รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (รถ EV มือสอง) ราคาขายต่อเป็นอย่างไร? ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่!

ทุกวันนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะครับว่า “รถยนต์ไฟฟ้า” กลายมาเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตคุณและคนทั่วโลกไปแล้ว ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรา ก็มีหลายรุ่นในบ้านเรา รอให้เป็นเจ้าของกันได้ง่ายๆ (อ่านเพิ่มเติม >> 10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถEV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2021)

ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าหลายๆ อย่าง ที่เรารู้กัน เช่น การขับขี่ที่เงียบสงบ ไม่มีเสียงดังจากเครื่องยนต์ ขับรถฟังเพลงเพราะๆ สบายหู ไม่ต้องง้อน้ำมันเชื้อเพลิง แถมมอเตอร์ไฟฟ้า พลังแรงกว่ารถน้ำมันหลายรุ่น วิ่งขึ้นเขาได้ จอดรถเปิดแอร์นอนก็ได้ อีกทั้งลดการซ่อมบำรุง เปลี่ยนถ่ายของเหลว ฯลฯ ไปได้เยอะ รวมถึงระบบ Autonomous Car หรือ รถยนต์ไร้คนขับ ในอนาคต

ในเมื่อข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า มีมากมาย แต่เรื่องราคาตัวรถส่วนใหญ่ยังแพง บวกกับค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง EV Charger ในบ้าน และค่าบำรุงรักษา ค่าแบตเตอรี่ที่ยังมีราคาสูงมาก ทำให้หลายคนอาจซื้อมือหนึ่งไม่ไหว อยากลองซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามือสองมาใช้แทน

ซึ่งธุรกิจรถยนต์มือสองในอนาคต เลี่ยงไม่ได้เลยที่จะมีรถยนต์ไฟฟ้ามือสองมาจำหน่ายกันมากมาย แต่ก็มักมีคำถามมาว่าราคาขายต่อเป็นอย่างไร ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่ MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟังกัน …

รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (รถ EV มือสอง) ราคาขายต่อเป็นอย่างไร? ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่

ราคาขายต่อ ของรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง

เมื่อเรามองดูตลาดรถมือสองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าทัศนคติของคนไทยที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (หรือรถ Hybrid และ Plug-In Hybrid) ยังคงมีทัศนคติด้านลบอยู่มาก เนื่องจากความกังวลในเรื่องการซ่อมบำรุง และราคาค่าอะไหล่ โดยเฉพาะค่าแบตเตอรี่ที่แพง

ทำให้ราคารถยนต์ระบบ Hybrid, Plug-In Hybrid และรถ EV ที่เป็นรถมือสองนั้นตกค่อนข้างเร็ว และมีราคาเฉลี่ยต่ำกว่า รถยนต์ระบบน้ำมัน และยังแบ่งแยกย่อยออกไปเป็นแบรนด์ยอดนิยม หรือแบรนด์ไม่นิยมอีก

โดยปกติแล้ว ราคารถยนต์ Hybrid หรือ Plug-In Hybrid มือสอง ก็จะลดลงเช่นเดียวกับรถใช้น้ำมัน เพียงแต่ราคาจะต่ำกว่าราคารถที่เป็นระบบน้ำมันลงไปอีกประมาณ 10-20% ในแต่ละรุ่น ซึ่งในส่วนของรถ EV ก็ไม่ต่างกัน (ก็คือราคาตกมากกว่ารถใช้น้ำมัน) อีกทั้งรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดรถมือสองยังมีอยู่น้อยมาก และเครื่องชาร์จไฟฟ้าที่บ้านยังมีราคาสูง ต้องใช้เวลาในการสร้างความยอมรับ เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ กับรถยนต์ EV กันมากกว่าในปัจจุบัน

รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (รถ EV มือสอง) ราคาขายต่อเป็นอย่างไร? ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่

แต่อย่างไรก็ตาม ในอนาคต ราคามือสองในประเภทของรถยนต์ไฟฟ้า จะไม่ได้แตกต่างจะรถยนต์ทั่วไปมากนัก ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ตัวรถที่มีความหลากหลายมากขึ้น, ระยะเวลาในการชาร์จไฟ, ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถ EV

รวมถึงความพอเพียงของสถานีชาร์จไฟทั่วประเทศ หรือการเปลี่ยนปั้มน้ำมัน ให้เป็นสถานีชาร์จรถ EV ร่วมด้วย และปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่บีบให้ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก ต้องหันมาผลิตรถ EV กันมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้ตุ้นทุนเหล่านี้ถูกลงตามไปด้วย

รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (รถ EV มือสอง) ราคาขายต่อเป็นอย่างไร? ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่

การรับประกันรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง

แน่นอนว่า ดีลเลอร์หรือเต็นท์รถมือสองในปัจจุบันนี้ โดยมากแล้วจะมีการรับประกันตัวรถให้ด้วย อาจจะ 1-2 ปี หรือ 10,000 – 20,000 กิโลเมตร แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละเจ้า

ซึ่งถ้าอ้างอิงตามรถยนต์ Hybrid และ Plug-In Hybrid แล้ว ส่วนใหญ่จะรับประกันเฉพาะเครื่องยนต์ และอะไหล่ส่วนต่างๆ ที่เป็นระบบหลักของรถยนต์เท่านั้น ซึ่งไม่ได้ครอบคลุมถึงการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด เพราะเป็นอะไหล่ที่เสื่อมสภาพตามการใช้งาน แต่โดยปกติแล้ว ตัวแบตเตอรี่ ก็ได้รับการรับประกันจากศูนย์อยู่แล้ว 10 ปี ซึ่งหากรถยนต์ที่อายุใกล้ๆ 10 ปี กลุ่มลูกค้าก็ค่อนข้างทราบดีถึงความเสี่ยง ที่อาจจะจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ หรือเปลี่ยนเฉพาะ Module ที่เสื่อมในอนาคต

รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (รถ EV มือสอง) ราคาขายต่อเป็นอย่างไร? ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่

ซึ่งในอนาคต หากมีรถยนต์ไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดรถมือสองมากขึ้น ทางดีลเลอร์เองก็อาจอ้างอิง ตามเงื่อนไขการรับประกันของบริษัทตัวแทนการรับประกันต่างๆ

โดยในแต่ละดีลเลอร์ หรือเต็นท์รถเอง ก็ต้องเรียนรู้ถึงรายละเอียดรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นเทคโนโลยีใหม่เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบการขับเคลื่อน, ระบบแบตเตอรี่, ระบบจ่ายไฟ, ระบบส่งกำลัง เพื่อตรวจสอบสภาพรถยนต์ได้ละเอียดทั้งคัน ก่อนจะรับซื้อมาส่งต่อยังผู้บริโภคอีกที

รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (รถ EV มือสอง) ราคาขายต่อเป็นอย่างไร? ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่

ไฟแนนซ์ รับจัดไฟแนนซ์รถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่

โดยปกติ การปล่อยสินเชื่อรถยนต์ทั้งรถใหม่ และรถมือสอง สถาบันการเงินมักพิจารณาจากคุณสมบัติ และเครดิตและความสามารถในการชำระคืนของลูกค้าเป็นหลัก มากกว่าเรื่องของเทคโนโลยี หรือ ราคาขายต่อมากนัก จึงคิดว่าทางไฟแนนซ์ ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าของรถยนต์ไฟฟ้ามากนัก

รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (รถ EV มือสอง) ราคาขายต่อเป็นอย่างไร? ไฟแนนซ์รับจัดหรือไม่

ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ซึ่ง MR.CARRO ก็เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ความนิยมในรถยนต์ระบบน้ำมันจะค่อยๆ ลดลง ไปในทั่วโลก และความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV จะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเราอาจจะต้องขายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้ากันหมด ซึ่งแต่ละดีลเลอร์ก็ต้องค่อยๆ เปลี่ยนแนวของสินค้าในสต็อกตนเองได้อย่างแน่นอน

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครอยากกำลังซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่กำลังเงินทั้งมือหนึ่งหรือมือสองสู้ไม่ไหว CARRO อยากให้ลองเปิดใจกับรถมือสอง เนื่องจากรถมือสองสภาพดีสมัยนี้มีให้เลือกเยอะแยะ แถมถ้าเป็นรถรุ่นประหยัดน้ำมันได้ก็ยังดี ซึ่ง CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์ให้คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

  • สมาคมผู้ประกอบการรถใช้แล้ว

ยางติดรถทำไมหายางไซส์ตรงๆ ยากจัง

สวัสดีครับไทร์บิดกลับมาอีกแล้ว พอดีมีคำถามเข้ามาเยอะเกี่ยวกับเรื่องเปลี่ยนยางสำหรับเพื่อนๆ ที่ซื้อรถใหม่มาแล้วถึงรอบเปลี่ยนยางแต่พอไปเปลี่ยนยางแต่ละร้านก็บอกให้ขยับไซส์บ้างหล่ะ ยางไซส์เดิมไม่ค่อยมีรุ่นให้เลือกบ้างหล่ะ บางทีไซส์ยางที่เราใช้มีเพียงรุ่นเดิมเท่านั้น แต่เพื่อนๆ ก็อยากเปลี่ยนแบรนด์ยางที่ตัวเองคุ้นหู และเพื่ออยากใช้ยางที่คุณภาพดีขึ้นใช่ไหมครับ เพื่อนๆ อยากรู้ไหมครับว่าวิธีนี้ต้องทำอย่างไรถึงจะดีที่สุดต่อการเปลี่ยนยางของรถเราครับ

ยางติดรถทำไมหายางไซส์ตรงๆ ยากจัง

อย่างแรกเลยต้องเกริ่นก่อนว่า รถใหม่ที่ออกมาจะติดยางออกมาเราจะเรียกกันว่า “ยาง OEM” ซึ่งแล้วแต่ค่ายรถที่ใส่ใจกับเรื่องยางมากน้อยเท่าไหน รถบางค่ายออกรถมาใหม่พร้อมยางที่เป็นรุ่น Top ก็มี รถบางค่ายเน้นประหยัดต้นทุนก็อาจจะลดขนาดไซส์ยางและเลือกรุ่นยางที่เป็นสำหรับ OEM ราคาประหยัด สมรรถนะใช้งานทั่วไปเพื่อทำให้ต้นทุนรถออกมาต่ำลงเพื่อที่จะนำเสนอขายรถยนต์ในราคาที่ถูกลง ซึ่งส่วนมากปัญหาที่เพื่อนๆ พบก็จะเป็นในแบบกลุ่มหลังครับ คือ ยางที่เป็นไซส์เล็กและไม่เป็นไซส์ที่นิยมในตลาด หรือ เป็นรุ่นที่ไม่เคยได้ยินสำหรับยางทดแทน แต่ไม่ต้องเป็นห่วงครับทางไทร์บิดจะแนะนำวิธีแก้ไขให้ครับ

จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับกับการอัพไซส์ยางสำหรับกลุ่มประเภทนี้ แต่เพียงต้องเข้าใจว่าการขยับไซส์ยางที่ถูกต้องนั้นหลักๆ เลย คือ รอบวงของยางควรที่จะเท่ากับรอบวงของยาง OEM ครับเพื่อให้รอบเครื่องนั่นเดินได้เหมือนยางที่ติดรถ หรือหากกรณีเปลี่ยนไซส์ก็สามารถบวกลบ ได้ประมาณที่ 1.5% ครับ ผม เรามายกตัวอย่างกันดูครับว่ารถไหนบ้างที่มีปัญหานี้ครับสำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นห่วงเรื่องอัตราการกินน้ำมันถามว่ามีผลเยอะไหม จริงๆมีผลน้อยมากครับ แต่การที่เพื่อนๆได้อัพไซส์ยางให้มีหน้ายางที่กว้างขึ้นทำให้เกาะถนนได้ดีขึ้นมากกว่าเดิมมากอันนี้น่าจะเป็นคีย์หลักที่คุ้มค่ามากกว่าสำหรับการอัพไซส์ยางครับ

ยางติดรถทำไมหายางไซส์ตรงๆ ยากจัง

  • Mitsubishi Mirage ยางติดรถมาเป็นไซส์ยาง 165/65R14 ซึ่งพอมาเปลี่ยนหายี่ห้อรุ่นยางไซส์นี้ค่อนข้างมีน้อยมากเพราะฉะนั้นอย่างยางไซส์นี้ ก็สามารถอัพไซส์ได้ตั้งแต่ 175/65R14 หรือ 185/65R14 ได้ครับพี่ๆ ซึ่งแทบจะไม่มีผลต่อการใช้งานเดิมเลย
  • Honda City รถยอดนิยมติดยางไซส์ 175/65R15 มาแนะนำเป็นอย่างยิ่งครับถ้าเพื่อนๆเปลี่ยน เปลี่ยนเป็น 185/60R15 ครับเป็นยางไซส์ตลาดที่ใช้กับรถหลายๆรุ่นครับผม แถมยังราคาถูกกว่า มียี่ห้อและรุ่นให้เลือกมากกว่า การเกาะถนนก็ดีกว่าด้วยครับ

ยางติดรถทำไมหายางไซส์ตรงๆ ยากจัง

  • Mazda 3 ขึ้นมาอีกสเต็ป จะมีรุ่นหนึ่งที่ติดยางไซส์ 215/45R18 มาครับ ซึ่งถ้าเพื่อนๆอยากให้สะดวกในการหาก็สามารถใส่ 225/45R18 ได้ครับ สามารถใส่ทดแทนกันได้เลยครับ
  • Mazda 2 ติดรถมา 195/45R16 สามารถเปลี่ยนเป็น 195/50R16 หรืออีกรุ่นของ Mazda3 ตัวท้อป ที่ติดยาง 185/60R16 มาสามารถใส่ 205/50R16 ได้ครับ ก็จะมียางให้เลือกเยอะขึ้นครับผม
  • Mazda CX-3 อีกรุ่นหนึ่งที่ออกมาใหม่ติดยางเป็น 215/50R18 ซึ่งมียางน้อยมากต้องบอกว่าแทบไม่มีเลย ไซส์นี้แนะนำให้เปลี่ยนเป็นยางไซส์ 225/50R18 ได้เลยครับ เกาะถนนดีขึ้น และนุ่มขึ้นครับผม

ยางติดรถทำไมหายางไซส์ตรงๆ ยากจัง

  • Isuzu ตัวยกสูงที่ติดยาง 255/65R17 มาไซส์นี้ก็สามารถเปลี่ยนเป็นยาง 265/65R17 ได้เลยครับ จะมียางให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นยาง HT และ ยาง AT มีทุกยี่ห้อครับ เพราะยาง 265/65R17 จะใส่ได้กับกระบะตัวยกสูง Fortuner ที่เป็นรถตลาดเพราะฉะนั่น ไทร์บิดแนะนำครับเปลี่ยนไซส์จะดีกว่า
  • Isuzu อีกรุ่นที่ติดยางขอบ 18 มาจะเป็นยางไซส์ 255/60R18 ไซส์นี้แนะนำเป็น 265/60R18 เลยครับ จะมียาง AT HT ครบตามความต้องการเลยครับ
  • กระบะ Isuzu ติดยาง 195R15 มาอันนี้ สามารถขยับไซส์เป็น 215/70R15 ได้ครับผม จะเป็นยางที่ไซส์ตลาด และมีหน้ายางที่กว้างขึ้นเกาะถนนได้ดีขึ้น และ ที่สำคัญที่สุดของยางกระบะก็คือ สามารถรับน้ำหนักได้ดีขึ้นครับผม

ยางติดรถทำไมหายางไซส์ตรงๆ ยากจัง

และกระบะสุดท้ายอีกรุ่นของ Nissan Navara ที่ติดยาง 205R16 เพื่อนๆ สามารถใส่ยาง 215/70R16 ได้ครับผมเหตุผลก็จะแบบเดียวกับการเปลี่ยนไซส์ 195R15 เป็น 215/70R15

ก็คิดว่าน่าจะครบอยู่ครับสำหรับไซส์ยางติดรถที่ไม่ค่อยเป็นไซส์ตลาด แต่หากเพื่อนๆ เจอไซส์ที่ติดรถมาแล้วไม่แน่ใจสามารถสอบถามเข้ามาที่ทางไทร์บิดได้ครับ ทางเราสามารถแนะนำไซส์ยางที่เหมาะสมกับรถของเพื่อนๆ ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น ครับ

หากเพื่อนๆ มีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ www.tiresbid.com ได้เลยครับ และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ได้ครบถ้วน แถมไทร์บิดเรายังมีบริการให้เพื่อนๆต้องการสอบถามเรื่องยาง ล้อยาง โดยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางรถยนต์ได้ผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) ทางทีมงานไทร์บิดยินดีให้คำปรึกษา Tire Specialist เรื่องยาง เรื่องง่าย กันอย่างเต็มที่ครับ นึกถึงยาง นึกถึงไทร์บิดออนไลน์ครับ วันนี้ก็ขอขอบคุณมากครับเพื่อนๆที่ติดตาม หากมีข้อสงสัยเลือกยางไม่ถูกสอบถามมาที่ไทร์บิดของเราได้ครับ ขอบคุณมากครับ

ข้อห้ามในการตกแต่ง แก้ไข ดัดแปลงป้ายทะเบียนรถ จากกรมการขนส่งทางบก

“ป้ายทะเบียนรถ” นับได้ว่าเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของรถ แสดงถึงการมีตัวตนของรถคันนั้น และบางคนยังเชื่อไปถึงศาสตร์ตัวเลขบนป้ายทะเบียนรถคันนั้นๆ อีกด้วย ทำให้หลายคน พยายามหาเลขทะเบียนสวย เลขนำโชค ที่เสริมดวง เป็นสิริมงคล หรือแก้เคล็ดก็ตาม

แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (หรือบางคนก็รู้ล่ะ แต่อยากทำ) ไปดัดแปลงป้ายทะเบียน ด้วยการตัดขอบออกทำเป็นแผ่นยาว แบบป้ายทะเบียนรถยุโรป หรือ “ปิดทอง” ทับที่ตัวเลข หรือติดตัวเลขเพิ่มเข้าไป แปลงตัวเลขอารบิกเป็นเลขไทย หรือติดสติ๊กเกอร์ทับตัวเลขที่ไม่ต้องการ หรือรู้สึกว่าไม่เป็นมงคล เพื่อจะได้เป็นเลขทะเบียนสวย เลขนำโชค ไปในตัว

ข้อห้ามในการตกแต่ง แก้ไข ดัดแปลงป้ายทะเบียนรถ จากกรมการขนส่งทางบก

ภาพจาก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร – บก.02 / กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.)

หรือนำแผ่นป้ายทะเบียนรถ ไปตกแต่งลวดลายเลียนแบบป้ายประมูล หรือการนำป้ายพลาสติกที่สกรีนลายกราฟิกไปใช้ครอบแผ่นป้ายทะเบียนรถ ทำให้มองเป็นป้ายประมูล

กรณีเจ้าของรถ ใช้ป้ายทะเบียนรถที่ทำขึ้นเอง ถือว่าเป็นความผิดนะครับ! MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟัง ถึงข้อห้ามและโทษ จะมีด้วยกันมากน้อยอย่างไรบ้าง …

ข้อห้ามในการตกแต่ง แก้ไข ดัดแปลงป้ายทะเบียนรถ จากกรมการขนส่งทางบก

ภาพจาก Facebook / เหลืองชมพู @ Pantip

สำหรับการดัดแปลงป้ายทะเบียนตามที่กล่าวมา ถือว่าผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 11 ประกอบมาตรา 60 ฐานใช้แผ่นป้ายทะเบียนมีลักษณะไม่ถูกต้อง ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือนำวัสดุหรือสิ่งอื่นใดมาปิดบัง หรือติดไว้ในบริเวณใกล้เคียงกับแผ่นป้ายทะเบียนรถ ปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

แต่หากตรวจสอบพบว่าเป็นป้ายทะเบียนปลอม หมายเลขทะเบียนไม่ตรงกับป้ายวงกลม ไม่ตรงกับสำเนารถ และรายละเอียดของตัวรถ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 เพิ่มอีก ฐานปลอมเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 1,000 – 10,000 บาท และอาจถูกยึดรถเพื่อส่งตรวจพิสูจน์หลักฐานหาที่มาของตัวรถด้วย

ข้อห้ามในการตกแต่ง แก้ไข ดัดแปลงป้ายทะเบียนรถ จากกรมการขนส่งทางบก

ภาพจาก กรมการขนส่งทางบก

ทั้งนี้ หากแผ่นป้ายทะเบียนรถชำรุด หรือป้ายทะเบียนรถหาย เจ้าของรถสามารถติดต่อขอรับแผ่นป้ายทะเบียนใหม่ทดแทนของเดิมให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยติดต่อที่สำนักงานขนส่งที่รถนั้นจดทะเบียน ซึ่งจะได้รับแผ่นป้ายทะเบียนรถใหม่ ภายใน 15 วัน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายป้ายทะเบียนแผ่นละ 100 บาทครับ

อ่านเพิ่มเติม >> ป้ายทะเบียนรถหาย! ขอใหม่ 15 วันได้ ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องแจ้งความ (Update ล่าสุด! ปี 2564)

สำหรับใครที่กำลังอยากขายรถคันเดิมเวลานี้ มาขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ได้ราคาดีที่สุด รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนรถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันป้ายทะเบียนของแท้ทั้งหมด แถมผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แหล่งที่มาจาก:

– กรมการขนส่งทางบก

5 ของติดรถที่ควรมีไว้ ในช่วงหน้าฝน!

ช่วงนี้ประเทศไทยยังคงอยู่ในฤดูฝน แน่นอนว่าการขับรถต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ รวมไปถึงสภาพรถที่ต้องตรวจเช็คให้แน่ใจว่าทุกส่วนอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน พร้อมลุยฝนในยามฝนตกหนักๆ

แต่กระนั้นก็ตาม บางทีก็อาจเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมาได้ เมื่ออุปกรณ์บางอย่างไม่มี ลืม หรือเกิดเสียระหว่างทางกะทันหัน

MR.CARRO เลยขอมาแนะนำ 5 ของติดรถที่ควรมีไว้ ในช่วงหน้าฝน! เผื่อว่าคุณอาจจำเป็นต้องใช้ หรือได้ใช้งานครับ

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำมา 5 จุด แบบง่ายที่สุด

1. กล้องติดรถ

อุปกรณ์ยอดฮิตสำหรับรถในยุคปัจจุบันไปแล้ว สำหรับกล้องติดหน้ารถ ที่ควรมีไว้บันทึกภาพในทุกฤดูกาล ยิ่งในช่วงหน้าฝนเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

การมีกล้องติดหน้ารถ ย่อมใช้เป็นหลักฐานในการเก็บข้อมูลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ต่างๆ บนท้องถนนได้อีกด้วย

2. ร่ม

อุปกรณสุดคลาสสิกอย่าง ร่ม แม้ว่าหลายคนอาจจะบอกว่าไม่จำเป็นก็ได้ เพราะจอดรถอยู่ในร่ม หรือในอาคารตลอด

แต่มีเผื่อไว้ดีกว่า ถ้าหากต้องออกไปธุระข้างนอก หรือสถานที่กลางแจ้ง แล้วเจอฝนตกหนักๆ อาจต้องวิ่งตากฝนจนลืมล็อครถเลยก็ได้ มีติดไว้สักคัน จะเอาไว้ถือกันแดดแทนก็ย่อมได้

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำมา 5 จุด แบบง่ายที่สุด

3. พรมกระดุม / พรมไวนิล / แผ่นยางปูพื้นรถ

รถในยุคปัจจุบันส่วนใหญ่ มักจะใช้พรมปูพื้นแบบกำมะหยี่ หรือใยสังเคราะห์ ที่ดูแล้วนุ่มเท้า สวยงาม หรูหรา แต่ข้อเสียก็คือค่อนข้างดูดซับน้ำได้ง่าย และอาจก่อนให้เกิดกลิ่นอับ และเชื้อราได้

การเลือกใช้พรมกระดุม, พรมไวนิล วางปูพื้นในรถเสริมอีกชั้น สามารถกันน้ำและฝุ่นละอองได้ค่อนข้างดี ถอดออกมาล้างได้ง่าย แต่ในส่วนของพรมไวนิล อันนี้ต้องระวังลื่นหน่อย เวลาเข้า-ออกรถ ขณะที่รองเท้าของคุณเปียกน้ำ

และแผ่นยางปูพื้นรถ ซึ่งเป็นนี่นิยมกันมานาน ข้อดีคือทำความสะอาดคราบน้ำ ฝุ่น โคลน ออกได้ง่าย แต่ข้อเสียคือค่อนข้างแผ่นใหญ่ แข็ง น้ำหนักมาก และดีไซน์ดูโบราณไปหน่อย

4. หลอดไฟสำรอง

หลายคนอาจจะต้องใช้รถยนต์ในช่วงกลางคืนบ่อยหน่อย ไฟส่องสว่างของภายนอกรถถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งเวลาฝนตก หรืออยู่ระหว่างทางดึกๆ จึงควรมีหลอดไฟสำรองติดไว้ในรถ ซึ่งส่วนมากจะแบ่งออกเป็นหลอดขนาด 5 วัตต์ สำหรับไฟหรี่ และ 21 วัตต์ สำหรับไฟเบรก

ส่วนไฟท้าย กรณีที่รถของคุณยังไม่ได้ไฟเบรกแบบ LED รถบางรุ่นอาจใช้ไส้คู่ ที่ใช้ทั้งไฟหรี่และไฟเบรกในหลอดเดียวกัน ดังนั้นถ้าเตรียมหลอดไฟท้ายไว้ อย่าลืมเช็คให้ดีก่อน

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำมา 5 จุด แบบง่ายที่สุด

5. น้ำยาเคลือบกระจก

ถ้าหากคุณต้องใช้รถยนต์บ่อยในช่วงหน้าฝน สิ่งสำคัญอีกอย่างคือน้ำยาเคลือบกระจก ที่ช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ของคุณดีขึ้นได้ เพราะชั้นฟิล์มบางๆ ที่เคลือบอยู่บนผิวกระจกจะทำให้ตัวหยดน้ำลอยตัวเป็นเม็ดๆ และไหลออกได้เร็วขึ้น และยังใช้เช็ดกระจกมองข้าง กระจกบานข้างได้อีกด้วย

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครที่กำลังมองหารถคันใหม่ในตอนนี้ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันของ CARRO Automall คุณไม่ต้องกังวลเลยในเรื่องของรถจมน้ำ รถน้ำท่วม หรือรถจมบาดาล เพราะเราไม่นำรถที่ถูกน้ำท่วมมาขายโดยเด็ดขาด และรถทุกคันยังผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด อีกด้วย

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ลายดอกยางมีกี่แบบ ลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร

สวัสดีครับไทร์บิดอยากมาอธิบายว่าทำไมยางรถยนต์ของเราถึงต้องมีลายดอกยางที่หลากหลายแบบเพราะฉะนั้นลายดอกยางก็ต้องมีคุณสมบัติต่างๆ มากมาย ดังนั้นไทร์บิดจึงอยากมาอธิบายอย่างละเอียดว่าแต่ละส่วนมีหน้าที่ยังไงบ้างครับ

ลายดอกยางมีกี่แบบ ลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร

ข้อแรกเลยคุณสมบัติของลายดอกยางนั้นก็คือเรื่องของการป้องกันการเหินน้ำ ยางใช้งานปัจจุบันจะมีลายดอกยางทุกเส้นซึ่งลายดอกยางจะมีหน้าที่ทำให้น้ำสามารถไหลผ่านของหน้ายางออกได้ทำให้เพื่อนๆ เวลาขับผ่านแอ่งน้ำ หรือ ถนนเปียกก็จะป้องกันการเหินน้ำได้ เปรียบกับยางของรถแข่ง F1 ที่ไม่มีร่องดอกยางเลยแต่พอเวลามีฝนตกก็จะต้องเปลี่ยนยางชุดใหม่ที่มีลายดอกยางเพื่อลดอาการเหินน้ำครับ

ลายดอกยางมีกี่แบบ ลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร

คุณสมบัติข้อที่สองก็คือเพื่อช่วยยึดเกาะถนนบนถนนเปียก ซึ่งหน้าที่นี้จะทำงานแตกต่างกับข้อแรกครับที่จะทำหน้าที่ระบายน้ำแต่ลายดอกยางยังช่วยทำหน้าที่ในการตัดน้ำเวลาหน้ายางกระทบกับน้ำ เวลาลายดอกยางกระทบกับพื้นน้ำจะทำหน้าที่ตัดฟิล์มน้ำออกซึ่งจะทำให้น้ำกระจายออกด้านข้างซึ่งจะส่งผลให้หน้ายางสามารถสัมผัสกับพื้นถนนได้ดีขึ้นจะทำให้ยางเกาะถนนแม้ว่าถนนนั้นเปียก

ลายดอกยางมีกี่แบบ ลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร

คุณสมบัติที่สามก็คือช่วยในเรื่องเสียงรบกวน เสียงนั้นปกติจะเกิดจากการที่ลมไหลผ่าน และ เสียงยางที่กระทบกับพื้นซึ่งทั้งสองพอประกอบกันจะทำให้เกิดเสียงดัง ดังนั้นผู้ผลิตยางจึงต้องออกแบบลายดอกยางเพื่อทำให้ลดเกิดเสียงต่างๆ ออกมาโดยการที่จะเกิดเสียงจะเกิดขึ้นโดยให้ลมผ่านลายดอกยาง ซึ่งเวลาออกแบบลายดอกยางจากเสียงเกิดขึ้นมากมายเสียงดัง เสียงเงียบแต่พอมาผสมผสานกันแล้วนะจะได้ค่าเสียงเดซิเบลที่ต่ำที่สุด ซึ่งเป็นขั้นตอนในการออกแบบของเสียง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับประเภทยางด้วยเพราะลายดอกยางสไตล์สปอร์ต ต้องการโฟกัสที่เรื่องการยึดเกาะถนนมากกว่าก็อาจจะทำให้เสียงที่ออกมาเสียงดังครับ

ลายดอกยางมีกี่แบบ ลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร

คุณสมบัติที่สี่ก็เพื่อสามารถขับเคลื่อนและส่งผลในเรื่องของแรงตะกรุยที่ดีขึ้นโดยปกติ ถ้ายางเรียบๆจะไม่มีแรงที่จะสามารถตะกรุยได้ดีซึ่งจะทำให้ยางนั้นปั่นฟรีได้ง่ายๆ ทำให้ผู้ผลิตต้องออกแบบลายดอกยางออกมาเพื่อให้ยางเวลาขับเคลื่อนนั่นสามารถมีแรงตะกรุย และ ออกตัวได้ดีขึ้นโดยปกติการออกแบบลายดอกยางไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ ทางหินลูกรังก็จะมีลักษณะลายดอกยางที่แตกต่างออกไปเพื่อให้รองรับกับประเภทการใช้งานได้ดีที่สุด ไม่งั้นถ้าอยู่ในทางหินทางดินพอลายดอกยางเป็นดอกเรียบๆ ก็ไม่สามารถตะกรุยออกตัวได้จึงต้องทำเป็นลายดอกก้อนๆ ใหญ่ๆ ครับ

ลายดอกยางมีกี่แบบ ลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร

คุณสมบัติสุดท้ายก็คือ ทำให้หน้ายางสามารถตอบสนองการขับขี่ได้รวดเร็วขึ้น เวลาหน้ายางที่มีการขยับตัวถ้าไม่มีลายดอกยางที่ทำหน้าที่ยืดหดก็จะทำให้ยางไม่สามารถสัมผัสกับพื้นถนนได้เต็มประสิทธิภาพเพราะฉะนั้นการออกแบบลายดอกยางเพื่อให้หน้ายางมีการขยับตัวได้ดียิ่งขึ้นและทำให้สัมผัสกับพื้นถนนได้เต็มหน้าตลอดเวลาก็จะช่วยส่งผลทำให้ยางสามารถตอบสนองการขับขี่ได้อย่างทันท่วงทีครับผม

แล้วลายดอกยางมีอยู่กี่ประเภท ?? ลายดอกยางมีอยู่ 3 ประเภทครับ ก็จะมีลายดอกยางแบบสมมาตร ลายดอกยางไม่สมมาตร ลายดอกยางทิศทางเดียว โดยแบ่งคุณสมบัติหลักๆต่างกันครับ

ลายดอกยางแบบสมมาตร ก็จะเป็นลายดอกยางที่ไม่ใช้สมรรณนะสูงซึ่งส่วนมากจะอยู่ในกลุ่มระกระบะ รถ SUV ต่างๆ ครับ ลายดอกยางแบบนี้สามารถใส่สลับหน้ายางได้เลยไม่ว่าจะข้างในข้างนอกดอกยางไม่มีผลต่อการใช้งานครับ

ส่วนที่สองลายดอกยางไม่สมมาตร ลายดอกแบบนี้จะค่อนข้างอเนกประสงค์เพราะใช้ได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าทางตรงและทางคดเคี้ยวซึ่งปัจจุบัน ยางลายดอกแบบนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมมากในทุกๆยี่ห้อเพราะมีความอเนกประสงค์ในการใช้งานมากที่สุด ลายดอกยางลักษณะนี้จะเป็นลายดอกยางที่หน้ายางจากฝั่งซ้ายสุดไปขวาสุดจะไม่เหมือนกันครับ โดยจุดสังเกตุอีกจุดก็จะเป็นแก้มยางจะมีเขียนคำว่า Inside Outside ครับ คือ Outside ให้หันออกนอกตัวถังครับ

ลายดอกทิศทางเดียว เป็นลายดอกยางที่มีการรีดน้ำได้ดีและมีความสามารถในการออกตัวได้ดีและเน้นการใช้งานแบบวิ่งทางตรง ซึ่งลักษณดอกยางจะหันไปทางเดียวกันเสมอ จะมีจุดบอกที่แก้มยางคำว่า Rotation ครับโดยยางลักษณะนี้ถ้าใส่กลับด้านจะทำให้สมรรถนะ ยางลดลงไปประมาณ 20-30% ได้ครับ

ก็จะเป็นคุณสมบัติและลายดอกยางครับที่อธิบายไป แต่หากเพื่อนๆยังมีข้อสงสัยว่ายางไหนที่เหมาะกับเพื่อนๆ มีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ www.tiresbid.com ได้ครับทางเรามีข้อมูลและอธิบายชัดเจนบนเว็บไซต์ของเราครับ และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ได้ครบถ้วน แถมไทร์บิดเรายังมีบริการให้เพื่อนๆต้องการสอบถามเรื่องยาง ล้อยาง โดยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางรถยนต์ได้ผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) ทางทีมงานไทร์บิดยินดีให้คำปรึกษา Tire Specialist เรื่องยาง เรื่องง่าย กันอย่างเต็มที่ครับ นึกถึงยาง นึกถึงไทร์บิดออนไลน์ครับ ทักมาให้พวกเราได้เลยครับผม ขอบคุณมากครับ

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

หลายคนที่ใช้รถยนต์, รถ Crossover, รถ SUV หรือรถกระบะในการทำมาหากิน ไปทำธุระ ส่งของ ขนของ หาลูกค้า หรือมีไลฟ์สไตล์เริ่มอยากท่องเที่ยว หลังจากที่ต้อง Work From Home อยู่บ้านทำงานกันมานาน ก็เริ่มใช้รถยนต์ในการเดินทางกันในช่วงนี้ ที่ค่อนข้างมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แต่เนื่องด้วยการบรรทุกของหนักนั้น ย่อมส่งผลต่อสมรรถนะรถ การควบคุมรถ และความปลอดภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งในช่วงหน้าฝน การขับขี่รถยนต์ย่อมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

ดังนั้น MR.CARRO จะมาแนะนำเคล็ดลับในการขนของขึ้นรถ บรรทุกหนักได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย กันตามนี้เลยครับ …

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

1. คำนวณน้ำหนักบรรทุกก่อน

ตามปกติ ในรถยนต์ประเภท SUV และรถกระบะ จะมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระค่อนข้างกว้างขวาง แต่ผู้ใช้ก็ไม่ควรขนทุกอย่างใส่จนเต็มรถตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานรถ ควรคำนึงถึงน้ำหนักในการบรรทุก ซึ่งก็คือความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักสูงสุดของรถ ซึ่งรถแต่ละคันออกแบบมาให้รับน้ำหนักสูงสุดได้ไม่เท่ากัน ถ้าเป็นรถ SUV โดยเฉลี่ยเริ่มตั้งแต่ 400 กิโลกรัมเป็นต้นไป

แต่ถ้าเป็นรถกระบะตอนเดียว บรรทุกได้สูงถึง 1,000 กิโลกรัม (1 ตัน) ตามมาตรฐานของผู้ผลิตรถกระบะแต่ละยี่ห้อ ถ้าจะเอาบรรทุกให้มากกว่านั้น ก็คงต้องทำคอกสูง เสริมแหนบ ใส่ล้อกระทะบรรทุก ใส่เพลาลอย แล้วแหละ

การคำนวณน้ำหนักบรรทุกของรถยนต์นั้น คำนวณได้จากน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกสูงสุด (Gross Vehicle Weight) ลบด้วยน้ำหนักของรถยนต์ในขณะว่างเปล่า ตามด้วยน้ำหนักรวมของผู้โดยสาร และเชื้อเพลิง

ตัวอย่างเช่น ผู้โดยสารเป็นผู้ใหญ่หนัก 60 กิโลกรัม 2 คน และเด็กน้ำหนัก 40 กิโลกรัม 2 คน คุณจะต้องลดน้ำหนักการบรรทุกสัมภาระลงไปอีก 200 กิโลกรัม และอย่าลืมคำนวณน้ำหนักของน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยนะครับ

2. รักษาจุดศูนย์ถ่วงให้เหมาะสม

ตามปกติ ไม่ว่าคุณจะใช้รถประเภทไหนก็ตาม ควรวางสัมภาระที่หนักที่สุดไว้บริเวณด้านล่างสุดของพื้นที่เก็บสัมภาระโดยวางสัมภาระให้กระจายน้ำหนักทั่วทั้งพื้นที่บรรทุก เพื่อช่วยให้ศูนย์ถ่วงของรถต่ำลง ลดโอกาสในการพลิกคว่ำ

นอกจากนี้ ยังช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการควบคุมรถซึ่งเกิดจากน้ำหนักของรถนั่นเอง การนำสัมภาระที่มีน้ำหนักมากไว้ท้ายรถจะทำให้ล้อหน้าลอย ซึ่งอาจส่งผลต่อสมรรถนะการบังคับเลี้ยวและการเบรก

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

3. รัดแน่นไว้ปลอดภัยดี

เพื่อป้องกันไม่ให้สัมภาระกลายเป็นสิ่งอันตรายเมื่อต้องเบรกกระทันหัน ควรเก็บสัมภาระขนาดเล็กใส่กล่องให้เรียบร้อย ส่วนสัมภาระขนาดใหญ่หน่อย ควรทำการรัดไว้ในช่องเก็บของ

ทำแบบนี้แล้ว สัมภาระในรถจะได้ไม่เป็นอันตรายต่อผู้โดยสารเมื่อรถต้องเบรคอย่างกระทันหัน

4. ปรับกระจกให้มองเห็นชัดเจน

พยายามหลีกเลี่ยงการบรรทุกตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานรถ และปรับกระจกให้มองเห็นชัดเจน จำไว้ว่าถ้ากระจกมองหลังไม่ชัด จะทำให้การขับขี่เป็นเรื่องยากและก่อให้เกิดความเสี่ยงขณะถอยหลัง (เนื่องจากของวางจนสูง บังจนมองไม่ค่อยเห็น กรณีมองผ่านกระจกมองหลัง) ถ้ามองเห็นข้างหลังไม่ชัดก็มีโอกาสสูงที่จะถอยชนคน หรือสิ่งของได้

เว้นเสียแต่ว่ารถคุณจะติดตั้งกล้องมองภาพด้านหลัง หรือสัญญาณกะระยะถอยหลัง ซึ่งจะช่วยให้การถอยหลังง่ายขึ้น

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

5. การเก็บสัมภาระไว้บนหลังคา

ควรหลีกเลี่ยงการบรรทุกสัมภาระบนหลังคารถยนต์ เพราะมีผลเสียตามหลักอากาศพลศาสตร์และศูนย์ถ่วง ซึ่งส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและการควบคุมรถแม้ในขณะขับด้วยความเร็วต่ำ นอกจากนี้ หากมีสัมภาระหลุดลอยไปขณะที่รถเคลื่อนที่อยู่อาจเป็นอันตรายต่อรถคันอื่น

อย่างไรก็ตาม การติดตั้งแร็คหลังคาอย่างถูกต้องพร้อมราง จะช่วยเก็บสัมภาระให้ปลอดภัย ซึ่งควรเลือกกล่องเก็บของบนหลังคาที่ได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาตร์ มีความปลอดภัย กันน้ำได้ และหลีกเลี่ยงการบรรทุกของหนักพร้อมทำการรัดสัมภาระให้แน่นไม่โยกเคลื่อน

6. เก็บสัมภาระที่จำเป็นต้องใช้ให้หยิบง่ายเสมอ

ตรวจสอบให้แน่ใจทุกครั้งว่าเก็บชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน อันได้แก่สายเคเบิลสำหรับจั๊มสตาร์ท โทรศัพท์มือถือ และน้ำดื่ม ไว้ในที่ที่หยิบได้ง่ายเมื่อต้องการใช้ ในรถ SUV บางรุ่น ยางอะไหล่ หรือชุดปะยางฉุกเฉิน อาจถูกเก็บไว้ในพื้นที่เก็บสัมภาระในรถ ดังนั้นรถบางรุ่นอาจไม่สามารถเก็บสัมภาระอื่นเพิ่มเติมได้

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

7. ตรวจสอบลมและสภาพยาง

ก่อนขับขี่ คุณควรตรวจสอบยางของคุณเพื่อให้แน่ใจว่ายางอยู่ในสภาพดี ไม่สึกหรอ ดอกยางสภาพพร้อมใช้งาน มีการเติมลมยางอย่างถูกต้องเหมาะสมตามคำแนะนำที่ติดไว้บริเวณประตูด้านข้างของคนขับ ด้านในฝาน้ำมัน หรือในคู่มือผู้ใช้งาน

ผู้ขับควรเติมลมตามตัวเลขที่แนะนำไว้ ไม่ใช่ตามตัวเลขความดันสูงสุดที่เห็นบนขอบยาง เนื่องจากรถยนต์แต่ละรุ่นอาจต้องเติมลมยางแตกต่างกันเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง หรือขณะบรรทุกสัมภาระหนัก

8. อย่าบรรทุกสัมภาระที่ไม่จำเป็น

อย่าบรรทุกสัมภาระเกินน้ำหนักที่รถยนต์สามารถรับไหว ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะ หรือรถรุ่นใดๆ ก็ตาม ถ้ารู้สึกว่ากำลังบรรทุกเกินพิกัด ควรหาวิธีลดสัมภาระ จำไว้ว่า “ความปลอดภัย” คือสิ่งสำคัญที่สุด

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ส่วนช่วงนี้ ใครอยากซื้อรถ SUV, รถ Crossover หรือรถกระบะมือสอง สภาพเยี่ยม ราคาเบาๆ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถ SUV, รถ Crossover หรือรถกระบะมือสอง รุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

  • Chevrolet

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

ที่ผมจั่วหัวมาแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย เพราะว่าคำถามนี้ ก็จัดเป็นหนึ่งในคำถามของผู้ที่สงสัยกันมานาน และมักถามกันบ่อยๆ ตามสื่อโซเชียลมีเดีย ว่าทำไม “รถเก๋ง ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง เหมือนแบบรถยนต์แบบ 3 ประตู / 5 ประตู Hatchback หรือรถยนต์แบบรถ Crossover SUV หรือรถ SUV บ้าง?”

ตามจริงแล้ว จะบอกว่ารถเก๋งที่ขายในไทย ไม่เคยติดตั้งที่ปัดน้ำฝนหลังมาให้เลย ก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว …

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

ในอดีต รถเก๋งที่ขายในไทย ที่มีติดตั้งปัดน้ำฝนหลังมาให้ ก็จะมีแค่ Mazda 323 (มาสด้า 323) (BF), Mitsubishi Galant (มิตซูบิชิ กาแลนท์), Mitsubishi Galant Ultima (มิตซูบิชิ กาแลนท์ อัลติม่า) และ Peugeot 406 (เปอโยต์ 406) รุ่นที่นำเข้าจากฝรั่งเศส ประมาณนี้

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

ว่ากันด้วยตามหลักการของหลักอากาศพลศาสตร์ เมื่ออากาศที่ไหลผ่านรถยนต์เวลาเคลื่อนที่จนไปถึงท้ายรถแล้ว ลักษณะอากาศจะเกิดหมุนแบบปั่นป่วน เกิดกระแสลมหมุน เนื่องจากด้านหลังมีการเคลื่อนที่ของอากาศที่มาจากรอบคันรถ ไม่ว่าจะด้านบน ด้านข้าง หรือด้านล่าง

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

ซึ่งในตัวรถเก๋ง อากาศจะไหลผ่านไปยังกระจกที่ลาดและท้ายที่ยื่นยาวออกมา อากาศจะไปปั่นป่วนบริเวณด้านท้ายรถ พร้อมกับพัดพาสิ่งสกปรก (ส่วนหนึ่ง) ออกไปหมุนอยู่แถวท้ายรถ ซึ่งต่างจากในรถประเภทท้ายตัด หรือท้ายสั้นอย่าง Hatchback (แฮทช์แบค), Liftback (ลิฟท์แบค), Coupe (คูเป้) หรือแบบ Van / Wagon (แวน / แวกอน) อากาศจะไปหมุนอยู่ที่บริเวณกระจกบานท้าย ทำให้มีสิ่งสกปรกติดกระจกมากกว่า จึงต้องมีที่ปัดน้ำฝนหลังไว้ใช้งาน

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

และอีกเหตุผลหนึ่ง สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในเมืองหนาว (บางประเทศ) ผู้ผลิตรถอาจติดตั้งที่ปัดน้ำฝนหลังให้เช่นเดียวกัน เนื่องจากเวลาหิมะตก สามารถใช้ปัดหิมะที่บริเวณกระจกบานหลัง และไฟเบรกดวงที่ 3 (เฉพารุ่นที่ติดตั้งด้านในรถ) ให้เห็นชัดขึ้น (บางรุ่นมีให้เลือกเป็น Option คุณต้องจ่ายเงินเพิ่มนะครับ)

เรื่องก็มีอยู่แค่นี้แหละครับ ถ้ารถคุณมีปัน้ำฝนหลัง ก็อย่าลืมหาโอกาสใช้งาน จะช่วงฝนตก หรือปัดคราบสกปรกบนกระจกหลังออกบ้างนะครับ

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ! เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Mazda2 ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน!

ช่วงหน้าฝนนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่เรามักเลี่ยงได้ยาก หากอยู่ในเขตพื้นที่ต่ำ ที่ลุ่ม ที่ป่าเขาลำเนาไพร หรือจุดที่ท่อระบายน้ำ ไม่ได้ลอกท่อมานาน เมื่อฝนตกหนักๆ ลงมา สิ่งที่ตามมานั่นก็คือ “น้ำท่วม” (หรือเรียกว่า “น้ำรอการระบาย”) นั่นเอง

ซึ่งทำให้รถยนต์แบบกระบะ, รถแบบ Crossover SUV หรือรถ SUV ที่ออกแบบมาให้ยกสูงหน่อย ใช้ระบบขับเคลื่อนทั้ง 2 ล้อ และ 4 ล้อ สามารถลุยน้ำได้ในระดับหนึ่ง เป็นที่ต้องการของคนใช้รถในบ้านเรามาก เพราะความอเนกประสงค์ในการใช้งานแล้ว ยังลุยน้ำท่วมได้ไหวอีกต่างหาก (แม้ว่ารถทุกคัน จะไม่ได้ออกแบบมาให้ลุยน้ำเป็นหลักก็ตาม)

โดยรถที่มีระยะต่ำสุดจากพื้น (หรือ ความสูงใต้ท้องรถ) (Ground Clearance) น้อยหรือมาก ก็มีผลต่อการลุยน้ำของรถรุ่นนั้นๆ ด้วย และรถที่ลุยน้ำได้ รวมไปถึงช่วงล่างหน้า เครื่องยนต์ ท่ออากาศ ไดชาร์จ และระบบไฟฟ้าที่ติดตั้งในห้องเครื่องยนต์ ล้วนมีผลต่อการลุยน้ำทั้งสิ้น

สำหรับในบทความนี้ ใครที่กำลังมองหารถกระบะมาใช้งานในช่วงหน้าฝนนี้ แล้วอยากรู้ว่า รถกระบะป้ายแดง หรือรถกระบะมือสองที่มีขายในท้องตลาด มีความสามารถในการลุยน้ำได้มากน้อยแค่ไหน หรือลุยน้ำได้ลึกสุดเท่าไหร่ Mr.Carro จะมาแนะนำ 8 รถกระบะให้ชมกัน

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Isuzu D-Max

1. Isuzu D-Max

กระบะ Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมคซ์) รถกระบะยอดนิยมของชาวไทย นับตั้งแต่โฉมปี 2011 – 2019 ในรุ่นโฉม Spark, Spacecab, Cab4 หรือ X-Series (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 190 – 200 มม. และในแบบ Spark 4X4, Hi-Lander, V-Cross 4X4 หรือ X-Series (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 225 – 235 มม.

สำหรับ Isuzu D-Max ในส่วนที่เป็นรุ่นโฉมปี 2020 – ปัจจุบัน ในรุ่นโฉม Spark, Spacecab, Cab4 หรือ X-Series (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 190 – 200 มม. และในแบบ Spark 4X4, Hi-Lander, V-Cross 4X4 หรือ X-Series (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 220 – 240 มม.

พูดง่ายๆ คือถ้าคุณเลือกรถกระบะ Isuzu D-Max รุ่น Spark 4X4, Hi-Lander, V-Cross 4X4 หรือ X-Series (ยกสูง) สามารถลุยน้ำได้ประมาณ 80 เซนติเมตร (ในรุ่นยกสูงนะครับ) คือตั้งแต่ช่วงประมาณใต้กระจังหน้าของรถ หรือบริเวณใต้โป่งซุ้มล้อของรถนั่นเอง ส่วนรุ่นนอกเหนือจากนั้น ลุยได้แค่ครึ่งล้อรถก็น่าพอใจมาก มากกว่านี้อย่าเสี่ยง

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Toyota Hilux Revo

2. Toyota Revo

Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) รุ่นตั้งแต่โฉมปี 2015 – 2021 ในรุ่นโฉม Standard Cab, Smart Cab, Double Cab รวมถึง Z Edition (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 154 – 165 มม. และในแบบ Prerunner, 4X4, Rocco และ TRD Sporivo / GR Sport (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 205 มม. และ 216 – 217 มม.

แม้ว่าตัวรถจะมีระยะต่ำสุดจากพื้นน้อยกว่าในกระบะยี่ห้ออื่นๆ แต่ทาง Toyota ก็ให้ความมั่นใจว่า สามารถนำ Toyota Revo ไปลุยน้ำได้ลึกที่สุดถึง 80 เซนติเมตร (ในรุ่นยกสูง) เลยทีเดียว

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Nissan Navara

3. Nissan Navara

Nissan Navara (นิสสัน นาวารา) กระบะพันธุ์กล้าแกร่ง ขับดีแต่ขายไม่ค่อยดี รุ่นตั้งแต่โฉมปี 2014 – 2020 ในโฉม Single Cab, King Cab Cab, Double Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 180 – 205 มม. และในแบบ Double Cab, 4X4, Calibre และ Sportech หรือ Black Edition (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 204 – 220 มม.

ส่วนโฉมปัจจุบัน ในรุ่นโฉม Single Cab, King Cab Cab, Double Cab มีระยะต่ำสุดจากพื้น 205 มม. และในแบบ Double Cab, 4X4, Calibre หรือ PRO2X และ PRO4X มีระยะต่ำสุดจากพื้น 205 มม. และ 225 มม.

ในส่วนของ Nissan Navara (รุ่นยกสูง) สามารถลุยน้ำได้ถึง 70 เซนติเมตร แต่ถ้าเป็นโฉมใหม่ในรุ่น PRO2X และ PRO4X ลุยน้ำได้ถึง 80 เซนติเมตรเลยทีเดียว แต่ถ้าจะเอาระยะปลอดภัย ลุยน้ำสูงแค่ 45 เซนติเมตร ตามที่ Nissan เคยบอกเมื่อหลายปีก่อนก็พอละกัน …

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Mitsubishi Triton

4. Mitsubishi Triton

Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) สุดหล่อจอมลุย รุ่นตั้งแต่โฉมปี 2014 – ปัจจุบัน ในรุ่นโฉม Standard Cab, Mega Cab, Double Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 200 มม. และในแบบ Triton Plus, 4X4 และ Athlete (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 200 – 220 มม.

สามารถลุยน้ำได้ลึกสุดถึง 70 – 80 เซนติเมตร (ในรุ่นยกสูง) เลยครับ

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Mazda BT-50

5. Mazda BT-50

อีกหนึ่งในรถกระบะจากค่ายมาสด้า อย่าง Mazda BT-50 PRO (มาสด้า บีที-50) รุ่นตั้งแต่ปี 2011 – 2020 ในรุ่นโฉม Standard Cab, Freestyle Cab และ Double Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 201 มม. และในแบบ Hi-Racer, 4X4 และ Thunder (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 237 มม.

ส่วน Mazda BT-50 ใหม่ ที่เป็นคู่แฝดกันกับ Isuzu D-Max ในรุ่นโฉม Standard Cab, Freestyle Cab และ Double Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 190 – 200 มม. และในแบบ Hi-Racer และ 4X4 (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 235 – 240 มม.

สามารถลุยน้ำลึกได้ถึง 80 เซนติเมตรเช่นกัน ไม่แพ้รถจากค่ายอื่นๆ

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / MG Extender

6. MG Extender

กระบะน้องใหม่ในตลาดรถยนต์บ้านเราอย่าง MG Extender (เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์) ก็มีคุณสมบัติพร้อมลุยไม่แพ้เพื่อนๆ ปิคอัพในระดับเดียวกัน สามารถลุยน้ำได้สูงถึง 70 เซนติเมตร (ตัวเตี้ย) และ 80 เซนติเมตร (รุ่นยกสูง)

ในรุ่นโฉม Giant Cab และ Extended Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 145 มม. และ 183 มม. กับในแบบ Giant Cab และ Extended Cab (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 231 มม.

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Ford Ranger Raptor

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Ford Ranger

7. Ford Ranger

สำหรับรถกระบะ Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) ที่สุดสายลุยทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ในโฉม Hi-Rider, Wildtrak และ 4X4 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2011 – 2021 ทาง Ford เอง รับประกันว่าสามารถลุยน้ำได้ลึกถึง 800 มม. (หรือ 80 เซนติเมตร) ก็อยู่ช่วงประมาณใต้กระจังหน้าของรถ หรือบริเวณใต้โป่งซุ้มล้อของรถ โดยใช้ความเร็วไม่เกิน 7 กม./ชม. ตามที่ระบุไว้ในคู่มือรถ

ส่วนในรุ่นกระบะพื้นฐาน ความสูงปกติ สามารถลุยน้ำที่สูงได้ไม่เกิน 600 มม. (60 เซนติเมตร)

ซึ่ง Ford Ranger โฉมปี 2011 – 2014 ตัวรถมีระยะต่ำสุดจากพื้น 201- 232 มม., โฉมปี 2015 – 2021 อยู่ที่ 230 มม. ส่วนในรุ่น Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) ระยะต่ำสุดจากพื้นอยู่ที่ 281 มม. สามารถลุยน้ำได้ลึกที่สุด 850 มม. (85 เซนติเมตร)

ส่วนประกอบสำคัญๆ ของเครื่องยนต์ ไดชาร์จ ระบบไฟฟ้า ถูกออกแบบมาให้สูงพ้นระดับน้ำดังกล่าว และจุดที่เป็นระบบไฟฟ้าก็หุ้มห่อถึง 2 ชั้น อีกทั้งหม้อกรองอากาศก็ติดตั้งวาล์วกันน้ำเข้าอีกด้วย

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Chevrolet Colorado

8. Chevrolet Colorado

สำหรับ Chevrolet Colorado (เชฟโรเลต โคโรลาโด้) ที่แม้ว่าจะกลายเป็นตำนานไปซะแล้ว (เพราะบริษัทแม่กลับประเทศไป) แต่ความน่าใช้ และความทนทาน ก็ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม

ในรุ่นโฉม S-Cab, X-Cab และ G-Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 187 มม. – 194 มม. กับในแบบ High Country, Z71 และ Z71 4X4 และรุ่นพิเศษต่างๆ (ที่ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 198 – 270 มม.

สามารถลุยน้ำที่สูงถึงระดับ 70 – 80 เซนติเมตร อย่างไม่ลำบากยากเย็นนัก

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่าทางผู้ผลิตรถยนต์จะระบุว่า ลุยน้ำได้ลึกสุดกี่เซนติเมตรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า น้ำจะไม่ได้เข้ามาในรถนะครับ! การขับขี่ให้ใช้เกียร์ 1 หรือเกียร์ต่ำ รักษาความเร็วคงที่ หลีกเลี่ยงคลื่นที่อยู่ด้านหน้าของรถยนต์และอย่าหยุดรถ และต้องระมัดระวังเครื่องยนต์และชุดกรองอากาศ หากน้ำไหลเข้าหม้อกรองอากาศจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

ที่สำคัญ หลังจากการลุยน้ำท่วมมาแล้ว อย่าลืมนำรถไปตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ เกียร์ เบรก ที่อู่ซ่อมรถหรือศูนย์ด้วยนะครับผม

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

ข้อพึงระวังในการล้างอัดฉีด

สวัสดีค่ะ ชาว CARRO กลับมาพบกันกับบทความดีๆ ของทาง Siamcardeal กันนะคะ

ในช่วงนี้ประเทศของเรา ยังคงมีข่าวคราวการระบาดของโควิด-19 กันอยู่นะคะ และช่วงนี้แอดมินนำสาระดีๆ เกี่ยวกับรถยนต์ มาฝากกันเช่นเคยค่ะ หลายท่านอาจจะสงสัยว่าการนำรถเข้ารับบริการล้างอัดฉีด จะช่วยจัดคราบความสกปรกต่างๆ ที่เกาะติดอยู่ตามตัวถังรถได้เป็นอย่างดี แต่ก็มีข้อพึงระวังดังนี้

1. ไม่ควรล้างรถในขณะที่เครื่องยนต์ยังมีอุณหภูมิสูง เพราะจะทำให้ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ที่ยังคงมีความร้อนสะสมอยู่ เกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างกระทันหัน ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายได้

2. น้ำที่แรงดันสูง อาจจะก่อให้เกิดผลเสียกับสีรถ โดยเฉพาะรถเก่าซึ่งสีตามบริเวณขอบมุมต่างๆ อาจจะหลุดล่อนได้ง่าย

3. ไม่ควรใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูง เพราะอาจจะทำให้วัสดุประเภทพลาสติก เสียรูปทรงได้

4. ในขณะฉีดน้ำล้างรถ หัวฉีดควรอยู่ห่างจากตัวรถอย่างน้อย 50 เซนติเมตร เพื่อป้องกันความแรงของสายน้ำ

5. ไม่ควรล้างรถในเวลากลางคืน เพราะความชื้นที่เกิดจากการล้างรถ บริเวณซอกมุมต่างๆ จะแห้งช้า ซึ่งความชื้นดังกล่าวนี้จะป็นสเหตุให้เกิดสนิมได้ง่าย

5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ การขับรถอย่างปลอดภัยนั้น เป็นที่ต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เพราะเมื่อฝนตก ทัศนวิสัยในการขับขี่ย่อมแย่ลง และยังต้องระวังเพื่อนร่วมทางอีก ทั้งคนเดินทาง รถจักรยาน รถมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ

ตามปกติแล้ว ออฟชั่นติดรถที่ธรรมดาสามัญๆ หลายๆ อย่างนั้น ในยุคปัจจุบันก็ถือว่ามีมากกว่ารถในยุคเก่าๆ มาก ซึ่งก็ช่วยให้เราสามารถขับรถได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัยขึ้น แต่หลายคนก็อาจยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำไปว่า ก้าน สวิทช์ หรือออฟชั่นนั้นๆ มีไว้สำหรับใช้เพื่ออะไร? และความเหมาะสมในการใช้งานจริงๆ ต้องเป็นช่วงเวลาไหน หรือว่าแค่ช่วงฝนตกอย่างเดียว?

MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟังถึง 5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตกครับ …

5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

ภาพจาก Web Cartop

1. ไฟตัดหมอก หน้า-หลัง

สำหรับไฟตัดหมอกหน้า-หลัง นอกจากจะใช้เปิดในช่วงที่หมอกลงจัดแล้ว ยังสามารถใช้งานได้ในช่วงที่ฝนตกหนักๆ อีกด้วย เนื่องจากลำแสงของไฟตัดหมอกจะพุ่งตรงไปข้างหน้าหรือหลังได้ดียิ่งกว่า ช่วยให้รถคันอื่นมองเห็นคุณได้จากระยะไกลมากขึ้น ซึ่งไฟตัดหมอก จะเป็นแบบแสงสีขาว หรือแสงสีเหลืองก็ได้

ส่วนไฟตัดหมอกท้าย นิยมใช้เป็นสีแดง เช่นเดียวกับสีของไฟเบรก และจะติดตั้งในมุมเดียวกับพวงมาลัยรถ

แต่ถ้าฝนเบาลงแล้ว ก็อย่าลืมปิดไฟตัดหมอกด้วยนะครับ เพราะลำแสงของมันจะไปแยงตาคนที่เดินผ่าน หรือคนที่ขับรถสวนมาได้ และอาจถูกตำรวจจับปรับได้ด้วย

2. ไล่ฝ้าหน้า-หลัง

ตามปกติแล้ว เวลาฝนเทลงมาในวันที่มีอากาศเย็นๆ มักจะเกิดฝ้าขึ้นบริเวณกระจกหน้า-หลัง ถ้าเป็นด้านหน้า วิธีแก้ง่ายๆ คือการเปิดที่ปัดน้ำฝน เพื่อลบฝ้าบริเวณกระจกหน้าออกได้อย่างรวดเร็ว แต่ตัวฝ้าก็จะเกิดขึ้นมาอย่างเร็วเช่นกัน

วิธีแก้ปัญหา คือ ให้เลื่อนหรือกดสวิทช์แอร์ไปที่ฟังก์ชั่นไล่ฝ้า ซึ่ง ระบบแอร์ก็จะดึงอากาศจากในรถมาเป่าบริเวณกระจกหน้า ให้อุณหภูมิภายในเท่ากับภายนอก บริเวณหน้ากระจกรถฝ้าก็จะหายไป หรือฝ้ายังมีเกิดขึ้นในช่วงที่ฝนหยุดตกแล้ว ให้ลองแง้มหน้าต่างรถยนต์นิดหน่อยก็จะช่วยลดฝ้าที่กระจกได้

ส่วนไล่ฝ้าหลัง จะใช้กระแสไฟวิ่งผ่านเส้นลวดทองแดงที่ฝังอยู่ในกระจกหลัง เมื่อกดปุ่มก็จะเกิดความร้อนที่เส้นทองแเดง ช่วยให้ฝ้าหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่หากเป็นรถรุ่นเก่าๆ ที่ไม่มีระบบตัดไล่ฝ้าอัตโนมัติ ก็ควรปิดทันทีเมื่อฝ้าหายหมดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้กระจกแตก เนื่องจากเปิดทิ้งไว้นานเกินไป

5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

3. ที่ปัดน้ำฝนหน้า-หลัง

นี่จัดว่าเป็นของธรรมดาสามัญมากๆ อีกอย่าง สำหรับชุดที่ปัดน้ำฝนหน้า และที่ปัดน้ำฝนหลัง

ซึ่งในรถยุคใหม่ๆ หลายรุ่นมีติดตั้งระบบเปิด-ปิด ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ซึ่งการทำงานก็จะมี Rain Sensor คอยตรวจจับปริมาณหยดน้ำที่บริเวณกระจกหน้า หรือตรงกระจกมองหลัง เมื่อฝนตกที่ปัดน้ำฝนก็จะทำงานเองโดยอัตโนมัติ คู่ไปกับระบบหน่วงเวลา ซึ่งคุณสามารถปรับเลือกความถี่ในการปัดได้จากก้านปัดน้ำฝน

ส่วนที่ปัดน้ำฝนหลัง โดยส่วนใหญ่มักจะติดตั้งมากับในรถท้ายตัดอย่าง Hatchback (แฮทช์แบค), รถท้ายลาดแบบ Liftback (ลิฟท์แบค) และรถแบบแวกอน เพราะว่า รถยนต์ท้ายตัด จะเกิดลมวนบริเวณท้ายรถค่อนข้างมาก ยิ่งเวลาขับรถด้วยความเร็วสูง ลมที่วนมักจะพัดเอาน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาจากล้อ ไปเป็นละลองน้ำอยู่บนกระจกบานหลัง ทำให้ทัศนวิสัยแย่ลง

4. ฮีตเตอร์ (Heater)

ในอดีต ฮีตเตอร์ เป็นอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิที่ติดตั้งมากับระบบแอร์รถยนต์ในรถยุโรป, รถอเมริกัน หรือรถญี่ปุ่นรุ่นที่นำเข้ามาขาย โดยมากมักเป็นรถที่ใช้ในเขตหนาว หรือเป็นออฟชั่นติดรถมาเป็นพิเศษ (สำหรับขายในเมืองร้อน ฮ่า ฮ่า)

หลักการทำงาน เพียงแค่เลื่อนหรือหมุนไปที่ขีดแดงของส่วนอุณหภูมิระบบแอร์รถยนต์ ฮีตเตอร์ที่มีลักษณะคล้ายๆ หม้อน้ำเล็กๆ เป่าลมร้อนที่ได้มาจากน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์ ผสมกับลมเย็น ผ่านคอยล์เย็นต่อเข้ามายังท่อแอร์ในห้องโดยสารรถ

แต่ในยุคปัจจุบัน รถที่ขายในบ้านเราหลายรุ่น ก็ติดตั้งฮีตเตอร์ (หรือแอร์ร้อน) มาให้แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ ในการเปิดช่วงฝนตก หรือช่วงฤดูหนาว อีกทั้งยังช่วยไล่ความชื้นในระบบแอร์ได้ดีด้วย แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน เช่น คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนักขึ้น กินน้ำมันมากขึ้น หรือถ้าท่อแอร์รั่ว หรือผุ ก็ต้องเตรียมเงินไว้จ่ายเพิ่ม

5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

5. กันสาดรถ

อุปกรณ์ชิ้นนี้ หลายคนอาจมองว่ามีประโยชน์แค่ในช่วงหน้าร้อนอย่างเดียว เพราะสามารถแง้มกระจกรถเอาไว้ให้ระบายความร้อนในรถได้ แต่ในช่วงหน้าฝน ก็มีประโยชน์เช่นเดียวกันครับ นั่นคือ สามารถแง้มกระจกในช่วงฝนตก เพื่อระบายลมหรือกลิ่นที่อยู่ในรถออกไปได้

อีกทั้งน้ำฝนที่ตกลงมา จะไม่มาเกาะติดกระจกด้านข้างประตูมากนัก ทำให้มองเห็นกระจกมองข้างได้ชัดเจนกว่า แต่ข้อเสียก็มีนิดหน่อย ก็แค่ทำความสะอาดยาก หรือเสียงลมบริเวณประตูดังหน่อย เวลาขับรถด้วยความเร็ว หรือถ้ากาวเสื่อม อาจปลิวไปโดนรถคันอื่นได้

และนี่ก็คือสิ่งที่คุณควรรู้กันไว้ ในการขับรถในช่วงหน้าฝนนี้นะครับผม

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ! เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Mazda2 ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai