เช่าซื้อรถคืออะไร มาทำความเข้าใจกัน

ทุกวันนี้ แม้ว่าการซื้อรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์สักคันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากกว่าสมัยก่อนมากๆ แล้ว ไหนจะมีทั้งโปรโมชั่น แคมเปญเด็ดๆ ดาวน์ฟรี ดาวน์น้อย ผ่อนนาน ดอกเบี้ยต่ำ ฯลฯ สารพัดแรงจูงใจให้คนอยากซื้อรถมาใช้ แต่ปัญหาหลักๆ ของคนซื้อเลยที่เป็นกันทุกยุคสมัย นั่นคือ “เงินไม่พอ” ทำให้การ “เช่าซื้อรถ” ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น

ด้วยระบบผ่อนจ่ายที่พัฒนาไปมาในปัจจุบัน การเช่าซื้อรถ สถาบันการเงินจึงมีบริการเช่าซื้อรถทั้งสำหรับรถใหม่และรถใช้แล้ว ซึ่งผู้เช่าซื้อจะต้องจ่ายเงินเป็นงวดๆ ตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่กำหนด และก็ต้องดูแลรถไปตลอดระยะเวลาสัญญา เพราะว่าหากเกิดการชำรุดเสียหาย แต่กรรมสิทธิ์ในรถจะยังไม่เป็นของผู้เช่าซื้อ 100% จนกว่าจะผ่อนจ่ายจนครบตามสัญญา

มาดูกันว่า การเช่าซื้อรถ มีอะไรบ้าง และเอกสารที่ต้องใช้ มีอะไรบ้าง มาอ่านกันเลยจ้า …

เช่าซื้อรถคืออะไร มาทำความเข้าใจกัน

วงเงินเช่าซื้อรถ คือ?

ตามปกติแล้ว วงเงินเช่าซื้อรถ ถ้าคุณจะซื้อรถสักคัน คุณจะต้องวางดาวน์ไว้อยู่ที่ประมาณ 25-40% ของราคารถ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ไฟแนนซ์รถยนต์ หรือสถาบันการเงิน ในเวลานั้นๆ

ซึ่งถ้าเป็นรถใหม่ วงเงินส่วนใหญ่จะได้อยู่ที่ประมาณ 75-80% ของราคารถยนต์ ส่วนที่เหลือผู้ซื้อจะต้องวางเงินดาวน์

แต่ถ้าเป็นรถมือสอง วงเงินขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระยะทาง อายุการใช้งาน และสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยรถมือสอง ปกติจะสูงกว่ารถใหม่

และธนาคาร ไฟแนนซ์รถยนต์ หรือสถาบันการเงิน อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น การจ่ายค่างวดต่อเดือนที่ต่ำพิเศษ แต่จะต้องไปจ่ายเงินอีกหนึ่งก้อน (เงินบอลลูน) ก้อนใหญ่เป็นงวดสุดท้าย ซึ่งในบางที่ คุณยังสามารถตัดสินใจรีไฟแนนซ์ ต่อการผ่อนชำระบอลลูนไปได้อีก

เช่าซื้อรถคืออะไร มาทำความเข้าใจกัน

ต้องมีคนค้ำประกันไหม?

ตามปกติแล้ว หากการวางดาวน์ของคุณน้อยกว่า 20% หรือมีคุณสมบัติทางการเงินไม่เข้าเกณฑ์ที่ไฟแนนซ์ ธนาคาร หรือสถาบันทางการเงินกำหนดไว้ ผู้ขอสินเชื่อรถต้องหาคนค้ำประกัน ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป มีงานการทำเป็นหลักแหล่ง ประวัติการเงินดี เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเมื่อจะขอสินเชื่อรถ (ว่าคุณจะไม่เบี้ยวหนีนั่นเอง เพราะถ้าหนีหนี้ คนค้ำประกันจะต้องเป็นคนจ่ายต่อ)

เช่าซื้อรถคืออะไร มาทำความเข้าใจกัน

ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?

สำหรับเอกสารที่ทางธนาคาร ไฟแนนซ์ หรือสถาบันการเงิน ต้องการเวลาคุณขอเช่าซื้อรถ ประกอบด้วย

1. สำเนาบัตรประชาชน ทั้งผู้ที่ขอสินเชื่อรถยนต์และผู้ค้ำประกัน

2. สำเนาทะเบียนบ้าน เพื่อให้ไฟแนนซ์ทราบที่อยู่ ทั้งผู้ที่ขอสินเชื่อรถยนต์และผู้ค้ำประกัน

3. สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) เพื่อแสดงตัวตนคู่สมรส เพราะมีสิทธิ์ครอบครองรถเช่นกัน และยังมีหน้าที่ร่วมรับผิดชอบค่างวดที่ยังผ่อนจ่ายไม่หมดด้วย ในกรณีที่คู่สมรสที่ขอสินเชื่อ และคู่สมรสของผู้ค้ำประกันไม่สามารถผ่อนจ่ายค่างวดรถต่อได้

4. สมุดบัญชีธนาคาร (สมุด Book Bank) แสดงรายการเดินบัญชีย้อนหลัง ทั้งเงินเข้า-ออก เพื่อประเมินความสามารถของผู้เช่าซื้อรถ

5. หนังสือรับรองเงินเดือน หรือหนังสือรับรองการทำงาน ที่ให้บริษัทหรือต้นสังกัดที่ทำงานอยู่ออกให้ หรืออาจเป็นสลิปเงินเดือนย้อหลัง 3 เดือนขึ้นไป เพื่อแสดงว่ามีรายได้จากการทำงานจริง

6. หนังสือรับรองของบริษัท ในกรณีที่ผู้ขอสินเชื่อเป็นนิติบุคคล

7. หนังสือรับรองกิจการ ในกรณีผู้ขอสินเชื่อเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งต้องเป็นหนังสือรับรองกิจการที่มีอายุไม่เกิน 3 เดือน

โดยหลักๆ แล้ว เอกสารสำหรับขอสินเชื่อรถยนต์ใหม่ หรือสินเชื่อรถยนต์มือสองจะมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ แต่บริษัทที่รับจัดไฟแนนซ์บางแห่งอาจขอเอกสารเพิ่มเติม หรือขอสัมภาษณ์ทั้งผู้ซื้อและผู้ค้ำประกันเป็นการส่วนตัว เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถผ่อนรถยนต์ในแต่ละงวดได้ รวมถึงประเมินภาระและหนี้สินอื่นๆ ในแต่ละเดือน

หลังจากผ่านขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อแล้ว ทางธนาคาร ไฟแนนซ์ หรือสถาบันการเงิน ก็จะจัดการนัดคุณมาโอนรถภายใน 30 วัน หลังจากได้รับเอกสาร บวกกับได้รับเงินตามที่ตกลงกันครบถ้วน

จากนี้ คุณก็ชำระค่างวดไปเท่ากันทุกงวด จนกว่าจะหมดสัญญา

เช่าซื้อรถคืออะไร มาทำความเข้าใจกัน

แล้วถ้าผิดนัดชำระหนี้ล่ะ?

ไม่ว่าคุณจะเช่าซื้อรถมือหนึ่ง หรือรถมือสอง หาก “ผิดนัดชำระหนี้” ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2555 ระบุว่า หากผู้เช่าผิดนัดชำระหนี้ 3 งวดติดต่อกัน และได้รับจดหมายแจ้งจากผู้ให้เช่าว่าผิดนัดชำระหนี้ และทวงถามให้ชำระหนี้ภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้ง ถ้าผู้เช่ายังไม่ไปจ่ายเงินภายใน 30 วันตามที่กำหนด ผู้ให้เช่าสามารถยึดรถได้

ซึ่งหากรถคุณที่โดยยึดไป ทางธนาคาร ไฟแนนซ์ หรือสถาบันการเงิน ก็จะส่งรถคุณได้ยังลานประมูล หรือขายทอดตลาด ซึ่งถ้ารถขายได้เกินมูลค่าหนี้ที่เหลืออยู่ คนเช่าซื้อรถก็จะได้เงินส่วนต่างไป แต่ถ้าขายแล้วได้เงินน้อยกว่าหนี้ที่ยังค้างอยู่ คุณก็จะต้องจ่ายหนี้ที่เหลือทั้งหมด

ทางที่ดี (และถ้าเป็นไปได้) แนะนำว่าให้เก็บสะสมเงินดาวน์ไปเรื่อยๆ เพราะยิ่งมีเงินดาวน์มาก ก็ยิ่งช่วยให้คุณจ่ายดอกเบี้ยน้อยลง และเป็นไทได้ไวขึ้นอีกด้วย

เช่าซื้อรถคืออะไร มาทำความเข้าใจกัน

ถ้าผ่อนรถหมดแล้ว ต้องทำอะไรต่อ?

ถ้าคุณผ่อนรถงวดสุดท้ายจากการเช่าซื้อรถหมดแล้ว ทีนี้รถก็จะเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณโดยสมบูรณ์ ก็ดำเนินการไปโอนรถได้ ซึ่งทางธนาคาร ไฟแนนซ์ หรือสถาบันการเงิน จะเตรียมชุดโอนรถและใบมอบอำนาจไว้ให้พร้อม คุณแค่เอาสำเนาบัตรประชาชนกับสำเนาทะเบียนบ้านไปก็พอ

ทางไฟแนนซ์รถอาจส่งเอกสารทางไปรษณีย์มาให้คุณตามที่อยู่ ในกรณีที่ไม่สะดวกเดินทางมาติดต่อยังไฟแนนซ์รถ หรือถ้าสะดวกในการติดต่อไฟแนนซ์รถ แต่ทางที่ดี ไปติดต่อที่ไฟแนนซ์เลยดีกว่า และก็เตรียมค่าดำเนินการ (ค่าโอนรถ) ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ แต่ส่วนมากจะอยู่ที่ 1,000 – 3,000 บาท

เมื่อขั้นตอนนี้เรียบร้อยแล้ว เล่มทะเบียนรถของคุณสามารถไปรับได้ที่ธนาคาร ไฟแนนซ์ หรือสถาบันการเงิน หรือจะให้จัดส่งทางไปรษณีย์ก็ได้ ภายใน 4-7 วันทำการ แต่ถ้าต่างพื้นที่ หรือพื้นที่ห่างไกลก็ประมาณ 15 -30 วัน เป็นอันว่าจบพิธี

CARRO X Genie ผ่อนสบายๆ เริ่มต้นเพียง 3,XXX บาท 4 ปี ได้เป็นเจ้าของรถง่ายๆ

หากคุณต้องการเช่าซื้อรถยนต์มือสองมาใช้สักคัน สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ แล้ววันนี้กับ “Genie” หรือ บริษัท จีนี่ ฟินเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ CARRO (คาร์โร) มีโปรโมชั่นล่าสุดอย่าง “Genie Easy Owned” (จีนี่ อีซี่ โอน) เป็นเจ้าของรถคันโปรดของคุณได้ง่ายๆ ผ่อนสบายๆ เริ่มต้นเพียง 3,XXX บาท ต่อเดือน!

สมัครง่าย อนุมัติไว พร้อมรับซื้อคืนหลังจากผ่อนครบตามสัญญา 4 ปี* หากคุณต้องการเลือกคันใหม่มาใช้ก็ได้! และสิทธิพิเศษอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • ฟรี ดาวน์
  • ฟรี เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง ตลอด 4 ปี
  • ฟรี ค่าแรง ตลอด 4 ปี
  • อุ่นใจรับประกัน 1 ปี หลังการขาย

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

แนะนำรถ 5 รุ่นเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน

การสำเร็จการศึกษา คือ ก้าวสำคัญสำหรับอนาคต หมายถึงโลกใหม่ เส้นทางใหม่ และความท้าทายใหม่ การมองหารถสักคันสำหรับการใช้งานในฐานะของเด็กจบใหม่วัยทำงานจึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ “รถที่ดีที่สุด” ที่เป็นเหมือนทั้งของขวัญวันสำเร็จการศึกษาและรถคู่ใจสำหรับเริ่มต้นวัยทำงาน รู้ใจเลยอยากแนะนำนักศึกษาจบใหม่ทุกคนในการซื้อรถคันแรก ว่าคันไหนที่จะโฉบเฉี่ยวทันสมัยเหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ชีวิตในเมือง ที่สำคัญต้องราคาสบายกระเป๋า จะซื้อสดก็ได้ จะผ่อนก็ไม่หนักเกินไป มีรุ่นไหนบ้าง ไปดูกันเลย

แนะนำรถ 5 รุ่นเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน

5 รุ่นรถสำหรับ “เด็กจบใหม่วัยทำงาน” ที่อยากซื้อรถคันแรก

ต้องบอกว่าในปัจจุบันนี้มีรถรุ่นใหม่ออกมาให้เลือกมากมาย โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากประเทศจีนที่มีขนาดกะทัดรัด เหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ แต่ตำแหน่งของรถยอดนิยมที่ยังอยู่ในหัวใจนักขับก็แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก จากรถหลายรุ่นจำนวนนับร้อย รู้ใจขอเลือกมาเพียง 5 รุ่นเท่านั้นที่ถูกอกถูกใจสำหรับนักขับรุ่นใหม่ จะมีรถรุ่นไหนเข้ารอบบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อมกันได้เลย

แนะนำรถ 5 รุ่นเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน

1. Suzuki Swift

หนึ่งในดวงใจที่ยังคงติดอันดับรถเล็กสำหรับการใช้งานในเมืองที่มีความทันสมัยที่มาพร้อมกับความคล่องแคล่ว คล่องตัวอยู่เสมอกับ Suzuki Swift ที่มีการปรับปรุงรูปโฉมมาตั้งแต่ครั้งแรกมาสู่รถเก๋งดีไซน์น่ารัก โฉบเฉี่ยวและคงความทันสมัยเอาไว้ได้อย่างลงตัว เรียกว่าถ้าใครเคยรู้จักกับ Suzuki Swift รุ่นแรก คงแทบไม่รู้เลยว่ารถคันนี้เดินทางมาไกลได้ขนาดนี้ ด้วยรูปทรงที่สวยงาม สะดุดตา พร้อมด้วยพลังเครื่องยนต์ที่มีขนาด 1.0 ที่ต้องบอกว่ารถมอเตอร์ไซต์บางรุ่นยังประหยัดน้อยกว่ารถเก๋งดีไซน์น่ารักคันนี้

ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่ออกแบบมาได้กว้างขวางมากกับขนาดเล็กหลอกตา ต้องบอกว่า เป็นความคุ้มค่าคุ้มราคาที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว สำหรับชีวิตในการทำงานที่มีเอกสารมากมาย หรือการพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์กับเพื่อนฝูงที่รู้ใจ Suzuki Swift พร้อมทำหน้าที่เป็นพาหนะที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างลงตัว และที่สำคัญอยู่ในราคาที่เบาและเป็นเจ้าของได้ง่าย ๆ นับจากวันจบการศึกษาเลยก็ว่าได้ โดยราคาในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 557,000 บาทเท่านั้น แถมยังประหยัดน้ำมันอีกด้วย

แนะนำรถ 5 รุ่นเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน

2. Mitsubishi Mirage / Mitsubishi Attrage

อีกหนึ่งค่ายผลิตรถชั้นนำที่ออกแบบรถมาได้อย่างลงตัวสำหรับใครก็ตามที่อาจมองว่ารถในระดับ 1.0 ลิตรนั้นมันเล็กไปสำหรับผู้ชายตัวใหญ่ร่างโต ดังนั้น การมองหารถเก๋งที่มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางขึ้นจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก และหนึ่งในรูปแบบรถที่ตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของคุณคือ Mitsubishi Mirage / Mitsubishi Attrage สองตัวเลือกที่แสนโดนเด่นจากค่าย Mitsubishi ที่คุณต้องร้องว้าวทั้งในรูปทรงและประสิทธิภาพในการใช้งานอย่างแน่นอน

สำหรับรูปลักษณ์ภายนอก เรียกว่าตอบสนองคนรักรถบอดี้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี ทั้งพื้นที่ในห้องโดยสารที่กว้างขวาง ไม่ว่าจะปรับรูปแบบเพื่อการรับเพื่อนไปทำงานด้วยกันหรือวันพักผ่อนยามเลิกงาน หรือพื้นที่สำหรับการใส่เอกสารสำหรับการนำเสนองานต่าง ๆ ที่ใส่ได้ทั้งในพื้นที่โดยสารหรือพื้นที่เก็บของด้านหลังก็สามารถทำได้อย่างลงตัว มาพร้อมขุมพลังระดับ 1.0 ลิตรอีกเช่นกัน แต่ดีไซน์นั้นเหมือนรถหรูในระดับที่เหนือกว่า Mitsubishi Mirage / Mitsubishi Attrage จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกแบบสำหรับการซื้อรถคันแรกสำหรับวัยทำงานของคุณ โดยราคาเปิดตัวของ Mitsubishi Mirage อยู่ที่ 523,000 บาท และMitsubishi Attrage เปิดตัวในราคา 543,000 บาท เท่านั้น

แนะนำรถ 5 รุ่นเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน

3. Nissan March

หนึ่งในดวงใจของผู้รักความเร็ว ความแรง และความแข็งแกร่งของตัวถังรถกับ Nissan March ความน่ารักที่มากับความแข็งแกร่งที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว การออกแบบที่เน้นความโค้งเว้าที่สร้างความน่ารักน่าสนใจ แตกต่างไปจากการออกแบบรถทั่วไป อีกทั้งด้วยเทคโนโลยี Eco car ที่ถูกนำเข้ามาในรถคันนี้กับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ที่มีพลังขับเคลื่อนที่ดีมาก แถมยังประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ เดินทางในเมืองใหญ่ได้แบบสบาย ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องของการเผาผลาญน้ำมันที่สิ้นเปลืองเกินเหตุ

นอกจากนั้น ด้วยดีไซน์ภายในห้องโดยสารที่หรูหรา ทันสมัย เพิ่มเติมฟังก์ชันต่าง ๆ สำหรับการขับขี่และการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าด้วยระบบมัลติมีเดียครบครัน ทำให้รถเล็กรุ่นนี้เป็นยนตรกรรมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพสำหรับการขับรถในเมืองใหญ่ จะรถติดแค่ไหน Nissan March ก็พร้อมเป็นเพื่อนอยู่เคียงข้างสร้างความสนุกสนานให้กับคุณทั้งในวันทำงานอันแสนเร่งรีบ และวันพักผ่อนอันแสนเร้าใจ นี่แหละ รถคู่ใจคนวัยมันส์ในยามเริ่มต้นวัยทำงานในปีแรกกับสนนราคาเบาที่สุดเพียงแค่ 420,000 บาทเท่านั้น โดยรุ่นท็อปสุดของ Nissan March อยู่ที่ 495,000 บาท เท่านั้น

แนะนำรถ 5 รุ่นเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน

4. Toyota Yaris ATIV

สนามการแข่งขันนี้ไม่มีเขาได้อย่างไร กับความโฉบเฉี่ยวทันสมัยกับ Eco car ขนาดเล็กราคาเบา ๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิตในเมืองได้อย่างลงตัวกับ Toyota Yaris ATIV ที่ออกแบบมาเอาใจนักขับอย่างเต็มที่ทั้งในรูปโฉม Hatchback และ Sedan ที่ปรับฟังก์ชันสำหรับการใช้งานได้อย่างเต็มที่ ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบ “ทะลุออกหน้าต่างรถ” ทั้งระบบมัลติมีเดียสำหรับการสร้างความบันเทิงในการเดินทาง พร้อมกับแผ่นกรองอากาศที่สร้างความสดชื่นภายในตัวรถที่เป็นนวัตกรรมการออกแบบที่ใส่ใจในตัวผู้ขับขี่อย่างมาก

ความโดดเด่นคือการออกแบบที่มีหลากหลายเวอร์ชันให้เลือก เรียกกันว่าละลานตากันเลยทีเดียวทั้งในส่วนของรูปโฉมทั่วไป ที่สามารถประยุกต์เข้ากับรูปแบบไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว ทั้งในเรื่องของการทำงานและการพักผ่อน Toyota Yaris ATIV เตรียมทุกสิ่งเอาไว้แบบจัดเต็มเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการใช้รถให้ลงตัวที่สุด และมาพร้อมกับระบบการขับเคลื่อนที่สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของเงินทุนที่มีตั้งแต่ Sport ราคา 609,000 บาท หรือ Play Limited Edition Sport ราคา 634,000 บาท เรียกได้ว่าจะเป็นรูปโฉมไหน Toyota Yaris ATIV ก็จัดให้แบบเต็มๆ

แนะนำรถ 5 รุ่นเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน

5. Honda City

อีกหนึ่งยนตรกรรมชั้นเลิศที่ไม่อาจมองข้ามได้กับค่ายการออกแบบและผลิตรถระดับโลกอย่าง Honda ที่ขอส่ง Honda City RS เข้าประกวด ขวัญใจรถสำหรับการใช้ชีวิตในเมืองสำหรับเด็กจบใหม่และเริ่มต้นวัยทำงานเป็นปีแรก ด้วยราคาเบา ๆ สบายกระเป๋าและมีรูปแบบดีไซน์ให้เลือกทั้งแบบ Sedan และ Hatchback มาพร้อมกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์รูปแบบใหม่แบบ e:HEV ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าร่วม ทำให้ Honda City ประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ได้มาก

นอกจากนั้นด้วยดีไซน์ของห้องโดยสารที่ออกแบบมาได้อย่างกว้างขวางและยังเข้ากับดีไซน์ตัวรถที่เลิศหรู จึงเป็นรถที่มีขนาดเกือบเทียบเท่ารถขนาดกลาง แต่มีประสิทธิภาพที่ล้นเกินราคา ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเอกสาร อุปกรณ์สำหรับการทำงานก็สามารถทำได้อย่างลงตัว หรือจะปรับเปลี่ยนรูปโฉมเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจกับเพื่อนฝูงก็สามารถทำได้ในทันที นับได้ว่าเป็นรถเก๋งอเนกประสงค์ที่พร้อมในเรื่องการใช้งานอย่างเต็มที่ สนนราคาเพียงแค่ 579,500 บาท สำหรับรุ่น Sedan และ 599,000 บาท สำหรับรุ่น Hatchback

ไม่ว่าเด็กจบใหม่หรือคนวัยทำงาน ต้องไม่ลืมมีประกันรถยนต์

น่าจะตอบโจทย์ความต้องการของการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่กับรถทั้ง 5 รุ่นใหม่สำหรับใครที่กำลังเริ่มต้นวัยทำงาน เลือกรถที่ถูกใจได้แล้ว อย่าลืมเลือกประกันรถยนต์ที่คุ้มค่าสำหรับการคุ้มครองรถและตัวคุณเองแบบเต็มประสิทธิภาพ ที่รู้ใจ ประกันออนไลน์ เรามีประกันรถยนต์หลากหลายรูปแบบที่พร้อมตอบสนองความต้องการได้อย่างลงตัว มองหาประกันรถยนต์ที่ใช่ไปกับเรา เพราะเรารู้ใจกว่า ประหยัดกว่า เราทำให้ประกันรถยนต์เป็นเรื่องง่าย ไม่ซับซ้อน และเชื่อถือได้ ให้เราได้ดูแลรถคันใหม่ของคุณกับการเริ่มต้นวัยทำงานด้วยความอุ่นใจไปในทุกเส้นทาง คลิกเช็คราคาและปรับแต่งแผนของคุณได้เลย

สามารถติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ๆ จากรู้ใจได้ที่ FB fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เลย

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

ในยุคปัจจุบัน เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า “รถยนต์ไฟฟ้า” หรือ Electric Vehicle (รถ EV) มีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในวงการยานยนต์โลก และวงการยานยนต์ไทย ด้วยยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง และช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น

การเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า สร้างการเปลี่ยนแปลงทางความคิดอย่างมากจากผู้ใช้รถยนต์ในบ้านเรา ทำให้เกิดกระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น จากที่เคยเป็นรถมีราคาแพงมาก ก็เริ่มได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และภาคเอกชน ทั้งในด้านภาษี หรือเรื่องจุดชาร์จไฟ และการดูแลรักษา หลายคนจึงไม่ลังเล ที่จะลองซื้อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ มาใช้งานดูบ้าง ทั้งหมดนี้ราคาไม่เกินล้าน!

อ่านเพิ่มเติม >> รวมจุดชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า ในกรุงเทพฯ และทั่วไทย มีจุดไหนใกล้คุณ ประจำปี 2565

ส่วนถ้าใครกำลังอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปถอยรถยนต์ไฟฟ้ามาลองใช้ดูบ้าง ต้อนรับปี 2022 ลองมาขายกับ Carro Express ดูสิ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

Mr.Carro ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกสุด ประจำปี 2022 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

1. iMIO SUV ราคา 249,000 บาท

iMIO SUV (ไอมีโอ้ เอสยูวี) เป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% พวงมาลัยขวา หน้าตาดุดัน สามารถจดทะเบียน ต่อภาษีได้เหมือนรถยนต์ทั่วไป มาในราคา 249,000 บาท (ราคายังไม่รวมจดทะเบียน)

ตัวรถเล็กกะทัดรัด ไฟหน้าแบบ LED มีการ์ดหน้า-หลัง มีไฟสปอตไลท์และแร็คหลังคา และชุดยางอะไหล่ท้าย ส่วนภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำ ตัดสีเงิน มาตรวัดแบบดิจิตอล ระบบเกียร์แบบปุ่มหมุน

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 4000 วัตต์ พร้อมแบตเตอรี่ 12V 100 แอมป์ ขนาด 5 ลูก ให้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ที่ 100 กิโลเมตร (ปิดแอร์) และ 75 กิโลเมตร (เปิดแอร์) ใช้เวลาชาร์จต่อครั้งประมาณ 6-8 ชั่วโมง และทำความเร็วได้สูงสุด 65 กม./ชม.

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
ขนาด 4,000 วัตต์ แบบ 12V 100 แอมป์ ขนาด 5 ลูก 75 – 100 กิโลเมตร

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

2. iMIO M2 ราคา 279,000 บาท

iMIO M2 (ไอมีโอ้ เอ็ม2) เป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% พวงมาลัยขวา รูปทรงกะทัดรัด น่ารัก วิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 100 กิโลเมตรเลยทีเดียว และยังสามารถจดทะเบียนรถ ต่อภาษีได้เหมือนรถยนต์ทั่วไป มาในราคา 279,000 บาท (ราคายังไม่รวมจดทะเบียน)

ตัวรถแบบรถ Hatchback แต่ข้อด้อยอยู่ที่ตรงที่ด้านท้ายเปิดได้แค่กระจก ฝาท้ายเปิดไม่ได้ ตัวชุดไฟท้ายลวดลายธงชาติอังกฤษ พร้อมติดกล้องมองหลังมาให้ ภายในเป็นแบบสีดำ ตกแต่งด้วยสีเงิน ตกแต่งด้วยไฟ Ambient Light มาพร้อมพวงมาลัยหุ้มหนัง เรือนไมล์แบบดิจิตอล และเกียร์แบบลูกบิด

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5000 วัตต์ พร้อมแบตเตอรี่ 12V 100 แอมป์ ขนาด 6 ลูก วางใต้เบาะหน้า 5 ลูก และเบาะหลัง 1 ลูก ให้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ที่ 100 กิโลเมตร (ปิดแอร์) และ 75 กิโลเมตร (เปิดแอร์) ใช้เวลาชาร์จต่อครั้งประมาณ 6-8 ชั่วโมง และทำความเร็วได้สูงสุด 75-80 กม./ชม.

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
ขนาด 5,000 วัตต์ แบบ 12V 100 แอมป์ ขนาด 6 ลูก 75 – 100 กิโลเมตร

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

3. iMIO G1 ราคา 289,000 บาท

iMIO G1 (ไอมีโอ้ จี1) เป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% พวงมาลัยขวา รูปทรงบึกบึน คล้ายกับรถ SUV รุ่นหนึ่งของยุโรป วิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 100 กิโลเมตร และยังสามารถจดทะเบียน ต่อภาษีได้เหมือนรถยนต์ทั่วไป มาในราคา 289,000 บาท (ราคายังไม่รวมจดทะเบียน)

รุ่นนี้ประตูบานท้ายเปิดได้ มียางอะไหล่ด้านท้าย พร้อมกล้องมองหลัง ภายในตกแต่งสีเงิน มาพร้อมชุดมาตรวัดแบบดิจิตอล และเกียร์แบบปุ่มหมุน

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5000 วัตต์ พร้อมแบตเตอรี่ 12V 100 แอมป์ ขนาด 6 ลูก ให้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ที่ 50 – 60 กิโลเมตร (เปิดแอร์) และ 75-100 กิโลเมตร (ปิดแอร์) ใช้เวลาชาร์จประมาณ 6-8 ชั่วโมง และทำความเร็วได้สูงสุด 65-70 กม./ชม.

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
ขนาด 5,000 วัตต์ แบบ 12V 100 แอมป์ ขนาด 6 ลูก 50 – 100 กิโลเมตร

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

4. Takano TTE500 ราคาหลังรับเงินอุดหนุน 420,000 บาท (ราคาเดิม 499,000 บาท)

Takano (ทากาโน่) TTE500 นับว่าเป็นรถกระบะไฟฟ้าขนาดจิ๋วรุ่นเดียวในไทย จากบริษัทผลิตรถอดีตคนในวงการแข่งรถชาวญี่ปุ่น Takashi Kobayashi (ทากาชิ โคบายาชิ) พาคุณไปได้ทุกที่ ประหยัดด้วยค่าไฟ 1 บาท/กิโลเมตร สามารถรับน้ำหนักในการบรรทุกได้มากถึง 300 กิโลกรัม ผลิตในไทย และจดทะเบียนได้

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5 กิโลวัตต์ พร้อมแบตเตอรี่ 12V 125 แอมป์ ขนาด 6 ลูก ใต้พื้นกระบะหลัง และเครื่องยนต์เบนซินขนาดจิ๋วช่วยปั่นไฟฟ้าให้แบตเตอรี่ ให้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ที่ 100-120 กิโลเมตร ใช้เวลาชาร์จประมาณ 6 ชั่วโมง และทำความเร็วได้สูงสุด 60 กม./ชม.

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบกระแสตรง 6.7 แรงม้า แบบ 12V 125 Amp X 6 ความจุ 11 kWh 72 – 80 V 100 – 120 กิโลเมตร

Pocco Duoduo รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ล่าสุด เริ่มต้น 389,000 บาท เปิดตัวใน Motor Expo 2021

5. Pocco Duoduo ราคา 429,000 บาท

Pocco Duoduo (ป๊อคโค่ ตั่วตั่ว) หรือ 朋克多多 เป็นรถภายใต้แบรนด์ 朋克 (เผิงเค่อ) มาจากภาษาอังกฤษคำว่า Punk (พังก์) เป็นรถพลังงานไฟฟ้าแบบ Tall Boy 4 ประตู (ดูคล้ายกับรถ K-Car ของญี่ปุ่น) นั่งได้ 4-5 ที่นั่ง ผสมผสานการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ จุดชาร์จไฟอยู่บริเวณด้านหน้ารถ โดยใช้สีทูโทนเพื่อให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพิ่งเปิดตัวไปในจีนเมื่อเดือนมิถุนายน 2021 สนนราคารุ่น L ปรับราคามาอยู่ที่ 429,000 บาท! (รุ่นแบตเตอรี่ 10.3 kWh) และรุ่น K ราคา 479,000 บาท (รุ่นแบตเตอรี่ 14.5 kWh)

มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 29 กิโลวัตต์ (39 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนฟอสเฟต มีขนาด 10.3 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 128 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (ไฟบ้าน 0-100%) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

และยังมีแบตเตอรี่ขนาด 14.5 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) ที่เพิ่มระยะทางขึ้นเป็น 178 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จ (ไฟบ้าน 0-100%) หนึ่งครั้ง ให้เลือก ทำความเร็วได้สูงสุด 100 กม./ชม.

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบ Permanent Magnet Motor 39 แรงม้า 110 นิวตัน-เมตร แบบ Lithium-Ion ความจุ 10.3 หรือ 14.5 kWh 128 – 178 กิโลเมตร

รู้จัก Pocco Meimei รถยนต์ไฟฟ้าคันจิ๋ว ในราคา 399,000 – 469,000 บาท เปิดตัวในงาน Motor Expo 2021 เช่นกัน!

6. Pocco Meimei ราคา 439,000 บาท

Pocco Meimei Mini EV (ป๊อคโค่ เม่ยเม่ย) หรือ 朋克美美 เป็นรถพลังงานไฟฟ้าแบบ 3 ประตู 4 ที่นั่ง ขนาดเล็ก ที่เปิดตัวในจีนตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา สามารถขับขี่ในเมืองได้อย่างสะดวก กับนวัตกรรมสุดล้ำ ยิ่งทวีคูณความน่ารัก น่าเลิฟ ถูกใจคุณผู้หญิงอย่างแน่นอน สนนราคารุ่น L เริ่มต้นที่ 439,000 บาท! (รุ่นแบตเตอรี่ 10.3 kWh) และรุ่น K ราคา 499,000 บาท (รุ่นแบตเตอรี่ 14.5 kWh)

มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 20 กิโลวัตต์ (27 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร และกำลังสูงสุด 29 กิโลวัตต์ (39 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 105 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนฟอสเฟต มีขนาด 9.2 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 116 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (ไฟบ้าน 0-100%) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

และยังมีแบตเตอรี่ขนาด 14 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) ที่เพิ่มระยะทางขึ้นเป็น 170 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จ (ไฟบ้าน 0-100%) หนึ่งครั้ง ให้เลือก ทำความเร็วได้สูงสุด 100 กม./ชม.

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบ Permanent Magnet Motor 27 แรงม้า 100 นิวตัน-เมตร แบบ Lithium-Ion ความจุ 10.3 หรือ 14.5 kWh 116 – 170 กิโลเมตร

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

7. Wuling Hongguang MINI EV ราคา 475,000 บาท

Wuling Hongguang MINI EV (วู่หลิง ฮงกวง มินิ อีวี) หรือ 五菱宏光 ในภาษาจีน จัดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Microcar ยอดนิยมของวัยรุ่นจีน เริ่มจำหน่ายในจีนเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมา ปัจจุบันสามารถทำยอดขายถึงเดือนกันยายน 2021 มากกว่า 400,000 คัน! รวมทั้งส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย

และในบ้านเราก็มีผู้จำหน่ายอิสระนำเข้ามาจำหน่ายหลายเจ้าด้วยกัน เป็นแบบรถพวงมาลัยซ้ายเท่านั้น ซึ่งเจ้าที่เสนอราคาถูกที่สุดในเวลานี้ ราคา 475,000 บาท (ราคารวมภาษีแล้ว)

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 27 แรงม้า ส่งกำลังไปยังล้อคู่หลัง ใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลิเมอร์มีขนาด 9.3 kWh (กินเวลาชาร์จ 6.5 ชั่วโมง) สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และยังมีแบตเตอรี่ขนาด 13.9 kWh (กินเวลาชาร์จ 9 ชั่วโมง) ที่เพิ่มระยะทางขึ้นเป็น 170 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ให้เลือก

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบ Permanent Magnet Motor 27 แรงม้า 85 นิวตัน-เมตร แบบ Lithium-Ion Polymer ความจุ 9.3 หรือ 13.9 kWh 120 – 170 กิโลเมตร

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

8. Fomm ONE ราคา 499,900 บาท

FOMM One (ฟอมม์ วัน) เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 4 ที่นั่ง ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในยานยนต์ไฟฟ้าที่ผ่านมาตรฐานรถยนต์ขนาดเล็ก L7e จากยุโรป เหมาะสำหรับใช้งานในเมืองมาก พร้อมจดทะเบียนได้

การออกแบบเน้นประโยชน์การใช้สอยและความน่ารักสวยงาม ส่วนภายในห้องโดยสาร ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกง่ายๆ แต่คล่องแคล่วปราดเปรียว โดยมีคันเร่งติดอยู่ที่พวงมาลัย เพื่อช่วยลดความผิดพลาดขณะการเบรกรถฉุกเฉิน

แถมยังมีระบบป้องกันน้ำเข้าภายในห้องโดยสาร สามารถลอยตัวในน้ำได้ เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมสูงเกิน 70 ซม. (หมายเหตุ: FOMM One ไม่ใช่ยานยนต์สะเทินน้ำสะเทินบก) ซึ่งการออกแบบให้สามารถลอยตัวในน้ำได้นั้น เพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้

ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ In-wheel ขนาด 5 kW จำนวน 2 ตัว ให้แรงบิดรวมสูงสุด 560 นิวตัน-เมตร สามารถชาร์จไฟจนเต็ม (0-100%) ในเวลา 6 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางมากถึง 160 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTC) สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 80 กม./ชม. เลยทีเดียว และยังมีน้ำหนักตัวรถที่เบาเพียง 445 กิโลกรัม (ไม่รวมแบตเตอรี่)

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบ In-Wheel 5 กิโลวัตต์ X 2 (13.4 แรงม้า) 280 นิวตัน-เมตร X 2 แบบ Lithium-Manganese ความจุ 2.96 kWh 160 กิโลเมตร

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

9. MG EP ราคา 761,000 บาท (ได้ส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ 227,000 บาท)

MG EP (เอ็มจี อีพี) รถยนต์ในรูปแบบ Station Wagon ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย ที่มาพร้อมแนวคิด EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน” 

ประกอบด้วยองค์ประกอบพื้นฐาน ได้แก่ ขนาดของห้องโดยสารและพื้นที่ใช้สอย ที่กว้างขวางรองรับการบรรทุกทั้งคนและสิ่งของ โดดเด่นด้วยสมรรถนะของ EV เทคโนโลยีที่ให้กำลังเพียงพอต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครัน นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งหน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay

และสมรรถนะจาก EV เทคโนโลยี (EV Technology) ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุด 163 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 8.8 วินาที พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 รูปแบบ คือ Eco, Normal และ Sport รวมทั้งมีระบบชาร์จไฟกลับเมื่อชะลอความเร็ว หรือ KERS Mode รวม 3 ระดับ

สำหรับแบตเตอรี่ของ NEW MG EP เป็นลิเธียมไอออนแบบโมดูล ที่สามารถแยกซ่อมแต่ละโมดูลได้อิสระ โดยมีขนาดความจุถึง 50.3 kWh ให้ระยะทางในการขับขี่ได้ไกลถึง 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้ 2 รูปแบบ คือ การชาร์จในรูปแบบ Normal Charge จาก 0-100% ผ่าน MG Home Charger ที่ใช้เวลา 7.15 ชั่วโมง และรูปแบบ Quick Charge จาก 0-80% ผ่านสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบเร็ว ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียง 40 นาที

ราคาของ MG EP มีดังนี้จ้า

  • Wagon ราคา 761,000 บาท (ได้ส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ 227,000 บาท)
  • Plus ราคา 771,000 บาท (ได้ส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ 227,000 บาท)

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor 163 แรงม้า 260 นิวตัน-เมตร แบบ Lithium-Ion ความจุ 50.3 kWh 380 กิโลเมตร

ORA Good Cat 2022

10. ORA Good Cat ราคาหลังรับเงินอุดหนุน 763,000 บาท (ราคาเดิม 828,500 บาท)

Great Wall Motor (เกรท วอลล์ มอเตอร์) ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้โลกรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) กับ ORA Good Cat (โอร่า กู๊ดแคท) (หรือชื่อในภาษาจีน 好猫”) เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2020 และ ORA Good Cat ก็มาเผยโฉมในไทยเมื่อต้นปีนี้ พร้อมกับความโดดเด่น น่ารักด้วยรูปลักษณ์โค้งมนในสไตล์ Retro Futuristic แสดงถึงการดีไซน์แบบคลาสสิค ซึ่งออกแบบโดย Emanuel Derta อดีตนักออกแบบจาก Porsche ผสานเทคโนโลยีการขับขี่ใหม่ล่าสุด

ORA Good Cat ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ (143 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 152 กม./ชม. ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์ ORA-Goddess Easy Drive พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ

การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (30%–>80%) ใช้เวลาประมาณ ≈32 นาที และ 40 นาที (ในรุ่น 500 Ultra), ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0%–>80%) ใช้เวลาประมาณ ≈45 นาที และ ≈60 นาที (ในรุ่น 500 Ultra) กับการชาร์จไฟบ้านแบบ AC ใช้เวลาประมาณ ≈8 ชั่วโมง และ ≈10 ชั่วโมง (ในรุ่น 500 Ultra)

ราคาของ ORA Good Cat มีดังนี้จ้า

  • 400KM Tech ราคาหลังรับเงินอุดหนุน 828,500 บาท (ราคาเดิม 989,000 บาท)
  • 400KM Pro ราคาหลังรับเงินอุดหนุน 898,500 บาท (ราคาเดิม 1,059,000 บาท)
  • 500KM Ultra ราคาหลังรับเงินอุดหนุน 1,038,500 บาท (ราคาเดิม 1,199,000 บาท)
มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor 143 แรงม้า 210 นิวตัน-เมตร แบบ Lithium-Ion ความจุ 47.788 kWh และ 63.139 kWh 400 – 500 กิโลเมตร

BYD-T3

อันนี้แถมให้ … BYD T3 ราคา 999,000 บาท

BYD T3 (บีวายดี ที3) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นบนพื้นฐาน Nissan B Platform (หรือ Nissan NV200) เป็นรถตู้ทึบ ใช้งานในเชิงพาณิชย์ โดยมาพร้อมกับตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ Siam ATR ซึ่งเป็นบริษัทลูกของสยามกลการ

และยังมีแยกออกเป็นรุ่น M3 แบบรถอเนกประสงค์ 5 ที่นั่งให้เลือก ในราคา 1,059,000 บาท และรุ่น 7 ที่นั่ง ในราคา 1,089,000 บาท สามารถรองรับสัมภาระได้มากถึง 1,800 ลิตร (ในรุ่น 5 ที่นั่ง) และ 3,800 ลิตร (ในรุ่น 2 ที่นั่ง รถตู้ทึบ)

มาพร้อมด้วยระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ด้วยมอเตอร์ 70 kWh พร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาด 50 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทาง 300 กม. (คำนวณจากที่รวมน้ำหนักบรรทุก 700 กก. หรือเทียบเท่ามีผู้โดยสาร 7 คน) อัตราการสิ้นเปลือง 1 kWh : 6 กม. เทียบเท่ากับ กม.ละ เพียง 0.833 บาท ซึ่งประหยัดกว่าค่าน้ำมันเชื้อเพลิงถึง 3 เท่า

ระยะเวลาในการชาร์จแบบ DC จะใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 1.30 ชั่วโมง และชาร์จด้วยไฟ AC จะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบ AC Permanent Magnet Synchronous Motor 94 แรงม้า 180 นิวตัน-เมตร แบบ NCM ความจุ 50 kWh กำลังไฟ DC 40 kW / AC 6.6 kW 300 กิโลเมตร

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

Mr.Carro หวังว่า 10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกสุดในไทยที่นำมาเสนอนั้น หากใครอยากได้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถคันเดิมของคุณกับทาง Carro สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

หมายเหตุ : ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนเมษายน 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

5 เทคนิคล้างแป้งออกจากรถ หลังสงกรานต์

ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่า “สวัสดี” ในช่วงหยุดยาวของเทศกาลสงกรานต์ 2565 นะครับ อาทิตย์นี้หลายคนคงสนุกสนานกับการท่องเที่ยวต่างจังหวัด ไปเล่นน้ำสงกรานต์ (ท่ามกลางโควิด-19 ที่ยังตามไปเที่ยวด้วยทั่วประเทศ และทั่วโลก) หลายคนพาญาติพี่น้องไปไหว้พระทำบุญ ไปทานอาหาร เที่ยวภูเขา เที่ยวทะเลกันมา แล้วก็กลับมาลุยงานกันต่อในอาทิตย์หน้านี้

ก็อย่างว่าล่ะครับ รถยนต์ที่ใช้ขับไปไหนต่อไหนมาไหนช่วงสงกรานต์ ก็อาจจะมีเลอะเทอะจากคราบน้ำ คราบแป้ง และดินสอพอง ในบางจุดที่มีคนเล่นสาดน้ำกันบ้าง

แต่เมื่อคุณต้องการทำความสะอาดรถ ให้กลับมาเงางามดังเดิม มาดูกันว่าต้องทำอย่างไรกันบ้าง?

ภาพจาก Mensnonno

1. ทำได้ ทำทันที

ถ้าคุณว่างจากภารกิจต่างๆ เมื่อไหร่ และรถของคุณก็ยังเลอะคราบแป้งอยู่อย่างนั้น เราขอแนะนำให้คุณล้างรถทันที เพราะว่าคราบน้ำ คราบแป้ง คราบหินปูน เมื่อแห้งแล้วจะเป็นคราบฝังลึกติดกับสีรถ กระจกรถ หรือเกาะจนเป็นคราบหินปูน เพราะความด่างของแป้งดินสอพอง ขัดเท่าไหร่ก็ขัดไม่ออก

5 เทคนิคล้างแป้งออกจากรถ หลังสงกรานต์

ภาพจาก Mensnonno

2. ผ้าเช็ดรถ

ผ้าเช็ดรถ … ทางที่ดี ไม่ควรใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดรถ เพื่อสีของรถที่เงางาม และไม่เป็นรอยขนแมวตามตัวถังรถ ควรเลือกผ้าดีๆ หน่อย เช่น ผ้าชามัวร์ หรือผ้าไมโครไฟเบอร์ สำหรับเช็ดรถ ซึ่งผ้าชามัวร์มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำได้เป็นอย่างดี และผ้าไมโครไฟเบอร์ มีเส้นใยที่สามารถดูดซึมฝุ่นละอองและคราบน้ำ ได้ดีกว่าผ้าชนิดอื่นๆ

5 เทคนิคล้างแป้งออกจากรถ หลังสงกรานต์

3. แชมพูล้างรถ

แชมพูล้างรถ จะช่วยให้คุณล้างรถได้อย่างเบาแรงมากขึ้น ในการชะล้างสิ่งสกปรกออกจากตัวรถ ยิ่งแชมพูบางประเภทซึ่งมีผสม Wax เข้าไปด้วย ก็จะประหยัดเวลาเคลือบเงาสีรถไปได้ในตัว

5 เทคนิคล้างแป้งออกจากรถ หลังสงกรานต์

4. ยาขัดรถ

ยาขัดรถที่ดี ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้สีของรถ ดูเงางามมากขึ้น ใช้ยาขัดสีรถ ป้องกันคราบ และทำความสะอาดผิวแลคเกอร์ เพื่อให้รถดูเงางามสะอาดขึ้น ซึ่งก็มีขายกันตั้งแต่กระป๋องละหลักร้อย ไปจนถึงหลายพันบาท ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของยาขัดรถนั้นๆ พร้อมอาจจะใช้ดินน้ำมันขัดสีรถร่วมด้วยก็ได้

5 เทคนิคล้างแป้งออกจากรถ หลังสงกรานต์

5. น้ำส้มสายชู

น้ำส้มสายชู บางคนอาจจะงงว่า เอามาใช้ทำอะไร? น้ำส้มสายชู ไว้ใช้ในกรณีที่คุณล้างรถแล้ว ยังมีคราบแป้งและคราบดินสอพองหลงเหลืออยู่ ให้ลองใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำ ชุบผ้าแล้วค่อยๆ เช็ดตรงจุดที่ยังมีคราบอยู่ หากคราบจางหรือหายไปแล้วก็ต้องน้ำสะอาดล้างตรงจุดนั้นอีกครั้ง เพราะน้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ หากทิ้งไว้นานจะกัดสีรถได้

แต่ถ้าหากคุณไม่มีเวลาจริงๆ ก็ขับรถเข้าคาร์แคร์ ล้างรถ ขัด-เคลือบสี ไปเลยก็ได้ ค่าใช้จ่ายก็จะเริ่มตั้งแต่หลักร้อย ถึงหลายพันบาท แต่ถ้าคุณอยากประหยัดเงินส่วนนี้ ก็ลองทำตาม 5 วิธี ล้างคราบแป้งติดรถ หลังสงกรานต์ ดูนะครับผม …

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ช่วงหลังสงกรานต์ 2565 มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! อย่าลืม ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้อง CARRO Automall

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

รู้หรือไม่ ยางที่ไม่ต้องเติมลมก็วิ่งได้!!

สวัสดีครับ ไทร์บิดกลับมาอีกครั้งครับ กับบทความดีดีเกี่ยวกับเรื่องยางรถยนต์ เมื่อเราพูดถึงวิวัฒนาการของยางรถยนต์จะเห็นว่ามีการพัฒนาเพื่อให้ยางมีความปลอดภัยที่ดีขึ้น มีสมรรถนะในการขับขี่ และ มีความคงทนเพิ่มขึ้น มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ยางตันที่ทำมาจากตั้งแต่หนังสัตว์ จนมาเป็นยางพารา ยางเคมี มาประกอบกันเป็นยางผ้าใบที่ต้องใช้ยางใน ยางเรเดียลที่ต้องใช้ยางใน จนมาถึงปัจจุบันยางเรเดียลที่ไม่ต้องใช้ยางใน (ยางที่เพื่อนๆ ใส่ปัจจุบันนั่นและครับ ยางเรเดียล = เป็นโครงยางที่ผลิตจากเส้นลวดเป็นส่วนประกอบ)

รู้หรือไม่ ยางที่ไม่ต้องเติมลมก็วิ่งได้!!

ซึ่งในแต่ละช่วงเวลาก็มีการพัฒนาและนำเทคโนโลยีเข้ามาเรื่อยๆจนทำให้ผมคิดว่าจะทำยังไงให้เกิดความปลอดภัยที่สูงมากยิ่งขึ้น ปัจจัยหลักๆที่ทำให้ยางใช้ไม่ได้ก็คือลมยางครับ ปัจจุบันเราอาจจะมีใช้กันเรียกว่ายางรันแฟลต แต่ก็ต้องบอกว่าก็ยังมีข้อจำกัดอยู่เช่นกันเพราะยางรันแฟลตใช้ได้ในระยะสั้น กรณียางไม่มีลมเพื่อความปลอดภัยกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่ถ้าเพื่อนๆเห็นบนเฟสบุค จะเห็นว่ามีนวัตกรรมใหม่ยางที่ไม่ใช้ลมเลย โดย เท่าที่ไทร์บิดเห็น จะมีสองยี่ห้อก็คือ Goodyear กับ Michelin ที่ซึ่งยางรุ่นนี้ออกแบบมา ณ ปัจจุบัน ใช้กับกระสวยอวกาศที่ไว้ใช้บนดวงจันทร์ครับผม จะเป็นยางที่ไม่ต้องใช้ลมเลย ครับ ซึ่งถึงแม้ว่าคุณจะใช้งานโดนตะปูตำ หรือ เกิดเหตุกระแทก ก็ไม่ส่งผลต่อการใช้งานของยางเลยครับ ฟังแล้วว้าวมากเลยใช่ไหมครับ

เพื่อนๆลองคิดดูสิครับถ้าต่อไปมีออกมาวางขายกับรถธรรมดาจริงๆ จะช่วยลดต้นทุนค่ายางเสียหาย ช่วยลดปริมาณขยะได้มากเพียงไหนแถมยังช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วยครับ หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ที่เพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมมันจะดีแค่ไหนใช่ไหมครับ เพราะเราทุกคนรู้ว่า รถเป็นปัจจัยที่ 5 ไปแล้วในปัจจุบันสำหรับการเดินทางไปในที่ต่างๆไม่ว่าคุณจะใช้รถสาธารณะ หรือ รถส่วนตัวก็ยังต้องใช้ยางอยู่ดีครับ

รู้หรือไม่ ยางที่ไม่ต้องเติมลมก็วิ่งได้!!

ถ้าเพื่อนๆ สังเกตดูเพื่อนๆ จะเห็นว่าแบรนด์ที่มีการพัฒนา และ เทคโนโลยีล้ำสมัยมากกว่ายี่ห้ออื่นๆนั่นก็จะมีไม่กี่แบรนด์หรอกครับ ถ้ามีก็จะมี Michelin, Bridgestone, Goodyear, Bridgestone และก็มียี่ห้ออื่นอีกบ้างครับ ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่ไทร์บิดอยากจะพูดถึง ถึงความแตกต่างของยางในแต่ละยี่ห้อครับ เพื่อนๆอาจจะบอกว่าแบรนด์ที่ผมพูดถึงดูราคาแพงมากกว่าหลายๆยี่ห้อที่มีราคาถูก แต่ เพื่อนๆ รู้ไหมครับว่ายางที่มีราคาสูงนั้น มีส่วนประกอบไปด้วยของเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ดีกว่า มีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีมากกว่า เพราะในแต่ละแบรนด์ที่กล่าวมา มี R&D (Research and Development) ที่ดีมากมีบุคลากรที่พร้อมเพราะบริษัทยางมีการลงทุนในเรื่องนี้อย่างมากครับ

รู้หรือไม่ ยางที่ไม่ต้องเติมลมก็วิ่งได้!!

ซึ่งบางแบรนด์มีการลงทุนในส่วนนี้หลายเปอร์เซ็นต์ของราคายางเลยละครับ โดยรายละเอียด มีตั้งแต่การออกแบบลายดอกยาง การใช้ส่วนผสมที่พัฒนาขึ้นมากกว่าเดิม การพัฒนาโครงสร้างให้มีความแข็งแรงพร้อมกับความนุ่มเงียบไปควบคู่กัน หรือไม่ว่าจะเป็นอายุการใช้งานของยางที่ทำให้ยาวนานเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งบางอย่างเป็นส่วนที่ตรงกันข้ามกันแต่เทคโนโลยีนั่นทำให้สองส่วนที่ไปทิศทางตรงกันข้ามกันทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้ครับ ซึ่งทางไทร์บิดคิดว่าเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีมากเพราะทำให้พวกเรานั้นมีของใช้ที่ดียิ่งขึ้นต่อๆไป ซึ่งไทร์บิดเราก็จะพยายามคัดสรรหายางที่มีคุณภาพ มาตรฐาน มีเทคโนโลยีที่ทำให้เพื่อนๆ ในทุกครั้งที่เปลี่ยนยางได้รับความปลอดภัยในการขับขี่ที่ดีมากขึ้นครับ

แต่ไทร์บิดก็ต้องบอกว่ายางราคาถูกไม่ใช่ว่าจะไม่ดีนะครับเพราะเดี๋ยวนี้แบรนด์ยางราคาถูกก็เริ่มพัฒนาในส่วนนี้เพิ่มมากยิ่งขึ้นในด้านของเทคโนโลยีนะครับ ซึ่งเท่าที่ไทร์บิดเห็นก็เป็นเรื่องของเครื่องจักรที่ปัจจุบันแบรนด์ขนาดเล็กมีเครื่องมือที่ทันสมัยเทียบเท่ากับแบรนด์ใหญ่แล้วครับ แต่เพียงว่า อาจจะใส่เทคโนโลยีใหม่ที่น้อยกว่า หรือ ตามหลังแบรนด์ชั้นนำเท่านั้นเองครับ ส่งผลให้ต้องจัดโปรโมชั่นยางรถที่แรงกว่า และทำราคาได้ย่อมลงมาเพื่อทดแทนเข้าถึงกลุ่มลูกค้านั่นเองครับ ซึ่งเพื่อนๆก็มั่นใจได้เลยครับว่ายางทุกยี่ห้อที่ทาง ไทร์บิด เราเลือกสรรมา เป็นยี่ห้อที่มีคุณภาพแน่นอนครับไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัย มาตรฐานการผลิตที่ดี และมาตรฐานการรับรอง มอก.ภายในประเทศครับ

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ https://tiresbid.com/home ได้เลยครับ เพราะเราเป็นเว็บจำหน่ายยางที่ดีที่สุดครับ มีแบรนด์สินค้าคุณภาพให้เลือกมากที่สุด และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดในประเทศ แถมไทร์บิดเรายังมีบริการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกลาง ให้เพื่อนๆที่ต้องการสอบถามได้ยางที่เหมาะสมที่สุดผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) เราเป็นตัวกลางยางมืออาชีพโปรโมชั่นยางรถพิเศษไทร์บิดมากมาย ให้บริการครบทุกรูปแบบ จุดบริการ เปลี่ยนถึงบ้าน จัดส่ง Fast Service ทุกรูปแบบการรับบริการนัดหมายล่วงหน้า ใช้เวลาเพียง 1 ชม.ในการรับบริการติดตั้งเปลี่ยนยาง ให้เรื่องยางรถของคุณง่ายยิ่งขึ้น

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

ทุกครั้งเวลาที่มีงาน Motor Show ในช่วงต้นปี หรือในงาน BIG Motor Sale ที่จัดกันในช่วงกลางปี และในงาน Motor Expo ในช่วงปลายปี มักจะมีผู้คนถามไถ่กันมาเสมอว่า ผมมีงบประมาณเท่านี้ สนใจรถแนวนี้ น่าซื้อหรือไม่? จองรถในงาน ต่างจากจองที่ดีลเลอร์หรือเปล่า? หรือซื้อรถก่อนงาน กับซื้อรถในงาน อันไหนดีกว่ากัน?

ซึ่งเป็นคำถามที่ผู้เขียนได้รับมาเป็นประจำ สำหรับคนทั่วไป การจะเป็นเจ้าของรถยนต์ใหม่ป้ายแดงได้สักคัน หลายคนต้องทำงานเก็บเงินกันนานหลายปีก็มี กว่าจะได้รถที่ตัวเองชอบและรัก จึงต้องรอบคอบในการตัดสินใจซื้อ เพื่อความคุ้มค่ากับเงินทุกบาทที่เสียไป บางที มีทั้งโปรโมชั่นเด็ดๆ ดอกเบี้ยต่ำ เงินดาวน์ต่ำ หรือของแจกของแถมมากมาย ทำให้ย่อมมีผลในการตัดสินใจซื้อรถใหม่สักคัน

โดยบางคน อาจจะอยากเปลี่ยนรถที่ตัวเองมีอยู่แล้วเป็นรถใหม่ หรือบางคน อาจจะอยากซื้อรถเพิ่มใหม่อีกหนึ่งคัน ในงาน Motor Show 2022 (มอเตอร์โชว์ 2022) … แต่จะซื้ออย่างไร ให้คุ้มค่าเงินที่คุณต้องจ่ายไป ยิ่งในปีนี้ เจอโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่กันไปอีกถ้วนหน้า ทั้งเงินฝืดและหายาก แถมน้ำมันแพง ต้องหาเงินผ่อนรถอีก เอาเข้าไป …

การซื้อรถไปแล้วควรไม่เป็นทุกข์ และมีความสุขกับรถใหม่ของคุณ MR.CARRO ขอแนะนำ 6 หัวข้อ

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

1. หาข้อมูล ดูกำลังทรัพย์ และ วัตถุประสงค์ในการซื้อรถ

ก่อนจะไปงาน Motor Show หรืองาน Motor Expo ต้องใช้สื่อออนไลน์ให้คุ้ม ด้วยการค้นหาข้อมูลรถที่คุณสนใจ ดูรีวิวจากผู้ใช้จริง หรือเปรียบเทียบออพชั่นต่างๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนไปดูรถของจริง

ไม่ว่าจะเป็นงาน Motor Show หรืองาน Motor Expo ถือเป็นการนัดพบกันระหว่างผู้อยากซื้อรถ และผู้อยากขายรถ คือคุณสามารถเดินดูรถยนต์รุ่นที่คุณสนใจได้ภายในงาน และเลือกเปรียบเทียบถึงคุณสมบัติของรถรุ่นต่างๆ ได้จนกว่าคุณจะพอใจ หลายคนมักมีรถที่สนใจอยู่หลายรุ่น ถือเป็นโอกาสดีในการทดลองนั่ง ทดลองขับ จากของจริงๆ ที่มีโชว์ภายในงาน และได้เปรียบเทียบรถรุ่นต่างๆ โดยเฉพาะความคุ้มค่าของออพชั่น ของรถยนต์แต่ละคัน กับเงินที่ต้องจ่ายไป

สิ่งสำคัญคือกำลังทรัพย์ของคุณ ต้องวางแผนทางการเงินก่อน ประเมินรายได้ดูว่ามีความสามารถในการผ่อนรถกี่ปี (ซึ่งเดี๋ยวนี้ มีให้ผ่อนได้สูงถึง 84 งวดเลย แต่ดอกเบี้ยก็ต้องจ่ายมากตามไปด้วย) วางดาวน์เท่าไหร่ (ยิ่งดาวน์มาก ก็จะยิ่งผ่อนน้อยลง และดอกเบี้ยไม่มี 0% ตลอดไป)

และวัตถุประสงค์ในการซื้อรถนั้น ซื้อไปเพื่ออะไร เช่น ซื้อไปอวดสาว ซื้อไปขับรถแค่คนเดียว หรือคนในบ้านใช้ขับกันด้วย มีรถไว้ใช้ทำงานหาเงิน ใช้ในกิจการบริษัท ใช้ในเมือง หรือใช้ในต่างจังหวัด หรือไว้ใช้แค่ขับไปซื้อของจ่ายตลาด รับส่งลูก เป็นต้น ก็จะช่วยให้การเลือกรถนั้น “เหมาะ” กับไลฟ์สไตล์และ “ความชอบ” ของคุณยิ่งขึ้น โดยรถที่คนไทยนิยมหลักๆ ก็จะเป็นประเภท รถกระบะ, รถ SUV, รถเก๋ง และรถ Eco-Car เป็นต้น

โปรโมชั่นรถยนต์ ประจำ มี.ค. 2565 และงาน Motor Show 2022

2. ดูราคา และ โปรโมชั่น

ช่วงงาน Motor Show หรือในงาน Motor Expo ถือเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่อยากมีรถใหม่ เพราะหลายบริษัทเตรียมจัดของแถมอย่างมากมาย ถือเป็นโอกาสทองของผู้อยากซื้อรถ อาทิเช่น ประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี หรือดอกเบี้ยผ่อนรถที่ถูกลง รวมทั้งของแต่งรถและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่ในช่วงเวลาปกติ อาจจะมีให้แค่บางอย่าง และโปรโมชั่นของสถาบันการเงินต่างๆ ที่พร้อมให้บริการภายในงานด้วย

ถ้าหากคุณสนใจที่อยากจะซื้อรถใหม่ในเวลานี้ ผมแนะนำให้รีบศึกษาข้อมูล และ ดูโปรโมชั่นรถใหม่กันแต่เนินๆ (คลิก “ดูโปรโมชั่นรถใหม่ในงาน Motor Show 2022“) ได้เลยครับ

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

3. ค่ายรถยอดนิยม

รู้หรือไม่ว่า … แบรนด์รถ และรุ่นรถ มีผลต่อการขายต่อ เมื่อคุณเบื่อรถคันเก่าแล้ว

ค่ายรถยอดนิยมในบ้านเรา คงหนีไม่พ้นรถจากค่ายญี่ปุ่น และค่ายยุโรป (จากเยอรมนี) เป็นส่วนใหญ่ ที่ถือเป็นรถยอดนิยมของคนไทย ในด้านความคุ้มค่าคุ้มราคา ราคาขายต่อตกไม่มากนัก มีศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

ถ้าฟากฝั่งรถญี่ปุ่นก็ยกให้ Toyota (โตโยต้า) ที่ออกอะไรมาก็ขายได้หมด ในส่วนของรถกระบะก็ต้องยกให้ Isuzu (อีซูซุ) ถ้าความโดดเด่นของรถเก๋งก็ต้องยกให้ Honda (ฮอนด้า) หรือความโดดเด่นของรถยนต์ที่มีระบบไฟฟ้าก็ต้อง Nissan (นิสสัน) ในตอนนี้

ในส่วนของ Mazda (มาสด้า), Mitsubishi (มิตซูบิชิ), Suzuki (ซูซูกิ) หรือ Subaru (ซูบารุ) ก็ได้รับความนิยมรองๆ ลงไป แต่ก็ถือได้ว่าทุกค่ายนั้นมีของดีเหมือนกันหมด

ส่วนฟากฝั่งรถยุโรป ในบ้านเราต้องให้ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) และ BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงด้านการขายกันมานาน และเป็นที่นิยมมากๆ สำหรับคนชอบรถยุโรปในบ้านเรามานาน ขับแล้วดูดีมีระดับ ส่วนที่รองลงมาก็จะเป็น Audi (อาวดี้) เป็นต้น

ส่วนรถยนต์แบรนด์เกาหลี แบรนด์อังกฤษ แบรนด์ฝรั่งเศส แบรนด์สวีเดน แบรนด์อเมริกัน แบรนด์มาเลเซีย หรือแบรนด์จีน ก็ได้รับความนิยมรองๆ ลงไป จากผู้ใช้รถ ซึ่งบางแบรนด์อาจจะเป็นรถกลุ่ม Niche หรือ Ultra Luxury อันนั้นมีลูกค้าเฉพาะอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงคนขายว่าจะขายไม่ได้

แต่ถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV ที่มาแรงมากเวลานี้ ก็คงหนีไม่พ้นค่ายรถจากจีน ก่อนซื้อก็ต้องดูความชอบ ความต้องการ การใช้งานรถมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงลักษณะที่อยู่อาศัย ว่าถ้าอยู่บ้าน เราจำเป็นต้องติดตั้งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หัวชาร์จ ระบบไฟ มิเตอร์ไฟ สายไฟฟ้า ตู้ควบคุมในบ้าน ว่าพร้อมหรือไม่ (คลิก ข้อควรรู้ ก่อนใช้รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) : 5 สิ่ง ที่ต้องเตรียมในบ้าน และค่าไฟที่ต้องจ่ายต่อครั้ง )

หรือถ้าอาศัยอยู่คอนโดมิเนียม ก็ต้องดูว่าทางคอนโดมิเนียมมีจุดชาร์จ หรือ EV Charging Station เพียงพอหรือยัง เพราะไม่อย่างนั้นอาจต้องแย่งจุดชาร์จกับลูกบ้านคนอื่นๆ ได้

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

4. เลือกเซลส์ขายรถ

คนที่ทำให้ฝันของคุณเป็นจริงและราบรื่นในการซื้อรถ นั่นก็คือ “เซลส์ขายรถ” อย่าดูกันแค่เพียงความสวยหล่อ แต่ขอให้ดูสิ่งที่เซลส์ขายรถ Offer ให้กับท่านด้วย … คุยกับ “ที่ปรึกษาการขาย” (เรียกแบบหรูๆ หน่อย) ให้แน่ชัดถึงของแถมต่างๆ หรือส่วนลดต่างๆ ที่คุณควรจะได้เมื่อตัดสินใจจองรถไปแล้ว

หากเป็นไปได้ ควรจะหาเซลล์ที่มาจากโชว์รูมที่ใกล้บ้านคุณมากที่สุด เพื่อสะดวกในการรับบริการหลังการขาย

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

5. ทดลองขับ

การทดลองขับหรือ Test Drive ในงาน Motor Show 2022 หลายคนอาจกังวลเพราะความไม่คุ้นเคยกับรถ อาจจะคิดว่าต้องขับรถออกไปวิ่งถนนด้านนอก บอกได้เลยว่า ไม่ต้องกังวลครับ เพราะมีสนามทดสอบชั่วคราวอยู่บริเวณลานทะเลสาบ จัดเตรียมไว้ให้ลูกค้า

พร้อมกับมีเซลส์ขายรถ และ Instructor ของทางบริษัทรถยนต์ คอยอธิบายและให้คำแนะนำกับคุณในระหว่างการทดลองขับด้วย ทำให้คุณตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น เกี่ยวกับรถคันที่คุณอยากซื้อ …

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

6. อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ

ถ้าคุณกำลังจะตัดสินใจซื้อรถใหม่จริงๆ ผมแนะนำว่า ให้ไปที่งานสักสองครั้งครับ ไป “ดู” รถรุ่นที่คุณอยากซื้อให้แน่ใจก่อน อย่ารีบตัดสินใจภายในวันเดียว เพราะเซลล์ขายรถส่วนใหญ่ มักจะพยายามปิดการขายให้เสร็จหลังจากที่นั่งโต๊ะคุยกัน เพื่อสร้างยอดจองยอดขาย แต่เราก็สามารถนำข้อเสนอต่างๆ ที่เซลส์ขายรถ Offer ให้มานั้น ไปตัดสินใจดูก่อน แล้วค่อยมาที่งานใหม่ หรือติดต่อเซลส์ขายรถที่เราคุยด้วยในภายหลัง เพื่อผลประโยชน์ของคุณ และรถที่คุณอยากได้ ก็ยังคงไม่หนีไปไหนแน่นอน …

ที่สำคัญ ใบจองรถต้องตรวจให้ละเอียด ระบุข้อมูลที่ชัดเจนถึงวันรับรถ และของแถมที่ได้รับทั้งหมด และระบุถึงส่วนลดเงินสดด้วย ซึ่งถ้าขาดอะไรไป อาจจะทำให้เซลล์มีลูกเล่นกับเราภายหลังได้ และที่สำคัญ ต้องให้เซลล์เขียนระบุส่วนลด ในใบจองให้ละเอียดครับ

จากที่กล่าวมาทั้งหมด ถ้าทุกอย่างลงตัวและสามารถตอบโจทย์ทุกข้อได้ ก็ถือว่าดีครับ ได้รถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายไป ในงาน Motor Show 2022 …

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ไหนๆ จะไปดูรถ ซื้อรถใหม่ในงาน Motor Show 2022 ใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก:

  • Bangkok-Motorshow
  • Nissan Auto Gallery – รามอินทรา
  • Ford VP Phetkasem 77 – ฟอร์ด วี.พี. เพชรเกษม 77
ขั้นตอนการขอสินเชื่อรถมือสอง และเอกสารที่ต้องเตรียม

หลายๆ คน อาจมีความจำเป็นที่ต้องมีรถยนต์ไว้ใช้ส่วนตัว ด้วยความจำเป็นหลายๆ อย่าง เช่น ที่อยู่อาศัยไม่มีรถสาธารณะวิ่งผ่าน ต้องการรถไว้ทำธุรกิจส่วนตัววิ่งขายของ ฯลฯ ซึ่งถ้าต้องซื้อรถใหม่ป้ายแดงเลย อาจจะซื้อไม่ไหว ราคาสูง แต่รถมือสองจะเป็นทางเลือก ทำให้เราได้รถมาใช้ได้เร็วขึ้นในราคาที่เราสามารถซื้อได้

วันนี้จึงอยากจะมาเล่าถึงการซื้อรถมือสอง ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่เราต้องรู้ก่อนจะซื้อ เมื่อตัดสินใจจะซื้อแล้วควรจะต้องรู้เกี่ยวกับอะไรบ้าง หากเราไม่ได้ซื้อเงินสด ต้องการกู้บริษัทไฟแนนซ์ต้องทำอย่างไรบ้าง มาลองศึกษารายละเอียดกันนะคะ

ขั้นตอนการขอสินเชื่อรถมือสอง และเอกสารที่ต้องเตรียม

สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อรถมือสอง

  • ต้องยอมรับให้ได้ว่า รถมือสองมีโอกาสที่เราจะต้องคอยซ่อมบำรุงบ่อยกว่า แต่หากเราซื้อกับผู้ขายที่น่าเชื่อถือ มีการตรวจสภาพรถจากผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ ก็จะทำให้เรามีความมั่นใจและสบายใจยิ่งขึ้นว่าข้อมูลประวัติของรถนั้นถูกต้อง
  • ควรรู้ข้อมูลทั่วไปของรถที่จะซื้อ เช่น ยี่ห้อรุ่น ปีที่ผลิต ปีที่มีการซื้อขายครั้งแรก เป็นต้น เพื่อให้เราได้เราจะได้ประเมินราคาตลาดของรถที่จะซื้อได้
  • ถ้าสามารถรู้ประวัติการใช้งานของรถที่จะซื้อได้ยิ่งดี เช่น วิ่งมาแล้วเป็นระยะทางเท่าไร ใช้บรรทุกของหนักบ่อยไหม เคยเฉี่ยวชนมาบ้างหรือไม่ รถคันนี้เคยทำประกันไหม เป็นต้น

สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำสินเชื่อซื้อรถมือสอง

  • ภาระหนี้สินที่จะเกิดขึ้น จะอยู่กับเราไปนาน อย่างน้อย 3 ถึง 5 ปี
  • วงเงินสินเชื่อที่จะได้รับอนุมัติ อาจจะน้อยกว่าราคาที่เราจะซื้อ เพราะวงเงินสินเชื่อจะขึ้นอยู่กับ อายุของรถว่าใช้งานมานานแล้วกี่ปี และสภาพรถว่าชำรุดทรุดโทรมแค่ไหน ซึ่งอาจดูได้จาก จำนวนระยะทางที่ใช้งาน สภาพตัวถังภายนอก สภาพตัวถังภายใน และอื่นๆ
  • หากเป็นการซื้อจากเจ้าของรถที่เป็นบุคคลธรรมดา ต้องรู้ว่าเจ้าของเดิมยังผ่อนซื้อรถนั้นอยู่หรือเปล่า แต่ถ้าซื้อจากบริษัทหรือเต็นท์ขายรถที่น่าเชื่อถือ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องนี้
  • บริษัทการเงินที่ให้กู้เงินซื้อรถ (บริษัทไฟแนนซ์) นั้นมีมากมาย ควรหาข้อมูลของบริษัทเหล่านั้นให้ถี่ถ้วนชัดเจน เพื่อเราจะได้สามารถเลือกใช้บริษัทที่เราเชื่อมั่นและไว้ใจได้ หรือในระยะยาวจะทำให้เราเสียผลประโยชน์น้อยที่สุด ในกรณีที่เราซื้อรถมือสองจากบริษัทหรือเต็นรถที่ขายรถมือสอง ส่วนมากเขาจะมีรายชื่อของบริษัทไฟแนนซ์ให้เราเลือกใช้อยู่แล้ว ซึ่งสะดวกดี ไม่ต้องเที่ยวหาข้อมูลและติดต่อขอกู้ด้วยตนเอง

ขั้นตอนการขอสินเชื่อรถมือสอง และเอกสารที่ต้องเตรียม

ขั้นตอนการทำสินเชื่อซื้อรถ 2 ขั้นตอน ดังนี้

1.ขั้นเตรียมการ

  • เตรียมเอกสาร กรณีที่ผู้ซื้อเป็นบุคคลหรือนิติบุคคล จัดเตรียมเอกสารดังนี้
บุคคลธรรมดา นิติบุคคล
บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนาของบุคคลผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล
ทะเบียนบ้านฉบับจริง พร้อมสำเนา ทะเบียนบ้านตัวจริง พร้อมสำเนาของบุคคลผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล
สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน (ย้อนหลังไม่เกิน 2 เดือน) รายการเดินบัญชีธนาคาร (Statement) ของบริษัทย้อนหลัง 6 เดือน
สำเนาบัญชีเงินฝากออมทรัพย์, ประจำ, หรือกระแสรายวันย้อนหลัง 6 เดือน สำเนาทะเบียนการค้า
แผนที่ตั้งที่อยู่อาศัย  สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนของกระทรวงพาณิชย์
แผนที่ที่ทำงาน หนังสือบริคณห์สนธิ
  • เตรียมเงินค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ทางผู้ขายจะแจ้งให้ทราบว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ต้องเตรียมเพิ่มนอกเหนือจากวงเงินในการทำสินเชื่อ ดังนี้

  • เงินค่าจองรถ หรือเงินมัดจำ (ถ้ามี) เพื่อเป็นการยืนยันกับผู้ขายว่าเราซื้อรถคันนี้แน่นอน และผู้ขายจะไม่ขายรถที่เราต้องการจะซื้อคันนี้ให้คนอื่น ในระห่างที่เรารอผลการตรวจสอบเครดิตการขอสินเชื่ออยู่ ซึ่งเงินจองอยู่ที่ประมาณ 5,00010,000 บาท ขึ้นอยู่กับเต้นท์รถแต่ละที่
  • เงินดาวน์รถ สำหรับการกู้ซื้อรถมือสอง ในส่วนของเงินดาวน์อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ซื้อสามารถกู้เงินมาซื้อรถไต้เต็มจำนวนเท่าราคาที่ตกลงซื้อขาย หรือว่ากู้ได้บางส่วน
  • เงินค่าธรรมเนียมจัดไฟแนนซ์ เป็นค่าดำเนินการด้านเอกสารหรืออื่นๆ ที่ทางเต้นท์หรือผู้ขายช่วยดำเนินการให้เรา ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้ต้องคุยรายละเอียดให้ชัดเจนว่ามีหรือไม่มีอย่างไร ถ้ามีแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้างให้ชัดเจนก่อนที่เราจะทำเรื่องขอกู้เงินซื้อรถ
  • เงินค่าใช้จ่ายในการโอนรถ กรมขนส่งได้กำหนดอัตราค่าโอนหรือค่าอากรซื้อขายที่ร้อยละ 0.5 หรือแสนละ 500 บาท จากราคาประเมิน นอกจากนั้นก็จะมีค่าคำขอ 5 บาท ค่าธรรมเนียมการโอน 100 บาท ค่าธรรมเนียมการตรวจสภาพรถยนต์ 50 บาท ในการโอนรถนี้จะเกิดขึ้นสองครั้ง โดยครั้งแรกจะเป็นการโอนกรรมสิทธิ์จากผู้ขายไปยังบริษัทไฟแนนซ์ ส่วนการโอนครั้งหลังจะเป็นการโอนจากบริษัทไฟแนนซ์ไปยังผู้ซื้อ เมื่อผ่อนชำระเงินกู้ซื้อรถยนต์หมดแล้ว
  • เงินค่าประกัน หรืออาจจะมีค่า ... / ภาษีทะเบียนรถยนต์ ถ้าใกล้หมด ซึ่งโดยปกติไฟแนนซ์จะให้เราทำประกันไว้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เพราะหากไม่มีประกันแล้วเกิดมีอุบัติเหตุขึ้น เราจะต้องรับภาระหนัก เพราะเสียทั้งค่าซ่อมรถ ค่าผ่อนรถ ไหนจะค่าซ่อมรถของคู่กรณีอีก 

สิทธิพิเศษ! สำหรับลูกค้า CARRO เบี้ยประกันภัยราคาพิเศษ สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://www.proprakan.com/promotion-carro-car-insurance/

2.ขั้นดำเนินการ

  • ยื่นเอกสารการขอสินเชื่อรถ เอกสารต่างๆ ที่เราได้จัดเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนแรกให้กับทางบริษัทไฟแนนซ์ เพื่อพิจารณาเครดิตอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ประมาณ 13 วันทำการ
  • เซ็นสัญญากู้เงิน จะทำในตอนยื่นเอกสารขอสินเชื่อรถเลยก็ได้ หรืออาจจะทำหลังจากผ่านการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อแล้วก็ได้เช่นกัน
  • รับโอนรถ บริษัทไฟแนนซ์จะโทรแจ้งผลการพิจารณาอนุมัติให้กับผู้ขายทราบ เพื่อให้ผู้ขายโทรนัดให้เรามารับรถและรับเอกสารต่างๆ เช่น สำเนาทะเบียนรถ, เอกสารสัญญาต่างๆ, รายการที่จะต้องปฏิบัติหลังจากเป็นหนี้เรียบร้อยแล้ว

สิ่งที่ต้องทำหลังจากที่ทำสินเชื่อแล้ว

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขการผ่อนชำระให้เข้าใจ จะได้ไม่เกิดปัญหาเรื่องการผิดสัญญาผ่อนชำระ
  • ศึกษาวิธีการคิดค่าปรับหากมีการผ่อนชำระช้า หรือผิดสัญญาการผ่อนชำระ
  • ศึกษาให้เข้าใจว่าเงื่อนไขที่บริษัทไฟแนนซ์สามารถนำมาใช้บังคับยึดรถ มีอะไรบ้าง
  • หาเงินจ่ายค่างวดให้ตรงเวลา

ปัจจุบันรถมือสองกลับมาเป็นที่นิยมในหมู่คนใช้รถ เพราะหากเราเลือกรถดีๆ มีแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ คุณภาพรถดี การเลือกซื้อรถมือสองไปใช้งานก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากเซฟเงินไว้นะคะ

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับระบบแก๊สรถยนต์

“แก๊สรถยนต์” เป็นสิ่งที่คุ้นเคยกันในวงการรถยนต์ไทยมานานตั้งแต่ 40 กว่าปีมาแล้ว นับตั้งแต่ช่วงวิกฤตการณ์น้ำมันในช่วงกลางยุค 70 ทำให้เหล่าแท็กซี่ที่สู้ค่าน้ำมันไม่ไหว ต่างต้องหันมาติดตั้งแก๊สรถยนต์ใช้กัน และก็เริ่มได้รับความนิยมในหมู่รถบ้าน มาจนถึงปัจจุบัน

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับระบบแก๊สรถยนต์ สำหรับรถติดแก๊ส LPG

แก๊สติดรถยนต์ ในไทยนิยมใช้กันมาไม่ต่ำกว่า 40 ปีแล้ว ขนาดรถหรูอย่าง Volvo 264 GLE ก็ยังมีติดแก๊สออกมาจากโรงงาน

ประกอบกับราคาน้ำมันแพงมาก ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ทำให้อู่ติดแก๊สรถยนต์ ผุดขึ้นมาราวดอกเห็ด แต่ละร้านช่างงานล้นมือกว่าเดิมหลายเท่า อุปกรณ์ติดแก๊สขาดตลาด ส่วนเจ้าของร้านรวยเป็นอาเสี่ยกันเพียบ และนิตยสารรถยนต์บางฉบับ มีร้านรับติดแก๊สรถยนต์ขอลงโฆษณาเยอะมาก จนต้องทำหนังสือเกี่ยวกับรถติดแก๊สแยกออกมาโดยเฉพาะ ถึงขั้นต้องบอกเจ้าของร้านว่าไม่ต้องลงโฆษณาทุกเดือนได้ไหม ….. เหลือเชื่อเลย!

แต่หลังจากที่ราคาน้ำมันถูกลง ทั้งร้านทั้งอู่ติดแก๊สรถยนต์ก็ซบเซา หายไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน เหลือแต่เจ้าใหญ่ๆ ทุนหนา สายป่านยาวอยู่เพียงไม่กี่เจ้า ก่อนจะกลับมาบูมอีกครั้งในปีนี้ ปีที่ราคาน้ำมันแพงมาก เบนซิน 2 ลิตร 100 ก็ได้เห็นกันแล้ว …

ใครที่สู้ราคาน้ำมันแพงสุดขีดไม่ไหว อยากเอารถไปติดแก๊ส LPG ต้องอ่าน

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับระบบแก๊สรถยนต์ สำหรับรถติดแก๊ส LPG

ภาพจาก บิ๊กแก๊ส ก๊าซหุงต้ม LPG

แก๊สรถยนต์ มาจากไหน?

แก๊สรถยนต์ เป็นก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือก๊าซหุงต้ม มีชื่อว่า LPG (Liquefied Petroleum Gas) ที่ได้จากการแยกน้ำมันดิบ (Crude Oil) ในโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งให้ค่าความร้อนสูง ประกอบไปด้วย Propane (โพรเพน) และ Butane (บิวเทน) มีสูตรทางเคมี C3H8 + C4H10 และได้จากกระบวนการแยกก๊าซธรรมชาติ

LPG มีคุณสมบัติ สามารถแปรสภาพจากของเหลว โดยขยายตัวเป็นก๊าซได้ถึง 250 เท่า มีน้ำหนักเบากว่าน้ำ แต่หนักกว่าอากาศ เป็นเชื้อเพลิงติดไฟง่าย และเป็นพลังงานที่เผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ ลดมลภาวะในอากาศ ไม่ส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อม และให้ค่าออกเทนสูงถึงประมาณ 105

เมื่อผ่านการผลิตจากโรงงานเรียบร้อยแล้ว ก็จะขนแก๊สผ่านรถบรรทุกขนาดใหญ่ มาถ่ายแก๊สลงสู่สถานีบริการแก๊ส สำหรับไว้รอเติมรถยนต์

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับระบบแก๊สรถยนต์ สำหรับรถติดแก๊ส LPG

ทำไมแก๊สรถยนต์ ถึงมีกลิ่น?

หลายครั้งที่คุณอาจได้กลิ่นแก๊สรถยนต์ ออกมาจากท่อไอเสีย (โดยเฉพาะรถที่ตัด Catalytic Converter ออก) หรือจากเตาแก๊สในบ้าน

ตามจริงแล้ว แก๊ส LPG ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่เพื่อความปลอดภัย จึงเติมสาร Ethyl Mercaptan (เอทิลเมอแคบแทน) เพื่อให้สามารถทราบได้ กรณีเกิดแก๊สรั่ว

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับระบบแก๊สรถยนต์ สำหรับรถติดแก๊ส LPG

ภาพจาก PS Pornsak พรศักดิ์แก๊สอ่อนนุช

อุปกรณ์ติดแก๊สรถยนต์ หลักๆ ในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ นั่นคือ

  • ระบบดูด (Fumigation System หรือ Fix Mixer) มักนิยมติดตั้งในรถที่ใช้ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์และหัวฉีด ซึ่งจะมีจะมีอุปกรณ์ผสมแก๊สกับอากาศ (Gas Mixer) ทำหน้าที่ดูดอากาศไปพร้อมกับแก๊สในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับการเผาไหม้
    ซึ่งระบบกลไกจะจ่ายส่วนผสมนี้เข้าเครื่องยนต์ ตามรอบเครื่องยนต์ ซึ่งถ้ารอบเครื่องยนต์ต่ำ แรงดูดอากาศในเครื่องยนต์น้อย จะจ่ายเชื้อเพลิงน้อย ถ้ารอบเครื่องยนต์สูง แรงดูดอากาศในเครื่องยนต์มาก จะจ่ายเชื้อเพลิงมาก ซึ่งจะกินแก๊สมากกว่าในระบบหัวฉีด ส่วนการปรับจูนแก๊ส ต้องใช้การปรับด้วยมือ
  • ระบบหัวฉีด (Sequential Injection) ออกมาสำหรับใช้งานกับเครื่องยนต์ระบบหัวฉีด โดยมีจำนวนหัวฉีดตามจำนวนสูบของรถ ควบคุมการทำงานผ่านกล่อง ECU เหมือนรถน้ำมัน ให้สมรรถนะและอัตราเร่งใกล้เคียงระบบน้ำมัน รวมถึงประหยัดเชื้อเพลิงแก๊สกว่าแบบระบบดูด ส่วนการปรับจูนแก๊ส ต้องปรับจูนผ่านคอมพิวเตอร์

อ่อ ในยุคเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ยังมีระบบแก๊สอีกแบบหนึ่งที่นิยมติดตั้งในรถยนต์ด้วย นั่นคือแบบ Lamda Control หรือ Step Motor หรือแบบกึ่งหัวฉีด มีวาล์วเปิด-ปิด

โดยจะมีวาล์วหนึ่งตัวคอยสั่งการเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วสูง ต้องการปริมาณแก๊สที่มากขึ้น วาล์วก็จะเปิดให้แก๊สเข้ามามากขึ้น ในขณะที่เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วต่ำ ไม่ต้องการปริมาณแก๊สมาก วาล์วก็จะปล่อยก๊าซออกมาน้อย ซึ่งดีกว่าแบบใช้หม้อต้มนิดหน่อย

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับระบบแก๊สรถยนต์ สำหรับรถติดแก๊ส LPG

อุปกรณ์ติดแก๊สรถยนต์ มีอะไรบ้าง และโดยมากมาจากประเทศไหน?

อุปกรณ์ติดแก๊สรถยนต์ส่วนใหญ่ มักจะมาจากอิตาลี (เช่น BSM, Tomasetto, Fagumit, Lovato, Versus, Valtek), ตุรกี (เช่น Atiker) หรือโปแลนด์ (เช่น AC Autogas) ซึ่งประเทศเหล่านี้ได้พัฒนาอุปกรณ์ติดแก๊สรถยนต์มายาวนานมากแล้ว และบางส่วนก็นำเข้ามาจากเกาหลีใต้ (เช่น Hana) หรือญี่ปุ่น (เช่น Nikki, Keihin) และที่ผลิตจากในไทยเอง เช่น ถังแก๊ส (Magnate), ท่อแก๊ส เป็นต้น

  • กล่อง ECU แก๊ส

สำหรับกล่อง ECU แก๊ส หรือสมองกล มักใช้ร่วมกับระบบแก๊สที่จ่ายแก๊สแบบหัวฉีด ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ หลายราคา

  • Map Sensor

Map Sensor (แมพเซ็นเซอร์) มี่หน้าที่วัดแรงดันของแก๊ส ที่อยู่ในรางหัวฉีดและท่อไอดี เพื่อส่งสัญญาณให้กับกล่อง ECU แก๊สประมวลผล ในกรณีที่ท่อแก๊สขาด แรงดันที่หัวฉีดจะลด แมพเซ็นเซอร์จะส่งสัญญาณไปยังกล่อง ECU แก๊สเพื่อทำการสั่งหยุดการจ่ายแก๊สทันที

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับระบบแก๊สรถยนต์ สำหรับรถติดแก๊ส LPG

  • หม้อต้มแก๊ส

– หม้อต้ม (Evaporator) หรือ อุปกรณ์ปรับความดันแก๊ส (Pressure Regulator) เป็นอุปกรณ์ลดความดันแก๊สในถังให้อยู่ในระดับที่เหมาะกับการใช้งานในเครื่องยนต์ เพราะเมื่อลดความดันแก๊ส แก๊สเย็นลงจนเป็นน้ำแข็งเกาะหม้อต้ม ปิดทางไหลของแก๊สได้ จึงต้องใช้น้ำที่ระบายความร้อนจากเครื่องยนต์มาช่วยละลายน้ำแข็ง เปิดทางไหลของแก๊สให้เป็นได้สะดวก จากลักษณะการทำงานจึงนิยมเรียกกันว่า หม้อต้ม

รถยนต์โดยมากจะใช้หม้อต้มแก๊สแบบรุ่นธรรมดา เหมาะกับรถที่มีกำลังไม่เกิน 140 แรงม้า และแบบ Super ที่จะรองรับรถติดแก๊สที่มีแรงม้าตั้งแต่ 200 แรงม้าขึ้นไป ที่สำคัญต้องได้มาตรฐาน ECR 67 ตามมาตรฐานยุโรป

  • กรองแก๊ส

เมื่อมีหม้อต้มแล้ว ก็ต้องมีกรองแก๊สตามมาด้วย ลักษณะก็คล้ายๆ กับกรองอากาศ หรือกรองแอร์นั่นล่ะครับ คือกรองสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อนมากับแก๊สนั่นเอง ช่วยให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยลง ผลิตจากกระดาษ ไฟเบอร์ หรือโพลีเอสเตอร์

กรองแก๊สมีอายุการใช้งานประมาณ 20,000 – 30,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับวัสดุการผลิต และความละเอียดของตัวกรอง

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับระบบแก๊สรถยนต์ สำหรับรถติดแก๊ส LPG

ภาพจาก PS Pornsak พรศักดิ์แก๊สอ่อนนุช

  • ถังแก๊ส LPG

ถังแก๊ส LPG ในรถยนต์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ ถังแคปซูล และถังโดนัท ส่วนใหญ่จะผลิตจากเหล็กกล้า ซึ่งปลอดภัยและได้มาตรฐาน มอก. ตามกฎหมายที่กรมขนส่งการบกกำหนด เช่น “มอก.370-2525” หรือมาตรฐานยุโรป “EC 67 R01” ที่กฎหมายไทยให้การยอมรับ มีถังให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ 25 – 96 ลิตร

ส่วนมาตรฐานอื่น ๆ ที่อนุญาตให้ใช้ได้ เช่น
– มาตรฐาน “ECE R” แต่ต้องเป็นถังแก๊สที่ติดตั้งมากับรถยนต์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ
– กรณีร้านติดตั้งแก๊สที่มีนำเข้าถังจากต่างประเทศโดยตรง เช่น ถังโดนัท ต้องมีมาตรฐาน “ECR 67”

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับระบบแก๊สรถยนต์ สำหรับรถติดแก๊ส LPG

ภาพจาก Sbp Petch

  • วาล์วแก๊ส

– อุปกรณ์สำคัญของถังแก๊ส LPG ทำหน้าที่จ่ายเชื้อเพลิงในถึงแก๊ส ปัจจุบันมักใช้วาล์วไฟฟ้า (Solenoid Valve) รูปทรงกลมๆ มีให้เลือกอยู่หลากหลายแบบ หลากหลายประเทศ มีทั้งของแท้และของปลอม (ต้องดูดีๆ) ซึ่งวาล์วแก๊สจะต้องมีวาล์วนิรภัยด้วยกัน 3 ชั้น ได้แก่

1.วาล์วระบายแรงดันเกิน (Pressure Relief Valve) ทำหน้าที่ระบายแก๊สในถังแก๊ส เมื่อในถังมีแรงดันสูงเกินกว่าที่กำหนดไว้ โดยจะปล่อยแก๊สออกเพื่อลดแรงดันในถังแก๊ส
2.วาล์วป้องกันการไหลเกิน (Excess Flow Valve) ทำหน้าที่ปิดการจ่ายแก๊ส เมื่อพบว่าแก๊สไหลมากผิดปกติ เช่น ท่อแก๊สหลุดหรือขาด
3.ฟิวส์ตะกั่ว (Thermal Fuse) จะหลอมละลายเมื่ออุณหภูมิบริเวณวาล์วสูงกว่า 110°C เช่นในกรณีรถถูกไฟไหม้ ทำให้ถังแก๊สรถยนต์ร้อนขึ้น เมื่อฟิวส์ตัวนี้ละลาย จะเปิดช่องให้แก๊สระบายออกจากถังได้ เพื่อป้องกันถังแก๊ส ระเบิด

มัลติวาล์วคุณภาพสูง ต้องผ่านมาตรฐานยุโรป E8 ECE 67R – 01 3018

  • นาฬิกาแก๊ส

– เป็นเข็มวัดระดับแก๊สในถัง อยู่ตรงบริเวณวาล์วของถังแก๊ส หลักการทำงานคือส่งสัญญาณไปที่กล่องสมองกลของแก๊ส เพื่อบอกระดับแก๊สให้สวิทช์แก๊สในรถยนต์

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับระบบแก๊สรถยนต์ สำหรับรถติดแก๊ส LPG

ภาพจาก รถติดแก๊ส

  • แป๊บทองแดง

แป๊บทองแดง ก็คือท่อแก๊สนั่นเอง ในปัจจุบันจะมียางหุ้มทองแดงมาจากโรงงาน เพื่อกันน้ำ กันกระแทก รั่ว และแข็งแรงกว่าท่อทองแดงเปลือยๆ ที่กรมการขนส่งฯ ไม่อนุญาตให้ใช้ (รวมถึงท่อร้อยแป๊บเองด้วย) แล้ว ตามกฎหมายบังคับให้เป็นมาตรฐาน “ECR 67” เท่านั้น

  • ท่อยางแก๊ส

– ท่อยางแก๊ส เป็นท่อทางเดินแก๊สในห้องเครื่องยนต์จุดต่างๆ เช่น ต่อเข้า Map Sensor, ต่อเข้ารางหัวฉีด, ต่อเข้าน็อตไอดี และต่อเข้าหม้อต้มแก๊ส ซึ่งมีอยู่หลายแบบ ตั้งแต่ 4 – 16 มิลลิเมตร และหลายคุณภาพ สามารถดัดโค้งได้ง่าย รับแรงดันได้ดี ถ้าคุณภาพดหน่อยก็จะมีด้ายใยสงเคราะห์พิเศษถักด้วย

ทั่วไปจะเปลี่ยนทุกๆ 50,000 กิโลเมตร หรือ 1 ปี หรือทุกๆ 100,000 กิโลเมตร หรือ 3 ปี หรือถ้ามีรอยปริ แตกลายงาที่ท่อ ก็รีบเปลี่ยนได้เลย ไม่ต้องรอ!

สำหรับตอนต่อไปของเรื่องราวรถติดแก๊สนั้น MR.CARRO จะขอพาท่านไปรู้ถึงข้อดี และข้อเสียของระบบแก๊สรถยนต์กันครับ …

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

5 ฟีเจอร์เด่นใน "รถกระบะ" ยุคนี้ ที่ไม่ได้จำกัดแค่รถขนของอีกต่อไป!

รถกระบะ หรือ รถปิคอัพ หนึ่งในรูปแบบรถยอดนิยมที่ยังครองใจนักขับสายลุยอยู่เสมอมา ด้วยพื้นที่การบรรทุกของที่เหนือกว่าแต่ยังคงความแรงและความแข็งแกร่งได้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกับรถ SUV แต่มีราคาที่ย่อมเยาลงกว่ามาก ทำให้หลายคนเลือกที่จะใช้งานรถกระบะสำหรับทุกงานด้านการขับขี่ การขนส่ง การเดินทางไกล หรือตะลุยไปในทุกเส้นทาง

รถกระบะ คือ ยานพาหนะที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความทนทาน แข็งแกร่ง บึกบึน สามารถนำคุณตะลุยได้ในทุกเส้นทางแห่งการขับขี่ เพื่อให้รถกระบะคันโปรดของคุณเต็มไปด้วยประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงมีการคิดค้นรูปแบบของฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อนำมาเสริมประสิทธิภาพให้กับรถกระบะของคุณได้สามารถเค้นศักยภาพแฝงเพิ่มออกมาได้อย่างไม่รู้จบ มาดูกันว่าในปัจจุบันนี้ อะไรคือ 5 ฟีเจอร์สุดฮิตที่ใช้ในการตกแต่งรถกระบะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานกันบ้าง รับรองว่าจะยกระดับรถของคุณให้หล่อเฟี้ยวและเต็มประสิทธิภาพอย่างสูงสุดทั้งรถกระบะทั่วไปและรถกระบะไฟฟ้า

5 ฟีเจอร์เด่นใน "รถกระบะ" ยุคนี้ ที่ไม่ได้จำกัดแค่รถขนของอีกต่อไป!

1. ชุดล้อยาง

นับเป็นอุปกรณ์เสริมหล่อให้กับรถกระบะฮิตที่คิดถึงกันเป็นอันดับแรก เรียกว่าพอออกมาจากโชว์รูมได้ไม่ทันไร เจ้าของรถทุกคนต้องรีบวิ่งไปเปลี่ยนชุดยางกันก่อนเลยก็ว่าได้ เพราะยางรถที่ได้มากับการซื้อรถนั้นจะเป็นยางรถแบบมาตรฐานมีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดีอยู่ แต่ในเรื่องของการทำงานหรือการขับขี่เฉพาะทางยังไม่อาจตอบโจทย์ได้ ดังนั้น การมองหาชุดล้อที่เหมาะสมต่อการขับขี่จึงเป็นฟีเจอร์เด่นที่คอรถกระบะทุกคนต้องถามหาก่อนสิ่งอื่นใด

สำหรับชุดล้อรถกระบะนั้น มีทั้งแมกซ์รถกระบะที่ต้องดูว่าทำจากวัสดุชนิดไหน โดยต้องมีน้ำหนักเบา สวยงาม และเพิ่มการยึดเกาะระหว่างการขับขี่ได้เป็นอย่างดี และต้องมาพร้อมกับยางคุณภาพสูง โดยจะต้องมีการพิจารณาจากดอกยางที่ต้องมีความเหมาะสมกับสภาพท้องถนน ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับรัศมีวงยางที่เหมาะสมต่อขนาดตัวรถอีกด้วย เพื่อให้ทั้งการประหยัดน้ำมัน และการยึดเกาะถนนได้ดีที่สุด

2. ชุดกันชนโครเมียมรอบคัน

อีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นที่ต้องบอกว่า บางคนมองหาเอาไว้ก่อนที่จะ ออกรถกระบะ เลยก็ว่าได้ นั่นคือชุดกัน

ชนรอบคันรถที่มีความโดดเด่นทั้งความสวยงามและความแข็งแรงแบบรอบด้าน นับตั้งแต่ ดันชนหน้า กันชนท้าย รวมไปถึง สเกิร์ต ด้านข้างที่มาทั้งรูปแบบของกันชน กันกระแทก หรือเป็นรูปแบบอุปกรณ์อเนกประสงค์ที่ทำออกมาเป็นบันไดสำหรับปีนขึ้นลงรถได้อีกด้วย นับได้ว่าเป็นฟีเจอร์เด็ดที่มีคุณสมบัติครบรอบด้าน ทั้งในเรื่องของความปลอดภัยจากการเฉี่ยวชนพร้อมทั้งการประดับตกแต่งยานยนต์ที่สร้างความสวยงามให้รถกระบะของคุณอีกด้วย

โดยชุดกันชนเหล่านี้ มันทำมาด้วยวัสดุโลหะผสมอัลลอยด์ ที่มีน้ำหนักเบา แต่เหนียวแน่นทนทาน ไม่เป็นสนิมง่าย โดยชุดโลหะที่นิยมนำมาทำเป็นชุดกันชนนั้นมีทั้งโลหะผสม อลูมิเนียมผสม รวมไปถึง แม็กนีเซียมผสมที่มีน้ำหนักเบาแต่มีความทนทานที่สูงมาก ขึ้นอยู่กับงบประมาณของคุณสำหรับการติดตั้ง แต่ถึงกระนั้น การมองหาชุดกันชนที่ออกแบบมาอย่างลงตัวย่อมหมายถึงความคุ้มค่า คุ้มราคา ที่คุณสามารถสัมผัสได้

5 ฟีเจอร์เด่นใน "รถกระบะ" ยุคนี้ ที่ไม่ได้จำกัดแค่รถขนของอีกต่อไป!

3. ชุดช่วงล่างและโช๊คอัพ

นับเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์เด็ดที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากว่ารถกระบะที่ออกมาจากโชว์รูมใหม่ ๆ นั้น มันมีความแข็งของแหนบและโครงสร้างช่วงหลัง แม้ว่าการใช้วิ่งเดินทางไกลเพื่อการบรรทุกยังสามารถทำได้ดี แต่อาการกระเด้งกระดอนที่เกิดขึ้นขณะที่วิ่งรถเปล่าเป็นความแข็งกระด้างที่คอรถกระบะทุกคนรู้เป็นอย่างดีว่าทางแก้มีอยู่เพียงทางเดียวเท่านั้นคือการเปลี่ยนชุดช่วงล่างของรถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ปลอดภัยและการยึดเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยม

5 ฟีเจอร์เด่นใน "รถกระบะ" ยุคนี้ ที่ไม่ได้จำกัดแค่รถขนของอีกต่อไป!

แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนยางใหม่ก็ตาม แต่ปัญหาที่ตามมาคือสมดุลของรถที่เปลี่ยนไป ดังนั้นการมองหาช่วงล่างที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพสูง สามารถเพิ่มมุมองศาการเข้าโค้งพร้อมกับรักษาการยึดเกาะถนนเอาไว้ได้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง อุปกรณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในฟีเจอร์นี้ได้แก่ โช๊คอัพ แหนบปีกนก รวมไปถึงตัวปรับองศาการเอียง ก้อนยางเล็ก ๆ ที่เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะและการถ่ายเทน้ำหนักของรถให้เกิดความสมดุลระหว่างการขับขี่นั่นเอง

4. ชุดยกสำหรับการบรรทุก

ถือเป็นฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่คอรถกระบะรุ่นใหม่หลายคนที่ต้องทำงานด้านการบรรทุกเลือกดัดแปลงพื้นที่การบรรทุกสินค้าเพื่อให้ได้ประโยชน์ในการขนส่งอย่างมากที่สุด สำหรับการปรับกระบะหลังเพื่อการบรรทุกที่สามารถพบเห็นได้บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดลิฟต์ยกขึ้นลงสำหรับการลำเลียงสินค้า ชุดดัมฟ์หลังกระบะสำหรับการขนสิ่งของที่ต้องอาศัยการเทขึ้นลงได้สะดวก แม้กระทั่งระบบเครนสำหรับการยกสินค้าก็ถือได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่คุณสามารถเลือกติดตั้งไปพร้อม ๆ กับการปรับแต่งโครงสร้างของรถเพื่อการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

5 ฟีเจอร์เด่นใน "รถกระบะ" ยุคนี้ ที่ไม่ได้จำกัดแค่รถขนของอีกต่อไป!

แต่การปรับแต่งในรูปแบบนี้จำเป็นต้องหาช่างผู้ชำนาญงานมาช่วยออกแบบและทำการติดตั้งโดยไม่ทำให้โครงสร้างของรถผิดไปซึ่งจะส่งปัญหาต่อสมดุลของรถผิดไปจากปกติ แทนที่จะได้รถกระบะเครื่องแรง ประสิทธิภาพสูงเหมาะกับการทำงาน กลายเป็นต้องเสียรถที่ต้องใช้ในการทำงานเพราะสมดุลของรถเสียไปอย่างที่ไม่ควรจะเป็นนั่นเอง

5. ชุดวินซ์สำหรับการเดินทางไกล

สำหรับการทำงานในพื้นที่ที่ห่างไกลจากตัวเมืองออกไป ฟีเจอร์เด็ดที่คอรถกระบะ ต้องมีไว้ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะน้ำมัน หรือรถกระบะไฟฟ้านั่นคือ ชุดวินซ์ นั่นเอง ชุดวินซ์ที่กล่าวถึงนี้คือ ชุดรอกไฟฟ้า สลิง และ ตัวล็อก ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นอย่างมากสำหรับการขับขี่ในพื้นที่คับขัน เหมาะสำหรับนักขับขาลุยที่ชื่นชอบการผจญภัยในเส้นทางพิเศษไม่ว่าจะเป็นทางลาดชัน หรือเขาสูง การมีชุดวินซ์เหล่านี้ไว้ติดรถนอกจากจะใช้ในการชักลากรถของตัวเองแล้ว ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อการให้ความช่วยเหลือรถคันอื่นได้

หลักการพิจารณาชุดวินส์ที่ดีคือความแรงของระบบชักรอกไฟฟ้าที่ต้องมีพลังเพียงพอต่อการดึงรถออกมาจากพื้นที่คับขัน พร้อมทั้งสายสลิงและหูล็อกที่ต้องทนแรงเค้นได้มากพอ นับได้ว่าเป็นฟีเจอร์สุดสำคัญสำหรับการขับรถในพื้นที่พิเศษเช่นนี้

5 ฟีเจอร์เด่นใน "รถกระบะ" ยุคนี้ ที่ไม่ได้จำกัดแค่รถขนของอีกต่อไป!

ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจได้มากขึ้นกับประกันภัยรถกระบะ

เพื่อให้การขับขี่รถกระบะของคุณเต็มไปด้วยประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกับการขับขี่ปลอดภัยที่มากที่สุด การมองหา ประกันรถยนต์ ที่สามารถครอบคลุมการดูแลรถของคุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพคือทางเลือกที่ดีที่สุด ซึ่งหนึ่งในผู้ให้บริการที่มีรูปแบบการประกันภัยรถยนต์หลากหลายรูปแบบคือ รู้ใจ ผู้นำด้านประกันภัยออนไลน์ของประเทศไทย ที่ให้บริการด้านประกันภัยรถยนต์ รวมถึงประกันภัยรถกระบะด้วย ให้คุณได้เลือกปรับแผนความคุ้มครองได้หลากหลายตามต้องการ ในราคาเบี้ยที่ “รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า”

ให้รถกระบะขับเคลื่อนไปด้วยพลังและประสิทธิภาพที่สูงที่สุดต้องมองหา 5 ฟีเจอร์เด็ดสำหรับรถกระบะที่แฟนรถกระบะพันธุ์แท้ต้องไม่พลาด การติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้อย่างครบถ้วนช่วยให้ประสิทธิภาพการใช้งานรถกระบะของคุณเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ หมดยุคที่ว่าเป็นแค่รถสำหรับบรรทุกอีกต่อไป มีรถเท่ห์ ๆ ต้องไม่พลาดที่จะเลือกใช้กรมธรรม์ประกันรถยนต์สำหรับรถกระบะของคุณจากรู้ใจ ที่จะช่วยดูแลการเดินทางของคุณให้อบอุ่นและปลอดภัยไปในทุกเส้นทางการขับขี่

สามารถติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ๆ จากรู้ใจได้ทาง FB Fanpage: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เลย

ยางปีใหม่จะมาเมื่อไหร่ แล้วยางปีใหม่เก่าต่างกันอย่างไร?

สวัสดีครับ จอร์จไทร์บิด กลับมาอีกครั้งครับ ขึ้นปีใหม่แล้วก็ต้องกล่าว สวัสดีปีใหม่กับเพื่อนๆ ทุกๆ ท่านครับแล้วเราก็วกกลับมาให้ความรู้เรื่องยางรถยนต์กันต่อครับ กับคำว่า “ยางปีใหม่” จอร์จว่ามันเพียงเป็นสิ่งที่คนเลือกยางอยากได้ยางล็อตที่ใหม่ล่าสุดที่ผลิตจากโรงงานครับ ซึ่งถามว่าผิดไหมจอร์จว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดครับแต่จอร์จก็อยากมาขยายความมาอธิบายให้ลึกลงไปสักนิดว่าจริงๆแล้วเนี่ย ยางมันจำเป็นต้องใหม่ขนาดนั้นไหม หรือ ว่าเหตุผลอะไรที่เราต้องเข้าใจในการเลือกยาง

ยางปีใหม่จะมาเมื่อไหร่ แล้วยางปีใหม่เก่าต่างกันอย่างไร?

อย่างแรก จอร์จ อยากจะขออธิบายก่อนครับว่าจริงๆ แล้วยางปกติที่โรงงานผลิตออกมาเนี่ยอายุการใช้งานเป็นยังไงบ้าง อย่างแรกเลยนะครับยางรถใหม่ๆ เลยที่ยังไม่เคยใส่เลยนั้น กรณีที่เป็นแบรนด์ชั้นนำที่เรารู้จัก Michelin, Bridgestone, Yokohama, Dunlop, Goodyear, Continental, Maxxis, Dayton ฯลฯ แบรนด์พวกนี้ถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพการผลิตที่ดีมากเพราะฉะนั้น จอร์จ จะขอยึดจากกลุ่มแบรนด์กลุ่มนี้นะครับ ยางใหม่ๆ เลยที่ไม่เคยติดตั้งและเก็บอยู่ในโกดังในที่ร่มอายุของยางจะอยู่ได้สูงสุด 7-10 ปี ครับ แต่กรณีที่ใส่ยางเข้าไปในท้องยางและใช้งานแล้ว ระยะปลอดภัยที่สูงสุดจะอยู่ที่จำนวน 5 ปีครับ โปรโมชั่นยางรถแตกต่างกันไปตามร้านยางในแต่ละพื้นที่ครับ

ยางปีใหม่จะมาเมื่อไหร่ แล้วยางปีใหม่เก่าต่างกันอย่างไร?

ซึ่งถ้าใช้ต่อสามารถใช้ได้ครับแต่ว่าต้องหมั่นเช็กลมยางและสภาพยางให้ถี่เพิ่มมากยิ่งขึ้นครับ เพราะว่ายางที่ถูกอัดลมแล้วนั้นโครงยางจะค่อยๆเสื่อมสภาพลง ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการกักเก็บลมต่ำลงครับ ซึ่งอาจส่งผลให้ลมยางซึมไวขึ้น อีกทั้งยังมีโอกาสที่โครงยางจะเสื่อมสภาพลงด้วยครับทำให้เวลาถูกกระแทกอาจมีโอกาสที่จะทำให้ยางเสียหายได้ง่ายกว่าครับ เราก็พอจะเข้าใจกันแล้วใช่ไหมครับว่าจริงๆ แล้วยางใหม่ๆที่ขายๆ กันนั่น เราสามารถใช้งานได้ไม่ว่าจะปีเก่าไป 1 ปี 2 ปี หรือ 3 ปี ก็ใช้งานได้ไม่แตกต่างกัน (ปล.ถ้าเก่ากว่านี้ก็ตามเงื่อนไขที่ จอร์จแจ้งนะครับเพราะอาจเป็นยางค้างสต็อกมานาน)

เรากลับมาอธิบายต่อว่าแล้วทำไมเหตุผลอะไรถึงเราอยากได้ยางใหม่ๆ แน่นอนครับของใหม่ๆใครๆก็เฟ้นหาตามร้านยางกันอยู่แล้วเพราะเข้าใจว่ายิ่งใหม่นั่นก็ยิ่งดี ซึ่งก็เป็นสิ่งที่จอร์จพูดไปว่าไม่ใช่สิ่งที่ผิดครับ ยางปีใหม่ส่วนมากก็จะออกมาตั้งแต่เดือน มกราคม ยาวไปจนถึงกลางปี ซึ่งปัจจุบันหลายๆผู้ผลิตยางก็พยายามปรับตัวให้ตรงตามกับผู้บริโภค ให้ดียิ่งขึ้นครับซึ่งแบรนด์เล็กและแบรนด์ไทยมักจะทำได้ดีในส่วนนี้ครับ ซึ่งอาทิตย์ที่สองของปีก็มักจะออกยางปีใหม่ออกมาแล้วครับ ซึ่งสิ่งนี้ จอร์จ บอกเลยว่าเป็นข้อได้เปรียบของผู้บริโภคอย่างมากถ้ายางปีใหม่ออกมาปุบยางปีเก่าก็จะถูกลดราคาไปโดยปริยายครับ

ยางปีใหม่จะมาเมื่อไหร่ แล้วยางปีใหม่เก่าต่างกันอย่างไร?

ซึ่งปีเก่านั้นหมายถึงแค่ธันวาคมก็ถือว่าเป็นปีเก่าแล้วนะครับ ซึ่งจริงๆมันต่างกันแค่ สัปดาห์ หรือไม่เกิน 1-3 เดือนเองครับถือว่าได้ของใหม่ราคาถูกก็เป็นไปได้ครับ (อันนี้พูดถึงเฉพาะแบรนด์เล็กนะครับ) แต่แบรนด์ใหญ่ๆถึงจะมีการปรับตัว แต่การออกยางปีใหม่ก็จะค่อยๆทยอยออกมาเพราะเนื่องจากความหลากหลายรุ่น หลากหลายไซส์ และปริมาณความต้องการของตลาดที่มากกว่าแบรนด์เล็กๆครับ ซึ่งแบรนด์ใหญ่ๆก็จะค่อยๆทยอยผลิตเป็นไซส์ๆ เป็นลายดอกยางไปครับ จึงทำให้ยางปีใหม่จะออกช้ากว่าแบรนด์เล็กๆ ครับ

แต่อย่างที่จอร์จ บอกไปและครับจริงๆ แล้วถึงเราได้ยางปีเก่าย้อนหลังไปแค่ 6 เดือน เป็นเรื่องปกติมากๆ ในกรณีที่เราเลือกยางแบรนด์พรีเมียมหรือแบรนด์ใหญ่ๆนะครับ เพราะฉะนั้นเพื่อนๆ ที่ต้องการเปลี่ยนยางแล้ว ไม่ต้องกังวลในเรื่องปียางขนาดนั้นจนไปเลือกยางแบรนด์ราคาถูก เพราะว่าจะทำให้คุณเสียเงินสองต่อเมื่อใช้งานไปแล้ว เกิดความไม่พอใจในสินค้าต้องมาเปลี่ยนใหม่อีกรอบครับ ยางปีเก่า แบบ 5-8 เดือน ใช้งานไม่มีปัญหาแน่นอน 100% ครับ จอร์จ เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางนั่งยัน ยืนยัน รับรองการรับประกันจาก Tiresbid แน่นอนครับ

ยางปีใหม่จะมาเมื่อไหร่ แล้วยางปีใหม่เก่าต่างกันอย่างไร?

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ https://tiresbid.com/home ได้เลยครับ เพราะเราเป็นเว็บจำหน่ายยางที่ดีที่สุดครับ มีแบรนด์สินค้าคุณภาพให้เลือกมากที่สุด และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดในประเทศ แถมไทร์บิดเรายังมีบริการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกลาง ให้เพื่อนๆที่ต้องการสอบถามได้ยางที่เหมาะสมที่สุดผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) เราเป็นตัวกลางยางมืออาชีพโปรโมชั่นยางรถพิเศษไทร์บิดมากมาย  ให้บริการครบทุกรูปแบบ จุดบริการ เปลี่ยนถึงบ้าน จัดส่ง Fast Service ทุกรูปแบบการรับบริการนัดหมายล่วงหน้า ใช้เวลาเพียง 1 ชม. ในการรับบริการติดตั้งเปลี่ยนยาง ให้เรื่องยางรถของคุณง่ายยิ่งขึ้น ซื้อยางรถมั่นใจทุกครั้งที่ไทร์บิด วันนี้ก็ขอขอบคุณมากครับเพื่อนๆที่ติดตาม หากมีข้อสงสัยเลือกยางไม่ถูกสอบถามมาที่ไทร์บิดของเราได้เลยครับ วันนี้ขอบคุณมากครับ