5-Secondhand-Cars-Not-Over-300000-Baht

5 รถมือสองราคาไม่เกิน 300,000 บาท ที่น่าเล่น

เมื่อคุณคิดจะตัดสินใจซื้อรถมือสองสักคันหนึ่ง ในวงเงิน 300,000 บาท ซึ่งก็มีตัวเลือกอยู่มากมายหลายรุ่น ทั้งรถแบรนด์ญี่ปุ่น รถยุโรป ให้เลือกมากมาย เป็นธรรมดาที่ผู้บริโภคจะหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ทั้งจำนวนเงินในกระเป๋า ความคุ้มค่าต่อราคา และความชอบส่วนตัว

ราคาขายต่อในแต่ละรุ่นก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าความนิยม กระแสของคนเล่นรถรุ่นนั้น ศูนย์บริการของรถรุ่นนั้นๆ หรือปัญหายอดฮิตของรถรุ่นนั้น ว่าชอบเสียจุดไหนบ้าง รวมไปถึงความยากง่ายในการหาอะไหล่ เป็นต้น

Carro ขอแนะนำรถยนต์มือสอง 5 รุ่น ในราคาไม่เกิน 300,000 บาท ที่น่าซื้อมาใช้ ให้ทุกท่านได้พิจารณากันครับ

1.Toyota Corolla Altis

Toyota-Corolla-Altis

สำหรับ Toyota Corolla Altis (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส) ในโฉม “หน้าแบน” นี้ เป็นถือเป็นรถที่ได้รับความนิยมมากมายจากแท็กซี่ หรือมวลชน เพราะขึ้นชื่อถึงเรื่องความทนทาน อะไหล่หาง่าย ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้ เช่นเคย โดยย้อนกลับไปวันที่ 29 มกราคม 2551 เป็นวันที่เปิดตัว Corolla Altis รุ่นนี้ ภายใต้แนวคิด “Be Your Own Star” ที่พัฒนาใหม่หมดอย่างเป็นทางการ ห้องโดยสารกว้างขวาง หรูหรา ทันสมัย สะดวกสบายยิ่งกว่า พร้อมใช้พรีเซนเตอร์คนดังอย่าง “ออรัลโด บลูม”

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 3ZZ-FE 109 แรงม้า, เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 1ZZ-FE 132 แรงม้า และขนาด 2.0 ลิตร รหัส 3ZR-FE 145 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 รวมไปถึงมีรุ่นใช้ก๊าซธรรมชาติ CNG ให้เลือก

พอไมเนอร์เชนจ์ ปี 2553 เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 1ZR-FE 109 แรงม้า, เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FBE 139 แรงม้า และขนาด 2.0 ลิตร รหัส 3ZR-FE 145 แรงม้า มีให้เลือกเกียร์ธรรมดา 6 สปีด, เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ส่วนรุ่นใช้ก๊าซธรรมชาติ CNG ยังใช้เครื่องเดิม รหัส 3ZZ-FE

อีกทั้งยังมีรุ่นพิเศษต่างๆ ออกมาสร้างสีสันในตลาดตามมาตลอดของอายุรถรุ่นนี้ ที่ขายมาจนถึงต้นปี 2557 … ขณะนี้มีราคาจำหน่ายในตลาดรถมือสอง อยู่ประมาณ 150,000 – 430,000 บาท

2.Toyota Wish

Toyota-Wish

Toyota Wish (โตโยต้า วิช) นี่ก็ถือว่าเป็นรถที่น่าใช้อีกรุ่น เหมาะสำหรับคนมีครอบครัวแล้ว เพราะมีเบาะนั่งถึง 6-7 ที่นั่ง เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2546 รูปทรงดูทันสมัย สไตล์สปอร์ตหรู มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 1AZ-FE 150 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด Super ECT + Sport Sequential

มีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2548 แต่เนื่องจากกลุ่มตลาดที่ซ้ำซ้อนกับ Toyota Innova และยอดขายที่ตกมาก Wish จึงขายในไทยแค่โฉมนี้โฉมเดียวเท่านั้น …

โดย Wish ในตลาดรถมือสอง อยู่ที่ประมาณ 260,000 – 550,000 บาท

3. Honda Civic (FD)

Honda-Civic-FD

Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) โฉม “FD” เจเนอเรชั่นที่ 8 เป็นรุ่นที่เรียกได้ว่า แต่งซิ่งแต่งสวยได้เลย เพราะรูปทรงช่างสวยและทันสมัยไม่เคยเปลี่ยน เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2548 ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มใหม่ ระบบกันสะเทือนใหม่ เครื่องยนต์และระบบเกียร์พัฒนาใหม่ และห้องโดยสารกว้างขึ้น และระบบความปลอดภัยระดับแนวหน้า

มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ 1.8 ลิตร i-VTEC 140 แรงม้า และเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร i-VTEC 155 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 5 สปีด

ขณะนี้มีราคาจำหน่ายในตลาดรถมือสอง (โฉมแรก ก่อนรุ่นไมเนอร์เชนจ์) อยู่ประมาณ 250,000 – 390,000 บาท

4. Ford Focus

Ford-Focus

สำหรับคนที่ชื่นชอบรถแนวยุโรป สำหรับ Ford Focus (ฟอร์ด โฟกัส) ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนตุลาคม 2548 สำหรับแบบ 4 ประตูซีดาน และ 5 ประตูแฮทช์แบค ในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ยนตรกรรมระดับยุโรป ซึ่งตอนนั้นฟอร์ดคุยว่าออกแบบพัฒนาทางด้านวิศวกรรมจากเยอรมันเลยทีเดียว

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร Duratec 125 แรงม้า และขนาด 2.0 ลิตร Duratec 145 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด แบบ Sequential Sports Shift (SSS) รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 และในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ยังรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นรายแรกในไทยอีกด้วย

Ford Focus มีราคาจำหน่ายในตลาดรถมือสอง อยู่ประมาณ 140,000 – 300,000 บาท

5. BMW Series 3 (E46)

BMW-Series-3

อันนี้เหมาะสำหรับคนชื่นชอบรถเยอรมนีโดยเฉพาะ สำหรับ BMW Series 3 (E46) (บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3) โฉม “ไฟตก” (ปี 2000-2003) และ “ไฟยก” (ปี 2003-2007) เปิดตัวในไทยเมื่อปี 2543 ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปลายปี 2545 แม้ว่าจะเป็นรถสิบกว่าปี ไปจนเกือบๆ 20 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงความน่าใช้ เอาไว้อยู่อย่างเต็มเปี่ยม เป็นรถที่สวย ช่วงล่างดี ตัวถังเบา ปลอดภัย จะหรูก็ได้ สปอร์ตก็ลงตัว

ในไทย E46 มีให้เลือกหลายหลายมากจริงๆ ตั้งแต่แบบ 4 ประตูซีดาน, 2 ประตูคูเป้ รวมไปถึงรุ่นเปิดประทุน (จำได้ว่า รุ่นแวกอน ในบ้านเราก็มี) รวมไปถึงรุ่นพลังแรงอย่าง M3 ก็มี แต่คงไม่มีในราคาไม่เกินสามแสนแน่ๆ โดยราคานี้ จะมีเฉพาะรุ่น 318i, 318iA SE, 323i, 323iA SE, 325i หรือ 330i มากกว่าครับ

เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งรหัส M43 4 สูบ 8 วาล์ว, N42 4สูบ 16 วาล์ว (จะมีในรุ่นไฟยก), N46 4สูบ 16 วาล์ว (มาในโฉมไมเนอร์เชนจ์) , M52TU 6 สูบ และ M54 6 สูบ

โดย BMW Series 3 (E46) ในตลาดรถมือสอง อยู่ที่ประมาณ 210,000 – 500,000 บาท

Carro หวังว่า รถ 5 รุ่นที่เรานำเสนอ คงจะถูกใจท่านไม่มากก็น้อยครับ …

มารยาทในการขับรถบนท้องถนน ที่คุณควรรู้

ปัจจุบันการคมนาคมมีหลายรูปแบบให้เลือกมากขึ้น แต่การเดินทางด้วยรถยนต์ถือเป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกสบายที่สุดในการเดินทางบนถนนสาธารณะ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนที่ผู้ใช้รถใช้ถนนมักขับรถด้วยความเร่งรีบ และอาจขาดความระมัดระวัง จึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัทย์สิน หรืออาจเกิดการทะเลาะวิวาทบนท้องถนน

ที่เรามักพบเห็นจากวีดิโอที่ถ่ายโดยบุคคล การนำเสนอข่าว หรือการตั้งกระทู้ต่างๆ ยกตัวอย่างกระทู้จากพันทิป เช่น “นอกจากขับช้าแช่ขวา ที่ทำให้หงุดหงิด ก็ยังมีขับทิ้งช่วงห่างระหว่างคันหน้า ที่ทำให้หงุดหงิดเหมือนกัน” , “ผิดถึงกับต้องทำร้ายร่างกายกันเลยเหรอ แค่ขี่ช้ามาอยู่ข้างหน้า แล้วคุณขี่เร็วกว่า” เป็นต้น

จึงทำให้รู้ว่ามารยาทในการขับรถบนท้องถนนควรเป็นเรื่องที่ต้องร่วมกันรณรงค์ ไม่ใช่แค่ปฏิบัติตามกฏจราจรเท่านั้น เพราะฉะนั้นทาง CARRO ขอเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ ด้วยการนำเสนอมารยาทในการขับรถเบื้องต้นที่ผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถปฏิบัติได้ดังนี้

มารยาทในการขับรถบนท้องถนน

1. ไม่ขับแช่ขวา

แม้ว่าเราจะขับรถตามความเร็วที่กฏหมายกำหนด แต่เราไม่ควรขับรถแช่เลนทางขวา เพราะหลายครั้งที่บนท้องถนนมีสภาพการจราจรติดขัด เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ อาจเป็นเพราะมีรถที่ขับแช่เลนขวาด้วยความเร็วคงที่ ทำให้รถด้านหลังไม่สามารถไปก่อนได้

ซึ่งสามารถสังเกตุได้ว่า หากคุณขับรถวิ่งเลนขวา และมีรถมาจ่อท้ายเมื่อไหร่ นั่นแสดงว่าคุณขับรถช้าไป โดยมารยาทแล้วคุณต้องเปิดไฟเลี้ยวซ้าย และหลบให้ทางรถที่มาข้างหลัง เพื่อให้รถที่มีความเร็วสูงกว่ารถของคุณแซงขึ้นไปอย่างปลอดภัย

2. ไม่ขับจี้ท้ายรถ หรือขับทิ้งช่วงห่างระหว่างคันหน้า

ความพอดี ไม่น้อยเกินไป ไม่มากเกินไป จนต้องเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เป็นคำกล่าวที่สามารถใช้ได้กับทุกเรื่อง และในเรื่องขับรถก็เช่นเดียวกัน เพราะการเกิดอุบัติเหตุชนท้ายในบ้านเรา ส่วนมากเกิดครั้งละหลายคันติดกัน และมักพบได้บ่อยครั้ง ดังนั้น การขับรถตามหลังควรต้องเว้นระยะห่างจากคันหน้า ให้เพียงพอที่จะหยุดได้อย่างปลอดภัย หากคันหน้าเกิดอุบัติเหตุ หรือหยุดกระทันหัน

นอกจากขับแช่ขวาแล้วนี่เป็นอีกเรื่องที่ทำให้คันหลังอาจเกิดหงุดหงิดจนถึงขั้นมีเรื่องของการวิวาทบนท้องถนนได้ เพราะด้วยการขับทิ้งช่วงห่างระหว่างคันหน้า ยกตัวอย่างเช่น ในกรุงเทพมักมีวินาทีไฟเขียวที่เร็วกว่าวินาทีไฟแดง ถ้าหากคุณทิ้งระยะห่างมากเกินไปจะทำให้คันหลังไม่สามารถขับต่อไปได้ ทำให้อาจติดไฟแดงอีกครั้ง ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่เสียเวลามาก  

มารยาทในการขับรถบนท้องถนน

3. การขับรถแซง

ผู้ขับควรให้สัญญาณไฟก่อนแซง และเร่งความเร็วรถเพื่อที่จะแซงขึ้นไป อีกทั้งต้องเว้นระยะห่างก่อนให้สัญญาณไฟเพื่อที่จะขอกลับเข้าช่องจราจรเดิม นอกจากนี้ควรเร่งความเร็วให้เหมาะสมกับรถคันที่อยู่ด้านหน้า การแซงรถคันหน้าได้แล้วปาดหน้าชิดซ้ายทันที เป็นการแซงที่ไม่ปลอดภัยและแสดงถึงความไม่มีมารยาทของผู้ขับขี่รถ

ส่วนอีกหนึ่งการแซงที่แสดงถึงการไร้มารยาท คือ แซงขวาในเลนที่รถวิ่งสวนมาอีกทาง เป็นการกระทำที่ไม่ควรทำอย่างมาก อีกทั้งยังผิดกฏจราจรอีกด้วย

4. รักษาเลนของตัวเองเวลาเลี้ยว

ปัญหาเหล่านี้มักพบบ่อยครั้ง เช่น บางครั้งเราขับรถอยู่ในเลนขวาสุด เมื่อเราต้องการเลี้ยวขวาแล้วก็ต้องรักษาช่องทางขวาเอาไว้ แต่ถ้าคุณมาเลนที่สองจากขวา เมื่อเริ่มเลี้ยวก็ต้องรักษาช่องทางเดิม จนเลี้ยวขวาเสร็จก็ต้องรักษาเลนที่สองจากขวาไว้ ซึ่งหลายครั้งเจอคนที่ไม่รู้ หลังจากเลี้ยวเสร็จไม่รักษาเลนของตัวเองไว้ เช่น จากเลนที่สองจากขวาเมื่อเลี้ยวแล้วก็ปาดมาขวาสุดทันใด ทำให้เกิดการเบียดเสียดกลางแยก รถไปได้ช้า หลายครั้งก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุด้วย และที่สำคัญก่อนเลี้ยวควรเปิดไฟเลี้ยวทิ้งไว้ก่อนเลี้ยวสักระยะหนึ่ง ไม่ควรเปิดก่อนเลี้ยวแบบทันที

มารยาทในการขับรถบนท้องถนน

5. ไม่ควรเปิดไฟสูงขณะรถสวนกัน

หรือเวลาขับตามหลังรถคันอื่นไม่ควรเปิดไฟเพื่อไล่รถคันหน้า เพราะการกระทำแบบนี้จะทำให้ไฟส่องเข้าตาผู้ขับคันหน้า เกิดการมองไม่เห็นถนน หรืออาจตกใจขับรถเปลี่ยนเลน หรือเร่งเครื่องหนี ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

ส่วนการใช้ไฟสูงที่ถูกต้องและไม่เสียมารยาท ควรเปิดไฟสูงเพื่อตรวจสอบสภาพถนนและริมถนน เฉพาะเส้นทางที่มืดมาก และไม่มีรถวิ่งอยู่ด้านหน้าหรือสวนทาง หลังจากนั้นให้ปิดไฟสูงทันที

6. หยุดรถทางม้าลาย

เมื่อเห็นคนยืนบนทางเท้า และมีการแสดงท่าทีที่จะเดินข้ามถนนตรงทางม้าลาย ผู้ขับรถควรแตะเบรกเตือนหรือเปิดไฟขอทาง เพื่อให้รถคันหลังเห็นสัญญาณไฟ และรู้ว่าคุณกำลังหยุดรถตรงทางม้าลาย จนกระทั่งคนข้ามถนนเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงค่อยออกตัวรถ และขับต่อไป

มารยาทในการขับรถบนท้องถนน

ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของมารยาททางสังคมในการขับรถบนท้องถนนที่ผู้ใช้รถใช้ถนนควรยึดมั่นเท่านั้น ซึ่งนอกจากกฎระเบียบและมารยาท ผู้ขับขี่ทุกท่าน ควรมีสติ ไม่ใจร้อน รู้จักใจเย็น ปล่อยวาง และให้อภัยซึ่งกันและกัน จะได้สามารถคิด แก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี และอย่างน้อยก็เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น จากการไม่มีมารยาทของผู้ขับขี่

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand  โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ขอบคุณแหล่งที่มาจาก:

รายได้เสริม

ใครกำลังมองหาอาชีพเสริม ลองเลือกดูได้เลย

ด้วยภาวะของเศรษฐกิจในบ้านเราปัจจุบัน ทำให้ใครหลายคนต่างพากันหาอาชีพเสริม เพื่อเลี้ยงชีพจากรายได้หลักที่ไม่เพียงพอ หรืออยากมีเงินเก็บเพิ่มเติม โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่อยากหาอาชีพเสริมสร้างรายได้ทำหลังเลิกงาน หรือในวันหยุด แต่ด้วยคุณไม่มีต้นทุนที่จะเริ่ม ทำให้โครงการที่วาดฝันไว้ต้องล่ม คงดีกว่าถ้าอาชีพเสริมที่เราเลือกทำได้นั้น ไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ไม่ต้องมีค่าเช่า ค่าสถานที่ แต่ก็สามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นได้อย่างง่าย ๆ จากการทำที่บ้าน มาดูกันว่า อาชีพเสริม ที่สามารถทำรายได้จากที่บ้านนั้้นมีอะไรบ้าง

 

1. รับพิมพ์งาน คีย์ข้อมูล

7 อาชีพเสริม คีย์ข้อมูล

เชื่อว่าทุกบ้านต้องมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลกันอยู่แล้ว เริ่มต้นง่ายๆด้วยการรับจ้างพิมพ์งานในรูปแบบต่าง ๆ หรือจะเป็นรับจ้างคีย์ข้อมูล เพราะยังมีนักเรียน นักศึกษา บริษัท และห้างร้านต่าง ๆ ที่ยังจำเป็นต้องมีผู้ช่วยในการพิมพ์งาน หรือคีย์ข้อมูลเข้าระบบ ซึ่งหากใครมีความรู้ในการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติ การวิเคราะห์ข้อมูล SPSS หรือข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ ก็จะสามารถเพิ่มรายได้เป็นอีกช่องทางหนึ่ง

 

2. เก็บขวด กระดาษ หรือของเก่าภายในบ้านมาขาย

7 อาชีพเสริม ของเก่าเก็บอาชีพเสริมนี้อาจจะมองว่าไม่ได้เป็นอาชีพเสริมก็ว่าได้ เพราะทุกบ้านส่วนใหญ่นั้นก็อาจมีการแยกขยะ การเก็บขวด กระดาษที่ไม่ใช้ และพวกของเก่าที่เก็บภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าก็สามารถทำเงินได้ทั้งสิ้น มากกว่าจะปล่อยทิ้งไว้โดยเปล่าประโยชน์ นอกจากนี้ของเก่าบางชิ้นยังมีราคาที่นักสะสมต้องการ อาจจะเป็นโคมไฟโบราณที่เคยมีราคา หรือจะเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ ดังนั้นการเก็บของเก่าในบ้านมาขายก็อาจสร้างรายได้ให้กับคุณ

 

3. สอนพิเศษเด็กนักเรียน7 อาชีพเสริม สอนพิเศษ

เป็นอาชีพเสริมนี้น่าสนใจไม่น้อย เพราะปัจจุบันผู้ปกครองส่วนใหญ่ส่งเสริมให้ลูกเรียนพิเศษเพิ่มเติม เพื่อความเข้าใจ และเป็นการทบทวนบทเรียนอีกด้วย อีกทั้งผู้ปกครองต้องการให้ลูกของตนมีพื้นฐานที่ดี โดยจะใช้ความรู้ที่เรียนมาสอนหนังสือเด็กในวิชาพื้นฐานหลักๆ เช่น คณิตศาสตร์ , ภาษาไทย , ภาษาอังกฤษ เป็นต้น  ส่วนรายได้คิดเป็นรายชั่วโมง หรือคิดไปรายเดือน ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกับผู้ปกครอง ซึ่งอาชีพเสริมนี้ทำรายได้ถึง 200-300 บาทต่อชั่วโมงเลยทีเดียว

 

4. รับแปลงาน

7 อาชีพเสริม สอนพิเศษ

อีกหนึ่งอาชีพเสริมที่ต้องใช้ทักษะการใช้ภาษา เพื่อแปลงานออกมาให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการแปลเปเปอร์ แปลภาษาจากเว็บไซต์ต่างประเทศให้ผู้ที่ทำเว็บไซต์ หรือแปลภาษาอื่นๆ โดยรายได้นั้นขึ้นอยู่กับผู้ว่าจ้าง การแปลเปเปอร์นั้นจะมีรายได้ที่สูงกว่าเพราะนอกจากต้องแปลภาษาแล้ว ยังมีศัพท์เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ ที่ต้องอาศัยความรู้ช่วย รายได้นั้นอาจคิดเป็นหน้า หน้าละ 100 บาทขึ้นไป อาจสูงถึงหน้าละ 500 ก็มี ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และทักษะหรือเหมาจ่าย ส่วนการแปลภาษาจากเว็บไซต์ต่างประเทศให้ผู้ที่ทำเว็บไซต์นั้น จะคิดตามจำนวนคำ เช่น 500 คำ คิดราคา 250 บาท เป็นต้น การแปลภาษาให้กับผู้ทำเว็บไซต์ ตอนนี้มีความต้องการของตลาดมากอยู่เหมือนกัน เหมาะกับเป็นอาชีพเสริมหลังหลิกงาน เสาร์-อาทิตย์ ซึ่งเป็นรายได้ที่ได้ไม่น้อยเลย

 

5. ตัวแทนขายสินค้าออนไลน์

7 อาชีพเสริม ตัวแทนขายของออนไลน์

ปัจจุบันการซื้อขายของออนไลน์ถือว่าเป็นที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นบน Facebook และ Instagram ซึ่งการเป็นตัวแทนจำหน่ายอาจจะมีการเสียค่าสมัครตัวแทนจำหน่าย (ขึ้นอยู่กับร้านหลักว่าจะกำหนดมาเท่าไร) เพียงแค่โพสต์รูปสินค้า และรายละเอียดของสินค้าลงบนโซเชียลมีเดีย ตอบอินบ็อกซ์หรือไลน์ลูกค้า เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้า แล้วทำการส่งข้อมูลไปยังร้านหลัก ทางร้านหลักจะรับออเดอร์ และทำการส่งสินค้าเอง ยิ่งมีลูกค้าสนใจซื้อสินค้า รายได้ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย เป็นการอยู่บ้านโดยไม่เสียเปล่า ไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดาหลังเลิกงาน หรือจะเป็นเสาร์-อาทิตย์ ก็สามารถทำได้ หมั่นขยันโพส ขยันลงรูปสินค้า เรียกลูกค้า ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพเสริมที่ไม่ต้องทำอะไรมาก แต่รายได้ดีไม่น้อย

 

6. งานฝีมือ

7 อาชีพเสริม งานฝีมือ

งานที่ต้องใช้ทักษะความสามารถในการประดิษฐ์ โดยการทำงานฝีมืออาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การคิดค้นและประดิษฐ์งานฝีมือด้วยตนเอง หรือจะเป็นรับงานฝีมือประเภทต่าง ๆ มาทำ และส่งให้ตามร้านค้าที่ขาดกำลังในการผลิต ส่วนงานฝีมือนั้นอาจจะต้องใช้ฝีมือ และระยะเวลาในการทำงานแต่ละชิ้น ซึ่งงานแต่ละชิ้นต้องใช้ความชำนาญ หากทำงานเสร็จและส่งตามเป้าหมายก็จะได้รับค่าจ้าง

 

7. งานชักชวน

7 อาชีพเสริม งานชักชวน

เป็นอาชีพเสริมที่สามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องลงทะเบียน และไม่มีการเก็บค่านายหน้า บวกกับสะดวกสบายต่อการทำงาน ไม่กระทบเวลางานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งทำตอนไหนที่ไหนก็ได้ แค่ใช้เวลาว่างของคุณให้มีประโยชน์

โดยโทรหรือแชทหาเพื่อน ญาติพี่น้อง หรือบุคคลที่คุณรู้จัก ชักชวนกันมาร่วมโครงการรีไฟแนนซ์รถ หรือจำนำเล่มกับทาง Carro ( เป็นบริษัทรถที่มีประสิทธิภาพ ต้ังแต่การซื้อขายรถ, การประกันภัย, ขอวงเงินกู้  ซึ่งคุณวางใจกับระบบและขั้นตอนการดำเนินการได้ )

มีเงื่อนไข เพียงแค่คนที่คุณแนะนำมานั้นได้รับการอนุมัติผ่าน ได้รับเงินค่าแนะนำทันที 500 บาทต่อท่าน แต่หากมั่นขยันทำให้สามารถชักชวนเพื่อนหรือใครก็ตามแต่ มาทำได้ 10 คน รับเพิ่มเป็น 5000 บาท ซึ่งคุณสามารถชักชวนได้ไม่จำกัดจำนวน เป็นอีกวีธีหารายได้เสริมที่คุ้มค่าต่อการทำเลยทีเดียว

ข้อมูลการติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
โทร : 096-463-3298
Email : [email protected]
Facebook : carrothailand
Line : carrothailand

 

Source :  siamarcheep.com

Trick-Use-Car-Camera

เลือกกล้องติดหน้ารถ เลือกราคาเท่าไหร่ สเปคแบบไหน ต้องอ่าน

Car-Cameraภาพจาก ausdom

            ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกวันนี้ “กล้องติดรถยนต์” หรือ “กล้องติดหน้ารถ” นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง การมีกล้องติดรถยนต์นั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญแล้วจำเป็นไปแล้ว ทั้งสามารถบันทึกเรื่องราวต่างๆ อาทิเช่น บันทึกภาพรถยนต์ที่ทำผิดกฎจราจร หรือกรณีเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ช่วยให้ตำรวจสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ตัดสินได้ง่ายขึ้นว่าใครถูกใครผิด ทาง

Carro ขอแนะนำวิธีการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ให้ได้คุณภาพ และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปครับ.

Car-Camera-2

ภาพจาก Youtube Nopparit Lee

1. ความคมชัดของกล้อง

ความคมชัดของกล้อง ถือเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อเลยก็ว่าได้ เพราะราคาที่ถูก กับ ราคาที่แพง ความคมชัดของภาพก็ย่อมต่างกัน แต่ถ้ายึดตามการใช้งานแล้ว ระดับ Full HD 1080P หรือ HD Ready (720P) ก็ถือว่าเหมาะสม ส่วนค่า FPS (Frame Per Second – อัดเฟรมภาพต่อวินาที) หากอยู่ที่ 20-30 FPS (หมายถึง ใน 1 วินาที จะบันทึกภาพต่อเนื่องได้ 20-30 ภาพ) ก็ถือว่าใช้ได้ เพราะให้ภาพที่คมชัดสมจริง และไม่กระตุก

ในส่วนของรูรับแสง หรือ Lens Aperture ของกล้องติดรถยนต์มีความหมายเดียวกับของกล้องถ่ายรูป ที่ช่างภาพมักนิยมเรียนว่า ค่า “F/Stop” ใช้ตัวเลขกำกับแสดงขนาดของรูรับแสง ค่าตัวเลข F น้อยๆ รูรับแสงกว้าง แสงเข้าได้มาก หรือชัดตื้น ภาพจะชัดแค่ช่วงจุดโฟกัส ส่วนที่ค่าตัวเลข F มากๆ รูรับแสงจะแคบลง แสงเข้าได้น้อย หรือชัดลึก ภาพจะคมชัดทั้งหมดของภาพ

สำหรับโหมดการบันทึกภาพแบบ WDR (Wide Dynamic Range) ในช่วงกลางคืน ควรเลือกกล้องที่มีรูรับแสงกว้าง หรือมีระบบอินฟราเรด เพื่อให้ถ่ายภาพในเวลากลางคืน หรือในสภาพที่มีแสงน้อยได้อย่างชัดเจน และมีระบบ G-Sensor บันทึกภาพฉุกเฉิน และระบบ Motion detect (ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว) ด้วยก็ดี

Toyota-Car-Camera

2. มุมมองของกล้อง

ควรเลือกกล้องติดรถยนต์ที่มีมุมมองด้านหน้ากว้างและอยู่กึ่งกลาง เพื่อเห็นบริเวณหน้ารถให้มากที่สุด หรือเห็นทั้งมุม ซ้าย-ขวา ได้ บางรุ่นก็มีเลนส์ Fish Eye ให้เลือกด้วย

Car-Camera-4

ภาพจาก Aliexpress

3. ความคมชัด และ รองรับความจุเมมโมรี่

กล้องติดรถยนต์แต่ละตัวก็รองรับชนิดเมมโมรี่ขนาดความจุได้ไม่เท่ากัน ทางที่ดีควรเลือกแบบรองรับเมมโมรี่การ์ดได้ 64GB จะทำให้เก็บไฟล์ VDO ได้ต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่มักรองรับที่ 32GB และควรเลือกกล้องที่มีสามารถอัดทับได้ (หรือ Loop Recording) คือ การเลือกบันทึกวีดีโอความยาว 3-10 นาที และเริ่มบันทึกวีดีโอใหม่ไปเรื่อยๆ หากเมมโมรี่การ์ดเต็มความจุ ก็จะวนกลับไปบันทึกทับไฟล์วีดีโอของเก่าโดยอัตโนมัติ ทำให้เมมโมรี่การ์ดไม่เต็ม เพราะไฟล์วีดีโอเก่าจะถูกลบไปเรื่อยๆ

4. แบตเตอรี่

กล้องติดรถยนต์มีทั้งเป็นแบบที่มีแบตเตอรี่ในตัว และแบบคือไม่มีแบตเตอรี่ในตัวเอง โดยมีแค่เพียงตัวเก็บประจุไฟ หรือ คาปาซิเตอร์ (Capacitor) คล้ายกับแบตเตอรี่สำรองในตัวกล้อง แต่ก็ต้องต่อเชื่อมต่อไฟกับที่จุดบุหรี่ ก็มีข้อดีอยู่ตรงที่ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ในตัวกล้องเสื่อม หรือความร้อนจากแบตเตอรี่ที่เกิดจากการใช้งาน

Car-Camera-5

ภาพจาก Aliexpress

5. คุณภาพ ราคา และ การรับประกันหลังการขาย

ราคาของกล้องติดรถยนต์นั้น มีแต่ตั้งหลักหลายร้อยบาท ไปจนถึงราคาหลักหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติความทนทาน และคุณภาพ โดยที่กล้องบางรุ่น บางยี่ห้อ ราคาถูกก็จริง แต่ใช้งานไปได้ไม่นานนักก็รวน หรือพัง บางชนิดก็ไม่สามารถทนแดดแรงๆ ในบ้านเราได้

ทางที่ดีเมื่อไม่ได้ใช้กล้องแล้ว ก็ควรที่จะถอดเก็บ เพื่อไม่ให้โดนแดด หรืออาจจะหาอะไรบังป้องกันแสงแดดไว้ไม่ให้โดนตัวกล้อง หรือชาร์จไฟเต็มแล้ว ให้ถอดแบตเตอรี่ออก

ทางที่ดีควรดูด้วยว่า ผู้แทนจำหน่าย มีระบุเงื่อนไขในการรับประกันหลังการขายด้วยหรือไม่ ทางที่ดีควรเลือกซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่มีในประเทศไทย มีราคาที่เหมาะสมต่อการใช้งานของคุณ และมีการรับประกันสินค้าให้ก็ดีครับ แม้ว่าราคาอาจจะแพงกว่า แต่ก็ดีกว่าเสียแล้วต้องโยนทิ้งเลย

Car-Camera-6

ภาพจาก ebay

หากใครที่กำลังมองหากล้องติดรถยนต์ในขณะนี้ ก็ลองนำข้อมูลจากทาง Carro ไปเปรียบเทียบและพิจารณาในการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ได้เลยครับผม เพื่อความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปครับ

รถติด เลี่ยงได้ด้วยแอพพลิเคชัน

อยากรู้สภาพการจราจรแบบ Real time เช็กด้วย แอพพลิเคชันเหล่านี้

ปัญหารถติดในกรุงเทพ หรือติดในช่วงที่มีเทศกาลวันหยุดยาว กลายเป็นปัญหาที่ผ่านมากี่ปีก็ไม่สามารถแก้ไขให้ได้ลงตัวสักที อีกทั้งมันยังได้กลายเป็นเรื่องที่ปกติไปเสียแล้วสำหรับปัจจุบัน

ทำให้วันนี้ Carro อยากจะนำเสนอตัวช่วย ด้วยแอพฯที่สามารถบอกข้อมูลเส้นทางจราจรในสมาร์ทโฟนของคุณ เพราะเราอยู่ในยุคที่มีเทคโนโลยีกลายเป็นตัวช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งแอพฯเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้วางแผนก่อนการเดินทาง และหลีกเลี่ยงเส้นทางการจราจรที่มีความหนาแน่นอีกด้วย

 

Google maps

รถติด เลี่ยงได้ด้วยแอพพลิเคชัน google maps

แอพพลิเคชันที่ครบครันด้วยเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ เช่น แนะนำเส้นทางเวลาขับรถผ่าน GPS ด้วยเสียง รายงานสดการจราจรบนท้องถนน ดูแผนที่เสมือนจริงแบบ Street View อย่าง ภาพสถานที่จุดหมายปลายทาง นอกจากนี้ยังรองรับทั้งรถยนต์ จักรยาน และการเดินเท้า

ซึ่งทาง Google เองก็พัฒนาฟังก์ชั่นอื่นๆ มาเพิ่มเติมเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น การใช้แผนที่แบบออฟไลน์ได้ รวมไปจนถึงการจองโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน แม้กระทั่งร้านอาหาร และอีกมากมาย ที่ทำมาเพื่อช่วยทั้งคนขับรถและคนทั่วไปใช้งานแผนที่ได้สะดวกขึ้น

ดาวน์โหลดแอพฯได้ที่ App Store และ Google play

สวพ91BKK หรือ FM91BKK

รถติด เลี่ยงได้ด้วยแอพพลิเคชัน FM91BKK

แอพพลิเคชันที่คอยบอกข่าวสาร การจราจร รวมถึงอุบัติเหตุต่างๆ บนท้องถนน ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่รู้ได้ทันทีว่าสาเหตุของรถติดเกิดจากอะไร หรือมีอุบัติเหตุข้างหน้าหรือไม่ และอีกหนึ่งความสามารถพิเศษ คือเราสามารถเลือกรับฟังข่าวสารในจุดใกล้เคียงหรือเฉพาะจุดที่เรากำลังอยู่

อีกทั้งสามารถดูสภาพการจราจรได้ผ่านกล้อง CCTV ทั่วกรุงเทพ รวมถึงการแจ้งเหตุเตือนภัยด้วยตัวเอง พร้อมมีเบอร์โทรฉุกเฉินให้เลือกโทรออกได้ทันทีที่เจอเหตุฉุกเฉินต่างๆ

ดาวน์โหลดแอพฯได้ที่ App Store และ Google play

 

TSquare Traffic

รถติด เลี่ยงได้ด้วยแอพพลิเคชัน TSquare Traffic

ถือเป็นอีกหนึ่งแอพพลิเคชันที่เหมาะสำหรับนักทาน นักชิม เพราะข้อมูลมีการเชื่อมโยงจากแหล่งที่มาอื่นๆ อย่างเช่น รายละเอียดร้านอาหารจากแอพฯ วงใน และไม่ได้มีดีแค่นี้ แต่ยังสามารถรายงานสภาพจราจรได้แบบสดๆ ด้วยข้อมูลที่ถูกติดตั้งไว้กับรถแท็กซี่ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนจำนวนหลายร้อยคัน บวกกับดูข้อมูลสถานที่ใกล้เคียงจาก Wiki Places ช่วยให้คุณได้เตรียมพร้อมทั้งการเดินทาง และความอิ่มอร่อยไปได้พร้อมๆกัน

ดาวน์โหลดแอพฯได้ที่ App Store และ Google play

 

Highway Police Thai

รถติด เลี่ยงได้ด้วยแอพพลิเคชัน Highway Police Thai

เป็นแอพพลิเคชันของกรมตำรวจทางหลวง ซึ่งจะเหมาะกับการใช้งานสำหรับการเดินทางออกต่างจังหวัด ประกอบไปด้วยทั้งแผนที่เพื่อช่วยเหลือในการเดินทาง พร้อมสรรพด้วยข้อมูลโรงพยาบาล ประกันภัย รถยก หรือมูลนิธิต่างๆ ทั้งยังแสดงที่ตั้งของสถานีตำรวจทางหลวง และหน่วยให้บริการประชาชนต่างๆ ที่พร้อมเข้าช่วยเหลือคุณทุกเมื่อ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุได้ทั่วประเทศ

ดาวน์โหลดแอพฯได้ที่ Google play

 

Norstra

รถติด เลี่ยงได้ด้วยแอพพลิเคชัน Highway Police Thai

นอกจากคุณสมบัติในการแนะนำเส้นทางที่ดีแล้ว แอพพลิเคชันนี้ยังมีข้อมูลที่จำเป็นในเรื่องการเดินทางเชิงท่องเที่ยวอีกเพียบเลย ทั้งร้านอาหาร เส้นทางจักรยาน รวมไปถึงตู้เอทีเอ็ม ห้องน้ำสะอาด ปั๊มน้ำมัน โรงแรม สถานีตำรวจ ฯลฯ ถือว่าข้อมูลค่อนข้างจะละเอียด ซึ่งอยากไปไหนก็ลองหาเส้นทางและข้อมูล คุณจะได้ข้อมูลที่รวดเร็วทันใจ อีกทั้งข้อมูลต่างๆนั้นได้มาจาก ททท. ที่จะมีข้อมูลสำหรับการท่องเที่ยวอยู่แล้ว หรือ Wongnai ที่เป็นรีวิวร้านอาหารนั่นเอง ทำให้ได้ข้อมูลทั้งสถานที่ เมนูแนะนำ และอื่นๆ ไปด้วยในตัว

ดาวน์โหลดแอพฯได้ที่ App Store และ Google play

 

TVIS

เป็นแอพพลิเคชันที่รายงานการจราจรจาก NECTEC และสามารถบอกเส้นทางลัด ที่ดูภาพได้จากกล้องวงจรปิด CCTV ที่ติดตั้งทั่วกรุงเทพ ซึ่งกล้อง CCTV จะแสดงภาพจากตำแหน่งที่เราอยู่ปัจจุบัน อีกทั้งสามารถแสดงข้อมูลสภาพฝน ว่ามีฝนตกหนักบริเวณจุดใดบ้าง ซึ่งดูภาพเคลื่อนไหวด้วยเรดาร์น้ำฝนนั้นเอง

นอกจากนี้ยังมีจุดเด่น นั้นคือ เราสามารถพูดถามชื่อถนนนั้นๆ ที่ต้องการทราบข้อมูลจราจรเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการพิมพ์ชื่อ ซึ่งบางครั้ง ไม่สะดวกที่จะพิมพ์ หรือพิมพ์ชื่อไม่ถูก และเมื่อพูดชื่อถนน แอพฯนี้ก็จะแสดงสภาพจราจรของถนนนั้นๆ ที่เราพูดเข้าไปได้ทันที

ดาวน์โหลดแอพฯได้ที่ App Store และ Google play

 

Source :
thairath.co.th
kapook.com
rabbit.co.th

5 วิธีขับรถลุยน้ำท่วม

การขับรถลุยน้ำท่วม ต้องใช้ความระมัดระวัง

น้ำท่วม

          ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ข่าวคราวที่เราได้ยินกันบ่อยที่สุดอีกข่าวหนึ่ง นั่นก็คือข่าว “น้ำท่วม” ที่กำลังประสบอยู่ในหลายๆ จังหวัด และหลายคนก็ยังจำเป็นต้องใช้รถยนต์ ในสถานการณ์ที่กำลังน้ำท่วมในขณะนี้ ทาง Carro Thailand ขอแนะนำวิธีเตรียมตัวและขับรถลุยน้ำท่วม ได้อย่างปลอดภัย ครับ

น้ำท่วม

1. การขับรถเมื่อฝนตกใหม่ๆ ต้องใช้ความระมัดระวังมาก เพราะน้ำฝนและฝุ่นโคลน จะจับตัวกันกลายเป็นฟิล์มระหว่างยางกับพื้นถนน รถจะเกิดการลื่นเมื่อวิ่งผ่าน ควรขับรถผ่านด้วยความเร็วต่ำ จะทำให้รถเกาะถนนได้ดีขึ้น และควรถอนคันเร่งเมื่อขับรถผ่านแอ่งน้ำ พร้อมทั้งเปิดไฟหน้าไว้ รักษาความเร็วและรอบเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับเดียวกันอย่างสม่ำเสมอ ลดการใช้เบรก โดยการถอนคันเร่งเพื่อชลอให้รถลดความเร็วลงแทน

น้ำท่วม-6

2. กรณีที่จอดรถไว้ แล้วรถถูกน้ำท่วมในระดับสูงกว่าระดับเครื่องยนต์ สิ่งแรกที่ควรปฏิบัติ คือ ห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด เพราะอาจให้ระบบไฟฟ้า ภายในรถยนต์ช็อต เกิดความเสียหายได้ เบื้องต้นควรถอดขั้วแบตเตอรี่ออก รวมทั้งบริเวณแผงฟิวส์ รีเลย์ กล่อง ECU เพื่อไม่ให้ไฟเข้าไปเลี้ยงระบบต่างๆ ของรถ ก่อนจะนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนถ่ายของเหลวภายในระบบรถยนต์ทั้งหมด พร้อมทั้งตรวจเช็คระบบเบรก ช่วงล่าง และระบบไฟฟ้า

น้ำท่วม

3. หากขับรถลุยน้ำท่วมในระดับที่ไม่สูงนัก สามารถค่อยๆ ไปได้เรื่อยๆ สำหรับเกียร์ธรรมดา ควรใช้เกียร์ต่ำที่เกียร์ 1, 2 หากเกียร์อัตโนมัติที่ L หรือ D2 เป็นต้น จนกระทั่งถ้าระดับที่ผิวน้ำสูงถึงใต้ท้องรถจนได้ยินเสียงน้ำกระแทก ควรขับให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างคลื่นน้ำที่จะไปปะทะกับรถยนต์คันอื่น และการตกหลุมบ่อที่พื้นถนน โดยรักษาระดับจากรถคันหน้าไว้

น้ำท่วม

4. ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด ในขณะขับรถลุยน้ำ หากฝนหยุดตกก็เปิดกระจกรถขับลุยน้ำท่วมแทน เนื่องจากพัดลมไฟฟ้าของแอร์จะทำงาน อาจจะทำให้เครื่องยนต์ดับและไม่สามารถไปต่อได้ อีกทั้งอาจจะมีเศษขยะที่ลอยติดเข้ามากับน้ำ เข้าไปในระบบเครื่องยนต์ และสร้างความเสียหายกับตัวพัดลมไฟฟ้าได้ ในกรณีที่พัดลมไฟฟ้าดูดเอาสิ่งเศษขยะต่างๆ ที่ลอยมากับน้ำ

น้ำท่วม

5. หลังจากที่คุณขับรถลุยน้ำแล้ว แนะนำให้ล้างรถ ฉีดน้ำล้างช่วงล่างให้ทั่ว ใช้แปรงขนอ่อนๆ ขัดเอาเศษทราย เศษโคลนออก เป่าลมในห้องเครื่อง บริเวณแผงฟิวส์ หรือตามสายไฟจุดต่างๆ ที่คิดว่าน้ำเข้าถึง เพื่อไล่ความชื้นออก ตรวจดูระดับของเหลวต่างๆ ที่อยู่ในห้องเครื่องยนต์ ว่ามีน้ำเข้าไปเจือปนอยู่หรือไม่ เช็คลูกปืนล้อ และลองเหยียบคลัทช์ และย้ำเบรคเบาๆ เพื่อรีดน้ำและไล่ความชื้นออก เพื่อให้ผ้าเบรกรีดน้ำออกจากจานเบรก และเพื่อให้ไอน้ำจากจานเบรก ทั้งแบบดิสก์เบรก และดรัมเบรก ร้อนจนระเหยกลายเป็นไอ

Police-Flood

          แต่ในความเป็นจริงแล้ว รถยนต์ส่วนใหญ่ ถูกออกแบบมาให้เพื่อลุยน้ำได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น โดยรถยนต์ประเภทรถกระบะยกสูง รถ SUV ทั้งหลาย สามารถลุยน้ำได้สูงหน่อย (แต่ก็ไม่เกิน 80 ซม.) หากถ้าระดับน้ำมีความสูงมากกว่านั้น ก็ไม่ควรเสี่ยงอย่างยิ่งในการไปต่อครับผม

หลังขับรถลุยน้ำท่วมมา หากมีโอกาส ก็ควรนำรถไปให้ศูนย์บริการตรวจเช็ค หากรถมีอาการผิดปกติก็จะได้สามารถแก้ได้ทันการ ช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ ด้วยความปรารถนาดีจาก Carro Thailand ครับ

ขอขอบคุณภาพจาก มหัศจรรย์สกลนคร และ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร – บก.02

5 วิธีง่ายๆ ถ่ายรูปรถให้สวย

ไม่มีกล้องโปร ก็ถ่ายรูปรถสวยได้

ในปัจจุบันการขายรถออนไลน์เริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้น และสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ รูปถ่ายของรถคันนั้นๆ วันนี้ คาร์โร จะพาไปดูว่าควรจะเตรียมรถให้พร้อมสำหรับการถ่ายรูป ลองไปดูกันเลย!!

1) ทำความสะอาดรถยนต์

5 วิธีง่ายๆ ถ่ายรูปรถให้สวย

Source: redhawkcarwash.com

เริ่มกันก่อนเลยคือ การทำความสะอาดรถ ควรทำความสะอาดรถยนต์ทั้งด้านนอก ด้านในให้สะอาด และจัดเก็บสิ่งของต่างๆในรถให้เรียบร้อยและดูน่าใช้ คงไม่มีใครชอบรถที่ไม่สะอาด เช่นเดียวกันรูปรถที่ไม่สะอาดจะทำให้คนให้ความสนใจรถคันนั้นน้อยลง และทำให้ขายได้ยากขึ้น รู้แบบนี้แล้วก่อนเริ่มถ่ายรูปรถ เราก็ควรเริ่มจากการทำความสะอาดกันก่อนเลย

2) เลือกสถานที่ถ่ายรูป

5 วิธีง่ายๆ ถ่ายรูปรถให้สวย

สถานที่ถ่ายรูปเป็นเรื่องที่สำคัญไม่ว่าจะถ่ายรูปอะไรก็ตาม ยิ่งเป็นรถแล้ว การหาสถานที่เหมาะสมก็เป็นไปได้ยากขึ้น

  • ไม่แนะนำ ให้ถ่ายรูปในหรือหน้าบ้าน เพราะอาจจะทำให้รูปส่วนตัวที่หลุดไปให้คนแปลกหน้าเห็นได้
  • แนะนำให้ ไปถ่ายรูปที่ตามสถานที่สาธารณะ เช่น สวนสาธารณะหรือลานจอดรถ ถ้าหากมีต้นไม้หรือน้ำเป็นองค์ประกอบในรูปจะทำให้รถของคุณเด่นขึ้นและสวยขึ้นมาเลยทีเดียว

สรุปคือควรเลือกสถานที่ที่ทำให้รถยนต์เด่นและมีองค์ประกอบอื่นให้น้อยที่สุด เพื่อให้คนซื้อสนใจแต่รถของคุณ

3) ช่วงเวลา

5 วิธีง่ายๆ ถ่ายรูปรถให้สวย

 

ควรหลีกเลี่ยงการถ่ายรูปตอนกลางคืนหรือในช่วงที่ฝนตก เพราะจะทำให้รูปรถไม่ชัดเจน ควรเลือกวันที่แดดออกและควรให้พระอาทิตย์อยู่ด้านหลังคุณเวลาถ่ายรูป เพื่อเวลาถ่ายรูปจะไม่ย้อนแสง ทำให้ถ่ายรูปง่ายขึ้นและเห็นรถของคุณอย่างชัดเจนด้วย

4) มุมถ่ายรูป

5 วิธีง่ายๆ ถ่ายรูปรถให้สวย

มุมถ่ายรูปเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้คนซื้อเห็นรถของคุณอย่างครบถ้วนทำให้ตัดสินใจซื้อรถได้ง่ายขึ้น ควรถ่ายรูปให้ได้มากที่สุดที่สามารถลงขายได้ การถ่ายรูปควรเริ่มจากการถ่ายด้านนอกรถ โดยเริ่มจากการถ่ายประมาณ 3/4 ของหน้ารถ, หน้ารถเต็ม และหมุนไปเรื่อยๆจนรอบคัน

จากนั้นให้ถ่ายด้านในรถ ควรถ่ายรูปจากประตูคนขับเข้าไป และหน้าปัดรถยนต์ โดยทริคการถ่ายรูปหน้าปัดคือนั่งที่เบาะหลังและถ่ายเข้าไปที่หน้าปัดในรูปเดียว จากนั้นให้ถ่ายรูปเครื่องยนต์และข้างในกระโปรงหลัง ถ้าหากรถของคุณมีฟังก์ชั่นพิเศษควรถ่ายมาเพิ่มเช่นกัน โดยรวมๆจะได้ประมาณ 10-20 รูป ไปลองหามุมถ่ายกันเลย

5) กล้องถ่ายรูป

5 วิธีง่ายๆ ถ่ายรูปรถให้สวย

Source:CNET

ถ้าหากเป็นเมื่อหลายปีก่อน ก็คงแนะนำให้ใช้กล้องถ่ายรูปดิจิตอลและขาตั้งกล้อง เพื่อให้ได้รูปที่ชัดเจน แต่กล้องมือถือในปัจจุบันก็พัฒนาขึ้นมามาก จนสามารถใช้ถ่ายรูปรถยนต์ได้ค่อนข้างชัดเจนและสวยงามกันเลยทีเดียว

ข้อควรระวังหลักคือเรื่องแสงและการสั่นของภาพ เพราะภาพที่ไม่ชัดเจนจะทำให้คนสนใจรถคุณน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว และไม่แนะนำให้อัพโหลดรูปขึ้นจากมือถือเลย ควรตรวจดูจากคอมพิวเตอร์ก่อน เพื่อให้ได้รูปที่คมชัดและแสงสีดีที่สุด

เป็นอย่างไรกันบ้าง 5 วิธีที่จะช่วยให้คุณถ่ายรูปรถยนต์ให้สวยงาม รูปยิ่งสวย คนก็จะยิ่งให้ความสนใจมาก และทำให้รถขายได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ลองไปใช้กันดูนะ ซึ่งถ้าใครถ่ายรูปรถเสร็จแล้วกำลังมองหาที่ลงขายรถ สามารถมาขายรถกับที่คาร์โรได้นะ ให้ราคาดี ไม่กดราคา รวดเร็วทันใจ ได้รับเงินสดทันที คลิกที่ลิงค์เลย > th.carro.co/sell-car/express

 

อย่ามองข้าม สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์

เวลาที่รถมีปัญหา หรือฟังก์ชั่นบางอย่างถูกเรียกใช้งาน สัญลักษณ์ไฟจะโชว์ขึ้นมาที่หน้าปัดรถยนต์ ซึ่งอาจจะหมายถึงเรื่องเล็กๆ เช่น ไม่ได้ขาดเข็มขัดนิรภัยไป จนถึงไปเรื่องที่ร้ายแรง เช่น เครื่องพัง ก็ได้

ซึ่งในวันนี Carro จะพาไปดูสัญลักษณ์ 14 อันที่คุณควรรู้ความหมายเวลาขึ้นแจ้งเตือนบนหนัาปัดรถ ดังนี้

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์ 1

1) น้ำมันเครื่องพร่อง
ความหมาย: น้ำมันเครื่องพร่อง และอยู่ในระดับต่ำ
ควรทำอย่างไร: ควรหยุดรถและดับเครื่อง เและเข้ารับบริการให้เร็วที่สุด

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์ 2

2) ระบบไดชาร์จมีปัญหา
ความหมาย: หลายคนอาจคิดว่าแบตเตอรี่หมด แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นปัญหาที่รุนแรงกว่านั้นคือระบบไดชาร์จมีปัญหา และรถต้องใช้ไฟจากแบตเตอรี่เท่านั้น
ควรทำอย่างไร: ควรดับเครื่อง และลงมาดูว่าสายพานไดชาร์จขาดหรือไม่ ถ้าไม่ขาดจะสามารถขับต่อไปประมาณ 5 กม. ซึ่งควรรีบนำรถเข้าให้ช่างดูโดยเร็ว

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์

3) ไฟเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย
ความหมาย:
มีคนบนรถไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
ควรทำอย่างไร: 
คาดเข็มขัดนิรภัย

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์ 3

4) ไฟเตือนถุงลมนิรภัย
ความหมาย:
ระบบถุงลม, เข็มขัดนิรภัย, ระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องมีปัญหา
ควรทำอย่างไร:
สามารถขับต่อได้ แต่ควรเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบระบบนิรภัยโดยเร็ว

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์ 4

5) ไฟเตือนอุณภูมิเครื่องยนต์
ความหมาย: เครื่องยนต์ทำงานในสภาวะความร้อนสูง อาจมีสิ่งผิดปกติกับระบบระบายความร้อน
ควรทำอย่างไร:  ควรหยุดรถและไม่เปิดหม้อน้ำโดยเด็ดขาด และเข้ารับบริการ

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์

6) ไฟเตือนระบบ ABS
ความหมาย:  ระบบ ABS มีปัญหา
ควรทำอย่างไร:  รีบเข้าบริการเพื่อเช็คระบบ ABS

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์
7) ไฟเตือนน้ำที่ปัดน้ำฝน
ความหมาย:  น้ำที่ปัดน้ำฝนต่ำ
ควรทำอย่างไร:  เติมน้ำที่ปัดน้ำฝน

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์

8) ไฟเตือนน้ำมันรถ
ความหมาย: ระดับน้ำมันต่ำ กำลังใช้น้ำมันสำรอง
ควรทำอย่างไร: เติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุด

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์

9) ไฟแสดงไฟสูง
ความหมาย:: กำลังเปิดไฟสูง
ควรทำอย่างไร: ไฟสูงมีประโยชน์ในที่มีแสงสว่างน้อย แต่ในการวิ่งที่ปกติ แสงไฟจะอยู่ในระดับสายตาของผู้ขับคันอื่นซึ่งเป็นอันตรายมาก ควรจะใช้ไฟปกติแทน

Car Door

10) ไฟแสดงสถานะประตู
ความหมาย: ประตูรถปิดไม่สนิท
ควรทำอย่างไร: ปิดประตูรถให้สนิท และให้ไฟแจ้งเตือนดับก่อนขับรถออก

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์

11) ไฟแสดงสถานะไฟตัดหมอก
ความหมาย: ไฟตัดหมอกทำงาน
ควรทำอย่างไร: ควรใช้ในสภาวะที่หมอกลงจัดเท่านั้น

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์
12) ไฟแสดงสถานะระบบความปลอดภัย
ความหมาย: ระบบกันขโมยมีปัญหา หรือรถไม่ได้ล็อกแต่กุญแจไม่ได้อยู่ในจุดที่สตาร์ทเครื่องได้
ควรทำอย่างไร: ตรวจเช็คว่ามีกุญแจรถอยู่กับตัวก่อนสตาร์ทรถ

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์

13) ไฟแสดงสถานะระบบกันลื่นไถล
ความหมาย: ระบบกันลื่นไถลมีปัญหาหรือไม่ทำงาน
ควรทำอย่างไร: ขับขี่ด้วยความระมัดความระวัง โดยเฉพาะในช่วงที่ถนนลื่น

ไฟเตือนหน้าปัดรถ

14) ระบบแจ้งเตือนลมยาง
ความหมาย: ลมยางในล้อใดล้อหนึ่งต่ำ
ควรทำอย่างไร: หาที่จอดรถและตรวจสอบว่ายางรั่วหรือไม่ แล้วเขัารับบริการปะหรือเติมลมยาง

เป็นอย่างไรกันบ้างกับไฟเตือนสถานะบนหน้าปัดรถยนต์ ควรศึกษาให้ดีเพราะบางไฟเตือนเป็นอันตรายกับการขับขี่เป็นอย่างมาก