5 เคล็ดไม่ลับ เสริมฮวงจุ้ยที่จอดรถในบ้านคุณ

ทุกวันนี้ เรื่องที่จอดรถ นับว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนเมือง โดยเฉพาะคนที่มีรถหลายๆ คัน! อาจจะต้องนำรถไปจอดที่นั่นที่นี่ จอดรถหน้าบ้าน หรือต้องหาซื้อบ้านที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับกับจำนวนรถที่มีได้

หลายคนอาจจะซื้อบ้านที่เป็นโครงการสร้างขายตามหมู่บ้าน ที่มีโรงรถ ที่จอดรถในตัวบ้านอยู่แล้ว หรือซื้อที่ดินเปล่า แล้วปลูกบ้านเองก็มี พร้อมกับสร้างโรงรถ กับที่จอดรถตามความชอบไปด้วย เพื่อให้รถคันรัก ไม่ต้องเผชิญกับลมแดดลมฝนทั้งวันทั้งคืน

ซึ่งการสร้างโรงรถ ก็มีหลักฮวงจุ้ยที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน ซึ่งจะช่วยเสริมดวงชะตาและโชคลาภให้คนในบ้านได้ 5 เคล็ดไม่ลับเสริมฮวงจุ้ยสำหรับโรงรถ และที่จอดรถควรเป็นอย่างไร Mr.Carro มาเล่าให้ฟังจ้า

5 เคล็ดไม่ลับ เสริมฮวงจุ้ยที่จอดรถในบ้านคุณ

ภาพจาก 澤田 秀幸

1. ที่จอดรถ ควรแยกจากตัวบ้าน

หลักฮวงจุ้ยถือว่า ไม่ควรสร้างโรงรถ หรือที่จอดรถขวางหน้าบ้าน เพราะเป็นการปิดกั้นกระแสชี่ที่ดีที่จะไหลเข้าบ้าน แต่ถ้ามองในทางวิทยาศาสตร์ รถยนต์มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ปล่อยก๊าซพิษ ควันไอเสียต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และสุขภาพร่างกาย ถ้าโรงรถอยู่ห่างจากตัวบ้าน คนในบ้านก็จะได้รับมลพิษน้อยลง

สำหรับใครที่มีบ้านเดี่ยว ก็สามารถสร้างโรงรถแยกออกจากตัวบ้านได้ แต่ถ้าใครอยู่บ้านทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม อันนี้ก็คงเลี่ยงยากหน่อย เว้นเสียแต่ว่าจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) มาใช้แทน

5 เคล็ดไม่ลับ เสริมฮวงจุ้ยที่จอดรถในบ้านคุณ

ภาพจาก LIXILリフォームショップ

2. ที่จอดรถ อากาศต้องถ่ายเทสะดวก อยู่ใต้ลม และสว่าง

ที่จอดรถในบ้านที่ดี ควรมีอากาศที่ไหลเวียนสะดวก มีแสงธรรมชาติเข้ามาได้บ้าง และใช้วัสดุปูพื้นที่ไม่ลื่น เช่น ใช้พื้นกรวดล้าง ทรายล้าง ออกแบบให้คนทุกวัยในบ้านสามารถเดินเหินได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ตามหลักอารยสถาปัตย์ (Universal Design) ได้ยิ่งดี เพื่อป้องกันอุบัติเหตุขณะขับรถเข้าบ้านตอนฝนตก

5 เคล็ดไม่ลับ เสริมฮวงจุ้ยที่จอดรถในบ้านคุณ

3. ที่จอดรถควรอยู่ทางด้านซ้ายของตัวบ้าน

บ้านทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม หรือบ้านเดี่ยวตามหมู่บ้านจัดสรร มักนิยมสร้างโรงรถ หรือที่จอดรถเว้าเข้าไปในตัวบ้าน เพราะต้องการใช้เนื้อที่ให้คุ้มค่า และง่ายต่อการออกแบบ ควรเว้นส่วนที่เว้าไปทางด้านซ้ายของบ้าน เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งมังกรเขียว แต่ควรหลีกเลี่ยงทางด้านขวา เพราะอาจส่งผลเสียได้

5 เคล็ดไม่ลับ เสริมฮวงจุ้ยที่จอดรถในบ้านคุณ

4. ที่จอดรถอย่าตรงกับห้องนอน

บางบ้านถ้าเป็นบ้านชั้นเดียว หากมีที่จอดรถภายในบ้าน เป็นไปได้อย่าสร้างห้องนอนตรงกับโรงจอดรถ เพราะเป็นชี่พิฆาต โดยเฉพาะอย่าหันหัวเตียงไปทางเดียวกับที่รถวิ่งเข้ามา และไม่ควรสร้างห้องนอนเหนือโรงรถ เพราะทั้งเสียง ฝุ่น ควัน และมลพิษ จากรถยนต์ ย่อมส่งผลต่อการนอนหลับพักผ่อนและสุขภาพ

5 เคล็ดไม่ลับ เสริมฮวงจุ้ยที่จอดรถในบ้านคุณ

5. ทางรถยนต์วิ่งเข้าบ้าน ต้องสร้างให้ถูกต้อง

ที่จอดรถในบ้าน พื้นไม่ควรลาดเอียงออกจากตัวบ้านมาก เพราะเชื่อว่าเงินทองจะรั่วไหลออกไป อีกทั้งยังลดการเกิดอุบัติเหตุเวลาขับรถเข้า-ออกบ้าน อีกด้วย (กรณีที่เผลอเหยียบคันเร่ง) และควรมีความกว้างที่พอเหมาะ เพราะเชื่อกันว่าโชคลาภจะเข้าสู่บ้านได้ไม่เต็มที่นั่นเอง

สิ่งสำคัญ อย่าลืมทำความสะอาดโรงรถอยู่เสมอๆ นอกจากจะสะอาดแล้ว ยังไม่ให้มี หนู มด แมว หรืองู ฯลฯ เข้ามาซ่อนในที่จอดรถ หรือกัดสายไฟในรถได้อีกด้วย เรียกได้ว่าได้ที่จอดรถที่เสริมดวง ถูกหลักฮวงจุ้ยแล้ว ยังสะอาดและปลอดภัยด้วยครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เหมาะกับโรงรถบ้านคุณ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

เลือกที่จอดรถบ้านทาวน์เฮ้าส์อย่างไร ให้ดีที่สุด

วิถีชีวิตของคนเรา เมื่อมีเงินสักก้อน นอกจากจะซื้อรถป้ายแดง หรือรถมือสองมาใช้กันแล้ว แทบทุกคนย่อมอยากมีบ้านตามไปด้วย ซึ่งในการซื้อบ้านของเรา ปัจจัยหลักๆ ก็จะอยู่ที่ราคาเหมาะกับความสามารถในการผ่อนจ่ายของเรา

รวมไปถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ อาทิ ทำเลที่ตั้ง โครงการหมู่บ้าน จำนวนยูนิต ค่าส่วนกลาง ระบบสาธารณูปโภค ระบบขนส่งมวลชน การรักษาความปลอดภัย น้ำท่วมมั้ย ฯลฯ ที่ต้องวิเคราะห์ให้ละเอียด ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหลังที่ต้องการ

เลือกโรงรถบ้านทาวน์เฮ้าส์อย่างไร ให้ใช้งานได้ดีสุด

ซึ่งในแต่ทำเล แต่ละหมู่บ้าน ก็มีที่อยู่อาศัยให้เลือกกันหลากหลายแบบ เช่น บ้านทาวน์เฮ้าส์, บ้านทาวน์โฮม หรือบ้านเดี่ยว หลายคนอาจจะเลือกบ้านทาวน์เฮ้าส์ (หรือทาวน์โฮม) เพราะมีราคาไม่แพงมาก (รวมไปถึงเนื้อที่ตัวบ้านก็ไม่มาก ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 16 – 25 ตร.วา) ดูแลง่าย มีนิติบุคคลคอยจัดการสิ่งต่างๆ หรือถ้าจะเลือกซื้อบ้านมือสองก็ได้เช่นกัน

แน่นอนว่าถ้าคนซื้อบ้านมีรถแล้ว ก็ย่อมอยากออกแบบโรงรถให้สวยงาม และปลอดภัยต่อคนทุกวัย Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟังว่า เลือกโรงรถบ้านทาวน์เฮ้าส์อย่างไร ให้ใช้งานได้ดีที่สุด

เลือกโรงรถบ้านทาวน์เฮ้าส์อย่างไร ให้ใช้งานได้ดีสุด

ตามปกติแล้ว โครงการหมู่บ้านส่วนใหญ่ มักจะออกแบบโรงรถให้เป็นบริเวณที่เปิดโล่ง หรือมีชานจากตัวบ้านบังตัวรถได้นิดหน่อย เพื่อให้เจ้าของบ้านตกแต่งเองเพิ่มเติม (เว้นเสียแต่ว่า คุณซื้อบ้านมือสองมาแล้วเจ้าของเดิมต่อเติม ตกแต่งไว้ให้แล้ว)

บ้านทาวน์เฮ้าส์ที่มีอยู่ในท้องตลาดปัจจุบัน มีหน้ากว้างที่ค่อนข้างหลากหลายตามการออกแบบ จัดวางพื้นที่ และราคาที่จะตั้งขาย มีตั้งแต่ความกว้างขั้นต่ำ (วัดจากเขตที่ดินบ้าน ที่กินเนื้อที่เข้าไปกำแพงบ้านประมาณ 20 ซม.) ตามกฎหมาย 4 เมตร ไปจนถึง 10 เมตร ก็มี ซึ่ง พรบ. ควบคุมอาคาร ปี 2522 ฉบับปรับปรุงปี 2558 ระบุว่า ช่องจอดรถขั้นต่ำ ต้องมีขนาดอย่างน้อย 2.4 X 5 เมตร)

เมื่อเทียบกับขนาดรถยนต์ที่ขายในบ้านเราส่วนใหญ่ ตัวรถจะมีความยาวอยู่ที่ประมาณตั้งแต่เกือบๆ 4 เมตร ไปจนถึงไม่เกิน 5 เมตรครึ่ง รวมไปถึงความกว้างของตัวรถ มักอยู่ที่ประมาณ 1.7 เมตร ไปจนถึงเกือบๆ 2 เมตร (กรณีรถคันใหญ่มาก) ซึ่งถ้าใครใช้รถหรูๆ หรือรถกระบะ รถ SUV คันใหญ่ๆ ก็ต้องหาบ้านที่หน้ากว้างๆ หน่อยละกัน เวลาเข้า-ออก รถ จะได้ไม่ลำบาก

เลือกโรงรถบ้านทาวน์เฮ้าส์อย่างไร ให้ใช้งานได้ดีสุด

บ้านทาวน์เฮ้าส์หน้ากว้าง มีพื้นที่ใช้สอยเท่าไหร่ จอดรถได้กี่คัน …

  • ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 4 เมตร : จอดรถได้ 1 คันเท่านั้น พอเหลือพื้นที่ด้านข้างนิดหน่อย สำหรับเปิดประตูรถ เดิน หรือใช้วางสิ่งของที่เกี่ยวกับการดูแลรถ เช่น อุปกรณ์ เครื่องมือ หรือน้ำยาต่างๆ หรือจะใช้จอดมอเตอร์ไซค์ได้อีกคัน
  • ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5 – 5.7 เมตร : หมู่บ้านยุคใหม่หลายโครงการ นิยมออกแบบหน้ากว้างประมาณนี้มาก เพราะสามารถจอดรถได้ตั้งแต่ 1 หรือ 2 คัน แต่ถ้าคุณจอดรถเพียง 1 คัน ก็จะมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น เปิดประตูรถได้กว้างขึ้น
  • ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 6 – 7 เมตร : พื้นที่ขนาดนี้ ออกแบบมาให้จอดรถได้ 2 คัน หรือใช้จอดจักรยาน จอดมอเตอร์ไซค์เพิ่มเติมได้ แต่ถ้าจะเปิดประตูรถที่จอดติดกัน อาจจะเปิดได้ไม่กว้างนัก
  • ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 8 – 10 เมตร : เป็นระยะความกว้างที่สุด จอดรถได้ 3 คัน พร้อมพื้นที่ทำกิจกรรมต่างๆ ได้อิสระมากขึ้น สำหรับสมาชิกหลายๆ คนในบ้าน ถ้าจอดรถเพียงแค่คันเดียว ก็เปิดประตูรถได้กว้างสุดๆ

เลือกโรงรถบ้านทาวน์เฮ้าส์อย่างไร ให้ใช้งานได้ดีสุด

ที่สำคัญ ต้องเลือกเนื้อที่ความลึกของที่จอดรถให้มากกว่าความยาวของรถคุณด้วย เพราะถ้าขับรถเข้าไปจอดในบ้านเรา ไม่มีพื้นที่เว้นระยะห่างหน้า-หลัง ของรถเลย ก็อาจใช้งานไม่สะดวกได้เช่นกันครับ เช่น การเปิดฝากระโปรงหน้ารถ หรือเปิดท้ายรถเพื่อหยิบของ

เลือกโรงรถบ้านทาวน์เฮ้าส์อย่างไร ให้ใช้งานได้ดีสุด

ภาพจาก Tai Phimjai

พื้นโรงรถ

กรณีที่คุณซื้อบ้านมาแล้ว หรือซื้อบ้านมือสองมา อยากตกแต่งโรงรถเพิ่มเติม ก็สามารถทำได้ การทำทางลาด (Slope) สำหรับโรงรถนั้นจำเป็น ในกรณีที่คุณอาจต้องล้างรถในบ้าน หรือพื้นที่ถนนส่วนกลางภายนอกเท่ากันหรือสูงกว่าตัวพื้นบ้าน จนน้ำสามารถเข้ามาท่วมในบ้านได้เมื่อฝนตกหนัก ก็ควรทำทางลาดให้สูงหน่อย

แต่ก็อาจพบปัญหาได้ ในส่วนบริเวณรอยต่อพื้นดินหน้าบ้าน หรือหน้าถนนที่ทางลาด เมื่อเวลาผ่านไป ถ้าทำไม่ดี หรือรับน้ำหนักเยอะๆ บ่อยๆ มักเกิดการทรุดตัว ปูนแตกร้าว เวลาเดินอาจสะดุดหรืออันตรายได้

แต่ก็ไม่ควรทำที่จอดรถชันจนเกินไป เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุขณะตอนเคลื่อนรถเข้าไปจอดในบ้าน หรือระหว่างถอยเข้าไปจอดในบ้านได้ (เพราะขับรถขึ้นทางลาด รถต้องมีแรงส่งในการนำเข้าไปจอด อาจหรือเผลอเหยียบคันเร่งมากเกินไป จนพุ่งเข้าไปชนกำแพงบ้านได้นั่นเอง)

เลือกโรงรถบ้านทาวน์เฮ้าส์อย่างไร ให้ใช้งานได้ดีสุด

ภาพจาก Bank HomeNow

พื้นปูโรงรถ

สำหรับพื้นที่ปูโรงรถในบ้านทาวน์เฮ้าส์ ถ้าเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ จะบ้านใหม่หรือบ้านมือสอง ก็มีให้เลือกด้วยกันหลายแบบด้วยกัน เช่น

  • ที่จอดรถคอนกรีตทั่วไป นับได้ว่าเป็นมาตรฐานของหมู่บ้านทั่วไทยก็ว่าได้ เพราะถูกและแข็งแรง บางโครงการอาจมีทั้งแบบผิวหยาบ แบบขัดมัน ดูแลรักษาง่าย แค่ผสมหิน ปูน ทราย ให้ได้มาตรฐาน สามารถไปตกแต่งเองเพิ่มเติมทีหลังได้ ไม่ว่าจะใช้ปูกระเบื้อง ปูหินอ่อน ปูกรวดล้าง ทรายล้าง ที่มีให้เลือกกันหลายเบอร์ เป็นต้น
  • ที่จอดรถคอนกรีตพิมพ์ลาย หรือแสตมป์คอนกรีต หลายคนอาจจะชอบความสวยงาม พื้นโรงรถมีลวดลาย ก็อาจจ้างช่างให้มาทำคอนกรีตพิมพ์ลาย ตกแต่งผิวหน้าคอนกรีต โดยช่างจะโรยผงสี (กรณีต้องการมีสีสัน) บนผิวหน้าคอนกรีตก่อนทำการพิมพ์ลาย จากนั้นนำแม่แบบมาพิมพ์ลาย ต่อกันจนครบทั้งหมด ให้เป็นลวดลายที่ดูเสมอกัน และมีลวดลายที่ช่วยกันลื่นเวลาเจอน้ำด้วย
  • ที่จอดรถปูกระเบื้องเซรามิก การเลือกกระเบื้องเซรามิกมาปูพื้นโรงรถ ควรเลือกกระเบื้องปูพื้นประเภทแกรนิตโต้ ที่มีผิวหยาบ มีลวดลาย เพราะกันลื่นได้ แถมแข็งแรง ทนทาน
  • ที่จอดรถปูกรวดล้างทรายล้าง ข้อดีคือ เหมาะสำหรับบ้านที่มีผู้สูงอายุ และเด็กๆ เพราะมีพื้นผิวขรุขระ ป้องกันการลื่นได้ แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน คือทำความสะอาดและซ่อมแซมยาก และตะไคร่ชอบขึ้น (ขัดกันเหนื่อยเลยแต่ละที) ที่สำคัญต้องเคลือบน้ำยาป้องกันการสะสมตะไคร่ ตามซอกเม็ดหินอย่างสม่ำเสมอ
  • ที่จอดรถปูหินแกรนิต มีราคาสูงและเป็นที่นิยม ด้วยความแข็งแรงสุดๆ ทนทาน ดูแลรักษาง่าย ผิวหยาบเรียบ เดินแล้วไม่ลื่น ควรเลือกหินแกรนิตที่มีความหยาบ และหนากว่าหินแกรนิตโดยทั่วไปประมาณ 3-4 นิ้ว เพื่อรองรับน้ำหนักของตัวรถได้มาก

ส่วนวัสดุแบบอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมลงไปก็มีอย่างเช่น บล็อกหญ้า, บล็อกตัวหนอน, พื้นยางปูพื้น, ลาดยางมะตอย หรือ อีพ๊อกซี่ เป็นต้น

เลือกโรงรถบ้านทาวน์เฮ้าส์อย่างไร ให้ใช้งานได้ดีสุด

ภาพจาก บ้านมือสอง-สมุทรปราการ

หลังคา / กันสาด

การเลือกหลังคาโรงรถ โดยมากแล้ว บ้านทาวน์เฮ้าส์จะเลือกหลังคาโรงรถแบบทรงเรียบ หรือทรงโค้ง ให้เทลาดมาด้านหน้าถึงรั้วบ้าน หรือเลยออกไปบริเวณทางลาดหน้าบ้าน เพราะเวลาฝนตกน้ำจะได้ไหลมาลงไปที่รางระบายน้ำข้างหน้า หรือด้านหน้าบ้านตัวเอง ไม่ไปไหลลงที่ข้างบ้าน ซึ่งบางบ้านอาจจะติดตั้งผ้าใบกันฝนได้อีกด้วย

วัสดุปูหลังคาก็มีอยู่หลายแบบ ทั้งแบบสังกะสี แบบกระเบื้อง แบบสแตนเลส แบบเมทัลชีท แบบไวนิล แบบโพลีคาร์บอเนต ซึ่งมีข้อดีข้อเสียอย่างไร เรามาดูกัน …

  • หลังคาสังกะสี มีคุณสมบัติพื้นผิวมันเรียบ น้ำหนักเบา ราคาถูกจำหน่ายเป็นฟุต ราคาต่อฟุตแตกต่างกันตามสี และชั้นคุณภาพของสังกะสี ข้อดีคือราคาถูก ทนทาน สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือยังนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้ เช่น ใช้ทำฝาผนัง หรือทำรั้ว
    ส่วนข้อเสียของหลังคาสังกะสี คือ เมื่อใช้ไปนานๆ เจอแดดเจอฝนนานๆ มักขึ้นสนิม ผุ ไม่ทนต่อแรงลม เจอพายุมาทีปลิวไปหมดเลยก็มี และโรงรถร้อน เพราะหลังคาสังกะสีอมความร้อน กระจายความร้อนได้รวดเร็ว (วิธีแก้คือ รองด้วยฉนวนกันความร้อน หรือโฟมบุหลังคา) และเสียงดังมากเมื่อฝนตกหนัก
  • หลังคาเหล็กเมทัลชีท คือหลังคาที่เป็นแผ่นเหล็กเคลือบด้วย Aluzinc (อลูซิงค์) มีส่วนประกอบของ อะลูมิเนียม 55% และสังกะสี 45% เพื่อป้องกันการเกิดสนิม รีบจนเป็นแผ่นลอนบาง ข้อดี คือ กันสนิมได้ ติดตั้งได้ง่าย แข็งแรง ทำหลังคาโค้งได้ กันน้ำซึมได้เพราะเป็นแผ่นยาวไร้รอยต่อ มีหลายสีให้เลือก ราคาไม่แพง
    แต่ข้อเสียคือ อมความร้อน (วิธีแก้คือ รองด้วยฉนวนกันความร้อน หรือโฟมบุหลังคา) น้ำหนักมากกว่าหลังคาสังกะสี และเสียงดังเมื่อฝนตกหนัก
  • หลังคาสแตนเลส คือ เหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนน้อยกว่า หรือต่ำกว่า 2% ของน้ำหนัก และมีส่วนผสมของโครเมียมอย่างน้อยที่สุด 5% ขึ้นไป หรือเรียกว่าเหล็กกล้าไร้สนิม ข้อดี คือ น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย ง่ายต่อการติดตั้ง ปลอดสนิม น้ำหนักเบา ทนความร้อน ส่วนข้อเสีย คือ ราคาสูง และไม่ทนทานเท่าหลังคาเหล็ก
  • หลังคากระเบื้อง เป็นหลังคาที่ทำมาจากไฟเบอร์ซีเมนต์ แข็งแรง อายุการใช้งานยาวนานกว่าวัสดุประเภทอื่นๆ รับแรงกระแทกดี (เช่น มีของหล่นใส่ ไม่บุบหรือแตก) ทนทาน เสียงไม่ดังเวลาฝนตกหนัก ซ่อมแซมง่าย แผ่นไหนรั่วแตกก็ถอดเปลี่ยนได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนยกแผงแบบประเภทอื่น
    แต่ข้อเสียก็มี คือ น้ำหนักมาก ต้องทำโครงสร้างโรงรถให้รับน้ำหนักได้ และปัญหารั่วซึมตามรอยต่อกระเบื้อง ต้องอัดกาวหรือเปลี่ยนเพื่อซ่อมแซมใหม่
  • หลังคาไวนิล เป็นหลังคาที่ทำมาจาก UPVC หรือ Unplasticised Poly Vinyl Chloride ข้อดี คือ ทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี ยืดหยุ่น ป้องกันความร้อนได้ดี เก็บความเย็น น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ฝนตกหนักเสียงไม่ดัง และติดไฟยาก ส่วนข้อเสีย คือ เมื่อใช้งานไปนานๆ หลังคาสีจะซีด และมีราคาสูง
  • หลังคาโพลีคาร์บอเนต เป็นหลังคาที่ทำมาจากพลาสติกแข็ง มีทั้งแบบแผ่นตันและแผ่นลูกฟูก ข้อดีคือ โปร่งแสง ทำให้บริเวณโรงรถไม่มืด มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง ทนต่อสภาพอากาศ ดัดรูปทรงตามต้องการได้ และเวลาฝนตกเสียงไม่ดัง ส่วนข้อเสียคือราคาสูง เป็นรอยขีดข่วนง่าย ติดไฟได้เนื่องจากวัสดุพลาสติกค่อนข้างไวไฟ

เลือกโรงรถบ้านทาวน์เฮ้าส์อย่างไร ให้ใช้งานได้ดีสุด

ภาพจาก สืบพงษ์ เครือน้อย

บางคนก็ไม่อยากได้หลังคาแบบทึบแสง อยากให้มีแสงส่องเข้ามาในโรงรถบ้าง ก็อาจจะเลือกหลังคาที่ใช้วัสดุแบบโปร่งแสงชนิดอื่นๆ เช่น ไฟเบอร์กลาส หรือโพลีคาร์บอเนต เป็นต้น

สำหรับใครที่กำลังเลือกตกแต่งโรงรถให้กับบ้านหลังใหม่ หรือบ้านหลังเดิมของคุณอยู่ ก็ลองนำไปพิจารณาดู ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหลายด้าน ทั้งความชื่นชอบ ฟังก์ชั่นการใช้งาน กับงบประมาณที่ตั้งไว้ครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เหมาะกับโรงรถบ้านคุณ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

ต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม จมน้ำ 5 จุด แบบง่ายๆ

ถ้าหากคุณต้องการจะซื้อรถมือสองในเวลานี้ นอกจากเราจะต้องตรวจดูสภาพรถอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทั้งตัวถังรถ สีรถ เครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง สภาพภายในรถ รวมไปถึงการทดลองขับขี่ ฯลฯ

แต่ … สิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่าง นั่นคือคุณต้องดูด้วยว่า “รถคันนี้ ผ่านการถูกน้ำท่วมมาหรือไม่” ด้วยนะครับ!

“น้ำท่วม” หรือ “น้ำรอการระบาย” ถือเป็นปัญหาสุดคลาสสิกในหลายพื้นที่ของไทย จึงไม่แปลกที่ในตลาดรถมือสองจะมี “รถจมน้ำ” โผล่มาขายอยู่บ้าง แต่ก็สังเกตได้ยากเนื่องจากถูกซ่อมแซมมาใหม่หมดแล้ว แต่เราจะมีวิธีดูรถอย่างไรบ้าง? Mr.Carro ก็ขออาสามาแนะนำวิธีดูรถน้ำท่วม หรือรถจมน้ำมา 5 จุด แบบง่ายที่สุด ให้ทุกคนเป็นความรู้กันครับ

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำ 5 จุด แบบง่ายที่สุด

ภาพจาก วิเชษฐ ศรีสวาสดิ์

1. เช็คตัวถัง หาสนิม

จุดแรกที่ควรสังเกตกันก่อนเลย นั่นคือ สภาพตัวถังรถ ซึ่งหลายคันภายนอกอาจจะทำการสาดสีใหม่มาแล้ว ก็อาจจะสังเกตยากหน่อย แต่ในกรณีที่ยังเป็นสีเดิมๆ ของตัวรถ ก็ขอให้สังเกตดูในบริเวณรอยตะเข็บตัวถังจุดต่างๆ ของรถ โดยเฉพาะใต้ท้องรถ ใต้กันชน ขอบยางประตูรถ พวกน็อตยึดต่างๆ หรือบริเวณแชสซีส์รถ

ถ้ามีสนิมขึ้นในที่ที่ไม่น่าจะมี เช่น มุมที่ไม่ได้อยู่บริเวณด้านล่างของตัวรถ ชายล่าง ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่า อาจเป็นไปได้ว่าเคยแช่น้ำ แช่โคลน หรือจมน้ำมาก่อน

ส่วนถ้าเป็นภายในรถ ให้ลองดูบริเวณชิ้นส่วนเหล็ก ใต้บังโคลนล้อหน้า-หลัง แผงฟิวส์บริเวณข้างแป้นคันเร่ง หรือที่วางเท้าคนนั่ง และน็อตยึดฐานเบาะนั่งคู่หน้าของตัวรถ ว่ามีสนิมขึ้นหรือไม่ หรือเบาะนั่งเลื่อนได้สะดวกหรือไม่ ก็อาจจะสังเกตตรงจุดนี้ได้เช่นกัน

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำ 5 จุด แบบง่ายที่สุด

ภาพจาก Nobuyasu Watada / Masanobu Hatsuchi

2. ระบบไฟฟ้า

ขึ้นชื่อว่าน้ำกับไฟย่อมไม่ถูกกัน เมื่อไฟเจอน้ำก็มักจะช็อต ซึ่งอาจจะทำให้ระบบไฟในรถมักรวน เพราะมีความชื้นอยู่ในแผงวงจร สายไฟ หรือแผงฟิวส์ ส่งผลให้การทำงานของระบบไฟฟ้าในรถ เดี๋ยวใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง

วิธีสังเกต ให้ลองสตาร์ทรถดูการทำงานของเครื่องยนต์ ดูระบบไฟฟ้าต่าง ว่าทำงานได้ปกติหรือไม่ ยกเว้นว่าคันที่จะเปลี่ยนระบบไฟฟ้า หรือเดินสายไฟมาใหม่ อันนี้ก็อาจยากที่จะสังเกต

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำ 5 จุด แบบง่ายที่สุด

ภาพจาก Atipong Pongpat

3. เครื่องยนต์

รถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมบริเวณเครื่องยนต์ มักจะถูกยกและถอดออกมาทำความสะอาดขจัดคราบน้ำและโคลนที่เข้าไป แต่หลายๆ อู่ มักจะไม่เปลี่ยนน๊อตที่ประกอบเครื่องยนต์ใหม่เท่าไหร่ ก็อาจจะสังเกตตรงจุดได้ว่าถ้าเห็นชิ้นส่วนน็อตที่ขึ้นสนิม หรือมีร่องรอยการถอดประกอบเครื่อง โดยเฉพาะรอยยากาวตรงฝาสูบ หรือสังเกตตรงฝาตาน้ำเครื่องยนต์ เป็นต้น

แต่ในกรณีที่เจ้าของเดิมยกเครื่องยนต์ใหม่มาวางแทนเครื่องยนต์เดิม อันนี้ก็อาจจะสังเกตได้ยากหน่อย

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำ 5 จุด แบบง่ายที่สุด

ภาพจาก Kh Un Per

4. เครื่องมือช่างประจำรถ

ชุดเครื่องมือช่างประจำรถ เช่น ประแจ หรือแม่แรง มักจะเก็บไว้ในท้ายรถ บริเวณยางอะไหล่ อาจสังเกตได้หากชุดเครื่องมือเหล่านี้มีสนิมขึ้นอยู่ รวมถึงบริเวณยางอะไหล่ ตามรอยอาร์ค รอยยาแนว อาจสังเกตได้จากคราบดำๆ หรือคราบน้ำ คราบโคลน ที่อาจมีติดฝังแน่นอยู่

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำ 5 จุด แบบง่ายที่สุด

ภาพจาก Sutha Luaknaree

5. กลิ่นในห้องโดยสาร

เรื่องกลิ่นนี่ก็พอจะบ่งบอกได้ว่า รถคันนี้เคยถูกน้ำท่วมมาเช่นกัน แม้ว่ารถที่นำมาขายจะถูกปรับปรุงสภาพมาแล้วก็ตาม ซึ่งพรม และเบาะนั่ง จะถูกนำออกไปซักและตากแดด หรือถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่

กลิ่นในห้องโดยสารที่ติดอยู่ตามซอกมุมต่างๆ ของตัวถังรถ อันนี้เป็นเรื่องยากที่จะกำจัด เนื่องจากน้ำที่ท่วมเป็นน้ำโคลน กลิ่นต่างๆ จะติดอยู่ได้นาน

แต่ถ้าคุณเลือกรถกับที่ Carro ทั้ง 5 ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะเราตรวจสอบรถยนต์โดยละเอียดถึง 160 จุด ตรวจสอบทุกจุด

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

10 อันดับ รถ SUV และ Crossover ถูกสุดในไทย ปี 2022

ถ้าจะให้พูดถึง “รถ SUV” (Sport Utility Vehicle) แล้ว ในบ้านเราก็มีอยู่หลากหลายประเภท เริ่มต้นตั้งแต่แบบ Crossover ซึ่งมาจากคำว่า Crossover Utility Vehicle ซึ่งเป็นรถที่ประกอบเป็นชิ้นเดียวกันทั้งคัน ดูคล้ายกับรถเก๋งยกสูง รูปร่างหน้าตาสวย เน้นความอเนกประสงค์ ตัวรถไม่ใหญ่มากนัก เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก หรืออาจจะลุยได้บ้าง แต่ก็ไม่มากเท่ากับแบบ SUV แท้ๆ

สำหรับรถ SUV นั้น ก็ยังมีแยกย่อยไปได้อีก 2 แบบหลักๆ ได้แก่ SUV แบบที่มีลักษณะเดียวกันกับรถแนว Crossover แต่มีขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่า โครงสร้างตัวรถเป็นแบบ Monocoque เชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกันตลอดคัน ให้ความนุ่มสบายกว่าเวลาขับ มีที่นั่งทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง

และรถ SUV ที่โครงสร้างตัวรถมีแชสซีส์เป็นฐานหลัก แบบเดียวกับรถกระบะ ที่บ้านเรามักเรียกกันว่า “รถ PPV” หรือ Pick-up Passenger Vehicle ช่วงล่างแบบรถกระบะ เด้ง สะเทือน แต่ผู้ผลิตรถก็พยายามปรับช่วงล่างให้นุ่มนวลขึ้น ด้วยการใช้คอยล์สปริง ตัวรถขนาดใหญ่ นั่งได้ 7-8 ที่นั่ง ใช้วิ่งในเมือง ลุยทางฝุ่น เข้าป่าฝ่าดงได้

คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงรถอเนกประสงค์ ที่ใช้งานได้หลากหลาย ขับไปทำงาน ไปพักผ่อนหย่อนใจกันได้ทั้งครอบครัว ฝนตกก็พอลุยน้ำท่วมได้ หรือเข้าทางลูกรังก็พอลุยได้ มีให้เลือกกันทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งยังแบ่งออกไปได้อีกเป็นแบบ Part-Time หรือแบบ Full-Time เป็นต้น

Carro ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ SUV และ Crossover ราคาถูกสุดในไทย ประจำปี 2022 มาให้ทุกท่านได้เลือก และเช็คราคากันครับ.

10 อันดับ รถ SUV และ Crossover ถูกสุดในไทย ปี 2022

1. MG ZS 1.5 C ราคา 689,000 บาท

MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) เป็นรถที่พวกลื้ออาจจะถามว่า กี่ล้านนนนน แต่ตอนพวกลื้อจะขาย ก็อาจจะถามว่า เหลือกี่แสนนนนน …..

โดย MG ZS จัดเป็นรถในระดับ B-SUV รุ่นไมเนอรเชนจ์ล่าสุด เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2563 เอาใจคนรุ่นใหม่ด้วยความเป็น Smart SUV ที่ชูจุดเด่นอย่างระบบ i-Smart ระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย และยังดูสถานะและสั่งงานระบบต่างๆ ของตัวรถผ่านแอพพลิเคชั่น MG iSMART บนโทรศัพท์มือถือ ได้อีกทั้งยังตั้งราคาในแบบที่ว่า “จับต้องได้” จนหลายต่อหลายคนต้องลองซื้อไปใช้กัน ห้องโดยสารภายในกว้างขวาง หรูหรา ใช้งานได้อเนกประสงค์

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ตัวเดียวกับที่ใช้ใน MG3 และ MG5 แต่ปรับแรงม้าให้มากขึ้นมาเป็น 114 แรงม้า พร้อมกับปรับปรุงชิ้นส่วนภายใน และช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension ส่งกำลังผ่านระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ CVT ใหม่

10 อันดับ รถ SUV และ Crossover ถูกสุดในไทย ปี 2022

2. Honda BR-V 1.5 V ราคา 765,000 บาท

Honda BR-V (ฮอนด้า บีอาร์วี) เป็นรถแนว Active Sport Crossover มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟหรี่และไฟ LED สำหรับวิ่งกลางวัน, ไฟตัดหมอกใหม่ เสาอากาศแบบครีบฉลาม (Shark Fin) ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว แถมยังสีภายนอกเพิ่มสีใหม่ แดงมุก Passion Red

ชูจุดเด่นด้วยภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-แดงสไตล์สปอร์ต มีระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งเบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถพับแยกแบบ 60:40 หรือพับตลบจังหวะเดียว (One Motion) ปรับเลื่อนหน้า-หลัง เพื่อให้ผู้โดยสาร แถวที่ 3 เข้า-ออกได้สะดวกยิ่งขึ้น และพนักพิงปรับเอนได้ถึง 3 ระดับ โดยเบาะนั่งแถวที่ 3 มีพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง พนักพิงสามารถพับแยกแบบ 50:50 หรือพับตลบไปด้านหน้า 2 จังหวะ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้าย และแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร แบบเดียวกับใน Honda City (โฉมเก่า) ให้แรงม้าสูงสุด 117 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT โดยทั้งเครื่องยนต์และเกียร์ พัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยี Earth Dreams พร้อมรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85

Mazda CX-3 2022

3. Mazda CX-3 2.0 Base ราคา 769,000 บาท

Mazda CX-3 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-3) ฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์รุ่นฮิต ในโฉมรถใหม่ 2022 ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถอเนกประสงค์ Compact SUV เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ตัวรถดูเรียบหรู ภายใต้ Concept “Less is More” เพิ่มตัวถังสีบรอนซ์ Platinum Quartz ผสมผลึกกึ่งโปร่งแสงจากควอตซ์ขาวละเอียด เป็นจุดเด่น

ภายในห้องโดยสารตกแต่งระดับพรีเมียม ทั้งคอนโซลหน้าแบบ Grand Luxe Suede สีเทา, เบาะนั่งสีดำเดินด้ายสีเทา พร้อมปรับไฟฟ้าด้านคนขับ 8 ทิศทางและหน่วยความจำ, หน้าจอ Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto หรือระบบชาร์จไฟไร้สาย Wireless Charger กล้องมองภาพด้านหลัง, ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ (Push Start Button) เป็นต้น

มาพร้อมขุมพลังเบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว SkyActiv-G ให้แรงม้าสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตร ให้กำลังเครื่องยนต์มากที่สุดและประหยัดน้ำมันมากที่สุดถึง 16.4 กม./ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85

10 อันดับ รถ SUV และ Crossover ถูกสุดในไทย ปี 2022

4. DFSK Glory 560 ราคา 789,000 บาท

การกลับมาใหม่อีกครั้ง สำหร้บ DFSK (ดีเอฟเอสเค) ที่เคยผลิตและนำเข้ารถบรรทุกเล็กกับรถตู้มาขายในไทย ก่อนจะเลิกขายไป งวดนี้ตัวแทนจำหน่ายรายเดิม ได้กลับมาทำตลาดใหม่พร้อมนำเข้า DFSK Glory 560 (ดีเอฟเอสเค กลอรี่ 560) รถ Crossover SUV สัญชาติจีนแบบ 7 ที่นั่ง ถูกสุดในตลาดบ้านเราแล้วตอนนี้ โดยนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย ซึ่งในตลาดจีนเองใช้ชื่อว่า Dongfeng Fengguang S560 (ตงฟง เฟิงกวง เอส560) เปิดตัวไปในช่วงปี 2017 ในราคาสุดคุ้ม แถมหรูอย่างกับรถยุโรป!

ภายนอกมาพร้อมชุดไฟหน้าแบบ Projector LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน และไฟตัดหมอกหน้า กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยว ที่ปรับและพับได้อัตโนมัติ ตกแต่งตัวรถให้ดูบึกบึน ส่วนไฟท้ายแบบแนวยาว มีเซ็นเซอร์ถอยหลัง ไฟตัดหมอกหลัง และล้อแม็กแบบสปอร์ตขนาด 17 นิ้ว

ส่วนภายในห้องโดยสาร ตกแต่งหรูหราเกินราคา ด้วยเบาะหนัง มาพร้อมหน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชันพร้อมปรับระดับได้ มีระบบอัจฉริยะ (Intelligent Features) ประกอบด้วย ระบบนำทาง GPS, รีโมทอัจฉริยะ Keyless, ปุ่ม Push Start, กระจกไฟฟ้าขึ้น-ลง ควบคุมได้ด้วยรีโมท มีเบรกมือไฟฟ้า มีระบบ Cruise Control พร้อมระบบปลดล็อคอัตโนมัติกรณีเกิดการปะทะให้ด้วย

รวมถึงก้านไฟเลี้ยว ที่ปรับย้ายฝั่งมาที่ด้านขวาแล้ว เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ต่างจากรถจีนในหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ที่ไม่ได้ย้ายตามที่ใช้ในพวงมาลัยซ้ายมาด้วย

ขุมพลังมีขนาด 1.5 ลิตร Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT

Haval Jolion Hybrid SUV 2022

5. Haval Jolion Hybrid SUV Tech ราคา 879,000 บาท

All-New HAVAL Jolion Hybrid SUV (ฮาวาล โจไลอ้อน) นับเป็นรถจีนรุ่นที่ 2 ของ Haval จากสายการผลิตที่โรงงาน Great Wall Motor (เกรท วอลล์ มอเตอร์) จ.ระยอง เปิดตัวในไทย (รุ่นพวงมาลัยขวา) คันแรกของโลก ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ด้วยราคาสุดเร้าใจ และการออกแบบรถ คุณภาพวัสดุ ดูดีเหมือนรถยุโรป ส่วนที่มาของชื่อรุ่น Jolion มาจากการรวมคำว่า Joy + Lion

ความพิเศษของรถรุ่นนี้ อยู่ที่การใช้แพลตฟอร์ม GWM LEMON แพลตฟอร์มโมดูล่าร์อัจฉริยะเช่นเดียวกับรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV และพกพาความหรูหรามารอบคัน ด้วยกระจังหน้า Star Matrix สีดำ-เทา ไฟหน้า LED เต็มรูปแบบ กับระบบ Daytime Running Light และระบบ Welcome Light เมื่อปลดล็อค พร้อมไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ร่วมด้วยหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ และไฟท้าย LED

ห้องโดยสารภายใต้แนวคิด “Future Intelligent Cockpit” กว้างสบาย เริ่มด้วยการเชื่อมต่อของ 3 หน้าจออัจฉริยะ ทั้งหน้าจอหลักตรงกลางแบบ Touch Screen Audio Display ความละเอียดสูง ขนาด 12.3 นิ้ว ที่รองรับ Apple Carplay MP3 JOOX และระบบนำทาง ต่อด้วยหน้าจอ Multi Information Display ความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอ Head-up Display ที่แสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมด้านหน้า

นอกจากนี้ ยังมีเบาะคนขับที่ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ลำโพง 6 ตัว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา และช่องแอร์ด้านหลัง ระบบกรองอากาศ PM2.5 ที่ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger) กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start รวมไปถึงเบาะที่นั่งด้านหลังพับลงได้พื้นที่บรรทุกสัมภาระสูงสุดถึง 1,069 ลิตร

พร้อมการขับเคลื่อนเต็มสมรรถนะ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Hybrid ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์แบบ DHT และเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal) ให้ผู้ขับขี่สามารถเร่งหรือชะลอความเร็วได้เพียงคันเร่งเดียว

พร้อมด้วยเทคโนโลยี LEMON Hybrid DHT (Dedicated Hybrid Technology) ที่พัฒนาขึ้นโดย GWM ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ไฮบริดและมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 23.8 กม./ลิตร (ทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 ในห้องปฏิบัติการ) ชุดเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter ปรับโหมดการขับขี่ได้ 4 รูปแบบ ได้แก่ 1) โหมดมาตรฐาน 2) โหมด Sport 3) โหมด ECO 4) โหมดสภาพถนนลื่น ซึ่งจะมีการปรับการใช้พลังงานขับเคลื่อนเหมาะสมกับการขับขี่ในแต่ละโหมด

10 อันดับ รถ SUV และ Crossover ถูกสุดในไทย ปี 2022

6. Nissan Kicks e-POWER S ราคา 889,000 บาท

Nissan Kicks e-POWER (นิสสัน คิกส์) เป็นรถครอสโอเวอร์ไฮบริด ที่มาพร้อมจุดเด่นอย่างการใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไปปั่นกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน และจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าให้ขับเคลื่อนรถยนต์อีกที ซึ่งเป็นหลักการที่คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV : Battery Electric Vehicle) แต่ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เหมาะกับการขับรถทางไกล

ขุมพลังหลักคือเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร ขนาด 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 79 แรงม้า ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)

จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor รหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (95 กิโลวัตต์) หากรวมพลังทั้งหมด ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะให้แรงม้าสูงถึง 129 แรงม้า

10 อันดับ รถ SUV และ Crossover ถูกสุดในไทย ปี 2022

7. DFSK Glory i-Auto ราคา 919,000 บาท

DFSK (ดีเอฟเอสเค) ผู้ผลิตรถจีนแบรนด์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน ภายใต้ตัวแทนจำหน่ายที่กลับมาทำตลาดอีกครั้งในไทย ได้นำเข้า DFSK Glory i-Auto (ดีเอฟเอสเค กลอรี่ ไอ-ออโต้) รถ Crossover SUV สัญชาติจีนแบบ 7 ที่นั่ง จากอินโดนีเซียมาบุกตลาดบ้านเรา ซึ่งในตลาดจีนเองใช้ชื่อว่า Dongfeng Fengguang 580 (ตงฟง เฟิงกวง 580) เปิดตัวไปตั้งแต่ช่วงปี 2016

ภายนอกมาพร้อมกระจังหน้าแบบ Infinite Starlight Design ชุดไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ส่วนไฟท้ายแบบ Full LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential, หลังคาแบบ Panoramic Sunroof ที่สั่งการเปิดได้ด้วยเสียง, ประตูบานท้ายแบบไฟฟ้า พร้อมเซ็นเซอร์เท้า, กล้อง 360 องศารอบคัน และล้อแม็กแบบสปอร์ตขนาด 18 นิ้ว

ส่วนภายในห้องโดยสาร ตกแต่งหรูหราพร้อมลายไม้ มาพร้อมหน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว กับปุ่มสั่งงานบริเวณแผงคอนโซล, ระบบสั่งการด้วยเสียง i-Talk, เบาะหนังแท้ 7 ที่นั่ง พร้อมกล้องบันทึกภาพขณะรถวิ่ง และระบบความปลอดภัยมากมาย

ขุมพลังมีขนาด 1.5 ลิตร Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT บนน้ำหนักตัวรถ 1,510 กิโลกรัม

New MG HS และ MG HS PHEV 2022

8. MG HS 1.5 T 2WD C ราคา 939,000 บาท

New MG HS (เอ็มจี เอชเอส) รถใหม่ 2022 แบบ SUV รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ ภายใต้แนวคิด Refinement โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย หรูหราทันสมัย และความสปอร์ต มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องเบนซินเทอร์โบ และ ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-In Hybrid)

โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้วยการติดตั้งระบบนำทางเสมือนจริง หรือ AR Navigation ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องหน้าที่ถ่ายทอดสภาวะแวดล้อมจริงในขณะเดินทาง ร่วมกับระบบนำทาง Navigation แบบ Realtime ช่วยให้การใช้งานระบบนำทางแม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากกว่าเดิม

และระบบกุญแจดิจิตอล (Digital Key Technology) อีกทั้งยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานสากลสูงสุดถึง 26 ระบบ และระบบช่วยผู้ขับขี่หรือระบบ ADAS ที่เทียบเท่ากับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 2

มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน Turbo GDI ขนาด 1.5 ลิตร 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด แบบ Twin Clutch Sportronic Transmission (TST) และเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้กำลังสูงสุด 284 แรงม้า

มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบโมดูล ขนาดใหญ่ 16.6 kWh ทำให้สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% (EV Mode) ได้ไกลถึง 67 กิโลเมตร รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

All-New Honda HR-V e:HEV 2022

9. Honda HR-V e:HEV E ราคา 979,000 บาท

All-New Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์วี) ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 2 ด้วยรูปแบบ e:HEV ขุมพลังไฮบริดในทุกรุ่นย่อย เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย กับรุ่นย่อย RS เปิดตัวในไทยที่แรกของโลก! เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา

มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมที่สะท้อนตัวตนสไตล์ SUV ได้อย่างชัดเจน โดดเด่นด้วยตัวถังที่ปราดเปรียวในสไตล์สปอร์ตคูเป้ ดึงดูดทุกสายตา ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดงแบบสปอร์ต แป้นเบรกและแป้นคันเร่งสไตล์สปอร์ต พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง และแผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย กว้างขวาง

มอบความสะดวกสบายในทุกที่นั่งและทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม โดดเด่นระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning) ที่มาพร้อมระบบ Air Diffusion System

ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC มอบกำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 131 แรงม้า ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25.6 กม./ลิตร

พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit – IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งมีน้ำหนักเบาขนาดกะทัดรัด สามารถเก็บประจุไฟและช่วยให้การชาร์จไฟได้ประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยอัตโนมัติในขณะขับขี่

Mazda เปิดตัว New Mazda CX-30 2022 เพิ่มสีใหม่ อุปกรณ์ใหม่!

10. Mazda CX-30 2.0 C ราคา 989,000 บาท

Mazda CX-30 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-30) เพิ่งปรับโฉมใหม่ไปในเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา ด้วยสีใหม่ล่าสุด บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz) มุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เริ่มต้นชีวิตคู่ในสไตล์ใหม่ ที่กำลังมองหาครอสโอเวอร์ในกลุ่ม B-SUV

ตัวรถออกแบบภายใต้แนวคิด Kodo: Soul of Motion เป็นรถที่ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mazda3 เพิ่มทางเลือกระหว่างรุ่น CX-3 และ CX-5 โดย CX-30 เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม “Less is More” ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายแต่โฉบเฉี่ยวและทรงพลัง ภายในห้องโดยสารยังโดดเด่นด้วยการออกแบบที่พิถีพิถัน คัดสรรเลือกใช้เฉพาะวัสดุเกรดพรีเมี่ยมในทุกจุดสัมผัส ดุจงานศิลปะชั้นสูงที่มีเอกลักษณ์

เพิ่ม ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวันแบบ LED Signature และไฟท้ายแบบ LED Signature, เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง และกล้องมองหลัง (ในรุ่น 2.0 C), ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS (ในรุ่น 2.0 C) และเพิ่มระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS สามารถทำงานได้ถึง 145 กม./ชม.

มาพร้อมขุมพลังเบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว SkyActiv-G ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.4 กม./ลิตร และสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้

10 อันดับ รถ SUV และ Crossover ถูกสุดในไทย ปี 2022

10. Toyota Corolla Cross 1.8 Sport ราคา 989,000 บาท

Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) นับได้ว่าเป็นรถ SUV Crossover ของโตโยต้าซึ่งได้รับความนิยมตั้งแต่เปิดตัว สร้างยอดขายสูงสุดในตลาดรถ Sub-Compact SUV ที่สำคัญ ยอดขายรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด มีสัดส่วนถึง 85% ของยอดจำหน่ายรวม และเป็นยอดขายสูงสุด ในตลาดรถ Hybrid SUV และยังเอาใจคนชอบรถแนวสปอร์ต กับรุ่น HEV GR Sport อีกด้วย

Toyota Corolla Cross พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “ความกะทัดรัดที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย” (Compact yet Comfortable) และ “ความล้ำสมัยที่สะท้อนตัวตนของความภูมิฐานสำหรับชีวิตในเมือง” (Dignity Urban Vogue)

ภายนอกมาพร้อมเอกลักษณ์เฉพาะตัว โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว หรูหราแข็งแกร่ง มาพร้อมหลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า ราวหลังคา ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

ห้องโดยสารภายในใช้โทนสีแดงใหม่ Terra Rossa มีจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) ขนาด 7 นิ้ว เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone พนักพิงด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา พนักวางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ ช่องระบายอากาศและช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิดประตูท้ายแบบ Kick Activated และระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense)

เครื่องยนต์ เริ่มต้นด้วยรุ่นเบนซินรหัส 2ZR-FBE ขนาด 1.8 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร (18.05 กก.-ม.) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด CVT-i พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 15.4 กม./ลิตร

ส่วนรุ่น Hybrid มากับชุดระบบไฮบริดเจเนอเรชั่น 4 ที่พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 98 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร 53 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แพคชนิด Ni-MH (นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์) แบบใหม่ ให้กำลังรวมทั้งระบบ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock และเลือกโหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง EV, Sport และ Eco อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

Mr.Carro หวังว่า 10 อันดับ รถ SUV – PPV และ Crossover ถูกสุดในไทยที่นำมาเสนอนั้น หากใครอยากได้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี! แล้วอยากขายรถคันเดิม มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

หมายเหตุ : *ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนพฤษภาคม 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

**การจัดอันดับ หากเป็นรถ SUV รุ่นที่มีราคาเท่ากันในหลายยี่ห้อนั้น ทางเราจะจัดอันดับเรียงตามการเปิดตัวโฉมใหม่ล่าสุด หรือการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ล่าสุด ขึ้นเป็นอันดับแรก

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

จากการจัดอันดับของ JADA สมาพันธ์ผู้ค้ารถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Automobile Dealers Association) “ญี่ปุ่น” ยังเป็นประเทศที่มียอดขายรถที่มากติดอันดับโลก (ในปี 2021 มียอดขาย และจดทะเบียนรถในประเทศมากถึง 4,448,340 คัน ซึ่งยอดขายตกลงมาจากปี 2020 ถึงหนึ่งแสนกว่าคัน จากผลกระทบของโควิด-19 รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจหดตัวไปทั่วโลก) แต่เนื่องจากรถเก่ามีค่าตรวจสภาพ ค่าซ่อม ภาษีรถยนต์ และค่าประกันภัยที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้คนนิยมใช้รถยนต์แค่ไม่กี่ปีก็ขายรถ แล้วซื้อคันใหม่

อ่านเพิ่มเติม >> 10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

สำหรับของรถ Kei Car (K-Car) นั้น หมายถึง Keijidōsha (軽自動車) หรือ รถขนาดเล็ก ซึ่งเป็นรถที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มียอดขายที่ถือว่าสูงมากๆ ต่อปี ด้วยอัตราภาษีที่ต่ำ หาที่จอดรถได้ง่าย รับกับถนนขนาดไม่ใหญ่นักของญี่ปุ่น (ซึ่งหากใครที่ซื้อรถยนต์ในญี่ปุ่น หากไม่มีที่จอด ซื้อไม่ได้นะจะบอกให้)

คุณสมบัติคร่าวๆ ของรถ K-Car หลักๆ ก็จะมีความยาวตัวรถที่ไม่เกิน 3.4 เมตร กว้างไม่เกิน 1.48 เมตร สูงไม่เกิน 2 เมตร มีเครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 660 ซีซี และแรงม้าไม่เกิน 64 แรงม้า และมีขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่บ้านเราก็นิยมเอาเข้ามามาก ในช่วงรถจดประกอบกำลังบูม

Mr.Carro ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ รถ K-Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ประจำปี 2021 (ซึ่งรถทุกรุ่น ยังมีขายเป็นรถใหม่ 2022 ในญี่ปุ่นอยู่ด้วย) ไปอ่านกันได้เลย …

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

1. Honda N-Box จำนวน 189,940 คัน

Honda N-Box (ฮอนด้า เอ็นบ็อกซ์) ยังครองแชมป์รถ K-Car ที่ขายดีที่สุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 5! นับตั้งแต่เปิดตัวมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2017 และปรับโฉมเล็กน้อยช่วงปลายเดือนธันวาคม 2020 โดยเป็นรถ Kei Car ที่คล้ายกับรถ MPV แบบประตูบานเลื่อนด้านข้าง นิยมกันสำหรับคนมีครอบครัว ไปจนถึงรุ่นใหญ่ อายุ 40-50 ปี ซึ่งมีให้เลือกทั้ง N-Box และ N-Box Custom เอาใจวัยรุ่น

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 658 ซีซี รหัส S07B ให้แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 58 แรงม้า ที่ 7,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 65 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo ให้แรงม้าสูงสุดเป็น 64 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 104 นิวตัน-เมตร ที่ 2,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

2. Suzuki Spacia จำนวน 128,881 คัน

Suzuki Spacia (ซูซูกิ สปาเซีย) เป็นรถ K-Car เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่ขายดีเป็นอันดับ 2 ต่อเนื่องมาเป็นปีที่สอง ด้วยรูปทรงแนวยอดนิยม กับจุดเด่นอย่างประตูด้านหลังแบบบานเลื่อนไฟฟ้า จากค่าย Suzuki นับตั้งแต่โฉมไมเนอร์เชนจ์ออกมาในเดือนกันยายน 2017 ก่อนจะปรับปรุงโฉมใหม่ล่าสุดอีกครั้ง เมื่อเดือนธันวาคม 2021 ที่ผ่านมา

เป็นรถที่เน้นกลุ่มคนมีครอบครัว แม่บ้าน ส่วนกลุ่มวัยรุ่น เด็กจบใหม่ หนุ่มวัยทำงาน ก็ต้องเล่นรุ่น Spacia Custom ที่จัดเต็มออฟชั่นหรูเทียบเท่า Alphard หรือ Spacia Gear ตกแต่งในสไตล์ SUV พร้อมลุยเต็มพิกัด!

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินพลัง Hybrid ขนาด 658 ซีซี รหัส R06A ให้แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 52 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 3.1 แรงม้า ประหยัดน้ำมันได้ถึง 22.2 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน WLTC)

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุดเป็น 64 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 98 นิวตัน-เมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ทั้ง 2 รุ่นส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 3.1 แรงม้า อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

3. Daihatsu Tanto จำนวน 116,912 คัน

Daihatsu Tanto (ไดฮัทสุ แทนโต) นี่ก็ถือว่าเป็นรถ K-Car ที่ขายดีของ Daihatsu นับตั้งแต่เปิดตัวมาในปี 2003 จวบจนถึงปัจจุบันที่เป็นเจเนอเรชั่น 4 เปิดตัวไปในเดือนกรกฎาคม 2019 รุ่นนี้พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ DNGA หรือ Daihatsu New Global Architecture ที่นำแนวคิดมาจาก Toyota นั่นเอง มีจุดเด่นอย่างประตูด้านหลังเป็นแบบบานเลือนไฟฟ้า และออฟชั่นทุกสิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องการ

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 658 ซีซี รหัส KF ให้แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 52 แรงม้า ที่ 6,900 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo ให้แรงม้าสูงสุดเป็น 64 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

4. Daihatsu Move จำนวน 95,840 คัน

Daihatsu Move (ไดฮัทสุ มูฟ) รถ K-Car รุ่นยอดนิยมของไดฮัทสุ นับตั้งแต่ออกมาในปี 1995 จนถึงปัจจุบันนับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 6 ที่ออกมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2014 และปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในเดือนสิงหาคม 2017 ก็ช่วยให้ยอดขายยังสามารถสู้กับรถ Kei Car รุ่นอื่นๆ ได้ในเวลานี้ ยังมีทั้งรุ่นเพื่อครอบครัวอย่าง Move และรุ่นเอาใจคนวัยทำงาน รักการแต่งรถ ชอบความสปอร์ตอย่าง Move Custom หรือรุ่นเอาใจสาวๆ อย่าง Move Canbus

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 658 ซีซี รหัส KF ให้แรงม้าสูงสุด 52 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60 นิวตัน-เมตร ที่ 5,200 รอบ/นาที

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo สำหรับรุ่น Custom ให้แรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 92 นิวตัน-เมตร ที่ 3,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

5. Nissan Roox จำนวน 84,748 คัน

Nissan Roox (นิสสัน รู๊ค) รถทรงกล่องสุดน่ารัก แบบประตูบานเลื่อนด้านข้าง โฉมใหม่เจเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายน 2020 ที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้สูงขึ้นถึง 16.4% ในปี 2021 สวนทางกับรถ K-Car หลายๆ รุ่น ที่ยอดขายตกลงไป

โดยรถรุ่นนี้พัฒนาร่วมกันระหว่าง Nissan กับ Mitsubishi eK Space และ eK X Space สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม NMKV มีให้เลือกถึง 2 แบบ ได้แก่ Roox และ Roox Highway Star

ห้องโดยสารภายในชูจุดเด่นด้วยความกว้าง สูง พื้นที่นั่งโดยสารด้านหลังให้ความกว้างถึง 770 มม. และความสูงภายในรถที่มากถึง 139 ซม. และพื้นที่เก็บสัมภาระตามจุดต่างๆ มากมาย สามารถเข้า-ออกง่าย ด้วยประตูบานข้างแบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี เปิด-ปิดอัตโนมัติ ได้กว้างถึง 650 มม.

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 659 ซีซี รหัส BR06 ให้แรงม้าสูงสุด 52 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 60 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่วนรุ่น S-Hybrid จะเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 2 กิโลวัตต์ เข้ามาด้วย

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo Hybrid ให้แรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 2,400-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือก

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

6. Suzuki Hustler จำนวน 82,486 คัน

Suzuki Hustler (ซูซูกิ ฮัตสเลอร์) เป็นรถแนว Crossover SUV แบบ K-Car ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแดนปลาดิบอย่างต่อเนื่อง โดยรุ่นนี้นับว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวในเดือนมกราคม 2020 มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ นั่นคือ Hustler และ Hustler J Style II ซึ่งยังแบ่งปันตัวรถให้กับทาง Mazda นำไปแปะขายในแบรนด์ตัวเองด้วยในชื่อ Flair Crossover เช่นเคย แถมในบ้านเรายังมีคนสั่งนำเข้ามา! ในราคาคันละล้านกว่าบาท …..

ห้องโดยสารภายในมี 4 ที่นั่ง ใช้เบาะนั่งคู่หน้าแบบสีทูโทน แปลกตาด้วยการแบ่งคอนโซลหน้าออกเป็น 3 ส่วน ด้วยวัสดุตกแต่ง พร้อมผังหน้าจอ Infotainment ขนาด 9 นิ้ว เอาไว้บริเวณกึ่งกลาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน พร้อมจอ MID ขนาด 4.2 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ รวมถึงแอร์อัตโนมัติ เป็นต้น

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 3 สูบ ขนาด 657 ซีซี รหัส R06D ให้แรงม้าสูงสุด 49 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 58 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่เพิ่มตัวฉีดน้ำมันเกียร์เป็น 2 ตัว พร้อมปรับปรุงชุดสายพาน และระบบ Cooled EGR กับระบบหัวฉีดคู่

และเครื่องยนต์ 3 สูบ Turbo Hybrid ขนาด 658 ซีซี รหัส R06A มอบแรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 98 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

ขุมพลังทั้งสองทำงานร่วมกับระบบ Mild Hybrid กับชุดมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator (ISG) ซึ่งเก็บพลังงานที่เหลือใช้จากการขับขี่ เช่น การเบรก มาปั่นเป็นกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ใช้ในแบตเตอรี่ได้ รวมไปถึงเทคโนโลยีความปลอดภัย Suzuki Safety Support ที่มีคุณสมบัติอีกเพียบ

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

7. Suzuki Wagon R จำนวน 68,970 คัน

Suzuki Wagon R (ซูซูกิ แวกอนอาร์) นับเป็นรถเจเนอเรชั่นที่ 6 แล้วสำหรับรถแวกอน K-Car ทรงสูงของ Suzuki รุ่นนี้ที่ออกมาในปี 1993 โดยในโฉมนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2017 บนแพลทฟอร์มใหม่ล่าสุดอย่าง HEARTECT ที่น้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง ตอบสนองการขับขี่ที่ดีขึ้น

มีให้เลือก 3 แบบ นั่นคือ Wagon R เอาใจคุณผู้หญิง หรือคนที่มีครอบครัว และ Wagon R Stingray เอาใจวัยรุ่น เด็กจบใหม่ คนวัยทำงาน มาพร้อมการตกแต่งภายในที่ดูอบอุ่นในรุ่น Wagon R และดูเร้าใจ สปอร์ต สนุกสนาน ในรุ่น Wagon R Stingray

และรุ่นล่าสุดในตระกูล Wagon R ที่เปิดตัวในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว อย่าง Wagon R Smile ที่มาพร้อมหน้าตาบ๊องแบ๊วสไตล์ Retro ประตูข้างแบบบานเลื่อนไฟฟ้า เอาใจสาวๆ ที่มีลูกเล็ก หรือคนมีครอบครัว กับผู้สูงอายุ

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 3 สูบ ขนาด 657 ซีซี รหัส R06D ให้แรงม้าสูงสุด 49 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 58 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่เพิ่มตัวฉีดน้ำมันเกียร์เป็น 2 ตัว พร้อมปรับปรุงชุดสายพาน และระบบ Cooled EGR กับระบบฉีดหัวคู่

และเครื่องยนต์ 3 สูบ Turbo Hybrid ขนาด 658 ซีซี รหัส R06A มอบแรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 98 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

ขุมพลังทั้งสองทำงานร่วมกับระบบ Mild Hybrid กับชุดมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator (ISG) ซึ่งเก็บพลังงานที่เหลือใช้จากการขับขี่ เช่น การเบรก มาปั่นเป็นกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ใช้ในแบตเตอรี่ได้ รวมไปถึงเทคโนโลยีความปลอดภัย Suzuki Safety Support ที่มีคุณสมบัติเหมือนในรุ่น Hutsler

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

8. Daihatsu Mira จำนวน 65,803 คัน

Daihatsu Mira e:S (ไดฮัทสุ มิร่า อีเอส) รถ Eco-Car แบบฉบับญี่ปุ่นเจเนอเรชั่นที่ 2 ที่ได้รับการเปิดตัวเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2017 ซึ่งยังคงขายได้เรื่อยๆ ในตลาดญี่ปุ่น แถมเป็นคู่แฝดกันกับ Toyota Pixis Epoch และ Subaru Pleo Plus รวมถึงยังเป็นรุ่นที่มาทดแทน Mira รุ่นดั้งเดิม นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2018 อีกด้วย

ความพิเศษของรถรุ่นนี้คือการแนะนำ “e:S technology” ที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 32.2 – 35.2 กม./ลิตร (วัดตามมาตรฐานโหมด JC08) ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งและน้ำหนักเบาจากเทคโนโลยี D Monocoque และวัสดุเรซิ่นที่นำกลับมาใช้ใหม่ และติดตั้งระบบ Smart Assist III ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยในการหลีกเลี่ยงการชน

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 658 ซีซี รหัส KF ให้แรงม้าสูงสุด 49 แรงม้าที่ 6,800 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 57 นิวตันเมตรที่ 5,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรุ่น 4WD ให้เลือก

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

9. Daihatsu Taft จำนวน 62,278 คัน

Daihatsu Taft (ไดฮัทสุ ทาฟท์) รถ K-Car ในสไตล์ SUV ที่ยอดฮิตมากในญี่ปุ่น กับยอดขายที่พุ่งขึ้นมาจากปี 2020 ถึง 45%! เพราะตอบโจทย์การใช้งานในเมืองและวันพักผ่อน และยังมีสั่งนำเข้ามาขายในบ้านเราอีกด้วย (ในราคาคันละหนึ่งล้านกว่าบาท) เปิดตัวครั้งแรกในงาน Tokyo Auto Salon 2020 ก่อนจำหน่ายจริงช่วงเดือนมิถุนายน 2020

เป็นรถทรงเหลี่ยมที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม DNGA (Daihatsu New Global Architecture) ในแนวคิด Tough & Almighty Fun Tool ออกแบบมาให้ใช้งานได้หลากหลายไลฟ์สไตล์ ชุดไฟหน้าแบบ LED กันชนหน้า-หลัง แบบยกสูง พร้อมโป่งล้อสีดำสไตล์รถ SUV และภายในตกแต่งเน้นความเหลี่ยม กับใช้โลหะเป็นส่วนประกอบ พร้อมหลังคากระจกขนาดใหญ่ “Sky Feel Top” เป็นจุดเด่น

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 658 ซีซี รหัส KF ให้แรงม้าสูงสุด 52 แรงม้าที่ 6,900 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 60 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรุ่น 4WD ให้เลือก

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุดเป็น 64 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรุ่น 4WD ให้เลือกเช่นกัน

10 อันดับ รถ Kei Car ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

10. Suzuki Alto จำนวน 60,919 คัน

Suzuki Alto (ซูซูกิ อัลโต้) เป็นรถ K-Car รุ่นยอดฮิตตลอดกาลของ Suzuki ทั้งในญี่ปุ่นและในต่างประเทศตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1979 สร้างยอดขายรวมทุกรุ่นได้ 5 ล้านกว่าคัน โดยในโฉมนี้เป็นเจเนอเรชั่นที่ 9 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธันวาคม 2021 เพียงเดือนเดียวก็สามารถพายอดขายขึ้นมาติด 10 อันดับได้ ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาแน่นอน!

Suzuki Alto มาพร้อมตัวถังที่คงความย้อนยุคไว้ เช่นเดียวกับรุ่นแรกที่ออกมาในปี 1979 ทั้งความคล่องตัวในการขับขี่ ประหยัดน้ำมัน ตัวถังทรงกล่อง และการออกแบบภายในที่เรียบง่าย พร้อมระบบความปลอดภัย Suzuki Safety Support มาให้ทุกรุ่นย่อย

ขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 657 ซีซี รหัส R06A ให้แรงม้าสูงสุด 46 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 55 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรุ่น 4WD ให้เลือก

และเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 3 สูบ ขนาด 657 ซีซี รหัส R06D ให้แรงม้าสูงสุด 49 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 58 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรุ่น 4WD ให้เลือก

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

หมายเหตุ : ข้อมูลรถ 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลที่ Update ณ เดือนพฤษภาคม 2565 เมื่อเวลาผ่านไป ราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

แหล่งที่มาจาก:

คาร์ซีท อุปกรณ์เซฟตี้สำคัญสำหรับเด็กๆ

เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือที่เรียกกันในในภาษาอังกฤษว่า “Car Seat” (คาร์ซีท) ที่ผู้ปกครองหลายคน อาจจะยังละเลยในจุดนี้ แต่ที่จริงอุปกรณ์นี้ถือเป็นของใช้เด็กอ่อนที่สำคัญมากสำหรับผู้มีลูกเล็กๆ และต้องเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถยนต์ เพื่อปกป้องลูกน้อยตลอดการเดินทาง หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะช่วยลดระดับความรุนแรงจากอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บของร่างกายของลูกคุณได้

อย่างที่ทราบกันดีว่า ภายในของรถยนต์ ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับสรีระของเด็กๆ สำหรับเข็มขัดนิรภัยทั่วไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีส่วนสูงเกิน 140 เซนติเมตร ขึ้นไป ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา พวกเขาอาจบาดเจ็บมากขึ้นจากการใช้อุปกรณ์ที่ไม่พอดีร่างกาย โดยศีรษะของเด็ก มีขนาดใหญ่ประมาณร้อยละ 60 ของร่างกาย เมื่อเกิดอุบัติเหตุ อาจทำให้กระดูกต้นคอหักได้ เสี่ยงเลือดออกในกะโหลกศีรษะ ปอด รวมถึงตับ และม้ามแตกได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่

ในยุโรป และอเมริกา มีการบังคับใช้กฎหมายเรื่องเก้าอี้เสริมความปลอดภัยในเด็กอย่างเคร่งครัด ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี เพราะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตในเด็กได้ถึง 70 % ดังนั้น คาร์ซีท จึงเป็นของใช้เด็กอ่อนที่มีความจำเป็นครับ …

คาร์ซีท อุปกรณ์เซฟตี้สำคัญสำหรับเด็กๆ

Car Seat (คาร์ซีท) มีประโยชน์อย่างไร ?

คาร์ซีท ช่วยลดระดับความรุนแรงจากอุบัติเหตุ และลดการบาดเจ็บของร่างกายของเด็ก โดยคุณต้องติดตั้งคาร์ซีทในจุดที่เหมาะสม (เช่น บริเวณจุดกึ่งกลางของเบาะหลัง) และปลอดภัยที่สุด (เพราะจะช่วยป้องกันแรงกระแทกที่เกิดจากทางด้านข้างได้)

สำหรับเด็กแรกเกิด จนถึงอายุประมาณ 12 เดือน หรือ 1 ปี และเด็กที่น้ำหนักตัวไม่เกิน 10 กิโลกรัม ควรใช้คาร์ซีทสำหรับทารก (Infant Seat) หรือ คาร์ซีทสำหรับทารกและเด็กเล็ก (Convertible Seat) แบบนั่งหันหน้าไปด้านหลังรถ และคาร์ซีทต้องสามารถปรับเอนไปกับที่นั่ง 45 องศา โดยประมาณ คาร์ซีทชนิดนี้จะปกป้องหัวของเด็ก ลำคอ และกระดูกสันหลังได้ดีที่สุด

คาร์ซีท อุปกรณ์เซฟตี้สำคัญสำหรับเด็กๆ

เด็กที่มีอายุมากกว่า 12 เดือน หรือ 1 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี หรือน้ำหนัก 10-28 กิโลกรัม ควรใช้คาร์ซีทแบบที่นั่งหันไปทางหน้ารถ

เด็กที่มีน้ำหนักตัว 15-18 กิโลกรัม ควรใช้คาร์ซีทแบบมีพนักพิงด้านหลัง

เด็กที่มีน้ำหนักตัว 22-25 กิโลกรัม หรือเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป สามารถนั่งตัวตรงได้ ควรใช้คาร์ซีทแบบไม่มีพนักพิงด้านหลัง

คาร์ซีท อุปกรณ์เซฟตี้สำคัญสำหรับเด็กๆ

โดยทั่วไปแล้วคาร์ซีท จะมีอายุราวๆ 6 ปีนับจากวันที่ผลิต เนื่องจากอุปกรณ์จะเริ่มเสื่อมสภาพ ไม่สามารถรับแรงกระแทกได้ดี เท่ากับคาร์ซีทใหม่ๆ อีกทั้งเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป หรือการทดสอบที่ไม่ได้มาตรฐานในปัจจุบัน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่ควรจะเช็คดูวันที่ผลิตของคาร์ซีท และซื้อคาร์ซีทอันใหม่ให้กับลูกน้อยเพื่อความปลอดภัย ซึ่งคาร์ซีทที่ได้มาตรฐาน จะมีราคาเริ่มต้นที่หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่นปลายๆ เป็นต้น

คาร์ซีท อุปกรณ์เซฟตี้สำคัญสำหรับเด็กๆ

ที่สำคัญ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พ.ร.บ.จราจรทางบก ที่ปรับปรุงใหม่ กำหนดให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี หรือความสูงไม่เกิน 135 ซม. ต้องนั่งและมีที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (Car Seat) หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ ควรให้ฝึกให้เด็กเริ่มนั่ง Car Seat ตั้งแต่แรกเกิด เพื่อสร้างความเคยชินให้กับลูกน้อยนะครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

  • mom2kiddy

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

ช่วงนี้ต้องขอบอกก่อนเลยว่า กระแส “พับเบาะรถ” ถือว่ากำลังมาแรงเลยทีเดียว ซึ่งในตลาดรถที่พับเบาะได้ ก็มีให้เลือกกันอยู่หลายรุ่นหลายแบบเลยทีเดียว แต่รถที่พับเบาะได้ และสามารถใช้งานได้จริง (ที่ไม่ใช่แค่เพียงวางของอย่างเดียว) ก็คงเป็นรถในแนวๆ Hatchback (รถแฮทช์แบค), รถ SUV (รถเอสยูวี) หรือรถ MPV (รถเอ็มพีวี) ซึ่งแต่ละรุ่น ก็ออกแบบพื้นที่ในการใช้งาน และอรรถประโยชน์มาได้คล้ายๆ กัน

แต่ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ รถใหม่ป้ายแดงสำหรับบางคนอาจจะเป็นภาระเกินกำลังไปบ้าง การเลือกรถมือสองสภาพเยี่ยมๆ มาใช้สักคัน ก็จะช่วยเซฟเงินไปได้ไม่น้อย และยังเก็บเงินไว้ทำกิจกรรมสนุกๆ ขับรถไปเที่ยวกับครอบครัวในวันหยุดได้บ่อยๆ ด้วย

Carro ขอคัดสรรรถมือสอง 10 รุ่น ที่พับเบาะด้านหลังได้ราบเรียบ (หรือเกือบราบเรียบ) สามารถขับรถไปจอดนอนดูวิวริมเขื่อน หรือดูดาวบนดอย ทำกิจกรรมต่างๆ ได้สะดวก และราคาสบายกระเป๋า จะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลยครับผม

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

1. Toyota C-HR

Toyota C-HR (โตโยต้า ซีเอชอาร์) เป็นรถ Sub-Compact Crossover SUV รูปทรงสวยสไตล์รถ Coupe มาพร้อมความสารพัดประโยชน์ มีที่เก็บของจุกจิกเพียบ แถมยังเป็นแบรนด์ซื้อง่ายขายคล่อง ขับไปไหนก็มีศูนย์บริการ และหาอะไหล่ได้ง่าย เปิดตัวในไทยเมื่อช่วงปลายปี 2560

ขุมพลังเป็นแบบเบนซินขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FBE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 175 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock

และในแบบไฮบริด เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 96 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 53 กิโลวัตต์ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock

สำหรับชุดเบาะหลังของ Toyota C-HR ในรุ่นเบนซินสามารถพับได้แบบ 60:40 และพับได้ราบเรียบ เมื่อพับเบาะลงหมดให้ความจุมากถึง 1,112 ลิตร ขนจักรยานเสือหมอบ 54 มาวางได้สบายๆ แต่ในรุ่น Hybrid อาจจะมีเนินบ้างเล็กน้อย เนื่องจากมีชุดแบตเตอรี่อยู่บริเวณใต้เบาะนั่นเอง

คลิกเลือกรถ Toyota C-HR คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

2. Toyota Innova

Toyota Innova Crysta (โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า) เป็นรถเจเนอเรชั่นที่ 2 ของ Innova ที่ยังได้รับความนิยมทั้งในตลาดรถป้ายแดง และรถมือสองอย่างต่อเนื่อง เป็นการนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนกันยายน 2559 อัพเกรดความหรูหรามาเต็มพิกัด และความอเนกประสงค์สุดๆ

ในรุ่น 2.8V และ 2.8G มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.8 ลิตร คอมมอนเรล GD Efficient Boost รหัส 1GD-FTV (High) 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 174 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift

ส่วนรุ่น 2.0E ใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส 1TR-FE ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 139 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 183 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด รองรับแก๊สโซฮอล์ E20

ด้วยแนวคิดการออกแบบภายในห้องโดยสาร ภายใต้ Concept “Living Room Like” ทำให้มีพื้นที่กว้างขวางกว่าเดิมมาก เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถพับเบาะจังหวะเดียว 1-Touch Tumble ได้ และปรับเบาะแบบ Privy Relaxed ปรับเอนได้อิสระในเบาะนั่งแถวที่ 2 (สำหรับในรุ่นที่ไม่ใช่เบาะ Captain Seat นะครับ)

ส่วนเบาะนั่งแถว 3 สามารถปรับพับได้แบบ 50:50 โดยห้อยที่บริเวณด้านข้าง ซึ่งก็ทำให้เสียพื้นที่แนวขวางไปเล็กน้อย ในกรณีที่ตั้งวางของเรียงซ้อนกันหลายชั้น

คลิกเลือกรถ Toyota Innova Crysta คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

3. Nissan Note

Nissan Note (นิสสัน โน๊ต) จัดเป็นรถ Eco-Car แบบ Hatchback 5 ประตูที่ภายในกว้างขวางมากอีกหนึ่งรุ่น เวอร์ชั่นไทยเปิดตัวในวันที่ 17 มกราคม 2560 มาด้วยความกว้างขวางของภายใน กับหลังคาสูงแบบ Airy Cabin

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ตัวเดียวกับใน Nissan March รหัส HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC ให้แรงม้าสูงสุด 79 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ Xtronic CVT พร้อม D-STEP Logic

เบาะหลังสามารถพับได้แบบ 60:40 ปรับให้แบนราบเรียบได้ ในรุ่น VL และปรับชิ้นเดียวในรุ่น V หากพับเบาะหลังลง จะให้เนื้อที่มากถึง 1,495 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA) สามารถวางจอ TV ขนาด 50 นิ้วได้สบายๆ

คลิกเลือกรถ Nissan Note คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

4. Nissan X-Trail

Nissan X-Trail (นิสสัน เอ็กซ์เทรล) จัดเป็นรถ SUV มีให้เลือกในตลาดทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และแบบไฮบริดรายแรกในกลุ่ม SUV ระดับเดียวกันในไทย ที่ถึงแม้ว่า Nissan บ้านเราจะเลิกขายไปแล้วก็ตาม แต่ในตลาดรถมือสอง รุ่นนี้ยังคงได้รับความนิยมอยู่

ด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ติดกับตัวรถมามากมาย ตอบสนองวิถีชีวิตคนเมือง เช่น ระบบเปิด-ปิด ประตูท้ายอัตโนมัติแบบระบบแฮนด์ฟรี ง่ายทั้งการบรรทุกของ หรือการทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ หรือแม้กระทั่งการท่องเที่ยว ที่ต้องพกอุปกรณ์ และกระเป๋าเดินทางหลายๆ ใบ

ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 171 แรงม้า แรงบิด 233 นิวตันเมตร ส่วนเครื่องยนต์ Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร + มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมโรเตอร์สวิตช์ (4x4i with Roter Switch) ช่วยการขับขี่ทั้งออนโรดและออฟโรด สามารถเลือกโหมดการขับเคลื่อนได้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ 2WD, 4WD Auto และ 4WD Full-Time

อีกทั้งเบาะนั่งในแถวที่ 2 และแถวที่ 3 (ในรุ่น 7 ที่นั่ง) สามารถปรับพับเบาะได้หลายรูปแบบ และแบนราบเกือบที่สุด ในบรรดารถ SUV ด้วยกันในท้องตลาด เมื่อพับเบาะแถวที่ 3 จะให้พื้นที่ 445 ลิตร และหากพับเบาะลงทั้งหมด จะให้พื้นที่เพิ่มอีก 565 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA)

คลิกเลือกรถ Nissan X-Trail คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

5. Honda Jazz

Honda Jazz (ฮอนด้า แจ๊ซ) เจเนอเรชั่นที่ 3 ที่ยังคงขายในไทยกันอย่างยืนยงเข้าสู่ปีที่ 8 นับตั้งแต่เปิดตัวในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ด้วยจุดเด่นของห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย จากแนวคิดการออกแบบ “Futuristic Cockpit” จัดวางพื้นที่ภายในห้องโดยสารนี้ยังคงใช้แนวคิด Man Maximum Machine Minimum ในการออกแบบ

มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส L15Z1 แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 117 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยได้ แบบ 7 สปีด

ซึ่งรุ่นนี้ยังใช้ชุดเบาะนั่งอัลตร้า ซีท ที่ปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 โหมด ได้แก่ Utility Mode, Long Mode, Tall Mode และเพิ่มโหมดใหม่ล่าสุด Refresh Mode ที่พับเบาะด้านหน้าเชื่อมต่อเบาะด้านหลังได้ ปรับเบาะได้ราบเรียบที่สุดในบรรดารถ Sub-Compact Car แบบ Hatchback ที่ขายในตลาด (เนื่องจากนำถังน้ำมัน ไปไว้บริเวณใต้เบาะนั่งคู่หน้า) ให้เนื้อที่กว้างสะใจถึง 1,354 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA)

คลิกเลือกรถ Honda Jazz คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

6. Honda HR-V

Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์วี) นับเป็นรถ SUV ขนาด B-Segment ยอดฮิตมากในตลาดรถมือสองอีกรุ่น ด้วยความสารพัดประโยชน์ที่ได้รับจากรถแนวนี้ มีที่เก็บของจุกจิกเพียบ กับสปอร์ตปราดเปรียวในสไตล์รถสปอร์ตคูเป้ แบบ “Dynamic Cross Solid” แถมราคาขายต่อดี ไม่ตก แถมยังเป็นแบรนด์เจ้าตลาด ขับไปไหนก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องของศูนย์บริการ และการหาอะไหล่

วางเครื่องขนาด 1.8 ลิตร แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC แบบเดียวกับในรุ่น Civic FB ให้แรงม้าสูงสุด 141 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร มาพร้อมกับระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dream และขับสนุกยิ่งขึ้นด้วยระบบ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยได้ แบบ 7 สปีด

มาพร้อมกับเบาะนั่งอเนกประสงค์ที่ปรับพับได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Utility Mode, Tall Mode และ Long Mode เพื่อตอบรับทุกการใช้งาน ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีความจุ 565 ลิตร และเบาะที่พับเก็บได้ราบเรียบ วางจักรยาน MTB ไซส์ 26 ได้สบายๆ ถึง 2 คัน!

คลิกเลือกรถ Honda HR-V คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

7. Mazda CX-5

Mazda CX-5 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-5) เป็นรถ SUV ขนาด C-Segment รุ่นที่มีชื่อเสียงมากอีกหนึ่งรุ่น มาพร้อมรูปทรงการออกแบบอันสง่างามทั้งภายนอกและภายใน ที่ได้แรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์ของงานศิลปะญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ตามแนวทางการออกแบบ “Less is more” เรียบง่าย สุขุม และสปอร์ตโฉบเฉี่ยว

มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT ให้แรงม้าสูงสุด 175 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ประหยัดสูงสุด 17.5 กม./ลิตร

และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual S-VT พัฒนาให้สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้ดีขึ้น ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า (ภายหลังปรับแรงม้าเป็น 190 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ประหยัดสูงสุด 13.9 กม./ลิตร

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo ขนาด 2.5 ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้แรงม้าสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

มาพร้อมกับเบาะนั่งอเนกประสงค์ เมื่อพับเบาะนั่งลงหมด ให้ความจุมากถึง 1,620 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA)

คลิกเลือกรถ Mazda CX-5 คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

8. Mitsubishi Xpander

Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) เป็นรถ MPV ที่ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าทั้งในแบบรถป้ายแดงและรถมือสอง นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม 2561 โดยการนำเข้าจากอินโดนีเซีย ภายในเพียบพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก กว้างขวาง สะดวกสบาย มีเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนที่ต่ำ (NVH) ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพตามปรัชญาแบบ “โอโมเตะนาชิ” ของญี่ปุ่น

ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 4A91 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว MIVEC ให้แรงม้าสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมปุ่ม Overdrive รองรับแก๊สโซฮอล์ E85

ให้พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่สุดกว่ารถในระดับเดียวกัน ผู้โดยสารแถวที่ 3 สามารถเดินภายในได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่เบาะนั่งแถวที่สองพับเบาะกลางลง เพื่อใช้เป็นที่วางแขนได้ มีช่องวางแก้วน้ำมากถึง 16 จุดรอบคัน พร้อมแอร์สำหรับผู้โดยสารหลัง และเมื่อพับเบาะลงทั้งหมด จะให้พื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 1,630 ลิตร! เพื่อความสนุกในทุกกิจกรรมของคุณ ถูกใจสายเที่ยวแน่นอน

คลิกเลือกรถ Mitsubishi Xpander คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

9. Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ติก้า) เป็นรถ MPV 7 ที่นั่ง ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน มาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT พร้อมมอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและความปลอดภัย ห้องโดยสารภายในดูเรียบหรู ใช้วัสดุคุณภาพสูง พื้นที่ภายในขนาด 3 แถว 7 ที่นั่ง กว้างขวาง โปร่งสบาย และยังมี NVH ให้การขับขี่นุ่มนวล ดูดซับแรงสั่นสะเทือน พร้อมลดเสียงรบกวนตลอดเส้นทาง

ใช้เครื่องยนต์รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว DUALJET ให้แรงม้าสูงสุดถึง 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายรองรับได้ 209 ลิตร เบาะนั่งแถวที่สอง พับแบบ 60:40 และแถวที่ 3 พับแบบ 50:50 โดยหากพับเบาะสองแถวหลังลงหมด ให้ความจุได้สูงสุดถึง 803 ลิตร!

คลิกเลือกรถ Suzuki Ertiga คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

10. Subaru XV

Subaru XV (ซูบารุ เอ็กซ์วี) จัดเป็นรถนอกกระแสสไตล์ Crossover ที่ขายดีอีกหนึ่งรุ่น รุ่นปัจจุบันเปิดตัวในไทยเมื่อเดือนมกราคม 2561 ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้ “Subaru Global Platform” พร้อมระบบการขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive) และระบบ X-Mode ซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่บนภูมิประเทศที่ท้าทาย

มาพร้อมเครื่องยนต์ Boxer ขนาด 2.0 ลิตร ปรับปรุงใหม่ น้ำหนักเบาลงประมาณ 12 กิโลกรัม แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว กับระบบ Direct Injection ให้กำลัง 156 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ Lineartronic 7 สปีด ที่เบากว่ารุ่นก่อนหน้านี้ถึง 7.8 กิโลกรัม

พื้นที่ด้านหลังขนของได้เพียบ และพับเบาะนั่งแถวสองได้ราบเรียบที่สุดอีกหนึ่งรุ่น ให้ความจุมากถึง 1,240 ลิตร!

คลิกเลือกรถ Subaru XV คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ที่พับเบาะได้มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

ยางรถยนต์ยี่ห้อไหน ก็เหมือนกันจริงหรือ??

สวัสดีครับวันนี้ จอร์จ ไทร์บิดกลับมาอีกครั้งครับ จอร์จก็อยากมาอธิบายพอดีเห็นเพื่อนๆชอบพูดกันว่ายางก็เหมือนๆกันคงไม่ได้แตกต่างกันมากใช้ราคาถูกไปก็ได้ ซึ่ง อาจจะเป็นความเข้าใจที่ผิดครับแต่ก็ไม่แปลกที่เพื่อนๆจะรู้สึกแบบนี้เป็นเพราะด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของยางทุกยี่ห้อจะมีลักษณะใกล้เคียงกันสีดำเหมือนกัน ยางยี่ห้อถูกยี่ห้อแพงบางทีลายดอกยางก็ยังเหมือนกันอีกทำให้ความรู้สึกว่ายางคุณภาพคงไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่จริงๆแล้ว จอร์จ อยากจะบอกว่าแต่ละแบรนด์นั้นใช้วัสดุที่แตกต่างกันมากครับ ประกอบกับเทคโนโลยีในการผลิตก็แตกต่างกันมากเช่นเดียวกันครับ งั้นจอร์จ จะลงรายละเอียด สัก 4 ส่วนของยางเส้นหนึ่งครับ ก็คือ ขอบยาง โครงสร้างยาง เนื้อยาง และ ลายดอกยางครับ

เรามาเริ่มกันอย่างแรกก่อนเลยครับ บริเวณขอบยาง ต้องขออธิบายก่อนครับยางทุกเส้นบริเวณขอบยางนั้นจะมีเส้นลวดอยู่ครับ ซึ่งมีหน้าที่ในการล็อกยางกับของแมกซ์ให้มีความสมดุลเวลาใช้งาน กับ อีกส่วนหนึ่งก็คือมีหน้าที่ไว้รับน้ำหนักครับซึ่งเส้นลวดด้านในหลายๆท่านอาจจะคิดว่าคงเอาเส้นลวดมามัดๆ รวมกัน แต่จริงๆแล้วในรายละเอียดนั้น มันทั้งเรื่องของรูปทรงของเส้นลวด ความเล็ก ความใหญ่ของเส้นลวดครับเพื่อให้เกิดความแข็งแรงมากที่สุดในการใช้งานครับ อาทิ บางคนบอกเส้นลวดเส้นใหญ่ๆน่าจะดี แต่เทคโนโลยีสมัยใหม่บอกว่าเส้นลวดเล็กแล้วมัดด้วยเส้นลวดอีกทีบริเวณรอบเส้นลวดก็จะยิ่งทำให้แข็งแรงเพิ่มมากขึ้น หรือว่า ช่องว่างระหว่างเส้นลวดถ้าเป็นทรงกลมอาจจะทำให้ไม่แนบสนิท ถ้าทำเส้นลวดเป็นทรงเหลี่ยมจะทำให้ยิ่งไม่มีช่องว่าง ซึ่งจะทำให้แข็งแรงกว่า โดยทั้งหมดที่พูดมาคือการพัฒนาของแต่ละแบรนด์ที่คิดค้นต่างกันครับ เพื่อมาให้ยางที่มีขอบลวดที่แข็งแรงมากที่สุดครับ ซึ่งขอบยางเราอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นแต่จอร์จ อยากจะอธิบายครับ

ยางรถยนต์ยี่ห้อไหน ก็เหมือนกันจริงหรือ??

โครงสร้างยางครับ ทุกคนจะบอกว่าโครงสร้างยางต้องแข็งแรงแต่เพื่อนๆรู้ไหมครับการที่แข็งแรงนั่นอาจส่งผลต่อการให้ตัวของยางรถยนต์นั้นหมายถึงความขับสบายในการขับขี่ด้วยครับ เพราะฉะนั้นแบรนด์ที่ใส่นวัตกรรมเทคโนโลยีเข้าไปนั้น ทำให้โครงสร้างของยางจะมีความให้ตัวที่มาก แต่ ว่ายังมีความแข็งแรงทนทานป้องกันแรงกระแทกได้ดีอีกด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานของขนาดเส้นลวด ผสมผสายการใช้ใยสังเคราะห์ ซึ่งสิ่งเหล้านี้ทางผู้ผลิตก็พัฒนาเพื่อให้ได้ยางที่มีคุณภาพโครงสร้างที่ดีที่สุดครับ ซึ่งก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เรามองไม่เห็นเช่นกันครับเราจึงไม่รู้ความแตกต่าง

ยางรถยนต์ยี่ห้อไหน ก็เหมือนกันจริงหรือ??

ต่อมาในเรื่องของเนื้อยางซึ่งเป็นส่วนที่เราเห็นกันแต่เราไม่รู้หรอกว่าเนื้อยางต่างกันยังไง อย่างแรกเลยครับการเกาะถนนและความทนทานสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกันครับเพราะว่า ถ้ายางที่เกาะถนนดีจะมีความนุ่มหรือมีส่วนผสมของยางที่มากกว่าซึ่งหากมีส่วนผสมของยางที่มากกว่านั้นเวลาใช้งานจริงๆการสึกหรอจะเร็วครับ เพราะฉะนั้นโรงงานผลิตยางจำเป็นจะต้องใส่สารเคมีที่ช่วยทำให้ยางนั่นมีความคงทน แต่ยังมีคุณสมบัติความเหนียวที่ช่วยทำให้เกาะถนนได้ดีขึ้น ส่วนต่อมา นวัตกรรมใหม่ๆในการทำให้เนื้อยางมีสูตรในการสลัดน้ำออกหรือเมื่อเจอน้ำไม่ดูดซับน้ำครับก็ต้องใส่สารเคมีเข้าไป พัฒนาสูตรยางเข้าไปให้ทำได้ครับ และส่วนสุดท้าย ยางทุกเส้นจะมีโมเลกุลที่แตกต่างกัน ยิ่งอนุภาคเล็กก็จะยิ่งทำให้ยางนั้นแนบสนิทกับพื้นถนนได้มากขึ้นครับ เพื่อนๆลองคิดดูว่าผู้ผลิตระดับไหนถึงจะ คิดค้นในสิ่งเหล่านี้ได้ถ้าไม่ใช่แบรนด์ขนาดใหญ่ที่ลงทุนกับเรื่องพวกนี้เป็นมาก

ยางรถยนต์ยี่ห้อไหน ก็เหมือนกันจริงหรือ??

ส่วนสุดท้ายลายดอกยางครับ เพื่อนอาจจะมองว่าลายดอกยางก็แบบเดิมๆ ไม่เปลี่ยนแปลงใช่ไหมครับแต่จริงๆแล้วมีการออกแบบลายดอกยางที่ใส่นวัตกรรมลงไปไม่ว่าจะเป็นร่องดอกยางนั่นที่มีรูปทรงที่เปลี่ยนไปที่ช่วยเพิ่มการระบายน้ำออกจากหน้ายางหรือว่าจะเป็นส่วนในการคืนตัวหรือขบกับถนนเพื่อให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนได้แนบสนิทมากยิ่งขึ้น หรือจะเป็นการออกแบบยางแบบสามมิติ เพื่อให้ดอกยางนั้นไม่ล้มเพื่อให้ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยมตลอดเวลา

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลคือเรื่องของนวัตกรรมที่บริษัทยางขนาดใหญ่ให้ความใส่ใจกับเรื่องนี้มากเพื่อการใช้งานรถของเพื่อนๆที่ดีกว่าเดิม อย่าเข้าใจผิดว่ายางทุกเส้นทุกราคาเหมือนกันครับ ยางราคาแพงองค์ประกอบของค่าการตลาดอาจจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่ค่า R&D ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยางราคาแพงขึ้นครับ นึกเปลี่ยนยาง นึกถึงไทร์บิดนะครับ มีโปรโมชั่นยางรถเพียบ

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ https://tiresbid.com/home ได้เลยครับ เพราะเราเป็นเว็บจำหน่ายยางที่ดีที่สุดครับ มีแบรนด์สินค้าคุณภาพให้เลือกมากที่สุด และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดในประเทศ แถมไทร์บิดเรายังมีบริการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกลาง ให้เพื่อนๆที่ต้องการสอบถามได้ยางที่เหมาะสมที่สุดผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) เราเป็นตัวกลางยางมืออาชีพโปรโมชั่นยางรถพิเศษไทร์บิดมากมาย  ให้บริการครบทุกรูปแบบ จุดบริการ เปลี่ยนถึงบ้าน จัดส่ง Fast service ทุกรูปแบบการรับบริการนัดหมายล่วงหน้า ใช้เวลาเพียง 1 ชม.ในการรับบริการติดตั้งเปลี่ยนยาง ให้เรื่องยางรถของคุณง่ายยิ่งขึ้น ซื้อยางรถมั่นใจทุกครั้งที่ไทร์บิด วันนี้ก็ขอขอบคุณมากครับเพื่อนๆที่ติดตาม หากมีข้อสงสัยเลือกยางไม่ถูกสอบถามมาที่ไทร์บิดของเราได้เลยครับ วันนี้ขอบคุณมากครับ

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ออโต้ให้ปลอดภัย

ทุกวันนี้ ถ้าจะให้มีรถยนต์ที่ออกมาบนท้องถนนส่วนใหญ่ ในประเทศไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องรถติดอันดับโลก การขับรถยนต์แบบเกียร์อัตโนมัตินั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปเกือบหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่รถกระบะ หรือรถตู้ ก็มีระบบเกียร์อัตโนมัติใช้กันมากพอสมควร

การขับรถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ผู้ขับขี่สะดวกสบายกว่าการขับรถด้วยเกียร์ธรรมดา ยิ่งในรถติดๆ ด้วยล่ะก็สบายขาซ้ายขึ้นเป็นกอง นับตั้งการพัฒนาเทคโนโลยีในอดีตหลายสิบปีที่แล้ว ที่เกียร์อัตโนมัติยังใช้ระบบแบบกลไก มีสปีดเริ่มต้นแค่ 2-3 สปีด และยังไม่ค่อยทนทานมากเท่าในปัจจุบัน

Automatic-Transmission

ภาพจาก V.Group Honda

มาถึงยุคปัจจุบัน ที่วิวัฒนาการก้าวหน้าในยุคที่เกียร์อัตโนมัติเป็นแบบระบบสายพาน CVT หรือระบบไฟฟ้า ที่มีความสลับซับซ้อนและทันสมัยมากๆ มีสปีดให้เลือกใช้มากถึง 9-10 สปีด แต่วิธีในการใช้งานนั้น ก็ยังคงไม่ต่างจากในอดีตนัก

Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟังถึงวิธีการขับรถด้วยเกียร์อัตโนมัติ ที่เน้นถึงความปลอดภัยในการใช้งาน ขับแล้วไม่เกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดอุบัติเหตุจากความตกใจและประมาท (เช่น ใส่เกียร์ผิดตำแหน่ง) เพราะความปลอดภัยหลักของคนขับ ก็อยู่ที่ … ตัวคนขับนั่นเองครับ

เคล็ดไม่ลับ การใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

ใช้เท้าขวาเหยียบเบรกเท่านั้น

การขับรถเกียร์อัตโนมัติ ควรใช้เท้าขวาเพียงเท้าเดียวในการเหยียบเบรกและคันเร่ง ไม่ควรใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรก และเหยียบเบรคทุกครั้งก่อนสตาร์ทรถ เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีเกียร์ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งเกียร์ว่าง N หรือเกียร์จอด P

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

เกียร์ถอย R ต้องตั้งใจเข้า

สำหรับรถยนต์รุ่นที่มีร่องคันเกียร์แนวตรง และมีปุ่มกดที่หัวเกียร์ การเข้าเกียร์ไปตำแหน่งเกียร์ถอย R ทั้งจากเกียร์จอด P หรือจากเกียร์ว่าง N รถยนต์ทุกรุ่นที่คันเกียร์เป็นแนวตรง ต้องกดปุ่มที่หัวเกียร์ หรือบางรุ่นต้องเหยียบเบรก กับกดปุ่มที่หัวเกียร์พร้อมกัน ถึงจะเลื่อนตำแหน่งเกียร์ไปยังเกียร์ถอย R ได้ เพื่อป้องกันการใส่เกียร์ผิด หรือมีเด็กเล็กมาโยกเล่น

ดังที่ทุกค่ายรถยนต์ได้ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย เพราะมีสลักล็อกอยู่ แม้จะใช้ 2 มือดันสุดแรง ถ้าสลักไม่หัก ก็เลื่อนไม่ได้แน่นอน

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

เกียร์คร่อมตำแหน่ง ระหว่าง N-R หรือ P-R

การเลื่อนคันเกียร์ไปมาระหว่างแต่ละตำแหน่ง มีระยะห่างที่น้อยมาก การคาคันเกียร์คร่อมอยู่ระหว่าง 2 ตำแหน่ง ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ กรณีรถรุ่นเก่าๆ ในขณะที่เกิดแรงสั่นสะเทือนของตัวรถ และเกียร์ดีดไปเข้าในตำแหน่งต่างๆ ได้

ดังนั้น ไม่ว่าในช่วงสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือก่อนจะออกรถ ควรแน่ใจเสมอว่าคันเกียร์อยู่ในล็อกของตำแหน่ง N หรือ P เท่านั้น ไม่ก้ำกึ่งอยู่ระหว่างตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง

Shift-Lock-Release

ระบบ Shift Lock Release ในเกียร์อัตโนมัติ

ในรถบางรุ่นที่ออกแบบมาให้มีระบบ Shift Lock Release เวลาเข้าเกียร์จอด P ไว้ ซึ่งก่อนจะขับรถออกไป ยังไงก็ต้องนำกุญแจรถลงไปเสียบที่ช่องสำหรับเสียบกุญแจ หรือกดปุ่ม เพื่อปลดล็อคเกียร์ออกจากเกียร์จอด P อยู่แล้ว เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่นั่นเอง

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

เปลี่ยนเกียร์จาก D มา N ไม่ต้องกดปุ่มที่หัวเกียร์ก็ได้ (สำหรับรถรุ่นเก่า)

โดยทั่วไปการเลื่อนคันเกียร์จาก N มา D ขับเคลื่อนเดินหน้า ไม่ต้องกดปุ่ม เพราะผู้ผลิตรถออกแบบมาให้สะดวกในเวลาขับ ในกรณีของ N มา D ไม่ต้องกดปุ่มได้ แต่จาก N ไป R หรือ P ต้องกดปุ่มครับ ป้องกันการเข้าเกียร์ผิด อาจจะให้รถกระชาก ถึงขั้นเกียร์พังได้

โดยเกียร์จอด จาก P หรือ N ไป R ต้องกดปุ่มที่หัวเกียร์ (หรือเท้าอาจต้องเหยียบเบรก ในกรณีที่เกียร์เป็นแบบขั้นบันได (Gate Type) ซึ่งหลายรุ่นไม่มีปุ่มกดเกียร์)

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

จอดรถขณะติดไฟแดง รถติด โดยมีผู้ขับอยู่ในรถ

การขับรถจอดติดไฟแดง หรือรถติดจากการจราจรติดขัด หากจอดไม่นาน แค่เหยียบเบรกค้างไว้ โดยตำแหน่งอยู่ที่เกียร์ D เพื่อไม่ให้เกียร์มีการสึกหรอจากการสลับไป-มา ระหว่าง N-D หรือถ้าจอดนานสักหน่อย จะค้างไว้ที่เกียร์ D พร้อมดึงเบรกมือไว้ก็ได้ … แต่อย่าเผลอเมื่อยขาละกัน!

ถ้ารู้สึกรถติดนานหลายนาที เลื่อนเกียร์มาที่ N และเหยียบเบรกหรือดึงเบรกมือเสริมไว้ดีกว่า หากรถติดอยู่บริเวณคอสะพาน หรือทางลงในลานจอดรถ เป็นต้น

หากต้องจอดรถแล้วติดเครื่องยนต์ไว้ และต้องลงจากรถยนต์ โดยมีผู้อื่นอยู่ในรถยนต์ นอกจากควรดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ P ไว้ โดยไม่ควรเข้าเกียร์ N ไว้ เพราะอาจมีใครดันมาเป็นเกียร์ D ได้

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

อย่าวางใจเบรกมือ

เมื่อดึงเบรกมือจนสุด (หรือใช้มือดึงเบาๆ กรณีที่เป็นเบรกมือไฟฟ้า หรือใช้เท้าเหยียบให้สุด กรณีที่เป็นเบรกมือแบบเหยียบ) หากรถยนต์ปกติ การเข้าเกียร์ค้างไว้ที่ D หรือ R โดยไม่แตะคันเร่ง รถยนต์ต้องไม่ไหล แต่ก็อาจจะไหลได้ เช่น สายสลิงเบรกมือยืดตัว รอบกระตุกเพราะคอมเพรสเซอร์แอร์ตัด-ต่อการทำงาน แม้เมื่อดึงเบรกมือสุด จะมีแรงกดผ้าเบรกมาก แต่ก็แค่ 2 ล้อ และแรงกดนั้นน้อยกว่าการเหยียบเบรกอยู่มาก ดังนั้นจึงไม่ควรไว้วางใจเบรกมือ

ควรคิดเสมอว่า แม้ดึงเบรกมือจนสุด แล้วรถยนต์ก็ยังอาจจะไหลได้ ขนาดที่ดึงเบรกมือค้างไว้ ก็ยังขับรถยนต์ออกไปได้ นั่นคือ เบรกมือมีแรงเบรกพอสมควรเท่านั้น ไม่ได้มีทั้งหมด มิฉะนั้นคงไม่สามารถขับออกไปได้โดยหลายคนหลงลืม

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

สัญญานเตือนเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง R

ในรถรุ่นใหม่ๆ เวลาถอยรถ หลายรุ่นมักมีติดสัญญาณเตือนถอยหลัง พร้อมภาพจากกล้องมองหลังขึ้นมา ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เวลาถอดจอดง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะเวลาเข้าใกล้วัตถุ เสียงเตือนจะดังขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัย และได้ทราบเวลาใส่เกียร์ถอยหลังได้

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

สายพ่วงแบตเตอรี่ติดรถ

ควรมีสายพ่วงแบตเตอรี่ติดรถไว้ตลอดเวลา เผื่อแบตเตอรี่ไม่พอ เนื่องจากรถเกียร์อัตโนมัติ ไม่สามารถเข็นด้วยความเร็วต่ำ แล้วกระตุกสตาร์ทให้ติดเครื่องยนต์ได้แบบรถเกียร์ธรรมดา การเข็นรถเกียร์อัตโนมัติแล้วใช้วิธีกระตุกสตาร์ท ต้องใช้ความเร็วอย่างน้อย 20 กม./ชม. ซึ่งเข็นด้วยแรงคนคงเป็นไปได้ยาก และเสี่ยงกับความเสียหายต่อเกียร์ในขณะที่ทำการเข็นหรือลากอีกด้วย

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

ตรวจสอบน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ

น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ช่วยให้ยืดอายุการใช้งานของเกียร์รถท่านได้ยาวนาน จึงควรตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์ให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าขีดที่ก้านวัด และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะทางที่ในคู่มือแนะนำ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ความปลอดภัยในการขับขี่รถเกียร์อัตโนมัติ เริ่มต้นจากตัวผู้ขับขี่ และสภาพรถที่พร้อมใช้งานครับ …

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

เนื้อหาบางส่วนจาก:

  • นิตยสาร Thaidriver ฉบับปี 2545
10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

“ญี่ปุ่น” นับเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก แม้ว่าในช่วงหลังๆ อาจจะดูเงียบไปบ้าง (เนื่องจากเจอค่ายรถยนต์จากจีน พยายามแซงขึ้นมาแล้ว) แต่ก็ยังมีแบรนด์รถยนต์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอยู่หลายแบรนด์ อีกทั้งยอดขายภายในประเทศตัวเอง ก็ขายได้มากถึงหลายล้านคันต่อปี

นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา เจอโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก แถมด้วยสายพันธุ์ใหม่กระหน่ำซ้ำอีก บวกกับปัญหาจากวิกฤติ Semiconductor Chip Shortage หรือชิปเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน ทำให้รถบางรุ่นต้องพักสายการผลิต เพราะไม่สามารถหาชิปมาผลิตรถได้

บรรดาค่ายรถญี่ปุ่นก็ได้ผลกระทบต่อเนื่อง ในปี 2021 ที่ผ่านมา มียอดขาย และยอดจดทะเบียนรถในประเทศญี่ปุ่น ตกลงมาเหลือ 4,448,340 คัน ลดลง 3.3% เมื่อเทียบกับยอดขายรถในปี 2020 ที่ผ่านมาที่ทำได้มากถึง 4,598,615 คัน (ซึ่งก็เป็นยอดที่ลดลงมาแล้วก็ตาม)

ในรอบหนึ่งทศวรรษ นี่นับเป็นครั้งที่สาม ตั้งแต่ที่ในญี่ปุ่นเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ คลื่นสึนามิถล่มในเดือนมีนาคม 2011 และในปี 2016 ที่ส่งผลให้ยอดขายรถตกลงมาต่ำกว่า 5 ล้านคัน ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง แต่ในปี 2022 นี้ หลายฝ่ายต่างคาดว่ายอดขายจะดีขึ้น เพราะมียอดจองรถที่เข้ามามาก รวมไปถึงวิกฤตโควิด และสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะเริ่มแผ่วเบาลง

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

ตัวเลขยอดขาย แยกย่อยออกเป็นรถยนต์ทั่วไป 2,399,862 คัน (-3.2% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว), รถ K-Car 1,275,836 คัน (-4.2% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว), รถเชิงพาณิชย์ 389,076 คัน (-0.8% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว), รถ K-Car เชิงพาณิชย์ 376,686 คัน (-2.6% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว) และรถบัส 6,880 คัน (-26.3% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว)

ซึ่งยอดขายรถบางส่วนนี้ รวมไปถึงรถยนต์ที่ผู้จำหน่ายอิสระซื้อ และสั่งเข้ามาขายในไทยด้วยนะครับ

สำหรับรถยนต์ในญี่ปุ่นนั้น มีอายุการใช้งานที่ไม่มากนัก เพียงไม่กี่ปี จากอัตราภาษีที่ปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุรถและค่าซ่อมรถที่ค่อนข้างแพง จึงทำให้มีการกระตุ้นยอดขายรถใหม่ไปในตัวตลอด แล้วรถใหม่ก็มีราคาจำหน่ายที่ไม่แพงมาก ผนวกกับค่าครองชีพของคนญี่ปุ่น ที่สูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็สามารถซื้อรถยนต์คันใหม่ได้ไม่ยาก ยอดขายรถจึงค่อนข้างสูงหลายแสนคันต่อเดือน

Mr.Carro ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ รถที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น (ตามการจัดอันดับของสมาพันธ์ผู้ค้ารถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น JADA (Japan Automobile Dealers Association) ซึ่งรถยนต์แบบ K-Car จะถูกจับแยกออกไปต่างหาก) ประจำปี 2021 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

1. Toyota Yaris ยอดขาย 212,927 คัน

Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) น้องเล็กของ Toyota ที่เป็น Yaris ในตลาดโลก (แต่ในบ้านเรา กลับได้ Yaris เวอร์ชั่นจีนมาแทน) เพิ่งปรับโฉมโมเดลเชนจ์ไปเมื่อเดือนตุลาคม 2019 ที่ผ่านมา สามารถไต่ยอดขายได้เป็นไปอันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง แสดงให้เห็นว่าชาวญี่ปุ่นนิยมรถแนวนี้มากๆ

โดยโฉมนี้ใช้แพลตฟอร์มใหม่อย่าง TNGA-B มาในรูปแบบสปอร์ต ภายในขับขี่ง่าย ใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ง่าย พร้อมระบบความปลอดภัยอย่าง Toyota Safety Sense ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i

เริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร รหัส 1KR-FE ให้แรงม้าสูงสุด 69 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 92 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที

แบบเบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NR-FKE ให้แรงม้าสูงสุด 99 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 121 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่วนเครื่องยนต์รหัส 1NR-FE มี ให้แรงม้าสูงสุด 95 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 119 นิวตัน-เมตร

ส่วนขุมพลัง Hybrid มีขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 74 แรงม้า ที่ 4,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 111 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-4,400 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 61 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 169 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

อีกทั้งยังมีรุ่นพลังแรงให้เลือก (ที่มีขายในบ้านเราด้วย!) นั่นคือ Toyota GR Yaris ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร รหัส G16E-GTS แบบแถวเรียง 3 สูบ เทอร์โบ DOHC 12 วาล์ว ขุมพลังใหม่ล่าสุด พละกำลังสูง ด้วยความแรงระดับ 261 แรงม้า  พร้อมแรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด iMT (Intelligent Manual Transmission) และรุ่น GRMN Yaris ที่ลดน้ำหนักตัวรถลงไปถึง 20 กิโลกรัม สำหรับนักขับแบบฮาร์ดคอร์ จำนวนจำกัดเพียง 500 คันเท่านั้น

สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 230 กม./ชม. โดยพละกำลังทั้งหมดจากเครื่องยนต์ จะถูกถ่ายทอดผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใหม่ล่าสุด ที่เรียกว่า “GR-FOUR”

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

2. Toyota Roomy ยอดขาย 134,801 คัน

Toyota Roomy (โตโยต้า รูมมี่) รถยอดนิยม รูปทรงแบบ Tall Boy ที่มาแทน Toyota bB (โตโยต้า บีบี) รุ่นก่อนหน้า ที่ยังมีคู่แฝด ในชื่อ Daihatsu Thor อีกด้วย รุ่นปัจจุบันเป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์เมื่อเดือนกันยายน 2020 ที่ผ่านมา เป็นรถที่นั่งได้ 5 ที่นั่ง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT และมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือก

ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร รหัส 1KR-FE ซึ่งให้แรงม้าสูงสุด 69 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 92 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที

และในรุ่น Turbo Intercooler รหัส 1KR-VET ให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 2,400-4,000 รอบ/นาที แรงเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรที่ไม่มี Turbo

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

3. Toyota Corolla ยอดขาย 110,865 คัน

Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) ต้องบอกได้ว่าลุคของ Corolla ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 12 นี้ ฉีกความอนุรักษ์นิยมเดิมๆ เรียบๆ เรื่อยๆ ของ Corolla Axio ทิ้งไปได้หมดจริงๆ สำหรับเวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่ดูเปรี้ยวสุดๆ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน และยังมีรุ่น 5 ประตู Sport Hatchback กับรุ่นแวกอนอย่าง Touring ออกมาขายเช่นเคย

ขุมพลังของทั้งรุ่น Sedan, Sport และ Touring มีให้เลือก 2 รุ่นเครื่องยนต์ ตั้งแต่เบนซินขนาด 1.2 ลิตร Turbo รหัส 8AR-FTS ให้แรงม้าสูงสุด 116 แรงม้า ที่ 5,200-5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 185 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด แบบ iMT และเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่สามารถล็อคอัตราทดได้ 10 สปีด

แบบเบนซินเพียวๆ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FAE ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 170 นิวตัน-เมตร ที่ 3,900 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

ส่วนขุมพลัง Hybrid ยกมาจาก Prius ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 72 แรงม้า ให้กำลังสูงสุดรวมทั้งระบบอยู่ที่ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

ล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา Toyota ได้ออกรุ่นพิเศษให้กับ Corolla 50 Million Edition ฉลองครบรอบการผลิตครบ 50 ล้านคัน ของโคโรลล่า Hybrid ทุกรุ่นย่อยอีกด้วย

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

4. Toyota Alphard ยอดขาย 95,049 คัน

Toyota Alphard (โตโยต้า อัลฟาร์ด) ยังคงเป็นรถแวนระดับหรู ที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั้งในญี่ปุ่นและในไทย แม้จะอยู่ในช่วงปลายอายุตลาดแล้ว แต่ในปี 2021 ยังมาพร้อมตัวเลขยอดขายที่สูงกว่าในปี 2020 ถึง 4.7% (ปี 2020 ยอดขาย 90,748 คัน)

มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายด้วยชุดเซ็นเซอร์เปิดฝาท้ายแบบ Kick activated เพิ่มสุนทรียภาพในทุกการเดินทางด้วยเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสด้านหน้าขนาด 10.5 นิ้ว และด้านหลังขนาด 13.3 นิ้ว ที่สามารถรองรับ Apple Carplay ตลอดจนลำโพง JBL 17 ตัว

นอกจากนี้ยังมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยกล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) กล้องวิดีโอบันทึกภาพติดรถยนต์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (Digital Video Recorder) และระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้ารุ่นล่าสุด อย่าง Toyota Safety Sense เจเนอเรชั่นที่ 2

ขุมพลังพื้นฐานมีเป็นแบบเบนซินขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 235 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบ/นาที

ส่วนขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 152 แรงม้า (PS) ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 206 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 – 4,800 รอบ/นาที ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวหน้าให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า และตัวหลัง 68 แรงม้า โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ

และขุมพลังเบนซินขนาด 3.5 ลิตร รหัส 3GR-FKS แบบ V6 DOHC Chain Drive VVT-iW และ D-4S ให้แรงม้าสูงสุด 296 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 361 นิวตัน-เมตร ที่ 4,600 – 4,700 รอบ/นาที

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

5. Nissan Note ยอดขาย 90,177 คัน

Nissan Note (นิสสัน โน๊ต) รถ Sub-Compact โฉมใหม่ล่าสุดจาก Nissan ที่มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ในญี่ปุ่นจริงๆ สร้างยอดขายแบบพุ่งกระฉูดได้ตลอดปี 2021 ต่างจาก Nissan Note จำหน่ายในบ้านเราลิบลับ! แถมยังมี Nissan Note Aura (นิสสัน โน๊ต ออร่า) มาช่วยเสริมทัพด้วย

โดย Nissan Note โฉมล่าสุดนี้ถูกออกแบบใหม่หมด มาพร้อมความคล้าย Nissan Leaf หน่อยๆ ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรง V-Motion ไฟหน้าแบบ LED แบบ 4 ดวงในแต่ละข้าง ส่วนไฟท้ายเป็นรูปทรงแนวนอน พร้อมล้อแม็กขนาด 16 นิ้ว มีสีตัวถังให้เลือกเยอะถึง 13 สี และสามารถเลือกหลังคาแบบสีดำได้

ส่วนภายในห้องโดยสารหรูหราขึ้นมาก แผงคอนโซลแบบสองชั้น ส่วนคอนโซลกลางมาพร้อมคันเกียร์ไฟฟ้า ติดตั้งเบาะนั่ง Zero Gravity พร้อมที่วางแขนขนาดใหญ่ เสริมด้วยจอ Infotainment ขนาดใหญ่ แสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอล ติดตั้งระบบ ProPILOT with Navi-link สามารถปรับความเร็วตามป้ายจำกัดความเร็วได้อัตโนมัติ รวมถึงลดความเร็วก่อนเข้าโค้งได้

ขุมพลัง e-Power พัฒนาให้มีกำลังเพิ่มขึ้น 6% และแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้น 10% เป็นแบบเบนซินขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 82 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 134 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร (รุ่น 4WD มีมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหลัง ขนาด 68 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร เพิ่มมาให้ด้วย) มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ

ส่วน Nissan Note Aura (นิสสัน โน๊ต ออร่า) ที่ปรับแต่งให้สวยหรูยิ่งขึ้น และ Nissan Note Aura Nismo (นิสสัน โน๊ต ออร่า นิสโม่) ที่เปิดตัวไปในเดือนสิงหาคม 2021 ทาง Nissan ระบุว่า Note Aura เป็นรถรุ่นแรกของ Nissan ที่ตกแต่งในธีมการออกแบบใหม่ของ Nismo มาพร้อมชุดแต่งรอบคันที่ตกแต่งด้วยสีแดง มีไฟตัดหมอกหน้า-หลัง พร้อมเบาะนั่งแบบบักเก็ตซีทสไตล์รถแข่งจาก Recaro ตกแต่งด้วยวัสดุหนังกลับและหนังสังเคราะห์ ตกแต่งแผงคอนโซลลายคาร์บอนสีแดง ก็ช่วยให้ยอดขายกระฉูดกันไป

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

6. Toyota Raize ยอดขาย 81,880 คัน

Toyota Raize (โตโยต้า ไรซ์) รถ Crossover ขนาดเล็กยอดนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น ที่มีคู่แฝดร่วมกันกับ Daihatsu Rocky (ไดฮัทสุ ร็อคกี้) ซึ่งมีการดีไซน์ที่คล้ายกับ Toyota RAV4 รุ่นใหม่อยู่ไม่น้อย ที่นอกจากจะขายดีในญี่ปุ่นแล้ว Toyota ยังนำไปเปิดตัวในหลายๆ ประเทศ และในอาเซียน ก็ขายดีไม่แพ้กัน

มาพร้อมกันชนหน้าทรงสปอร์ตขนาดใหญ่ และไฟตัดหมอก กับไฟ Daytime Running Light ทรงแนวนอน พร้อมไฟท้ายแบบ LED กับห้องโดยสารภายใน ที่นั่งกันได้สบายๆ 5 คน พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่มีมากถึง 369 ลิตร

ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินรหัส 1KR-VET แบบ 3 สูบ DOHC Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 140 นิวตันเมตร ที่ 2,400 – 4,000 รอบ/นาที

จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT มีทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Dynamic Torque Control 4WD ให้เลือก

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

7. Toyota Harrier ยอดขาย 74,575 คัน

Toyota Harrier (โตโยต้า แฮริเออร์) เจเนอเรชั่นที่ 4 แม้ว่าในบ้านเราอาจจะไม่ได้ฮิตเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ที่ญี่ปุ่นยังเป็นรถ SUV ที่ขายดีมาก สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA (GA-K) ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ แนวหลังคาลาดแบบรถคูเป้ ให้การขับขี่ที่สบายและสนุกมากกว่าเดิม และมิติตัวรถที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ

รูปลักษณ์ภายนอกของดีไซน์ดูแข็งแกร่ง โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED แบบเรียวบางพร้อมแถบโครเมี่ยม พร้อมชุดไฟท้าย LED แนวนอนคาดยาวเต็มความกว้างของบั้นท้าย ส่วนภายในห้องโดยสารใช้โทนสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากไม้กฤษณา และตกแต่งด้วยหนังสังเคราะห์ พร้อมหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาดใหญ่ และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ

เครื่องยนต์นั้นมีทั้งแบบเบนซิน และแบบไฮบริดให้เลือก โดยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รหัส M20A-FKS ให้แรงม้าสูงสุด 171 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 207 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift-CVT

และเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 2.5 ลิตร รหัส A25A-FXS ให้แรงม้าสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที และมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า 120 แรงม้า และด้านหลัง 54 แรงม้า รวมกำลังสงสุด 222 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

8. Toyota Aqua ยอดขาย 72,495 คัน

Toyota Aqua (โตโยต้า อควา) หรือ Prius C (พรีอุส ซี) ในตลาดต่างประเทศ เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดโฉมเจเนอเรชั่นที่ 2 ที่เพิ่งเปิดตัวไปในเมื่อเดือนกรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมา ด้วยรูปทรงที่น่ารัก ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม TNGA GA-B ขยายความยาวฐานล้อเพิ่มอีก 50 มม. โดยที่ยังคงเอกลักษณ์ความน่ารักไว้คล้ายกับในโฉมที่แล้ว

แน่นอนว่ารุ่นนี้ต้องมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำๆ อยู่แล้ว อาทิ ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ในทุกรุ่นย่อย พร้อมระบบช่วยจอด Toyota Teammate Advanced Park ครั้งแรกในรถ Compact ของ Toyota ซึ่งตัวรถสามารถควบคุมการจอดรถเองได้หมด ทั้งเดินหน้า-ถอยหลัง หรือหมุนพวงมาลัยเอง

และยังเป็นรถที่สามารถใช้จ่ายไฟในกรณีฉุกเฉินยามเกิดภัยพิบัติได้ด้วย สามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 1,500 วัตต์แบบกระแสสลับ ด้วยแรงดัน 100 โวลต์ ตามมาตรฐานครัวเรือนญี่ปุ่น พร้อมทั้งช่องจ่ายไฟแบบ USB สำหรับชาร์จสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กด้วย

ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.5 ลิตรแบบใหม่ รหัส M15A-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 120 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800-4,800 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 80 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร

มาพร้อมระบบ Pleasure Pedal เป็นครั้งแรก หากใช้โหมด Power+ สามารถใช้แป้นคันเร่งเพิ่มหรือชลอความเร็วเพียงแป้นเดียวได้ ช่วยให้ขับรถในเมืองได้สบายขึ้น ขณะที่โหมดอื่นๆ ประกอบด้วย Normal, Power และ Eco-Drive

มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ E-Four ที่จะมีมอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มมาที่ด้านหลังอีก 1 ตัวด้วย ให้กำลัง 6.4 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 5.3 นิวตัน-เมตร

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

9. Toyota Voxy ยอดขาย 70,085 คัน

Toyota Voxy (โตโยต้า วอกซี่) สำหรับเจเนอเรชั่นที่ 3 ของรถ MPV ขายดีฝั่ง Toyota อย่าง Voxy นับตั้งแต่เปิดตัวมาในปี 2017 ก่อนจะปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2017 และยังมีคู่แฝดร่วมรุ่นอย่าง Noah และ Esquire ที่ในบ้านเราก็มีคนนำเข้ามาขายกันหลายคัน พร้อมติดตั้งระบบความปลอดภัยล่าสุดอย่าง Toyota Safety Sense C

เครื่องยนต์นั้นมีทั้งแบบเบนซิน และแบบไฮบริดให้เลือก โดยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รหัส 3ZR-FAE ให้แรงม้าสูงสุด 152 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 193 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i

และเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 99 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 82 แรงม้า แรงบิดสงสุด 207 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

10. Honda Freed ยอดขาย 69,577 คัน

Honda Freed (ฮอนด้า ฟรีด) แม้ว่าจะเปิดตัวเจเนอเรชั่นที่ 2 ไปตั้งแต่ปี 2016 ที่ผ่านมา แต่กระแสตอบรับยังแรงต่อเนื่อง นับเป็นรถ Minivan MPV ขนาดเล็กที่ใช้พื้นฐานร่วมกับ Honda Fit และ Grace (หรือ Honda Jazz กับ City ในไทย) มีจำหน่ายทั้งรุ่น 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง ซึ่งในปี 2021 ที่ผ่านมา Honda Freed ก็ฉลองยอดการผลิตไปถึง 1 ล้านคันเรียบร้อย

ขุมพลังมีให้เลือกทั้งเบนซินและ Hybrid เริ่มจากเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 153 นิวตัน-เมตร ที่ 4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

ในส่วนของเครื่องยนต์ Hybrid ทำงานคู่กันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน Atkinson Cycle ขนาด 1.5 ลิตร i-VTEC + ระบบ Hybrid แบบ Sport Hybrid i-DCD ให้แรงม้าสูงสุด 110 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 134 นิวตัน-เมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 29.5 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบคลัทช์คู่ 7 สปีด

MR.CARRO หวังว่า 10 อันดับ รถขายดีสุดในญี่ปุ่นที่นำมาเสนอนั้น น่าจะถูกใจใครหลายๆ คนนะครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

หมายเหตุ : ข้อมูลรถ 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลที่ Update ณ เดือนเมษายน 2565 เมื่อเวลาผ่านไป ราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

แหล่งที่มาจาก: