7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับรถในยุคปัจจุบัน ต้องบอกก่อนเลยว่าพัฒนาดีกว่ารถยนต์ในเมื่อยุค 20 ปีที่แล้ว หรือ 10 ปีที่แล้วมาก อีกทั้งอุปกรณ์มาตรฐานความปลอดภัยที่เคยเป็นของรถยนต์ “ราคาแพง” เมื่อการผลิต เทคโนโลยีได้พัฒนาไปไกล และการผลิตจำนวน ทำให้ต้นทุนถูกลง บวกกับข้อกฎหมายบังคับในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ระบบความปลอดภัยหลายอย่าง มีติดตั้งมาในรถตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น

สำหรับรถยนต์อีกหนึ่งประเภทที่คนไทยนิยมกันทั้งในรูปแบบรถป้ายแดง หรือรถมือสอง คงต้องยกให้ “รถ Eco-Car” (รถอีโค่คาร์) ซึ่งเป็นรถที่ตอบโจทย์คนทำงานในเมือง ด้วยความอเนกประสงค์ในการใช้งาน เครื่องยนต์ขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน แต่ให้กำลังที่เพียงพอต่อการใช้งาน รวมไปถึงค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง

และรถยนต์ Eco-Car ทุกรุ่น คุณภาพไม่ได้น้อยเหมือนราคาตัวรถ แต่ละค่ายต่างก็อัดฟังก์ชั่นต่างๆ มาในรถกันเต็มที่ และยิ่งในช่วงหน้าฝน ฟังก์ชั่นต่างๆ นี้ย่อมได้ใช้ประโยชน์แน่นอน

Mr.Carro เลยขอนำเสนอ 7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน ให้คุณรู้ว่า ที่ติดรถมา ใช้ประโยชน์ตอนไหนได้บ้าง …

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

1. ปัดน้ำฝนหลัง

ปัดน้ำฝนหลัง เป็นอุปกรณ์ธรรมดาสามัญสำหรับรถ Eco-Car แบบ Hatchback ท้ายตัดมาแต่ไหนแต่ไร ที่หลายคนอาจมองไม่เห็นความสำคัญ ว่ามันก็เป็นจุดเด่นได้เหมือนกัน!

เหตุผลที่มีปัดน้ำฝนหลังสำหรับรถ Eco-Car แบบ Hatchback ก็เพราะว่า รถยนต์ท้ายตัด จะเกิดลมวนบริเวณท้ายรถค่อนข้างมาก ยิ่งเวลาขับรถด้วยความเร็วสูง ลมที่วนมักจะพัดเอาน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาจากล้อ ไปเป็นละลองน้ำอยู่บนกระจกบานหลัง ทำให้ทัศนวิสัยแย่ลง

คือถ้าไม่มีปัดน้ำฝนหลังใช้งาน เวลาขับรถตอนฝนตก ตอนเลี้ยว หรือเปลี่ยนเลน คงลำบากหน่อย เมื่อต้องสังเกตรถที่มาจากทางด้านหลังผ่านกระจกมองหลัง

2. ไฟตัดหมอก

ไฟตัดหมอก เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่รถ Eco-Car มีติดตั้งมาให้ในหลายๆ รุ่น ซึ่งนอกจากจะใช้ในช่วงหมอกลงจัดแล้ว ยังพอใช้ในช่วงที่เกิดฝนตกหนัก หรือหนักมาก (เท่านั้น) ได้อีกด้วย ซึ่งในรถบางรุ่น อาจติดตั้งไฟตัดหมอกหลัง มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย

แต่ข้อควรรู้ เมื่อฝนเริ่มซาลง มองเห็นทัศนวิสัยด้านหน้าได้ชัดเจนขึ้น ให้ปิดไฟตัดหมอกทันที เพราะแสงจากไฟตัดหมอกจะไปแยงตารบกวนรถคันที่วิ่งสวนมา! และไม่ควรเปิดพร่ำเพรื่อ เพราะอาจโดนตำรวจจับได้

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

3. ระบบเบรก ABS / EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA

ระบบเบรก ABS จากที่เคยมีในรถราคาแพง ตอนนี้กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่รถ Eco-Car ทุกรุ่นต้องมีให้ ถ้าไม่มีก็เชยแย่เลย

อีกทั้งยังพัฒนาต่อยอดไปเป็นระบบต่างๆ อีกด้วย เช่น ระบบ EBD (ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก), ระบบ ESP / ESC (ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว) และระบบ BA (ระบบเสริมแรงเบรก) เป็นต้น

4. ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (หรือ ESC / ESP)

ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control หรือ Electronic Stability Program) จะช่วยให้คุณทรงตัวรถได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงต้องเร่งความเร็ว และการเข้าโค้ง ระบบนี้จะช่วยลดการลื่นไถล มุดโค้ง หรือแหกโค้งไปได้

จัดเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน ใช้ได้ดีในช่วงฝนตก และยังทำงานร่วมกับระบบ TRC และ ABS/EBD กับ BA อีกด้วย

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

5. ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control System) จะช่วยให้คุณคุมรถตอนฝนตกได้ดีขึ้น เนื่องจากกล่อง ECU จะตรวจจับการทำงานร่วมกับระบบ VSC เมื่อพบว่าล้อใดล้อหนึ่งที่หมุนเร็วกว่าล้อฝั่งอื่นๆ พร้อมส่งสัญญาณไปยังระบบเบรกให้สร้างแรงดันน้ำมันเบรก ไปชะลอความเร็วล้อหลัง และลดกำลังรอบเครื่องยนต์ให้เบาลง

ป้องกันอาการท้ายปัดหรือลื่นของรถ ทั้งในช่วงการออกตัว เข้าโค้ง เมื่อต้องขับด้วยความเร็วในช่วงฝนตก หรือเลี้ยวโค้งช่วงทางโค้ง เป็นต้น ซึ่งจะมีสวิทช์อยู่แถวๆ ด้านคนขับ คุณสามารถเปิด-ปิด การใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้

6. ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA

ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA (Lane Departure Alert) จากฟังก์ชั่นที่มีในรถราคาแพงๆ เมื่อครั้งอดีต ตอนนี้ก็มีเป็นมาตรฐานในรถ Eco-Car ซึ่งถือว่าถือประโยชน์เวลาขับรถตอนฝนตกครับ

ระบบดังกล่าวนี้ จะทำงานร่วมกับกล้องจับภาพหน้ารถที่บริเวณกระจกบังลมหน้า โดยตัวกล้องจะคอยตรวจจับเส้นของช่องทางการเดินรถ (เมื่อรถคุณใช้ความเร็วเกิน 50 กม./ชม. ขึ้นไป ระบบจะเริ่มทำงาน) และส่งเสียงเตือนเมื่อรถคุณไถลออกนอกเลน ยามเกิดถนนลื่น หรือเผลอหลับจนรถเป๋ออก ซึ่งจะมีสวิทช์อยู่แถวๆ ด้านคนขับเช่นกัน คุณสามารถเปิด-ปิด การใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

7. ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านนิรภัยด้านข้าง / หัวเข่าฝั่งคนขับ

ถุงลมนิรภัย ถือเป็นของสามัญในรถ Eco-Car ทุกรุ่น ที่จะช่วยปกป้องชีวิตคุณ ในยามที่ขับรถตอนฝนตกลื่นๆ ได้

จากเดิมที่มีแค่ด้านคนขับ ก็เพิ่มมาทั้งฝั่งผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ม่านนิรภัยด้านข้าง และในบางรุ่นยังมีถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าด้านคนขับอีกด้วย

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

ที่สำคัญ หน้าฝนนี้ ต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง มีสติ ใช้ความเร็วไม่ต้องมาก แค่นี้ก็ปลอดภัยทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทางแล้วล่ะครับ

และสำหรับรถ Eco-Car รุ่นที่มีฟังก์ชั่นดังกล่าว ใน CARRO Automall ก็มีรถให้เลือกมากมายหลายรุ่น ได้แก่ Toyota Yaris, Toyota Yaris ATIV, Nissan March, Nissan Almera, Nissan Note, Mitsubishi Mirage, Mitsubishi Attrage, Suzuki Celerio, Suzuki Swift หรือ Mazda2 เป็นต้น

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

5 รถยนต์น่าซื้อ ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับให้คุณแม่นั่ง

ทุกวันนี้ สังคมไทยจัดได้ว่าเข้าสู่ในยุค “สังคมผู้สูงอายุ” แล้ว แต่บางทีอายุก็เป็นเพียงตัวเลข เพราะผู้สูงอายุหลายคนยังคงมีไฟ มีความกระฉับกระเฉง กำลังกายยังแข็งแรง สามารถทำอะไรเองได้หลายต่อหลายอย่าง โดยไม่ต้องพึ่งพาลูกหลานมาก หรือแม้กระทั่งการขับรถไปซื้อของ หรือไปหาหมอ ก็ขับได้ในระยะทางไม่ไกลมากนัก

อ่านเพิ่มเติม >> เลือกรถยนต์แบบไหน ถึงจะเหมาะกับ วัยเกษียณอายุ!

ลูกๆ หลายคนที่ทำงานจนพอจะมีฐานะขึ้นมาบ้างแล้ว ก็อยากจะตอบแทนพระคุณแม่ ในเดือนแห่งวันแม่ โดยการเลือกรถให้คุณแม่ไว้นั่งสักคัน ซึ่งการเลือกรถให้ผู้สูงอายุนั้น ควรจะเป็นรถยนต์ที่ขับได้ง่าย ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ไม่ซับซ้อนนัก รวมไปถึงความสูงของรถที่มากหน่อย (ถ้าเป็นไปได้) สามารถเข้า-ออก ตัวรถได้ง่าย (ถ้าใครเคยใช้รถโหลดเตี้ยจะรู้ เข้า-ออก บางทีพลาด หัวโขกโดนขอบประตู)

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกสองสิ่ง นั่นก็คือ งบประมาณ และความพึงพอใจของคุณแม่คุณ ว่าอยากได้รถประเภทไหน …

ในวันนี้ CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) จะขอมาแนะนำให้คุณแม่ คุณลูก และทุกท่านรู้จักรถมือสอง 5 แบบที่น่าซื้อมาใช้ ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับให้คุณแม่นั่งกันครับ ว่ามีความน่าสนใจตรงไหนบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่า …

5 รถยนต์น่าซื้อ ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับให้คุณแม่นั่ง

1. รถ Eco-Car

สำหรับรถ Eco-Car (รถอีโคคาร์) มีคุณสมบัติเด่นๆ อยู่หลายอย่าง อาทิ มีเครื่องยนต์ขนาดเล็ก (ตั้งแต่ 1.0 ลิตร – 1.25 ลิตร) พอใช้งานในเมืองได้สบายๆ ประหยัดน้ำมัน รูปทรงขนาดกะทัดรัด หาที่จอดในเมืองง่าย รวมไปถึงฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่าย ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ก็มีมาให้แทบทุกรุ่น แถมยังเป็นรถขายดี ซื้อง่ายขายคล่อง

และศูนย์บริการ กับอะไหล่ ก็มีให้เลือกทั้งแบบแท้ เทียบ เทียม ไม่กระทบถึงรายจ่ายมาก เมื่อถึงเวลาต้องนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ

สำหรับรถ ECO-Car สภาพเยี่ยม ทาง CARRO Automall ก็มีมาให้ท่านเลือกด้วยกันหลายคัน อาทิ

NISSAN MARCH 1.2 E 2017 เทา

NISSAN MARCH 1.2 E 2017 เทา

1. Nissan March 1.2 E ปี 2017 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 50,415 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 245,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2017-E1KJ10.html

TOYOTA YARIS 1.2 E 2018 ขาว

TOYOTA YARIS 1.2 E 2018 ขาว

2. Toyota Yaris 1.2 E ปี 2018 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 100,299 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 389,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2018-D5O3O4.html

SUZUKI SWIFT 1.2 GL 2019 น้ำเงิน

SUZUKI SWIFT 1.2 GL 2019 น้ำเงิน

3. Suzuki Swift 1.2 GL ปี 2019 เลขไมล์ 17,220 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 379,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/suzuki-swift-2019-D26936.html

5 รถยนต์น่าซื้อ ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับให้คุณแม่นั่ง

2. รถ Sub-Compact

ในส่วนของรถ Sub-Compact นอกจากจะเป็นรถขายดีแล้ว มีคุณสมบัติเด่นๆ เพิ่มเติมจากรถประเภท Eco-Car อยู่หลายอย่าง (ซึ่งบางรุ่น ก็ยังสามารถจัดเป็นรถ Eco-Car ได้อีกด้วย) อาทิ มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ขึ้น (ตั้งแต่ 1.3 ลิตร – 1.5 ลิตร) เผื่อให้ลูกหลานไว้ใช้งานได้ด้วย และประหยัดน้ำมัน รูปทรงขนาดกะทัดรัด หาที่จอดในเมืองง่าย รวมไปถึงฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่าย ซึ่งบางรุ่นก็ออกแบบมาให้คล้ายกับรถแบบ MPV ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน มีมาให้แทบทุกรุ่น

ส่วนศูนย์บริการ กับอะไหล่ ก็มีให้เลือกทั้งแบบแท้ เทียบ เทียม ไม่กระทบถึงรายจ่ายนัก เมื่อต้องนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการเช่นกัน

สำหรับรถ Sub-Compact สภาพเยี่ยม ทาง CARRO Automall ก็มีมาให้ท่านเลือกด้วยกันหลายคัน อาทิ

TOYOTA VIOS 1.5 J 2018 ขาว

TOYOTA VIOS 1.5 J 2018 ขาว

1. Toyota Vios 1.5 J ปี 2018 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 48,166 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 399,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-vios-2018-E4N2NX.html

HONDA CITY 1.5 V i-VTEC 2017 เทา-ดำ

HONDA CITY 1.5 V i-VTEC 2017 เทา-ดำ

2. Honda City 1.5 V i-VTEC ปี 2017 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 51,218 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 429,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-city-2017-GJ6QN6.html

HONDA JAZZ 1.5 i-VTEC RS 2018 ส้ม

HONDA JAZZ 1.5 i-VTEC RS 2018 ส้ม

3. Honda Jazz 1.5 RS ปี 2018 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 57,643 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 519,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-jazz-2018-DR1R15.html

5 รถยนต์น่าซื้อ ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับให้คุณแม่นั่ง

3. รถ Crossover SUV

อันนี้สำหรับคุณแม่ที่ชอบแนวลุยๆ หรือแนวบ้านอยู่ต่างจังหวัดหน่อย เพราะรถแนว Crossover SUV หรือ SUV จะมีความใกล้เคียงกับรถเก๋ง และรถประเภท 4WD มาผสมกัน เครื่องยนต์มักมีขนาดตั้งแต่ 1.8 ลิตร ไปจนถึง 2.5 ลิตร ซึ่งก็กินน้ำมันในระดับหนึ่ง และบรรทุกผู้โดยสารได้ 5-7 คน จัดเป็นรถขายดีเช่นกัน

สามารถขับได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง ลุยน้ำท่วมได้ ลุยดินโคลนเบาๆ ได้ ภายในปรับเบาะตามการใช้งานได้ เหมาะสำหรับคุณแม่ ที่ยังทำมาค้าขาย หรือต้องขนสัมภาระ ขนของไปส่งที่ไปรษณีย์บ่อยๆ

สำหรับรถ Crossover SUV สภาพเยี่ยม ทาง CARRO Automall ก็มีมาให้ท่านเลือกด้วยกันหลายคัน อาทิ

HONDA HRV 1.8 EL 2019 เทา

HONDA HRV 1.8 EL 2019 เทา

1. Honda HR-V 1.8 EL ปี 2019 เลขไมล์ 17,617 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 739,000 บาท! รถผู้หญิงมือเดียวใช้งานน้อยมาก

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-hrv-2019-DO11RJ.html

NISSAN X-TRAIL 2.5V 2019 ดำ

NISSAN X-TRAIL 2.5V 2019 ดำ

2. Nissan X-Trail 2.5 V ปี 2019 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 9,048 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 899,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-x-trail-2019-GYP90Q.html

5 รถยนต์น่าซื้อ ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับให้คุณแม่นั่ง

4. รถ PPV

อันนี้สำหรับคุณแม่สายลุยอย่างแท้จริง เพราะรถ PPV นั้นมีพื้นฐานมาจากรถกระบะ ที่นำตัวรถแบบ SUV มาครอบลงไปอีกที เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งแบบเบนซิน และดีเซล มีตั้งแต่ขนาด 2.0 ลิตร ไปจนถึง 3.2 ลิตร และหลายรุ่นยังตกแต่งมาหรูหรากว่ารถเก๋งอีกด้วย

เน้นความแข็งแรง ทนทาน ลุยได้มากกว่า การขับขี่อาจต้องออกแรงหน่อย และนั่งอาจไม่สบายสักหน่อย อาจไม่เหมาะกับคุณแม่ที่อยู่ในวัยสูงอายุนัก ส่วนการดูแลรักษาก็คล้ายกับรถกระบะ ไม่ค่อยจุกจิกอะไรมาก

สำหรับรถ PPV สภาพเยี่ยม ทาง CARRO Automall ก็มีมาให้ท่านเลือกด้วยกันหลายคัน อาทิ

ISUZU MU-X 3.0 (DVD Navi) 2013 เทา

ISUZU MU-X 3.0 (DVD Navi) 2013 เทา

1. Isuzu MU-X 3.0 Ddi Navi ปี 2013 เลขไมล์ 70,060 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 659,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/isuzu-mu-x-2013-GM9R08.html

TOYOTA FORTUNER 2.8 V TRD BLACK TOP 2017 ขาว

TOYOTA FORTUNER 2.8 V TRD BLACK TOP 2017 ขาว

2. Toyota Fortuner 2.8 V TRD Sportivo Black Top ปี 2017 เลขไมล์ 46,531 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 1,119,000 บาท! รถบ้าน เจ้าของคนเดียว

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-fortuner-2017-D8RJY7.html

5 รถยนต์น่าซื้อ ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับให้คุณแม่นั่ง

5. รถ MPV

นี่ล่ะ ถือเป็นขวัญใจของคนมีครอบครัวใหญ่ ญาติพี่น้องเยอะ หรือลูกหลายคนเลยทีเดียว สำหรับรถ MPV ที่สามารถนั่งได้ตั้งแต่ 7-11 คน บางรุ่นมีประตูสไลด์ไฟฟ้า เข้า-ออก ง่าย เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีครอบครัวใหญ่ๆ มีเด็กๆ เป็นได้ทั้งรถผู้สูงอายุ และรถคันที่สองของบ้าน แต่การใช้รถแนวนี้ ก็อาจจะต้องแลกมากับค่าน้ำมัน ราคาตัวรถ และค่าบำรุงรักษาที่มากหน่อยนะ

สำหรับรถ MPV สภาพเยี่ยม ทาง CARRO Automall ก็มีมาให้ท่านเลือกด้วยกันหลายคัน อาทิ

TOYOTA SIENTA 1.5G 2018 เทา

TOYOTA SIENTA 1.5G 2018 เทา

TOYOTA SIENTA 1.5G 2018 เทา

1. Toyota Sienta 1.5 G ปี 2018 เลขไมล์ 36,058 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 479,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-sienta-2018-DR1573.html

HONDA FREED 1.5 SE 2012 เงิน

HONDA FREED 1.5 SE 2012 เงิน

2. Honda Freed 1.5 SE ปี 2012 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 100,299 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 433,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-freed-2012-G0J0NX.html

ถ้าคุณลูกกำลังมองหารถ 5 ประเภทนี้ แล้วอยากซื้อมาให้คุณแม่ใช้งาน หรือคุณแม่จะขับเองก็ดี CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถได้ทั้งภายนอก ภายใน กันแบบ 360 องศา เลยทีเดียว รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ: ข้อมูลรถแนะนำจาก CARRO Automall เป็นข้อมูลรถยนต์ที่มีจำหน่ายในเดือนสิงหาคม 2564 / เลขกิโลเมตร ณ วันตรวจสภาพรถ

เปลี่ยนยางคนละรุ่นยี่ห้อ เลือกใส่คู่หน้าหลังดี

สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาอีกครั้งครับ เกร็ดความรู้เล็กๆน้อย โดย จอร์จ ไทร์บิด ครับ เป็นปัญหาที่เพื่อนๆเจอกันบ่อยครับเมื่อใช้ยางไปได้สักระยะแล้วเกิดเหตุที่จะต้องเปลี่ยนยางเส้นใหม่เพียงหนึ่งเส้นเนื่องจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือเปลี่ยนเป็นคู่เนื่องจากยางสึกแค่คู่เดียวอีกคู่ยังใช้ได้อยู่ หรือไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนยางคู่หน้าและคู่หลังคนละยี่ห้อเรามีข้อสังเกตที่จะยึดว่ายางรุ่นไหนไว้คู่หน้ายางไหนไว้คู่หลังดี เพื่อนๆคงมีข้อสงสัยว่าต้องใส่แบบไหนถึงดีสำหรับการใช้งานยางให้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม เพื่อนๆจะทำอย่างไรวันนี้ จอร์จ มีคำตอบมาให้ครับ

เปลี่ยนยางคนละรุ่นยี่ห้อ เลือกใส่คู่หน้าหลังดี

กรณีแรก ก่อนครับเมื่อเพื่อนๆ เกิดอุบัติเหตุยางแตก หรือ ยางสึกผิดปกติทำให้ต้องเปลี่ยนยาง 1 เส้นจอร์จ แนะนำว่าควรเลือก ยางที่เป็นยี่ห้อและรุ่นเดียวกันกับคู่นั้นๆ ครับ เพราะยางแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่น จะมีการยึดเกาะถนนที่แตกต่างกันครับ หากใส่คนละรุ่น หรือ คนละประเภท จะทำให้ยางที่เกาะถนนมากกว่าทำงานหนักมากกว่าอีกฝั่ง ซึ่งจะส่งผลทำให้ยางที่เกาะถนนมากกว่าจะสึกเร็วกว่า และแถมจะยังมีโอกาสทำให้สูญเสียสมรรถนะในการขับขี่ซึ่งเกิดจากการเกาะถนนที่ไม่เท่ากันของสองฝั่ง และระยะเบรกที่มีความแตกต่างกันครับ ซึ่งจะทำให้ยางใช้งานได้ไม่คุ้มค่า และ ไม่เต็มสมรรถนะแน่นอนครับ แต่ก็จะมีอีกเกร็ดเล็กๆนิดนึงครับ สำหรับเพื่อนที่ใช้งานยางมาสักระยะใหญ่ๆแล้ว แล้วยางสึกไปถึง 50% แล้ว ก็แนะนำให้เปลี่ยนเป็นคู่แทนนะครับเพราะการที่เปลี่ยนใหม่เส้นเดียวจะทำให้เกิดการห่างกันระหว่างยางที่มีดอกยางเต็มๆกับดอกยางตื้นซึ่งจะทำให้ยางที่มีดอกยางเต็มสึกเร็วกว่าปกติและจะใช้ไม่คุ้มค่าครับผม

เปลี่ยนยางคนละรุ่นยี่ห้อ เลือกใส่คู่หน้าหลังดี

แล้วถ้ากรณีที่เราเปลี่ยนยาง 4 เส้น แต่ยางที่เปลี่ยนมีสองรุ่น รุ่นละคู่ เราจะเลือกอย่างไรว่า รุ่นไหนควรไว้คู่หน้า หรือ คู่หลัง จอร์จ แนะนำให้เพื่อนๆ ดูในส่วนของดัชนีความเร็วครับ ยางรุ่นไหนที่มีดัชนีความเร็วมากกว่าให้ไว้คู่หน้าครับไม่ควรไว้คู่หลังเพราะจะทำให้มีโอกาสเสี่ยงในการท้ายปัดมากกว่าครับ เนื่องมาจากว่ายางที่มีดัชนีความเร็วที่สูงกว่านั้น มีโอกาสลอยตัวและยึดเกาะถนนได้ต่ำกว่ายางที่มีดัชนีต่ำครับ ซึ่งจริงๆ แล้วจอร์จก็ไม่แนะนำให้เปลี่ยนแบบนี้ครับ อย่างไรควรเปลี่ยนเป็นรุ่นเดียวกันทั้ง 4 เส้นครับจะเป็นการง่ายในการดูแลของการสลับยาง

เปลี่ยนยางคนละรุ่นยี่ห้อ เลือกใส่คู่หน้าหลังดี

ส่วนถ้าเปลี่ยนยาง 2 เส้นผม แต่คนละรุ่นกันจะไว้คู่หน้าหรือคู่หลัง ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ 80% ต้องคิดว่าต้องเปลี่ยนคู่หน้าแน่ๆ ใช่ไหมละครับ ก็เป็นความคิดที่ถูกประมาณ 50% ครับเพราะมีหลายๆปัจจัยที่อยากให้เพื่อนๆดูเพิ่มเติมครับผม อันดับแรกเลย จอร์จ อยากให้เพื่อนๆพิจารณาก่อนครับว่ายางทั้ง 4 เส้น เราเป็นอย่างไรบ้างครับ โดยปกติถ้าเพื่อนๆที่ไม่ค่อยได้สลับยาง ยางล้อหลังจะอยู่ในสภาพที่ดอกยางจะสึกน้อยกว่ายางคู่หน้า เวลาเราเปลี่ยนสองเส้น แนะนำให้เอายางคู่หลังที่ดอกยางเยอะหรือมีดอกยางเหลือประมาณ 70% ลงมาอยู่ไปใส่ไว้คู่หน้าแทนที่ยางที่ดอกยางหมด และยางใหม่ใส่ไว้คู่หลัง เป็นเพราะว่า ยางหลังมีความสำคัญสำหรับการรีดน้ำมากครับถ้ายางล้อหลังไม่สามารถรีดน้ำได้ดีมีโอกาสทำให้ยางเหินน้ำและเสียการควบคุมจนทำให้เกิดท้ายปัดได้ครับ แต่ถ้าอีกแบบคือ ยางล้อหลังก็ยังใหม่ๆอยู่เลยคุณภาพ 70% ขึ้นไป เราก็เปลี่ยนยางคู่ใหม่ที่คู่หน้าได้เลยครับเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลา สลับล้อหลังขึ้นมาไว้หน้าซึ่งจะทำให้ยางที่สึกมากกว่าสึกเร็วลงไปอีกซึ่งการทำวิธีนี้จะทำให้ยางทั้ง สี่เส้นสึกเสมอกันครับ

แถมอีกนิดนึงครับ กรณีที่ยางคู่หน้าคู่หลังคนละไซส์กัน โดยปกติ แล้วก็คงไม่สามารถสลับยางคู่หน้าคู่หลังได้ ถ้าแนะนำก็ให้เปลี่ยนเป็นคู่ในทุกๆครั้ง หรือ ถ้าใช้ไปได้สักระยะแล้วจริงๆมีเหตุต้องเปลี่ยนหนึ่งเส้นให้เปลี่ยนคู่เหมือนกัน และ เก็บยางอีกเส้นไว้เป็นยางอะไหล่ครับผม เพราะยางกลุ่มรถประเภทนี้ไม่ค่อยมียางอะไหล่ครับ

ก็หวังว่าบทความวันนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังจะเปลี่ยนยางนะครับ เพื่อนๆ สามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ได้ครบถ้วน และช้อปยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ www.tiresbid.com แถมไทร์บิดเรายังมีบริการให้เพื่อนๆต้องการสอบถามเรื่องยาง ล้อยาง โดยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางรถยนต์ได้ผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) ทางทีมงานไทร์บิดยินดีให้คำปรึกษา Tire Specialist เรื่องยาง เรื่องง่าย กันอย่างเต็มที่ครับ นึกถึงยาง นึกถึงไทร์บิดออนไลน์ครับ ทักมาให้พวกเราได้เลยครับผม วันนี้ จอร์จ ขอตัวลาละครับ โอกาสหน้ามีบทความอะไรใหม่ๆ ติดตามกันนะครับ

ไม่หลบรถฉุกเฉิน รถพยาบาลขณะเปิดไซเรน โทษหนัก

ในช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาดหนักมากในประเทศไทย ผู้ป่วยวันละหนึ่งหมื่นกว่าคน และโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มียอดผู้ป่วยวันละสองสามพันคน ทำให้พวกเราได้เห็นรถฉุกเฉิน รถพยาบาล เปิดไซเรนวิ่งรับส่งผู้ป่วยกันบนถนนทุกชั่วโมงเลยก็ว่าได้

แต่ถึงแม้ว่าช่วงนี้ถนนจะโล่งๆ เพราะคนส่วนใหญ่ต่างก็อยู่บ้าน ไม่ออกไปไหนเท่าที่จำเป็นจริงๆ แต่ก่อนหน้านั้นก็ยังมีข่าวที่โลกโซเชียลแชร์คลิปรถแกล้งขับช้าๆ กีดขวางรถฉุกเฉินที่ต้องไปรับหรือส่งผู้ป่วย ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่าการกระทำแบบนี้ ผิดกฎหมายและมีโทษหนักกว่าที่คาดไว้ แต่จะมีอะไรบ้าง MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟัง

รถฉุกเฉิน รถพยาบาล

ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 4 ได้ให้คำนิยามของ “รถฉุกเฉิน” ไว้ว่า รถดับเพลิง และรถพยาบาลของราชการบริหารส่วนกลาง ราชการบริหารส่วนภูมิภาคและราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือรถอื่นที่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีให้ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ หรือให้ใช้เสียงสัญญาณไซเรน หรือเสียงสัญญาณอย่างอื่นตามที่จะกำหนดให้

และมาตรา 76 ระบุว่า เมื่อเห็นรถฉุกเฉินในขณะปฏิบัติหน้าที่ใช้สัญญาณแสงวับวาบหรือได้ยินเสียงสัญญาณไซเรน ผู้ขับขี่ที่อยู่ด้านหน้าต้องให้ทางรถฉุกเฉินไปก่อน หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 500 บาท

รถฉุกเฉิน รถพยาบาล

แม้ว่าโทษปรับจะดูเล็กน้อย แต่ถ้าการกระทำดังกล่าวส่งผลให้ผู้เจ็บป่วยในรถพยาบาล หรือรถฉุกเฉินถึงแก่ชีวิต ก็อาจโดนข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 “ผู้ใดกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” ซึ่งมีโทษต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

ทางที่ดี เมื่อคุณเจอรถฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นรถพยาบาล, รถกู้ชีพ หรือรถประเภทอื่นๆ อย่าง รถตำรวจ, รถทหาร หรือรถที่ได้รับอนุญาตให้ติดตั้งสัญญาณไฟวับวาบ (ไฟไซเรน) ได้อย่างถูกต้องตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย ให้หยุดรถหรือจอดรถให้อยู่ชิดขอบทางด้านซ้าย หรือในกรณีที่มีช่องเดินรถประจำทางอยู่ทางซ้ายสุดของทาง ต้องหยุดรถหรือจอดรถให้อยู่ชิดช่องเดินรถประจำทาง แต่ห้ามหยุดรถหรือจอดรถในทางร่วมทางแยก

สำหรับคนเดินเท้าต้องหยุดและหลบให้ชิดขอบทาง หรือขึ้นไปบนทางเขตปลอดภัย หรือไหล่ทางที่ใกล้ที่สุด ถ้าเป็นผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์ ต้องบังคับสัตว์ให้หยุดชิดทาง แต่ห้ามหยุดในทางร่วมทางแยก

รถฉุกเฉิน รถพยาบาล

หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท ตามมาตรา 76 ทั้งหมด

เมื่อคุณรู้แล้ว ก็อย่าเจตนาทำ หรืออย่าขับรถเฉื่อยชา ในขณะที่รถพยาบาล หรือรถฉุกเฉิน วิ่งมาด้านหลังเลยนะครับ

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

ในช่วงที่เศรษฐกิจของไทย ย่ำแย่ติดต่อกันมาในช่วงหลายปีก่อนหน้า หรือการ Disruption ในหลายวงการอาชีพ หรือจะผลกระทบจากโควิด-19 กำลังระบาดหนักในไทยนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมานี้ ทำให้อาชีพการงานแบบเดิมๆ ที่เคยทำกันมานาน ทั้งบริษัทเล็กๆ แบบ SMEs หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ ได้รับผลกระทบกันมหาศาล ทั้งด้านการท่องเที่ยว สายการบิน การศึกษา ร้านนวด สปา ผับ บาร์ หรือร้านอาหารทั้งร้านเล็ก ร้านใหญ่ สตรีทฟู้ด ต้องปิดตัวกันไปนับแสนราย

10 อาชีพ ขายของบนรถกระบะ รถพุ่มพวง รถเร่ขายของ

ทำให้หลายคนต้องหาทางเอาตัวรอด หาทางสร้างรายได้ สร้างอาชีพใหม่ๆ กันเป็นแถว บางคน อาจจะมีทุนมาก ก็มีสายป่านยาวหน่อย ส่วนคนที่ทุนน้อย ก็อาจต้องลงแรงมากหน่อย เพื่อให้การเริ่มต้นเป็น “นายตัวเอง” ไปต่อได้ ในยุคที่ต้องปรับตัวในการหาเงิน และสู้กับโควิดไปด้วย อย่าง “รถเร่ขายของ” ก็เช่นกัน มีผู้เริ่มมาทำกันมาก ในหลากหลายอาชีพ ทำเลไหนดีก็ขับไปขายทุกวัน ทำเลไหนไม่ดี ก็เปลี่ยนที่ไปได้เรื่อยๆ ไม่ต้องเช่าห้องแถว เช่าที่ให้วุ่นวาย

แถมยังใช้สื่อออนไลน์อย่าง Facebook, IG, YouTube หรือ Twitter เรียกลูกค้ามาพิสูจน์ได้เพียบอีกด้วย! และสามารถควบคุมค่าใช้จ่าย ในแต่ละวันได้ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ซึ่งในวิกฤตช่วงนี้ ก็ยังไม่สิ้นโอกาสทีเดียว

ใครที่มีรถกระบะ Carro จะมาแนะนำ 10 อาชีพ ขายของบนรถกระบะ รถพุ่มพวง รถกับข้าว ใครมีรถ มาเปิดท้ายขายของ ทำได้ทันทีครับ!

10 อาชีพ ขายของบนรถกระบะ รถพุ่มพวง รถเร่ขายของ

ภาพจาก ออนิว ผักซิ่ง

1. รถพุ่มพวง

รถพุ่มพวง เป็นอะไรที่ชาวกรุงคงต้องเห็นกันคุ้นหูคุ้นตาอยู่แล้ว กับรถเร่ขายของไปตามซอย ตามหมู่บ้านต่างๆ พร้อมเปิดเสียงออกลำโพงเรียกลูกค้า ขายผัก ขายกับข้าว บ้างล่ะ

ชื่อของรถพุ่มพวง นั้น ก็มาจากการห้อยสินค้าเป็นห้อยถุงๆ โตงเตงไว้รอบท้ายกระบะ ซึ่งก็ยังไปพ้องกับไปกับชื่อนักร้องลูกทุ่งหญิงในตำนาน พุ่มพวง ดวงจันทร์ อีกต่างหาก ซึ่งรถพุ่มพวงส่วนหนึ่ง มาจากหาบเร่แผงลอย ที่มักจะถูกเทศกิจไล่บ่อยๆ หรือทำเลที่เคยอยู่ค่าเช่าแพง หรือขายไม่ดี จึงเปลี่ยนรูปแบบการขายมาเป็นการขับรถขายของแทน ซึ่งเริ่มเห็นมากขึ้นนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540

ส่วนใหญ่สินค้ามักเป็นของกิน หรือสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก เน้นขับเข้าไปตามซอยลึกๆ ไปตามหมู่บ้านต่างๆ หรือไซต์งานก่อสร้าง ที่ร้านสะดวกซื้อ อาจจะยังเข้าไม่ถึง เอาใจแม่บ้านถึงที่นั่นล่ะ

แต่รถพุ่มพวง อาจจะไม่จำเป็นต้องขายกับข้าวอย่างเดียวเสมอไป อาจจะขายผัก ขายรองเท้า ขายของกินเล่น ก็มี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อมาเป็นแพ็คๆ หรือเป็นกิโล แล้วมาขายปลีก ให้ได้กำไรมากขึ้นครับ

10 อาชีพ ขายของบนรถกระบะ รถพุ่มพวง รถเร่ขายของ

ภาพจาก ร้านบุญมีรับซื้อของเก่า-ข้างรพ.โคกสำโรง

2. รับซื้อของเก่า

อาชีพรับซื้อของเก่า อาจจะเป็นอาชีพที่บางคนดูถูกดูแคลน เพราะต้องอยู่กับของสกปรกทั้งวัน และยังเสี่ยงอันตรายจากสารเคมี เชื้อโรคต่างๆ แต่ก็เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำได้อยู่ ทั้งการนำของเก่าไปรีไซเคิลขาย แถมยังช่วยลดขยะตามบ้านอย่างได้ผลอีกด้วย

บางคนอาจจะยึดอาชีพรับซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าๆ นำไปซ่อมแล้วขายใหม่ แต่บางคนก็อาจจะเน้นรับซื้อพวกกล่องกระดาษเก่า ขวดพลาสติก ขวดเบียร์ เศษเหล็ก กระป๋องอะลูมิเนียม หรือหนังสือเก่า ตามความถนัด ซึ่งถ้ามีประสบการณ์มากขึ้น สามารถผันตัวมาเปิดร้าน หรือเปิดพื้นที่รับซื้อของเก่าได้เลย

10 อาชีพ ขายของบนรถกระบะ รถพุ่มพวง รถเร่ขายของ

ภาพจาก Nongying Siwaporn

3. ขายกาแฟ

ในยุค Work From Home ต้องทำงานอยู่บ้านแบบนี้ มนุษย์เงินเดือนที่เคยติดกาแฟ ต้องสั่งกาแฟแก้วละเป็นร้อยมากิน จะสั่งออนไลน์ก็เจอค่าส่งเยอะ อาจจะไม่ได้ดื่มกาแฟบ่อยเหมือนแต่ก่อน ถ้าคุณมีฝืมือ หรือเคยเรียนชงกาแฟ จะแบบมือสมัครเล่นหรือมืออาชีพมาบ้าง อาจจะนำรถกระบะที่ตัวเองมี วางเครื่องชงกาแฟ ตกแต่งรถอีกหน่อย พร้อมชงกาแฟสดๆ ทำเป็นร้านกาแฟเคลื่อนที่ได้เลย

บางคนอาจจะหารายได้เพิ่ม นอกจากจะขายกาแฟเพียงอย่างเดียวแล้ว ก็อาจจะนำเมล็ดกาแฟให้ขายให้ตามร้านต่างๆ ได้ด้วย เรียกว่ารับรายได้สองทางเลย

10 อาชีพ ขายของบนรถกระบะ รถพุ่มพวง รถเร่ขายของ

ภาพจาก สวนประภัสราพันธุ์ไม้-คลอง15

4. ขายต้นไม้

เป็นที่รู้กันว่าเหล่าบรรดาแม่บ้าน หรือพ่อบ้าน มักนิยมปลูกต้นไม้ไว้รอบๆ บ้าน การเอารถกระบะมาดัดแปลงเป็นรถขายต้นไม้ ไปรับต้นไม้จากสวนมาขายก็น่าจะไปได้สวย ในช่วงเวลาที่คนอยู่บ้าน Work From Home กันเยอะ

ถ้าหากใครอยากรวยเร็วหน่อย ก็อาจจะหาต้นไม้ หรือสมุนไพร ที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันต้านโควิด-19 มาขายในขณะนี้ เช่น ฟ้าทะลายโจร, กระชายขาว, ขมิ้นชัน, ขิง, มะขามป้อม, กระเทียม, สันพร้าหอม หรือต้นสายน้ำผึ้งมาขาย รับรองขายดีจนหามาขายไม่ทันทีเดียว

10 อาชีพ ขายของบนรถกระบะ รถพุ่มพวง รถเร่ขายของ

5. ขายข้าว

ถ้าใครมีอาชีพขายข้าวอยู่ มีหน้าร้านข้าว หรือรู้จักกับคนที่ทำงานโรงสีข้าว ก็ลองเอารถกระบะที่มี หาข้าวหลายๆ ชนิด หรือข้าวสารเป็นถุงๆ ใส่รถกระบะไปแบ่งขายตามหมู่บ้านต่างๆ ก็ได้ เพราะอย่างไรทุกคนก็ต้องกินข้าว

 

10 อาชีพ ขายของบนรถกระบะ รถพุ่มพวง รถเร่ขายของ

ภาพจาก Tee Motor

6. ขายผลไม้

นี่ก็จัดว่าเป็นอาชีพยอดฮิตของรถเร่ขายของเลยทีเดียว ซึ่งบางส่วนอาจมีสวนของตนเอง หรือมีแหล่งรับผลไม้จากสวน จากตลาดไท หรือตลาดสี่มุมเมือง ทางที่ดีคุณควรรับผลไม้จากสวน ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง เน้นอย่าขายแพง แต่ขายให้หมดไวๆ จะได้ไม่ต้องเสี่ยงขาดทุน เนื่องจากผลไม้สุก งอม หรือเน่าซะก่อน

สำหรับผลไม้ที่นิยมนำใส่รถกระบะมาขาย ก็มีอยู่หลากหลายประเภท โดยมากมักเป็นผลไม้ตามฤดูกาล อาทิ ส้ม, กล้วย, มังคุด, สัปปะรด, เงาะ, ขนุน, มะขาม, ทุเรียน, ลิ้นจี่, ลองกอง, ลางสาด, มะม่วง, ฝรั่ง, มะพร้าว, มะละกอ เป็นต้น ซึ่งผลไม้ที่เหลือจากขาย บางอย่างนำมาแปรรูป เช่น กวน เชื่อม เป็นสินค้าใหม่ขายได้อีก

10 อาชีพ ขายของบนรถกระบะ รถพุ่มพวง รถเร่ขายของ

ภาพจาก ซูซูกิ101โปรดีby_yu

7. ขายก๋วยเตี๋ยว

บางคนอาจจะเคยเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว หรือเคยเป็นลูกมืออยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว เอารถกระบะที่มีมาดัดแปลงทำเป็นรถ Food Truck (ฟู้ดทรัค) ขายก๋วยเตี๋ยวก็น่าสนใจ อาจจะต้องลงทุนมาหน่อยในการเตรียมเครื่องครัว วัตถุดิบต่างๆ หาที่จอดขายตามหมู่บ้าน หรือตามซอยก็ได้

ซึ่งก็สามารถทำได้หลากหลายประเภท ตั้งแต่ก๋วยเตี๋ยวไก่ ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ, ก๋วยเตี๋ยวหมู, ก๋วยเตี๋ยวเป็ด, เย็นตาโฟ, บะหมี่น้ำ, บะหมี่หมูแดง, บะหมี่เป็ดย่าง, บะหมี่ไก่ตุ๋น, บะหมี่เป็ดตุ๋น หรือก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ เป็นต้น เหมาะสำหรับคนมีฝืมือด้านการทำอาหารเลย

10 อาชีพ ขายของบนรถกระบะ รถพุ่มพวง รถเร่ขายของ

ภาพจาก Cut In Car Barbertruck

8. ทำร้านตัดผม

ช่วงโควิด-19 ระบาด ทำให้หลายคนออกไปนอกบ้านเท่าที่จำเป็นเท่านั้น แถมร้านตัดผมก็ปิด จนผมยาวรุงรังกันไปหมด ถ้าใครเคยเรียนทำผม เรียนตัดผมมา นี่จัดว่าเป็นทางออกที่เหมาะเหม็งมากในยุคนี้ คือการดัดแปลงรถกระบะ ติดแอร์ ทำเป็น “บาร์เบอร์ทรัค” ร้านตัดผมเคลื่อนที่

สะดวกนัดเจอคนตัดเมื่อไหร่ ก็ไปบริการถึงที่ได้เลย พอหลังจากตัดผมคนแรกเสร็จ ก็จะทำความสะอาดภายในก่อน ที่จะให้ลูกค้าคนต่อไปขึ้นมาต่อ ถือเป็นการตอบโจทย์ให้กับลูกค้าในช่วงสถานการณ์โควิด เพราะให้บริการถึงที่ ไม่ต้องเสียค่าเช่าร้านด้วย

10 อาชีพ ขายของบนรถกระบะ รถพุ่มพวง รถเร่ขายของ

9. ขายของเบ็ดเตล็ด

ขายของเบ็ดเตล็ด อย่างอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้าน ไม้กวาด ไม้ถูพื้น เสื้อผ้ารองเท้า ขันน้ำ กะละมัง ฯลฯ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่ขายตามหมู่บ้านในยุคนี้อาจรายได้ไม่เยอะนัก เพราะส่วนใหญ่ผู้คนมักนิยมสั่งซื้อสินค้าออนไลน์กันเป็นหลัก อาจจะลองขายตามไซต์งานก่อสร้าง หรือโซนที่เป็นชุมชน มีตลาด มีแม่บ้านอยู่เยอะๆ น่าจะขายได้หน่อย

สำหรับข้อดีของการขายของเบ็ดเตล็ด คือของเก็บไว้ได้นาน ไม่ต้องกังวลในเรื่องของเน่าบูด หมดอายุ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยต้นทุนที่สูงหน่อย

10 อาชีพ ขายของบนรถกระบะ รถพุ่มพวง รถเร่ขายของ

ภาพจาก Nattapon Yoowattana

10. รถรับจ้าง

สำหรับใครที่ไม่ได้มีทุนรอนมากมายในการลงทุนซื้อของมาขาย หรือทำอาหารขาย ก็ลองเอารถกระบะที่มีมาเป็นรถรับจ้างก็ได้ ตามป้ายประกาศที่ติดตามเสาไฟฟ้าเยอะๆ นั่นล่ะ ตั้งแต่ไปขนของ ส่งของ ย้ายบ้าน ย้ายหอพัก เป็นต้น

เพียงแต่รถกระบะที่จะนำมาทำเป็นรถรับจ้าง ควรเป็นรถกระบะตอนเดียว ที่มีคอกด้านหลังสูงๆ หน่อยนะ เพราะงานนี้เน้นขนกันจริงๆ

นี่ก็จัดว่าเป็นแนวทางให้คุณลองนำไปใช้ดูนะครับ ซึ่งการดัดแปลงรถ อาจต้องใช้งบประมาณตั้งแต่หลักหมื่น ไปจนถึงหลักแสน ในช่วงเริ่มแรก และต้องคำนวณต้นทุนกำไรในแต่ละวัน โดยรถเร่บางอาชีพ รายได้อาจดีกว่างานประจำ แต่ใช่ว่าทุกคนที่ขายจะมีรายได้แบบนี้ บางวันเกิดฝนตก ขายไม่ได้เลยก็มี ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับทำเลขาย เวลาออกขายในแต่ละวัน ซึ่งคุณอาจคว้าโอกาสรายได้เดือนละครึ่งแสนก็เป็นได้นะ จะบอกให้

CARRO Automall

ส่วนใครที่กำลังมองหารถกระบะคันที่ใช่ มาใช้ในการทำรถพุ่มพวง รถกับข้าว รถเร่ขายของ หรือรถส่งของ Carro จัดเต็มทั้งราคาและคุณภาพ ให้ทุกท่านสามารถเป็นเจ้าของรถกระบะคุณภาพดี ราคาโดนใจ และยังอุ่นใจไปอีกขั้น นอกจากจะผ่านการตรวจสอบรถยนต์ด้วยคุณภาพ 160 จุดอย่างละเอียด จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เรายังรับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี รับประกันไม่กรอไมล์ และรับประกันไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม อีกด้วย! และเรายังมีบริการสินเชื่อรถยนต์จาก Genie เพื่อคุณอีกด้วย

เลือกชม ซื้อรถ หรือจองรถออนไลน์ของ Carro ผ่านหน้าตลาดรถ (คลิกที่นี่) หรือติดต่อผ่าน Inbox ใน Fanpage Carro Thailand

หรือคุณสามารถเลือกชมรถด้วยตนเองได้ที่ Carro Automall สาขาใกล้บ้านท่านได้แล้ววันนี้ ทั้งสาขาดอนเมือง สาขาศรีนครินทร์ และสาขาเกษตรนวมินทร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 18.30 น.

Carro Automall สาขาดอนเมือง

Carro Automall สาขาดอนเมือง ตั้งอยู่ ณ 292 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาศรีนครินทร์

Carro Automall สาขาสวนหลวง ตั้งอยู่ ณ 37/91 ซ.ศรีนครินทร์ 55 (ซอยพรีเมียร์ 1 แยก 1) (ติดฝั่งสวนหลวง ร.9) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์

และ Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์ ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

รวมถึงศูนย์บริการลูกค้า Carro Customer Experience Center

สาขา Lotus’s บางกะปิ ชั้น 2 เลขที่ 3109 ถ. ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตโลตัสบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s ศรีนครินทร์ ชั้น 1 เลขที่ 9 หมู่ที่ 6 ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s พระราม 1 ชั้น 3 เลขที่ 31 ถ.พระราม1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s บางใหญ่ ชั้น 1 เลขที่ 90 หมู่ 5 ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

ดูเส้นทาง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @Carrothai ครับ

วิธีดูแลรักษายางรถยนต์ง่ายๆ เบื้องต้น

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ชาว CARRO จอร์จเป็นห่วงเพื่อนจริงๆ ครับเห็นเพื่อนๆ เห็นใช้รถกันแต่ไม่ค่อยดูแลยางเท่าไหร่ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญมากๆในเรื่องความปลอดภัย วันนี้เลยอยากมาแนะนำการดูแลยางเบื้องต้นกันครับทำง่ายๆ แต่ทำให้ขับรถปลอดภัยหายห่วงแน่นอนครับจะได้ปลอดภัยต่อต่อเองและเพื่อนร่วมทางครับ แนะนำกันเลยนะครับเพื่อไม่ให้เสียเวลา

วิธีดูแลรักษายางรถยนต์ง่ายๆ เบื้องต้น

สเต็ปแรกเลยครับ จอร์จแนะนำ ก่อนขึ้นรถควรเดินวนดูรอบรถซะหน่อยครับดูก่อนเลยว่ายางมีปัญหารึเปล่า เช่น ยางแบน มีตะปูคาอยู่ที่ยาง ยางบวม และ ยางปริแตก เพราะสามารถสังเกตได้ง่ายๆ โดยกรณีความเสียหาย หากยางรั่วและตะปูตำควรทำการซ่อมทันที  กรณียางบวม และยางปริแตกความเปลี่ยนยางทันที  เชื่อกันไหมครับต่างประเทศทำสถิติมาแล้วครับการเดินเช็กสภาพรอบรถประจำวัน ช่วยลดอุบัติเหตุได้ถึง 50% เลยนะครับเพราะฉะนั้นเสียเวลากันสักนิดนะครับไม่ถึง 1 นาทีปลอดภัยขึ้นอีกเยอะครับ 

ข้อแนะนำเพิ่มเติมครับจริงๆแล้วอยากแนะนำว่ารถทุกคันควรมียางอะไหล่ หรือเครื่องเติมลมฉุกเฉินไว้ในรถครับเพราะว่าโดยปกติส่วนมากที่มีปัญหารายวันก็คือยางรั่วซึ่งทำให้ยางแบนครับกรณีนี้ถ้ามียางอะไหล่ควรเปลี่ยนยางอะไหล่แต่อาจจะทำให้เราเสียเหงื่อยเยอะหรือบางคนอาจจะทำไม่เป็น แต่ถ้ามีเครื่องเติมลมฉุกเฉิน เราแค่เติมลมเข้าไปให้ปกติ และขับรถไปหาร้านยางต่อได้ครับซึ่งจะสะดวกรวดเร็วขึ้นมากในกรณีเร่งด่วนครับ ถ้าหากเพื่อนๆไม่มีทั้งสองอย่างกลายเป็นว่าเราต้องเรียก บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือ บดยางไปหาร้านยางซึ่งมีโอกาสทำให้ยางเสียหายได้จะทำให้เราอาจมีค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากยางที่เพิ่มขึ้นได้ครับ

วิธีดูแลรักษายางรถยนต์ง่ายๆ เบื้องต้น

สเต็ปต่อมา อาจต้องลงมือทำ และ อาจจะต้องเสียเหงื่อบ้างครับ แต่ทำไม่บ่อยครับ จอร์จ แนะนำให้เช็ก อาทิตย์ละครั้งครับ คือเช็กในเรื่องของ ลมยาง ความลึกดอกยาง และ สภาพยาง  ซึ่งสามารถทำได้พร้อมๆกันครับ โดยในส่วนของเช็กลมยางควรเช็กและเติมลมตามที่รถแต่ละคันระบุไว้ที่ประตูข้างคนขับ ซึ่งเป็นค่าลมยางที่เหมาะสมกับรถที่สุดขยายความครับ ค่าเติมลมยางที่ผู้ผลิตรถแนะนำมาจะเป็นค่าที่ทำให้รถและยางสามารถตอบสนองการขับขี่ได้ดีที่สุดโดยคำนวณจากหลักทางวิศวยานยนต์ครับ แต่ถ้าความรู้สึกในการขับไม่ได้อาจจะปรับเพิ่มลดได้อยู่ครับ 1-3 PSI การเติมลมยางไม่ว่าจะเติมลมธรรมดาหรือลมไนโตรเจนถ้าเราเช็กลมยางเป็นประจำแทบจะไม่มีความแตกต่างของอายุการใช้งานของยางเท่าไหร่ครับ แต่ถ้าเพื่อนๆแทบไม่ได้เช็กเลยก็แนะนำว่าให้เติมลมไนโตรเจนดีกว่าเพราะการซึมออกจะช้ากว่าลมปกติ 

วิธีดูแลรักษายางรถยนต์ง่ายๆ เบื้องต้น

แต่ถึงอย่างไรก็ตามควรเช็กลมอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้งครับ  และในขณะที่เติมลมยาง เราก็สามารถดูความลึกดอกยางและสภาพยางไปด้วยได้ครับ โดยความลึกดอกยาง ยางทุกเส้นนั้นจะมีสะพานยางอยู่ตรงร่องดอกยาง หากดอกยางสึกจนถึงสะพานยางแล้วนั่นหมายถึงยางควรจะต้องเปลี่ยนยางแล้ว เพราะยางนั้นจะรีดน้ำได้ไม่ดีส่งผลทำให้การยึดเกาะถนนบนพื้นเปียกได้ไม่ดีไปด้วย มีโอกาสทำให้เกิดการเหินน้ำของยางได้ครับ ส่วนในยางเสื่อมสภาพนั้น ยางจะมีสภาพยางแข็งกระด้างและแตกลายงาซึ่งทั้งสองกรณีของดอกยางหมดและยางเสื่อมสภาพก็ควรเปลี่ยนยางครับเพราะยางหมดประสิทธิภาพการใช้งานครับ

แต่ต้องของอธิบายเพิ่มเติมนิดนึงครับสำหรับการแตกลายงาโดยปกติแล้วยางเมื่อเจอความร้อน เจอความเย็นเจอฝน เจออากาศเมื่อเป็นระยะเวลานานๆมีโอกาสที่จะแตกลายงาได้อยู่แล้วครับ ซึ่งเบื้องต้นถ้าการแตกลายงาแค่ผิวเล็กๆอันนี้ถือเป็นเรื่องปกติครับถ้าทางเทคนิคจะเรียกว่า OZONE Crack ครับแต่ถ้ามันลายงาลึกไปถึงชั้นโครงยาง หรือ รอยลายงากว้างเกินไปอันนี้ถึงจะเรียกว่ายางเสื่อมสภาพครับผม ซึ่งก็ควรเปลี่ยนยางใหม่เพื่อให้ยางสามารถเกาะถนนกลับมามีประสิทธิภาพการใช้งานได้ดีเหมือนเดิมครับ

จอร์จ ขอแนะนำเลยครับ สเต็ปแรกควรทำทุกวันครับเพราะง่ายที่สุด ส่วน สเต็ปที่สองก็อาทิตย์ถึงสองอาทิตย์ครั้งครับ จอร์จ เป็นห่วงเพื่อนๆทุกคนครับ อยากให้ขับรถกลับบ้านหาคนที่เรารักได้อย่างปลอดภัยครับ เพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ได้ครบถ้วน และช้อปยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ www.tiresbid.com แถมไทร์บิดเรายังมีบริการให้เพื่อนๆต้องการสอบถามเรื่องยาง ล้อยาง โดยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางรถยนต์ได้ผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) ทางทีมงานไทร์บิดยินดีให้คำปรึกษา Tire Specialist เรื่องยาง เรื่องง่าย กันอย่างเต็มที่ครับ นึกถึงยาง นึกถึงไทร์บิดออนไลน์ครับ ทักมาให้พวกเราได้เลยครับผม วันนี้ผมขอไปหาคนที่รักก่อนครับแล้ววันหลัง จอร์จ จะมาแนะนำเรื่องอื่นๆครับ ขอบคุณมากครับ

ชื่อโควิดสายพันธุ์ต่างๆ ตรงกับชื่อรุ่นรถยนต์ชื่อดัง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

นับตั้งแต่การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มต้นจากในประเทศจีน เมื่อช่วงปลายปี 2019 ก่อนจะเริ่มระบาดไปทั่วโลกตั้งแต่ในช่วงต้นปี 2020 เป็นต้นมา ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับโลกใบนี้อย่างมหาศาล มีจำนวนผู้ป่วยในทั่วโลก ถึงปัจจุบันแล้วกว่าหนึ่งร้อยกว่าล้านคน ผู้เสียชีวิตอีกสามล้านกว่าคน รวมถึงคนที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจสายการบิน ผับ บาร์ ร้านนวด หรือหน้าที่การงาน ฯลฯ อีกนับพันล้านคนทั่วโลก!

เมื่อโควิด-19 เกิดการกระจายไปยังประเทศต่างๆ เจ้าตัวไวรัสเองก็สามารถกลายพันธุ์ เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม พัฒนาตัวเองให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่นั้นๆ ได้เองตามธรรมชาติ และเชื้อ Sars-CoV-2 ที่ก่อโรคโควิด-19 ก็เกิดการกลายพันธุ์ขึ้นหลายพันครั้ง ในหลายประเทศด้วยกัน …

จนผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข หรือคนทั่วไป มักจะเรียกโควิดสายพันธุ์ต่างๆ ที่กลายพันธุ์ว่า สายพันธุ์อินเดีย, สายพันธุ์บราซิล, สายพันธุ์แอฟริกาใต้ หรือสายพันธุ์อังกฤษ เป็นต้น เพื่อให้ง่ายต่อการอ้างอิงถึง

ซึ่งสร้างความไม่พอใจ สำหรับผู้คนในประเทศนั้นๆ นัก …

WHO หรือ องค์การอนามัยโลก จึงตัดสินใจใช้ระบบเรียกชื่อของเชื้อโรคโควิดสายพันธุ์ต่างๆ ตามอักษรกรีก แทนการเรียกด้วยชื่อประเทศหรือสถานที่ เพื่อลดการตราหน้า หรือการเลือกปฏิบัติต่อพลเมืองที่มาจากประเทศที่มีเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์

แต่ชื่อที่ว่านี้ มันดันพ้องกับชื่อรุ่นรถยนต์ ทั้งในปัจจุบันและอดีตเสียด้วยสิ แต่จะมีรุ่นไหนบ้าง MR.CARRO จะเล่าให้ฟัง

Toyota Alphard / โตโยต้า อัลฟาร์ด

1. Alpha (อัลฟ่า) หรือโควิดสายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7)

Alpha (อัลฟา) (Αα) หรือแอลฟา เป็นอักษรกรีกตัวที่ 1 และเป็นเลขกรีกที่มีค่าเท่ากับ 1

แอลฟามีที่มาจาก Aleph (อาเลฟ) ซึ่งเป็นอักษรฟินิเชียและฮีบรู เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงวัวตัวผู้ หรือผู้นำ

นอกจากนี้ Alpha ยังเป็นรากในการกำเนิดอักษรตัวอื่นด้วย เช่น เอ (A) ในภาษาลาติน และ อา (A) ในอักษรซีริลลิกในภาษาอังกฤษ

คำว่า “แอลฟา” ซึ่งเป็นคำนาม มีความหมายว่า “การเริ่มต้น” หรือ “อันดับแรก” (ในอนุกรมหรือลำดับ) ซึ่งสอดคล้องกับรากศัพท์ในภาษากรีก

และคำว่า “Alpha” ยังเป็นคำที่นำมาใช้ตั้งชื่อรถยนต์ “Toyota Alphard” (โตโยต้า อัลฟาร์ด) อีกด้วย โดยโตโยต้าเริ่มนำชื่อนี้มาใช้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2002 – ปัจจุบัน

โดย Toyota สื่อความหมายของชื่อนี้ว่ามาจากดาว Alpha Hydre ซึ่งเป็นดาวที่สว่างที่สุด ในกลุ่มดาวงูไฮดรา มีความสว่างปรากฏ +2.0 อยู่ห่างออกไปประมาณ 177 ปีแสงจากดวงอาทิตย์ มีสเปคตรัม K3 จึงมีสีส้มแดง และตอนนี้ อัลฟาร์ดได้พัฒนาเลยขั้นวิถีหลัก (Main-Sequence) ไปแล้ว โดยกำลังอยู่ช่วงการเปลี่ยนไปสู่ดาวยักษ์สีส้ม

ชื่อ Alphard มาจากภาษาอารบิกว่า Al-Fard ซึ่งหมายความว่า สิ่งที่โดดเดี่ยว (The Solitary One) เนื่องจากไม่มีดาวฤกษ์สว่างดวงอื่นอยู่ใกล้มันเลย ชาวอาหรับรู้จักอัลฟาร์ดในชื่อ “สันหลังของงู” โดยมีความหมายที่คล้ายกับในภาษากรีกเช่นเดียวกัน

Lancia Beta / แลนเซีย เบต้า

2. Beta (เบตา) หรือโควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351)

Beta (เบตา) (Ββ) หรือบีตา เป็นอักษรกรีกตัวที่ 2 และเป็นเลขกรีกที่มีค่าเท่ากับ 2 ในภาษากรีกโบราณ ซึ่ง บีตา ยังเป็นรากในการกำเนิดอักษรอื่นด้วย เช่น อักษรโรมัน (B) และอักษรซีริลลิก (Б) และ (В)

โดย Beta ถูกใช้เป็นชื่อรุ่นของรถยนต์ Lancia ในรุ่น Lancia Beta (แลนเซีย เบต้า) (828) ในปี 1972 – 1984 ซึ่งในไทยเองก็เคยมีประกอบขาย ทั้งในแบบ Berlina 4 ประตู แบบ Fastback และแบบ Coupe 2 ประตู

Lancia Gamma / แลนเซีย แกรมม่า

3. Gamma (แกรมมา) หรือโควิดสายพันธุ์บราซิล (P.1)

Gamma (แกรมมา) (Γγ) เป็นอักษรกรีกตัวที่ 3 และเป็นเลขกรีกที่มีค่าเท่ากับ 3 และยังใช้เป็นสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น γ ใช้เป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น ใช้แทนรังสีแกมมา, อนุภาคโฟตอน, ตัวคูณลอเรนซ์ในทฤษฎีสัมพัทธภาพ

หรือแทนอัตราส่วนของความร้อนจำเพาะภายใต้สภาวะความดันคงที่ กับปริมาตรคงที่ CP/CV ในอุณหพลวัตศาสตร์ และแทนค่าคงตัวออยเลอร์-แมสเชโรนี (Euler–Mascheroni Constant)

และ Gamma นี้ ยังถูกใช้เป็นชื่อรุ่นของ Lancia Gamma (แลนเซีย แกรมม่า) (830) ในปี 1976 – 1984 เป็นรถรุ่นใหญ่ของ Lancia ทั้งในแบบ Berlina 4 ประตู แบบ Fastback และแบบ Coupe 2 ประตู

รวมไปถึงรถจักรยานยนต์รุ่นดังอย่าง Suzuki RG Gamma (ซูซูกิ อาร์จี แกรมม่า) อันโด่งดังในยุค 80 และ 90 อีกด้วย

Lancia Delta HF Integrale EVO / แลนเซีย เดลต้า

4. Delta (เดลต้า) หรือโควิดสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617.2)

Delta (เดลต้า) (Δδ) เป็นอักษรกรีกตัวที่ 4 และมีค่าของเลขกรีกเท่ากับ 4 ใช้แทนตัวอักษร d เมื่อมีการใช้งานแทนแล้ว

สำหรับ Delta ถูกใช้เป็นชื่อรุ่นรถของ Lancia เช่นเคย โดย Lancia Delta (แลนเซีย เดลต้า) (831) รถ 5 ประตู Hatchback ผลิตขึ้นตั้งแต่ปี 1979 – 1999 ซึ่งเป็นรุ่นที่โด่งดังในด้านแรลลี่ และนำกลับมาใช้อีกครั้งในปี 2008 – 2014

Lancia Epsilon Corsa / แลนเซีย เอปไซลอน

5. Epsilon (เอปไซลอน) หรือโควิดสายพันธุ์สหรัฐ (B.1.427 / B.1.429)

Epsilon (เอปไซลอน) (Εε) เป็นอักษรกรีกตัวที่ 5 และมีค่าของเลขกรีกเท่ากับ 5

สำหรับ Epsilon ถูกใช้ในรถ Lancia Epsilon (แลนเซีย เอปไซลอน) ที่ผลิตขึ้นระหว่างปี 1911 – 1912

Lancia Zeta / แลนเซีย ซีต้า

6. Zeta (ซีต้า) หรือโควิดสายพันธุ์บราซิล (P.2)

Zeta (ซีต้า) (Ζζ) เป็นอักษรกรีกตัวที่ 6 และมีค่าของเลขกรีกเท่ากับ 7

Zeta ก็ยังคงถูกใช้เป็นชื่อรุ่นของรถ Lancia อีกเช่นเคยครับ โดยใช้ใน Lancia Zeta (แลนเซีย ซีต้า) ที่ผลิตขึ้นตั้งแต่ปี 1912–1914 และถูกนำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบรถ MPV เมื่อปี 1994 – 2001

Lancia Theta / แลนเซีย ธีตา

7. Theta (ธีตา) หรือโควิดสายพันธุ์ที่พบในหลายประเทศ (B.1.525)

Theta (ธีตา) (Εε) หรือเธตา เป็นอักษรกรีกตัวที่ 8 และมีค่าของเลขกรีกเท่ากับ 9 ปัจจุบันใช้แทนค่ามุมใดๆ ในทางคณิตศาสตร์ หรือ แทนมุมหักเห มุมตกกระทบ และมุมสะท้อนของแสงในทางวิทยาศาสตร์

สำหรับ Theta ถูกใช้ในรถ Lancia Theta (แลนเซีย ธีตา) ที่ผลิตขึ้นระหว่างปี 1913 – 1918

Lancia Jota / แลนเซีย โจตา

8. Iota (ไอโอตา) หรือโควิดสายพันธุ์สหรัฐ (B.1.526)

Iota (ไอโอตา) (Ι ι) หรือโยตา เป็นอักษรกรีกตัวที่ 9 และมีค่าของเลขกรีกเท่ากับ 10

สำหรับ Iota ถูกใช้ในรถ Lancia Jota (แลนเซีย โจตา) (มาจากคำว่า Djota หรือ Eptajota ซึ่งมีความหมายเดียวกับคำว่า Iota) ที่ผลิตขึ้นระหว่างปี 1915 – 1935

Lancia Kappa / แลนเซีย แคปปา

9. Kappa (แคปปา) หรือโควิดสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617.1)

Kappa (แคปปา) (Κκ) หรือกาปา เป็นอักษรกรีกตัวที่ 10 และมีค่าของเลขกรีกเท่ากับ 20

สำหรับ Kappa ถูกตั้งเป็นชื่อรถ Lancia Kappa (แลนเซีย แคปปา) ที่ผลิตขึ้นระหว่างปี 1919 – 1922 และกลับมาผลิตใหม่อีกครั้งในปี 1994 – 2000 ในรูปลักษณ์ของรถหรูหรา

Mitsubishi Galant Lambda / มิตซูบิชิ กาแลนท์ แลมด้า

10. Lambda (แลมบ์ดา) หรือโควิดสายพันธุ์เปรู (C.37)

Lambda (แลมบ์ดา) (Λλ) หรือแลมด้า เป็นอักษรกรีกตัวที่ 11 มีค่าของเลขกรีกเท่ากับ 30 และใช้ในสมการต่างๆ -ฟิสิกส์ แทนความยาวคลื่น

สำหรับ Lambda ถูกตั้งเป็นชื่อรถ Lancia Lambda (แลนเซีย แลมด้า) ที่ผลิตขึ้นระหว่างปี 1922 – 1931 และถูกใช้เป็นชื่อรุ่นย่อยของรถ Mitsubishi Galant Lambda (มิตซูบิชิ กาแลนท์ แลมด้า) รถสปอร์ตสุดหรู 2 ประตู จากค่ายมิตซูบิชิ ที่ผลิตในปี 1976 – 1984

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

5 เหตุผลสำคัญ ที่คนสมัยนี้ ถึงไม่เลือกขับรถเกียร์ธรรมดา

คุณเคยสังเกตกันบ้างไหมครับ รถยนต์ในบ้านเราตอนนี้ โดยเฉพาะรถเก๋งมือสอง ที่ขายกันตามท้องตลาด 70-80% มักจะเป็นรถยนต์เกียร์อัตโนมัติกันหมดแล้ว ส่วน “เกียร์ธรรมดา” นั้น รถยนต์นั่งที่เป็นเกียร์ธรรมดา มีตัวเลือกให้เลือกกันน้อยมากตามความนิยม เหลืออยู่เพียงแค่ Eco-Car 7-8 รุ่นเท่านั้น ที่เน้นราคาประหยัด หรือขายกลุ่มวัยรุ่นเอาไปแต่งซิ่งหน่อยๆ และรถกระบะ ที่ส่วนใหญ่ยังเป็นเกียร์ธรรมดา เนื่องจากการดูแลรักษาง่ายกว่า และความทนทานในการใช้งาน

อ่านเพิ่มเติม >> 7 อันดับ รถเกียร์ธรรมดาป้ายแดง ที่ค่ายรถยังผลิตขายในปี 2021

อ่านเพิ่มเติม >> 5 สิ่ง ที่คนขับรถ “เกียร์ธรรมดา” ต้องจำให้ขึ้นใจ!

ถ้าเป็นสมัยก่อน ใครจะหัดขับรถ ก็จะต้องเริ่มหัดขับเกียร์ธรรมดากันก่อน (เอาแค่ย้อนไปสัก 30 ปีก่อน รถเกียร์อัตโนมัติ เวลานั้นยังมีราคาแพง และมีตัวเลือกน้อย ในยุครถเกียร์ธรรมดายังเป็นใหญ่) แล้วค่อยไปขับเกียร์ออโต้ แต่มันก็มีข้อดีที่ขับเกียร์ออโต้เป็นเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปหัดขับกันอีกรอบ

เอาล่ะ เรามาดูกันว่า 5 เหตุผลสำคัญ ที่คนสมัยนี้ ถึงไม่เลือกขับรถเกียร์ธรรมดากันครับ

5 เหตุผลสำคัญ ที่คนสมัยนี้ ถึงไม่เลือกขับรถเกียร์ธรรมดา

1. กลัวเครื่องดับเวลาออกตัว

อันนี้จัดว่าเป็นความกลัวของคนที่เพิ่งเริ่มหัดขับรถด้วยเกียร์ธรรมดาเลยก็ว่าได้ เจอกันทุกคน ผมเองก็เคยเป็น สืบเนื่องจากการ “ปล่อยคลัทช์ไม่สัมพันธ์กับจังหวะของคันเร่ง” ซึ่งต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกันพอสมควร เพราะถ้าออกตัวรถไม่สัมพันธ์กัน เครื่องยนต์ก็จะดับ ถ้าเจอรถติดๆ เวลาออกตัว เครื่องดับมันเป็นสิบรอบ จนรถคันหลังเบื่อเลย …

ทางที่ดีถ้าคุณเพิ่งหัดขับรถด้วยเกียร์ธรรมดา เวลาจะออกตัว แนะนำว่าให้เหยียบคลัทช์ไว้ก่อนจนสุด เข้าเกียร์ 1 แล้วเติมคันเร่งลงไปเยอะหน่อย (ห้ามเหยียบคันเร่งจนสุดนะ) ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนเท้าออกจากคลัทช์เบาๆ (คำเตือน ห้ามปล่อยเท้าออกจากคลัทช์โดยทันที! เพราะรถอาจพุ่งกระชากไปชนกับคันหน้าได้!)

สำหรับคนที่เพิ่งหัดขับรถใหม่ๆ อาจจะกลัวตรงจุดนี้ เมื่อคุณฝึกใช้เวลาจับจังหวะไปได้จนชำนาญ เลี้ยงคลัทช์เป็น รู้ระยะการปล่อยคลัทช์ของรถ ออกตัวรถได้ ไม่ดับ ขับรถออกตัวได้นุ่มนวล แค่นี้ก็ถือว่าผ่าน

2. ทางชัน คอสะพาน

อีกหนึ่งในจุดที่คนขับรถเกียร์ธรรมดา (โดยเฉพาะมือใหม่ทั้งหลาย) กลัว นั่นคือการเจอรถติดบนคอสะพาน หรือทางชันๆ ในลานจอดรถตามห้าง โอ้โห ยิ่งในกรุงเทพฯ ดินแดนรถติดระดับโลกด้วย บางทีรถติดกันในห้างเป็นชั่วโมงก็มี

คนขับรถเกียร์ธรรมดาถ้าทักษะไม่มากพอ บางทีการออกตัวอาจรถไหลไปชนกันคันท้ายได้ ทางที่ดี ผมแนะนำให้ใช้ “เบรกมือ” ดึงไว้เลยกันรถไหล จะได้ไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้นานๆ ให้เมื่อย หรือมาเลี้ยงคลัทช์ เหยียบคากันจนคลัทช์ไหม้ …

พอจะออกตัวรถ ก็ให้เหยียบคลัทช์เข้าเกียร์ตามปกติ แล้วก็ปฏิบัติตามข้อ 1 ก่อนจะปลดเบรกมือลง แล้วออกตัวไป แค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวรถไหลแล้ว

5 เหตุผลสำคัญ ที่คนสมัยนี้ ถึงไม่เลือกขับรถเกียร์ธรรมดา

3. เมื่อย และคุยโทรศัพท์ลำบาก

การขับรถเกียร์ธรรมดา ยิ่งถ้าเจอรถติดๆ คุณจะต้องเหยียบคลัทช์เข้าเกียร์บ่อยๆ ถ้าต้องขับรถกระบะ หรือรถยุโรปรุ่นเก่าๆ ที่คลัทช์มักแข็งๆ เหมาะกับพวกเท้าหนักๆ หน่อย เหยียบกันจนปวดเข่า ปวดขาซ้าย น่องโป่งเลยทีเดียว

อีกทั้งการคุยโทรศัพท์ขณะขับรถ (แบบไม่ใช้แฮนด์ฟรี) ยังลำบาก เพราะต้องใช้มือซ้ายในการเปลี่ยนเกียร์ตลอด

4. มีแต่รุ่นเริ่มต้น

ถ้าใครจะเล่นรถเกียร์ธรรมดาป้ายแดงในเวลานี้ บอกได้เลยว่ามีแต่รุ่นเริ่มต้นเท่านั้น ที่เป็นเกียร์ธรรมดา ส่วนรุ่น Top หรือรุ่นรอง Top ล้วนแล้วเป็นเกียร์อัตโนมัติทั้งนั้น

ความที่อยากรถได้เกียร์ธรรมดาป้ายแดงรุ่น Top ออพชั่นเยอะๆ เลยต้องหายไปด้วย เพราะว่าไม่มีค่ายรถในบ้านเราผลิตขายสักเจ้า ซึ่งต่างจากรถยนต์ที่ขายในแถบยุโรป ยังมีเกียร์ MT รุ่นท็อปให้เลือกกันอีกเยอะ

5 เหตุผลสำคัญ ที่คนสมัยนี้ ถึงไม่เลือกขับรถเกียร์ธรรมดา

5. ราคามือสองตก

เนื่องจากรถเกียร์ธรรมดาได้รับความนิยมน้อยลงมาก ซึ่งก็ส่งผลให้ราคามือสองตกลงมาด้วย และขายยากหน่อย โดยเฉพาะรถเก๋ง หรือรถ Eco-Car ที่เป็นเกียร์ธรรมดา ราคาหายไปจากรุ่นที่เป็นเกียร์อัตโนมัติราวๆ 20-30% เลยทีเดียว

แต่กรณีนี้ สำหรับรถเกียร์ธรรมดาแบบ SUV, รถกระบะ หรือรถสปอร์ต รถคลาสสิค รถดังในตำนาน อาจไม่มีผลในเรื่องราคาตกนัก เพราะคนที่เล่นรถเหล่านี้ ส่วนหนึ่งต้องขับเกียร์ธรรมดากันเป็นอยู่แล้ว และรถเหล่านี้เป็นประเภทสายลุย สายซิ่ง สายชอบ สายคลาสสิค มีคุณค่า ได้ขับแบบเกียร์ธรรมดา ยังดูดีกว่าขับเกียร์ออโต้ด้วยซ้ำ

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

ถ้าจะให้พูดถึง “รถกระบะ” แล้ว ส่วนใหญ่มักจะนึกถึงรถที่สามารถใช้ขนของได้เยอะๆ คุ้มค่าในการทำธุรกิจ ใช้ในการเกษตร ขนผลไม้ ขนผลผลิตไปขาย หรือใช้ขนคน ไปทำงาน ไปพักผ่อนหย่อนใจกันได้ทั้งครอบครัว หรือจะไว้แต่งซิ่งก็ตาม

รถกระบะในตลาดรถ ก็มีให้เลือกในหลายประเภท อาทิ แบบตอนเดียว, แบบตอนเดียวยกสูง, แบบมีแค็บ, แบบ 4 ประตู หรือจะเป็นแบบ 2 ประตู กับ 4 ประตู ยกสูง หรือขับ 4X4 เป็นต้น

ราคารถกระบะก็เช่นกัน ถึงแม้ว่า จะเป็นรถกระบะที่มีราคาถูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณภาพจะด้อยเสมอไป

MR.CARRO ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ รถกระบะถูกสุดในไทย ประจำปี 2021 เราเช็คราคาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

TATA-Xenon-Single-Cab-Giant-Heavy-Duty-CNG-Plus

1. TATA Xenon Single Cab Giant Heavy Duty CNG Plus ราคา 369,000 บาท

TATA Xenon (ทาทา ซีนอน) รถกระบะเรือธงจาก “TATA” ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากแดนภารตะ ที่เพิ่งประกาศเลิกผลิตรถยนต์ในไทยไปเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา “ซีนอน” เป็นรถกระบะที่ทาทาขายในไทยมานานนับสิบกว่าปี ชูจุดเด่นด้วยกระบะพื้นเรียบ เพลาท้ายแบบ Heavy Duty สามารถบรรทุกได้เต็มพื้นที่

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.1 ลิตร 101 แรงม้า CNG Plus แท้ ทั้งระบบ ประหยัดเชื้อเพลิงอย่างแท้จริง และมีความทนทาน พร้อมถังก๊าซขนาดใหญ่ 3 ถัง ความจุ 230 ลิตร อยู่ใต้พื้นกระบะ และส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด

Isuzu-D-MAX-Spark-Cab-Chassis

2. Isuzu D-MAX Spark 1.9 Ddi Cab-Chassis ราคา 510,000 บาท

All-New Isuzu D-Max (ออลนิว อีซูซุดีแมคซ์) พลานุภาพ…พลิกโลก! “Infinite Potential” “ยนตรกรรมที่เหนือกว่าคำว่าปิกอัพ” ภายใต้แนวคิด BOLD, EMOTIONAL and SMART ดีไซน์ใหม่หมดทั้งภายนอกภายใน ปรับปรุงขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ แรงสะใจ พร้อม แพลตฟอร์มใหม่ ระบบความปลอดภัยใหม่ เทคโนโลยีใหม่ในทุกฟังก์ชั่น

ใช้เครื่องยนต์ที่ล้ำหน้าสุด ขนาด 1.9 ลิตร บลูเพาเวอร์ Gen 2 รุ่น RZ4E-TC ที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ให้พลังแรงสูงสุด 150 แรงม้า ค่ามลพิษต่ำสุด ประหยัดน้ำมันสูงสุด ทำให้ได้รับความนิยมและการตอบรับอย่างสูงจากผู้ใช้รถ

โดยในรุ่น Cab-Chassis สำหรับให้ผู้ประกอบการซื้อไปใส่ตู้แช่เย็น ตู้คนของ ใส่กระบะแบบพื้นเรียบได้ หรือจะไปดัดแปลงเป็นรถขายอาหารก็ได้เช่นกัน

*สำหรับรุ่น Cab Chassis (มีตู้เย็นท้าย) ราคา 515,000 บาท และ Cab Chassis เกียร์อัตโนมัติ ราคา 545,000 บาท

Ford Ranger Standard Chassis Cab 2019

3. Ford Ranger Standard Chassis Cab 2.2 XL 6MT ราคา 531,000 บาท

Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) กระบะ “เกิดมาแกร่ง”รถกระบะสมรรถนะสูง พร้อมรับมือกับงานสุดหนักหน่วง การลากจูง การบรรทุก และออฟโรด เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้า และสามารถดัดแปลงเป็นตู้เก็บของเย็น หรือร้อนได้

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล TDCI เทอร์โบ 2.2 ลิตร 160 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

Mitsubishi-Triton-Single-Cab

4. Mitsubishi Triton Single Cab 2.5D GL 5MT ราคา 539,000 บาท

Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) แกร่งเต็มพิกัด ทนจัด บรรทุกจุใจ ผนังกระบะแบบสองชั้น เพื่อติดตั้งรั้วกระบะอย่างมั่นคงและแข็งแรง ซุ้มล้อขนาดเล็กได้เพิ่มพื้นที่บรรทุกสินค้าได้มากเป็นพิเศษ คุ้มค่าทุกการเดินทางและงานบรรทุก ภายในห้องโดยสารกว้าง นั่งสบาย ดีไซน์หรูมีระดับ

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร 128 แรงม้า สะดวกสบายด้วยกระจกไฟฟ้า และเซ็นทรัลล็อก

Toyota-Hilux-Revo-Standard-Cab-Chassis

5. Toyota Revo Standard Cab 2.4 Entry (ไม่มีกระบะ) ราคา 544,000 บาท

Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) รุ่นมาตรฐาน ภายใต้แนวคิด TOUGHNESS FOR EVERYONE แข็งแกร่ง ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น มาพร้อมแบบหัวเดี่ยว (Cab & Chassis) ที่รองรับการติดตั้งเพิ่มเติม เช่น ต่อเติมตู้แห้ง-ตู้เย็น ต่อคอก และติดตั้งอุปกรณ์เชื่อมโยงเครือข่าย T-Connect และ Fleet Telematics Service ระบบบริหารยานพาหนะและการขนส่งครบวงจร ช่วยให้การจัดการ และการทำธุรกิจขนส่ง มีประสิทธิภาพมากขึ้น

อีกทั้ง “พลังแกร่งเหนือนิยาม” หรือ “The Unbeatable” ถึงสมรรถนะพลังของเครื่อง GD Super Power ใหม่ ขนาด 2.4 ลิตร ออกแบบมาเพื่อการบรรทุกอย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ที่มีแรงม้าสูงถึง 150 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด และประหยัดน้ำมัน รวมถึงระบบช่วงล่างที่แข็งแกร่งรองรับน้ำหนักบรรทุกได้อย่างดีเยี่ยม

All-New-Isuzu-D-Max-Spark-2019

6. Isuzu D-MAX Spark 1.9 Ddi B ราคา 547,000 บาท

All-New Isuzu D-Max (ออลนิว อีซูซุดีแมคซ์)พลานุภาพ…พลิกโลก! “Infinite Potential” “ยนตรกรรมที่เหนือกว่าคำว่าปิกอัพ” ภายใต้แนวคิด BOLD, EMOTIONAL and SMART ดีไซน์ใหม่หมดทั้งภายนอกภายใน รองรับงานหนักได้อย่างสมบูรณ์แบบ กระบะท้ายขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มพื้นที่บรรทุกได้มากขึ้น ปรับปรุงขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ แรงสะใจ พร้อม แพลตฟอร์มใหม่ ระบบความปลอดภัยใหม่ เทคโนโลยีใหม่ในทุกฟังก์ชั่น

ใช้เครื่องยนต์ที่ล้ำหน้าสุด ขนาด 1.9 ลิตร บลูเพาเวอร์ Gen 2 รุ่น RZ4E-TC ที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ให้พลังแรงสูงสุด 150 แรงม้า ค่ามลพิษต่ำสุด ประหยัดน้ำมันสูงสุด ทำให้ได้รับความนิยมและการตอบรับอย่างสูงจากผู้ใช้รถ

All-New-Mazda-BT-50-2021

7. Mazda BT-50 Standard Cab 1.9 E ราคา 553,000 บาท

Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50) ฉีกทุกการออกแบบปิกอัพสไตล์เดิมๆ ด้วยแนวคิด “พร้อม…กับทุกด้านของชีวิต” เติมเต็มทุกมิติของชีวิตดุจ Life-Partner สัมผัสแห่งดีไซน์อันสง่างามจาก “โคโดะ ดีไซน์” เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม ตามคอนเซ็ปต์ “Less is More” ผสานรูปลักษณ์อันทรงพลังสไตล์ปิกอัพ

โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย ติดตั้งระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยเบรก BA รวมถึงถุงลมนิรภัยคู่หน้า มอบความสะดวกสบายเสมือนรถ SUV

สมรรถนะแกร่ง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลใหม่ ขนาด 1.9 ลิตร 150 แรงม้า ใช้เกียร์ธรรมดา 6 สปีด รองรับน้ำมันได้ถึง B20 คุ้มค่าด้วยอัตราประหยัดน้ำมันมากที่สุดในคลาสกับตัวเลข 16.1 กม./ลิตร!

Nissan Navara Single Cab 2021

8. Nissan Navara Single Cab 2.5 S 6MT ราคา 559,000 บาท

Nissan Navara (นิสสัน นาวารา) โฉมไมเนอร์เชนจ์ล่าสุด ที่สุดของรถปิคอัพ เพื่องานบรรทุกหนัก สุดยอดของความคุ้มค่า โดดเด่นด้วย “ที่เหยียบขึ้นกระบะด้านข้าง” ที่เพิ่มความสะดวกในการขนของที่ออกแบบอย่างลงตัว ช่วยให้คุณขนของง่าย สะดวกสบายยิ่งขึ้น หนักแค่ไหนก็เอาอยู่ กระบะท้ายบรรทุกหนักได้สูงสุด 1,090 กก.

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.5 ลิตร 163 แรงม้า เพื่อให้คุณพร้อมลุยไปข้างหน้าได้ทุกสถานการณ์

New MG Extender Giant Cab 2021

*ภาพแทน

9. MG Extender 2.0 GC C 6 MT ราคา 559,000 บาท

MG Extender (เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์) โฉมใหม่ไมเนอร์เชนจ์ “กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” สมาร์ทปิกอัพที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ดุดัน ทรงพลัง พร้อมเทคโนโลยีครบครัน ด้วยขนาดตัวถังที่ใหญ่ กระบะท้ายใหญ่ เครื่องยนต์แรงเต็มพิกัด ประหยัดน้ำมัน ดีไซน์สวย เท่ พร้อมลุยได้ทุกสภาพถนน ตอบโจทย์ทุกการเดินทางของชีวิต

นอกจากนี้ยังเป็นรถกระบะอัจฉริยะ หรือ Smart Pickup คันแรกของประเทศไทย จากการติดตั้งระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART สามารถสั่งการ ด้วยเสียงภาษาไทย

แรงเต็มสูบ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล เทอร์โบ 2.0 ลิตร 161 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด อีกทั้งยังให้ความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension พร้อมการติดตั้งระบบความปลอดภัย Advanced Synchronized Protection System ครบครัน

Ford-Ranger-XL-Standard

10. Ford Ranger Standard Cab 2.2 XL 6MT ราคา 562,000 บาท

Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) กระบะ “เกิดมาแกร่ง” แกร่งเพื่อลูกเมีย ที่มามาดแข็งแกร่งแบบรุ่นพี่อย่าง “Ranger Raptor” จะขับลุยน้ำ บรรทุกของหนัก หรือขับบนพื้นทรายสูงชันก็ไม่หวั่น

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล TDCI เทอร์โบ 2.2 ลิตร 160 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

MR.CARRO หวังว่า 10 อันดับ รถกระบะถูกสุดในไทยที่นำมาเสนอนั้น หากใครอยากได้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! ก็ลองขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ดูได้ มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ : *ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนมิถุนายน 2564 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

**การจัดอันดับ เราจัดอันดับเพียงยี่ห้อละ 1 แบบ หากเป็นรถกระบะรุ่นที่เป็นแบบ Chassis Cab (แบบไม่มีกระบะหลัง) ทางเราจะจัดอันดับเป็นอันดับแรก และลำดับต่อมาจะเป็นรถกระบะรุ่นที่มีกระบะหลัง ที่ราคาถูกสุด

***กรณีตัวรถที่มีราคาเท่ากัน เราจะนำรถที่เปิดตัวล่าสุดขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

สวัสดีค่ะ ชาว CARRO กลับมาพบกันกับบทความดีๆ ของทาง Siamcardeal กันนะคะ ในช่วงนี้ประเทศของเรายังคงมีข่าวคราวการระบาดของ โควิด-19 กันอยู่นะคะ และช่วงนี้แอดมินนำสาระดีๆ เกี่ยวกับรถยนต์ มาฝากกันเช่นเคยค่ะ หลายท่านอาจจะสงสัยว่า แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี แอดมินเลย มีวิธีสังเกตอาการแบตเตอรี่รถยนต์หมดง่าย ๆ มีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกเราได้บ้าง ไปหาคำตอบกันเลย

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี ? พร้อมวิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมง่ายๆ

แบตเตอรี่ คืออุปกรณ์ที่มีความสำคัญสำหรับรถยนต์ ทำหน้าที่ตั้งแต่ในการสตาร์ตเครื่องยนต์ และคอยจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถ ซึ่งผู้ใช้รถต้องคอยดูแลและบำรุงรักษาเป็นประจำ เพราะแบตเตอรี่รถยนต์นั้นมีอายุการใช้งาน และจะใช้ได้ยาวนานเท่าไหร่ยังแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับลักษณะะการใช้งาน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ด้วย

ดังนั้นการศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของแบตเตอรี่ ย่อมช่วยให้เจ้าของรถและผู้ขับขี่ทุกคน สามารถใช้งานรถยนต์ รวมถึงดูแลรักษาในส่วนต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง โดยไม่กลายเป็นปัญหาสร้างความเสียหายโดยที่ไม่จำเป็น

แบตเตอรี่รถยนต์ใช้ได้กี่ปี

หากจะถามว่าแบตเตอรี่รถยนต์จะใช้งานได้นานแค่ไหนนั้น คงเป็นเรื่องยากที่จะบอกคำตอบที่ชัดเจนออกไป เพราะปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั้นมีมากมายหลายส่วนด้วยกันแม้เราจะบำรุงดูแลรักษาเป็นประจำ เนื่องจากมีบางกรณีที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างสภาพอากาศและอุณหภูมิ ทว่าโดยเฉลี่ยแล้วแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป จนมากที่สุดได้ถึง 5 ปี

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

สิ่งที่มีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่

สภาพอากาศ และอุณหภูมิ

แบตเตอรี่รถยนต์ส่วนใหญ่จะมีโอกาสเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติในสภาพอากาศที่หนาวจัดหรือร้อนจัด และยิ่งถ้าต้องจอดรถในสภาพแวดล้อมดังกล่าวเป็นเวลานานก็ส่งผลให้แบตฯ เสื่อมสภาพเร็วได้ เพราะที่แผ่นตะกั่วอาจจะเกิดตะกอนทำให้มีการกักเก็บไฟได้ไม่ดีนั่นเอง

ความผิดปกติของระบบชาร์จไฟ หรือการดัดแปลงไดชาร์จ

หากไดชาร์จเกิดการเสื่อมสภาพ มีการปล่อยกระแสไฟฟ้าที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยไปยังแบตเตอรี่ ทำให้มีโอกาสที่ไฟในแบตเตอรี่จะรั่วไหลและไม่สามารถเก็บไฟได้แม้ในขณะที่สตารตเครื่องยนต์ นอกจากนี้หากมีการดัดแปลงไดชาร์จให้ชาร์จกระแสไฟได้เร็วยิ่งขึ้นจะทำให้มีกระแสไฟไหลเข้าสู่แบตเตอรี่มากกว่าปกติ ส่วนใหญ่พบได้ในรถที่ดัดแปลงเครื่องเสียง
การต่อขั้วแบตฯ ไม่ดี

ในส่วนของการติดตั้งแบตเตอรี่นั้นหากมีการต่อขั้วแบตฯ ไม่ดี หลวม หรือบริเวณขั้วต่อมีสนิม ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การไหลของกระแสไฟและระบบการชาร์จไฟกลับเข้ายังแบตเตอรี่นั้นทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้แบตฯ เสื่อมเร็วนั่นเอง

การใช้งาน เปิดไฟหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถทิ้งไว้

หลักปฏิบัติโดยทั่วไปก็คือผู้ใช้รถควรตรวจสอบไฟภายในห้องโดยสารหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ในรถทุกครั้งก่อนลงจากรถ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่ต้องจ่ายไฟจนหมด ส่งผลให้รถสตาร์ตไม่ติด และเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ได้

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

อาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม ดูยังไง

1. เครื่องยนต์สตาร์ตติดยากหรือสตาร์ตไม่ติด – การสตาร์ตรถยนต์นั้นจะใช้ไฟจากแบตเตอรี่มากที่สุด และหากเครื่องยนต์มีการหมุนช้าลงและสตาร์ตติดได้ยาก สาเหตุหนึ่งก็มาจากการที่แบตเตอรี่เริ่มเก็บประจุไฟไม่อยู่ และจ่ายไฟได้น้อยลง กับอีกกรณีหากทำการสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วมีเสียงการหมุนของเครื่องยนต์แต่รถก็ยังสตาร์ตไม่ติด ปัญหานี้มักเกิดจากกำลังไฟในแบตเตอรี่ไม่พอแล้วนั่นเอง

2. ไฟหน้าสว่างน้อยลง – ทุกครั้งที่ต้องขับรถในเวลากลางคืนแล้วต้องเปิดไฟหน้า ให้ลองสังเกตดูว่าแสงไฟมีความสว่างลดลงไม่สว่างเหมือนก่อน ก็สันนิษฐานได้ว่าแบตเตอรี่กำลังมีปัญหา

3. ได้กลิ่นเหม็นผิดปกติ – หากแบตเตอรี่มีกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่านั่นเป็นสัญญาณบอกอย่างหนึ่งว่าแบตเตอรี่กำลังรั่วและเกิดการชำรุด หากยังฝืนใช้งานต่ออาจเป็นอันตรายและสร้างความเสียหายหรือกัดกร่อนส่วนประกอบอื่น ๆ ในรถของคุณได้ ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ในทันที

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

4. ต้องพ่วงแบตเตอรี่อยู่เป็นประจำ – สาเหตุนี้ไม่ได้แยกว่าจะต้องเป็นรถใหม่หรือรถเก่าเพราะสามารถพบเจอได้ทั้งหมด เนื่องจากการลืมปิดไฟหน้ารถหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่างทำให้แบตฯ หมด จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการพ่วงแบตฯ เป็นประจำ แต่การพ่วงแบตฯ บ่อย ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องดีแต่อย่างใด อาจทำให้แบตฯ เสื่อมเร็วกว่าปกติได้

5. ความผิดปกติของแบตเตอรี่ – ปัญหาของแบตเตอรี่หมดไวหรือเสื่อมนอกจากเกิดจากการใช้งานของเราแล้ว ยังเกิดได้จากคุณภาพและมาตรฐานการผลิตของแบตเตอรี่นั้น ๆ ได้ เช่น แบตเตอรี่มีอุณหภูมิที่สูง, แบตเตอรี่มีการสะสมความเป็นกรด และแบตเตอรี่บวม

6. สัญลักษณ์บนแบตเตอรี่เปลี่ยนไป – ปัจจุบันผู้ผลิตแบตเตอรี่จะทำช่องไว้สำหรับสังเกตแบตเตอรี่ว่ายังอยู่ในระดับการใช้งานปกติหรือไม่ โดยจะมีแถบให้เปรียบเทียบสัญลักษณ์อยู่บนแบตฯ ซึ่งเราสามารถสังเกตและตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ คงต้องย้ำอีกครั้งว่า ผู้ใช้รถควรหมั่นตรวจสอบสังเกตการทำงานของแบตเตอรี่อยู่เสมอ รวมถึงต้องตรวจเช็กอุปกรณ์อื่น ๆ ว่ายังทำงานได้ดี เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพ