Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

ช่วงไม่กี่วันมานี้ ในโลกโซเชียลมีเดีย มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือด ถึงการที่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ตบเท้าหารือกรมสรรพสามิต 16 ธ.ค. นี้ เสนอตั้งกองทุนเก็บค่าธรรมเนียมกำจัดรถยนต์เก่า 10 ปี พร้อมให้สิทธิพิเศษผู้ใช้ซื้อรถใหม่ หวังกระตุ้นยอดขาย ลดมลพิษ …

แนวคิดนี้ เกิดขึ้นจากภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ ในช่วง 10 เดือน ที่ผ่านมา (ม.ค. -ต.ค.) ตัวเลขยอดขายตกลงมาก ทำได้เพียง 838,847 คัน ขยายตัว 0.6%

จนผู้คนออกมาโจมตี ทั้งฝ่ายเอกชนที่ต้องการให้รัฐบาลตั้งกองทุนเก็บค่าธรรมเนียมกำจัดรถยนต์เก่า 10 ปี และภาพลักษณ์ของรัฐบาลตอนนี้ที่เป็นอย่างไร ทุกคนก็รู้ๆ กันอยู่ เลยกลายเป็นกระแสของคนเล่นรถเก่า รักรถเก่า รักรถมือสอง ออกมาด่ารัฐบาลกันเป็นชุด

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

ถ้าคุณคิดอยากขายรถเก่ามาก ขยับมาซื้อรถใหม่ หรือรถมือสองที่ปีใหม่ขึ้นมาหน่อย เพราะไม่อยากรับภาระค่าใช้จ่ายที่ตามมาในอนาคต ก็นำรถมาขาย หรือตีราคารถ ที่ CARRO ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express คลิกที่นี่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แนวคิดของการเก็บภาษีรถเก่า อายุเกิน 10 ปี นั้น มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟัง

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

การจัดเก็บภาษีรถยนต์ประจำปี ของ กรมการขนส่งทางบก

แนวคิดในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ ตั้งแต่ในยุคของกองทะเบียน กรมตำรวจ มาจนถึงยุคกรมการขนส่งทางบก ในอดีตนั้น จัดเก็บภาษีตามน้ำหนักรถยนต์ (ทั้งรถเก๋ง, รถกระบะ และรถตู้) ต่อมา ช่วงประมาณปี 2525 กรมการขนส่งทางบก จึงปรับรูปแบบการจัดเก็บภาษีของรถยนต์นั่ง (เฉพาะรถเก๋ง) ใหม่ ตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 ที่เก็บตามความจุกระบอกสูบของเครื่องยนต์

ปัจจุบัน มีการจัดเก็บภาษี 4 ประเภทด้วยกัน คือดังนี้

1) จัดเก็บตามกระบอกสูบ ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน

600 ซีซีแรก ซีซี ละ 0.50 บาท
601 – 1,800 ซีซีๆ ละ 1.50 บาท
เกิน 1,800 ซีซีๆ ละ 4.00 บาท

หากเป็นรถที่จดทะเบียนมาแล้ว 5 ปี ให้ได้รับการลดหย่อนภาษีประจำปีในปีต่อๆ ไป ดังนี้

– ปีที่ 6 ร้อยละ 10
– ปีที่ 7 ร้อยละ 20
– ปีที่ 8 ร้อยละ 30
– ปีที่ 9 ร้อยละ 40
– ปีที่ 10 และปีต่อๆ ไป ร้อยละ 50

2) จัดเก็บเป็นรายคัน ได้แก่ รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถพ่วง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร

– รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 100 บาท
– รถจักรยานยนต์สาธารณะ คันละ 100 บาท
– รถพ่วงของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 50 บาท
– รถพ่วงนอกจากข้อข้างต้น คันละ 100 บาท
– รถบดถนน คันละ 200 บาท
– รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร คันละ 50 บาท

3) จัดเก็บตามน้ำหนัก ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล รถยนต์รับจ้าง

น้ำหนักรถ (กิโลกรัม) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัดรถยนต์บริการ รถยนต์รับจ้าง รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลรถลากจูงรถแทรกเตอร์ที่มิได้ใช้ในการเกษตร
ไม่เกิน 500 150 450 185 300
501 – 750 300 750 310 450
751 – 1,000 450 1,050 450 600
1,001 – 1,250 800 1,350 560 750
1,251 – 1,500 1,000 1,650 685 900
1,501 – 1,750 1,300 2,100 875 1,050
1,751 – 2,000 1,600 2,550 1,060 1,350
2,001 – 2,500 1,900 3,000 1,250 1,650
2,501 – 3,000 2,200 3,450 1,435 1,950
3,001 – 3,500 2,400 3,900 1,625 2,250
3,501 – 4,000 2,600 4,350 1,810 2,550
4,001 – 4,500 2,800 4,800 2,000 2,850
4,501 – 5,000 3,000 5,250 2,185 3,150
5,001 – 6,000 3,200 5,700 2,375 3,450
6,001 – 7,000 3,400 6,150 2,560 3,750
7,001 ขึ้นไป 3,600 6,600 2,750 4,050

4) รถที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า

– รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ให้เก็บภาษีตามน้ำหนักของรถในอัตรารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน
– รถอื่นนอกจาก 4.1 ให้เก็บภาษีในอัตรากึ่งหนึ่งของรถตามข้อ 2 และ 3

รถใครภาษีขาดเกิน 3 ปี ดูวิธีการต่อภาษี พร้อมจดทะเบียนใหม่ ได้ใน Link นี้ – 3 ขั้นตอนง่ายๆ ในการต่อทะเบียนรถ “ภาษีขาดเกิน 3 ปี”

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

แล้วภาษีสรรพสามิต ของรถยนต์ป้ายแดงที่ออกใหม่จากโรงงานล่ะ?

ปัจจุบัน กรมสรรพสามิต จัดเก็บภาษีเฉพาะรถยนต์ใหม่ ที่ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือนำเข้าจากต่างประเทศ โดยจัดเก็บภาษีตามหลักสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดอัตราภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการประหยัดพลังงาน และลดมลพิษด้านสิ่งแวดล้อม จากการปล่อย CO2 อันเป็นสาเหตุหลักให้เกิดสภาวะโลกร้อน และฝุ่น PM 2.5

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

ข้อดี ของ แนวคิดของการเก็บภาษีรถเก่า อายุเกิน 10 ปี

  • ปริมาณรถยนต์เก่าในบ้านเราลดลง เพราะผู้คนส่วนหนึ่ง ยอมขายรถเก่าทิ้ง เนื่องจากสู้กับภาษีที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว
  • ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่ปล่อยออกจากเครื่องยนต์รถยนต์ น้อยลง
  • ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ มียอดขายรถยนต์ใหม่มากขึ้น กับบรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น
  • ซากรถคันเก่า จะเข้าสู่กระบวนการกำจัดซากที่ได้มาตรฐาน แบบโรงงานรีไซเคิลรถยนต์ เช่นในประเทศจีน หรือ ญี่ปุ่น และได้รับเงินที่จ่ายเข้ากองทุนคืนพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งอาจจะเป็นการลดภาษีสรรพสามิตของรถใหม่ ที่จะซื้อออกไป

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

ข้อเสีย ของ แนวคิดของการเก็บภาษีรถเก่า อายุเกิน 10 ปี

  • ผู้บริโภคต้องยอมซื้อรถยนต์ป้ายแดงคันใหม่ ในราคาจำหน่ายที่แพงกว่าหลายประเทศทั่วโลกพอสมควร ทั้งๆ ที่ ซื้อรถมือสองคุณภาพดี (แต่อายุมากหน่อย) ซึ่งคุ้มค่าเงินกว่า
  • ไม่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน รายได้ของคนไทยส่วนใหญ่ มิได้มากพอที่จะสามารถเปลี่ยนรถยนต์ได้ทุกๆ 5-10 ปี เนื่องจากรถยนต์ใหม่ ก็มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
  • บางคนอาจใช้เวลาในการผ่อนรถยนต์ นานถึง 6-7 ปี พอผ่อนหมด ใช้งานได้อีก 3 ปี ก็ต้องเจอการปรับภาษีรถยนต์ที่สูงขึ้น ทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น
  • ในต่างประเทศ ที่เป็นทั้งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ และมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง สามารถทำราคาจำหน่ายรถยนต์ที่เหมาะสมได้ ซึ่งต่างไปจากบ้านเรา
  • รถเก่าหลายคัน อายุมากแล้ว แต่ถ้าได้รับการดูแลรักษาที่ดี ก็ยังน่าใช้ไม่แพ้รถใหม่ๆ
  • คนที่มีรถยนต์มากกว่า 1 คัน และถ้าเป็นรถยนต์เก่า ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายต่อปีมากขึ้น
  • ระบบขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์ ที่มีอายุมากถึง 20-40 ปี สภาพเก่าโทรม ควันดำ ยังวิ่งให้บริการผู้คนในเมืองใหญ่ ค่อนข้างย้อนแย้งกับข้อเสนอในการลดมลพิษ

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

สำหรับตัวเลขของ กรมการขนส่งทางบก พบว่า รถยนต์เก่าอายุเกิน 10 ปี ที่จดทะเบียนก่อนปี 2552 ในปัจจุบัน มีอยู่ประมาณ 26 ล้านคัน จำนวนนี้ เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลประมาณ 9 ล้านคัน แยกออกได้เป็น รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน 4.07 ล้านคัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน 3.8 แสนคัน และรถกระบะ 4.6 ล้านคัน

คือต้องบอกก่อนว่า แนวคิดนี้ “ดี” ในประเทศที่ “พัฒนาแล้ว” คุณภาพชีวิตประชาชนดี มีการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง มีค่าครองชีพสูง และมีระบบขนส่งมวลชนที่ได้คุณภาพ จนทำให้รู้สึกว่า ไม่มีรถยนต์ใช้งาน ชีวิตก็ไม่ลำบากในการเดินทาง

【短期連載】「ユーザー車検」必勝マニュアル『初心者は検査ラインでハザードを点灯』(その3)

การตรวจสภาพรถ ของประเทศญี่ปุ่น

เช่น ในประเทศญี่ปุ่น รถยนต์ใหม่มีราคาถูกกว่าในไทยมาก แต่เมื่อคุณใช้รถยนต์ไปจนถึงปีที่ 4 นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียน คุณก็ต้องนำรถยนต์เข้าตรวจสภาพ (ของญี่ปุ่นเรียกว่า “車検” Shaken = ชาเกง) ซึ่งคล้ายกับ ตรอ. ในบ้านเรา เป็นการตรวจสภาพรถยนต์ทุกๆ 2 ปี แต่มีความละเอียดในการตรวจสอบรถยนต์มากกว่ามาก และค่าตรวจสภาพที่ค่อนข้างแพงมาก ครั้งนึงต้องจ่ายหลายหมื่นเยนเลยทีเดียว

ซึ่งถ้าตรวจสภาพรถไม่ผ่าน ก็ต้องกลับไปซ่อมแซมแก้ไข เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก (โดยการตรวจสภาพรถนี้ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ภาษีรถยนต์ ที่ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของรถ, ประกันภัยรถยนต์ 24 เดือน, ภาษีค่าใช้ถนน และค่าอากร เป็นต้น)

https://img.bestcarweb.jp/wp-content/uploads/2019/11/29220240/40ac879c58a8b005491a1f3d4ed1ec38.jpg

อัตราค่าตรวจสภาพรถ ของประเทศญี่ปุ่น

และยิ่งรถเก่ามากเท่าไหร่ ค่าตรวจสภาพก็ยิ่งสูงมากขึ้น ทำให้คนญี่ปุ่นหลายคนรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ถ้าเกิดอุบัติเหตุ ค่าซ่อมก็ไม่คุ้ม เพราะค่าซ่อมแพงกว่าซื้อรถใหม่ แถมตอนลากเอาไปทิ้ง ต้องเสียเงินค่ากำจัดขยะอีก

https://www.ft.com/__origami/service/image/v2/images/raw/https%3A%2F%2Fs3-ap-northeast-1.amazonaws.com%2Fpsh-ex-ftnikkei-3937bb4%2Fimages%2F3%2F7%2F5%2F9%2F8909573-1-eng-GB%2F20140609_Myanmar1.jpg?source=nar-cms

รถมือสองเก่าจากญี่ปุ่น ที่อยู่ในประเทศพม่า

ด้วยเหตุนี้ จึงมีพ่อค้ารถมือสอง ทำธุรกิจส่งรถยนต์เก่าจากญี่ปุ่น ไปขายที่ภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย พม่า หรือแถบโอเชียเนีย แถบแคริเบียน หรือประเทศที่ใช้รถพวงมาลัยขวากันมากมาย จนบางทีก็ตัดขายเป็นอะไหล่ แบบเชียงกงในบ้านเรา หรือขับไปทิ้งเป็นซาก อยู่ตามป่าตามเขาในต่างจังหวัด ยังดีกว่า (คนญี่ปุ่นขี้เหนียวก็เยอะนะ! รู้ว่าค่าใช้จ่ายแพง ทิ้งแล้วซื้อใหม่คุ้มกว่า)

คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จึงใช้รถยนต์เฉลี่ยประมาณ 5-7 ปี ก็เปลี่ยนคันใหม่แล้ว

แต่ถ้าในบ้านเรา หากมีการบังคับใช้จริงๆ แล้วล่ะก็ คนที่จะเดือดร้อนจำนวนมาก ก็คงหนีไม่พ้นคนไทยส่วนใหญ่ ที่ใช้รถเก่า และรถมือสอง นี่ล่ะครับ …

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

5-Things-You-Should-Never-Do-While-Driving

เทศกาลของการท่องเที่ยว ก็กลับมาพร้อมกับอากาศหนาวๆ กันอีกแล้วนะครับ สำหรับใครที่คิดจะเดินทางไกลในช่วงปีใหม่ 2563 นี้ นอกจากสุขภาพร่างกายต้องพร้อมแล้ว สุขภาพรถ ก็ต้องพร้อมเช่นกันนะครับ หากท่านใดยังไม่ได้ไปตรวจสภาพรถฟรี ก็รีบนำรถไปตรวจสภาพกันได้เลย

ส่วนถ้าใครอยากจะขายรถด่วนๆ ในช่วงสิ้นปีนี้ เพื่อนำเงินไปดาวน์รถคันใหม่ ผ่อนรถใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ ก็นำรถมาขาย หรือตีราคารถ ที่ Carro สิ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express คลิกที่นี่เลย https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

พอได้รถมาขับกันแล้ว การขับรถยนต์นั้นต้องใช้สมาธิพอสมควร ไม่วอกแวก หรือทำนู่นทำนี่ตอนนั่งหลังพวงมาลัยไปด้วย … 5 สิ่งที่ห้ามทำ เมื่อกำลังขับรถอยู่นั้น มีอะไรบ้าง Mr.Carro จะมาเล่าทั้งหมดให้ฟัง

5-Things-You-Should-Never-Do-While-Driving

1. โทรศัพท์มือถือ อย่าเล่น!

ในโลกยุคปัจจุบัน เชื่อได้เลยว่าแทบทุกคนติดโทรศัพท์มือถือกันทั้งนั้น แต่เวลาขับรถ สมาธิหลักควรจะอยู่ที่ถนนหนทางข้างหน้ามากกว่า การเล่น Facebook หรือการแชทไลน์ ในขณะขับรถ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้

ดังนั้น การขับรถทางไกล หากจำเป็นต้องคุยโทรศัพท์ ควรใช้ระบบ Bluetooth และถ้าหากต้องการดูเส้นทางจาก GPS ในมือถือ ก็ตั้งค่าให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง ควรหาจุดที่ติดโทรศัพท์ไว้บริเวณกระจกบานหน้ารถ ในมุมที่ง่ายต่อการดูครับ

2. ของหล่น อย่าเก็บ!

บางคนชอบเก็บของเอาไว้ในรถหลายอย่าง บางทีพอจะหยิบมาใช้ แล้วก็อาจจะวางในพื้นที่เรียบหรือลื่น เมื่อเวลารถออกตัวหรือเลี้ยว แรงเหวี่ยงของรถ อาจจะทำของกลิ้งหล่นไปที่พื้นได้ กรณีนี้ห้ามก้มลงไปเก็บของเด็ดขาดตอนกำลังขับรถอยู่ เพราะถ้าเงยหน้าขึ้นมาอีกที รถอาจเสียการควบคุม เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

และการเอื้อมตัวไปเก็บของขณะขับรถ อาจทำให้กล้ามเนื้อหลังบาดเจ็บได้ ทางที่ดี ควรจัดวางสิ่งของให้เรียบร้อย ก่อนนำรถออกเดินทาง และไม่วางสิ่งของไว้ในจุดที่หล่นง่าย หรือกลิ้งไปมาได้ เช่น บนแผงคอนโซลที่พื้นเรียบ ไม่มีช่องเว้าสำหรับให้วางของ เป็นต้น

5-Things-You-Should-Never-Do-While-Driving

3. รองเท้า อย่าถอด!

เป็นปัญหาที่มีมานาน ของเรื่องรองเท้าไปขัดอยู่ในแป้นเบรก หรือคันเร่ง เพราะหลายคนเวลาขับรถ ชอบถอดรองเท้าขับรถ แต่การวางรองเท้าเป็นสิ่งที่ต้องระวัง เพราะรองเท้าอาจเลื่อนไหล ทำให้เบรกได้ไม่เต็มที่ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้

ทางที่ดี ถอดรองเท้าแล้ว ยกไปวางไว้บริเวณที่นั่งฝั่งผู้โดยสาร เพื่อความปลอดภัย

4. รองเท้าส้นสูง อย่าใส่!

การใส่รองเท้าส้นสูงขับรถนั้น ทำให้เหยียบแป้นเบรกหรือแป้นคันเร่งไม่ได้เต็มฝ่าเท้า อาจทำให้เบรกได้ไม่สนิท หรือรถไหลไปชนคันหน้าได้

ทางที่ดี ควรเปลี่ยนรองเท้าก่อนขับรถ จะช่วยให้เหยียบเบรกและคันเร่งได้มั่นใจมากขึ้นครับ

5-Things-You-Should-Never-Do-While-Driving

5. สุรายาเมา ห้ามดื่ม!

การดื่มเหล้านี่เป็นเรื่องที่แยกไม่ออกกับทุกเทศกาลเลยจริงๆ จะเทศกาลไหนพี่ไทยก็เมา แต่เมาอย่างเดียวไม่พอ ดันออกมาขับรถซะด้วยสิ แล้วก็เกิดอุบัติเหตุ สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินมานับไม่ถ้วน

ถ้าหากรู้ตัวว่าเมาแล้ว ห้ามขับรถเด็ดขาด! ทางที่ดี ควรให้คนที่ไม่ได้ดื่มเหล้า ขับรถให้แทน หรือจอดรถทิ้งไว้ก่อน ถ้ามาคนเดียวก็ขึ้นแท็กซี่ หรือใช้ Application ที่มีบริการคนขับรถให้มาขับให้

เอาละครับ เมื่อรู้ถึงข้อห้ามต่างๆ เหล่านี้แล้ว ก็อย่าลืมนำไปปฏิบัติกันด้วยล่ะครับ

The-3-Best-MPV-Toyota-Kia-Hyundai

รถ MPV ป้ายแดงยอดนิยม ในราคาประมาณ 1-2 ล้านบาท ปีนี้ถือว่าแข่งกันดุเดือดกันเลยทีเดียว เพราะตลาดกลุ่มนี้ ถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่พอสมควร จนค่ายรถหลายค่าย ต่างพยายามที่จะทำราคา เจาะกลุ่มคนมีครอบครัวขนาดใหญ่ นักธุรกิจ เจ้าของกิจการต่างๆ ที่นิยมใช้รถประเภทนี้ ให้ได้มากที่สุด

CARRO Thailand จึงขอนำรถ MPV ยอดฮิตในหมู่คนไทย 3 แบรนด์ 3 รุ่น ได้แก่ Toyota Majesty (โตโยต้า มาเจสตี้), KIA Grand Carnival (เกีย แกรนด์ คานิวัล) และ Hyundai H-1 (ฮุนได เอชวัน) พร้อมตารางราคา และอัตราดอกเบี้ย จากในงาน Motor Expo 2019 มาเปรียบเทียบกันให้เห็น แบบช้าๆ ชัดๆ!

หากใครสนใจรุ่นไหนอยู่ ลองคำนวณงบประมาณที่มี แล้วเลือกดูว่า จะผ่อนกันแบบไหนได้เลย 

ถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ ต้อนรับปีใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

Toyota-Majesty

Toyota Majesty 2020

ข้อดี : คันใหญ่ ตัวรถยาว (5,265 มม.) และกว้าง (1,950 มม.) พื้นที่ภายในกว้าง นั่งสบาย เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจ ผู้บริหาร หรือครอบครัวใหญ่ๆ ที่มีทั้งเด็กและผู้สูงอายุ ราคารับได้ ออพชั่นเยอะ ศูนย์บริการและอะไหล่มีพร้อม วงเลี้ยวแคบสุดในระดับเดียวกัน พวงมาลัยไม่หนัก ช่วงล่างดี

ข้อด้อย : ตัวรถยาว สูง และกว้าง หาที่จอดรถในเมืองยาก ขึ้น-ลง ลานจอดรถบางที่ลำบาก เจ้าของรถถ้าขับเอง ความรู้สึกเหมือนคนขับรถให้ผู้บริหาร

รายละเอียดตัวรถ : รถตู้ระดับพรีเมี่ยม หรือ Luxury Van มาใน Concept “Live Beyond the Class” ดีไซน์อันโดดเด่น หรูหรา และเป็นเอกลักษณ์ ที่นั่งแบบ Captain seat พร้อมระบบบริหารหลังไฟฟ้า และการออกแบบเครื่องยนต์วางหน้า (Semi-Bonnet) ให้ความเงียบภายในห้องโดยสาร และระบบ ระบบ T-Connect Telematics

ควบคู่ไปกับระบบช่วงล่างแบบใหม่ ช่วยซับแรงสั่นสะเทือน และมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก อย่าง Toyota Safety Sense และสามารถรองรับน้ำมันดีเซล B20 ได้

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน
  • ไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED
  • ไฟตัดหมอก
  • กระจกมองข้างพร้อมสัญญาณไฟเลี้ยว
  • ล้ออัลลอย 17 นิ้ว
  • เบาะหลังพับได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
  • ประตูบานสไลด์ไฟฟ้า 2 ด้าน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
  • พวงมาลัยตกแต่งด้วยลายไม้พร้อมปุ่มควบคุม
  • มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
  • ที่นั่งปรับนอนไฟฟ้าพร้อมที่รองขาปรับอัตโนมัติ
  • จุดยึดเบาะหนังสำหรับเด็ก 4 ตำแหน่ง
  • ที่นั่งแบบ Captain Seat พร้อมระบบบริหารหลังไฟฟ้า
  • ที่วางแก้วน้ำและช่องต่อ USB 7 ตำแหน่ง
  • ม่านบังแดดและไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control)
  • ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System)
  • ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist)
  • ไฟกะพริบเมื่อเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal)
  • ระบบควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Difference)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor)
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)
  • กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor)
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-Start Assist Control)
    Toyota Safety Sense (เฉพาะรุ่น Grande)
  • ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System)
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Alert)
  • ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control)
  • ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)

เครื่องยนต์ : ดีเซลขนาด 2.8 ลิตร Turbo รหัส 1GD-FTV ให้แรงม้าสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,200 รอบ/นาที

ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.5 เมตร

มิติตัวรถ : ยาว 5,265 มม. กว้าง 1,950 มม. สูง 1,990 มม. ระยะฐานล้อ 3,210 มม. ล้อแบบล้อแม็ก 17 นิ้ว

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนธันวาคม 2562)

  • รุ่น Standard ราคา 1,799,000 บาท
  • รุ่น Premium ราคา 1,899,000 บาท
  • รุ่น Grande ราคา 2,199,000 บาท

KIA-Grand-Carnival

KIA Grand Carnival 2020

ข้อดี : คันใหญ่ กว้างสุดในระดับเดียวกัน (1,985 มม.) นั่งสบาย ขับง่าย พื้นฐานแบบรถเก๋ง เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ หรือผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ งานประกอบดี กำลังเครื่องให้เยอะสุดในรถระดับเดียวกัน ช่วงล่างค่อนข้างนุ่มนวล เกาะถนน การทรงตัวค่อนข้างดี เจ้าของรถ สามารถขับเองได้อย่างมั่นใจ ภาพลักษณ์แบบรถครอบครัวมากกว่า

ข้อด้อย : อะไหล่หายาก ศูนย์บริการมีน้อย ไม่ครอบคลุมในต่างจังหวัด ราคาตกมากกว่า ห้องโดยสารภายใน หลังคาเตี้ยไปหน่อย สำหรับคนที่สูง 170 ซม. ขึ้นไป

รายละเอียดตัวรถ : เป็นรถยนต์ Premium MPV อเนกประสงค์ 11 ที่นั่ง ได้รับการตอบรับที่ดีมาตลอดตั้งแต่เปิดตัวในปี 2015 โดยในช่วงปลายปี 2019 นี้ ได้เปิดตัวรุ่นย่อย LX ที่นำเข้าจากประเทศเวียดนาม สามารถทำราคาได้ถูกลงกว่าเดิม ส่วนในรุ่น EX และ SXL ยังคงนำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้เหมือนเดิม พร้อมฟังก์ชัน และระบบอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ ภายในรถที่ครบครัน

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • หน้าปัดแบบ Supervision Cluster ที่มาพร้อมกับจอแสดงผล 7″ TFT LED
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น
  • ระบบวิทยุที่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto
  • ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (เฉพาะรุ่น EX และ SXL)
  • เบาะหลังแถวที่ 4 สามารถพับเก็บแบบ Pop-Up Sinking ที่สามารถดึงออก และพับเก็บได้อย่างง่ายดาย ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
  • Dual Sunroof ระบบซันรูฟไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง บริเวณเหนือศีรษะคนขับ และเหนือเบาะแถวที่ 2 (เฉพาะรุ่น SXL)
  • ระบบประตูข้างไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดได้อย่างง่ายดาย ด้วยรีโมทคอลโทรลแผงควบคุมเหนือศีรษะคนขับ หรือด้วยระบบ Smart Entry ด้วยปุ่มที่ตำแหน่งด้ามจับของประตูด้านนอก
  • ระบบประตูท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เปิด-ปิดประตูท้ายอย่างง่ายดาย
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบเบรกอัตโนมัติ ที่ออกตัวได้ทันทีหลังจากเบรก เพียงแค่เหยียบคันเร่ง (เฉพาะรุ่น EX และ SXL)
  • ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะผู้ขับขี่ และ กระจกมองข้าง 2 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น SXL)
  • ระบบเบาะทำความเย็นคู่หน้า (เฉพาะรุ่น SXL)
  • Blind Spot Detector ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง
  • Rear Cross Traffic Alert ระบบเตือนเมื่อมีรถขับผ่านด้านหลัง
  • Electronic Stability Control Package ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพในการขับขี่ (ESC) ที่มาพร้อมกับระบบช่วยเบรก (ฺBAS) และระบบช่วยออกตัวขณะรถอยู่บนทางลาดชัน (HAC)
  • ISOFIX หูเกี่ยวติดตั้งเบาะสำหรับเด็กบนเบาะแถวที่ 2

เครื่องยนต์ : ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว CRDi ให้แรงม้าสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 – 2,750 รอบ/นาที

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 8 สปีด รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร

มิติตัวรถ : ยาว 5,115 มม. กว้าง 1,985 มม. สูง 1,740 มม. ระยะฐานล้อ 3,060 มม. ล้อแบบล้อแม็ก 18 นิ้ว

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนธันวาคม 2562)

  • รุ่น LX ราคา 1,397,000 บาท
  • รุ่น EX ราคา 1,991,000 บาท
  • รุ่น SXL ราคา 2,292,000 บาท

Hyundai-H-1

Hyundai H-1 2020

ข้อดี : เป็นรถ MPV แบบ 11 ที่นั่ง ที่ออกมานานที่สุด (ตั้งแต่ปี 2551) ในบรรดา 3 คันนี้ ย่อมมั่นใจได้ว่า อะไหล่ต่างๆ หาได้ง่ายกว่าแน่นอน และมีราคาไม่แพง เพราะผลิตที่อินโดนีเซีย (ในส่วนของ Grand Starex มาในแบบ MPV หรู 7 ที่นั่ง ราคาแพงขึ้นมาอีกนิดนึง) อีกทั้ง Hyundai ยังมีศูนย์บริการที่กระจายอยู่หลายที่ในประเทศ และเป็นรถที่เจ้าของขับเองได้ แม้ว่าจะคันใหญ่ไปสักหน่อย แต่เหมาะมากสำหรับคนที่มีครอบครัวใหญ่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ขึ้น-ลงรถ สะดวก

ข้อด้อย : ตัวรถสูง การเข้า-ออก ลานจอดรถ อาจต้องระวังนิดนึง และ H-1 พื้นฐานแบบรถตู้ ช่วงล่างค่อนข้างไม่นุ่มนวลนัก คนขับดูเหมือนคนขับรถให้ผู้บริหารนั่ง

รายละเอียดตัวรถ : ห้องโดยสารขนาดใหญ่ของ H-1 รองรับผู้โดยสารได้ถึง 11 ที่นั่ง สามารถปรับเลื่อนตำแหน่งเบาะที่นั่งได้หลากหลายเพื่อเพิ่มประโยชน์ใช้สอย และพื้นที่วางสัมภาระได้ตามความต้องการ

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • กระจังหน้าดีไซน์ใหม่โครเมียมสลับดำ
  • สเกิร์ตหน้า / ข้าง และกันชนหลังตกแต่งด้วยแถบโครเมียม
  • ไฟหน้าโปรเจคเตอร์
  • ไฟตัดหมอก
  • ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ
  • ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED
  • ไฟท้ายแบบ LED
  • ประตูสไลด์ไฟฟ้าสองข้าง พร้อมรีโมท (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • ไฟส่องพื้นที่กระจกมองข้าง (Puddle Lamps) (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • เบาะหนัง / เบาะแถวที่ 2 ปรับหมุน 180 องศา
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
  • ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
  • ภายในตกแต่งลายไม้
  • พนักพิงศีรษะแบบปีกผีเสื้อ (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • ระบบเบาะ อุ่น/เย็น สำหรับคนขับ (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • พวงมาลัยหุ้มหนัง (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • คันเกียร์หุ้มหนัง (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • ไฟภายในห้องโดยสารแบบ LED พร้อม Mood Lighting เปลี่ยนได้ 6 สี (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • ช่องจ่ายไฟ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
  • ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charger) (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • เครื่องเสียง DVD หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • จอภาพ LCD ติดเพดานพับไฟฟ้าแบบ Full HD 13.3 นิ้ว (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้าง สำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทางอัจฉริยะ Smart View (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP (เฉพาะรุ่น Deluxe)
  • Entertainment Counter ระบบบันเทิงเต็มรูปแบบ หน้าจอขนาดใหญ่ 22 นิ้ว แบบ Full HD พร้อมเครื่องเล่น DVD เบสนุ่มลึกด้วยลำโพงคุณภาพสูง 4 ตำแหน่ง จาก Pioneer (เฉพาะรุ่น Grand Starex)
  • Electric VIP Seats เบาะหนัง ปรับเอนพนักพิงและที่รองขาด้วยระบบไฟฟ้า หมอนรองศีรษะออกแบบพิเศษในลักษณะปีกผีเสื้อ (เฉพาะรุ่น Grand Starex)
  • Heated/Ventilated Seat เบาะนั่งตำแหน่งคนขับสามารถปรับความเย็นหรืออุ่นได้ 3 ระดับ (เฉพาะรุ่น Grand Starex)
  • Wireless Charger ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายบริเวณที่นั่งข้างคนขับ (เฉพาะรุ่น Grand Starex)

เครื่องยนต์ : ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร รหัส D4CB Variable Geometry Turbocharger และ Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 441 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 2,250 รอบ/นาที

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อม Sequential Shift ทุกรุ่น รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร

มิติตัวรถ : ยาว 5,169 มม. กว้าง 1,920 มม. สูง 1,925 มม. ระยะฐานล้อ 3,200 มม. ล้อแบบอัลลอยขนาด 16 นิ้ว

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนธันวาคม 2562)

  • รุ่น Touring ราคา 1,329,000 บาท
  • รุ่น Elite ราคา 1,529,000 บาท
  • รุ่น Deluxe ราคา 1,729,000 บาท
  • รุ่น Grand Starex Premium ราคา 2,349,000 บาท
  • รุ่น Grand Starex VIP ราคา 2,399,000 บาท

ตารางผ่อนดาวน์ All-New Toyota Majesty 2020 ใหม่

Toyota-Majesty-Price-Motor-Expo-2019

ตารางผ่อนดาวน์ New KIA Grand Carnival 2020 ใหม่

KIA-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

ตารางผ่อนดาวน์ New Hyundai H-1 2020 ใหม่

Hyundai-Price-Promotion-Motor-Expo-2019

สำหรับใครที่ต้องการดูไฟล์ภาพขนาดใหญ่ สามารถ “ดาวน์โหลด” ได้ข้างล่างนี้

ราคา และตารางผ่อนดาวน์ All-New Toyota Majesty 2020 ใหม่

ราคา และตารางผ่อนดาวน์ New KIA Grand Carnival 2020 ใหม่

ราคา และตารางผ่อนดาวน์ New Hyundai H-1 2020 ใหม่

ในเวลานี้ ใครที่อยากขายรถ เพื่อซื้อรถใหม่ ต้อนรับปีใหม่นี้ ต้องนึกถึงเรา CARRO! เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand จ้า แค่นี้การเปลี่ยนรถใหม่ของคุณ ก็ง่ายขึ้นแล้ว

Carro-What-Reason-To-Get-Car-Insurance

เพื่อนๆ หลายคน มักจะมองว่าการซื้อประกันภัยรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นชั้นไหนๆ เป็นเพื่อการคุ้มครองทั้งเรา และตัวรถในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมไปถึงครอบคลุมค่าใช้จ่าย ในกรณีที่ตัวเราต้องเข้าโรงพยาบาล หรือรถยนต์ของเราเกิดความเสียหาย

เหตุผลที่ควรทำประกันรถยนต์ติดรถไว้

อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไรนักที่เพื่อนๆ หลายคนอาจจะมองว่าการทำประกันรถยนต์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสักเท่าไรเพราะเนื่องจากตัวเราเองก็รู้จักในการขับขี่อย่างมีสติ และมีความปลอดภัย จึงรู้สึกว่าการทำประกันรถยนต์ที่ต้องคอยเสียเบี้ยประกันไม่ใช่เรื่องที่คุ้มค่า อีกทั้งยังมี พ.ร.บ. รถยนต์ที่คอยดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นให้เราอยู่แล้ว

ทาง masii อยากจะขอแนะนำให้เพื่อนๆ ให้ความสำคัญกับการทำประกันดูนะครับ เพราะว่าหากเราทำประกันรถยนต์ไว้จะเป็นการแบ่งเบาภาระ และค่าใช้จ่ายของเราได้เยอะเลย สำหรับใครยังไม่มั่นใจ วันนี้ตามผมไปอ่านเหตุผลดีๆ ที่ควรทำประกันติดรถไว้กันนะครับ

What-Reason-To-Get-Car-Insurance

1. คุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุรถชน

อุ่นใจได้เลยครับ ไม่ว่าเพื่อนๆ จะเลือกทำประกันชั้นไหนก็จะคุ้มครองทั้งรถเรา รถคู่กรณีด้วยนะ โดยจะแบ่งความคุ้มครองตามกรมธรรม์ ดังนี้

ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองมากที่สุด ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นชนรถ ชนสิ่งของต่างๆ ที่ไม่ใช่รถยนต์ก็คุ้มครองด้วยครับ หรือเคลมได้ทุกกรณีหากเกิดการชน
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองเทียบกับชั้น 1 เลย จะต่างตรงที่ว่า ต้องสามารถระบุคู่กรณีได้
ประกันรถยนต์ชั้น 3+ คุ้มครองซ่อมรถเราให้กรณีที่ระบุคู่กรณีได่เท่านั้น

2. ดูแลค่าใช้จ่าย รักษา หากเกิดอุบัติเหตุ

แน่นอนว่า เราทำประกันรถยนต์เพื่อคอยช่วยดูแลครอบคลุมความรับผิดชอบต่อคู่กรณี ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของตัวเราและคู่กรณี เช่น ช่วยดูแลค่าใช้จ่ายสำหรับค่ารักษาพยาบาล รวมไปถึงค่าซอมแซ่มรถยนต์ตามทุนประกันด้วยครับ

What-Reason-To-Get-Car-Insurance

3. มีเจ้าหน้าที่จากประกันช่วยเจรจาหากเกิดอุบัติเหตุ

ใครๆ ก็ต่างรักรถยนต์ของเราเป็นธรรมดา หากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน มักจะพบเจอกับคู่กรณีที่อารมณ์ร้อน พูดจาด้วยถ้อยคำไม่สุภาพ ถ้าเป็นแบบนั้นคงยากที่เราจะเจรจาต่อรองกัน แต่หากเราทำประกันรถยนต์ไว้ อุ่นใจได้แน่นอน เพราะเราสามารถโทรเรียกเจ้าหน้าที่ประกันมายังที่เกิดเหตุ และเจรจากับคู่กรณีได้ครับ แถมยังช่วยต่อรองกับคู่กรณีได้ง่ายมากขึ้นด้วย

เพียงเท่านี้เพือนๆ ก็คงจะทราบถึงข้อดีสำหรับการทำประกันรถยนต์ติดไว้กันแล้วใช่มั้ยครับ จริงๆ แล้วประกันรถยนต์ยังครอบคลุมอีกหลากหลายกรณีเลยนะครับ หากใครที่สนใจอยากทำประกันรถยนต์ คลิกที่นี่ เพื่อเช็กเบี้ยประกันได้ทันที มีข้อมูลอยากสอบถามโทรเข้ามา 02 710 3100 เรามีทีมงานคอยให้คำตอบอยู่ครับ

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

6-Warning-Signs-Of-Brake-Problems

ระบบเบรกของรถยนต์ นี่ถือว่าสำคัญมากในการขับขี่ที่ไม่สามารถปล่อยละเลยไปได้เลยนะครับ หากเกิดความผิดปกติเพียงเล็กน้อย จะได้ทราบว่าตอนนี้เบรกของคุณกำลังมีปัญหา

เคยไหม ที่ต้องเหยียบเบรกหลายครั้ง รถของคุณถึงจะหยุด หรือมักมีเสียงอี๊ด เอี๊ยด เวลาเบรก บางคนคิดอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เลยไม่ให้ความสนใจ แต่ที่จริงแล้ว นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าเบรกของรถเรากำลังมีปัญหา ซึ่งต้องได้รับการแก้ไขก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น โดยที่สัญญาณเตือนนั้นมีหลายรูปแบบด้วยกัน คือ

1. ไฟเตือนเบรก

อันดับแรกเมื่อ ระบบเบรกมีปัญหา ไฟเตือนเบรกก็จะแสดงสัญญาณเตือนให้รับรู้ และต้องทำการตรวจเช็คโดยด่วน ห้ามมองข้ามโดยเด็ดขาด

2. น้ำมันเบรกรั่ว

สามารถตรวจสอบได้จากระดับของกระปุกน้ำมันเบรก ซึ่งต้องเต็มอยู่เสมอ หากพร่องให้เติมจนถึงระดับที่กำหนด เมื่อเกิดเหตุการณ์การรั่วไหลของสายเบรก จะทำให้น้ำมันเบรกลดลงอย่างรวดเร็วและมักมีน้ำมันไหลซึมบริเวณใกล้ล้อรถเมื่อจอด หรือมีน้ำมันไหลหยดใกล้แป้นเบรกขณะเหยียบเบรก ซึ่งเบรกจะไม่ทำงานหากไม่มีน้ำมันเบรก

3. เกิดเสียงขณะเหยียบเบรก

เสียงที่เกิดเมื่อเหยียบเบรก มักมีสองลักษณะด้วยกัน คือ

เสียงเอี๊ยดๆ เกิดจากการเสียดสีของจานเบรกกับผ้าเบรก ที่อาจเสื่อมสภาพแล้วทำให้เกิดเสียง และเบรกไม่ค่อยอยู่ หากไม่แก้ไขเสียงจะดังขึ้นเรื่อยๆ

เสียงครืดๆ เกิดจากคราบฝุ่นสกปรก หรือเศษหินเล็กๆเข้าไปอยู่ระหว่างผ้าเบรกและจานเบรก เมื่อเสียดสีกันจึงเกิดเสียงขึ้น แต่ถ้ามีเสียงหลังจากขับลุยน้ำมา อาจเกิดจากผ้าเบรกเปียก ขับไปสักพัก เมื่อผ้าเบรกแห้งเสียงจะหายไปเอง

4. พวงมาลัยสั่น

เมื่อเหยียบเบรกแล้วแป้นสั่นขึ้นมาจนถึงพวงมาลัย อาจเกิดจากแผ่นโรเตอร์บิดเบี้ยวทำให้เกิดการสั่นขึ้น หากไม่อยากหมดเงินในกระเป๋า ถ้ามีอาการแบบนี้ควรรีบให้ช่างตรวจเช็คทันที เพราะไม่อย่างนั้นอาจต้องเปลี่ยนอะไหล่เบรกหลายตัว

5. กลิ่นไหม้

อาการนี้มักเกิดกับเกียร์ออโต้ หรือผู้ขับขี่ที่เวลาขับรถขึ้นลงเขาชอบเหยียบแช่เบรก ทำให้เบรกติดและไหม้ตามมาในที่สุด อาการนำคือกลิ่นเหม็นไหม้ หรือหนักกว่านั้น ก็จะมีควันออกตรงกระโปรงรถให้ตื่นเต้นด้วย เพราะฉะนั้น ต้องระวังการเหยียบเบรกแช่ขณะขับรถให้ดี

6. เบรกไม่ค่อยอยู่

ไม่ว่าจะเป็นเบรกต่ำ คือ เบรกแล้วจมมากกว่าปกติ หรือเบรกตื้อ ที่ใช้แรงในการเหยียบเบรกมากกว่าปกติก็ตาม ซึ่งอาจเกิดจากลูกยางแม่ปั้มเบรก หม้อลม ลูกสูบ ฯลฯ ล้วนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าระบบเบรกของคุณ กำลังมีปัญหาต้องพบช่างเพื่อแก้ไขโดยด่วน

อาการเหล่านี้ที่เกิดขึ้น จะทำให้คุณสังเกตถึงความผิดปกติของระบบเบรกได้ง่ายขึ้น แต่หากตรวจสอบแล้วพบเจอ ต้องรีบแก้ไขโดยทันที อย่าละเลย นอกเหนือจากนี้ต้องคอยตรวจสอบ และเช็คสภาพรถยนต์ตามระยะเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่

หากคุณต้องการขายรถด่วน CARRO ช่วยได้ขายให้ภายใน 24 ชั่วโมง และได้ราคาดี และหากต้องต้องหารรถยนต์ใหม่ ป้ายแดง โปรแรงๆ สามารถดูโปรโมชั่นได้ที่ https://www.siamcardeal.com/ หรือสามารถ Inbox สอบถามโปรโมชั่นรถใหม่และข่าวสารได้ที่ Facebook Siamcardeal

หรือ Add Line เพื่อรับโปรโมชั่นต่างๆ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม @siamcardeal
inbox : http://m.me/siamcardeal
line : https://line.me/R/ti/p/@siamcardeal

Carro-Masii-Old-Car-Can-Do-First-Class-Insurance

ในปัจจุบัน การเลือกซื้อหรือใช้งานรถยนต์มือสอง ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุผลที่ว่ารถมือสองมักจะเสนอขายในราคาที่ถูกกว่า รวมไปถึงถ้าหากเราเลือกรถมือสองที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นสภาพรถทั้งในและนอก เราเองก็จะได้รถมือสองที่คุณภาพดีไม่แพ้รถมือหนึ่งเลย

หากมีรถยนต์เป็นของตัวเอง การเลือกทำประกันรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่เพื่อนๆ หลายคนควรทำ แต่สำหรับรถมือสอง เราควรจะทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เลยดีมั้ยนะ หรือว่าควรเลือกตามความเหมาะสมกับตัวเองดี วันนี้ masii มาคำตอบมาฝากชาว Carro กันจ้า

Carro-Masii-Old-Car-Can-Do-First-Class-Insurance

เพื่อนๆ หลายคนมักจะมองว่าการเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้กับรถมือสองเป็นสิ่งที่สิ้นเปลือง เพราะเนื่องจากมีการใช้งานมาสักระยะแล้ว หากเป็นรถมือหนึ่ง หรือรถป้ายแดง แบบนี้สิที่ควรจะทำ

แต่การทำประกันรถยนต์นั้นเรามีไว้เพื่อความอุ่นใจ ในกรณีที่เกิดความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุกับเพื่อนๆ แม้จะมีความมั่นใจว่าขับรถปลอดภัยอยู่แล้ว แต่อุบัติเหตุบนท้องถนนสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ

ดังนั้น การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จะช่วยให้เพื่อนๆ อุ่นใจได้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว่าประกันรถยนต์ชั้นอื่นๆ อย่างแน่นอน

Carro-Masii-Old-Car-Can-Do-First-Class-Insurance

แต่เพื่อนๆ คนไหนที่ขับรถมือสอง เกิดอยากจะทำประกันชั้น 1 ควรจะเป็นรถยนต์ที่อายุไม่เกิน 10 ปีนะ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน เพราะบางแห่งก็สามารถรับรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 10 ปี ได้อีกด้วยนะ

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่มองหาประกันรถยนต์ที่เบี้ยไม่แพงนัก ประกันรถยนต์ชั้น 2+ นั้นเหมาะมากๆ สำหรับรถมือสอง เพราะให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 เลย หลักๆ คือ คุ้มครองความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินของคู่กรณี ค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยอุบัติเหตุ

หากสนใจอยากทำประกันรถยนต์ เพื่อนๆ สามารถ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์​ รวมไปถึงเช็กเบี้ยประกันรถยนต์ได้อีกด้วยนะ หากมีคำถามสงสัย สามารถโทรเข้ามาได้ที่ 02-7103100 เรามีทีมงานคอยให้คำตอบอยู่จ้า

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

Buy-Secondhand-Car-Oldyear-Or-Newyear

อีกหนึ่งในปัญหาโลกแตก ของคนที่ “อยาก” ขายรถคันเดิม แล้วเปลี่ยนรถเป็นคันใหม่ …

“ผมมีงบอยู่ประมาณ 3 แสน จะซื้อรถรุ่น XXX ขนาด Compact Car หรือรถยี่ห้อ XXX รุ่น OOOOO ที่มีขนาด Mid-Size ดีครับ? กำลังลังเลอยู่เลย”

“พอดีดิฉันอยากจะเปลี่ยนรถใหม่ ก็เลยเล็งๆ รถรุ่น XXXX ที่เป็นแบบ Eco-Car อยู่ค่ะ แต่มาเห็นรถมือสอง XXX OOOOOO ขนาด Compact Car ดี?”

คำถามแนวๆ นี้ ผมเองตั้งแต่เล่นรถมา ก็ได้ยินมานานมากแล้วครับ ตามเว็บบอร์ดต่างๆ ตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบัน

ก่อนอื่น ต้องถามตัวคุณเองก่อนว่า มีความรู้ในเรื่องรถยนต์มากน้อยแค่ไหน?

Buy-Secondhand-Car-Oldyear-Or-Newyear

ถ้าคุณอยากได้รถมือสองปีเก่าหน่อย แต่เป็นรถใหญ่ ถ้าเป็นรถญี่ปุ่น แนว Mid-Size Car (หรือ D-Segment) ก็มีให้เลือกอยู่หลายรุ่น เช่น Toyota Camry (ACV40) (โตโยต้า แคมรี่), Nissan Teana (J32) (นิสสัน เทียน่า) หรือจะเป็น Honda Accord (CU หรือ G8) (ฮอนด้า แอคคอร์ด) สมมติว่าเป็นรุ่นประมาณปี 2007 – 2012

ซึ่งในตอนนี้มีราคาขายอยู่ในตลาดรถมือสอง ประมาณ 2 แสนบาทกลางๆ จนไปถึงประมาณเกือบ 6 แสนบาท ในเวลานี้ (ปี 2564)

Buy-Secondhand-Car-Oldyear-Or-Newyear

ข้อดี! ของการซื้อรถมือสองปีเก่า ได้รถใหญ่ คืออะไร?

– ออพชั่น แน่นอน! คุณได้ออพชั่นที่มากกว่ารถในรูปแบบ Eco-Car, Sub-Compact Car หรือ Compact Car อยู่แล้ว รวมไปถึงระบบความปลอดภัยด้วย ซึ่งถ้าใครจำเป็นต้องขับรถทางไกลไปต่างจังหวัดบ่อย การเลือกรถใหญ่ ค่อนข้างขับได้ดีและมั่นคงเลยทีเดียว แต่ก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่าย ค่าน้ำมันที่มากขึ้นไปด้วยเช่นกัน

แต่ความเสียเปรียบของรถเก่า หลักๆ ก็จะเป็น การบำรุงรักษาของรถเก่า (ที่อายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไป) ก็ต้องเริ่มเอาใจใส่เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นระบบเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ของเหลวต่างๆ ระบบน้ำหล่อเย็น เป็นต้น

คือไม่ต้องมีความรู้มากมาย ชนิดพวกชอบอวดตัวเองเป็น กูรู กูรู้ ก็ได้ ขอแค่มีความรู้ในเบื้องต้น หมั่นรู้จักสังเกตดูว่า ตามซีล ข้อต่อต่างๆ มีหยดรั่วซึม หรือไม่? เครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง หรือแอร์ มีเสียงแปลกๆ ไปจากที่เคยหรือเปล่า? เพราะการจะเล่นรถเก่า อุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ ย่อมมีการเสื่อมสภาพไปตามการใช้งานอยู่แล้ว โดยบางยี่ห้อ อะไหล่ก็มีราคาไม่แพง แต่บางยี่ห้อ อะไหล่ก็อาจจะแพงหน่อย

ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ ก็ลองเข้าไปเป็นสมาชิกตามกลุ่มต่างๆ เพื่อเก็บข้อมูลจากผู้ใช้จริง ก่อนจะซื้อรถรุ่นนั้นๆ ก็ได้

Buy-Secondhand-Car-Oldyear-Or-Newyear

แล้ว ข้อดี! ของการซื้อรถมือสองปีใหม่ ได้รถเล็ก คืออะไร?

สมมติว่า คุณอาจจะเลือกรถมือสอง ที่มีอายุการใช้งานเพียงแค่ 3-4 ปี แต่เป็นแบบรถเล็ก ซึ่งในตลาดตอนนี้ ก็มีให้เลือกอยู่มากมายหลายรุ่น

นับตั้งแต่ในแบบของ Eco-Car ที่เป็นรถมือสองอายุปีไม่มาก (ประมาณ 3-6 ปี)

โดยเลือกรถประมาณปี 2013 – 2017 ราคากลางอยู่ที่ประมาณ 1 แสนบาทปลายๆ ไปจนถึง 4 แสนบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ปี สภาพของตัวรถ ระยะทางวิ่ง

Buy-Secondhand-Car-Oldyear-Or-Newyear

ไปจนถึงในแบบ Sub-Compact Car (หรือ B-Segment) เช่น

หรือจะเป็น …

โดยเลือกรถประมาณปี 2011 – 2016 ราคากลางอยู่ที่ประมาณ 1 แสนบาทปลายๆ ไปจนถึง 4 แสนกว่าบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ปี สภาพของตัวรถ ระยะทางวิ่ง เช่นกัน!

Buy-Secondhand-Car-Oldyear-Or-Newyear

สำหรับข้อดีของรถมือสองปีใหม่ นั่นคือ บางรุ่น ตอนนี้ก็ยังมีผลิตในรูปแบบของรถป้ายแดงอยู่! อีกทั้งยังเป็นตัวรถขนาดเล็ก ซึ่งประหยัดน้ำมันตามสไตล์ Eco-Car และ Sub-Compact Car เป็นอย่างดี รวมไปถึงออพชั่น (โดยเฉพาะรุ่น Top) ของรถเล็กเดี๋ยวนี้ ก็ดูไม่ต่างจากรถใหญ่เมื่อ 10 กว่าปีก่อนแล้ว

และยังได้เรื่องประหยัดน้ำมันอีกด้วย ถ้าจำเป็นต้องใช้รถในเมืองใหญ่ๆ มากกว่าวิ่งออกต่างจังหวัด ถ้าจะเอาไปติดแก๊ส LPG ก็ยิ่งคุ้มเข้าไปอีก แต่ก็ต้องหมั่นดูแลรักษารถยนต์มากกว่าปกติเช่นกัน

เรียกได้ว่า อาจจะจ่ายเงินซื้อรถมือสองแพงหน่อย แต่ได้ในเรื่องของปีใหม่กว่า สภาพตัวรถดีกว่า ตัดปัญหาเรื่องซ่อมใหญ่ซ่อมเยอะไปได้ … แต่บางยี่ห้อ ก็ต้องไปลุ้นกันเอาเอง เพราะเรื่องแบบนี้ไม่เสมอไปทุกยี่ห้อครับ

Buy-Secondhand-Car-Oldyear-Or-Newyear

ยิ่งรถมือหนึ่ง ในยุคนี้ หลายคนอาจคิดว่าซื้อรถป้ายแเดงละ สบายเลย อย่างน้อยก็ไม่ต้องซ่อมอะไรกับรถไปได้หลายปี ผ่อนกับเติมน้ำมันอย่างเดียวพอ … ที่ไหนได้! รถดันมีปัญหาขึ้นมา จอดกินข้าวลิงข้างทาง เสียขึ้นรถยกกันเป็นว่าเล่น

ถ้าโชคดี ยังอยู่ในประกันก็ได้เคลมฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรี ขึ้นรถยกฟรี แต่ถ้าหมดระยะประกันแล้ว ก็หาเงินจ่ายเอง

ผมจะบอกให้ว่า “รถ” ก็คือ “ลด” ยิ่งรถเก่าเท่าไหร่ มูลค่าความเสื่อมสภาพก็จะยิ่งมาก และเมื่อจุดที่ราคารถรุ่นนั้นๆ ตกลงมาจนถึงขีดสุดแล้ว มันก็อยู่คงตัว ไม่ขึ้นไม่ลง ไปมากกว่านี้แล้วล่ะครับ

ซึ่งถ้าหากคุณซื้อรถมือสองมาใช้สัก 1-2 ปี แล้วเกิดอยากเปลี่ยนคันใหม่ มูลค่าอาจลดลงเพียงหลักหมื่นบาทเท่านั้น โดยขึ้นอยู่กับมูลค่าที่คุณซื้อมาด้วย นี่ก็ถือว่าเป็นข้อดีของรถมือสองด้วยครับล่ะ เพราะถ้าคุณไปเล่นป้ายแดง ก็อาจจะขาดทุนหลักแสน!

Buy-Secondhand-Car-Oldyear-Or-Newyear

สุดท้ายนี้ การเลือกรถมือสอง “ความละเอียด” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในการเลือกรถมือสอง ต้องเลือกที่สภาพดีพร้อมใช้งาน ไม่เคยชนหนัก หรือจมน้ำมา เป็นต้น ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งต้องไม่ถูกจนเกินไป (ถูกมากๆ ต้องเอาไปเก็บงานเยอะแน่ๆ หรือมีอะไรเสียหนักอยู่) หรือแพงจนเกินไป (สงสัยหมดเงินแต่ง ปั้น ไปเยอะ คงบวกค่าของแต่งเข้าไปด้วย)

และซื้อขายกันอย่างถูกต้อง มีสัญญาซื้อขาย ทะเบียนรถโอนได้อย่างถูกกฏหมาย แค่นี้ก็สบายใจแล้วล่ะครับ

Buy-Secondhand-Car-Oldyear-Or-Newyear

ถ้าคุณตัดสินใจอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเป็นเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเดิมกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express แค่คลิก -> https://th.carro.co/sell-car/express หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ ซื้อรถ คลิก -> https://th.carro.co/taladrod/allcar/carro 

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

4-Ways-To-Drive-A-Van-In-Reverse-Gear

จากกรณีที่มีข่าวรถตู้รับส่งนักเรียน ถอยทับคุณยายวัย 83 เนื่องจากคนขับมองไม่เห็นและไม่รู้ ซึ่งกรณีแบบนี้ ก็มีเกิดเรื่องมาให้เห็นกันแล้วหลายครั้งในอดีต

สิ่งที่ควรรู้ไว้ หากคุณขับรถตู้ ความรอบคอบ การกะระยะซ้ายขวาหน้าหลัง ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่ารถตู้จะดูเหมือนขับไม่ยาก เพราะมีช่วงหน้ารถที่สั้น แซง แทรก เปลี่ยนเลน ง่ายมาก แต่ด้านท้ายนั้น เหมือนขับรถพ่วง เพราะจะมองไม่ค่อยเห็นในมุมด้านหลัง (เนื่องจากมีเบาะบังอยู่)

เวลาขับรถตู้ แล้วต้องถอยหลัง ต้องทำอย่างไร? วันนี้ Mr.Carro มีเทคนิคดีๆ มาฝากครับ

4-Ways-To-Drive-A-Van-In-Reverse-Gear

ดูกระจกมองข้าง

ใช้กระจกมองข้างให้คล่อง เวลาถอย ดูซ้าย ดูขวา ว่ามีอะไรกีดขวางหรือไม่ ก่อนจะถอย

4-Ways-To-Drive-A-Van-In-Reverse-Gear

ดูกระจกส่องท้ายรถตู้

อย่าลืมมองหันไปมองกระจกส่องท้ายรถตู้ (ถ้ามี) เพราะกระจกส่องท้ายรถตู้ จะติดตั้งในมุมที่มองเห็นด้านล้างของท้ายรถพอดี

4-Ways-To-Drive-A-Van-In-Reverse-Gear

กล้องมองภาพท้ายรถ / สัญญาณกะระยะท้ายรถ

เนื่องจากจุดบอดของรถตู้จะอยู่ที่ด้านท้าย เช่นเดียวกับรถบรรทุก หรือรถพ่วง การติดตั้งกล้องมองภาพด้านหลังรถ หรือสัญญาณกะระยะท้ายรถ เมื่อมีสิ่งกีดขวาง สัญญาณจะดังขึ้นเรื่อยๆ หรือมองเห็นภาพได้จากในรถ ก็จะช่วยให้ถอยรถ ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

4-Ways-To-Drive-A-Van-In-Reverse-Gear

ลงมาดูท้ายรถ หรือ ให้คนช่วยดูท้ายรถให้

วิธีนี้ปลอดภัยสุด เมื่อไม่แน่ใจว่ามีสิ่งกีดขวาง ให้ลงมาดูด้านท้ายรถ หรือให้คนมายืนดูทางให้เวลาถอยรถ

ลองจำไว้ใช้ แล้วปฏิบัติตามกันดูนะครับผม

ถ้าคุณตัดสินใจอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเป็นเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเดิมกับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

How-To-Choose-Child-Car-Seat

ช่วงนี้ หากใครที่กำลังเริ่มต้นมีครอบครัว หรือเพิ่งจะมีลูก หลายคนอาจจะอยากพาลูกเล็กๆ ไปเที่ยวด้วยกันอย่างสม่ำเสมอ

หากมีเด็กน้อยที่จำเป็นต้องอยู่ในทริปของคุณพ่อ คุณแม่ ตลอดระยะการเดินทาง การจะปล่อยให้ลูกน้อยของเรานั่งนิ่งบนเบาะผู้โดยสารแบบผู้ใหญ่คงไม่ปลอดภัย ดังนั้นการมี “คาร์ซีท” ติดรถยนต์ของเราไว้ จึงนับว่าเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงถึง

คุณแม่กับวิธีการเลือกคาร์ซีท

การเลือกติดตั้งคาร์ซีท หรือที่รู้จักกันว่าเป็นที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กน้อย คงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มความปลอดภัย รวมไปถึงยังลดความเสี่ยงอันตรายที่จะเกิดขึ้น เช่น การเสียชีวิต การบาดเจ็บต่างๆ ที่มาจากรถยนต์ได้ด้วย วันนี้ masii จึงขอแนะนำวิธีเลือกคาร์ซีทสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ มือใหม่ที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรมาฝากเพื่อนๆ ชาว Carro จ้า

เลือกประเภทให้ถูก

อันดับแรกเลยคือ ต้องดูที่เด็กน้อยของเราก่อนว่า มีช่วงอายุเท่าไร ส่วนสูงเท่า รวมถึงขนาดตัวของเด็กๆ ด้วย เพราะหลักๆ คาร์ซีทจะแบ่งประเภทตาม เพราะถ้าหากลูกน้อยของเราโตขึ้นจนสามารถคาดเข็มขัดนิรภัยได้ถูกต้องอย่างเหมาะสมแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้คาร์ซีทอีกต่อไป

How-To-Choose-Child-Car-Seat

เข็มขัดนิรภัย

คาร์ซีทที่ดีนั้นควรจะมีเข็มขัดนิรภัยที่ได้รับมาตรฐาน และควรจะเป็นเข็มขัดนิรภัยแบบ 5 จุด เพราะว่าจะมีความปลอดภัยมากกว่าแบบ 3 จุดที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน

ความปลอดภัย

เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย และเด็กเล็กของเรา การเลือกซื้อคาร์ซีทที่มีมาตรฐานรับรองจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้คุณพ่อคุณแม่ได้อย่างแน่นอน ต้องขอบอกว่าบางยี่ห้อที่นำเข้ามาอาจจะไม่ได้มาตรฐานก็เป็นไปได้ ดังนั้นเรื่องของการเลือกซื้อคาร์ซีทควรใส่ใจอย่างมาก หรือเลือกจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น Federal Motor Vehicle Safety Standard 213 ของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

How-To-Choose-Child-Car-Seat

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม

นอกจากคาร์ซีทที่จะเพิ่มความอุ่นใจ แต่ก็อาจจะยังมีข้อเสียที่ส่งผลอื่น ๆ ให้แก่เด็กน้อยของเราได้เช่นกันนะ ดังนั้น หลังจากที่เราได้ทำการเลือกซื้อคาร์ซีทมาแล้ว คุณพ่อ คุณแม่ ควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมกันด้วยนะคะ เช่น การติดตั้ง การคาดสายเข็มขัดนิรภัย เพื่อความปลอดภัยต่อลูกๆ ของเราเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ทุกทริปทุกเดินทาง ทั้งเรา และเด็กน้อยก็สามารถสบายใจได้ด้วยคาร์ซีทที่ได้มาตรฐาน แต่เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้มากขึ้น การเลือกทำประกันภัยรถยนต์จะเป็นตัวเลือกที่ดีตัวหนึ่งเลย คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบเบี้ยประกันได้ทันที ถ้าหากมีข้อมูลสงสัยอยากสอบถาม​ โทรเข้ามาได้ที่ 02-7103100 เรามีทีมงานคอยให้คำตอบอยู่จ้า

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

Classic-Car-Scrapped-Project

“ซากรถ” ถ้าจะให้พูดถึงโดยภาพรวม ก็จะหมายความว่า รถยนต์ที่หมดสภาพ หรือหมดประโยชน์ในการใช้งานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุหนักๆ ที่ซ่อมแล้วไม่คุ้มกับมูลค่าตัวรถ หรือคืนทุนประกันแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ขายซากรถยนต์ ทิ้งซะดีกว่า

หรือถ้าจะซ่อม ก็คงไม่เหมือนเดิม เพราะโครงสร้างตัวถังที่เสียรูปไปแล้ว จะทั้งดึงทั้งดัด ก็คงไม่เหมือนเดิม 100% หรือรถที่พังจนใช้งานไม่ได้ เช่น โดนน้ำท่วมมา เป็นต้น

แต่ซากรถในอีกประเภทหนึ่ง อาจจะไม่ได้เคยเกิดอุบัติเหตุอะไร เช่น เป็นรถที่จอดทิ้งไว้เฉยๆ จนผุพังไปตามกาลเวลา หรือเป็นรถแปลกๆ หายากๆ ที่นำเข้ามาใช้งานตั้งแต่ในอดีต แล้วหาอะไหล่ หรือซ่อมไม่ได้ จนเจ้าของหมดปัญญาจะใช้

พอเวลาผ่านไป ด้วยความที่รถเหล่าอาจจะมีน้อย รถรุ่นนั้นเกิดเป็น “เทรนด์ฮิต” ขึ้นมาอีกครั้ง เช่น ซากรถอเมริกันบางรุ่น หรือ ซากรถยุโรปในอดีต อย่าง “โฟล์คเต่า” หรือ “โฟล์คตู้” ที่จัดอยู่ในระดับรถคลาสสิค หายาก และที่เป็นต้องการของตลาด ราคาที่เคยตกต่ำกลับสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้ใครต่อใครหลายคน เริ่มมองหาซากรถเก่า เพื่อขึ้นมาปั้นใหม่อีกครั้ง!

Mr.Carro จะมาพูดถึงซากรถประเภทนี้ ต้องเตรียมตัวอย่างไร? เตรียมงบกันเท่าไหร่? เอาข้อมูลต่างๆ มาเล่าให้ฟังกัน

Classic-Car-Scrapped-Project

ภาพจาก Victer Ounlum

เล่มทะเบียน สัญญาซื้อขาย สำคัญ!

หากคุณจะซื้อ ซากรถยนต์มาทำใหม่ แล้วนำมาจดทะเบียน ก็ต้องตรวจสอบข้อมูลตัวรถให้ดีก่อนว่า เล่มทะเบียน เอกสารชุดโอนของเจ้าของเดิม สัญญาซื้อขาย มีครบถ้วนหรือไม่? ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป ก็ไม่น่าไว้วางใจนัก เพราะบางทีอาจจะเป็น ซากรถที่ถูกขโมยมา โดนสวมทะเบียนจากรถคันอื่น หรือรถที่ผ่านการก่อคดี หรือทำผิดกฏหมายมา แล้วอำพรางเป็นซากมานานก็เป็นได้

เรื่องภาษีรถยนต์ ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญ! ซากรถหลายคัน ถูกทิ้งมานานมาก ตั้งแต่ภาษีประจำปีรถยนต์ ยังมีค่าปรับในการเสียภาษีล่าช้า ในอัตราร้อยละ 20

ต่อมาในวันที่ 28 กรกฎาคม 2546 ทางกรมการขนส่งทางบก ได้ปรับลดอัตราค่าปรับของการไม่เสียเสียภาษีรถยนต์ประจำปีใหม่ ตาม พรบ. รถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546 จากเดิมร้อยละยี่สิบ เหลือเพียงร้อยละหนึ่ง

Classic-Car-Scrapped-Project

ภาพจาก Na Boyd และ โต้งคลาสสิค ผู้ชนะสิบทิศ

และหากรถขาดต่อภาษีเกิน 3 ปี ทะเบียนรถนั้นจะถูกระงับทันที (ซึ่งถ้าเกิดไปจ่ายภาษี คุณจะเสียค่าปรับย้อนหลังแค่ 3 ปี + และสามารถจดทะเบียนรถใหม่ พร้อมกับจ่ายภาษีรถยนต์ปีปัจจุบันเพียงอย่างเดียว)

ดังนั้น ควรเช็คดูด้วยว่าซากรถที่คุณจะเอามาปั้นนั้น เสียภาษีปีล่าสุดตั้งแต่เมื่อไหร่ (ถ้าไม่ได้แจ้งจอดไว้แต่แรก) เพราะถ้าหากภาษีรถคุณขาดตั้งแต่ก่อนปี 2547 คุณอาจต้องจ่ายภาษีย้อนหลังก่อนหน้านั้นทุกปี! และค่าปรับในอัตราร้อยละ 20!

แล้วอีกหนึ่งข้อควรจำนั่นก็คือ หลังจากวันที่ 5 ม.ค. 2558 เป็นต้นไป “รถที่ยกเลิกการใช้รถในกรณีซากรถ ไม่สามารถจดทะเบียนใหม่” ได้แล้วครับ

Classic-Car-Scrapped-Project

ภาพจาก YP Garage

งบประมาณในการปั้น

ถ้าจะให้กะงบประมาณในการปั้น ก็ต้องดูพื้นฐานของซากรถที่คุณได้มาก่อนว่า เป็นรถรุ่นไหนแบบไหน สภาพแย่น้อยหรือแย่มาก อะไหล่หายากหรือไม่ ในต่างประเทศ ยังมีการผลิตอะไหล่รถแบบ Reproduction (อะไหล่ของใหม่ แต่ทำเลียนแบบของเก่า) อยู่หรือไม่?

เพราะในวงการรถคลาสสิค รถโบราณ มีคนปั้นซากรถหลายคัน หมดเงินในการเสาะแสวงหาอะไหล่ต่างๆ ในการฟื้นฟูรถ จะทำรถให้เดิมๆ หมด หรือจะเป็นแนว Custom ก็ตาม บางคนหมดเงินไปหลายแสน หรือหมดเงินไปหลักล้านบาทเลยก็มี

Classic-Car-Scrapped-Project

ภาพจาก YP Garage

เวลาในการปั้น

รถคลาสสิคที่ปั้นจากซากรถบางรุ่น อาจจะต้องใช้ชิ้นส่วนหรืออะไหล่ที่หายากเป็นพิเศษ ซึ่งอาจจะหาซื้อในบ้านเราไม่ได้ หรือต้องใช้เวลาสั่งจากเมืองนอกนาน ทำให้เวลาในการทำรถนั้น อาจจะนานตั้งแต่หลายเดือน ไปจนถึงหลายปี ซึ่งหลายคนงบหมด เวลาไม่มี ก็ต้องล้มโปรเจค ขายรถให้คนอื่นไปปั้นต่อแทน

สุดท้ายนี้ก็ขอนำ Quote เด็ดๆ จาก “ปั้นจากซาก” มาเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังทำรถของตัวเองกันครับ

“ความสุขของคนเก็บรถโบราณอย่างผม ไม่ได้อยู่ที่ราคาหรือความสวยงามของตัวรถ แต่อยู่ที่ความภาคภูมิใจที่สามารถซ่อมจากซากรถจนกลับมาเป็นสภาพเดิมที่มันเคยเป็น มันทำให้ผมมีความพยายามและความอดทนครับ” – ศิริพงษ์ บูรณะพันธุ์

สำหรับใครที่มีซากรถครอบครองอยู่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะขายทิ้ง หรือเอาซากรถไปทำอะไรต่อดี เชิญมาขายได้ที่ Carro ง่ายนิดเดียว เพียงแค่กรอกรายละเอียดใน Link นี้ —> https://th.carro.co/sell-car/express/scrapcar

หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

กับ Add Line มาสอบถามรายละเอียดก็ได้เช่นกัน ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก