจ้าของรถได้ง่าย อำนวยความสะดวกเต็มที่

ถ้าซื้อเงินสด ก็สามารถรับรถไปได้เลยในทันที แต่ถ้างบประมาณของรถที่จะซื้อไม่พอต้องมี การขอไฟแนนซ์  ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่องฟรีดาวน์ ดาวน์น้อย หรือการขอไฟแนนซ์ที่พยายามให้ผ่านแม้ผู้ซื้อจะติดแบล็คลิสต์

:: ถ้าต้องการใช้รถ ไม่อยากรอ รถมือสองคือทางเลือกที่ดีที่สุด อีกอย่างที่สำคัญถ้าซื้อเงินสดได้จะช่วยประหยัดเงินของคุณไปได้อีกเยอะ

Used-Car

4. ได้รถในฝันในราคาที่เอื้อมถึง

เคยคิดไหม? ว่าฝันอยากได้รถบางคันแต่ราคาป้ายแดง แพงจนเกินเอื้อมจริงๆ เช่น Mercedes-BenzBMW ทั้งด้วยความเป็น Brand นำเข้าจากต่างประเทศ และเต็มไปด้วย Option ราคาป้ายแดงในปัจจุบันเริ่มต้นก็ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาทแล้ว

แต่เมื่อเวลาผ่านไป รถป้ายแดงกลายเป็นมือสอง ราคารถที่เคยฝันไว้ราคาก็ลดลงพอให้ผู้ฝันในรถรุ่นนั้นๆ เอื้อมถึง เป็นรถมือสองน่าใช้ และสภาพดี แม้จะเป็นรถเก่าแต่ในรถ (บางรุ่น) เทคโนโลยีที่ให้มากับรถยังทันสมัยกว่ารถป้ายแดงในปัจจุบัน (บางรุ่น) เสียอีก

ปัจจุบันในตลาดรถยนต์มือสอง บางรุ่น Mercedes-Benz, BMW ราคาถูกกว่ารถป้ายแดง ที่จะทยอยขึ้นราคามากขึ้นทุกวัน แบบนี้การซื้อรถมือสองจึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง ที่ผู้ซื้อจะได้รถที่เคยฝันไว้

Used-Car

:: ในแต่ละคนความชอบ ความใฝ่ฝัน ไม่เหมือนกัน ตอนออกใหม่รถคันนั้นอาจจะแพงไป และข้อดีของรถมือสองก็อยู่ตรงนี้ คือทำให้ความฝันยังสามารถเป็นจริงได้อยู่ในราคาที่ถูกกว่าทั้งหมดเป็นแค่เหตุผลเบื้องต้น ที่จะบอกให้ผู้ซื้อรู้จักกับมุมมองใหม่ๆ ของการซื้อรถ รถมือสองไม่น่ากลัวอย่างที่ใครๆ คิดมีผู้ช่วยในด้านต่างๆ ของการเลือกรถที่คุณต้องการ ไม่แน่บางที การซื้อรถมือสอง อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะกับคุณที่สุดก็เป็นได้

สำหรับใครที่อ่านจบแล้ว รู้สึกอยากขายรถคันเดิมแบบด่วนๆ เพื่อนำเงินไปซื้อรถมือสองในฝันคันใหม่ ปรึกษา CARRO หรือขายรถกับ CARRO ได้ครับ โดยได้ราคาที่คุณพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง เชิญเข้าไปกรอกรายละเอียดได้ที่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ใน Fanpage “CARRO Thailand” ครับผม

Buy-Used-Car-Makes-Happy

“มือใหม่หัดซื้อรถมือสอง” คำนี้น่าจะเหมาะกับผู้ซื้อหน้าใหม่ ที่ตกลงปลงใจ และเห็นข้อดีต่างๆ ของการใช้รถมือสอง

3-Step-For-Buy-Used-Car

คำถามต่อมาที่ผู้ซื้อมักสงสัย คือ “จะซื้อรุ่นอะไรดี แล้วจะหาซื้อรถมือสองดีๆ ที่ไหนดี..?” หากเป็นมือใหม่ไม่รู้อะไรเลย มีความรู้สึกว่ายุ่งยาก ถ้าไม่มีคนแนะนำให้คำปรึกษาบางคนถอดใจเห็นว่ามันยากนักก็ซื้อป้ายแดงไปจบๆ แต่ถ้างบประมาณเป็นปัจจัยหลักที่จะซื้อรถสักคันมาใช้งานละ อยากให้ใจเย็นๆ ก่อน …

วันนี้ CARRO จะมาบอกถึงการหาและเลือกรถมือสองแบบเข้าใจง่าย ผู้ซื้อจะได้รถมือสองที่มีคุณภาพ คุ้ม!! ทุกบาททุกสตางค์ถูกใจ ทั้งสภาพรถและราคา

3-Step-For-Buy-Used-Car

1. เลือกประเภทรถให้เหมาะกับการใช้งาน

รถประเภทไหนที่จะตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ข้อนี้เป็นสิ่งแรก ที่ผู้ซื้อต้องถามตัวเองให้ชัดเจน ว่าอยากได้รถประเภทใด รถยนต์มือสองแต่ละประเภท แตกต่างที่การใช้งานและราคา!! ถ้าเลือกรถที่ไม่ตรงกับการใช้งาน ก็เหมือนใช้รถได้ไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป การเลือกรถไม่ใช่แค่ชอบอย่างเดียว ต้องดูการใช้งานของเราด้วย

Tips :: ผู้ซื้อเป็นคนผู้ใช้รถประเภทไหน เดินทางไกลออกต่างจังหวัดบ่อยไหม หรือใช้รถแค่ในเมือง ลองไปดูประเภทรถที่จะเหมาะกับผู้ซื้อ

–  รถ Eco-Car :: เหมาะสำหรับใช้งานในเมือง รถติดๆ ประหยัดน้ำมันกว่ารถประเภทอื่น กินน้ำมันน้อยเพราะรถขนาดเล็ก แต่ด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่เหมาะกับการโดยสารหลายๆ ท่าน อึดอัดไม่เหมาะสำหรับออกต่างจังหวัด หรือใช้รถความเร็วสูง

–  รถ Sedan :: รถเก๋งจะใหญ่ขึ้นมากว่า Eco-Car ห้องโดยสารจะนั่งสบายกว่า อัตราการกินน้ำมันมากกว่า ขับในเมืองก็คล่องตัวดีกว่า เมื่อเทียบกับรถกระบะ หรือ SUV

–  รถ SUV :: ด้วยความสูงและช่วงล่างที่ดูดีกว่ารถเก๋ง Sedan ทำให้เหมาะมากสำหรับขับเที่ยวต่างจังหวัด แต่อาจจะใหญ่เทอะทะเกินไปสำหรับขับในเมือง ผู้ขับต้องมีการปรับตัวกันบ้าง

–  รถกระบะ :: รถอเนกประสงค์ สำหรับการคนที่ต้องการขนของมากๆ ประหยัดกว่ารถ Sedan, SUV แต่เรื่องห้องโดยสารอาจนั่งไม่สบายเท่า

3-Step-For-Buy-Used-Car

2.  ช่องทางเจอรถมือสองคุณภาพคือ เว็บไซต์

หลังจากรู้แล้วว่าผู้ซื้อต้องการซื้อรถรุ่นอะไร ต่อมาก็คือการขั้นตอนที่เรียกว่า “ค้นหารถ” มีหลายวิธีไม่ว่าจะเป็น ซื้อรถมือสองต่อจากคนรู้จัก, ไปเดินดูจากผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว (เต็นท์) ใกล้บ้านหรือข้อสุดท้ายน่าจะสะดวกและดีที่สุดคือค้นหาจาก Internet (Carro) ที่จะมีรถมือสองให้เลือกในทุกประเภทรถ ทุกยี่ห้อ สามารถหารถได้ตามปีรถที่ต้องการ เปรียบเทียบราคารถก็สามารถเลือกได้ ว่าอยากได้รถมือสองในงบประมาณเท่าไร จะช่วยให้ผู้ซื้อเจอรถมือสองที่ถูกใจ ตามงบประมาณที่ตั้งไว้

Tips :: เว็บไซต์ขายรถมือสองมีมากมายหลายเว็บไซต์ ซึ่งเว็บที่ดีจะต้องช่วยผู้ซื้อให้เจอรถที่มีคุณภาพ ช่วยตรวจสอบเบื้องต้นเกี่ยวกับรถก่อนจะได้ลงขาย ตรวจสอบมาตรฐานของรถและข้อมูลผู้ขาย ฟังก์ชั่นการใช้งานของเว็บไซต์ ต้องช่วยการเปรียบเทียบรถแต่ละคันในตลาด ที่ผู้ซื้อสนใจได้ดี

3-Step-For-Buy-Used-Car

3. ดูราคากลางที่สมเหตุสมผล

เมื่อผู้ซื้อได้ประเภทรถ รุ่นที่ต้องการ มีงบประมาณในใจ คำถามต่อมา คือ ราคากลางของรถรุ่นนั้นอยู่ที่เท่าไหร่?

การสำรวจราคากลางตลาด เป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อจะรู้ว่ารถรุ่นที่กำลังมองหานั้น ราคาควรจะอยู่ที่เท่าไหร่ การดูราคากลางต้องเปรียบเทียบรถที่ รุ่นเดียวกัน โฉมเดียวกัน ปีเดียวกัน เปรียบเทียบกับราคาหลายๆ คัน ก็จะเห็นว่ารถรุ่นนั้นราคาเฉลี่ยประมาณเท่าไร บางคันราคาแพงกว่าราคาตลาด อาจเพราะว่าเจ้าของไม่ได้ตั้งใจจะขายรถอยู่แล้ว บวกกับมั่นใจในสภาพรถของตน ขายได้ก็ขาย ขายไม่ได้ก็เก็บไว้ใช้ ไม่เดือดร้อนอะไร หรือมีอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม ที่เปลี่ยนมาจากรถเดิม เช่น ล้อ ชุดแต่ง หรือเครื่องเสียง จึงทำให้ราคามีความแตกต่างกับรถคันอื่น

3-Step-For-Buy-Used-Car

Tips :: รถทุกคันมีราคาเสื่อมลดลงไปแต่ละปี แต่ละรุ่นองค์ประกอบที่จะทำให้รถ รุ่นเดียวกัน ปีเดียวกัน มีราคาแตกต่างกัน คือ

สภาพภายนอก สีรถ สภาพตัวถังมีผลต่อราคา รถที่ไม่เคยชนหนัก รักษาดูแลสีรถเป็นอย่างดี ราคาก็ย่อมแพงกว่ารถที่ไม่เคยดูแล

เลขไมล์ เป็นตัวที่บอกถึงการใช้งานของรถ ว่าเจ้าของรถใช้งานรถไปมากน้อยแค่ไหน เลขไมล์น้อย วิ่งน้อยก็ต้องราคาแพงกว่ารถที่เลขไมล์สูง

สภาพภายใน อีกปัจจัยที่ทำให้รู้ว่าเจ้าของรถใช้งานรถมากแค่ไหน รอยสกปรกจนเช็ดไม่ออก จอดรถตากแดดไว้เป็นประจำจนทำให้ภายในละลายสภาพแย่ ก็ส่งผลทำให้ราคารถไม่ดี

ราคาในใจของผู้ขาย ข้อนี้เป็นปัจจัยที่ไม่มีกฎตายตัว เจ้าของรถบางคันตั้งราคาไว้สูง เพราะคิดว่าตนเองดูแลรถเป็นอย่างดี รถบางคันราคาต่ำกว่าราคากลาง อาจเป็นเพราะเจ้าของต้องการรีบขาย

3-Step-For-Buy-Used-Car

ทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ ช่วยให้ผู้ซื้อเจอรถรุ่นที่ต้องการ เหมาะสมกับการใช้งาน สภาพดี ในราคาที่สมเหตุสมผล หาได้ไม่ยาก เว็บไซต์ขายรถมือสองที่ดีต้องเป็นผู้ช่วยเบื้องต้นให้แก่ผู้ซื้อ ในส่วนของรถที่มาลงประกาศขาย มีข้อมูลถูกต้อง ใช้งานง่ายและข้อมูลเทคนิคการเลือกให้ผู้ซื้อ 

สำหรับใครที่อ่านจบแล้ว รู้สึกอยากขายรถคันเดิมแบบด่วนๆ เพื่อนำเงินไปซื้อรถมือสองในฝันคันใหม่ ปรึกษา CARRO หรือขายรถกับ CARRO ได้ครับ โดยได้ราคาที่คุณพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง เชิญเข้าไปกรอกรายละเอียดได้ที่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ใน Fanpage “CARRO Thailand” ครับผม

3-Steps-For-Looking-Used-Car

ขั้นตอนต่างๆ ที่ผู้ซื้อต้องทำ เมื่อเจอรถยนต์มือสองคันที่ต้องการแล้ว

3-Step-For-Looking-Used-Car

เรามาทำความรู้จักกับประกาศขายรถยนต์มือสองบน Website ผู้ประกาศขายจะมี 2 ประเภท ได้แก่

– เจ้าของขายเอง (รถบ้าน)
– ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว (รถเต็นท์)

ผู้ขายทั้งสองประเภทการติดต่อสอบถามจะแตกต่างกันไม่มาก ขั้นตอนง่ายๆ จะต้องทำอะไร ยังไงบ้างไปดูกัน

3-Step-For-Looking-Used-Car

1. โทรสอบถามรายละเอียดรถเบื้องต้น

เมื่อเจอประกาศขายรถ รุ่น-ปีตามที่ต้องการ สภาพถูกใจ ราคาเหมาะสมกับราคาในใจของผู้ซื้อแล้ว ที่ประกาศขายจะมีเบอร์โทรติดต่อไว้ให้ เพื่อสอบถามรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับรถ เช่น
– รถยังขายอยู่ไหมหรือขายไปแล้ว
– สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถเพิ่มเติม ที่มีนอกเหนือจากที่ผู้ขายให้ข้อมูลไว้ใน Website เช่นรถมีประกันเหลืออยู่ไหมอยู่ไหม?, ใช้งานแล้วกี่ปี ฯลฯ
– นัดเวลา, สถานที่เพื่อขอดูรถ (ในกรณีที่เป็นรถบ้าน) หรือถ้าเป็นรถของผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว (รถเต็นท์) ก็นัดเวลาเข้าไปดูรถที่เต็นท์ได้เลย

Tips :: การสอบถามข้อมูลรถ ข้อหนึ่งที่ควรจะสอบถามเบื้องต้นกับผู้ขายในกรณีที่ผู้ซื้อต้องการกู้ไฟแนนซ์ ว่ารถคันนั้นจัดไฟแนนซ์ได้เท่าไร เพราะรถแต่ละคัน งบการจัดไฟแนนซ์ต่างกันขึ้นอยู่กับรุ่นและปีรถ เพื่อเป็นการประเมิน ความเป็นไปได้ของงบประมาณที่ผู้ซื้อมี และงบไฟแนนซ์ที่จัดให้ได้กับรถคันนั้น

3-Step-For-Looking-Used-Car

2. เจอรถจริง ดูสภาพรถ ตรวจเอกสาร

เมื่อไปเจอรถจริงก็เป็นขั้นตอนของการ “ตรวจสอบ” โดยการตรวจดูรถที่เราจะซื้อ ก็จะมีสองส่วน คือ

–  ฉลากรถมือสอง

ถ้าเป็นผู้ประกอบการรถยนต์มือสองหรือเต็นท์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ออกข้อบังคับการแสดงข้อมูลของรถมือสองที่จอดขายในเต็นท์ จำเป็นต้องระบุข้อมูลของรถ เครื่องยนต์ ปีจดทะเบียน เลขไมล์ ชื่อเต็นท์หรือชื่อผู้ขาย นี่คือสิ่งแรก ที่ผู้ซื้อต้องมองหา เมื่อไปเลือกซื้อรถมือสอง

3-Step-For-Looking-Used-Car

–  ตรวจดูสภาพรถที่จะซื้อดี

ส่วนสำคัญของการซื้อรถมือสอง คือขั้นตอนนี้เลยก็ว่าได้ การตรวจสภาพรถ จะตรวจภายนอกรถ สภาพสี สภาพตัวถัง (แชสซีส์) ตรวจสภาพภายในห้องโดยสาร ตรวจสภาพการใช้งานเครื่องยนต์ เลขไมล์ที่บอกถึงการใช้งานของรถ ไฟหน้าปัดแจ้งเตือนต่างๆ จะบอกปัญหาของรถได้ (ถ้ามี)

Tips :: สิ่งสำคัญที่สุดของการตรวจสภาพรถนี้คือ ตรวจภายนอกรถ โครงสร้างรถ และความหนาบางของสี ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนการซื้อขายรถ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ไม่มีประสบการณ์ หรือ “มือใหม่” จะเพิ่มความมั่นใจได้กับรถคันนั้นๆ

– ตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับตัวรถ

เอกสารยืนยันการเป็นเจ้าของรถคันนั้นๆ เอกสารบอกรายละเอียดการจดทะเบียน เอกสารการทำประกันภันรถยนต์ ไปจนถึงเอกสารบันทึกการเข้าตรวจเช็คจากศูนย์บริการการ มีเอกสารยืนยันต่างๆ ของตัวรถ ต้องมีให้ผู้ซื้อได้ตรวจสอบเพื่อป้องกันการได้รถเถื่อน หรือรถผิดกฎหมาย รถจำนำ ภายหลังการซื้อ-ขาย

Tips :: เอกสารสำคัญที่ต้องมีคือ เล่มทะเบียนรถ ถ้าเป็นเต็นท์ จะต้องมีใบมอบอำนาจ หรือเอกสารโอนลอย หรือสัญญาการซื้อขาย ต้องระบุได้ชัดเจน ถึงที่มาของการเป็นเจ้าของรถคันนั้นๆ

3-Step-For-Looking-Used-Car 3. เจรจาต่อรอง จ่ายสดลดได้ หรือจะฟรีดาวน์ ไฟแนนซ์มี

เมื่อถูกใจรถหลังจากที่ได้มาเห็นคันจริงๆ แล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนการเจรจาต่อรอง ถึงเงื่อนไขราคาระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย การชำระเงินผู้ซื้อจะชำระแบบไหน มี 2 แบบดังนี้

– จ่ายสดลดได้
Tips :: ในการซื้อรถมือสองช่วยการต่อรองราคาสุดท้าย ถ้าจะซื้อเงินสดบอกกับผู้ขายสิว่า “ถ้าจ่ายเงินสด ช่วยลดหน่อยได้ไหม..?” ส่วนใหญ่แล้วผู้ขายจะลดราคาให้ ลองเทคนิคนี้นำไปใช้ดู

3-Step-For-Looking-Used-Car

– จะขอไฟแนนซ์ เต้นท์ช่วยเต็มที่   
Tips :: ในกรณีที่ต้องมีการกู้ไฟแนนซ์ ผู้ขายแบบรถบ้าน จะไม่มีบริการหรือดูแลเรื่องการขอไฟแนนซ์ ถ้าผู้ซื้อเงินไม่พอ ต้องหามาเอง แต่ข้อดีของการไปซื้อรถกับเต็นท์นั้น จะดีกว่า มีโปรโมชั่นมากมายที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ซื้อเต็มที่ ทั้งฟรีดาวน์ ดาวน์ต่ำ หรือจะฟรีประกันภัย ฟรีค่าจัด ฟรีค่าโอน หรือมีของแถมติดรถให้ เป็นต้น

ขั้นตอนของการไปดูรถจริงมีใหญ่ๆ เป็น 3 ข้อนี้ แต่ละข้อจะมีเทคนิคเพื่อนำไปใช้ในการดูรถในสถานการณ์จริง ลองนำไปใช้กันดู รับรองว่าจะช่วยให้ผู้ซื้อได้รถที่ถูกใจแน่นอน!!

สำหรับใครที่อ่านจบแล้ว รู้สึกอยากขายรถคันเดิมแบบด่วนๆ เพื่อนำเงินไปซื้อรถมือสองในฝันคันใหม่ ปรึกษา Carro หรือขายรถกับ Carro ได้ครับ โดยได้ราคาที่คุณพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง เชิญเข้าไปกรอกรายละเอียดได้ที่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ใน Fanpage “Carro Thailand” ครับผม

จากกระแสงานแสดงรถยนต์ประจำปี Motor Expo 2015 เป็นที่สนใจทั้งในส่วนโปรโมชั่นต่างๆ ที่ดึงความสนใจจากผู้ซื้อให้รีบตัดสินใจก่อนปีหน้าราคารถยนต์จะมีการเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงรถรุ่นใหม่ที่ทำการเปิดตัวมากมายภายในงาน

แต่นอกจากรุ่นใหม่ๆ ที่ทำการเปิดตัวไปนั้นก็ยังมีรถรุ่นปัจจุบันที่ยังทำการตลาดขายดี เป็นที่นิยม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโฉมใหม่ในงานครั้งนี้ราคาป้ายแดง ของรุ่นนั้นๆ ก็ยังแพงมาก!! แม้จะออกมาสักระยะแล้วก็ตาม
รถมือสองของรถยนต์รุ่นเหล่านั้น เป็นทางเลือกที่ดีและน่าสนใจมากๆ พราะรถรุ่นเหล่านั้นส่วนใหญ่เพิ่งออกมาจากศูนย์รถป้ายแดง ระยะเวลาการใช้งานรถยังน้อย การใช้งานอาจจะยังไม่มาก รถยังอยู่ในสภาพดี และที่สำคัญได้รถโฉมปีที่ยังไม่ตกรุ่น แต่ราคาถูกว่าที่จะไปออกรถป้ายแดงหลายบาท อันนี้คือสิ่งที่น่าสนใจ มาดูกันว่า รถมือสอง รุ่นไหนบ้างที่ถ้าคุณซื้อจะได้โฉมเดียวกับที่นำมาขายในงาน Motor Expo 2015 แต่ราคาถูกกว่า!!!!

1. Toyota Vios โฉมปี 2013  
ดูรถเพิ่มเติมที่นี่ ==>>  Toyota Vios 2013
ราคามือหนึ่งเริ่มต้นที่  560,000 บาท
ราคาเริ่มต้นใน Trusteecar.com  399,000 บาท (-161,000)
*ราคารถมือสองถูกกว่า -28.75%

รุ่นยอดนิยมจากค่ายโตโยต้า ที่ทำการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ไปเมื่อปี 2013 และได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยความเป็นรถ Sedan ขนาดกระทัดรัด คล่องตัวเหมาะมากสำหรับใช้งานในเมือง เครื่องยนต์ขนาด 1500 cc การใช้งานประหยัดน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้และด้วยเพราะเป็น Toyota ผู้ใช้งานจึงมั่นใจในเรื่องของอะไหล่ที่มีรองรับและราคาไม่แพง วีออสในโฉมปี 2013 ราคามือ 1 ป้ายแดงในปัจจุบันในรุ่น Option ต่ำที่สุดอยู่ที่ 560,000 บาท แต่ถ้าเป็นราคารถมือสองในตลาดเริ่มที่ 399,000 บาท ด้วยความที่เป็นรถตลาด ได้รับความนิยม ซื้อง่าย-ขายคล่อง ทำให้ราคามือสองในรุ่นนี้ยังไม่ตกมากนัก แต่ถ้าเลือกดีๆ ได้รถสภาพใหม่ ถือว่าคุ้มแน่นอนสำหรับรุ่นยอดนิยมรุ่นนี้

2. Nissan March โฉมปี 2011 
ดูรถเพิ่มเติมที่นี่ ==>>  Nissan March 2011

ราคามือหนึ่งเริ่มต้นที่  400,000 บาท
ราคาเริ่มต้นใน Trusteecar.com 198,000 บาท  (- 202,000)
*ราคารถมือสองถูกกว่า -50.50%

เจ้าตลาด Eco Car อีกหนึ่งรุ่นจากนิสสันที่เปิดตัวมานานตั้งแต่ปี 2011 และได้รับความนิยมจนสร้างกระแสแห่งตลาด Eco Car ในประเทศไทย ด้วยรูปทรง ที่น่าดูน่ารัก กระทัดรัด การออกแบบที่ได้รับการยอมรับมาแล้วทั่วโลกของ Nissan March รวมไปถึงจุดเด่นสำคัญคือความประหยัดน้ำมัน ทำให้รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก

March โฉมปี 2011 นี้ออกมาจำหน่ายในไทยเป็นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ March มีจำหน่ายเพียงในต่างประเทศเท่านั้น แม้จะออกมานานสักระยะ มีการออกรุ่น Minorchange มาแต่ว่ารูปลักษณ์เปลี่ยนไปไม่มากจากรุ่นแรก มีเพียงสีให้เลือกมากขึ้น ราคาป้ายแดงของรุ่นนี้อยู่ที่เกือบครึ่งล้านสำหรับ Ecocar ถือว่าราคาแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน หรือถ้าจะหันมามองเป็นมือสองที่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณเกือบ 2 แสนเท่านั้นเป็นราคาที่ถูกใจเงินในกระเป๋าไม่น้อยกับรถที่อาจใช้งานไม่ถึง 4 ปี

3.  Honda Civic FB โฉมปี 2012
ดูรถเพิ่มเติมที่นี่ ==>>  Honda Civic FB

ราคามือหนึ่งเริ่มต้นที่ 783,000 บาท
ราคามือสองเริ่มต้นที่  520,000  บาท (- 263,000)
*ราคารถมือสองถูกกว่า -33.58%

รถซีดานยอดนิยมจากค่าย Honda ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้ความมั่นใจแก่ผู้ซื้อ ทำให้รุ่นนี้ขายดีอย่างต่อเนื่อง การออกแบบที่ร่วมสมัยดูสปอร์ตภายใต้ ความสะดวกสบายตามแบบมาตฐาน Honda รุ่นนี้จึงเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าซื้อมาใช้งานเป็นอย่างยิ่งทั้งแบบเครื่องยนต์ 1.8 หรือ 2.0
Civic โฉมปี 2012  นี้มีรหัสว่า Civic FB ราคาป้ายแดงตัว Option ต่ำสุดอยู่ที่เกือบ 8 แสนบาท แต่ถ้าลองไปเลือกเป็นรถมือสองในโฉมนี้ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่เพียง 5 แสนต้นๆ เท่านั้น คนที่ชอบ Civic การเลือกเป็นแบบรถมือสองเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่รุ่นนี้เปิดตัวมาได้ระยะหนึ่งแล้วและมีกระแสข่าวว่าปี 2016  นี้จะมีการเปิดตัวโฉมใหม่หมดของ Civic แต่ยังไม่มีการระบุวันที่แน่นอนจากค่ายผู้ผลิตในประเทศไทย เพราะฉะนั้นการซื้อฮอนด้า Civic โฉมปัจจุบันในตอนนี้มีโอกาสที่อาจตกรุ่นได้ไวกว่ารุ่นอื่น
4. Isuzu D-Max โฉมปี 2012
ดูรถเพิ่มเติมที่นี่ ==>>  Isuzu D-Max 2012ราคามือหนึ่งเริ่มต้นที่  590,000 บาท
ราคามือสองเริ่มต้นที่ 399,000 บาท (-191,000)
*ราคารถมือสองถูกกว่า -32.37%

Isuzu แบนด์เจ้าแห่งรถกระบะของเมืองไทย เพิ่งมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ในหน้าเก่า Isuzu D-Max Ddi Bluepower ไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนโฉมใหม่หมดมีเพียงเครื่องยนต์เท่าทั้นที่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายภาษีรถยนต์ปี 2559 โฉมปี 2012 นี้ไม่ต่างกับรุ่นปัจจุบันมากนัก เป็นเหมือนเพียง Minor change ภายนอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กับราคาป้ายแดงเริ่มต้นอยู่ที่เกือบ 6 แสนบาท Isuzu D-Max ในราคามือสองเริ่มต้นที่เพียง 4 แสนเท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าไม่ติดว่าเครื่องยนต์ จะต้องใหม่เหมือนตัวปัจจุบัน การที่ใช้ ดี-แม็ก มือสอง โฉมปี 2012 นี้เป็นทางเลือกที่จะช่วยให้ท่านประหยัดได้เป็นแสน และคาดว่า Isuzu จะยังทำตลาดกับรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปนี้ อีกสักระยัง เพราะฉะนั้น เลิกกังวลว่าเมื่อซื้อมาไม่นานจะตกรุ่นไปได้เลย

5. Nissan Almera โฉมปี 2014
ดูรถเพิ่มเติมที่นี่ ==>>  Nissan Almera

ราคามือหนึ่งเริ่มต้นที่  437,000 บาท
ราคามือสองเริ่มต้นที่  310,000 บาท  (-127,000)
*ราคารถมือสองถูกกว่า -29.06%

Eco Car อีกคันจาก Nissan ที่เผยโฉมมาหลัง Nissan March นิดหน่อย โดยนิสสันได้ปล่อยตัว Almera เผื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนชอบรถ Sedan และประหยัดน้ำมันในแบบ Eco Car เพิ่งมีการเปิดตัว Minor change ไปเมื่อปี 2014 มีเพียงไฟหน้าเท่านั้นที่แตกต่างจากเดิมเล็กน้อย เครื่องยนต์และภายในจะคล้ายๆ กับนิสสัน มาร์ช แต่ดูหรูหราสปอร์ตมากว่า ป้ายแดงราคาอยู่ที่ 4 แสนต้นๆ แต่ถ้าเป็นรถมือสอง ราคาอยู่ที่ประมาณ 3 แสนต่างกันเป็นแสน รถเพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานสภาพรถ ถ้าไม่เคยผ่านการชนมา จะสภาพดีมาก รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่ น่าซื้อมือสองมาใช้จริง ๆ

“รถมือสองดีๆ ยังมีอีกเยอะ”
จะเห็นได้ว่าทั้ง 5 รุ่นยอดนิยมนี้ราคารถมือสอง ตกลงมาเป็นหลักแสน นั้นหมายความว่าจะประหยัดเงินไปได้เยอะ และยังได้รถที่ไม่ตกรุ่นอีกด้วยถ้าเลือกรถมือสอง ที่สภาพดีๆ แน่นอนว่ามีอีกมากในตลาด แต่อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับการตรวจสภาพรถ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ตัวเลือกรถมือสองมีให้เลือกมาก การได้ผู้เชี่ยวการในการดู ช่วยเลือก หรือตัดสินใจการซื้อรถมือสองเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้ท่านได้รถที่ถูกใจ คุ้มค่าคุ้มราคา

คนที่เข้าร่วมโครงการซื้อรถคันแรกเมื่อปี 2011 ถึงตอนนี้ก็คงจะมีคนที่ทยอยปลดล็อครถคันแรกกันไปบ้างแล้ว เพราะนับตั้งแต่ที่โครงการนี้มีผลบังคับใช้ มาจนถึงปี 2016 นี้ เวลาก็หมุนวนครบมาถึงกำหนด 5 ปีพอดี โดยรถที่เข้าร่วมโครงการรถคันแรกนี้ก็มีจำนวนมากกว่า 1,200,000 คัน และหลังจากที่ครบกำหนดเวลาปลดล็อคโครงการนี้ ก็จะเริ่มมีผู้คนนำรถไปทยอยขายเข้าสู่ตลาดมือสองกันมากขึ้น อ้างอิงผลสำรวจจาก SCB EIC จะพบว่า จำนวนคนที่สนใจจะขายรถออกไป คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วมีจำนวน 7.2 % หรือคิดเป็นจำนวนมากกว่า 80,000 คัน ทำให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกมากขึ้น


สำหรับใครที่ต้องการซื้อรถมือสอง ช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะที่ดี เพราะการปลดล็อคโครงการรถคันแรก ได้ส่งผลทำให้

1. มีจำนวนรถมือสองหมุนเวียนมากขึ้น
จากแต่เดิมที่ในตลาดมือสองมีรถหมุนเวียนอยู่แล้ว พอได้เวลาปลดล็อคโครงการรถคันแรก ก็ยิ่งทำให้มีจำนวนรถหมุนเวียนมาให้เลือกซื้อกันมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้บริโภค ทำให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกที่มากขึ้น

TIPS: ที่สำคัญการซื้อรถมือสองจากโครงการนี้ ยังมีข้อดีตรงที่ รถเหล่านั้นจะมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปีเป็นอย่างต่ำ ทำให้ยังสามารถยี่นขอไฟแนนซ์รถมือสองได้ เพราะอายุการใช้งานยังไม่เกินเกณฑ์ที่บริษัทไฟแนนซ์ส่วนมากฟตั้งไว้

2. ราคารถอาจจะถูกลง
ผลกระทบข้อนี้ อาจจะช่วยดึงดูดทำให้คนหันมาสนใจรถมือสองกันมากขึ้น เนื่องด้วยจากรถที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดมือสองมากขึ้น และข้อกำหนดของโครงการรถคันแรก ทำให้รถที่หมุนเวียนอยู่นั้น อาจจะมีรุ่นเดียวกันซ้ำๆ ทำให้ผู้ประกอบการรถมือสองหันมาแข่งขันกันเพื่อทำการตลาดด้วยการลดราคา และโปรโมชั่นมากมาย

ที่สำคัญการปลดล็อคโครงการรถคันแรกนี้ จะเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะทำให้ผู้ซื้อมีสิทธิ์ครอบครองเป็นเจ้าของรถมือสองสภาพดี ซึ่งถึงแม้ว่าปริมาณรถมือสองที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเลือกรถสภาพดีแต่อย่างใด ถ้าหากคุณได้คัดกรองรถมือสองเหล่านั้นตามวิธีเบื้องต้นนี้


1. เช็คข้อมูลจากเล่มทะเบียน
ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนที่ง่ายที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะผู้ซื้อทุกคนสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง โดยการดูประวัติข้อมูลรถ (หน้า 18) ว่ารถคันนั้นเคยมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาบ้าง อาทิ การเปลี่ยนสี แจ้งใช้แก๊ส เติมถังแก๊ส และอื่นๆ ซึ่งการดูข้อมูลนี้ จะทำให้คุณได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับรถคันที่คุณต้องการซื้อ

2. ตรวจเช็คประวัติการซ่อมบำรุง (เข้าศูนย์)
ผู้ซื้อสามารถโทรไปสอบถามเรื่องประวัติการซ่อมบำรุงได้จากศูนย์ที่รถคันนั้นเคยเข้ารับบริการ หรือสอบถามประวัติการซ่อมบำรุงจากเจ้าของรถ (ในกรณีที่คุณซื้อรถบ้าน) ซึ่งคุณจะสามารถรู้ได้ว่าประวัติการซ่อมบำรุง หรือการเข้าศูนย์จากรถคันนั้นเป็นอย่างไร

3. ตรวจเช็คกับบริษัทประกัน
นอกจากประวัติการซ่อมบำรุงที่คุณสามารถเช็คได้แล้วนั้น ผู้ซื้อยังสามารถเช็คประวัติรถ (ประวัติการเคลม) กับบริษัทประกันได้ แต่ข้อมูลที่ได้มาอาจจะเป็นข้อมูลเบื้องต้น

TIPS: บางครั้งการสอบถามข้อมูลกับบริษัทประกัน อาจจะต้องใช้ข้อมูลที่ค่อนข้างละเอียด ดังนั้นคุณควรที่จะขอข้อมูลกรมธรรม์ประกันจากเจ้าของรถ เพื่อใช้ในการตอบคำถามเจ้าหน้าที่บริษัทประกัน

4. เช็คสภาพรถด้วยตนเองคร่าวๆ
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อรถ คุณควรที่จะเช็คสภาพรถเบื้องต้นด้วยการดูจาก ไมล์ สภาพเครื่องยนต์ สภาพความเรียบร้อยภายใน-นอก และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถ หรือสามารถอ่านการตรวจเช็คอุปกรณ์ที่สำคัญต่อได้ คลิ๊ก> https://th.carro.co/blog/inspect-basic-option-in-used-car-beforebuying-2016/

ซึ่งหลักการคัดกรองรถเบื้องต้นนี้ เป็นการตรวจแบบคร่าวๆ เท่านั้น ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ซื้ออุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าหากคุณกำลังมองหาการคัดกรองรถมือสองทีี่ละเอียด และน่าเชื่อถือได้มากกว่านั้น ในปัจจุบันนี้ก็มีผู้ให้บริการตรวจเช็คสภาพรถ อย่างเช่น เว็บไซต์ทรัสตี้คาร์ (https://th.carro.co) ที่มีบริการประเมินสมรรถนะในการขับขี่ของรถมือสองก่อนการซื้อ-ขาย สนใจติดต่อโทร. 02-196-1868