Claim-Car-Insurance-About-Flood

ช่วงนี้ หลายต่อหลายพื้นที่ของประเทศไทย ก็อยู่ในช่วงฤดูมรสุม โดนพายุฝนกระหน่ำกันไปถ้วนหน้า ถ้าท่านใดสามารถขนข้าวของ ขนรถหนีน้ำได้ทัน ก็ถือว่าโชคดีไป แต่บางหลายอาจจะขนข้าวขนของ ขนรถหนีไม่ทัน (เช่น รถจอดอยู่ชั้นใต้ดินของคอนโดมิเนียม) โดนน้ำท่วมไปต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว นับเป็นความสูญเสียที่มหาศาล ทั้งทรัพย์สินและที่อยู่อาศัย

สำหรับประกันภัยรถยนต์บางชนิด เช่น ประกันภัยชั้น 1 ที่มีครอบคลุมไปถึงภัยธรรมชาติ หรือประกันภัยแบบพิเศษ อาทิเช่น ประกันภัยชั้น 2+ และ 3+ เป็นต้น หากรถใครที่มีประกันภัยชนิดดังกล่าว ก็จะช่วยลดความกังวลในการจ่ายค่าซ่อมไปได้บ้าง

Claim-Car-Insurance-About-Flood

หากรถโดนน้ำท่วมแล้ว (แล้วรถมีประภันภัย เช่น ชั้น 1) จะมีวิธีเคลมประกันได้อย่างไร กรณีน้ำท่วมรถ

1. แจ้งเคลมกับบริษัทประกันภัย ให้มาตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือถ้าไม่สะดวกก็ถ่ายรูปรถยนต์รอบๆ รถเอาไว้ ตอนที่เกิดน้ำท่วมเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน

2. บริษัทประกันภัยก็จะติดต่อนัดหมายผู้เอาประกันภัย เพื่อเข้าไปตรวจสอบรถยนต์คันที่เสียหาย หรือาจจะขอนัดคุณไปดูว่า รถคันที่เสียหายตอนนี้ จอดอยู่ ณ สถานที่แห่งใด ก่อนจะลากรถไปยังอู่ซ่อมรถ หรือศูนย์บริการ เพื่อทำการตรวจสอบสภาพรถ

3. อู่หรือศูนย์บริการ ก็จะทำการประเมินความเสียหาย ประเมินรายการจัดซ่อม ซึ่งสามารถตัดสินออกได้เป็นอีก 2 แบบ ได้แก่

  • กรณีรถยนต์เสียหายอย่างสิ้นเชิง (หรือ Total Loss) คือ ส่วนใหญ่บริษัทประกันภัย จะประเมินมูลค่าความเสียหายที่ 70% ของมูลค่ารถคันนั้น ซึ่งหากพิจารณาจากความเสียหาย ในกรณีนี้คือ รถจมน้ำท่วมมิดคัน หรือ ท่วมเกินช่วงคอนโซลหน้า ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับทั้งห้องโดยสาร
    หากบริษัทประกันภัยพิจารณาแล้วว่า รถยนต์คันดังกล่าว ไม่คุ้มที่จะซ่อมให้กลับมาสภาพเดิมได้ ซึ่งรวมถึงเครื่องยนต์ ก็จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ให้ตามทุนประกันภัยที่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยเจ้าของรถหรือผู้รับผลประโยชน์ ต้องโอนกรรมสิทธิ์ (คืนซากรถ) ให้กับบริษัทประกันภัย และกรมธรรม์ฉบับดังกล่าวก็ถือเป็นอันสิ้นสุดความคุ้มครองไป
  • กรณีรถยนต์เสียหายบางส่วน (หรือ Partial Loss) คือ รถยนต์ไม่เสียหายมากนัก สามารถซ่อมให้กลับมาใช้งานได้ตามเดิม บริษัทประกันภัยก็จะพิจารณาให้เป็นลักษณะความเสียหายบางส่วนเท่านั้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการประเมินของบริษัทประกันภัยด้วย ซึ่งมีรายละเอียดตามนี้

 

OIC-Repair-method-of-each-water-level-rank

 

ระดับ A น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์ ประเมินค่าซ่อม 8,000-10,000 บาท มีรายการที่ต้องดำเนินการ 15 รายการ เช่น ตรวจสอบแบ็ตเตอรี่ (ถอดขั้ว/ตรวจสอบน้ำกลั่น/ไฟ-ชาร์ท) ทำความสะอาดตัวรถ ล้าง-อัด-ฉีด ขัดสี ถอดเบาะนั่ง หน้า-หลัง ถอดคอนโซลกลาง (คันเกียร์) ถอดพรมในเก๋ง-ซักล้าง-ตาก-อบแห้ง ถอดคันเร่ง (รถที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าและเซ็นเซอร์)

ถอดลูกยางอุดรูพื้นรถและทำความสะอาด ล้างทำความสะอาดห้องเครื่อง-เป่าแห้ง ตรวจสอบทำความสะอาดระบบเบรก 4 ล้อ/ผ้าเบรก ทำความสะอาดสายไฟ-ปลั๊กไฟด้วยน้ำยาเคมีภัณฑ์ ตรวจสอบชุดท่อพักไอเสีย (แคทธาเรติค)

ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง ประเมินค่าซ่อม 15,000 -20,000 บาท มีรายการที่ต้องดำเนินการ 26 รายการ โดยเพิ่มเติมจาก 15 รายการในระดับ A คือ การถ่ายน้ำมันเครื่อง-เกียร์-เฟืองท้าย กรองน้ำมันเครื่อง-กรองอากาศ-กรองเบนซิน-กรองโซล่า ตรวจระบบจุดระเบิด หัวเทียน จานจ่าย หัวฉีด ตรวจสอบชุดเพลาขับ

ถอดทำความสะอาดแผงประตูทั้ง 4 บาน ตรวจชุดสวิทซ์สตาร์ท-กล่องควบคุมไฟ- กล่องฟิวส์ ถอดทำความสะอาดไล่ความชื้นระบบเข็มขัดนิรภัย ถอดทำความสะอาดชุดมอเตอร์ยกกระจกไฟฟ้า ตรวจสอบทำความสะอาดเบาะ ถอดทำความสะอาด (ไดสตาร์ทและไดชาร์จ) เพื่อไล่ความชื้น

Claim-Car-Insurance-About-Flood

ระดับ C น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท มีรายการที่ต้องดำเนินการ 39 รายการ โดยเพิ่มเติมจาก ระดับ A และ B คือ ตรวจสอบชุดอีโมไรท์เซอร์/ระบบ GPS (ที่ติดมากับรุ่นรถ) ตรวจสอบไล่น้ำออกจากเครื่องยนต์ ท่อไอดี ห้องเผาไหม้ ตรวจสอบลูกปืนไดชาร์ท ลูกรอก ตรวจสอบทำความสะอาดระบบไฟส่องสว่าง (ไฟหน้า-ท้าย-เลี้ยว) ตรวจเช็คระบบขับเลี้ยวไฟฟ้า

ถอดตรวจเช็คตู้แอร์ มอเตอร์ โบวเวอร์ เซ็นเซอร์ ถอดหน้าปัดเรือนไมล์ เกจ์ ถอดตรวจเช็คระบบไฟฟ้าและสายไฟขั้วต่างๆ ตรวจเช็คระบบเครื่องเสียง-วิทยุ-แอมป์-ลำโพง ตรวจเช็คระบบเบรก (ABS) ตรวจชุดหม้อลมเบรก/ แม่ปั้มบน-ล่าง ตรวจสอบลูกปืนล้อ-ลูกหมาก-ลูกยางต่างๆ ผ้าหลังคา/แมกกะไลท์

ระดับ D น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 30,000 บาท ขึ้นไป มีรายการที่ต้องดำเนินการ 40 รายการ โดยเพิ่มเติมจาก ระดับ A – C มา 1 รายการ คือ ทำสี (กรณีสีรถได้รับความเสียหาย) ซึ่งในกรณีนี้ทางบริษัทผู้รับประกันภัยอาจพิจารณาคืนทุนประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัยก็ได้

และระดับ E รถยนต์จมน้ำทั้งคัน ซึ่งในกรณีนี้ บริษัทผู้รับประกันภัยจะคืนทุนประกันภัย ให้กับผู้รับประกันภัยสถานเดียว

Claim-Car-Insurance-About-Flood

โดยที่บริษัทประกันภัย จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น ค่าทำความสะอาดภายในรถ ซักเบาะ พรม ขัดสี ทำความสะอาดต่างๆ ซึ่งคุณสามารถนำหลักฐานไปเคลมประกันภัยได้เช่นกัน

และเมื่อรถซ่อมเสร็จนำกลับมาใช้ ถ้าพบปัญหาจากระบบต่างๆ ของตัวรถ ที่เป็นสาเหตุเกิดจากตอนถูกน้ำท่วม ก็สามารถแจ้งบริษัทประกันภัยได้ทันที เพื่อเคลมความเสียหายต่อเนื่องครับ

CARRO-MSIG-Insurance-Promotion-2020

หากรถของคุณที่ใช้งานในช่วงนี้ ต้องเสี่ยงกับการเจอน้ำท่วมบ่อยๆ ไม่ว่าจะขับรถไปเจอ หรือจอดรถไว้อยู่กับที่ ก็ลองทำประกันภัยชั้น 2+ (Safe Guard 2+) หรือ 3+ (Safe Guard 3+) ของทาง MSIG Insurance ดูสิ เพราะว่าประกันภัยดังกล่าวมี Cover เรื่องซ่อมรถกรณีรถถูกน้ำท่วมเพิ่มเติมด้วย คลิกเลยที่ ซื้อประกันภัยรถยนต์ CARRO X MSIG ประกันภัย อีกทั้งช่วงนี้ยังมี ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ทั่วประเทศอีกด้วย

ส่วนใครที่อยากขายรถที่ถูกน้ำท่วมมา ไม่ว่าจะเป็นรถบ้าน รถมือสอง ก็สามารถปรึกษากับทางเราดูก่อนได้ เพียงแค่คุณขายรถคันเดิมกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

หากท่านใดอ่านแล้วยังมีข้อสงสัย หรือมีปัญหาไม่ได้รับความเป็นธรรม ในการเคลมประกันภัยจากบริษัทประกันภัย ก็สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186 ครับผม

แหล่งที่มา :

Carro x Frank - จะให้ดี... ควรต่อประกันรถตอนไหน

มีรถยนต์ก็ต้องดูแล! ต้องเทคแคร์อย่าให้ขาดทั้งน้ำมัน ทั้งซ่อมบำรุง ทั้งเติมลมยาง และอื่นๆ มากมาย และที่ลืมไม่ได้เลยคือการต่อประกันรถยนต์เพิ่มความคุ้มครองนอกเหนือจาก พ.ร.บ.รถยนต์

ถามว่าเราควรต่อประกันรถยนต์ตอนไหน ?

คงต้องตอบตรงๆ ว่า มีให้เลือกต่อประกันรถยนต์หลายช่วงเวลาตามนี้

1. ต่อล่วงหน้า 3 เดือนก่อนหมดอายุ
2. ต่อล่วงหน้า 1 เดือนก่อนหมดอายุ
3. ต่อล่วงหน้า 1 วันก่อนหมดอายุ

และเพื่อชาว CARRO ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพนกวิน Frank.co.th โบรกเกอร์ประกันภัยออนไลน์ขออธิบายตามนี้ครับ!!

Car-Insurance-For-New-Driver

1. ต่อประกันรถล่วงหน้า 3 เดือน

คงต้องบอกว่า “หากกลัวลืม!!” และต้องการความดูแลต่อเนื่อง
เราสามารถต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า 3 เดือนก่อนประกันหมดอายุ

สำหรับการต่อประกันล่วงหน้ามีข้อดียังไงบ้าง ?

  • มีเวลาได้พิจารณาเงื่อนไขที่ดีที่สุด
  • มีเวลาอ่านข้อตกลง และเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยที่ต้องการ
  • มีเวลาผ่อนจ่ายยาว ๆ สบาย ๆ ไม่ตึงมือ
  • มีเวลาเคลมรถยนต์และนำเข้าซ่อมก่อนต่อประกันกับที่ใหม่
  • และที่สำคัญคือมีความคุ้มครองต่อเนื่อง

ดังนั้น การต่อประกันภัยล่วงหน้า 3 เดือนนั้น เหมาะสำหรับคนขี้ลืมและเหมาะกับคนที่ต้องการเปลี่ยนบริษัทฯ ประกันรถยนต์เป็นบริษัทใหม่ แนะนำให้ซื้อประกันล่วงหน้าเลย หากใครเงินไม่พออยากได้ประกันชั้น 1 บางโบรกเกอร์มีผ่อน 0% ให้เลือกด้วยนะ

What-Is-Excess-In-Insurance

2. ต่อประกันรถล่วงหน้า 1 เดือน

ไม่มากไม่น้อยครับสำหรับช่วงเวลา 1 เดือน สำหรับคนที่ต้องการต่อประกันกับเจ้าใหม่ เมินบริษัทฯ เดิม เรายังมีเวลาได้หายใจหายคอดูเบี้ยประกันภัย เทียบความคุ้มครอง เลือกทุนประกัน และมองหาบริการเสริมอื่นๆ จากโบรกเกอร์ออนไลน์เจ้าดังทั้งหลายที่พร้อมให้บริการ

ข้อดีของการต่อประกันรถล่วงหน้า 1 เดือน คือ

  • ไม่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้านานเกินไป
  • มีเวลาเคลมรอยรอบคัน หรือเคลมแห้งซ่อมกับประกันเจ้าเดิม
  • รับความคุ้มครองต่อเนื่อง (แต่ต้องตัดสินใจในทันนะ)

Old-Car-Over-7-Years-With-Insurance

3. ต่อประกันรถล่วงหน้า 1 วันก่อนหมดอายุ

ถ้าเลือกเพลินเกินห้ามใจ อันนี้ก็ดีอันโน้นก็ดี ตัดใจไม่ได้สักที อันนี้ก็ต้องบอกว่าอาจเสี่ยงหน่อย ๆ ครับ สำหรับการซื้อล่วงหน้า 1 วันก่อนหมดอายุ เพราะประกันรถยนต์บางเจ้าอาจจะต้องใช้เวลาตรวจสอบรถยนต์ก่อนรับประกันก็มี และอาจจะมีระยะเวลาดำเนินการอยู่บ้างครับ

อ่านมาถึงตรงนี้เลือกได้หรือยังครับ ? ว่าต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้าแบบไหนเหมาะกับเรา ?

ขอบคุณข้อมูลจาก Frank.co.th ประกันที่รวดเร็ว เรียบง่าย และจริงใจกับคุณ

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก จส.100

หลายคนอาจตกใจ เมื่อเห็นหัวข้อของบทความนี้ ทำไมตั้งซะดูโหดร้ายจังเลย โดยเฉพาะคนรักสุนัข คนรักสัตว์

แต่ก็เป็นที่ทราบกันดี เพราะปัญหาสุนัขจรจัด (หรือ หมาจรจัด) ก็ยังเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก และเป็นปัญหาที่เรื้อรังมาอย่างยาวนาน จากคนที่ไร้ความรับผิดชอบ หรือเลี้ยงไม่ไหว ก็มักจะแอบไปปล่อยตามวัด หรือตามซอยต่างๆ จนออกลูกหลานเต็มไปหมด

Human-and-Dog

คุณอาจจะเคยเห็นหมาที่นั่งๆ นอนๆ ตามหน้าร้านสะดวกซื้อ หรือตามสถานที่ต่างๆ ที่คนรักสัตว์ มักจะเอ็นดู ชื่นชอบและสงสาร คอยให้อาหารกันอยู่เป็นประจำ

แต่ในขณะเดียวกัน สุนัขเองก็มีไปสร้างความเดือดร้อน (ที่เวลาไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็จะหาคนที่มารับผิดชอบได้ยาก หรือไม่มี) เช่น การขับถ่าย ขี้-เยี่ยว เรี่ยราด หรือไล่กัดชาวบ้านที่เดินไปมา บางทีจู่ๆ กัดกันเอง หรือตกใจเสียงดังอะไรสักอย่าง วิ่งเตลิดออกทำคนตกใจไปทั่วก็มี

Family-Driving

สมมติว่าคุณขับรถไปบนถนนเส้นหนึ่ง ด้วยความเร็วพอประมาณ อยู่ๆ ก็มีหมาที่วิ่งออกมาจากไหนก็ไม่รู้ ตัดหน้ารถกะทันหัน ถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไร?

ในกรณีที่คุณตัดสินใจ “หักหลบเข้าข้างทาง” นั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติ “แต่” ก็ต้องมี “สติ” และดูสถานการณ์รอบข้างด้วย ว่าไม่มีสิ่งกีดขวางอะไรใดๆ รอบด้าน หรือรถวิ่งสวนมาในมุมที่คุณจะหักหลบไป และดูความเร็วที่ใช้มาด้วย เพราะการหักหลบ อาจกลายเป็นเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ก่อให้เกิดเรื่องมากกว่าที่คิด ไม่งั้น คุณอาจจะเจ็บตัวแทนหมาที่วิ่งตัดหน้ารถคุณแทน

แต่ถ้าหากคุณตัดสินใจ “ชนหมาทันที” นั้น ต้องเป็นเฉพาะเข้ามากระชั้นชิดจริงๆ แบบที่ไม่มีทางหลบได้แล้ว

เพราะการชนหมา ก็ทำให้รถคุณเกิดความเสียหายขึ้นแน่นอน และต้องจ่ายซ่อมรถเอง ยกเว้นว่ารถประกันภัยชั้น 1 ก็จะได้รับความคุ้มครองและดูแลความเสียหายเกี่ยวกับรถยนต์ และทรัพย์สินของบุคคลภายนอกตามที่ระบุไว้ตามกรมธรรม์

Car-Warning-System

แต่ถ้าคุณตัดสินใจ “เบรกอย่างรุนแรง” (หรือกระทืบเบรก) ถ้าคุณมองกระจกมองหลัง กระจกมองข้างในเสี้ยววินาทีแล้วว่า ไม่มีรถ หรือมอเตอร์ไซค์วิ่งตามหลังมา ก็เบรกได้เลย แต่คุณก็ต้องประคองรถให้ดีๆ ถึงแม้ว่ารถรุ่นใหม่ๆ แทบทุกรุ่น จะมีติดตั้งระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล็อคตาย หรือระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ มาให้ก็ตาม

แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ถ้าคุณขับรถผ่านในที่ชุมชน อย่าขับเร็วมาก (ใช้ความเร็วประมาณ 30-50 กม./ชม. ก็เพียงพอแล้ว) และหมั่นสังเกตสองข้างทาง จะมีหมา (หรือคน) มีท่าทีจะวิ่งออกมาตัดหน้ารถเราหรือเปล่า กดแตรเตือนไปก่อน (ไม่ต้องกดแตรถี่ๆ เดี๋ยวจะกลายหมาเป็นตกใจขึ้นมาแทน) ก็ช่วยชีวิตมันได้แล้ว เพราะสัตว์ไม่เข้าใจ หรือกะในเรื่องความเร็วรถที่วิ่งมาได้หรอกครับ

เพราะหมามันก็รักชีวิต เท่ากับเราเหมือนกัน

Car-Accident

กรณีที่หมามีเจ้าของ แล้วเกิดเรื่องแบบนี้ ใครจะต้องรับผิดชอบ?

ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 111 ซึ่งบัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดขี่ จูง ไล่ต้อนหรือปล่อยสัตว์ไปบนทางในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรและไม่มีผู้ควบคุมเพียงพอ

เมื่อเจ้าของหมา ดูแลหมาไม่ได้ ก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย และ พรบ. ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฯ

ซึ่ง พ.ร.บ. ป้องกันทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ มาตรา 23 กล่าวว่า ด้วยการห้ามมิให้เจ้าของสัตว์ปล่อย ละทิ้ง หรือกระทําการใดๆ ให้สัตว์พ้นจากการดูแลของตนโดยไม่มีเหตุอันสมควร หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท

เจ้าของสัตว์จึงต้องรับผิด เว้นแต่คนขับรถจะขับรถประมาท ก็ต้องรับผิดตามสัดส่วน ว่าใครประมาท มากกว่ากัน

ส่วนใครที่อยากขายรถ หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

ขอขอบคุณข้อมูลกฏหมายจาก

  • ทนายเกิดผล แก้วเกิด
10-ศัพท์ขายรถมือสอง-ที่คุณต้องรู้-ก่อนจะขายรถ!

ในอดีตหากใครที่ต้องการประกาศขายรถด้วยตัวเอง ช่องทางการขายก็มีค่อนข้างจำกัดกว่าในปัจจุบันมาก เช่น ลงประกาศขายรถในหนังสือพิมพ์ ในนิตยสารรถยนต์ หรือนิตยสารที่เกี่ยวกับรถมือสองเล่มใหญ่ๆ แบบสมัยก่อน

นอกจากการถ่ายรูปรถออกมาให้สวยแล้ว การใช้คำโฆษณาที่กระชับ ดูน่าสนใจ ก็เป็นหนึ่งในจุดสนใจที่ทำให้คนหันมามองรถคันนั้น จนนำไปสู่การไปดูรถของจริง ทดลองขับ ก่อนจะจ่ายเงินและทำสัญญาซื้อขาย

แต่ถ้าคุณอ่านแล้วรู้สึกสงสัยกับ “ศัพท์ขายรถมือสอง” MR.CARRO จะมาอธิบายให้ฟัง ว่าแต่ละคำนั้น หมายความว่าอย่างไร …

Know-10-Thai-Words-About-Used-Car

1. อ.ว.ท.ม.

อ.ว.ท.ม. นั้น ย่อมาจาก “แอร์ วิทยุ เทป แม็ก” (ไม่ใช่ “เอาไว้ทำไม” แบบนี้คนยุคปัจจุบันพูดกันนะ!) เป็นศัพท์ที่คนอายุ 30+ ขึ้นไปถึงจะรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาหน่อย

เพราะการลงขายรถในอดีต เนื้อที่ในนิตยสารมีจำกัด การลงขายละเอียดย่อๆ ให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย ถือว่าสำคัญที่สุด ซึ่งในสมัยก่อน รถใครที่มีครบทั้ง 4 ออพชั่นนี้ ถือว่าแจ๋วจริงๆ ในยุคที่รถหลายรุ่นแอร์ซื้อต้องแยกต่างหาก ติดวิทยุ เทป แยก และล้อแม็ก ที่มีมาให้เฉพาะรุ่นท็อปๆ เท่านั้น

2. รถมือเดียว

เต็นท์รถยนต์หลายเต็นท์มักการันตีว่า รถที่ลงขายนี่เป็น “รถมือเดียว” นะ! โดยรถมือเดียว ใช้กันเยอะมาก มักใช้ในความหมายที่พูดถึงว่าเป็นรถที่เจ้าของใช้คนเดียวตั้งแต่ป้ายแดงจนขาย เพราะเชื่อกันว่า ขับคนเดียว สภาพรถต้องดีกว่าขับกันหลายๆ คน

แต่ในความเป็นจริง รถคันที่ลงขาย อาจจะเป็นรถที่เปลี่ยนมาหลายมือ เพียงแต่ถือชุดโอนลอยไว้ ไม่ได้โอนเป็นชื่อเจ้าของรถคนล่าสุด หรือขับมาหลายคนแล้วก็เป็นได้ ทางที่ดี ถ้าคุณเล็งๆ รถคันไหนไว้อยู่ ลองเอาเลขทะเบียน เลขรหัสตัวถัง เช็กกับศูนย์บริการดูสภาพรถก่อนก็ได้ ว่าตรวจซ่อมบำรุงมากี่ครั้ง

Know-10-Thai-Words-About-Used-Car

3. รถคันนี้ “ผู้หญิงขับ”

คุณคงเคยเห็นรถบ้านหรือคัน หรือรถเต็นท์โฆษณามา “รถผู้หญิงใช้” คงจะต้องถนอม สภาพดีแน่ๆ (แต่เรื่องรอยเฉียวชนเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจจะมีบ้างเป็นเรื่องปกติ) และดูแลรถได้ดีกว่าผู้ชายใช้แน่ๆ แต่เรื่องนี้ก็ไม่เสมอไป

เพราะผู้หญิงหลายคนนั้น ก็อาจจะใช้รถอย่างเดียวจริงๆ วิ่งกันจนเครื่องยนต์ความร้อนขึ้น วิ่งกันจนน้ำมันเครื่องแห้ง ก็เป็นไปได้ ดังนั้น การดูแลรักษารถที่มีสภาพที่พร้อมใช้ น่าจะเป็นสิ่งที่คนซื้อรถมือสอง โฟกัสในจุดนี้ มากกว่ามาดูว่ารถคันไหนผู้ชายใช้ หรือผู้หญิงใช้

4. วิ่งน้อย, ไมล์น้อย, ไมล์แท้ๆ

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารถคันนี้ใช้งานมาน้อย ซึ่งก็อาจจะน้อยมากจริงๆ หากเทียบกับรถมือสองในรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งหลายคนใช้ความเป็นรถวิ่งน้อย อัพราคาขายได้มากขึ้นนิดหน่อย

แต่รถวิ่งน้อยหลายคัน ก็อาจจะไม่ได้มีสภาพที่ดีเสมอไป บางคันวิ่งน้อย แต่จอดตากแดดตากฝนจนสภาพสีซีด สีแตก หรือมีรอยเฉี่ยวชนมาเต็มคันก็มี ดังนั้นก่อนจะเลือกรถคันไหน ก็ต้องดูองค์ประกอบโดยรวมด้วยครับ อีกทั้งในยุคที่ไมล์แบบธรรมดา หรือไมล์แบบดิจิทัล สามารถ “กรอ” กันได้หมด ก็ลองเอารถไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการดูก่อนนะครับ ว่ารถคันนี้ วิ่งมาแท้จริงกี่กิโลเมตร …

Know-10-Thai-Words-About-Used-Car

5. ประวัติดี มี Book Service เช็กได้

อีกหนึ่งทริคที่เต็นท์ขายรถมักใช้ศัพท์นี้กัน ในการเสนอการขาย เนื่องจากศูนย์บริการจะมีเก็บข้อมูลตั้งแต่ตอนเจ้าของคนแรกออกรถมา ไปจนถึงการเข้ารับบริการ การตรวจเช็คตามระยะกิโลเมตร ของรถคันนั้นๆ เอาไว้ ทำให้คนที่จะซื้อรถ สามารถตรวจสอบข้อมูลรถคันที่ต้องการเบื้องต้นได้

ซึ่งอย่างน้อยก็มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า รถคันนี้ ได้เข้ารับการบำรุงรักษา ที่ศูนย์บริการของยี่ห้อนั้นๆ อย่างแน่นอน

6. รถหมอใช้

ผมเองก็ได้ยินมาตั้งแต่ในอดีตแล้ว ที่เต็นท์รถชอบโฆษณาว่า “รถหมอใช้” โดยความเชื่อของคนไทยส่วนใหญ่มักเชื่อว่า อาชีพหมอหรือแพทย์นั้น เป็นคนที่มีความรู้สูง เรียนมาสูง รายได้ดี เมื่อมีรถก็กล้าที่จะเปย์เงินในการดูแล จึงทำให้ความคิดของคนจะซื้อรถ ต้องคิดว่า รถคันนี้สภาพดีแน่นอน

แต่อะไรในโลกนี้มันก็ไม่เสมอไป เพราะหมอที่ใช้รถวิ่งแบบสมบุกสมบัน ใช้งานกันจนรถมีปัญหาเยอะ ต้องรีบขายทิ้งก็มี!

Know-10-Thai-Words-About-Used-Car

7. เจ้าของไปต่างประเทศ

ในอดีต ยุคที่คนไทยแห่กันไปทำงานในต่างประเทศ “เจ้าของไปต่างประเทศ” มีใช้ให้เห็นกันบ่อยมากตามนิตยสารรถมือสอง หรือตามเต็นท์รถมือสอง

แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยมีคนใช้กันแล้ว เพราะผู้บริโภคหลายคนก็รู้ ว่าบางคนไม่ได้ไปต่างประเทศจริงๆ หรอก เพียงแต่ว่าอยากขายรถมือสอง แบบขายด่วนๆ ขายไวๆ เท่านั้น แต่ไม่แน่ เจ้าของรถอาจจะไปเมืองนอกจริงๆ แต่เอกสารชุดโอนที่ให้ไว้ ดันหมดอายุอีก! ต้องเสียเวลามาตามตัว ตามเอกสารกันยาวเลย …

8. ยุบโปรเจค, ล้มโปรเจค

ศัพท์นี้ จะมีให้เห็นกันเยอะ ในบรรดาผู้ที่เล่นรถคลาสสิค รถ Retro และรถซิ่งทั้งหลาย … รถที่ยุบโปรเจค ล้มโปรเจค ส่วนใหญ่จะเป็นรถที่เจ้าของอยากซื้อมาเก็บเดิมๆ หรือแต่งซิ่ง แต่ด้วยสภาวะทางการเงินที่ย่ำแย่ (พูดง่ายๆ คือ ไม่มีเงินจะใช้จ่ายแล้ว ในยุคนี้) ก็ต้องทำการขายรถออกมา ซึ่งบางคัน อาจจะอยู่ในสภาพปั้นอยู่ในอู่ซ่อมรถด้วยซ้ำไป

แต่การที่คุณจะซื้อรถที่ยุบโปรเจค ล้มโปรเจค ก็อาจจะต้องเตรียมเงินไว้โมดิฟาย หรือซ่อมรถมากขึ้นด้วยเช่นกัน อาจจะต้องเป็นคนที่ถูกชะตากับรถคันนั้นจริงๆ ถึงจะอยู่คู่กันได้ เพราะไม่งั้นก็คงออกมาลงประกาศขายอีก

Know-10-Thai-Words-About-Used-Car

9. ต่อรองหน้ารถ

ในยุคที่ขายรถเป็นเรื่องง่ายกว่าในอดีต อยากจะยกหูคุยกับคนขาย จะแชทคุย ก็ทำได้ง่ายๆ มักจะมาพร้อมกับการต่อรองราคาเสมอ แน่นอน ใครๆ ก็อยากได้ของดี ราคาถูก ซึ่งบางคนยังไม่ทันเห็นตัวรถจริงๆ ก็ต่อราคากันซะแบบกำปั้นทุบดินไปซะก่อน!

คนขายรถหลายคน ไม่ได้แอนตี้นักต่อราคาหรอกครับ เพียงแต่อยากให้ผู้ซื้อ ไปดูรถคันจริงๆ ก่อน แล้วก็ค่อยต่อรองราคา เอาตามความพอใจของทั้งสองฝ่าย หรือจะหาคนที่พูดเก่งๆ คนที่มีความรู้เรื่องรถ ไปช่วยดูช่วยคุยก็ได้อีกทาง

10. น้ำลาย, ไม่พูดมาก เจ็บคอ

ศัพท์นี้ มีให้เห็นเยอะพอสมควร โดยเฉพาะรถบ้านที่ขายในโซเชียลมีเดีย เนื่องมาจากว่าประสบการณ์ของคนขายรถมือสองหลายคน มักเจอกับพวกชอบจองปากเปล่าจนเบื่อ ถึงเวลานัดแล้วเงียบ ไม่มาตามนัดบ้างล่ะ ทำให้เสียโอกาสในการขายรถกับคนอื่นๆ ที่สนใจรถคันนี้ไปด้วย

หลายคนจึงจั่วหัวเป็นข้อความไว้แบบนี้เลย ว่าถ้าคุณไม่พร้อม ก็อย่า Comment เล่น! แต่ก็อาจจะทำให้คนที่สนใจ เมินเฉยไปด้วยเช่นกัน อันนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะเธอ …

สำหรับใครที่อยากขายรถตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

เช็กสภาพรถให้แม่-ก่อนออกเดินทาง

สำหรับช่วงวันแม่และตลอดเดือนของแม่ปีนี้ เพื่อนๆ หลายคนก็มักจะเลือกพาคุณแม่ของเราออกเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกันซะเป็นส่วนใหญ่แน่เลย ไม่ว่าจะเป็นการพาไปรับประทานอาหารร้านดัง พาไปเที่ยว ทำบุญเสริมสร้างดวงชะตาตามวัดต่างๆ เพียงแค่นี้ก็คงทำให้คุณแม่ของเราเปรมสุขกันเป็นที่เรียบร้อย

เช็กสภาพรถให้แม่ก่อนออกเดินทาง

แน่นอนว่าถ้าหากเพื่อนๆ ไม่ได้ออกเดินทางไปเที่ยวในช่วงวันแม่ด้วยรถขนส่งสาธารณะแล้ว การใช้รถยนต์ของคุณแม่หรือของเพื่อนๆ นั้น ก็ควรที่จะเริ่มเช็กสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานนะ จะได้ไม่ต้องกังวลถ้าหากขับรถยนต์ไปสักพักเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาเราและคุณแม่จะรับมืออย่างไรดี และยิ่งถ้าคุณแม่ของเรามีอายุเยอะแล้ว ต้องใช้รถยนต์ทุกวันไปทำงาน เพื่อนๆ ก็น่าจะลองเช็กสภาพรถให้ท่านดูนะว่ามีอะไรที่ดูไม่ปกติขึ้นมา เราจะได้รับมือและแก้ไขปัญหาได้ทันที เพื่อเป็นการป้องกันเหตุสุดวิสัยให้คุณแม่และเพิ่มความอุ่นใจให้ตัวเรา

ดังนั้นวันนี้ มาสิ ได้รวบรวมวิธีเช็กรถยนต์ของคุณแม่ให้มีสภาพพร้อมใช้งานก่อนออกเดินทางมาฝากกันจ้า รับรองว่าทั้งเราและคุณแม่จะได้เที่ยวอย่างสนุกและมีความสุขในช่วงวันแม่และตลอดเดือนของแม่ปีนี้แน่นอนจ้า

1.ยาง

001_car-tire

ลองตรวจสอบดูความดันของยาง ดอกยาง รวมไปถึงรอยฉีกขาด ถ้าเกิดอาการผิดปกติให้เริ่มแก้ไขทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวเพื่อนๆ และคุณแม่

2.ดวงไฟ

ให้เช็กสภาพของไฟดูว่าสภาพพร้อมมากแค่ไหน ไฟส่องสว่างมากพอรึเปล่า ตรวจดูทั้งไฟหน้า ไฟท้าย รวมไปถึงไฟเบรกต่างๆ

3.แบตเตอรี่

003_car-battery

ควรหมั่นดูและเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนดไว้ ดูลักษณะแบตเตอรี่ว่ามีร่องรอยเสียหายหรือเปล่า รวมไปถึงการเช็กดูขั้วต่อและสายไฟว่าอยู่ในสภาพที่ดีหรือไม่

เท่านี้เพื่อนๆ ก็สามารถเช็กสภาพรถยนต์เบื้องต้นได้แล้ว ถ้าหากเกิดมีข้อบกพร่องตรงไหนก็อย่าลืมรีบเข้าไปแก้ไขก่อนออกเดินทางได้อย่างทันที สำหรับการทำประกันรถยนต์ก็สามารถช่วยให้ชีวิตของเพื่อนๆ และคุณแม่อุ่นใจได้มากขึ้น หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาประกันรถยนต์ก็จะคอยคุ้มครองให้ คลิกที่นี่ เพือเช็กเบี้ยประกันรถยนต์ได้เลย ถ้าข้อมูลอยากสอบถามโทรเข้ามาที่ 02 710 3100 หรือไลน์ @masii

ขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

Gadget-ติดรถยนต์สำหรับคุณแม่สมัยนี้!

ยุคสมัยนี้แล้ว คุณแม่หลายคนน่าจะเป็น Working Woman กันส่วนใหญ่ เพราะแน่นอนว่า เรายังต้องมีภาระ หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในทุกๆ วันอยู่แล้ว ดังนั้น Gadget ที่จะเหมาะกับคุณแม่สมัยนี้แบบนี้ จะมีอะไรบ้างลองเข้ามาหาดูกันเลยดีกว่าจ้า

Gadget ติดรถสำหรับคุณแม่สมัยนี้

Windshield has installed a car camera on a rainy day.

1.กล้องติดรถยนต์

ไอเทมแรกนั้นเป็นสิ่งที่อยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ หรือคุณแม่ทั้งหลายเลือกติดรถยนต์เอาไว้เลย เพราะนอกจากไอเทมกล้องติดรถยนต์จะช่วยดูแลในเรื่องของความปลอดภัยต่อตัวรถยนต์และตัวเราแล้ว ยังสามารถช่วยได้ดีในเรื่องของการหาตัวคนร้ายในกรณีที่รถยนต์ของเขามาชนเราแล้วหนี หรือเกิดอุบัติเหตุ ทำให้สามารถเอาผิดตัวการที่ทำให้เราเกิดอุบัติเหตุได้ และราคาของกล้องติดรถยนต์ในปัจจุบันนั้นก็เริ่มต้นไม่แพงด้วย หลักร้อยก็มีแล้ว เรียกได้ว่าเรายอมลงทุนการซื้อกล้องรถยนต์เพื่อความสบายใจของเราในอนาคตกันดีกว่า ยิ่งถ้าคุณแม่คนไหนที่ต้องใช้รถยนต์ทุกวันก็อย่าลืมเลือกซื้อกล้องมาติดรถยนต์กันนะคะ

Business man is driving a car in raining day with moving wiper blades

2.GPS

สำหรับตัวติดตั้ง GPS หลายคนอาจจะมองข้ามว่าเราไม่จำเป็นต้องติดตั้งไว้ภายในรถยนต์ของเราก็ได้เหมือนกัน เพราะว่าปัจจุบันนั้นเราสามารถดู GPS ได้ทันทีบนแอปพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือของเราได้เลย แต่ลองนึกดูสิในกรณีโทรศัพท์มือถือของเราแบตหมดขึ้นแบบนี้เราอาจจะไปไม่ถึงจุดหมายที่เราต้องการจะไปได้เลยนะ ดังนั้นการมี GPS ติดไว้ภายในรถยนต์ถือว่าเป็นอีกไอเทมจะช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกสบายขึ้นแน่นอนจ้า

Charger plug phone on car

3.ที่ชาร์จแบต

อย่างที่เรากล่าวไปแล้วว่า หากอยู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเราแบตโทรศัพท์ของเราหมดขึ้นมากลางทาง เราจะทำอย่างไรกันดีล่ะ ยิ่งถ้าหากต้องขับรถยนต์คนเดียวและไม่มีผู้โดยสารไปด้วยที่พอจะช่วยเราได้ แบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีเอาแน่ๆ เพราะอาจจะไม่สามารถเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาสื่อสารกับใครได้เลย เพื่อเป็นการแก้ปัญหาอีกหนึ่งไอเทมที่คุณแม่ทั้งหลายควรที่ชาร์จอุปกรณ์ที่ชาร์จแบต รวมไปถึง Powerbank ด้วยนะ หากเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมา อย่างน้อยเราก็ยังสามารถนำโทรศัพท์ของเราชาร์จบนรถได้จ้า

เพียงเท่านี้ไอเทมที่ทางเรานำมาฝากกันก็คงจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่คุณแม่กันแล้ว หากใครกำลังมองหาประกันรถยนต์ที่จะช่วยให้เราอุ่นใจได้มากขึ้นหากเกิดอะไรขึ้นมาก็ คลิกที่นี่ เพื่อเช็กเบี้ยประกันได้เลย มีข้อมูลสงสัยโทร 02 710 3100 หรือแอดไลน์ @masii เข้ามาได้เลยค่ะ

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

Executive-Chauffeur-Driver-Jobs

ในยุคที่ งานหายาก แถมเงินก็หายาก ในเมื่อคนเราก็ยังต้องกินต้องใช้กันอยู่ทุกวัน สำหรับใครที่ชอบขับรถ หรือมีประสบการณ์ในการขับรถมายาวนานหลายปี ก็อาจจะเลือกงานที่เกี่ยวกับการขับรถ เช่น ขับรถแท็กซี่ ขับรถโรงแรม ขับรถส่วนกลางของบริษัท หรือในหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ก็มีให้เลือกหลากหลายตามความชอบ

แต่ก็มีคนขับรถอยู่แบบหนึ่ง ที่คุณจะมีโอกาสได้ขับรถแพงๆ ซึ่งรถบางคัน ราคาอาจสูงถึงหลักสิบล้านบาทเลยก็มี อีกทั้งยังได้โอกาสอยู่กับบรรดาผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆ ระดับมหาชน หรือระดับองค์กรของประเทศ อีกทั้งอาจมีโอกาสได้ฝึกภาษาต่างประเทศ ไปด้วยในตัว … นั่นคือ “คนขับรถผู้บริหาร” ครับ

ปัจจุบัน คนขับรถผู้บริหาร มีบรรดาบริษัทจัดหางานต่างๆ มักจะมาลงประกาศหาคนขับรถผู้บริหารกัน ในเว็บหางานเรื่อยๆ หรือตามกลุ่ม Facebook ก็มีเยอะแยะ อาทิ กลุ่ม สมาคมคนขับรถผู้บริหาร ( Official ) เป็นต้น

Executive-Chauffeur-Driver-Jobs

คุณสมบัติของอาชีพนี้ (โดยประมาณ ซึ่งแต่ละบริษัท มีความต้องการไม่เหมือนกัน)

– เพศชาย หรือเพศหญิง

– อายุ (เรื่องอายุ หลายบริษัทมักเลือกอายุ 25 ปี ขึ้นไป จนถึง 50 ปี แต่จะมีน้อยกว่านั้น หรือมากกว่านั้นก็ได้)

– มีประสบการณ์ขับรถ (แน่นอน เพราะอาชีพนี้ต้องใช้ความรับผิดชอบ ทักษะ และประสบการณ์สูง อย่างน้อยต้องมีประสบการณ์ในการขับรถหลายปีขึ้นไป)

– ชำนาญเส้นทางใน กรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือในจังหวัดนั้นๆ ที่คุณทำงานอยู่ สามารถใช้ Google Map หรือ GPS ได้ดี

– ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน (อันนี้สำคัญเลย ถ้ามีกลิ่นบุหรี่ติดตัว หรือกลิ่นเหล้า นายหลายคนไม่ชอบแน่ๆ)

– สุภาพเรียบร้อย มีกริยามารยาทดี ไม่มีประวัติอาชญากรรม (หลายบริษัท มีเช็คประวัติอาชญากรรมด้วยนะครับ)

– หากใครที่ต้องการขับรถให้นายต่างชาติ เช่น จีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง ควรจะได้ภาษาอังกฤษ หรือภาษาของนายบ้างนิดๆ หน่อย ก็จะดี เพราะจะได้พอสื่อสารกันได้ ยิ่งถ้าใครมีประสบการณ์เคยขับรถให้นายต่างชาติมาก่อน โอกาสที่จะได้งานก็จะมากขึ้น

Executive-Chauffeur-Driver-Jobs

ลักษณะงาน

โดยมากแล้ว บริษัทจัดหางาน หรือคนที่ลงประกาศรับคนขับรถผู้บริหาร มักจะกำหนดรายละเอียดคร่าวๆ มาแล้วว่า คุณสมบัตินาย เป็นคนไทย หรือคนชาติอะไร ที่ตั้งบ้านของนายอยู่ที่ไหน คุณต้องไปรับนายที่ไหนบ้าง ไปส่งนายที่ไหนบ้าง เช่น บริษัท โรงงาน หรือพานายไปเที่ยว ไปตีกอล์ฟ (ในกรณีวันเสาร์-อาทิตย์)

หรือบางที อาจจะต้องขับรถพาเมียของนายไปช้อปปิ้งที่ห้าง หรือไปส่ง-รับ ลูกๆ ของนาย ที่โรงเรียนด้วยซ้ำไป!

ส่วนมากแล้วอาชีพนี้ จะทำงานกัน 6 วัน (จันทร์-เสาร์) เผลอๆ มีวันอาทิตย์ด้วยต่างหาก คุณอาจจะต้องรับได้กับความไม่มีเวลา หรือความไม่เป็นส่วนตัวได้

Executive-Chauffeur-Driver-Jobs

เงินเดือน

พูดถึงเงินเดือน ถ้าคุณทำงานขับรถส่วนกลาง หรือของราชการ และรัฐวิสาหกิจ เงินเดือนอาจไม่เยอะ บางที่เริ่มต้นแค่ 9,000 กว่าบาทก็ยังมี!

แต่ถ้าเป็นคนขับรถผู้บริหาร ก็จะมี “ฐานเงินเดือน” ที่เยอะขึ้นมาหน่อย โดยประมาณแล้วอยู่ที่ 10,000 – 15,000 บาท ไม่นับรวม OT โอที เบี้ยขยัน ค่าอาหาร ค่าแท็กซี่ หลายที่มักบอกถึงรายได้โดยรวมต่อเดือน ตั้งแต่ 20,000 – 30,000 บาท

ยิ่งถ้าใครมีโอกาสได้เป็นคนขับรถผู้บริหาร ที่มีประสบการณ์หลายสิบปี ในบริษัทใหญ่มากๆ หรือบริษัทต่างชาติ รายได้ + เงิน OT ต่อเดือนรับไม่ต่ำกว่า 40,000 – 50,000 บาท เลยทีเดียว!

Executive-Chauffeur-Driver-Jobs

ข้อดี

– ได้ขับรถราคาแพงๆ ที่ในชีวิตนี้ คุณอาจจะซื้อไม่ไหว แต่มีโอกาสได้ขับทุกวัน เสมือนเราเป็นเจ้าของรถคนที่สอง

– ได้รู้ถึงเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ สามารถเรียนรู้ความสำเร็จของบรรดาเจ้าสัว เจ้าของธุรกิจ ผู้บริหารใหญ่ๆ มาปรับใช้กับชีวิตของเราได้ จากการฟังสิ่งที่เขาคุยกันนี่ล่ะครับ

– รายได้ที่สมเหตุสมผล บวกกับ OT ที่ได้ค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ

– โชคดีเจอนายใจดี รับเงินยิบย่อยทุกเทศกาล ตั้งแต่ปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ คลอดลูก แต่งงาน ฯลฯ

– ได้ทักษะ ในการดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้นเป็น รู้จักการใช้รถรุ่นนั้นๆ อย่างเชี่ยวชาญ

Executive-Chauffeur-Driver-Jobs

ข้อเสีย

ต้องบอกไว้ก่อน ว่าปัญหาเหล่านี้ มีทั้งที่เกิดจากตัวของนาย และตัวของคนขับเองครับ

– ต้องเป็นคนรักษาความลับเก่ง ยิ่งเวลานายคุยเรื่องส่วนตัว เรื่องธุรกิจ หรือไปเที่ยวในที่อโคจร คุณคือผู้กุมความลับขององค์กร ไม่ควรจะไปเล่าหรือบอกต่อใครเขา เพราะคุณอาจโดนเล่นงานในภายหลังได้

– ความอดทนต้องมีสูงมาก เช่น ระหว่างรถติด แล้วต้องทำเวลาไปส่งนายให้ทัน หรือต้องทนฟังนายบ่นด่า หรือรีบสั่งให้ขับรถไวๆ เพราะตัวเองสายเอง เป็นต้น

หรือระหว่างรอนายประชุม บางอาคารสถานที่ อาจจะมีเตรียมห้องพักคนขับรถไว้ นั่งพักนอนพัก หรือหาอะไรทำแก้เซ็ง เช่น เล่นหุ้น หากที่ไหนไม่มี คุณก็ต้องนั่งพักผ่อนในรถ หรือใช้เวลาทำความสะอาดรถ ดูแลรักษารถไปพลางๆ ระหว่างรอ

– เวลาส่วนตัวไม่ค่อยมี เพราะทำงานอาทิตย์หนึ่งแทบทุกวัน แทบทั้งวัน และเลิกงานไม่เป็นเวลา บางทีเริ่มงานตีหกโมงเช้า เลิกงานสองทุ่มก็มี ค่อนข้าง Flexible พอสมควร

– จะหยุดล่วงหน้า ต้องแจ้งกันนานหน่อย

– คนมีครอบครัวแล้ว ทางบ้านควรเข้าใจ เรื่องเวลาส่วนตัวมีน้อย

ใครที่มั่นใจว่า ทำได้ ทำไหว ทำทันที รับได้ ทั้งข้อดีและข้อเสีย ก็ลองหางานคนขับรถผู้บริหารดูได้ ตามอัธยาศัยครับผม …

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

Hog-Parking-On-The-Road

ปัญหาเรื่อง “ที่จอดรถ” ในบ้านเรานี่ก็จัดเป็นปัญหาโลกแตก เป็นปัญหาที่แก้ไม่มีวันจบซะที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามหมู่บ้านจัดสรร หรือตามถนนสายต่างๆ ที่อาจจะมีร้านอาหารยอดนิยม สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม หรือบรรดาสถานเริงรมย์ต่างๆ

มักสังเกตเห็นได้ว่า ริมถนนบางที่มักจะมีสิ่งกีดขวาง มาวางเกะกะบนถนนเพื่อ “กั๊กที่จอดรถ” ไว้ให้ลูกค้าตัวเอง หรือบ้านตัวเองบ้างล่ะ ใช้ถนนเป็นที่จอดรถส่วนตัวซะงั้น

แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ในทางกฎหมายนั้น ผิดเต็มๆ เลยนะครับ แต่จะผิดด้วยข้อหาอะไรบ้าง Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟัง …

Hog-Parking-On-The-Road

กั๊กที่จอดรถ ถือเป็นความผิด ตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 19 กล่าวคือ “ห้ามมิให้ผู้ใดตั้ง วาง หรือกองวัตถุใด ๆ บนถนน เว้นแต่เป็นการกระทำในบริเวณที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศกำหนดด้วยความเห็นชอบของเจ้าพนักงานจราจร”

สำหรับคำว่า “ถนน” ใน พ.ร.บ. นี้ ครอบคลุมถึงทางเดินรถ ทางเท้า ขอบทาง ไหล่ทาง ตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ตรอก ซอย สะพาน หรือ “ถนนส่วนบุคคล” ซึ่งเจ้าของที่ดิน ยินยอมให้ประชาชนใช้ผ่านเป็นทางสัญจรได้

และในมาตรา 57 ยังกล่าวอีกว่า ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 19 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท นั่นหมายความว่า หากมีผู้ไปแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใครที่กระทำการใดๆ เพื่อกั๊กที่จอดรถ จะมีโทษปรับ (ซึ่งปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท)
นอกจากนี้ ผู้แจ้ง จะได้รับส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งของค่าปรับ ตามมาตรา 48 อีกด้วยนะครับ โดยค่าปรับที่ได้จากการเปรียบเทียบ ให้แบ่งแก่ผู้แจ้งกึ่งหนึ่ง และพนักงานเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานจราจร หรือตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมจราจร ผู้จับกุมอีกกึ่งหนึ่ง

Hog-Parking-On-The-Road

ภาพจาก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร – บก.02

ส่วนใครที่พบเจอปัญหาเหล่านี้ ก็สามารถแจ้งไปได้ตามส่วนงานที่รับผิดในเรื่องดังกล่าวได้ ตามรายละเอียดด้านล่าง

– ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร
– ปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการเขต และผู้ช่วยผู้อำนวยการเขต สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร

– ผู้ว่าราชการจังหวัด สำหรับในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด
– ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายอำเภอ สำหรับในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด

– นายกเทศมนตรี สำหรับในเขตเทศบาล
– ปลัดเทศบาลและรองปลัดเทศบาล สำหรับในเขตเทศบาล

– ประธานกรรมการสุขาภิบาล สำหรับในเขตสุขาภิบาล
– ปลัดสุขาภิบาล สำหรับในเขตสุขาภิบาล

– หัวหน้าผู้บริหารท้องถิ่นขององค์การปกครองท้องถิ่นอื่นที่กฎหมายกำหนดให้เป็นราชการส่วนท้องถิ่น สำหรับในเขตราชการส่วนท้องถิ่นนั้น หรือผู้ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ

– ปลัดเมืองพัทยา สำหรับในเขตเมืองพัทยา (เขตปกครองพิเศษ)
– รองปลัดเมืองพัทยา สำหรับในเขตเมืองพัทยา (เขตปกครองพิเศษ)

ถ้าเป็นหมู่บ้านจัดสรร ก็ให้ไปแจ้งที่นิติบุคคลของหมู่บ้าน แต่ถ้าหมู่บ้านเก่าๆ ไม่มีนิติบุคคลแล้ว ก็คงต้องพึ่งโซเชียลมีเดีย ครับ …

Hog-Parking-On-The-Road

ภาพจาก สน.หลักสอง

แต่ที่นี่คือประเทศไทย ก็อย่างที่รู้ๆ กันน่ะครับ ว่า กฎหมายบ้านเราค่อนข้างจะหย่อนยาน ตำรวจหรือเทศกิจ อาจจะฟิตจับปรับในช่วงแรกๆ ที่เป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา พอหลังจากนั้น สถานการณ์ก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ กั๊กที่จอดกันตามสะดวกเหมือนเดิม …..

แม้ว่ากฏหมายจะออกมาบังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ซึ่งก็ถือว่าเกือบๆ 30 ปีแล้ว แต่การกระทำดังกล่าว ยังถือว่าทันสมัยมาก เพราะมีให้เห็นได้ทุกวัน!

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

ซื้ออะไรก่อนดี-ระหว่าง-บ้าน-กับ-รถ

ปัญหาโลกแตก สำหรับคนที่อยากจะมีทั้งรถ และ บ้าน ในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะบรรดามนุษย์เงินเดือน หรือเด็กจบใหม่ที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว มีเงินเก็บได้ประมาณก้อนหนึ่ง หรือว่ามีแฟนแล้ว ก็อยากที่จะหาอะไรที่เป็นหลักประกันในชีวิต รวมไปถึงความสะดวกสบายในการเดินทางไปไหนมาไหนด้วย

แต่การจะซื้อทั้งบ้าน และรถ พร้อมๆ กัน มันก็จะดูหนักมากสำหรับใครหลายๆ คน ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณโชคดี มีฐานเงินเดือนที่สูงมากจริงๆ หรือฐานะทางบ้านดี (หรือ “รวย” ก็ได้) มีครอบครัวคอยช่วยผ่อน ช่วยอุดหนุนให้

และนี่ก็เป็นคำถามที่ผมได้ยินมาอย่างสม่ำเสมอ ตลอดเวลาระยะหลายปีมานี้ Mr.Carro จะมาอธิบายให้ฟัง ว่าการซื้อบ้าน หรือ ซื้อรถ อะไรควรซื้อก่อนหลังดี …

Car-VS-House-What-Should-I-Buy-First

1. เพราะ “รถ” มีแต่ “ลด”

ปกติแล้ว รถยนต์ เป็นทรัพย์สินที่มีการเสื่อมมูลค่าลงทุกปี ส่วนทางกับบ้าน หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่แทบจะไม่มีการเสื่อมมูลค่า มีแต่เก็บไว้แล้วมูลค่าเพิ่มยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัย หรือซื้อไว้เพื่อเก็งกำไร ล้วนแล้วแต่มูลค่าเพิ่มทั้งสิ้น

แต่ในบางอาชีพ ที่อาจจะต้องใช้รถยนต์เป็นเครื่องมือทำมาหากิน เช่น ขับรถแท็กซี่, รถกระบะส่งของ, เซลส์แมน หรือจะขับ Grab Car อะไรก็สุดแท้แต่ … การมีรถไว้ใช้หาเงินได้ ถือเป็นเครื่องมือที่จำเป็น และทำให้ชีวิตคุณสะดวกสบายขึ้น อาจจะต้องมองตรงจุดนี้ด้วยเช่นกัน

และถ้าคุณมีรายได้น้อย ก็ควรจะซื้อรถ ก่อนซื้อบ้าน … แต่ถ้าคุณเป็นลูกคนรวย มีเงินเหลือเฟือ จะซื้อทั้งสองอย่างเลยก็ได้ ไม่มีใครว่า!

2. ผ่อนรถ น้อยกว่าผ่อนบ้าน

ทำไมถึงควรซื้อรถก่อนซื้อบ้าน ก็เพราะว่าการซื้อรถนั้น เราใช้เงินดาวน์ไม่มาก และก็ใช้เวลาผ่อนก็ไม่มาก (โดยส่วนใหญ่ ผ่อนกัน 4 – 7 ปี) ซึ่งต่างจากบ้าน, คอนโดมิเนียม หรือที่ดิน ที่เวลาทำสัญญาผ่อนแล้ว คุณก็จะต้องผ่อนต่อเนื่องไปเรื่อยๆ 25 – 30 ปี

การซื้อรถนั้น ยิ่งถ้าคุณวางดาวน์ไว้เยอะ หรือสามารถโปะค่างวดได้มากกว่าเดิม เงินต้นก็ยิ่งหมดเร็วขึ้นเท่านั้น … หรือจะเลือกซื้อรถมือสองก็ได้เช่นกัน

รถที่มีราคาถูกๆ อย่างรถราคาหลักหมื่นบาท ผมเชื่อว่าหลายๆ คน สามารถซื้อรถด้วยเงินสดได้เลยทันที โดยที่ไม่ต้องผ่อนด้วยซ้ำไป! แต่ก็ต้องลุ้นกับการเก็บงาน เตรียมเงินไว้ซ่อม เช่นเดียวกันกับการซื้อบ้านมือสอง ที่ก็ต้องเตรียมงบไว้ตกแต่ง หรือซ่อมแซมด้วยเช่นกัน

Car-VS-House-What-Should-I-Buy-First

3. การผ่อนรถ เครดิตมาถึงการซื้อบ้าน

ถ้าคุณมีประวัติการผ่อนชำระที่ดี นั่นคือเครดิตที่ช่วยให้คุณกู้เงินซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น และได้วงเงินมากขึ้น เนื่องจากบริษัทไฟแนนซ์ จะส่งข้อมูลประวัติการชำระเงิน ให้กับทางเครดิตบูโรอีกที

4. ถามตัวเองว่าผ่อนไหวมั้ย

การที่จะผ่อนอะไรต่อมิอะไร ไม่ว่าจะเป็น รถ หรือ บ้าน ต้องถามฐานะทางการเงินของคุณก่อนว่า “ผ่อนไหวมั้ย” เพราะถ้าหากคุณตัดสินใจผ่อนอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว เกิดค้างค่างวด ผ่อนไม่ไหวขึ้นมา ก็อาจจะโดนยึดทั้งบ้าน ทั้งรถ ขายทอดตลาดได้ ยิ่งถ้าของที่คุณโดนยึดขายทอดตลาดไปแล้ว ขายได้ต่ำกว่าราคาประเมิน คุณก็จะต้องควักเงินใช้หนี้เพิ่มอีกด้วยครับ

สำหรับความสามารถในการผ่อนชำระ ถ้าคุณคิดจะซื้อบ้าน ต้องผ่อนไม่เกิน 40% ของเงินรายได้ต่อเดือน และสำหรับการผ่อนชำระค่างวดรถยนต์ ต้องไม่เกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน แต่ถ้าจะซื้อทั้งบ้าน ทั้งรถ 2 อย่างพร้อมกัน การผ่อนชำระรวมกันต้องไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน

เพราะนอกจากเงินผ่อนที่คุณต้องจ่ายทุกเดือนแล้ว อย่าลืมว่า มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงตามมาตลอด เช่า ค่าน้ำมัน ค่าภาษี ค่าประกันภัย ค่าซ่อมบำรุง เป็นต้น

Car-VS-House-What-Should-I-Buy-First

5. ความจำเป็น

ความจำเป็น และความพร้อม นับว่าสำคัญมาก เพราะการซื้อรถสักคัน หรือบ้านสักหลัง (หรือจะผ่อนคอนโดมิเนียมก็เหมือนกัน) มีเงื่อนไขในการผ่อนชำระต้องต่อเนื่องยาวนานหลายปี ดูสิว่ามีเงินวางดาวน์เท่าไหร่ เงินเดือนในแต่ละเดือน รายรับเท่าไหร่ รายจ่ายเท่าไหร่ ถ้ามีลูกแล้ว ต้องจ่ายค่ากิน ค่าเทอมเท่าไหร่ ฯลฯ

เมื่อหักลบกลบค่าใช้จ่ายกินอยู่แล้ว จะเหลือเงินเท่าไหร่ ในการผ่อนรถ หรือ บ้าน บ้าง อันนี้สำคัญนะครับ

มาดูกันว่า เงินเดือนเท่าไหร่ ถึงจะได้วงเงินกู้สูงสุด และจำนวนเงินผ่อนต่องวดบ้าง …

เงินเดือน (บาท)

จำนวนเงินผ่อนต่องวด

วงเงินกู้สูงสุด

15,000 6,000 1,000,000
20,000 8,000 1,300,000
25,000 10,000 1,600,000
30,000 12,000 2,000,000
35,000 14,000 2,300,000
40,000 16,000 2,600,000
45,000 18,000 3,000,000
50,000 20,000 3,300,000
55,000 22,000 3,600,000
60,000 24,000 4,000,000
65,000 26,000 4,300,000
70,000 28,000 4,600,000
75,000 30,000 5,000,000
80,000 32,000 5,300,000
85,000 34,000 5,600,000
90,000 36,000 6,000,000
95,000 38,000 6,300,000
100,000 40,000 6,600,000

Car-VS-House-What-Should-I-Buy-First

ในยุคที่คนรุ่นใหม่ มีช่องทางในการหาเงินง่ายกว่าคนรุ่นเก่ามาก แต่ด้วยปัจจัยอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งราคารถที่แพงขึ้น ราคาบ้านที่สูงขึ้น หรือเงินเฟ้อ ข้าวของขายยากขึ้น กำลังซื้อของผู้คนหายไปมาก ก็ทำให้คนรุ่นใหม่ หลายๆ คน ตอนนี้ ตั้งตัวได้ยากกว่าคนรุ่นเก่าด้วยเช่นกัน

แนะนำ-5-แอป-กล้องติดรถยนที่น่าสนใจ

ทุกวันนี้รถยนต์ส่วนใหญ่ต่างนิยมใช้กล้องติดหน้ารถกันมากขึ้น เพราะช่วยบันทึกเรื่องราวระหว่างการเดินทาง ที่สำคัญเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ หรืออุบัติเหตุบนท้องถนนสามารถใช้เป็นหลักฐานส่งให้กับทางตำรวจหรือบริษัทประกันภัยได้ แต่หากใครไม่สะดวกในการติดตั้งก็สามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟนที่ไม่ใช้แล้วให้เป็นกล้องติดหน้ารถระดับเทพด้วยแอปพลิเคชันได้ รับรองว่าใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยากในการติดตั้ง แถมยังประหยัดเงินอีกด้วย

1. Daily Roads Voyager

บันทึกภาพเคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกำหนดความยาวและคุณภาพของไฟล์ได้ตามต้องการ หรือจะเลือกเก็บข้อมูลเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องการไว้ดู โดยไฟล์ภาพจะไม่ถูกบันทึกทับ พร้อมกับมีฟังก์ชันปรับความสว่าง ช่วยลดแสงรบกวนระหว่างขับรถในตอนกลางคืน นอกจากนี้แล้วระหว่างกำลังบันทึกภาพยังสามารถเปิดแอปพลิเคชันอื่น ๆ เช่น ฟังเพลง ดูแผนที่ หรือปิดหน้าจอมือถือเพื่อประหยัดแบตเตอรี่

Daily Roads Voyager
Cr: App Daily Roads Voyager

2. AutoBoy Dash Cam – BlackBox

แอปพลิเคชันกล้องติดหน้ารถที่นอกจากบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมีฟังก์ชันอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น โหมดกล้องสามารถสลับกล้องหน้า-หลังได้ และมีระบบตรวจจับการสั่นสะเทือนในกรณีที่รถชนพร้อมโทรออกไปยังเบอร์ฉุกเฉินทันทีหลังเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงบันทึกภาพเคลื่อนไหวตลอดเวลาแม้ว่าจะปิดหน้าจอ

AutoBoy Dash Cam - BlackBox
Cr: App AutoBoy Dash Cam – BlackBox

3. CamOnRoad

หน้าตาของแอปพลิเคชันดูน่าใช้ ฟังก์ชันต่าง ๆ เข้าใจง่าย แถมครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้งาน เพราะไม่ใช่แค่ช่วยบันทึกภาพและเหตุการ์ณต่าง ๆ ขณะขับรถเท่านั้น ยังสามารถเปิดแผนที่นำทางผ่านแอปพลิเคชันนี้ได้เลย พร้อมจัดเก็บคลิปโดยแบ่งเป็นช่วง ๆ ให้แต่ละไฟล์มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ของมือถือ

CamOnRoad
Cr: App CamOnRoad

4. Carcorder

บันทึกภาพเคลื่อนไหวขณะขับรถได้อย่างชัดเจนด้วยความละเอียดสูงถึง 1080P และเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุสามารถตั้งค่าให้โทรออกอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีโหมดแจ้งเตือนความเร็วและแผนที่นำทางด้วยสัญญาณ GPS ผ่าน Google Maps อีกด้วย ซึ่งฟังก์ชันต่าง ๆ ภายในแอปพลิเคชันค่อนข้างใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน

Carcorder

Cr: App Carcorder

5. Save Drives – Car Dashboard

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเดียวติดมือถือไว้ได้ครบทั้งกล้องติดหน้ารถและแผนที่นำทาง ที่สามารถระบุตำแหน่งได้อย่างถูกต้อง พร้อมบันทึกวิดีโอได้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อเกิดอุบัติเหตุสามารถเลือกตัดไฟล์วิดีโอความยาว 10-30 วินาที เพื่อง่ายต่อการส่งไฟล์ให้ตำรวจและบริษัทประกันภัย

Save Drives – Car Dashboard
Cr: App Save Drives – Car Dashboard

เรียกว่าเป็นแอปพลิเคชันฟรีที่มีประโยชน์ต่อคนขับรถยนต์ ช่วยทำให้การเดินทางสนุก ได้เก็บบันทึกทุกเรื่องราวที่ต้องการโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อกล้องติดหน้ารถ แต่ยังไงเพื่อความปลอดภัยก็อย่าลืมขับรถด้วยความระมัดระวัง และเพิ่มความอุ่นใจยิ่งขึ้นด้วยการทำประกันรถยนต์ โดยสามารถ คลิกที่นี่ หรือโทรสอบถามกับมาสิได้เลยที่ 02 710 3100 หรือง่าย ๆ แอด LINE มาคุยกันที่ @masii

ขอบคุณบทความดี ๆ จาก www.masii.com