5 แบรนด์รถรัสเซียยอดฮิต ที่คนรัสเซียใช้

ถ้าจะให้พูดถึง “รถรัสเซีย” แล้ว หลายคนยังคงคิดถึงความโบราณ ล้าหลัง ดูเชยๆ ตามสไตล์รถยนต์ของประเทศสังคมนิยมตั้งแต่ในยุคสหภาพโซเวียต ที่ปัจจุบันดูเหมือนพัฒนาไปไม่มากจากเดิมนัก

ส่วนหนึ่งก็เพราะปัจจัยหลายๆ อย่างของรัสเซียเอง ที่ยังยึดติดกับความเป็น “สังคมนิยม” พอสมควร (แม้ว่าในปัจจุบัน จะเป็นทุนนิยม ในรูปแบบของประเทศสหพันธรัฐ ที่มีประธานาธิบดีแบบเผด็จการนิยมอยู่ก็ตาม) เรื่องการตลาดสู้ค่ายรถจากฝั่งยุโรปตะวันตกไม่ได้ รวมไปถึงยังเป็นประเทศใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่กว่า 10,000,000 ตร.กม. กับสภาพอากาศที่หนาวแบบทารุณแทบทั้งปี แถมมีฝนตกก็ไม่ใช่น้อย รถที่จะนำมาใช้ในประเทศนี้ต้องอึดจริงๆ ถึงจะอยู่ได้

นอกจากนั้นในยุคที่เป็นสหภาพโซเวียต คนส่วนใหญ่ของประเทศก็ยัง (จน) อย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งไม่ค่อยมีบริการหลังการขาย ซื้อแล้วต้องไปหาที่ซ่อมเอง รถที่จะขายให้ประชาชนได้ จึงต้องถูก ทน ไว้ก่อน เรื่องดีไซน์ไว้ทีหลัง

เรามาดูกันว่า รถยนต์จากรัสเซีย แดนหมีขาว มียี่ห้ออะไรที่น่าสนใจกันบ้าง…

รวม 5 แบรนด์รถรัสเซียยอดฮิต ที่คนรัสเซียนิยมใช้

1. Lada

Lada (ลาด้า) น่าจะเป็นแบรนด์รถยนต์ที่คุ้นเคยในบ้านเรามากที่สุดแล้ว ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคสมัยสหภาพโซเวียต เป็นรถยนต์ที่ผลิตโดยบริษัทชื่อว่า AvtoVAZ (อัลโตวาส) นับตั้งแต่ปี 1966 จนต่อมาในปี 1973 ถึงได้ใช้ชื่อว่า Lada มีความหมายว่าเป็นเรือยาวของชาวไวกิ้ง สำหรับรถที่ส่งออกเท่านั้น หากเป็นรถที่จำหน่ายในประเทศจะเรียกว่า Zhiguli (ชิกูลี) แต่ต่อมารถทุกคันเปลี่ยนมาใช้ชื่อแบรนด์ว่า Lada หมด

Lada จัดว่ามีชื่อเสียงยุโรปพอสมควร โดยเฉพาะในยุคคอมมิวนิสต์ มันดังมากในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก รวมทั้งยังมีการส่งออกไปเกือบทั่วโลกอีกด้วย (ยกเว้นในสหรัฐอเมริกา) ซึ่งเจ้า Lada นี้ ยังมีการแลกเทคโนโลยีกับค่ายรถยนต์จากฝั่งยุโรปตะวันตก เช่น Fiat ทำให้รถหลายรุ่นที่ออกมา รูปทรงราวกับฝาแฝด

ลาด้าสร้างชื่อในยุค 70 – 80 จากการผลิตรถรุ่น VAZ-2101 ที่นำ Fiat 124 มาเป็นพื้นฐานในการผลิต และแตกรุ่นย่อยออกไปอีกสารพัดแบบ ถูกนำออกขายในฐานะรถราคาประหยัดกวาดยอดขายไปมากกว่า 17 ล้านคัน

Lada Niva Cossack

ภาพจาก sarachdt1 @ Thaiscooter.com

และ Lada Niva 4×4 ที่เป็นรถออฟโรดขนาดเล็กไซส์พอๆ กับ Suzuki Jimny ออกจำหน่ายครั้งแรกในรัสเซียเมื่อปี 1977 และยังมาขายแบบเดิมจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในไทยเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา บริษัท เบนซ์ศรีนครินทร์ (หรือ Niche Cars ในปัจจุบัน) ก็เคยสั่ง Lada Niva Cossack พวงมาลัยขวา นำเข้ามาขายครับ

รวม 5 แบรนด์รถรัสเซียยอดฮิต ที่คนรัสเซียนิยมใช้

2. GAZ

GAZ (กาซ) (หรือ Gorkovsky Avtomobilny Zavod และ Gorky Automobile Plant ในภาษาอังกฤษ) เป็นแบรนด์รถยนต์อันเก่าแก่ของรัสเซีย ที่ก่อตั้งในยุคสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1929 โดยความร่วมมือทางเทคโนโลยีกับ Ford Motors Compacy ของสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเริ่มผลิตรถอย่างเป็นทางการในปี 1932 มีรถแบรนด์ดังๆ ในยุคสหภาพโซเวียต อาทิ Pobeda, Volga หรือ Chaika เป็นต้น

ต่อมาในปี 2011 Volkswagen Group Rus และ GAZ Group ยังได้ลงนามในข้อตกลงทำสัญญาประกอบรถยนต์ Volkswagen และ Škoda ที่โรงงาน GAZ อีกด้วย

ปัจจุบัน GAZ เป็นผู้นำในตลาดรถขนส่งเพื่อการพาณิชย์ในรัสเซีย มีรถรุ่นเด่นๆ ได้แก่ GAZelle และ Sobol ซึ่งเป็นรถตู้ หรือรถบรรทุกขนาดเล็ก และ GAZon กับ Sadko ที่เป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถเมล์ รถบัส

รวม 5 แบรนด์รถรัสเซียยอดฮิต ที่คนรัสเซียนิยมใช้

3. Kamaz

Kamaz (คามาซ) (Kamskiy Avtomobilny Zavod หรือ Kama Automobile Plant) เป็นบริษัทรถรัสเซียที่ผลิตรถยนต์บรรทุก, รถเมล์ และรถบัส ก่อตั้งในปี 1969 ตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต ตามมติของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต ที่ต้องการใช้งานรถบรรทุกขนาดหนักเพื่อการก่อสร้างในภารกิจต่างๆ

ปัจจุบัน Kamaz เป็นผู้ผลิตรถบรรทุกรายใหญ่อันดับโลกของรัสเซีย และยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะของรถบรรทุก ที่เข้าแข่งในรายการ Dakar Rally และครองแชมป์ได้เสมออีกด้วย

5 แบรนด์รถรัสเซียยอดฮิต ที่คนรัสเซียใช้

4. UAZ

UAZ (ยูซ) (Ulyanovsky Avtomobilny Zavod หรือ Ulyanovsk Automobile Plant) เป็นผู้ผลิตรถตู้, รถ 4X4, รถบรรทุก, รถบัส และรถจี๊ปที่มีชื่อเสียงของรัสเซีย ก่อตั้งเมื่อปี 1941 ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Sollers Automotive Group นับตั้งแต่ปี 2000

สำหรับรถในตำนานของค่ายนี้ คงต้องยกให้กับ UAZ-469 ซึ่งเป็นรถออฟโรดที่ผลิตออกมาสำหรับใช้ในกองทัพโซเวียต และประเทศบริวารในกลุ่ม Warsaw Pact (กติกาสัญญาวอร์ซอ) หรือ WTO (Warsaw Treaty Organization) ช่วงสงครามเย็น ตั้งแต่ปี 1971 – ปัจจุบัน แถมยังมีส่งออกไปประมาณ 80 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย

5 แบรนด์รถรัสเซียยอดฮิต ที่คนรัสเซียใช้

5. ZiL

สำหรับรถยนต์ “ZiL” (ซิล) (Zavod imeni Likhachyova หรือ Avtomobilnoe Moskovskoe Obshchestvo (AMO)) ในอดีตเคยได้รับการขนานนามว่าเป็น “Rolls-Royce แห่งสหภาพโซเวียต” บริษัทถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1916 จัดว่าเก่าแก่ที่สุดในบรรดารถยนต์รัสเซียทั้งปวง ส่วนชื่อ ZiL นั้น ใช้มาตั้งแต่ในปี 1956

ZiL ผลิตรถยนต์หลากหลายประเภท ทั้งรถยนต์นั่งแบบหรูหรา, รถบรรทุกหนัก, รถแบบ 4X4, รถโดยสาร หรือรถทหาร เป็นต้น

เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของรถลิมูซีนสำหรับผู้นำประเทศที่ผลิตด้วยมือในช่วงยุค 70 – 80 จากที่เป็นรถประจำตำแหน่งของผู้นำประเทศ ตอนหลังจึงเน้นการผลิตเชิงพาณิชย์มากขึ้น ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็เน้นขายนักการเมืองรัสเซียนั่นเอง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

"ขี้นก" ศัตรูจากฟ้า ที่สร้างปัญหาให้กับรถคุณ!

ทุกวันนี้ ต้องยอมรับกันว่าสภาพอากาศของโลกที่เปลี่ยนไป บางวันแดดจ้า แลัวอยู่ดีๆ ก็ฝนตก หรือหนาวขึ้นมาซะงั้น ทำให้การออกหากินของนก ก็ต้องรีบออกหากิน ตั้งแต่ฝนยังไม่ตก ซึ่งอาจสร้างปัญหาน่ารำคาญได้อยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะ “ขี้นก” (หรือมูลนก ถ้าเรียกแบบสุภาพๆ) จากนกที่กินไปขี้ไป และมักจะชอบถ่ายตอนเกาะอยู่ที่สายไฟฟ้า หรือบนต้นไม้ ที่รถเราจอดอยู่ด้านล่างพอดี

และขี้นกนั้น ก็จะทำลายสีรถของเราให้เป็นรอยด่างได้ ยิ่งเจอน้ำฝนมาชะล้างด้วย ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะในขี้นกนั้นไม่ใช่อุจจาระทั้งหมด จะมีส่วนที่เป็นสีขาวที่เรียกว่ากรดยูเรต (เกลือจากกรดยูริก) ซึ่งเกิดจากในทางเดินปัสสาวะของนก นี่ล่ะที่จัดว่าเป็นตัวกัดกร่อน ทำลายสีรถของคุณถึงชั้นเนื้อสีได้เลย

MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อรถของคุณเจอขี้นกเล่นงานแล้ว จะต้องรีบทำความสะอาดอย่างไรกันบ้าง

"ขี้นก" ศัตรูจากฟ้า ที่สร้างปัญหาให้กับรถคุณ!

1. รีบเช็ดล้างออก

กรณีที่ขี้นก ตกลงมาอยู่บนรถของคุณแล้ว ให้ใช้กระดาษทิชชู่ชุบน้ำแล้วเช็ดออก หรือรีบล้างออกทันที ห้ามเช็ดใช้กระดาษทิชชู่ (แบบแห้ง) เช็ดหรือถูที่ขี้นก

เพราะการเช็ดหรือการถูขี้น อาจทำให้สีของรถคุณเป็นรอย และควรจัดการทันที เพราะหากปล่อยไว้นาน จะทำให้ชั้นสีรถเสียหาย เกิดเป็นรอยด่าง หรือหากเจอฝนตกมาที่รถ อาจไหลกระจายไปตามจุดอื่นได้

"ขี้นก" ศัตรูจากฟ้า ที่สร้างปัญหาให้กับรถคุณ!

2. เมื่อขี้นกแห้ง

กรณีที่คุณปล่อยรถ ตากแดดตากฝนจนขี้นกแห้ง ซึ่งอาจส่งผลให้แลกเกอร์ที่เคลือบสีรถเสียหายและ อาจจะเช็ดตามวิธีในข้อ 1 ไม่ออก

ให้ใช้ยาขัดสีรถ หรือน้ำยาทำความสะอาด หรือทิชชู่หยิบออก และใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดซ้ำ เพื่อไม่ให้เกิดรอยด่างที่สีรถ แต่ถ้ายังไม่ออก ให้ใช้ดินน้ำมันสำหรับรถโดยเฉพาะ ถูบริเวณที่มีขี้นก ถูเป็นรูปก้นหอยจนกว่าขี้นกจะหายไป

"ขี้นก" ศัตรูจากฟ้า ที่สร้างปัญหาให้กับรถคุณ!

3. ล้างรถ

หากคุณจัดการทำความสะอาดขี้นกเสร็จ ขอแนะนำให้นำรถไปล้างรถต่อเลย เพราะการล้างรถจะช่วยทำความสะอาดรถทั้งคัน และช่วยชะล้างขี้นกที่อาจไหลหรือติดในส่วนที่คุณไม่ได้สังเกตเห็น

จากนั้นก็อย่าลืมเคลือบแว็กซ์รถยนต์ไปด้วย เพื่อคงสภาพสีรถยนต์ให้เงางาม ลดคราบฝังแน่น และทำความสะอาดได้ง่ายในครั้งต่อไป

"ขี้นก" ศัตรูจากฟ้า ที่สร้างปัญหาให้กับรถคุณ!

4. ล้างมือ

นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด เมื่อคุณจัดการขี้นกบนรถเรียบร้อยทุกขั้นตอน เพราะขี้นกจัดว่ามีเชื้อโรคอยู่เพียบ ทั้งโรคไข้หวัดนก, โรคซิตาโคซิส หรือเชื้อราต่างๆ ควรรีบล้างมือด้วยน้ำสะอาดทันที พร้อมทั้งใช้เจลแอลกอฮอล์ด้วยยิ่งดี

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

10 อันดับ รถ MPV ราคาดีในไทย ปี 2022

ถ้าจะให้พูดถึง “รถ MPV” (Multi-Purpose Vehicle) แล้ว นี่ล่ะ ถือเป็นขวัญใจของคนมีครอบครัวใหญ่ ญาติพี่น้องเยอะ หรือลูกหลายคนเลยทีเดียว สำหรับรถ MPV ส่วนใหญจะมีนั่งได้ตั้งแต่ 5 – 11 คน เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีครอบครัวใหญ่ๆ มีเด็กๆ เป็นได้ทั้งรถผู้สูงอายุ และรถคันที่สองของบ้าน ใช้งานได้หลากหลาย

สำหรับรถ MPV ในปัจจุบันแบ่งออกได้เป็น 3 แบบหลักๆ ได้แก่ รถ MPV ที่มีพื้นฐานแบบเดียวกับรถเก๋ง แต่ออกแบบรูปทรงใหม่ให้เป็นรถสไตล์มินิแวน, รถ MPV แนว Crossover ที่ดูลุยกว่า ส่วนมากมักจะเน้นซุ้มโป่งล้อสีดำรอบคัน หรือยกสูงขึ้นหน่อย

และอีกแบบนั่นคือแบบ Minivan อันนี้ส่วนใหญ่จะพัฒนาพื้นฐานของตัวรถขึ้นมาใหม่ มีตั้งแต่รถมินิแวนรุ่นเล็ก จนถึงมินิแวนขนาดใหญ่ ส่วนมากนิยมใช้ประตูสไลด์ไฟฟ้า เพื่อให้คนเข้า-ออก ง่าย

ปัจจุบันกระแสความนิยมรถ MPV ถือได้ว่ามากพอสมควร แม้ว่าหลายรุ่นจะเป็นรถนำเข้า มีราคาสูงถึงหลายล้านบาทก็ตาม ในส่วนของคนมีครอบครัว มีเด็กๆ รวมไปถึงบ้านที่มีผู้สูงอายุ เน้นความนั่งสบาย ขึ้น-ลงสะดวก

ด้วยเหตุนี้ CARRO จึงขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ MPV ราคาถูกสุดในไทย ประจำปี 2022 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

Suzuki Ertiga / ซูซูกิ เออร์ติก้า

1. Suzuki Ertiga GL ราคา 659,000 บาท

Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ติกา) เจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวในบ้านเราเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เป็นรถอเนกประสงค์แบบ MPV 7 ที่นั่ง นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย ที่ออกแบบตัวรถให้ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ห้องโดยสารภายในดูเรียบหรู ใช้วัสดุคุณภาพสูง คอนโซลลายไม้แบบเล่นระดับ และยังมีแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลังอีกด้วย

มาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT ทนทานด้วยโครงสร้างตัวถัง TECT และระบบ NVH ให้การขับขี่นุ่มนวล ดูดซับแรงสั่นสะเทือน พร้อมลดเสียงรบกวนตลอดเส้นทาง สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ Keyless Entry และ Keyless Push Start

ใช้เครื่องยนต์เบนซินใหม่ ตัวเดียวกับในรุ่น Swift รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

Honda Mobilio / ฮอนด้า โมบิลิโอ้

2. Honda Mobilio S ราคา 659,000 บาท

Honda Mobilio (ฮอนด้า โมบิลิโอ) รถแบบ Sub-Compact SUV ที่พัฒนาจากพื้นฐานของ Brio ยืดระยะฐานล้อให้ยาวขึ้น จัดเป็นรถอเนกประสงค์ของ Honda รุ่นแรก ที่ผลิตในประเทศไทย โดยฮอนด้าเรียกรถรุ่นนี้ว่า Metro Utility Vehicle (MUV)

เปิดตัวตั้งแต่เดือนกันยายน 2557 และปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในเดือนพฤษภาคม 2560 ชูจุดเด่นห้องโดยสารกว้างสะดวกสบาย กับเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง ล้ำสมัยด้วยคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมฟังก์ชั่นต่างๆ อาทิ มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอ MID, ระบบแอร์อัตโนมัติ, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว ที่เชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI ได้ เป็นต้น

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร จากในรุ่น City และ Jazz 117 แรงม้า พ่วงด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ให้สมรรถนะดี ประหยัดน้ำมัน และรองรับแก๊สโซฮอล์ E85

Toyota Sienta / โตโยต้า เซียนต้า

3. Toyota Sienta 1.5G ราคา 765,000 บาท

Toyota Sienta (โตโยต้า เซียนต้า) จัดเป็นรถในรูปแบบ MPV ราคาต่ำล้านเพียงรุ่นเดียวที่ใช้ประตูบานเลื่อนด้านข้างแบบไฟฟ้ามาให้ (ในรุ่นเริ่มต้น 1.5 G ราคา 765,000 บาท ประตูเลื่อนไฟฟ้าได้เฉพาะด้านซ้าย) เปิดตัวในไทยครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ก่อนจะปรับโฉมในช่วงเดือนสิงหาคม 2562 และเป็นรถที่นำเข้าจากอินโดนีเซียเช่นเคย

การออกแบบภายนอก ได้แรงบันดาลใจมาจาก “Urban Trekking Shoes” หรือ “รองเท้าเดินป่าสมัยใหม่” เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักการท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์หลากหลาย แต่เป็นรถที่ขับได้ทุกวัย และนั่งได้ถึง 7 ที่นั่ง พร้อมปรับรูปแบบการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ ในรถมีระบบหน้าจอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว เป็นมาตรฐาน รวมถึงระบบความปลอดภัยครบครัน

ขุมพลังใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส 2NR-FE ขนาด 1.5 ลิตร 108 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบ Sport Sequential Shift 7 สปีด อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 16.1 กม./ลิตร

Honda-BR-V / ฮอนด้า บีอาร์วี

4. Honda BR-V V ราคา 765,000 บาท

Honda BR-V (ฮอนด้า บีอาร์วี) เป็นรถแนว Active Sport Crossover (หรือ Mini SUV) ที่ปรับโฉมล่าสุดไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟหรี่และไฟ LED สำหรับวิ่งกลางวัน, ไฟตัดหมอกใหม่ เสาอากาศแบบครีบฉลาม (Shark Fin) ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว แถมยังสีภายนอกเพิ่มสีใหม่ แดงมุก Passion Red

ชูจุดเด่นด้วยห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-แดงสไตล์สปอร์ต มีเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งเบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถพับแยกแบบ 60:40 หรือพับตลบจังหวะเดียว (One Motion) ปรับเลื่อนหน้า-หลัง เพื่อให้ผู้โดยสาร แถวที่ 3 เข้า-ออกได้สะดวกยิ่งขึ้น และพนักพิงปรับเอนได้ถึง 3 ระดับ

โดยเบาะนั่งแถวที่ 3 มีพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง พนักพิงสามารถพับแยกแบบ 50:50 หรือพับตลบไปด้านหน้า 2 จังหวะ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้าย และแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร แบบเดียวกับใน Honda City (รุ่นเก่า) ให้แรงม้าสูงสุด 117 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT โดยทั้งเครื่องยนต์และเกียร์ พัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยี Earth Dreams พร้อมรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85

Suzuki XL7 / ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7

5. Suzuki XL7 GLX ราคา 779,000 บาท

Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7) Crossover MPV อีกรุ่นที่เปิดตัวในเดือนกรกฏาคม 2563 ด้วยรูปแบบ Multi-Dynamic Crossover ที่ชูแนวคิด THINK XL คิดได้เกินคาด ไปได้เกินใคร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิต พัฒนามาจากรุ่น Ertiga และนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย เอาใจชาวไทยที่ชอบรถแนวอเนกประสงค์ MPV ในรูปแบบ Crossover 7 ที่นั่ง ดีไซน์สปอร์ตเข้ม ดุดัน พร้อมลุย

ห้องโดยสารภายใน สไตล์สปอร์ตพรีเมียม ด้วยพวงมาลัย D-Shape แบบสปอร์ต มาพร้อมจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว พร้อม Apple CarPlay ระบบแอร์อัตโนมัติ พร้อมแอร์แถวหลัง, มี Keyless Push Start และชุดเบาะที่ปรับรูปแบบการใช้งานได้หลายอย่าง

มาพร้อมเครื่องยนต์รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เป็นที่คุ้นเคยกันดีจากในรุ่น Ertiga

Mitsubishi Xpander / เอ็กซ์แพนเดอร์

6. Mitsubishi Xpander GLS-LTD. ราคา 789,000 บาท

Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) จัดเป็นรถ Crossover MPV ที่ยอดนิยมมากในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศฟิลิปปินส์ นำมาเปิดตัวในไทยครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ด้วยคุณสมบัติที่ใหญ่กว่า สูงกว่า ในสไตล์รถ MPV ในระดับเดียวกัน และมีดีไซน์ตัวรถแบบ Advanced Dynamic Shield Design ที่ดูคล้ายกับรถ SUV มาก

กว้างขวางด้วยห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ผู้โดยสารแถวที่ 3 สามารถเดินภายในได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่เบาะนั่งแถวที่สอง สามารถพับเบาะกลางลงเพื่อใช้เป็นที่วางแขนได้ มีช่องวางแก้วน้ำให้ถึง 16 จุดรอบคัน มีแอร์สำหรับผู้โดยสารหลัง

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินรหัส 4A91 ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมปุ่ม Overdrive รองรับแก๊สโซฮอล์ E85 และยังมี Mitsubishi Xpander Cross ให้เลือก ในราคา 919,000 บาท

All-New Toyota Veloz 2022

7. Toyota Veloz 1.5 Smart ราคา 795,000 บาท

All-New Toyota Veloz (โตโยต้า เวลอซ) เป็นรถ MPV รุ่นใหม่ที่ทาง Toyota นำมาขายทดแทนรุ่น Avanza นั่นเอง ซึ่งเปิดตัวไปในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ด้วยการชูจุดเด่น ดีไซน์ล้ำสมัย แบบฉบับ Premium Crossover ตามแนวคิดการออกแบบ “Proud Active” พื้นที่ภายในกว้างขวาง ปรับเบาะที่นั่งโดยสารได้ถึง 7 แบบ การขับขี่ที่มั่นคง อัตราเร่งดีเยี่ยม จาก Platform ขับเคลื่อนล้อหน้าใหม่ เจาะกลุ่มคนมีครอบครัว และกลุ่มธุรกิจ SME สมัยใหม่ ในราคาที่ง่ายต่อการเป็นเจ้าของ

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Dual VVT-i 106 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ มอบอัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 17.9 กม./ ลิตร ให้อัตราเร่งทันใจ ตอบสนองนุ่มนวล เงียบกว่าในทุกช่วงความเร็ว หยุดรถมั่นใจด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมเบรกมือไฟฟ้า

ระบบมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดด้วย Toyota Safety Sense หรือ TSS พร้อมฟังก์ชั่นเพิ่มเติม อาทิ ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี (Pedal Misoperation Control) ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (Front Departure Alert) ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert (LDA) With Steering Assist) ในรุ่น Premium

MG V80 / เอ็มจี วี80

8. MG V80 2.5 ราคา 988,000 บาท

MG V80 (เอ็มจี วี80) ถ้าใครจำแบรนด์ Maxus (แม็คซัส) ได้ ที่ทาง จะต้องนึกถึงเจ้า Maxus V80 (แม็คซัส วี80) ที่เคยนำเข้าจากจีนมาขายในบ้านเราเมื่อเดือนสิงหาคม 2557 เพื่อหวังตีตลาดรถตู้แบบ MPV ให้กระจุยด้วยขนาดรถไซส์ยุโรปแบบฉบับอังกฤษ นั่งได้ตั้งแต่ 12 – 16 ที่นั่ง

กับการนำเสนอรถ Segment ใหม่อย่าง GPV (Grand Passenger Van) ขนาดกว้างใหญ่เหมือนมินิบัส บานประตูหลังขนาดใหญ่ แบบ Giant Swing แยก เปิด 2 บาน ด้านในตัวรถมีความสูงถึง 171 ซม. ทำให้ยืนได้สบาย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

แต่ทาง SAIC-CP ยังไม่ยอมแพ้ ในเดือนมีนาคม 2562 ได้เปิดตัว MG V80 สายพันธุ์ลูกครึ่งยุโรป-จีน ปรับที่นั่งใหม่เป็นขนาด 11 ที่นั่ง แถมลดราคาตัวรถลงมาอีก แต่ก็ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมจากชาวรถตู้อยู่ดี

ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ Eco-D ดีเซลคอมมอนเรล ขนาด 2.5 ลิตร พร้อมระบบเทอโบชาร์จแปรผัน VNT Turbo (Variable Nozzle Vane Turbo) และ Intercooler 136 แรงม้า พร้อมชุดปั๊มแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงคอมมอนเรลของ Bosch ให้แรงดันสูงถึง 1,800 บาร์ มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ SeleMatic 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

Toyota Innova Crysta / โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า

9. Toyota Innova Crysta 2.0 Entry ราคา 1,199,000 บาท

Toyota Innova Crysta (โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า) จัดเป็นรถ MPV ขนาดกลางยอดฮิตของคนมีครอบครัว คนขับรถโรงแรม หรือแท็กซี่ นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกันยายน 2559 จนถึงช่วงปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ดีไซน์รอบคัน ให้มีความโฉบเฉี่ยว ทันสมัย

ภายนอกมาพร้อมจุดเด่นใหม่ๆ ได้แก่ ไฟหน้าแบบ LED Projector และไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED, ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว และ 17 นิ้ว พร้อมระบบช่วยปิดประตูท้าย Door Easy Closer เป็นต้น

ส่วนภายในรถ มาพร้อมเบาะนั่งหุ้มหนัง พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้, หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay มีระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry กับระบบสตาร์ทอัจฉริยะ Push Start และกล้องมองภาพรอบทิศทาง Panoramic View Monitor

สำหรับรุ่นเริ่มต้น ใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส 1TR-FE ขนาด 2.0 ลิตร 139 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด รองรับแก๊สโซฮอล์ E20 และรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลรหัส 1GD-FTV (High) ขนาด 2.8 ลิตร 174 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift

Hyundai H-1 / ฮุนได เอชวัน

10. Hyundai H-1 Touring ราคา 1,329,000 บาท

Hyundai H-1 (ฮุนได เอชวัน) จัดเป็นรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่ขายในบ้านเรามาอย่างยาวนานมาก นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2550 สำหรับค่ายรถยนต์จากแดนเกาหลี Hyundai (ฮุนได) ซึ่งครองตลาดรถกลุ่มนี้ เรียกได้ว่าแทบจะผูกขาดเลยทีเดียว

ด้วยตัวรถขนาดใหญ่ แต่นำเข้าจากอินโดนีเซีย ทำให้ราคาย่อมเยาว์กว่ารถประเภทเดียวกันแบรนด์อื่นๆ มาก และไม่ว่าจะให้ผู้บริหารนั่ง หรือให้คนในครอบครัวนั่ง … ได้หมด!

ด้วยสมรรถนะจากเครื่องยนต์ดีเซลรหัส D4CB Turbo คอมมอนเรล CRDi ขนาด 2.5 ลิตร ให้พลังขับเคลื่อนถึง 175 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด นุ่มนวล เกาะถนน และทรงตัวดี ด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังเป็นแบบคอยล์สปริง พร้อมจุดยึด 5 จุด

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ : *ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

**การจัดอันดับ หากเป็นรถ MPV รุ่นที่มีราคาเท่ากันในหลายยี่ห้อนั้น ทางเราจะจัดอันดับเรียงตามการเปิดตัวโฉมใหม่ล่าสุด หรือการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ล่าสุด ขึ้นเป็นอันดับแรก

8 ยี่ห้อ & รุ่นรถยนต์ที่มาจาก "เสือ"

เสือ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Felidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับแมว โดยชนิดที่เรียกว่าเสือ มักมีขนาดลำตัวค่อนข้างใหญ่ และอาศัยอยู่ภายในป่า ขนาดของลำตัวประมาณ 168 – 227 ซม. และหนักประมาณ 180 – 245 กิโลกรัม รูม่านตากลม เป็นสัตว์กินเนื้อ มีลักษณะและรูปร่างรวมทั้งพฤติกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากสัตว์ในกลุ่มอื่น หากินเวลากลางคืน มีถิ่นกำเนิดในป่า

เสือเป็นหนึ่งในสัตว์ที่อยู่ในระดับเหนือสุดของห่วงโซ่อาหาร และมีความสามารถในการว่ายน้ำ ปีนป่ายต้นไม้ เสือทุกชนิด มีกรามที่สั้นและแข็งแรง มีเขี้ยว 2 คู่ สำหรับกัดเหยื่อ ทั่วโลก มีสัตว์ที่อยู่ในวงศ์เสือและแมวประมาณ 37 ชนิด ซึ่งรวมทั้งแมวบ้านด้วย

เสือจัดเป็นสัตว์นักล่าที่มีความสง่างามในตัวเอง มีทั้งพละกำลังและความว่องไว ฉลาด จึงได้ชื่อเป็นราชาแห่งสัตว์ป่า และเป็นจ้าวแห่งนักล่า ซึ่งในอดีต “เสือ” ได้มีส่วนร่วมในหลายอย่าง เช่น ตราแผ่นดิน หรือสัญลักษณ์ทางการค้า เป็นต้น รวมไปถึงบริษัทรถยนต์หลายราย ที่นิยมนำชื่อของ “เสือ” ในวงศ์ต่างๆ มาตั้งเป็นชื่อยี่ห้อและรุ่นรถ หลากหลายรุ่น

CARRO ขอนำเสนอ 8 ชื่อยี่ห้อรุ่นรถยนต์ ที่นำมาจากชื่อ “เสือ” ครับ.

8 ชื่อยี่ห้อรุ่นรถยนต์ ที่นำมาจากชื่อ "เสือ"

Jaguar

ชื่อเสือจากัวร์ “Jaguar” ที่กลายมาเป็นแบรนด์รถยนต์ชื่อดังระดับโลกจากอังกฤษอย่าง “Jaguar” ที่เลือกโลโก้เป็นรูปเสือ Jaguar ซึ่งเป็นสัตว์ป่า ที่มีความว่องไว และทรงพลัง ก่อตั้งเมื่อปี 1922 โดย William Lyons ชาวอังกฤษ ได้ร่วมหุ้นกับ William Walmsley ก่อตั้งบริษัท Swallow Sidecar Company ขึ้นในอังกฤษ

ในปี 1948 William Lyons จึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Jaguar Cars Limited โดยพิจารณาเลือกชื่อจากสัตว์ชนิดต่างๆ กว่า 500 ชนิด ปัจจุบันถูกควบรวมกิจการกับ TATA Motors

8 ชื่อยี่ห้อรุ่นรถยนต์ ที่นำมาจากชื่อ "เสือ"

Leopard

ชื่อของเสือดาว “Leopard” ได้ถูก Nissan นำมาตั้งเป็นชื่อรถยนต์ขนาด Mid-Size Nissan Leopard (นิสสัน เลียวพาร์ด) เป็นรถแบบสปอร์ตหรูหรา รูปทรงสไตล์ Hardtop 4 ประตู ที่ผลิตขายกันตั้งแต่ปี 1980 – 1999

8 ชื่อยี่ห้อรุ่นรถยนต์ ที่นำมาจากชื่อ "เสือ"

Tiger

ชื่อของเสือโคร่ง “Tiger” อันนี้เป็นที่รู้จักกันดีในบ้านเรา เพราะเป็นชื่อยอดนิยมของสินค้าต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ยี่ห้อยาหม่อง หรือยาดองเหล้า

แต่ชื่อของเสือในรถยนต์ที่บ้านเรารู้จักกันดี คงต้องยกให้ Toyota (โตโยต้า) ที่นำชื่อ “Tiger” มาต่อท้ายรถกระบะยอดฮิตตัวเองนั่นคือ Toyota Hilux Tiger (โตโยต้า ไฮลักซ์ ไทเกอร์) ที่ออกจำหน่ายตั้งแต่ในปี 2541 – 2547

8 ชื่อยี่ห้อรุ่นรถยนต์ ที่นำมาจากชื่อ "เสือ"

และ Sunbeam Tiger (ซันบีม ไทเกอร์) รถสปอร์ตจากฝั่งอังกฤษ ที่ผลิตขายตั้งแต่ปี 1964 – 1967

8 ชื่อยี่ห้อรุ่นรถยนต์ ที่นำมาจากชื่อ "เสือ"

Cougar

เสือคูการ์ “Cougar” หรือสัตว์ในตระกูลเดียวกับเสือดาว เสือพูม่า ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา ก็ได้ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อรุ่นรถของ Mercury (เมอร์คิวรี่) ในชื่อ Mercury Cougar (เมอร์คิวรี่ คูการ์) ซึ่งเป็นรถสปอร์ต 2 ประตู ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือของ Ford (ฟอร์ด) ที่ผลิตออกขายตั้งแต่ปี 1967 – 1997 และย่อส่วนลงมาเหลือเป็นรถสปอร์ตแบบ Compact ผลิตขายช่วงปี 1999 – 2002

8 ชื่อยี่ห้อรุ่นรถยนต์ ที่นำมาจากชื่อ "เสือ"

Panther (Pantera)

Panther (หรือ Pantera ในภาษาอิตาลี) มีความหมายว่า “เสือดำ” ได้ถูกนำมาตั้งแต่เป็นชื่อรุ่นของรถสปอร์ตชื่อดังในอดีตอย่าง DeTomaso Pantera (เดอโทมาโซ่ แพนเทร่า) ที่ผลิตออกขายตั้งแต่ปี 1971 – 1992

8 ชื่อยี่ห้อรุ่นรถยนต์ ที่นำมาจากชื่อ "เสือ"

Puma

เสือพูม่า “Puma” หรือสัตว์ในตระกูลเดียวกับเสือคูการ์ เสือพูม่า ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา นอกจากจะเป็นชื่อแบรนด์รองเท้าชื่อดังแล้ว ก็ได้ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อรุ่นรถของ Ford ในชื่อ Ford Puma (ฟอร์ด พูม่า) ซึ่งเป็นรถสปอร์ต 2 ประตู แบบ Compact ที่ผลิตออกขายตั้งแต่ปี 1997 – 2002

8 ชื่อยี่ห้อรุ่นรถยนต์ ที่นำมาจากชื่อ "เสือ"

Cheetah

เสือชีตาห์ “Cheetah” เป็นสัตว์ที่วิ่งได้เร็วมากวิ่งได้เร็วประมาณ 110–120 กม./ชม. จัดเป็นสัตว์บกที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก ก็ได้ถูกนำมาตั้งแต่ชื่อรถเช่นกัน โดย “ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์” ได้นำชื่อของ Cheetah มาตั้งเป็นชื่อของ “Cheetah” รถบรรทุก และรถมินิบัสของไทยรุ่ง เมื่อกาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว …

ไทยรุ่งฯ นำเอาแชสซีส์ที่ใช้แล้ว + เครื่องยนต์เก่าจากญี่ปุ่นมาทำใหม่หมดทั้งคัน ทำให้คุณภาพใกล้เคียงประมาณ 80% ของรถใหม่

โครงการนี้ของไทยรุ่งฯ เริ่มจาก เปลี่ยนรถสองแถวเป็นมินิบัส ตามนโยบายของ ขสมก. จำนวน 300 คัน ต่อมารัฐบาลไม่ดำเนินโครงการนี้ และความต้องการของตลาดในส่วนของโรงเรียนอนุบาล หรือตลาดอื่นน้อยลง ไทยรุ่งฯ จึงยกเลิกโครงการซีต้ามินิบัสไป

8 ชื่อยี่ห้อรุ่นรถยนต์ ที่นำมาจากชื่อ "เสือ"

Lion (Leon)

สิงโต หรือ “Lion” (Leon ในภาษาสเปน และ Leone ในภาษาอิตาลี) จัดเป็นสัตว์ในวงศ์ Felidae ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ด้วยบุคลิกอันดุดันและน่าเกรงขาม ทำให้รถยนต์หลายยี่ห้อนำมาตั้งชื่อเป็นรุ่นรถในแบรนด์ตัวเอง อาทิเช่น Seat Leon (เซียท ลีออง) หรือ Subaru Leone (ซูบารุ เลโอเน่) เป็นต้น

สำหรับท่านใดที่สงสัยในชื่อรุ่นรถมานาน ว่ารถของเรา มาจากเสือชนิดไหน คงกระจ่างกันแล้วนะครับ …

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แตกต่างอย่างไร ยางเราเสียหายจากการผลิตหรือเกิดจากการใช้งาน?

สวัสดีครับวันนี้ไทร์บิด กลับมาอีกครั้งมาพูดคุยกันเรื่องของการรับประกันยางกันครับ ไทร์บิดอยากจะอธิบายเพื่อนๆ ครับ ว่าการรับประกันยางนั้นมันครอบคลุมยังไงบ้างครับ เพราะหลายคนสงสัยว่าเคสไหนถึงอยู่ในการรับประกัน เพราะเนื่องมาจากลักษณะความเสียหายของยางเมื่อคนทั่วไปทราบก็คือ เมื่อยางเสียหายแล้วไม่ว่าจะทั้งเกิดจากการแตกระเบิดหรือบวมจนปูดเป็นลูกมะนาวแล้ว ซึ่งเพื่อนๆ ก็คงจะแยกไม่ออกว่าเกิดจากการใช้งานหรือว่าเกิดจากการผลิตใช่ไหมหล่ะครับ วันนี้ไทร์บิดเลยอยากมาอธิบายเบื้องต้นเพื่อแยกประเภทความเสียหายของยางที่อยู่ในการรับประกัน และ นอกการรับประกัน

แตกต่างอย่างไร ยางเราเสียหายจากการผลิตหรือเกิดจากการใช้งาน?

อย่างแรกเลย การรับประกันของยางในแต่ละยี่ห้อจะมีระยะเวลาที่แตกต่างกันครับตั้งแต่ 2 ปี จนถึง 6 ปีเลยทีเดียวซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อไป แต่แบรนด์พรีเมียมๆ ก็จะอยู่ราวๆ 4-6 ปี ครับ

เพราะฉะนั้นเพื่อนๆ ที่ใช้งานรถยนต์กันทุกวันผมก็เชื่อว่า 4 ปี ยางก็น่าจะใช้ไปประมาณ 60,000-70,000 กิโลเมตรได้อยู่แล้วครับ และก็จะใกล้เคียงกับการใช้งานสูงสุดของยางเมื่อยางติดรถอยู่ที่ 5 ปีครับผม ซึ่งก็จะถึงเวลาเปลี่ยนพอดี แปลว่า การรับประกัน กับ การใช้งานจริงก็แทบจะครอบคลุมตลอดอายุการใช้งานครับผม เพื่อนๆ ที่ใช้แบรนด์พรีเมียมก็สบายใจได้ว่าแทบจะตลอดอายุการใช้งานของยางกลุ่มแบรนด์พรีเมียมนั้นมีการรับประกันการผลิตตลอดอายุการใช้งาน

แตกต่างอย่างไร ยางเราเสียหายจากการผลิตหรือเกิดจากการใช้งาน?

อย่างที่สอง การรับประกันทุกกรณี ปัจจุบันเป็นที่ค่อนข้างนิยมอย่างมากในการทำการตลาดในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นการรับประกันจากบริษัทผู้ผลิตเอง หรือการรับประกันจากศูนย์บริการต่างๆ เอง อย่างที่ไทร์บิดของเราก็จะมีการรับประกันทุกกรณี 90 วัน เพราะทุกคนเข้าใจดีว่ายางแต่ละเส้นนั้นมีราคาที่ค่อนข้างสูง หากยางใช้งานได้ไม่นานแล้วแตกเสียหายหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็ต้องเปลี่ยนยางใหม่ ซึ่งก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่เยอะเกินความจำเป็นซึ่งการรับประกันทุกกรณีจึงเป็นทางออกทางหนึ่งที่ช่วยเพื่อนๆลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ครับ

แต่เพื่อนๆ ก็ต้องอ่านเงื่อนไขของแต่ละยี่ห้อให้ชัดเจนครับเพราะบางยี่ห้อ จะรับประกันทุกกรณีก็จริงแต่อาจจะแจ้งว่าเมื่อใช้ยางไปไม่เกินกี่ % กรณีต่ำกว่า % ที่แจ้งก็อาจจะเป็นการเคลมคืนตามสัดส่วนดอกยางที่เหลืออยู่ครับ แต่ไทร์บิดก็ยังเห็นว่าก็ยังคุ้มอยู่ดีละครับอย่างน้อยก็ยังเคลมเป็นมูลค่าออกมาได้ ซึ่งเพื่อนๆ น่าจะต้องเข้าใจว่าที่ผ่านมาเราก็ใช้ยางมาได้สักระยะแล้วเหมือนกันครับ

ต่อมาเรามาแยกประเภทกันครับ ว่าแบบไหนที่เป็นเคสที่เกิดจากการใช้งาน หรือ เคสที่เกิดจากการผลิตครับเพื่อนๆ จะได้เข้าใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น

แตกต่างอย่างไร ยางเราเสียหายจากการผลิตหรือเกิดจากการใช้งาน?

เรามาเริ่มที่เคสที่เกิดจากการใช้งานก่อนครับ แน่นอนครับการใช้งานเพื่อนๆ ต้องรู้และทราบอยู่ในกรณีเบื้องต้นว่ากรณีที่ยางรถของเราตกหลุม กระแทก เบียดฟุตบาท หรือ ลมอ่อนวิ่งบด เคสนี้จะเกิดจากการใช้งานแน่นอนซึ่งเราไม่สามารถใช้เป็นเคสของการรับประกันทุกกรณีแน่นอนสำหรับกรณีที่อยู่ในประกัน แต่ กรณีที่ว่าอยู่ดีดียางบวม หรือ แตกเสียหายโดยไม่ทราบสาเหตุอยากให้เพื่อนๆสังเกตนิดนึงครับ ว่าบริเวณที่แตกเสียหายนั่น มีลักษณะของยางที่โดนเบียดโดนถูมารึเปล่า เพราะส่วนมากแล้วในบางครั้งเมื่อเราเบียดมาโครงยางด้านในอาจจะหักแต่ไม่ถึงแตกครับ ซึ่งอาการต่อมายางจะค่อยๆ บวมจนถึงแตกครับซึ่งเราก็จะคิดว่าเฮ้ยเราใช้งานปกติทำไมยางมันบวมแตกเสียหาย ซึ่งยางบางครั้งจะเกิดจากอาการที่เสียหายจากการสะสมและใช้งานอย่างต่อเนื่องครับ หรือ ไม่ว่าจะมีตะปูตำมาคาอยู่ก็อาจจะทำให้ยางแตกเสียหายได้เมื่อใช้งานไปสักระยะเพื่อนๆ ต้องเข้าใจก่อนครับว่ากรณีตะปูตำมาแล้วทำไมยังใช้ได้อยู่ บางครั้งสิ่งแปลกปลอมที่ตำนั่นมีขนาดเล็กมากทำให้ลมซึมออกช้า ประกอบกับยางปัจจุบันเป็นยางเรเดียลซึ่งการสูญเสียลมจากการรั่วนั้นจะค่อยๆ ซึมออกเพราะฉะนั้นบางครั้งเราจะไม่รู้เลยว่ายางเราโดนจะปูตำอยู่แล้วเป็นสาเหตุที่ทำให้ยางแตกเสียหายครับ

แตกต่างอย่างไร ยางเราเสียหายจากการผลิตหรือเกิดจากการใช้งาน?

และกรณีสุดท้ายที่เจอก็จะเป็นเกี่ยวกับเรื่องลมยางครับ ทำไมถึงให้เช็กลมยางกันเป็นประจำเพราะลมยางจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ยางเสียหายได้ครับ เช่น ยางปริบริเวณไหล่เพราะหากเรามีลมที่น้อยเป็นเวลานานๆนั้นจะทำให้ภาระการรับน้ำหนักตกไปอยู่ที่บริเวณไหล่ยางจนปริได้ ซึ่งเพื่อนๆ ก็จะเข้าใจว่ายางไม่ได้ปริง่ายแตกง่ายครับ

ส่วนที่สองการเช็กลมบ่อยๆ เป็นการเช็กจุ๊บลมไปในตัวด้วยเพราะต้องบอกว่า จุ๊บลมมีโอกาสเสียหายได้เพราะทำจากยาง และเมื่อโดนความร้อนทำให้เกิดการเสื่อมและกักเก็บลมไม่ได้ 100% ครับ ก็อาจจะทำให้ลมยางเราอ่อนและเกิดปัญหายางเสียหายได้ ซึ่งอาการแบบนี้จะเป็นอาการที่เกิดจากการใช้งานทั้งหมดและเจอบ่อยๆ ครับ

ส่วนกรณีที่เกิดจากการผลิต เอาตรงๆอยากจะบอกว่าเจอไม่ค่อยเยอะมากกับแบรนด์คุณภาพที่เรารู้จักกัน ส่วนมากอาการที่เจอก็จะเป็นอาการยางบวมครับ กรณีที่เกิดปัญหาจากการผลิตส่วนมากก็คือการประกอบยางซึ่งเมื่อก่อนเราประกอบด้วยกำลังคนอยู่ในบางขั้นตอนทำให้ยางนั้นมีโอกาสตกคุณภาพได้ ซึ่งอาจจะทำให้มีช่องว่างในชั้นยางและเกิดอาการบวมได้ครับ แต่เดี๋ยวนี้ใช้เครื่องผลิตหมดแล้วโอกาสเจอเลยยิ่งต่ำลงครับ ซึ่งถ้าเพื่อนไม่เจออาการจากข้างต้นแล้ว อยู่ดีดียางบวมแตกเสียหายนั้นสามารถส่งเคลมได้เลยครับเพื่อให้เกิดความมั่นใจในคำตอบว่ายางที่เราใช้มีปัญหาอย่างไร แต่ต้องบอกว่าทุกแบรนด์ใช้เวลาในการตรวจสอบนานครับเป็นหลักเดือนครับขอให้เพื่อนๆทำใจไว้

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ https://tiresbid.com/homeได้เลยครับ เพราะเราเป็นเว็บจำหน่ายยางที่ดีที่สุดครับ มีแบรนด์สินค้าคุณภาพให้เลือกมากที่สุด และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดในประเทศ แถมไทร์บิดเรายังมีบริการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกลาง ให้เพื่อนๆที่ต้องการสอบถามได้ยางที่เหมาะสมที่สุดผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) เราเป็นตัวกลางยางมืออาชีพโปรโมชั่นพิเศษไทร์บิดมากมาย  ให้บริการครบทุกรูปแบบ จุดบริการ เปลี่ยนถึงบ้าน จัดส่ง Fast service ทุกรูปแบบการรับบริการนัดหมายล่วงหน้า ใช้เวลาเพียง 1 ชม.ในการรับบริการติดตั้งเปลี่ยนยาง ให้เรื่องยางรถของคุณง่ายยิ่งขึ้น ซื้อยางรถมั่นใจทุกครั้งที่ไทร์บิด วันนี้ก็ขอขอบคุณมากครับเพื่อนๆ ที่ติดตาม หากมีข้อสงสัยเลือกยางไม่ถูกสอบถามมาที่ไทร์บิดของเราได้เลยครับ วันนี้ขอบคุณมากครับ

ที่มา “ทางม้าลาย” สู่สัญลักษณ์บนถนนทั่วโลก

ทุกวันนี้ ตั้งแต่กระแสสังคมมีเรื่องของ “ทางม้าลาย” สัญลักษณ์สำหรับให้คนเดินข้ามถนน เป็นที่พูดถึงกันอย่างมหาศาลในโซเชียลมีเดียอีกครั้ง จนหลายคนก็เริ่มสงสัยกันว่า ทางม้าลาย นี่เราได้ต้นแบบมาจากสีขาว-ดำ จากผิวของม้าลายจริงๆ หรือ?

ที่มา "ทางม้าลาย" สู่สัญลักษณ์บนถนนทั่วโลก

สำหรับต้นกำเนิดของทางม้าลายนี้ ประวัติจะเป็นอย่างไร CARRO ค้นหาประวัติและรายละเอียด มาให้ได้ศึกษากันเป็นความรู้ครับ

ที่มา "ทางม้าลาย" สู่สัญลักษณ์บนถนนทั่วโลก

ทางม้าลายยุค 30 ในประเทศอังกฤษ

สำหรับทางม้าลาย (Zebra Crossing ในภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ หรือ Marked Crosswalk ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน) มีต้นกำเนิดครั้งแรกจากการแนะนำในกฎหมายข้อ 18 ของ Road Traffic Act ปี 1934 ในสหราชอาณาจักร ที่รถทุกประเภทต้องหยุดให้คนเดินข้ามถนน พร้อมกำหนดให้จุดข้ามถนนของผู้คน ต้องมีลักษณะเป็นเส้นตรงสลับช่องในแนวขวางของถนน

ซึ่งมีการทดลองใช้สีทางม้าลายมาหลายครั้ง ด้วยความกว้าง 40 – 60 เซนติเมตร ทั้งสีเหลือง-น้ำเงิน, สีขาว-แดง และสีขาว-ดำ ก่อนจะถูกเริ่มใช้ครั้งแรกในประเทศอังกฤษเมื่อปี 1949 เป็นสีเหลือง-น้ำเงิน โดยทดลองใช้อยู่ประมาณ 1,000 แห่งทั่วประเทศ

ที่มา "ทางม้าลาย" สู่สัญลักษณ์บนถนนทั่วโลก

Leslie Hore-Belisha รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมอังกฤษ และทางม้าลายแห่งแรกที่ใช้สีขาว-ดำ ในปี 1951

2 ปีต่อมา ในปี 1951 ก็มีข้อสรุปว่าจะใช้สีขาว-ดำ เป็นสัญลักษณ์ในเมืองผู้ดี เนื่องจากสีขาวกับสีดำ ตัดกับสีถนนได้ดี และมองเห็นชัดทั้งคนขับรถและคนข้ามถนน พร้อมกับเริ่มใช้ครั้งแรกบนถนนในเมือง Slough เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 1951

และจะอยู่คู่กับเสาไฟสัญญาณ Belisha Beacon (เบลิชชา บีคอน) ที่เป็นไอเดียของรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมอังกฤษ Leslie Hore-Belisha (เลสลี ฮอร์ เบลิสชา) เพื่อใช้เป็นจุดรอสัญญาณข้ามถนน เมื่อใดที่โคมไฟสีส้มบนเสาสว่างขึ้น รถบนถนนก็จะหยุดให้คนข้าม ไม่ต่างจากทางม้าลายในปัจจุบัน

ที่มา "ทางม้าลาย" สู่สัญลักษณ์บนถนนทั่วโลก

เสาไฟ Belisha Beacon ที่อดีตอาณานิคมของอังกฤษหลายประเทศในโลก ยังใช้ถึงทุกวันนี้

ส่วนที่มาของคำว่า “ทางม้าลาย” (Zebra Crossing) นั้นมาจาก James Callaghan อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร (1976 – 1979) ที่มองเห็นทางม้าลายแล้วบอกว่า “เห็นสีขาว-ดำสลับกันบนถนนแล้ว นึกถึงม้าลายเลยล่ะ”

ที่มา "ทางม้าลาย" สู่สัญลักษณ์บนถนนทั่วโลก

มาเลเซีย ยังคงใช้ระบบทางม้าลาย พร้อมตีเส้นซิกแซกตามแบบอังกฤษ

ต่อมา ทางม้าลายก็ได้แพร่หลายไปทั่วโลก ในยุคที่อังกฤษยังมีปกครองอาณานิคมอยู่หลายพื้นที่ในโลก ก็ได้นำเอาแนวคิดการขับรถและรูปแบบถนนของอังกฤษไปใช้ในอาณานิคมตัวเองทั่วโลก ทำให้ทางม้าลายจึงแพร่หลาย กลายเป็นสัญลักษณ์จราจรแบบสากลมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง

ทั้งนี้ในประเทศอังกฤษ มีการตีเส้นถนนแบบซิกแซกก่อนถึงทางม้าลายเอาไว้ด้วย เพื่อเป็นการเตือนผู้ขับขี่ว่าข้างหน้าจะเป็นทางข้าม ให้ชะลอความเร็ว เตรียมหยุดรถ และห้ามขับแซง เนื่องจากเส้นซิกแซกจะช่วยให้สะดุดตา

ที่มา "ทางม้าลาย" สู่สัญลักษณ์บนถนนทั่วโลก

ส่วนทางม้าลายที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโลก ก็คงต้องยกให้ทางม้าลายบนถนน Abbey Road ในเขต Camden กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพราะถูกนำไปเป็นภาพปกอัลบั้ม Abbey Road ผลงานสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 11 ขณะสมาชิกวง The Beatles (เดอะ บีเทิลส์) เดินเรียงแถว ก้าวขาข้ามทางม้าลายไปยัง Abbey Road Studios ตั้งอยู่

ทำให้ถนนอันเงียบสงัดสายนี้ ได้กลายเป็นสถานที่สำคัญของชาติ และในปี 2010 คณะกรรมการมรดกทางวัฒนธรรมของอังกฤษ ได้ยกย่องให้ถนนเส้นนี้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติชั้นที่ 2 เลยทีเดียว!

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

แต่ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องของความสะอาดทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

รวม 7 ปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนถนนสูงสุดระดับโลก สาเหตุก็มาจากหลายๆ ปัญหาของผู้ใช้รถใช้ถนน ทั้งการไม่เคารพกฎหมาย ความประมาท ความใจร้อนจนเกิดการทะเลาะวิวาท, อุบัติเหตุ ฯลฯ ซึ่งปัญหาพวกนี้แก้ไขได้ หากคุณมีสติในการขับรถ เคารพกฎจราจร มีน้ำใจแก่ผู้ร่วมทาง

ในบทความนี้ CARRO จึงรวมสาเหตุหลักๆ ที่เป็นปัญหาบนท้องถนนบ้านเรามาให้ผู้อ่านทราบ เพื่อที่จะได้รับรู้และรับมือกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างถูกต้องค่ะ

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก lavanont

1. ไม่เคารพกฎจราจร

นี่เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้รถติดหรือเกิดอุบัติเหตุทั้งหมดบนท้องถนน อย่างเช่น การขับรถฝ่าไฟแดงที่พบเห็นกันอยู่บ่อยๆ และการละเลยป้ายเตือนข้างทาง รวมถึงคนที่ขับรถโดยไม่รู้กฎจราจรอีกด้วย

ซึ่งตามหลักกฎหมาย คุณจะไม่สามารถอ้างได้ว่าไม่รู้กฎหมาย ดังนั้น หากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เศร้าสลด หรือต้องเสียค่าปรับ ก็ควรศึกษาเกี่ยวกับกฎจราจรให้ดี และขับขี่รถอย่างถูกกฎ

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก FM91 Trafficpro

2. ขับรถเร็วและชอบแซง

คนไทยชอบใจร้อนตามอากาศ และมีนิสัยชอบขับรถเร็วและขับแซงรถคันอื่นๆ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์รถชนหรือแหกโค้งพลิกคว่ำบนถนนบ่อยๆ ซึ่งในแต่ละปีนั้น มีการสูญเสียที่เกิดจากการขับรถด้วยความใจร้อนและประมาทแบบนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว และถ้าคุณไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ควรขับรถด้วยความใจเย็น มีสติ หรือไม่ขับแซงรถคันอื่นๆ เป็นอันขาด

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก โปรแกรมเมอร์ @watcharate

3. จอดล้ำเส้นทางม้าลาย / ไม่จอดให้คนข้ามทางม้าลาย

เป็นปัญหาที่พบเห็นได้ทุกวัน นั่นก็คือ รถจักรยานยนต์จอดล้ำและกีดขวางทางม้าลาย เกิดจากการขับรถมาจอดเป็นคันแรก เพื่อให้สามารถออกตัวก่อน ซึ่งทำให้ล้ำเส้นหยุด แต่ขณะเดียวกันรถยนต์ก็ไปจอดช่องรถจักรยานยนต์ ทำให้รถจักรยานยนต์ต้องจอดเลยเส้น นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดรถติดและปัญหาอื่นตามมา ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นพฤติกรรมที่เป็นอันตราย และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ด้วยค่ะ

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก นู๋ปู กู้ภัยชาละวันพิจิตร

4. ไม่หลีกทางให้รถกู้ภัย

อีกปัญหาของสังคมไทยที่เป็นประเด็นข่าวอยู่บ่อยๆ นั่นคือ การขวางหรือไม่หลีกทางให้กับรถกู้ชีพ, กู้ภัยของมูลนิธิและรถฉุกเฉินโรงพยาบาล ส่วนสาเหตุไม่หลีกทางให้นั้น อาจมองกว้างๆ ได้ 2 ประเด็น คือ

  • บางคนอาจขับรถโดยเหม่อลอย ขับไปเรื่อยๆ ไม่ตั้งใจขับ หรืออาจเล่นโทรศัพท์ จนไม่ได้ยินเสียงสัญญาณไฟ
  • บางคนมีปมกับรถฉุกเฉิน เพราะเมืองไทยมีรถฉุกเฉินเยอะเกินไป ทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของสัญญาณไฟหายไป คนไม่เชื่อว่ารถจะไปกู้ภัยจริงๆ จึงไม่หลีกทางให้ ซึ่งหลายๆ ครั้งก็ทำให้เกิดการสูญเสียแบบที่ไม่น่าเกิด

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

5. คุยโทรศัพท์ในขณะขับรถ

แม้จะมีกฎหมายห้ามออกมา แต่ก็ยังมีคนที่ฝืนกฎและคุยโทรศัพท์ในขณะขับรถอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหารถติดและอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เนื่องจากคุยโทรศัพท์จนเสียสมาธิในการขับรถ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกัน ทุกครั้งที่ขับรถคุณต้องไม่คุยโทรศัพท์อย่างเด็ดขาด หากจำเป็นก็แนะนำให้จอดรถข้างทาง คุยธุระให้เสร็จแล้วค่อยขับรถต่อไป

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก FM91 Trafficpro

6. เมาแล้วขับ

เป็นปัญหาโลกแตกที่หาทางแก้ไขกันมานาน แม้จะมีการรณรงค์ห้ามคนเมาแล้วขับอยู่เสมอ แต่ทุกวันนี้ ก็ยังมีคนที่เมาแล้วขับอยู่จำนวนมาก และปัญหาที่ตามมาก็คือ การเกิดอุบัติเหตุอย่างไม่คาดคิดจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเช่นกัน

เพราะฉะนั้นคุณควรพึงระลึกไว้เสมอว่า ไม่ควรขับขี่ในขณะที่กำลังเมาเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ก็ตาม อย่างน้อยก็เซฟเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง และจะได้ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นบนท้องถนนค่ะ

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก JS100 Radio

7. ขับขี่รถย้อนศร

พฤติกรรมการขับขี่รถย้อนศรอาจพบเห็นไม่บ่อยนักสำหรับคนขับรถยนต์ แต่คนขี่รถมอเตอร์ไซค์มักมีพฤติกรรมที่มักง่ายเช่นนี้ และพบเห็นได้ค่อนข้างบ่อย ในถนนเส้นใหญ่ที่มีทางกลับรถในระยะไกล จึงเป็นสาเหตุที่ไม่อยากไปกลับรถและเลือกที่จะขี่รถย้อนศร ทำให้ในบางครั้งคนที่ใช้ท้องถนนในเลนที่ถูกต้องกลับต้องหักหลบ หรือมองไม่เห็นรถที่ย้อนศรมา ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

แต่ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องของความสะอาดทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

เช็กเครดิตบูโร เช็กแบล็คลิส ด้วยตัวเอง ง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน

คำว่า เครดิตบูโร เป็นคำที่คนส่วนใหญ่ ถ้าเคยซื้อรถ ซื้อรถจักรยานยนต์ ซื้อบ้าน หรือของชิ้นใหญ่ๆ ที่ต้องขอสินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน สินเชื่อเงินสด จะคุ้นเคยกันดี โดยคำว่า เครดิตบูโร มาจากชื่อของ “บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด” หรือ “National Credit Bureau” ซึ่งเป็นบริษัทที่เก็บข้อมูลเครดิตจากสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิก

ซึ่งหากใครก็ตามที่มาทำการขอสินเชื่อซื้อรถ ทางสถาบันการเงิน สามารถตรวจสอบ และขอข้อมูลฐานะทางการเงิน ประวัติการขอสินเชื่อ การได้รับอนุมัติสินเชื่อ หรือประวัติการค้ำประกัน เคยมีติดแบล็คสิส (Black List) หรือไม่ ได้ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งข้อมูลจากเครดิตบูโร จะแสดงเฉพาะหนี้สินเท่านั้น ที่ทางผู้ปล่อยสินเชื่อ ต้องนำมาประเมินก่อนว่าจะอนุมัติให้ได้หรือไม่ จะได้หรือไม่ได้สินเชื่อ ก็ขึ้นอยู่กับตรงนี้ล่ะ

หากคุณติดวางแผนทำธุรกรรมทางการเงินอยู่พอดี การตรวจสอบข้อมูล “เครดิตบูโร” ก่อนทำธุรกรรมการเงินต่างๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัตินั้นสูงขึ้น ซึ่งนอกจากจะเช็กประวัติการชำระเงินของตัวเองแล้ว ยังตรวจสอบเพิ่มได้อีกด้วยว่า เอกสารสำคัญส่วนตัวของคุณ มีใครนำไปแอบอ้างทำอะไรหรือไม่ เช่น การปลอมแปลงสำเนาบัตรประชาชน หรือเอกสารการเงินต่างๆ ไปสมัครสินเชื่อโดยใช้ชื่อของคุณ

ส่วนเอกสารที่ต้องนำไปตรวจสอบ คือ

  • บัตรประจำตัวประชาชน หรือ
  • หนังสือเดินทาง หรือ
  • บัตรประจำตัวบุคคลต่างด้าว

โดยเอกสารที่นำมาต้องเป็นเอกสารตัวจริงเท่านั้น และจุดให้บริการต่างๆ ที่คุณสามารถทำการตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง มีอยู่หลายแห่ง แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

กรุงเทพฯ และปริมณฑล

คุณสามารถตรวจสอบเครดิตบูโรแบบรอรับได้เลย ภายใน 15 นาที รอรับได้เลย หลังยื่นเอกสารเสร็จเรียบร้อย โดยมีค่าบริการ 100 บาท

เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ทาง บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด จึงปรับวัน-เวลาให้บริการศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

กรุงเทพฯ และปริมณฑล แบบรอรับได้เลย (ค่าบริการ 100 บาท) ภายใน 15 นาที

วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.00 – 16.30 น. (ใช้บัตรประชาชนของตนเอง)

1. ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (สำนักงานใหญ่) อาคาร 2 ชั้น 2 และศูนย์ตรวจเครดิตบูโรเคลื่อนที่ (บริเวณลานจอดรถ) *รายงานข้อมูลเครดิต (บุคคลธรรมดาและมอบอำนาจ) l เครดิตสกอริ่ง (บุคคลธรรมดาและ,มอบอำนาจ) l นิติบุคคล l นิติบุคคล (มอบอำนาจ) l ชาวต่างชาติ

วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.00 – 18.00 น. (ใช้บัตรประชาชนของตนเอง)

2. เครดิตบูโรคาเฟ่ อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก ชั้น 3 (โซนธนาคาร) (BTS สถานีอารีย์ ทางออก 1) *เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเองและมอบอำนาจ l เครดิตสกอริ่ง (บุคคลธรรมดา) l ชาวต่างชาติ

3. ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง (ภายในสถานี) *เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเองและมอบอำนาจ l เครดิตสกอริ่ง (บุคคลธรรมดา) l ชาวต่างชาติ

4. ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร สถานีรถไฟฟ้า BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ภายในสถานี) *เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเองและมอบอำนาจ l เครดิตสกอริ่ง (บุคคลธรรมดา) l ชาวต่างชาติ

5. Bureau Lab (บูโรแล็บ) ท่าเรือวังหลัง (ใกล้ประตูทางเข้าโรงพยาบาลศิริราช) บริการตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส) รับรายงานทางอีเมล…ได้ทันที *เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเองและมอบอำนาจ l เครดิตสกอริ่ง (บุคคลธรรมดา) l ชาวต่างชาติ

วันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 – 18.00 น. (ใช้บัตรประชาชนของตนเอง)

6. Bureau Lab (บูโรแล็บ) สถานีรถไฟฟ้า BTS ชิดลม (ภายในสถานี) บริการตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส) รับรายงานทางอีเมล…ได้ทันที *เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเองและมอบอำนาจ l เครดิตสกอริ่ง (บุคคลธรรมดา) l ชาวต่างชาติ

7. Bureau Lab (บูโรแล็บ) สถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต (ภายในสถานี) บริการตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส) รับรายงานทางอีเมล…ได้ทันที *เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเองและมอบอำนาจ l เครดิตสกอริ่ง (บุคคลธรรมดา) l ชาวต่างชาติ

8. ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ห้างเจ-เวนิว (นวนคร) ชั้น 3 ติดประกันสังคม *เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเองและมอบอำนาจ l เครดิตสกอริ่ง (บุคคลธรรมดา) l ชาวต่างชาติ

วันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา 8.30 – 23.00 น. (ใช้บัตรประชาชนของตนเอง)

9. ชั้น 4 ศูนย์การค้า ดิ อเวนิว รัชโยธิน บริการตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส) รับรายงานทางอีเมล…ได้ทันที *เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเองและมอบอำนาจ l เครดิตสกอริ่ง (บุคคลธรรมดา) l ชาวต่างชาติ

10. Bureau Lab (บูโรแล็บ) สถานีกลางบางซื่อ (ด้านหลังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ประตูทางเข้า 1) (จุดติดตั้งนาฬิกาประจำสถานี หรือนาฬิกาหน้าปัดหมายเลข ๙) บริการตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส) รับรายงานทางอีเมล…ได้ทันที *เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเองและมอบอำนาจ l เครดิตสกอริ่ง (บุคคลธรรมดา) l ชาวต่างชาติ

กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แบบส่งรายงานรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (NCB e-Credit Report) ทางอีเมลได้ทันที

1. ผ่านโมบายแอป “KKP Mobile” (ธนาคารเกียรตินาคินภัทร) บริการตรวจรายงานข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่ง ได้ทันที

2. ผ่านโมบายแอป “Bureau OK” บริการตรวจรายงานข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่ง *ลงทะเบียนใช้บริการได้ที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโรทุกแห่ง ได้ทันที

3. ผ่านโมบายแอป “Krungthai NEXT” (ธนาคารกรุงไทย) บริการตรวจรายงานข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่ง ภายใน 24 ชั่วโมง (เป็นไปตามเงื่อนไขที่เครดิตบูโรกำหนด)

4. ผ่านโมบายแอป “MyMo” (ธนาคารออมสิน) บริการตรวจรายงานข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่ง ภายใน 24 ชั่วโมง (เป็นไปตามเงื่อนไขที่เครดิตบูโรกำหนด)

5. ผ่านโมบายแอป “ttb touch” (ธนาคารทีทีบี) บริการตรวจรายงานข้อมูลเครดิต ภายใน 3 วันทำการ

กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

คุณสามารถตรวจสอบเครดิตบูโรแบบส่งรายงานกลับไปให้ทางไปรษณีย์ โดยส่งแบบลงทะเบียน ภายใน 7 วันทำการ ซึ่งมีค่าบริการ 150 บาท

กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แบบส่งรายงานกลับไปให้ทางไปรษณีย์ ลงทะเบียน (ค่าบริการ 150 บาท) ภายใน 7 วันทำการ

1. เคาน์เตอร์ธนาคาร (ทุกสาขา) (เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเอง และชาวต่างชาติ)

กรุงศรี, กรุงไทย, ธอส., แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และ ธกส. (เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเอง)
– แจ้งเจ้าหน้าที่ ที่เคาน์เตอร์ พร้อมยื่นบัตรประชาชนของตนเอง

2. ใช้บัตร ATM กรุงไทย, ไทยพาณิชย์ (เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเอง)
– มีบัตรของธนาคารไหน ใช้ตู้ ATM ธนาคารนั้น
– ทำรายการผ่านหน้าจอ (เมนู ตรวจเครดิตบูโร)

3. ใช้โมบาย แอปพลิเคชัน สำหรับผู้ที่ลงทะเบียน ธนาคารมือถือกรุงไทย, ออมสิน (รายงานข้อมูลเครดิต บุคคลธรรมดาของตนเอง และเครดิตสกอริ่ง บุคคลธรรมดา) ทีทีบี (เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเอง)
– ทำรายการผ่านธนาคาร บนโทรศัพท์มือถือ

4. ใช้บริการธนาคารออนไลน์ กรุงไทย, กรุงศรี (เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเอง)
– มีบัญชีธนาคาร / ทำรายการผ่านเว็บไซต์

5. ที่ทำการไปรษณีย์ เฉพาะสาขาที่ให้บริการ (เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเอง) สามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเครดิตบูโรเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center หรือ โทร.1545 หรือค้นหาสาขาไปรษณีย์ทั่วประเทศได้ที่ >>> www.thailandpost.co.th

การรายงานเครดิตบูโรเป็นความลับส่วนบุคคล
คุณต้องดำเนินการด้วยตัวเองเท่านั้น

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

16/8/2017

แหล่งที่มาจาก:

10 อันดับ รถถูกสุดในไทย ปี 2022

ในยุคสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เมื่อคุณจะตัดสินใจออกรถใหม่ 2022 ไม่ว่าจะเพื่อมาใช้ในการเดินทาง ใช้ทำงาน หรือไว้ใช้งานในครอบครัว ให้ลูกขับไปมหาวิทยาลัย หรือใช้ในเชิงพาณิชย์ ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายออกไปมากที่สุด

โดยคุณสมบัติต่างๆ ของรถนั้น ย่อมมีผลต่อการตัดสินใจ และราคารถยนต์ก็เช่นกัน ถึงแม้ว่า จะเป็นรถยนต์ที่มีราคาถูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณภาพจะด้อยเสมอไป และต้องเป็นรถที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ รวมถึงเป็นรถขายดี อะไหล่หาง่าย ซื้อง่ายขายคล่อง ขายต่อเป็นรถมือสองก็ง่ายด้วย

ส่วนถ้าใครกำลังอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปออกรถใหม่มาใช้ ลองมาขายกับ CARRO Express ดูสิ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

ด้วยเหตุนี้ MR.CARRO จึงรวบรวมข้อมูลรถยนต์ใหม่ป้ายแดง รถใหม่ 2022 ที่ยังมีขายอยู่ในปัจจุบัน หลากหลายรูปแบบ 10 อันดับ ถูกที่สุดในไทย ประจำปี 2022 มาให้ทุกท่านได้อ่านกัน.

Suzuki Celerio / ซูซูกิ เซเลริโอ้

1. Suzuki Celerio ราคา 328,000 บาท

Suzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ) รถ Eco-Car น้องเล็กในตระกูล Suzuki สำหรับตลาดเมืองไทย แม้ว่าจะขายมาหลายปี แต่ก็ยังได้รับความนิยม อัดแน่นคุณภาพ ชู 3 จุดเด่น เน้นห้องโดยสารกว้างขวาง หลังคาที่สูง สมรรถนะเกินตัว ความประหยัดเป็นเยี่ยม

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3 สูบ 1.0 ลิตร 68 แรงม้า ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22 กม./ลิตร อีกทั้้งยังเป็นมาตรฐานใหม่ ของรถยนต์นั่งมาตรฐานโลก ส่งออกไปขายในเอเชียและยุโรปด้วย

TATA Super Ace Mint / ทาทา ซูเปอร์ เอซ มินท์

2. TATA Super ACE Mint ราคา 375,000 บาท

TATA Super ACE Mint (ทาทา ซูเปอร์ เอซ มินท์) รถบรรทุกขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์ขนาดไม่เกิน 1 ตัน เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ขนาด 1.4 ลิตร 70 แรงม้า รายแรกและรายเดียว ทรงพลังให้แรงบิดสูงสุด ในรอบเครื่องต่ำ ถือเป็นรถบรรทุกเล็กเพื่อการพาณิชย์อย่างแท้จริง

กระบะท้ายพื้นเรียบขนาดใหญ่ พร้อมเปิดได้ 3 ด้าน และวางเครื่องยนต์อยู่ใต้ที่นั่งคนขับ ทำให้พื้นที่กระบะท้ายยาวขึ้น เพิ่มพื้นที่บรรทุกและเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่

Suzuki Carry / ซูซูกิ แครี่

3. Suzuki Carry ราคา 385,000 บาท

Suzuki Carry (ซูซูกิ แครี่) รถบรรทุกเล็กจอมพลัง เจเนอเรชั่นที่ 2 ภายใต้แนวคิด Carry Your Dream เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน ปรับโฉมใหม่หมดครั้งที่ 2 ตั้งแต่ผลิตรถรุ่นนี้นับตั้งแต่เปิดตัวในไทยเมื่อปี 2549 กว่า 50,000 คัน เป็นรถขายดีในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงกลุ่มรถ Food Truck

มาพร้อมระบบขับเคลื่อนรุ่นใหม่ล่าสุด เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส K15B 95 แรงม้า ประหยัดน้ำมันมากขึ้น มีระบบเบรก ABS ห้องโดยสารโทนสีเทาดำออกแบบใหม่ ใหญ่ขึ้น ใช้พวงมาลัยไฟฟ้าช่วยลดแรงหมุนพวงมาลัยอีกด้วย และรับน้ำหนักได้มากถึง 945 กิโลกรัม

Nissan March / นิสสัน มาร์ช

4. Nissan March ราคา 420,000 บาท

Nissan March (นิสสัน มาร์ช) ถือได้ว่าเป็นรถ “Eco-Car” รุ่นแรกของไทยที่ผลิตขายอย่างเป็นทางการในปี 2553 โดยปรับราคาขึ้นไปบ้าง ณ ปัจจุบัน มียอดขายสะสมรวมได้หลายแสนคัน มีจุดเด่นที่ขนาดตัวรถเล็ก แต่ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย อะไหล่หาง่าย ซื้อง่ายขายคล่อง

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 79 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร ขับขี่ก็ง่าย จอดรถก็คล่องตัว ราคาอะไหล่ไม่แพง คุ้มค่ามาก ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่ง หรือรถมือสอง

Mitsubishi Mirage / มิตซูบิชิ มิราจ

5. Mitsubishi Mirage ราคา 474,000 บาท

Mitsubishi Mirage (มิตซูบิชิ มิราจ) อีกหนึ่งรถ Eco-Car จาก มิตซูบิชิ ตัวรถที่ขนาดเล็กน่ารัก ด้วยดีไซน์สปอร์ตรอบคัน ยิ่งในโฉมไมเนอร์เชนจ์ ที่ปรับโฉมใหญ่ทั้งภายนอกและภายใน มาพร้อมกับออพชั่นใหม่ และอุปกรณ์ความปลอดภัยอีกเพียบ

มาคู่กับขุมพลังขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ทั้งหรูและประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กม./ลิตร เรียกได้ว่าน่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

Mitsubishi Attrage / มิตซูบิชิ แอททราจ

6. Mitsubishi Attrage ราคา 494,000 บาท

Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) โฉม Minorchange แต่งหน้าทาปากให้ดูสปอร์ตขึ้น ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mirage แต่ออกแบบเป็นรถ 4 ประตู ตัวรถภายในกว้างขวาง

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร ขับง่าย คล่องตัว ออพชั่นเพียบ เหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหารถคันแรก เน้นความประหยัดคุ้มค่า

Nissan Almera / นิสสัน อัลเมร่า

7. Nissan Almera ราคา 509,000 บาท

Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) จัดเป็นรถ Eco-Car ขนาด 4 ประตู เครื่อง Turbo รุ่นแรกที่ออกมาในตลาด มีองค์ประกอบที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้า-ไฟท้าย ทรงบูมเมอแรง แนวเสาหลังคาหลังที่ถูกยกขึ้น (Kick-Up C-pillars) และ หลังคาแบบลอยตัว (Floating Roof) และภายในออกแบบใหม่หมด กว้างขวางมาก นั่งสบาย

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร Turbo รหัส HRA0 ให้แรงม้าสูงสุด 100 แรงม้า มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม D-Step Logic แถมยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Nissan Intelligent Mobility

MG3 / เอ็มจี3

8. MG3 ราคา 519,000 บาท

MG3 (เอ็มจี 3) รถแฮทช์แบ็คหลากสีสันสดใส มิติใหม่ของความสนุกด้วยเอกลักษณ์ของ All-New MG3 ที่มาพร้อมนิยามใหม่ “WE ARE FUN” : มองโลกให้สนุกทุกเส้นทาง มาพร้อมกับระบบอัจฉริยะ i-SMART ที่สามารถรองรับการสั่งการได้ด้วยเสียงภาษาไทย พร้อมกับการอัพเดทฟังก์ชันใหม่บนแผนที่นำทางที่สามารถแนะนำร้านอาหาร และที่พัก พร้อมระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ออนไลน์

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินแบบ DOHC VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร 112 แรงม้า ผสานการทำงานด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Manual Mode และยังจัดเต็มระบบความปลอดภัยอีกด้วย

Toyota Yaris ATIV / โตโยต้า ยาริส เอทีฟ

9. Toyota Yaris ATIV ราคา 539,000 บาท

Toyota Yaris ATIV (โตโยต้า ยาริส เอทีฟ) นับเป็นรถยนต์ Eco-Car Sedan ที่เป็นรถขายดีในบ้านเราอีกรุ่น นับตั้งแต่ปี 2560 และปรับโฉมครั้งล่าสุดในเดือนกันยายน 2564 นี่เอง โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว กว้างขวาง ขับง่าย นั่งสบาย พร้อมฟังก์ชันสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FKE ให้แรงม้าสูงสุด 92 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ Super CVT-i ใหม่ พร้อม Shift Lock ขับขี่คล่องตัว ให้ความรู้สึกสนุกสนานในทุกการขับขี่ “Fun-To-Drive” พร้อมรองรับแก๊สโซฮอล์ E20

Mazda2 / มาสด้า2

10. Mazda2 Sedan / Hatchback ราคา 546,000 บาท

Mazda2 (มาสด้า2) นับเป็นรถยนต์ Hatchback 5 ประตู และ Sedan 4 ประตู ที่จำหน่ายในบ้านเรามาหลายปีอีกหนึ่งรุ่น นับตั้งแต่ปี 2558 และปรับโฉมครั้งล่าสุดมาในเดือนมกราคม 2565 เพิ่มอุปกรณ์ดีที่สุดในคลาส ขายราคาเท่าเดิม เพิ่มสีใหม่ Platinum Quartz (แพลตทินั่ม ควอตซ์) ทั้งในแบบ 4 ประตูและ 5 ประตู เอาใจลูกค้าเจนฯ ใหม่ ซึ่งยังติดอันดับรถขายดีในปัจจุบัน

ในรุ่นเริ่มต้น มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.3 ลิตร Skyactiv-G 93 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv-Drive ให้ความคล่องตัว พร้อมให้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงดีเยี่ยมถึง 23.3 กม./ลิตร ในรุ่นเบนซิน พร้อมรองรับแก๊สโซฮอล์ E20 และ 26.3 กม./ลิตร ในรุ่นดีเซล

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

MR.CARRO หวังว่า 10 อันดับ รถถูกสุดในไทยที่นำมาเสนอนั้น หากใครอยากได้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! ลองเลือกซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ : ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนมกราคม 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

6 อันดับ รถเกียร์ธรรมดาที่ยังมีจำหน่ายในปีนี้

ถ้าจะให้พูดถึงการขับรถในปัจจุบัน เราต้องยอมรับว่า รถยนต์เกียร์ธรรมดา (ที่ไม่ใช่รถตู้ รถกระบะ หรือรถบรรทุก) ค่ายรถส่วนใหญ่มักเลิกผลิตกันแล้ว เนื่องจากตัวเลขยอดขายที่น้อยลงเรื่อยๆ ราคามือสองขายต่อตกมากกว่า อุปกรณ์มาตรฐานน้อย เพราะมักจะเป็นรุ่นเริ่มต้นเสมอ การใช้งานไม่เหมาะกับบรรยากาศรถติดๆ ในเมืองกรุงซะเลย ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ในไทย แต่เป็นแบบนี้ในหลายประเทศทั่วโลก

แม้ว่ารถเกียร์ธรรมดา จะทำให้บรรยากาศการขับรถของเราได้สนุกขึ้นมาบ้าง ขาซ้ายไม่ว่าง มือซ้ายไปสับเกียร์กันตลอด ซึ่งหลายคนก็อาจจะยังอยากสัมผัสอะไรแบบนี้กันอยู่

MR.CARRO ขอรวบรวมข้อมูล 6 อันดับ รถเกียร์ธรรมดาป้ายแดง ที่ค่ายรถยังผลิตขายประจำปี 2022 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

Suzuki Celerio / ซูซูกิ เซเลริโอ้

1. Suzuki Celerio GL MT ราคา 328,000 บาท

Suzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ) รถ Eco-Car น้องเล็กจาก Suzuki ที่ขายในบ้านเรา ชู 3 จุดเด่น ด้วยห้องโดยสารกว้างขวาง หลังคาตัวรถสูง ให้สมรรถนะเกินตัว ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม สูงถึง 22 กม./ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3 สูบ 1.0 ลิตร 68 แรงม้า และเกียร์ธรรมดาแบบ 5 สปีด

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : กุญแจรีโมท, เซ็นทรัลล็อค, กระจกไฟฟ้า, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, ล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบ

Nissan March / นิสสัน มาร์ช

2. Nissan March 1.2S MT – 1.2E MT ราคา 420,000 – 480,000 บาท

Nissan March (นิสสัน มาร์ช) จัดเป็น “Eco-Car” รุ่นแรกของไทยที่ผลิตขายอย่างเป็นทางการในปี 2553 มีจุดเด่นที่ขนาดตัวรถเล็ก ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย ขับง่าย มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 79 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : สปอยเลอร์หลัง, ไฟท้าย LED (เฉพาะรุ่น E), กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น E), เครื่องเสียง CD/MP3 พร้อมช่อง AUX/USB (เฉพาะรุ่น E), ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, กุญแจรีโมท (เฉพาะรุ่น E) และล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ (เฉพาะรุ่น E)

Mitsubishi Mirage / มิตซูบิชิ มิราจ

3. Mitsubishi Mirage GLX MT ราคา 474,000 บาท

Mitsubishi Mirage (มิตซูบิชิ มิราจ) อีกหนึ่งรถ Eco-Car จาก มิตซูบิชิ ตัวรถที่ขนาดเล็กน่ารัก ด้วยดีไซน์สปอร์ตรอบคัน มาพร้อมกับออพชั่นใหม่ๆ และอุปกรณ์ความปลอดภัยเพียบ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร เรียกได้ว่าน่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟท้ายแบบ LED, มาตรวัดการขับขี่แบบ High Contrast, จอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์, สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย, สวิตช์ควบคุมการสั่งงานด้วยเสียง และปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย, หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน, รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI และระบบเชื่อมต่อบลูทูธ,ช่องต่ออุปกรณ์ USB และช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์, ระบบป้องกันการลื่นไถล, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ

Mitsubishi Attrage / มิตซูบิชิ แอททราจ

4. Mitsubishi Attrage GLX MT ราคา 494,000 บาท

Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mirage แต่ออกแบบเป็นรถ 4 ประตู ตัวรถดีไซน์สปอร์ต ภายในหรูหรา กว้างขวาง มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กม./ลิตร

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟท้ายแบบ LED, มาตรวัดการขับขี่แบบ High Contrast, จอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์, สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย, สวิตช์ควบคุมการสั่งงานด้วยเสียง และปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย, หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน, รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI และระบบเชื่อมต่อบลูทูธ,ช่องต่ออุปกรณ์ USB และช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์, ระบบป้องกันการลื่นไถล, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ

Suzuki Ciaz / ซูซูกิ เซียส

5. Suzuki Ciaz GL MT ราคา 523,000 บาท

Suzuki Ciaz (ซูซูกิ เซียส) รถยนต์อีโคคาร์ 4 ประตูขนาดเล็ก ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มวัยรุ่น ห้องโดยสารดีไซน์ทันสมัย กว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระมากมาย ขับง่าย หาที่จอดง่าย มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร 86 แรงม้า และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ฮาโลเจน, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า, เครื่องเสียง CD/MP3 พร้อมช่องต่อ USB, กุญแจรีโมท, ที่เปิดฝาท้ายรถแบบไฟฟ้า, ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า และล้อกระทะ 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ

Honda Jazz Thai 2021

6. Honda Jazz S MT ราคา 555,000 บาท

Honda Jazz (ฮอนด้า แจ๊ซ) รถยนต์หนึ่งเดียวของฮอนด้า ที่ยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดาเหลืออยู่ ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มวัยรุ่น ชูจุดเด่นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะนั่งปรับพับได้หลายรูปแบบ เหมาะอย่างยิ่งกับการใข้งานในเมือง ขนของก็ได้ มีออพชั่นแพรวพราว ขับง่าย มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 117 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และยังรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ E85 อีกด้วย ประหยัดน้ำมัน ใช้งานในเมือง ลงตัวสุดๆ

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ : ไฟท้าย LED, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า, กุญแจรีโมท, พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง, เครื่องเสียงวิทยุ, Bluetooth/USB/AUX, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรก ABS/EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพ VSA, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA และล้อกระทะ 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

MR.CARRO หวังว่า 6 อันดับ รถธรรมดาป้ายแดงที่ยังมีผลิตขายอยู่ หากใครอยากได้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดง เกียร์ธรรมดาอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! ก็มาขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ดูได้ เราให้ราคาที่ดีที่สุด รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express

หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครกำลังมองหารถเกียร์ธรรมดามาใช้สักคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถหารถเกียร์ธรรมดา และจองรถออนไลน์ได้ในเวลาเพียง 1 นาที เท่านั้น!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ : ข้อมูลสินค้า 6 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนมกราคม 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง