กดแตรแบบไหน ถึงปลอดภัยทุกการเดินทาง

กดแตรรถ กดอย่างไร ให้ปลอดภัยทุกการเดินทาง

เวลาขับรถออกไปข้างนอก สังเกตกันไหมครับว่า กรุงเทพฯ ในยุคที่การจราจรติดขัดมากขึ้นเรื่อยๆ บางทีต้องเสียเวลารถติดอยู่นานมากบนท้องถนน ทำให้คนขับรถเกิดความเครียด หงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี ช่วงเวลาขับรถแน่ๆ

และบางทีเพียงแค่การกดแตรเพื่อให้สัญญาณกับรถคันหน้า หรือมอเตอร์ไซค์คันหน้า กลับกลายเป็นการเกิดเรื่องวิวาทกันได้อย่างคาดไม่ถึง เหมือนที่เห็นในหลายๆ คลิป … Carro ขอแนะนำวิธีการกดแตรแบบไหน ถึงปลอดภัยทุกการเดินทางครับ

แตรรถยนต์เริ่มติดตั้งในรถยนต์ตั้งแต่ในปี 1910 พัฒนาขึ้นโดย Oliver Lucas แห่งเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เพื่อใช้เป็นสัญญาณในการขอทาง ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัย ป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุได้ รวมถึงขับรถกันอย่างมีระเบียบมากขึ้น ซึ่งในเมืองนอกนั้น นิยมกดแตรกันเพื่อเตือน หรือป้องกัน ซึ่งตรงข้ามกับในบ้านเรา ที่ถูกปลูกฝังให้ใช้แตรน้อยที่สุด นับเป็นเรื่องผิดๆ ที่มีมานานแล้ว

กดแตรแบบไหน ถึงปลอดภัยทุกการเดินทาง

1. ควรกดแตรแบบเป็นจังหวะ กดเบาๆ แล้วปล่อย ไม่กดค้างลากยาว ไม่กดพร่ำเพรื่อ กดให้เสียงแตรออกมาประมาณ “ปื้น … ปื้น …” ไม่ใช่การกดแบบ “ปื้นนนนนนนนนนนนนนนนนนน” เพราะว่าคนส่วนใหญ่ มักนิยมกดแตรครั้งเดียวและยาว ด้วยความไม่รู้ จึงทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่า การกดแตรลากยาวแบบนี้เหมือนเจตนาไล่ ด่า และสร้างความรำคาญ อาจจะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันได้ ดังนั้น ควรกดแตรเป็นจังหวะ และรู้จักใช้น้ำหนักการกด ตั้งแต่การกดแบบส่งเสียงเบาๆ จนถึงเสียงดังสุดครับ

กดแตรแบบไหน ถึงปลอดภัยทุกการเดินทาง

ภาพจาก RT@pwittaya

2. กดแตรก่อนเกิดเหตุ เมื่อเห็นว่าอาจจะมีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้จากเพื่อนร่วมทาง คุณควรใช้แตรทันที เช่นมีรถยนต์หรือจักรยาน และจักรยานยนต์พุ่งออกมาจากซอยทันที โดยไม่มองดูซ้าย-ขวา หรือเจอพวกประเภทขับช้าชิดขวา หรือพวกขับรถไป เล่นมือถือไป การกดแตรก่อน ช่วยป้องกันอุบัติเหตุ ที่อาจจะเกิดกับรถคุณได้

กดแตรแบบไหน ถึงปลอดภัยทุกการเดินทาง

3. อย่าลืมว่า บางสถานที่ก็ไม่ควรใช้แตรนะครับ เพราะตามกฎหมาย พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ระบุชัดเจนถึงสถานที่ไม่ควรใช้แตร ได้แก่ ถนนในช่วงเขตโรงเรียน โรงพยาบาล วัด และเขตพระราชฐาน รวมถึงในเขตที่มีป้ายสัญญาณห้ามกดแตร

การใช้ “แตร” ถ้าคุณรู้จักแล้วสามารถใช้งานได้อย่างเข้าใจ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ ความปลอดภัย และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในการเดินทางได้ดีขึ้นครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

MUJI Car 1000 : รถยนต์แบรนด์ MUJI กับความสำเร็จ!

ถ้าจะให้พูดถึง “บริษัท เรียวฮิน เคอิคะคุ” (株式会社良品計画) หลายคนมึนตึ้บ ว่านี่คือบริษัทญี่ปุ่นอะไรกันแน่???

แต่ถ้าจะให้พูดถึงแบรนด์ “MUJI” (มูจิ) แบรนด์ไลฟ์สไตล์สัญชาติญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลก ก็บริษัทนี้แหละครับ เป็นผู้ให้กำเนิด “MUJI” ขึ้นมา ตั้งแต่ค่านิยม ความมุ่งมั่นของบริษัท การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การดำเนินธุรกิจตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต และความสำเร็จของแนวคิด “สินค้าคุณภาพดีที่ไม่มียี่ห้อ” ของ MUJI

MUJI ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในญี่ปุ่นในเดือนธันวาคม 1980 โดย Seiji Tsutsumi (เซจิ ซึซูมิ – 辻井喬) ประธานห้างสรรพสินค้าเซบู (Seibu) ลูกของผู้ก่อตั้งกิจการรถไฟ Seibu Railway และเจ้าของกิจการต่างๆ อีกหลายอย่าง

MUJI มีชื่อเต็มๆ ว่า “มูจิรุชิ เรียวฮิน” (Mujirushi Ryohin หรือ 無印良品) เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า ไม่มีแบรนด์ (No Brand) หรือมีความหมายว่า “สินค้าคุณภาพดีที่ไม่มียี่ห้อ” เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพดีมากมาย รวมถึงของใช้ในบ้าน เครื่องแต่งกาย และอาหาร เป็นต้น

MUJI Car 1000 : รถยนต์แบรนด์ MUJI กับความสำเร็จ!

MUJI ตั้งอยู่บนหลักการสามข้อ ซึ่งยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงทุกวันนี้ ได้แก่

1. การเลือกสรรวัสดุ
2. ปรับปรุงพัฒนากระบวนการต่างๆ
3. สร้างบรรจุภัณฑ์ที่เรียบง่าย

ผลิตภัณฑ์ของ MUJI เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตที่สมเหตุสมผลที่สุด มีความรวบรัด แต่ไม่ใช่สไตล์มินิมอล
หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เปรียบเสมือนภาชนะที่ว่างเปล่า ความเรียบง่ายและความว่างเปล่าก่อให้เกิดความเป็นสากลขั้นสูงสุด เป็นการยอมรับความรู้สึกและความนึกคิดของทุกคน

MUJI Car 1000 : รถยนต์แบรนด์ MUJI กับความสำเร็จ!

จนผลิตภัณฑ์ของ MUJI สามารถฉีกทุกตำราการตลาด เอาชนะความนิยมชมชอบมากมาย และแพร่หลายไปไม่เพียงแต่ทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่รวมไปถึงที่ต่างๆ ทั่วโลก ในปี 2021 MUJI ทำรายได้ไปกว่า 151,000 ล้านบาท มีสินค้ากว่า 7,000 รายการ และมีกว่า 1,000 สาขาทั่วโลก

ซึ่งในไทยเอง นับตั้งแต่ปี 2556 บริษัทแม่ MUJI ประเทศญี่ปุ่น ได้ร่วมทุนกับ “เซ็นทรัล” จัดตั้ง “บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด” ด้วยทุนจดทะเบียน 520 ล้านบาท ร่วมทุนกันและเดินหน้าขยายธุรกิจในไทยเชิงรุกมากขึ้น

แต่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนเลยว่า MUJI เคยคิดผลิตรถยนต์ออกมาขายด้วย!

MUJI Car 1000 : รถยนต์แบรนด์ MUJI กับความสำเร็จ!

ใช่ครับ แม้ว่าหลายปีก่อน MUJI จะมีแนวคิดพัฒนารถยนต์ไร้คนขับที่ชื่อว่า Gacha ออกมา แต่ในวันนี้ผมกำลังจะพูดถึง MUJI+Car 1000 (มูจิ คาร์ 1000) รถยนต์รุ่นแรกที่ทาง MUJI ร่วมกับทาง Nissan (นิสสัน) นำเอา Nissan March (K11) (นิสสัน มาร์ช) มาผลิตจำหน่ายในแบรนด์ของ MUJI

โดยพร้อมรับจองผ่านทางเว็บไซต์ muji.net ในเดือนเมษายน 2001 และพร้อมส่งมอบรถในวันที่ 11 พฤษภาคม 2001 ที่โชว์รูม Nissan ด้วยจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันเท่านั้น ในราคา 930,000 เยน!

MUJI Car 1000 : รถยนต์แบรนด์ MUJI กับความสำเร็จ!

ตัวรถภายนอกมาพร้อมความเรียบง่ายสไตล์ MUJI เลย ไม่มีโลโก้แบรนด์ ไม่มีชื่อรุ่น กันชนหน้า-หลัง สีดำ กระจกมองข้างสีดำ ล้อรถเป็นแบบกระทะเหล็กขนาด 13 นิ้ว มาพร้อมสีโปรโมทตัวรถ อันเป็นสัญลักษณ์ของ MUJI

ส่วนห้องโดยสารภายในโทนสี Ivory ออกแบบในสไตล์ 2 ที่นั่ง + พื้นที่อิสระด้านหลัง ออกแบบเบาะนั่งหลังใหม่เป็นแบบไวนิล สามารถวางของเปียกได้ และปรับพับแบบ 60:40 ได้ พร้อมจุดยึดที่นั่งสำหรับเด็ก มีแอร์, วิทยุ 1 din พร้อม CD, กระจกกรองแสง UV, กระจกมองข้างพับไฟฟ้า, พรมปูพื้น ที่วางแก้วน้ำข้างประตู และกุญแจรถที่ออกแบบเป็นพิเศษมาให้

มีมิติตัวรถยาว 3,720 มม. กว้าง 1,585 มม. สูง 1,425 มม. ระยะฐานล้อ 2,360 มม. มีน้ำหนักตัวรถ 870 กิโลกรัม

MUJI Car 1000 : รถยนต์แบรนด์ MUJI กับความสำเร็จ!

มาพร้อมขุมพลังรหัส CG10DE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 60 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 84 นิวตัน-เมตร (8.6 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด E-Atx ประหยัดน้ำมัน 16.6 กม./ลิตร (ตามมาตรฐานโหมด 10-15)

และพิเศษสุด! ผู้สั่งจองรถในครั้งนี้จะได้รับจักรยานพับได้ขนาด 14 นิ้ว ของ MUJI มูลค่า 29,800 เยน ที่ออกแบบมาเพื่อ Muji+Car 1000 โดยเฉพาะ

ซึ่ง MUJI จะสามารถจำหน่ายรถรุ่นพิเศษ 1,000 คันนี้ไปได้จนหมด ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แม้ว่าในปัจจุบัน MUJI จะไม่ได้จัดทำรถรุ่นพิเศษแนวนี้ออกมาขายแล้ว แต่เชื่อว่าถ้าใครมีรถรุ่นนี้เก็บไว้ มีราคาดีอย่างแน่นอนครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

10 รถแท็กซี่รุ่นยอดนิยมในไทย

10 รถแท็กซี่รุ่นยอดฮิตในไทย จะมียี่ห้อไหน รุ่นใดบ้าง มาดูกัน!

ย้อนกลับไปในปี 2535 วงการแท็กซี่ เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่แต่เดิม รถแท็กซี่นั้น ใช้ระบบการต่อรองราคา พลิกโฉมมาเป็น “Taxi-Meter” (แท็กซี่มิเตอร์) ที่คิดค่าโดยสารตามระยะทาง และกำหนดให้ใช้สี “เขียว-เหลือง” เป็นรถส่วนบุคคล พร้อมทั้งจำกัดอายุของรถแท็กซี่ไว้มิให้เกิน 12 ปี (ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 9 ปี) และไม่จำกัดจำนวนการจดทะเบียน ส่วนบุคคล หรือนิติบุคคล จะจดทะเบียนกี่คันก็ได้ ซึ่งต่างจากในอดีตก่อนหน้า

นี่จึงเป็นที่มาของ “แท็กซี่มิเตอร์” ที่วิ่งกันเกลื่อนถนนกรุงเทพฯ ในตอนนี้

สำหรับรถที่แท็กซี่นิยมนั้น ก็ต้องเป็นรถที่ทนทาน (ย้ำ) ต้องวิ่งได้วันละหลายร้อยกิโลเมตร ไม่จุกจิก เครื่องยนต์กลไกต้องไม่ซับซ้อน ซ่อมง่าย อู่ข้างทางก็ซ่อมได้ อะไหล่แท้ เทียบ เทียม ต้องหาง่าย และใช้ด้วยกันได้

Carro ขอนำเสนอ 10 รถแท็กซี่ยอดนิยมในไทย มาดูกันครับว่า จะมีรุ่นไหนยี่ห้อใดบ้าง ที่เป็นที่นิยมของคนขับแท็กซี่ และเจ้าของอู่แท็กซี่ในขณะนี้ …

10 รถแท็กซี่รุ่นยอดนิยมในไทย

Toyota Corolla Altis

Toyota Corolla Altis (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส) เรียกได้ว่าต้องยกให้เป็นรถยอดนิยมตลอดกาล ของชาวแท็กซี่เลยทีเดียว ที่ทุกสหกรณ์มีรถรุ่นนี้หมด ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน อะไหล่แท้ เทียบ เทียม หาง่าย เวลาเสีย ช่างอู่ทั่วไปก็ซ่อมได้ รถทนทาน ไม่จุกจิก ใช้หาเงินกันคุ้ม แม้ว่าช่วงนี้ คนจะนำรถมาทำแท็กซี่กันน้อยลงไปก็ตาม

แต่ Toyota Altis รุ่นนี้ก็ยังมีคนนำไปทำแท็กซี่ กันตั้งแต่รุ่นถูกสุดอย่าง Limo, 1.6G, 1.8 Sport, 1.8 GR Sport หรือแม้กระทั่งรุ่น Hybrid เลย

10 รถแท็กซี่รุ่นยอดนิยมในไทย

ภาพจาก แท็กซี่เกรดเอ อ้วนรังสิต

Toyota Innova Crysta

Toyota Innova Crysta (โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า) เรียกได้ว่า เป็นรถยอดนิยมมากพอสมควร สำหรับเหล่าแท็กซี่ที่วิ่งตามสนามบิน หรือรอรับลูกค้าตามหน้าโรงแรมต่างๆ เพราะสามารถขนคนได้เยอะ ขนของได้แยะ ทนทาน อะไหล่แท้ เทียบ เทียม ก็หาง่าย เวลาเสีย ช่างอู่ทั่วไปก็ซ่อมได้ นิยมกันมาตั้งแต่รุ่นแรกๆ ที่ออกมาเมื่อ 10 กว่าปีก่อน

เรื่องเครื่องยนต์กับช่วงล่างทนทานหายห่วง เพราะสามารถใช้ร่วมกับ Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) ได้ แต่อะไหล่ตัวถัง อาจจะหาของมือสองลำบากนิดๆ เพราะเป็นรถที่ผลิตในอินโดนีเซีย

10 รถแท็กซี่รุ่นยอดนิยมในไทย

Toyota Prius

กลายเป็นตำนานรถแท็กซี่แนวรักษ์โลกไปแล้ว สำหรับ Toyota Prius (โตโยต้า พรีอุส) รถยนต์ไฮบริด เป็นรถแท็กซี่ที่ทาง บริษัท ออลไทย แท็กซี่ จำกัด ทำออกมา 500 คัน ลงทุนกว่า 700 ล้านบาท เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่แท็กซี่ไทย ใช้สีเหลือง สีเดียวกันกับ นิวยอร์ค แท็กซี่ โดดเด่นสะดุดตา เปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 และให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2558

โดย Prius ที่นำมาทำแท็กซี่ จะไม่ดัดแปลงหรือติดแก๊ส พร้อมติดตั้งกล้อง CCTV ในรถ ติดตั้งระบบ GPS Tracking และระบบติดตามควบคุมรถหรือ “กล่องดำ” ไม่ว่าจะขับรถเร็วเกินกำหนด ขับกระชาก หรือเหยียบเบรก แม้แต่การทำผิดระเบียบ ด้วยการรับผู้โดยสารแล้วไม่กดมิเตอร์ ทางศูนย์ฯ จะทราบได้ทันที สามารถเรียกผ่าน Application หรือ Call Center 1624 ได้ และจ่ายค่าบริการได้ทั้งเงินสด บัตรเครดิต/เดบิต หรือบัตรเติมเงิน และออกใบเสร็จรับเงินได้

ต้นทุนเฉลี่ยรถแท็กซี่ต่อคัน หักลบจากส่วนลดราคารถ และค่าติดตั้งอุปกรณ์ไอทีเพิ่มเติม ตกคันละประมาณ 1.3 ล้านบาท โดยรถแต่ละคัน จะสามารถทำรายได้ให้บริษัทตกปีละ 1 ล้านบาท (ยอดในปี 2559) แต่ทว่าในปัจจุบัน All Thai Taxi ยังมีรถให้บริการเหลืออยู่เพียง 119 คัน (ยอด ณ เดือนกรกฎาคม 2564) …

10 รถแท็กซี่รุ่นยอดนิยมในไทย

ภาพจาก Sandrew Sarol Asentista

Toyota Fortuner

อันนี้เหมาะสำหรับผู้โดยสารสายลุย Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) แท็กซี่ที่สามารถลุยได้ ไม่ว่าจะเป็นทางลูกรัง หรือน้ำท่วม สามารถไปรับ-ส่ง คุณ ถึงประตูบ้านได้สบายๆ

แท็กซี่รุ่นนี้ เน้นวิ่งรับลูกค้าตามสนามบิน เหมานักท่องเที่ยว หรือรอรับลูกค้าตามหน้าโรงแรมต่างๆ เพราะคุ้มค่ากว่าวิ่งรับผู้โดยสารตามท้องถนนทั่วไป

10 รถแท็กซี่รุ่นยอดนิยมในไทย

ภาพจาก Pee Pee

Nissan Sylphy

หนึ่งเดียวของนิสสันในเวลานี้ ที่แท็กซี่นิยมมากที่สุด นั่นคือ Nissan Sylphy (นิสสัน ซิลฟี่) ก็มีให้เห็นอยู่บ้าง ภายในดูสวยหรู น่านั่ง

ส่วน Nissan อาจจะลำบากนิดนึงในเรื่องของชิ้นส่วนตัวถังมือสอง แต่ในเรื่องความทนทานยังไว้ใจได้

10 รถแท็กซี่รุ่นยอดนิยมในไทย

Honda Civic

ด้วยแนวคิด (ของใครหลายๆ คน) ที่ยังเชื่อกันว่า Honda ห้ามนำรถมาทำเป็นแท็กซี่ (ได้ยินมาตั้งแต่ 20 กว่าปีที่แล้ว ทุกวันนี้ก็ยังมีคนพูดกันเหมือนเดิม) …

อ่านเพิ่มเติม >> Honda ห้ามเอารถมาทำ Taxi-Meter จริงหรือ?

แต่ก็มี Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) ตั้งแต่โฉม EG, ES, FD, FB มาจนถึงรุ่นล่าสุด FC ออกมาเป็นแท็กซี่เห็นกันเรื่อยๆ แม้ว่าจำนวนจะน้อยนิด เพราะค่าบำรุงรักษา ค่าอะไหล่ที่สูง ทำให้หา “Honda” เป็นแท็กซี่ได้ลำบากหน่อย

10 รถแท็กซี่รุ่นยอดนิยมในไทย

ภาพจาก Pok Mu-X2017 TAXI Service

Isuzu MU-X

นี่ก็จัดเป็นแท็กซี่สำหรับผู้โดยสารสายลุย Isuzu MU-X (อีซูซุ มิวเอ็กซ์) แท็กซี่ที่สามารถลุยได้ ไม่ว่าจะเป็นทางลูกรัง หรือน้ำท่วม สามารถไปรับ-ส่ง คุณ ได้ แบบไม่เหนื่อยยาก

ไว้เน้นวิ่งรับลูกค้าตามสนามบิน เหมานักท่องเที่ยว หรือรอรับลูกค้าตามหน้าโรงแรมต่างๆ มากกว่า

10 รถแท็กซี่รุ่นยอดนิยมในไทย

Mitsubishi Pajero Sport

Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต) นี่ก็เป็นรถประเภทเดียวกับแท็กซี่สายลุย เน้นรับนักท่องเที่ยวตามโรงแรม หรือรับลูกค้าตามสนามบิน เพราะถ้าวิ่งหาคนขึ้นแล้ว ไม่คุ้มค่าแก๊สแน่นอน!

10 รถแท็กซี่รุ่นยอดนิยมในไทย

BYD e6

สำหรับ BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน (ซึ่ง BYD ย่อมาจาก Build Your Dream) ที่เข้ามาทำตลาดในไทยแบบเงียบๆ มาหลายปี ในตอนนี้ได้บริษัท Siam ATR (สยาม แอดวานซ์ เทคโนโลยี่ รีเลชั่นชิป หรือบริษัทในเครือสยามกลการอุตสาหกรรม) เป็นตัวแทนจำหน่ายในปัจจุบัน

โดยโครงการ BYD e6 Taxi VIP (บีวายดี อี6) เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2561 เป็นความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก, บริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด (ผู้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD ในไทยในตอนนั้น) และบริษัท อีวี โซไซตี้ จำกัด (ผู้ประกอบการขนส่งรถ Taxi VIP) ซึ่ง BYD e6 Taxi VIP เป็นรถ Crossover MPV ที่มีดีไซน์เรียบง่าย นั่งได้ 5 ที่นั่ง

มาพร้อมชุดมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous ให้กำลังสูงสุด 134 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 149 กม./ชม. วิ่งได้มากถึง 400 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง พร้อมชุดแบตเตอรี่ลิเธียม-ไออน ฟอสเฟต ที่มีความจุมากถึง 80 kWh

10 รถแท็กซี่รุ่นยอดนิยมในไทย

Mercedes-Benz C 350 e Avantgarde

เมื่อ All Thai Taxi ตัดสินใจทำ “Taxi VIP” (แท็กซี่ วีไอพี) ด้วย Mercedes-Benz C 350 e Avantgarde (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี 350 อี อาวองการ์ด) ราคาคันละ 2,640,000 บาท เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2561 ด้วยจำนวน 100 คันแรก เพื่อยกระดับรถแท็กซี่ให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล รองรับผู้โดยสาร เช่น ลูกค้าองค์กรธุรกิจ, ธุรกิจโรงแรม, นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยว ที่ต้องการความหรูหรา สะดวกสบาย

สำหรับอัตราค่าบริการ TAXI VIP เริ่มต้น 2 กิโลเมตรแรก 150 บาท กิโลเมตรต่อไป กิโลเมตรละ 12-16 บาท กรณีรถติดนาทีละ 6 บาท กรณีเรียกรถผ่านศูนย์บริการสื่อสารครั้งละไม่เกิน 50 บาท การจองล่วงหน้าและการจ้างจากท่าอากาศยานครั้งละไม่เกิน 100 บาท และให้บริการมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้โดยสาร ตลอดการเดินทาง อาทิ น้ำดื่มฟรี, หนังสือพิมพ์, ผ้าเย็น, บริการฟรี Wi-Fi, ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ดูรถแท็กซี่แต่ละคันกันไปแล้ว หากใครที่อยากถอยแท็กซี่ออกมาขับบ้าง ก็ลองขายรถคันเดิมกับทาง Carro เพื่อนำเงินไปซื้อรถแท็กซี่มาหาเงินดูสิ โดยได้ราคาที่ดีที่สุด พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

หมายเหตุ : *ข้อมูล 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลที่ Update ณ เดือนมิถุนายน 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

ต่อเติมโรงรถทาวน์เฮ้าส์ติดข้างบ้าน ผิดหรือไม่?

นับเป็นหนึ่งปัญหาโลกแตก ที่เพื่อนบ้านมักใช้เป็นเรื่องทะเลาะกันมานักต่อนักแล้ว สำหรับ “โรงรถ” ที่คนอยู่หมู่บ้านทาวน์เฮ้าส์ หรือทาวน์โฮม บางส่วนมักจะต่อเติมบ้านด้วยหลังคา หรือกันสาดออกมา ให้ปิดคลุมรถได้จนมิดทั้งคัน

แต่บางทีการต่อเติมบ้าน ก็อาจทำให้มีเรื่องผิดใจกับเพื่อนบ้านได้ เนื่องจากมีส่วนที่ยื่นล้ำ เกิน หรือรุกล้ำกินที่กำแพงบ้านออกไป หรือมีน้ำ เศษฝุ่นเศษขยะต่างๆ ไหลที่ลงในพื้นที่บ้านข้างเคียง ถ้าหนักกว่านั้นคือมีช่างก่อสร้างรุกล้ำเข้าไปก่อนอิฐฉาบปูน ทาสี ทิ้งขยะ ฯลฯ เป็นปัญหามากกว่าเดิมไปใหญ่

Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟัง ว่าต่อเติมโรงรถบ้านทาวน์เฮ้าส์จนติดข้างบ้าน ผิดหรือไม่ …..

ต่อเติมโรงรถทาวน์เฮ้าส์ติดข้างบ้าน ผิดหรือไม่?

สำหรับการต่อเติมโรงรถ ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม ถ้าจะให้ตอบตามภาษากฎหมายแล้ว ก็คือผิดนะครับ

1. กรณีของบ้านทาวน์เฮ้าส์ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 55 พ.ศ.2543 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ข้อ 50 (1) นั้น กำหนดให้ ผนังของอาคารที่มีหน้าต่าง ประตู ช่องระบายอากาศหรือช่องแสง หรือระเบียงของอาคารต้องมีระยะห่างจากแนวเขตที่ดิน ผนังหรือระเบียงต้องอยู่ห่างเขตที่ดินไม่น้อยกว่า 2 เมตร แต่เนื่องจากเสาที่ไว้สำหรับรับโครงหลังคานั้นไม่ใช้ผนัง จึงสามารถตั้งในที่ดินของเราได้โดยไม่จำต้องมีระยะห่างจากแนวเขตที่ดินกว่า 2 เมตร จึงสามารถหลังคาต่อเติมให้คลุมบริเวณที่จอดรถภายในบ้านทาวน์เฮ้าส์ได้

2. ต่อมามีกฎกระทรวงฉบับที่ 68 พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ได้เพิ่มนิยามคำว่า “แนวอาคาร” หมายความว่า แนวผนัง เสา หรือบันไดที่อยู่ด้านนอกสุดของอาคาร ยกเว้นบันไดหนีไฟภายนอกอาคารที่มีลักษณะโปร่ง” ดังนั้น เสาจึงถือเป็นแนวอาคารตามนิยามดังกล่าว ในการตั้งเสาเพื่อรับโครงหลังคาที่ต้องการต่อเติมจึงต้องเว้นระยะตามตามกฎกระทรวงฉบับที่ 55 พ.ศ.2543 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ข้อ 50 (1) ด้วย เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากเจ้าของที่ดินข้างเคียงด้านนั้น จึงจะเว้นระยะไว้เพียง 50 เซนติเมตรได้

ต่อเติมโรงรถทาวน์เฮ้าส์ติดข้างบ้าน ผิดหรือไม่?

การต่อเติมใดบ้าง ที่ไม่ต้องแจ้งเขต หรือหน่วยงานท้องถิ่น?

  • การเพิ่มหรือลดเนื้อที่ของพื้นชั้นใดชั้นหนึ่ง หรือเนื้อที่ของหลังคา รวมกันไม่เกิน 5 ตร.ม. และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน ซึ่งหมายความว่า ถ้าเกินกว่า 5 ตร.ม. ก็ต้องขออนุญาต

ต่อเติมโรงรถทาวน์เฮ้าส์ติดข้างบ้าน ผิดหรือไม่?

หากต้องการคุณต้องการทำโรงรถจนชนชิดถึงแนวเขตที่ดิน (กำแพงบ้าน) ส่วนใหญ่มักเกินกว่า 5 ตร.ม. อันนี้ต้องขออนุญาตจากหน่วยงานท้องถิ่นแล้ว กรณีสร้างชิดติดกำแพงเพื่อนบ้าน ยังต้องมีขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเพื่อนบ้านข้างๆ แล้ว ยังต้องจัดทำเป็นผนังทึบ และห้ามระบายน้ำลงในเขตเพื่อนบ้านด้วยครับ

มิฉะนั้นอาจเป็นเรื่องใหญ่ได้ หากเพื่อนบ้านไม่พอใจหรือไม่ยอม ไปฟ้องทางนิติบุคคลหรือทางเขต คุณอาจต้องเสียเวลามารื้อทิ้งในภายหลังได้

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เหมาะกับโรงรถบ้านคุณ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

สายเขียวต้องรู้ สูบกัญชา ขับรถได้หรือไม่!

สูบกัญชา ขับรถได้หรือไม่ ผิดกฎหมายหรือไม่ ต้องอ่าน!

กระแสของ “กัญชา” ในเดือนนี้ต้องบอกได้เลยว่ามาแรงจริงๆ! นับตั้งแต่การปลดล็อกกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ซึ่งมีผลในวันที่ 9 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา ทำให้ชาวสายเขียวได้เฮกันเป็นแถว ซึ่งจุดมุ่งหมายของปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด คือเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ

แต่สายเขียวบางคนกลับคิดไปว่า งานนี้ ได้กัญชาเสรีเพื่อสันทนาการ การสูบ และการเสพ ได้ไม่มีขีดจำกัด ถูกใจกลุ่มคนที่อยากดูด พี้ ปุ้น เมากัญชาทั้งวันจนเข้าโรงพยาบาล บางคนอาการหนักถึงขั้นถึงชีวิตเลยก็มี

ขณะนี้หลายฝ่ายเริ่มมองเห็นแล้วว่า ถ้าจะให้กัญชาเสรีเกินไปในช่วงสุญญากาศตอนนี้ สังคมไทยก็จะลำบาก เพราะร่าง พ.ร.บ. กัญชาฉบับใหม่ ยังไม่ผ่านสภาฯ รัฐบาลยังไม่มีกฎหมายกำกับควบคุมการปลูกกัญชา การใช้กัญชา และการเสพกัญชาครบวงจร มาตรการห้ามคนสูบกัญชาขับรถ หรือห้ามขายกัญชาให้ผู้อายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามเด็กเยาวชนเสพกัญชา ฯลฯ ยังไม่มีกำหนดโทษความผิดอย่างชัดเจน

สำหรับคนสูบกัญชามาแล้ว จะขับรถได้ไหม ผิดกฎหมายหรือเปล่า Mr.Carro ค้นหาคำตอบจากหลายๆ ที่ มาให้พิจารณากัน …

สายเขียวต้องรู้ สูบกัญชา ขับรถได้หรือไม่!

สูบกัญชา นอกจากเมา แถมทำให้ง่วงได้!

ตามจริงแล้ว ในกัญชาจะมีสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ในดอกกัญชานั้นมีฤทธิ์ทำให้ “เมา” หรือสายเขียวชอบเรียกว่า “ลอย” หรือ High ซึ่งลดทอนประสาทสัมผัสและการรับรู้ได้ชัดเจน ซึ่งถ้าขับรถก็อาจเป็นอันตรายต่อตัวเองและเพื่อนร่วมทางได้

อีกทั้งเมื่อหากร่างกายได้รับสาร THC จากในกัญชามากเกินไป ก็เกิดผลค้างเคียงได้อย่างชัดเจน โดยอาการที่สามารถพบได้ มีตั้งแต่ อาการปากแห้ง กระหายน้ำ หัวใจเต้นเร็ว ตอบสนองช้า ตาแดง หรือความทรงจำลดลง เหล่านี้ล้วนเป็นผลของการได้รับ THC ที่มากเกินไปแทบทั้งสิ้น

ส่วนกัญชาที่ใช้รักษาโรค หรือใส่อาหาร ซึ่งมีปริมาณสาร THC ต่ำ ก็จะมีค่า CBD (Cannabidiol) สูงแทน ซึ่งสาร CBD จะนิยมใช้ในกลุ่มผู้ป่วยนอนไม่หลับ เครียด หรือวิตกกังวล ซึ่งจะช่วยออกฤทธิ์ให้ “ง่วง” และเคลิ้บเคลิ้ม แน่นอนว่าเป็นอันตรายต่อการขับรถเช่นกัน

ข้อมูลในงานวิจัยที่ฝรั่งเศส ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Plos One พบว่าการสูบกัญชาแล้วขับ จะเพิ่มความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุถึงตายสูงกว่าจากปกติเมื่อไม่สูบไม่ดื่มอะไรเลย 1.6 เท่า

สายเขียวต้องรู้ สูบกัญชา ขับรถได้หรือไม่!

ถ้าทานขนมเค้ก หรืออาหารที่ผสมกัญชา ขับรถได้หรือไม่?

ตามปกติ กัญชาที่ผสมลงไปในอาหาร หรือขนมเค้ก คุ๊กกี้ มักจะใช้ใบเป็นส่วนประกอบ ซึ่งใบกัญชาจะมีสาร THC และ CBD ต่ำมาก ซึ่งในอดีต (และปัจจุบัน) หลายร้านนิยมนำใบกัญชามาใส่ลงในหม้อก๋วยเตี๋ยว เพื่อให้น้ำซุปออกมามีรสชาติดี กลิ่นหอม เหมือนใส่ผง “นัว” อร่อยนั่นเอง

ซึ่งการกินเข้าไป จนถึงขั้นออกฤทธิ์ให้เกิดง่วงซึมได้ นั่นอาจจะเป็นการผสม “ดอก” กัญชาเข้าไปมาก ซึ่งก่อนจะกินก็ลองตรวจดูส่วนผสมจากผู้ปรุงหรือผู้ผลิตให้ดีก่อนละกัน

สายเขียวต้องรู้ สูบกัญชา ขับรถได้หรือไม่!

แล้วทำไมใบกระท่อม คนขับรถถึงนิยมเคี้ยวกัน?

พืชอีกชนิดอย่าง “กระท่อม” ที่ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษจากกลุ่มสารเสพติดประเภทที่ 5 เช่นเดียวกับกัญชาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำไมบางคนบอกใช้เคี้ยวตอนขับรถได้?

ก็เพราะว่าใบกระท่อม จะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทเพียงอย่างเดียว อาการหลังเคี้ยวใบกระท่อมไปประมาณ 5-10 นาที จะมีอาการกระปรี้กระเปร่า ไม่รู้สึกหิว ช่วยให้ร่างกายตื่นตัว สามารถทำงานได้นาน ซึ่งไม่กระตุ้นประสาทและกดประสาทพร้อมกันแบบกัญชานั่นเอง

สายเขียวต้องรู้ สูบกัญชา ขับรถได้หรือไม่!

ด้านความเห็นของคุณหมอ …

ด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ออกมาเปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวตนห่วงใยถึงผลกระทบที่จะตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูบกัญชาแล้วขับรถ เนื่องจากกัญชามีผลต่อสมอง ทำให้สมรรถนะการขับขี่ลดลงเหมือนเมาสุราแล้วขับ ฐานะที่ทำงานรณรงค์เมาไม่ขับมากว่า 30 ปี เรื่องนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นอย่างมาก

เพราะจากนี้บนท้องถนนนอกจากเจอคนเมาแล้วขับร่วมทางแล้ว คนไทยยังต้องเผชิญกับคนเมา (กัญชา) แล้วขับอีก ถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่งกับประชาชน เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายลงโทษคนเมา (กัญชา) แล้วขับ เป็นอันตรายทั้งผู้ขับขี่และผู้ร่วมทางบนท้องถนน

ขณะที่ นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ แนะนำว่าหากคุณสูบกัญชามา ไม่ควรขับรถ หรือ ทำงานกับเครื่องจักรกล เป็นเวลา 6 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยครับ

สายเขียวต้องรู้ สูบกัญชา ขับรถได้หรือไม่!

ด้านความเห็นของกรมการขนส่งทางบก …

กรมการขนส่งทางบก ก็อยู่ระหว่างการผลักดันห้ามผู้ขับรถสาธารณะใช้กัญชา หากตรวจเจอจะมีความผิดฐานเดียวกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และขับรถ

เท่าที่ทราบขณะนี้ ทางขนส่งกำลังออกข้อกำหนดในการตรวจอยู่ ส่วนประชาชนทั่วไปที่ขับรถนั้น คาดว่าจะมีการออกกฎหมายหรือข้อกำหนดตามมา แต่เนื่องจากไม่ใช่กฎหมายที่กระทรวงสาธารณสุขออกเอง จึงยังต้องติดตามต่อไป

ส่วนกฎหมายที่มีอยู่ตอนนี้คือ พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 เกี่ยวกับกลิ่นควันเป็นเหตุรำคาญตามมาตรา 25 มีโทษปรับไม่เกิน 25,000 บาท จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ

ซึ่งทางที่ดี แม้ว่าตอนนี้เราจะมีกัญชาเพื่อใช้ในประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจแล้ว ก็อย่าสรรหานำมาสูบ พี้ หรือปุ้น ระหว่างขับรถไปด้วยเลยครับ เพราะอาจเป็นอันตรายกว่าที่คาดคิดไว้ครับ ทั้งต่อตัวเองและเพื่อนร่วมทาง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เหมาะกับคุณ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

วิธีเปลี่ยนปัดน้ำฝนใหม่ ทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

ช่วงนี้ก็เข้าสู่หน้าฝนกันแล้ว อุปกรณ์เล็กๆ ของรถ แต่ความสำคัญไม่เล็กอย่าง “ที่ปัดน้ำฝน” ถือว่าเป็นของที่จำเป็นต้องใช้งานเลยล่ะ หลายคนอาจจะละเลยที่ปัดน้ำฝนไป พอจะเปิดใช้งาน กลับมีเสียงยางขูดกระจกดังครืดๆ ซะแล้ว!

ซึ่งอาการที่ว่ามานี้ หมายถึงยางปัดน้ำฝนเสื่อมแล้ว ถ้ายังฝืนใช้ต่อไป อาจจะทำให้กระจกบังลมหน้าเป็นรอยขูดได้ หรือทำให้รู้สึกรำคาญ เวลาขับรถอีก

Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟังครับ ว่าวิธีเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนนั้น ง่ายนิดเดียว …

ที่ปัดน้ำฝนมีเสียง! เปลี่ยนใหม่ง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง

ใบปัดน้ำฝนที่ดี ต้องสามารถรีดน้ำได้หมดจด และใบปัดไม่ส่งเสียงดังน่ารำคาญ และตัวก้านปัดน้ำฝนของรถ มักจะสั้น-ยาว ไม่เท่ากัน เพราะทางผู้ผลิตก็ออกแบบมาเพื่อให้รับกับส่วนโค้งของกระจก สามารถปัดได้มุมกว้างมากที่สุดบนกระจกบังลมหน้า ส่วนก้านปัดน้ำฝนในด้านท้ายรถ ส่วนใหญ่จะมีในรถเก๋งท้ายตัด เพื่อปัดกวาดน้ำฝน และฝุ่นที่บริเวณกระจกบานท้าย

เราขอแนะนำให้เปลี่ยนทุกๆ 1 ปี ราคาก็เพียงชุดละหลักร้อยบาท คุ้มค่ากับการใช้งาน ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบยาง หรือแบบซิลิโคน ที่ไม่ต้องใช้โครงเหล็ก

ที่ปัดน้ำฝนมีเสียง! เปลี่ยนใหม่ง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง

วิธีการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน มีง่ายๆ ดังนี้ครับ …

  • ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นทั้ง 2 ข้าง พร้อมกับหมุนใบปัดเป็น 90 องศา
  • ดันสลักเล็กๆ ออก พร้อมเอาใบปัดน้ำฝนออก
  • ดึงยางอันเก่าพร้อมเส้นเหล็กออก
  • ใส่เส้นเหล็ก (ที่ด้านบนของร่องยาง) พร้อมใส่กลับเข้าไปในโครงเหล็กใบปัดน้ำฝน
  • ถ้ามียางส่วนเกิน ก็ตัดออกซะ
  • ทำเรียบร้อย ใส่กลับไปในก้านปัดน้ำฝน แค่นี้ก็พร้อมใช้งานแล้ว

ที่ปัดน้ำฝนมีเสียง! เปลี่ยนใหม่ง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง

สิ่งสำคัญ อย่าลืมทำความสะอาดชุดปัดน้ำฝน และกระจกหน้ารถอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงตรวจเช็คน้ำยาล้างกระจกให้พร้อม แค่นี้ใบปัดน้ำฝนก็พร้อมใช้งานในช่วงหน้าฝนนี้แล้ว รับรองขับรถได้อย่างปลอดภัยหายห่วง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เหมาะกับโรงรถบ้านคุณ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ก่อนซื้อรถซื้อบ้าน ต้องรู้!

ขึ้นชื่อว่า “กรุงเทพฯ” เมืองหลวงของประเทศไทยแล้ว นับได้ว่าเป็นศูนย์รวมของทุกสิ่งมานานตั้งแต่หลายสิบปีก่อน ตั้งแต่มีทุ่งนา โรงงานอุตสาหกรรม ไปจนถึงมีบ้านเรือน หมู่บ้าน มีทางด่วน มีรถไฟฟ้า หรือมีชุมชนแออัดขนาดใหญ่ มีทั้งอยู่รวมกันและกระจายกัน ตั้งแต่ยุคก่อนที่จะมีผังเมืองด้วยซ้ำไป

พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ก่อนซื้อรถซื้อบ้าน ต้องรู้!

และปัญหายอดฮิตสุดๆ ของกรุงเทพฯ นั่นก็คือ “น้ำท่วม” นั่นเอง เพราะฝนตกหนักๆ หรือพายุเข้าทีไร เรื่องน้ำท่วมต้องมีบ้าง จะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่เดิม ว่าเป็นที่ราบลุ่ม เป็นโคก ดอน หนอง หรือบึง และระบบการบริหารจัดการน้ำ (เช่น เครื่องสูบน้ำเสีย หรือหากุญแจเครื่องสูบน้ำไม่เจอ) รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น ท่อระบายน้ำ ท่อตัน ไม่เคยลอกท่อ มีเศษขยะกีดขวางทางระบายน้ำ ฯลฯ

อ่านเพิ่มเติม >> ต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม จมน้ำ 5 จุด แบบง่ายๆ

อ่านเพิ่มเติม >> 3 วิธีเคลมประกันภัย เมื่อรถถูกน้ำท่วม

อ่านเพิ่มเติม >> 5 วิธีขับรถลุยน้ำท่วม ที่คุณต้องรู้!

ดังนั้น ก่อนที่คุณจะซื้อรถ ซื้อบ้าน ซื้อคอนโด ควรรู้ไว้หน่อยก็ดีว่าย่านไหนในกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม (หรือน้ำรอระบาย) เพื่อช่วยให้คุณเลือกรถได้ตรงกับลักษณะการใช้งาน หรือตกแต่งซ่อมแซมบ้าน ให้รับมือน้ำท่วมได้ทั้งปี

Mr.Carro รวบรวมข้อมูลพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพฯ มาให้อ่านกันครับ

พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ก่อนซื้อรถซื้อบ้าน ต้องรู้!

ภาพจาก Chairop Ch

เพราะอะไรกรุงเทพฯ ถึงน้ำท่วมบ่อย?

กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่เหนืออ่าวไทยเพียง 30 กิโลเมตร ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยจะสูงขึ้น 19 – 29 ซม. ภายในปี 2050 เพราะโลกร้อนขึ้น

กรมทรัพยากรธรณี และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย เคยทำสำรวจช่วงปี 2521-2524 พบว่า มีแผ่นดินทรุดตัวมากกว่าปีละ 10 ซม. ขณะที่ การสำรวจของกรมแผนที่ทหาร พบว่าตลอดระยะเวลา 30 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 – 2551 กรุงเทพมหานคร มีระดับการทรุดตัวสะสมมากกว่า 1 เมตร โดยมีการทรุดตัวสะสมประมาณปีละ 2-3 ซม.

ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้น น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักผ่ากลางกรุงเทพฯ ก็สูงขึ้นตามไปด้วย รวมถึงการสูบน้ำบาดาลมาใช้ในอดีต ทำให้แผ่นดินทรุดลง และการถมคลองเป็นถนนจำนวนมาก จนไม่มีทางน้ำไหลออก

พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ก่อนซื้อรถซื้อบ้าน ต้องรู้!

ภาพจาก RT@Bbikinii

หลายคนที่ซื้อรถมาแล้ว แต่บ้านอยู่ในเขตพื้นที่ต่ำ หรือซอยที่เป็นหมู่บ้านยุคเก่า เจอถนนสายหลักสูงกว่าถนนในซอย ท่อระบายน้ำเล็ก แคบ หรือไม่เคยลอกท่อมานาน จนท่อตัน

และภัยธรรมชาติที่เกิดถี่ขึ้น รวมไปถึงที่ที่เคยเป็นพื้นที่รับน้ำ อย่างทุ่งนา ร่องสวน ป่า หายไป กลายเป็นป่าคอนกรีต (เช่น บ้าน และ คอนโดมิเนียม) แทน และส่วนมากโครงการที่สร้างใหม่ๆ ก็มักทำให้สูงกว่าถนน นี่ก็เป็นปัญหาหลักๆ ของน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ที่ถนนต้องเป็นพื้นที่รับน้ำแทนนั่นเอง ….

พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ก่อนซื้อรถซื้อบ้าน ต้องรู้!

เลือกรถแบบไหน ลุยน้ำท่วมกรุงเทพฯ?

ตามปกติแล้ว รถ Eco-Car, รถเก๋ง, รถ Hatchback ที่เราๆ ท่านๆ ใช้งานกันเต็มบ้านเต็มเมือง จะมีระยะต่ำสุดจากพื้น (หรือ ความสูงใต้ท้องรถ) (Ground Clearance) อยู่ในระดับ 120 – 150 มม. (หรือ 12 – 15 ซม.) ซึ่งสามารถลุยน้ำได้ในระดับเกือบๆ ครึ่งล้อ หรือความลึกประมาณ 20 – 30 ซม. เท่านั้น แต่ถ้าลุยน้ำระดับสูงกว่านี้ ไม่ไหวแน่ๆ

สำหรับรถที่ลุยน้ำได้ ที่ดูเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่เสี่ยงน้ำท่วมบ่อย เราขอแนะนำรถประเภท รถกระบะ, รถ Crossover SUV หรือรถ SUV และ PPV ที่ออกแบบมาให้ยกสูงหน่อย ใช้ระบบขับเคลื่อนทั้ง 2 ล้อ และ 4 ล้อ ลุยน้ำได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากความอเนกประสงค์ในการใช้งานแล้ว ยังลุยน้ำท่วมได้ไหวอีกต่างหาก (แม้ว่ารถทุกคัน จะไม่ได้ออกแบบมาให้ลุยน้ำเป็นหลักก็ตาม)

โดยรถที่มีระยะต่ำสุดจากพื้น (หรือ ความสูงใต้ท้องรถ) (Ground Clearance) น้อยหรือมาก ก็มีผลต่อการลุยน้ำของรถรุ่นนั้นๆ ด้วย และรถที่ลุยน้ำได้ รวมไปถึงช่วงล่างหน้า เครื่องยนต์ ท่ออากาศ ไดชาร์จ และระบบไฟฟ้าที่ติดตั้งในห้องเครื่องยนต์ ล้วนมีผลต่อการลุยน้ำทั้งสิ้น

พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ก่อนซื้อรถซื้อบ้าน ต้องรู้!

ภาพจาก RT@Bee_Nidarat

รถกระบะ ที่เหมาะกับไว้ใช้ลุยน้ำท่วม อาทิ Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่), Nissan Navara (นิสสัน นาวาร่า), Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแม็คซ์), Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน), Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50), Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเตอร์), MG Extender (เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์) หรือ Chevrolet Colorado (เชฟโรเลต โคโรลาโด้) เป็นต้น

รถ PPV ที่เหมาะกับไว้ใช้ลุยน้ำท่วม อาทิ Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์), Nissan Terra (นิสสัน เทอร์ร่า), Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต), Isuzu MU-X (อีซูซุ มิวเอ็กซ์), Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) หรือ Chevrolet Trailblazer (เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์) เป็นต้น

พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ก่อนซื้อรถซื้อบ้าน ต้องรู้!

ภาพจาก Tuddao Dao

รถ Crossover SUV ที่เหมาะกับไว้ใช้ลุยน้ำท่วม อาทิ Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส), Nissan X-Trail (นิสสัน เอ็กซ์เทรล), Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์วี), Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์วี), Mazda CX-3 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-3), Mazda CX-30 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-30), Mazda CX-5 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-5), Mazda CX-8 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-8), MG ZS (เอ็มจี แซดเอส), MG HS (เอ็มจี เอชเอส), Subaru XV (ซูบารุ เอ็กซ์วี), Subaru Forester (ซูบารุ ฟอเรสเตอร์), Haval Jolion Hybrid SUV (ฮาวาล โจไลอ้อน), DFSK Glory 560 (ดีเอฟเอสเค กลอรี่ 560) หรือ DFSK Glory i-Auto (ดีเอฟเอสเค กลอรี่ ไอ-ออโต้) เป็นต้น

ส่วน รถ MPV หรือ Crossover MPV ที่เหมาะกับไว้ใช้ลุยน้ำท่วมได้ อาทิ Toyota Avanza (โตโยต้า อแวนซ่า), Toyota Innova (โตโยต้า อินโนว่า), Honda BR-V (ฮอนด้า บีอาร์วี), Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์), Mitsubishi Xpander Cross (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส), Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ติก้า), Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7) หรือ Chevrolet Spin (เชฟโรเลต สปิน) เป็นต้น

หรือจะเป็นรถ MPV, Crossover MPV หรือ SUV จากค่ายรถฝั่งยุโรปก็ได้เช่นกันครับ

พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ก่อนซื้อรถซื้อบ้าน ต้องรู้!

จุดไหนในกรุงเทพฯ น้ำท่วมอย่างบ่อย?

จากการสำรวจของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร พบว่า ในกรุงเทพฯ มีจุดเสี่ยงน้ำท่วมขัง จำนวน 12 จุด ในพื้นที่ 8 เขต ประกอบด้วย

พื้นที่ฝั่งพระนคร จำนวน 9 จุดใน 6 เขต

  • เขตจตุจักร ถนนรัชดาภิเษก บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ
  • เขตบางซื่อ ถนนประชาราษฎร์สาย 2 บริเวณแยกเตาปูน
  • เขตหลักสี่ ถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงจากคลองประปา ถึงคลองเปรมประชากร
  • เขตดุสิต ถนนราชวิถี บริเวณหน้าราชภัฏสวนดุสิตและเชิงสะพานกรุงธนบุรี
  • เขตราชเทวี ถนนพญาไท บริเวณหน้ากรมปศุสัตว์
  • เขตราชเทวี ถนนศรีอยุธยา บริเวณหน้า สน.พญาไท
  • เขตสาทร ถนนจันทน์ ช่วงจากซอยบำเพ็ญกุศล ถึงที่ทำการไปรษณีย์ยานนาวา
  • เขตสาทร ถนนสวนพลู ช่วงจากถนนสาทรใต้ ถึงถนนนางลิ้นจี่
  • เขตสาทร ถนนสาธุประดิษฐ์ บริเวณแยกตัดถนนจันทน์

พื้นที่ฝั่งธนบุรี จำนวน 3 จุดใน 2 เขต

  • เขตบางขุนเทียน ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ช่วงจากถนนพระรามที่ 2 ถึงคลองสะแกงาม
  • เขตบางแค ถนนเพชรเกษม ช่วงจากคลองทวีวัฒนา ถึงคลองราชมนตรี
  • เขตบางแค ถนนหมู่บ้านเศรษฐกิจ ช่วงจากถนนเพชรเกษม ถึงวงเวียนกาญจนาภิเษก

พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ก่อนซื้อรถซื้อบ้าน ต้องรู้!

ส่วนจุดอื่นๆ ที่ไม่มีในการสำรวจของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ฝนตกหนักๆ มักเกิดน้ำท่วม (น้ำรอการระบาย) ที่มีทั้งพื้นที่สาธารณะ ซอย ถนน และพื้นที่หมู่บ้าน หรือที่ส่วนบุคคล)

  • เขตห้วยขวาง ถนนสุทธิสารวินิจฉัย, ถนนประชาสุข, ถนนเทียมร่วมมิตร, ซอยทวีมิตร (พระราม 9 ซอย 7), ซอยศูนย์วิจัย
  • เขตคลองเตย ซอยสุขุมวิท 16, ซอยสุขุมวิท 22, ซอยสุขุมวิท 26, ซอยสุขุมวิท 38, ถนนพระรามที่ 4
  • เขตวัฒนา ถนนสุขุมวิท 21, ซอยสุขุมวิท 39, ซอยพร้อมศรี, ถนนสุขุมวิท 55, ถนนสุขุมวิท 63, ซอยสุขุมวิท 69, ถนนสุขุมวิท 71
  • เขตพระโขนง ซอยสุขุมวิท 62, ถนนสุขุมวิท 101/1, ถนนสุขุมวิท 103 (อุดมสุข)
  • เขตสวนหลวง ถนนสุขุมวิท 77, ซอยอ่อนนุช 39, ถนนพัฒนาการ, ซอยพัฒนาการ 28, ซอยพัฒนาการ 30
  • เขตประเวศ ซอยพัฒนาการ 69, ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9
  • เขตดินแดง ซอยโพธิ์ปั้น
  • เขตจตุจักร ถนนพหลโยธิน (แยกรัชโยธิน-ลาดพร้าว), ถนนรัชดาภิเษก, ซอยรัชดาภิเษก 36, ซอยเสือใหญ่อุทิศ
  • เขตลาดพร้าว ถนนสุคนธ์สวัสดิ์
  • เขตบางกะปิ ถนนรามคำแหง, ซอยรามคำแหง 24, ซอยรามคำแหง 60, ถนนศรีนครินทร์
  • เขตวังทองหลาง ซอยลาดพร้าว 64
  • เขตบางนา ถนนศรีนครินทร์, ถนนสุขุมวิท 107
  • เขตบางเขน ถนนพหลโยธิน
  • เขตหลักสี่ ถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงหน้าศูนย์ราชการฯ กทม. – ห้าแยกปากเกร็ด
  • เขตบางกอกน้อย ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ช่วงแยกบรมราชชนนี – หน้าห้างพาต้า

หากท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติม สามารถนำเสนอมาได้ครับ

พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ก่อนซื้อรถซื้อบ้าน ต้องรู้!

ภาพจาก RT@SuwitKittitien

จากข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้เก็บข้อมูลตลอด 9 ปี (พ.ศ. 2548-2556) พบว่า หลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่รอบนอก โดยมีรายละเอียดดังนี้

พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยระดับ 1 พื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก 7-9 ปี และพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยระดับ 2 พื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก 5-6 ปี ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ ได้แก่

  • หนองจอก
  • คลองสามวา
  • ลาดกระบัง
  • มีนบุรี

และบางส่วนในเขต

  • สายไหม
  • บางเขน
  • คันนายาว

เอาเป็นว่า ไม่ว่าใครจะซื้อรถ หรือซื้อบ้านในกรุงเทพฯ ข้างต้น ก็ต้องพิจารณาเลือกทั้งบ้านทั้งรถดูกันละกันนะครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เหมาะกับบ้านของคุณ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

ยางรถยนต์ขึ้นราคาทุกปี ทำยังไงให้ได้ยางเหมาะที่สุด?

สวัสดีครับไทร์บิดกลับมาอีกครั้งครับ ถ้าไทร์บิดกลับมาครั้งนี้ก็มาเพื่อช่วยเพื่อนๆหาทางออกกับเรื่องยางรถราคาแพงครับ ถ้าคนใช้รถจะรู้อยู่แล้วว่าค่ายางรถเป็นอะไรที่สูงอยู่แล้วเปลี่ยนทีก็เกือบหลักหมื่น ถ้าอย่างรถกระบะรถ SUV ก็เกือบไปสองหมื่น สามหมื่น ถ้ายางรันแฟลตติดรถหรูก็ยิ่งไปกันใหญ่ ไปถึง สี่หมื่นกว่าบาท แต่ตามจริงแล้วการจะเปลี่ยนยางใหม่แต่ละทีก็นานจนลืมเลยครับ ตามเกณฑ์เมื่ออายุครบ 5 ปี หรือ 50,000 กิโล อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อนครับ แต่ก็อย่างว่าละครับ

นับว่าราคายางยิ่งมีแต่จะแพงขึ้นๆ ตามสภาพตลาดของต้นทุนวัตถุดิบการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน, สารเคมี, ยางพารา, ค่าแรงงาน ฯลฯ ทั้งหมดทั้งมวลทำให้สินค้าอย่างยางรถยนต์ราคาขึ้นแบบต่อเนื่องไม่เคยจะลดลงเลยใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้น ไทร์บิดเราคือผู้เชี่ยวชาญเรื่องยาง ก็อยากจะมาช่วยแนะนำเพื่อนๆ ว่าจริงๆ แล้วการที่เรามีงบประมาณที่จำกัด เราก็สามารถที่จะเลือกใช้ยางที่มีคุณภาพ และ ตรงกับงบประมาณของทางเราได้แน่นอนครับ

ยางรถยนต์ขึ้นราคาทุกปี ทำยังไงให้ได้ยางเหมาะที่สุด?

ต้องบอกว่าในบ้านเรามีการโฆษณาของแต่ละแบรนด์ยางที่หลากหลายครับ ช่วยทำให้เกิดความมั่นใจในสินค้าในแต่ละรุ่นยี่ห้อแตกต่างกัน ทั้งแบรนด์ยางชั้นนำก็แน่นอนในเรื่องของงบโฆษณาที่เยอะ ก็สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ถือว่าอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เพื่อนๆ รู้สึกอุ่นใจกับการเลือกใช้ยางรถยนต์เพราะเป็นแบรนด์ที่รู้จักนั่นเองครับ แต่พอเพื่อนๆเห็นยางรถจริงๆ แล้วได้สัมผัสยางที่ดีคงสามารถแบ่งแยกได้แน่นอนว่า ยางที่มีให้เลือกแต่ละรุ่นยี่ห้อจริงๆ แล้วมันแตกต่างกันขนาดไหนใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นไทร์บิดก็เลยเข้ามาช่วยแนะนำ รีวิวให้กับเพื่อนๆ ว่าแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันขนาดไหนให้เข้าใจชัดเจนมากขึ้นครับ

ยางรถยนต์ขึ้นราคาทุกปี ทำยังไงให้ได้ยางเหมาะที่สุด?

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องความปลอดภัยครับ ไม่ว่าจะเป็นการเกาะถนน ระยะเบรกบนถนนเปียก ประหยัดน้ำมัน และเรื่องเสียงยาง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ไทร์บิดอยากจะโฟกัสลงไปจริงๆสำหรับบทความนี้ครับ ปัจจุบันถ้าเราสังเกตข้อมูลเหล่านี้ได้จากสติกเกอร์ที่ติดอยู่บริเวณข้างยางได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งจะเป็นตัว Label โดยไทร์บิดอยากจะเอาจุดนี้เป็นตัวชี้วัดไปเลยครับอย่างน้อยจะได้เป็นเกณฑ์ให้เพื่อนๆได้เห็นกันอย่างชัดเจน เพราะยางราคากลางๆ หรือ ราคาประหยัดเรื่องระยะเบรกบนถนนเปียกก็มีหลายยี่ห้อที่ใช้งานได้ดีเหมือนกันครับ โดยเกรด เริ่มตั้งแต่ A – G ความแตกต่างของเกรดคือระยะเบรกบนถนนเปียกที่ 18 เมตรครับ เกรด A เป็นระยะ 0 เมตร แล้วก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆจนเกรด G ที่ 18 เมตรครับ

เพราะฉะนั้นเวลาๆ เพื่อนๆ เลือกเปลี่ยนยางทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ใดก็ตาม ถ้าเพื่อนๆคาดหวังจะได้ยางในราคาที่เหมาะกับตัวเองแล้วละก็ เรามาเลือกดูเกรดยางกันง่ายๆตามค่ามาตรฐานสากลกันที่ Label ได้เลยครับ แต่ไทร์บิดต้องขอบอกก่อนนะครับว่า เกรด A-G เป็นเกรดที่อยู่ในมาตรฐานรับได้ครับ โดยส่วนมากเกรดที่ทางไทร์บิดขอแนะนำเลยก็คือ A-C ครับ ถ้ายางอยู่ในกลุ่มนี้เพื่อนๆสามารถที่จะเลือกใช้ได้เลยครับ เพราะถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความปลอดภัยอยู่ในเกณฑ์ที่ดีถึงดีมากอยู่แล้วครับ แต่ถ้าต่ำลงไป ก็ D-F ก็ถือว่ารับได้ครับ ก็เป็นส่วนที่เพื่อนๆแนะนำสอบถามกันเข้ามามากว่าสังเกตอย่างไรก็ต้องจุดนี้เลยครับ

ยางรถยนต์ขึ้นราคาทุกปี ทำยังไงให้ได้ยางเหมาะที่สุด?

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอายุของยางอาจจะสั้นเร็วก็ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีการผลิตให้มาในแต่ละยี่ห้อว่าจะมีอายุการใช้งานจริงที่ดีขนาดไหน รวมไปถึงการดูแลเรื่องลมยางจากผู้ใช้รถเองก็มีส่วนช่วยยืดอายุของยางได้เช่นกันครับ ก็จะทำให้เพื่อนๆใช้ยางได้อย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นครับ สำหรับไทร์บิดของเราก็จะแบ่งยางเป็นหลายเกรดยางรถให้อยู่ตั้งแต่กลุ่มพรีเมียมอย่าง Michelin Bridgestone Yokohama กลุ่มคุณภาพ อย่าง Goodyear, Dunlop, Continental, Hankook, Toyo, Kumho, Apollo ยางกลุ่มราคาประหยัดอย่าง Maxxis, Dayton, Goodride, Bfgoodrich, Firestone, Kinto ซึ่งทุกยี่ห้อที่ทางไทร์บิดเลือกสรรมาอย่างดี ก็เป็นยางที่มีคุณภาพในระดับความปลอดภัยแน่นอนเพื่อนๆคาดหวังในระยะเบรกก็จะอยู่ในกลุ่มแรกทั้งหมดเลยครับ

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ https://tiresbid.com/home ได้เลยครับ เพราะเราเป็นเว็บจำหน่ายยางที่ดีที่สุดครับ มีแบรนด์สินค้าคุณภาพให้เลือกมากที่สุด และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดในประเทศ แถมไทร์บิดเรายังมีบริการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกลาง ให้เพื่อนๆที่ต้องการสอบถามได้ยางที่เหมาะสมที่สุดผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) เราเป็นตัวกลางยางมืออาชีพโปรโมชั่นยางรถพิเศษไทร์บิดมากมาย  ให้บริการครบทุกรูปแบบ จุดบริการ เปลี่ยนถึงบ้าน จัดส่ง Fast service ทุกรูปแบบการรับบริการนัดหมายล่วงหน้า ใช้เวลาเพียง 1 ชม.ในการรับบริการติดตั้งเปลี่ยนยาง ให้เรื่องยางรถของคุณง่ายยิ่งขึ้น ซื้อยางรถมั่นใจทุกครั้งที่ไทร์บิด วันนี้ก็ขอขอบคุณมากครับเพื่อนๆที่ติดตาม หากมีข้อสงสัยเลือกยางไม่ถูกสอบถามมาที่ไทร์บิดของเราได้เลยครับ วันนี้ขอบคุณมากครับ

เลือกที่จอดรถบ้านเดี่ยวอย่างไร ให้ดีที่สุด

วิถีชีวิตของคนเรา เมื่อมีเงินสักก้อน นอกจากจะซื้อรถป้ายแดง หรือรถมือสองมาใช้กันแล้ว แทบทุกคนย่อมอยากมีบ้านตามไปด้วย ซึ่งในการซื้อบ้านของเรา ปัจจัยหลักๆ ก็จะอยู่ที่ราคาเหมาะกับความสามารถในการผ่อนจ่ายของเรา

รวมไปถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ อาทิ ทำเลที่ตั้ง โครงการหมู่บ้าน จำนวนยูนิต ค่าส่วนกลาง ระบบสาธารณูปโภค ระบบขนส่งมวลชน การรักษาความปลอดภัย น้ำท่วมมั้ย ฯลฯ ที่ต้องวิเคราะห์ให้ละเอียด ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหลังที่ต้องการ

เลือกที่จอดรถบ้านเดี่ยวอย่างไร ให้ดีที่สุด

สำหรับคนที่มีประสบการณ์ทำงานมาพอสมควร อยู่ในตำแหน่งที่มีฐานเงินเดือนสูง หรือมีอาชีพอิสระที่มีรายได้สูง ก็อาจจะเริ่มขยับขยายบ้าน จากที่เคยอยู่บ้านทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม ก็มาซื้อบ้านเดี่ยวแทน ด้วยความต้องการพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขึ้น เพื่อให้ลูกมีที่วิ่งเล่น ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (ตามราคาของบ้าน ซึ่งก็ช่วยกรองเพื่อนบ้านได้ในระดับหนึ่ง) หรือต้องการรวมญาติพี่น้องให้มาอยู่กันหลายๆ คน เป็นต้น

ซึ่งในแต่ทำเล ก็มีบ้านเดี่ยวให้เลือกกันหลากหลายแบบ เช่น บ้านแฝด บ้านที่ปลูกสร้างเอง เนื้อที่ของบ้านจะมีเนื้อที่ตั้งแต่ 40 – 50 ตารางวาหรือไป บางหลังก็ใหญ่โตระดับเป็นไร่ก็มี หลายคนอาจจะเลือกบ้านเดี่ยวในโครงการหมู่บ้าน เพราะมีนิติบุคคลคอยจัดการสิ่งต่างๆ หรือถ้าจะเลือกซื้อบ้านเดี่ยวมือสองก็ได้เช่นกัน

แน่นอนว่าถ้าคนซื้อบ้านมีรถแล้ว ก็ย่อมอยากออกแบบโรงรถให้สวยงาม และปลอดภัยต่อคนทุกวัย Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟังว่า เลือกหรือสร้างโรงรถบ้านเดี่ยวอย่างไร ให้ใช้งานได้ดีที่สุด

เลือกที่จอดรถบ้านเดี่ยวอย่างไร ให้ดีที่สุด

รูปแบบของบ้านเดี่ยวนั้น บอกได้เลยว่ามีค่อนข้างหลากหลายมากๆ ตามความต้องการของผู้สร้าง และผู้ออกแบบ ขึ้นอยู่กับขนาดของที่ดินด้วยว่า จะสร้างออกมาให้เป็นแบบไหน ซึ่งบ้านเดี่ยว มีทั้งโรงรถที่เป็นแบบแยกออกไปเลยต่างหาก, โรงรถแบบรวมอยู่ในตัวบ้าน (อันนี้คล้ายกับบ้านแบบทาวน์โฮม หรือทาวน์เฮ้าส์) และโรงรถที่อยู่บริเวณด้านข้างของตัวบ้าน

แต่ถ้าเป็นโรงรถของบ้านระดับมหาเศรษฐี รวยจัดๆ ก็อาจจะลงทุนสร้างเป็นโรงรถติดแอร์ และประยุกต์เป็นห้องนั่งเล่น ห้องรับแขกไปด้วยในตัว หรือมีลิฟท์ยกรถเป็น 2 ชั้น เพิ่มเนื้อที่เก็บรถได้มากขึ้น ก็มีให้เห็นกัน

เลือกที่จอดรถบ้านเดี่ยวอย่างไร ให้ดีที่สุด

ภาพจาก บ้านดีระยอง

โรงรถ

หลักการสร้างโรงรถนั้น มักออกแบบให้สอดรับกับส่วนหน้าของบ้าน และมีทิศทางลมและแสงพัดผ่าน เพื่อระบายอากาศในที่จอดรถไปในตัว และมีแสงสว่างเข้า พื้นที่โปร่ง ป้องกันแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาซ่อนได้ และก็ต้องมีหลังคากันสาดเพื่อบังแสงแดด สามารถจอดรถได้ตั้งแต่ 1-5 คัน หรือมากกว่านั้นตามขนาดของพื้นที่

โรงรถ ควรมีขนาดอย่างน้อย 2.5 x 5.0 เมตร/คัน แต่ในกรณีที่ใช้รถกระบะ, รถ SUV, รถ MPV หรือรถตู้ขนาดใหญ่ ก็ควรเพิ่มขนาดโรงรถเป็น 3 x 6 เมตร/คัน

เลือกที่จอดรถบ้านเดี่ยวอย่างไร ให้ดีที่สุด

วิธีสร้างโรงรถแบบตั้งเสาเหล็กรับน้ำหนักทั้งสองด้าน หรือแบบยึดกับตัวบ้านด้านหนึ่ง เพื่อความแข็งแรงของโครงสร้าง (ภาพจาก SGC Experience)

สำหรับหลังคาโรงจอดรถยอดนิยม นั่นคือแบบการตั้งเสาเข็ม เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมที่สุด แต่ก็มีราคาแพงที่สุด เพราะต้องตั้งเสารับน้ำหนักหลังคาโรงจอดรถใหม่ทั้งหมด โดยไม่ยุ่งกับตัวบ้าน หากพื้นที่โรงรถมีโอกาสทรุดตัว ก็ต้องตอกเสาเข็มรับน้ำหนักด้วย และอาจมีประตูหรือผนังทึบ

หากพื้นที่เทปูนแล้ว ก็อาจตั้งเสาเหล็กรับน้ำหนักอย่างเดียวแทนเสาเข็มก็ได้ รวมถึงมีติดตั้งไฟและก๊อกน้ำ เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดรถ นอกจากนี้ เจ้าของบ้านอย่าลืมศึกษาข้อกฎหมายในการต่อเติม ก่อนออกแบบ และจ้างผู้รับเหมาด้วย กรณีที่ทำโรงรถไว้ด้านข้างของบ้าน (และมีรั้วกำแพงติดกับบ้านคนอื่น)

เลือกที่จอดรถบ้านเดี่ยวอย่างไร ให้ดีที่สุด

ภาพจาก Tai Phimjai

โรงจอดรถยอดนิยมอีกแบบ คือ มีเฉพาะเสารับน้ำหนักด้านหน้า และยึดด้านหลังเข้ากับโครงสร้างตัวบ้าน ซึ่งนิยมทำกันในบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่บริเวณหน้าบ้าน หรือด้านข้างของตัวบ้าน ราคาถูกกว่าการตั้งเสาใหม่ แต่ปัญหาอาจเกิดขึ้นได้ เมื่อโครงสร้างบ้านและพื้นที่จอดรถทรุดตัวไม่เท่ากัน จนอาจฉุดรั้งโครงสร้างบ้านและโรงรถเสียหายไปด้วย แต่ก็แก้ปัญหาได้ด้วยการใช้ตัวยึดแบบแกว่งตัวได้

และอีกแบบ อันนี้สำหรับบ้านเดี่ยว ที่รวมที่จอดรถไว้อยู่ในร่มเงาตัวบ้านอยู่แล้ว แต่ตัวรถยาวกว่าในส่วนของที่จอดรถ สามารถเจอแดดส่องผ่านมาโดนรถได้ เจ้าของบ้านอาจต่อเติมหลังคาโรงรถแบบกันสาดยื่นออกมาได้เช่นกัน (อ่านรายละเอียดของ หลังคา/กันสาด ต่อได้ในเนื้อหาด้านล่าง)

เลือกที่จอดรถบ้านเดี่ยวอย่างไร ให้ดีที่สุด

ภาพจาก Chonticha Jueychan

พื้นโรงรถ

กรณีที่คุณซื้อบ้านเดี่ยวมาแล้ว หรือซื้อบ้านมือสองมา อยากตกแต่งโรงรถเพิ่มเติม ก็สามารถทำได้ การทำทางลาด (Slope) สำหรับโรงรถนั้นจำเป็น กรณีที่ไม่ได้พื้นรอบบ้านต่ำกว่า หรือพอดีกับถนนส่วนกลาง ถ้าบ้านในโซนที่คุณอยู่ มีปัญหาเรื่องฝนตกหนักแล้วน้ำท่วมไว หรือบ่อย จนเข้ามาท่วมในบริเวณบ้านได้เมื่อฝนตกหนัก ก็ควรยกพื้นโรงรถให้สูงหน่อย

แต่ก็อาจพบปัญหาได้ ในส่วนบริเวณรอยต่อพื้นดินโรงรถ เมื่อเวลาผ่านไป ถ้าทำไม่ดี หรือรับน้ำหนักเยอะๆ บ่อยๆ มักเกิดการทรุดตัว ปูนแตกร้าว เวลาเดินเข้า-ออก อาจสะดุดหรืออันตรายได้

แต่ก็ไม่ควรทำที่จอดรถชันจนเกินไป เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุขณะตอนเคลื่อนรถเข้าไปจอดในโรงรถ หรือระหว่างถอยเข้าไปจอดในบโรงรถได้ (เพราะขับรถขึ้นทางลาด รถต้องมีแรงส่งในการนำเข้าไปจอด อาจหรือเผลอเหยียบคันเร่งมากเกินไป จนพุ่งเข้าไปด้านใน หรือตัวบ้านได้นั่นเอง)

เลือกที่จอดรถบ้านเดี่ยวอย่างไร ให้ดีที่สุด

ภาพจาก กระเบื้องโรงรถ

พื้นปูโรงรถ

สำหรับพื้นที่ปูโรงรถในบ้านเดี่ยว จะบ้านใหม่หรือบ้านมือสอง ส่วนมากนิยมกันในหลายแบบด้วยกัน เช่น

  • ที่จอดรถคอนกรีตทั่วไป นับได้ว่าเป็นมาตรฐานของบ้านทั่วไทยก็ว่าได้ เพราะถูกและแข็งแรง บางโครงการอาจมีทั้งแบบผิวหยาบ แบบขัดมัน ดูแลรักษาง่าย แค่ผสมหิน ปูน ทราย ให้ได้มาตรฐาน สามารถไปตกแต่งเองเพิ่มเติมทีหลังได้ ไม่ว่าจะใช้ปูกระเบื้อง ปูหินอ่อน ปูกรวดล้าง ทรายล้าง ที่มีให้เลือกกันหลายเบอร์ เป็นต้น
  • ที่จอดรถคอนกรีตพิมพ์ลาย หรือแสตมป์คอนกรีต หลายคนอาจจะชอบความสวยงาม พื้นโรงรถมีลวดลาย ก็อาจจ้างช่างให้มาทำคอนกรีตพิมพ์ลาย ตกแต่งผิวหน้าคอนกรีต โดยช่างจะโรยผงสี (กรณีต้องการมีสีสัน) บนผิวหน้าคอนกรีตก่อนทำการพิมพ์ลาย จากนั้นนำแม่แบบมาพิมพ์ลาย ต่อกันจนครบทั้งหมด ให้เป็นลวดลายที่ดูเสมอกัน และมีลวดลายที่ช่วยกันลื่นเวลาเจอน้ำด้วย
  • ที่จอดรถปูกระเบื้องเซรามิก การเลือกกระเบื้องเซรามิกมาปูพื้นโรงรถ ควรเลือกกระเบื้องปูพื้นประเภทแกรนิตโต้ ที่มีผิวหยาบ มีลวดลาย เพราะกันลื่นได้ แถมแข็งแรง ทนทาน
  • ที่จอดรถปูกรวดล้างทรายล้าง ข้อดีคือ เหมาะสำหรับบ้านที่มีผู้สูงอายุ และเด็กๆ เพราะมีพื้นผิวขรุขระ ป้องกันการลื่นได้ แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน คือทำความสะอาดและซ่อมแซมยาก และตะไคร่ชอบขึ้น (ขัดกันเหนื่อยเลยแต่ละที) ที่สำคัญต้องเคลือบน้ำยาป้องกันการสะสมตะไคร่ ตามซอกเม็ดหินอย่างสม่ำเสมอ
  • ที่จอดรถปูหินแกรนิต มีราคาสูงและเป็นที่นิยม ด้วยความแข็งแรงสุดๆ ทนทาน ดูแลรักษาง่าย ผิวหยาบเรียบ เดินแล้วไม่ลื่น ควรเลือกหินแกรนิตที่มีความหยาบ และหนากว่าหินแกรนิตโดยทั่วไปประมาณ 3-4 นิ้ว เพื่อรองรับน้ำหนักของตัวรถได้มาก
  • บล็อกคอนกรีต จัดเป็นของยอดนิยมของคนมีบ้านเดี่ยว มีสนามหญ้าในบ้าน ผลิตจากคอนกรีตเคลือบสีผิวด้านบน ปัจจุบันมีการพิมพ์ลาย และผิวสัมผัสเลียนแบบธรรมชาติด้วย มีขนาดและรูปทรงหลากหลาย สามารถปูวางบนพื้นผิวทรายที่บดอัดแน่นได้เลย ง่ายต่อการติดตั้งและซ่อมแซม แต่มีจะต้องมีการทำขอบคันหิน และปูด้วย Geo Textile เพื่อป้องกันมิให้ทรายไหล

ส่วนวัสดุแบบอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมลงไป เช่น พื้นยางปูพื้น, ลาดยางมะตอย หรือ อีพ๊อกซี่ เป็นต้น

เลือกที่จอดรถบ้านเดี่ยวอย่างไร ให้ดีที่สุด

ภาพจาก วุฒิพงษ์ ดารามาศ

หลังคา / กันสาด

การเลือกหลังคาโรงรถ โดยมากแล้ว บ้านเดี่ยวจะสร้างหลังคาโรงรถได้หลากหลาย แบบทรงเรียบ แบบหน้าจั่ว แบบเฉียง หรือทรงโค้งเทลาดมาด้านหน้า เพราะเวลาฝนตกน้ำจะได้ไหลมาลงไปที่รางระบายน้ำข้างหน้า ด้านข้าง หรือแขวนโซ่สแตนเลสให้น้ำไหลลงมาก็ได้

ทั้งนี้ การเลือกแบบหลังคาโรงรถก็ต้องดูลักษณะบ้านคุณด้วยว่า เป็นบ้านเดี่ยวแบบไหน? เช่น บ้านที่มีโรงรถแยกออกไปต่างหาก หรือบ้านที่มีโรงรถรวมอยู่ในตัวบ้าน หรืออยู่บริเวณด้านหน้า หรือด้านข้างของบ้าน

วัสดุปูหลังคาก็มีอยู่หลายแบบ ทั้งแบบสังกะสี แบบกระเบื้อง แบบสแตนเลส แบบเมทัลชีท แบบไวนิล แบบโพลีคาร์บอเนต ซึ่งมีข้อดีข้อเสียอย่างไร เรามาดูกัน …

เลือกที่จอดรถบ้านเดี่ยวอย่างไร ให้ดีที่สุด

ภาพจาก โซลาร์เซลล์ เพชรบุรี

  • หลังคาสังกะสี มีคุณสมบัติพื้นผิวมันเรียบ น้ำหนักเบา ราคาถูกจำหน่ายเป็นฟุต ราคาต่อฟุตแตกต่างกันตามสี และชั้นคุณภาพของสังกะสี ข้อดีคือราคาถูก ทนทาน สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือยังนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้ เช่น ใช้ทำฝาผนัง หรือทำรั้ว
    ส่วนข้อเสียของหลังคาสังกะสี คือ เมื่อใช้ไปนานๆ เจอแดดเจอฝนนานๆ มักขึ้นสนิม ผุ ไม่ทนต่อแรงลม เจอพายุมาทีปลิวไปหมดเลยก็มี และโรงรถร้อน เพราะหลังคาสังกะสีอมความร้อน กระจายความร้อนได้รวดเร็ว (วิธีแก้คือ รองด้วยฉนวนกันความร้อน หรือโฟมบุหลังคา) และเสียงดังมากเมื่อฝนตกหนัก
  • หลังคาเหล็กเมทัลชีท คือหลังคาที่เป็นแผ่นเหล็กเคลือบด้วย Aluzinc (อลูซิงค์) มีส่วนประกอบของ อะลูมิเนียม 55% และสังกะสี 45% เพื่อป้องกันการเกิดสนิม รีบจนเป็นแผ่นลอนบาง ข้อดี คือ กันสนิมได้ ติดตั้งได้ง่าย แข็งแรง ทำหลังคาโค้งได้ กันน้ำซึมได้เพราะเป็นแผ่นยาวไร้รอยต่อ มีหลายสีให้เลือก ราคาไม่แพง
    แต่ข้อเสียคือ อมความร้อน (วิธีแก้คือ รองด้วยฉนวนกันความร้อน หรือโฟมบุหลังคา) น้ำหนักมากกว่าหลังคาสังกะสี และเสียงดังเมื่อฝนตกหนัก
  • หลังคาสแตนเลส คือ เหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนน้อยกว่า หรือต่ำกว่า 2% ของน้ำหนัก และมีส่วนผสมของโครเมียมอย่างน้อยที่สุด 5% ขึ้นไป หรือเรียกว่าเหล็กกล้าไร้สนิม ข้อดี คือ น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย ง่ายต่อการติดตั้ง ปลอดสนิม น้ำหนักเบา ทนความร้อน ส่วนข้อเสีย คือ ราคาสูง และไม่ทนทานเท่าหลังคาเหล็ก
  • หลังคากระเบื้อง เป็นหลังคาที่ทำมาจากไฟเบอร์ซีเมนต์ แข็งแรง อายุการใช้งานยาวนานกว่าวัสดุประเภทอื่นๆ รับแรงกระแทกดี (เช่น มีของหล่นใส่ ไม่บุบหรือแตก) ทนทาน เสียงไม่ดังเวลาฝนตกหนัก ซ่อมแซมง่าย แผ่นไหนรั่วแตกก็ถอดเปลี่ยนได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนยกแผงแบบประเภทอื่น
    แต่ข้อเสียก็มี คือ น้ำหนักมาก ต้องทำโครงสร้างโรงรถให้รับน้ำหนักได้ และปัญหารั่วซึมตามรอยต่อกระเบื้อง ต้องอัดกาวหรือเปลี่ยนเพื่อซ่อมแซมใหม่
  • หลังคาไวนิล เป็นหลังคาที่ทำมาจาก UPVC หรือ Unplasticised Poly Vinyl Chloride ข้อดี คือ ทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี ยืดหยุ่น ป้องกันความร้อนได้ดี เก็บความเย็น น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ฝนตกหนักเสียงไม่ดัง และติดไฟยาก ส่วนข้อเสีย คือ เมื่อใช้งานไปนานๆ หลังคาสีจะซีด และมีราคาสูง
  • หลังคาโพลีคาร์บอเนต เป็นหลังคาที่ทำมาจากพลาสติกแข็ง มีทั้งแบบแผ่นตันและแผ่นลูกฟูก ข้อดีคือ โปร่งแสง ทำให้บริเวณโรงรถไม่มืด มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง ทนต่อสภาพอากาศ ดัดรูปทรงตามต้องการได้ และเวลาฝนตกเสียงไม่ดัง ส่วนข้อเสียคือราคาสูง เป็นรอยขีดข่วนง่าย ติดไฟได้เนื่องจากวัสดุพลาสติกค่อนข้างไวไฟ
  • หลังคาโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) สำหรับบ้านรักษ์โลก และต้องการลดค่าไฟในแต่ละเดือน ยิ่งติดจำนวนขนาดใหญ่ และใช้ไฟฟ้ามาก ย่อมคืนทุนเร็วกว่าบ้านที่มีการใช้ไฟฟ้าน้อย ยิ่งเหมาะสำหรับบ้านที่ใช้ไฟในเวลากลางวัน เพราะผลิตไฟฟ้าได้แล้วใช้เลยจึงจะคุ้มค่ามากที่สุด (ระบบ On Grid) และในปัจจุบันระบบ Energy Storage สำหรับใช้ในบ้าน ยังมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำให้จุดคุ้มทุนยิ่งนานขึ้นตามกันไป​​​​​​​

บางคนก็ไม่อยากได้หลังคาแบบทึบแสง อยากให้มีแสงส่องเข้ามาในโรงรถบ้าง ก็อาจจะเลือกหลังคาที่ใช้วัสดุแบบโปร่งแสงชนิดอื่นๆ เช่น ไฟเบอร์กลาส หรือโพลีคาร์บอเนต เป็นต้น

เลือกที่จอดรถบ้านเดี่ยวอย่างไร ให้ดีที่สุด

สำหรับใครที่กำลังเลือกตกแต่งโรงรถให้กับบ้านเดี่ยวหลังใหม่ หรือบ้านเดี่ยวหลังเดิมของคุณอยู่ ก็ลองนำไปพิจารณาดู ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหลายด้าน ทั้งความชื่นชอบ ฟังก์ชั่นการใช้งาน กับงบประมาณที่ตั้งไว้ครับ เพื่อจะได้คุ้มค่าเงิน ที่ต้องจ่ายไปมากที่สุด และไม่มีปัญหาตามมาทั้งตัวเอง และเพื่อนบ้านในภายหลัง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เหมาะกับโรงรถบ้านคุณ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

5 วิธีป้องกันงูเข้าโรงรถ พร้อมวิธีไล่งู!

นี่ก็เข้าช่วงหน้าฝนอย่างเป็นทางการแล้ว ฝนตกกันแทบทุกวัน บรรดาสิงสาราสัตว์ทั้งหลาย เจอฝนตก น้ำท่วม ก็ต้องพากันเอาตัวรอด มาใช้สถานที่ในบ้านของคุณเป็นที่หลบฝน ไม่ว่าจะในโรงรถ ในรถยนต์ ใต้ถุนบ้าน มุมต้นไม้ครึ้มๆ ในหลังคาบ้าน หรือในโถส้วมก็ตาม โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ต้องระวังกันเป็นพิเศษ ยิ่งเป็นงูมีพิษด้วยยิ่งน่ากลัวไปกันใหญ่

งู มักกินสัตว์เป็นอาหาร เช่น กบ, เขียด, ตุ๊กแก, หนู, จิ้งจก, ลูกไก่, กระต่าย, ปลา หรือแม้แต่งูด้วยกันเอง ฯลฯ ซึ่งตอนนี้ตัวเมืองได้ขยายออกไปชานเมืองเรื่อยๆ บวกกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น พื้นที่ทุ่งนา ป่า ที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของงู จึงกลายเป็นบ้านคน งู และสัตว์ประเภทอื่น จึงไม่มีที่อยู่และแหล่งอาหาร จึงต้องเข้ามาหากินในบ้านคนแทน

ในวันนี้ Mr.Carro จึงมี 5 วิธีป้องกันงูเข้าโรงรถอย่างปลอดภัย พร้อมวิธีไล่ มาเล่าสู่กันฟังครับ …

5 วิธีป้องกันงูเข้าโรงรถ พร้อมวิธีไล่งู!

ภาพจาก อาสากู้ภัยกาญจนบุรี”เขาใหญ่”

1. ปิดช่องทางการเข้าถึง

ตามปกติแล้ว งูจะชอบที่รก มืด อับ อบอุ่น มีอาหาร หรือที่สามารถซ่อนตัวได้ ไม่ว่าจะในโรงรถ ในรถ ใต้หลังคาบ้าน ในเครื่องยนต์รถ เพื่อวางไข่ หาความอบอุ่น หรือบ้านนั้นอาจจะมีหนูเยอะ ไม่มีหมาและแมว งูจึงชอบเข้ามาอยู่ เพราะไม่มีศัตรูมาก่อความรำคาญ

ยิ่งหน้าฝนแล้วล่ะก็ ที่แห้งๆ งูชอบเลยทีเดียว ลองสำรวจดูรอบโรงรถว่ามีช่องว่าง หรือของรกๆ ต้นไม้พงหญ้ารกๆ หรือไม่ ก็จัดแจงเคลียร์ ตัดแต่ง ซ่อมแซม ขึงตาข่าย มุ้งลวด ไม่ทิ้งเศษอาหารไว้ในที่จอดรถ รวมถึงทำความสะอาดให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้งูเข้าเลี้อยมาอยู่ในโรงรถ หรือในรถยนต์ของคุณได้

2. น้ำมันกลิ่นฉุนๆ

ธรรามชาติของงู เป็นสัตว์ที่ไม่ชอบกลิ่นแรงๆ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันก๊าด น้ำมันสน หรือน้ำมันรถ ใส่ผ้าชุบไว้ แล้ววางบริเวณรอบๆ โรงรถที่งูชอบเข้ามา ก็จะช่วยไล่งูให้หนีไปทางอื่นได้

5 วิธีป้องกันงูเข้าโรงรถ พร้อมวิธีไล่งู!

3. กำมะถัน กับ มะกรูด

กำมะถัน เป็นความรู้แบบภูมิปัญญาไทยๆ ที่มีคนนิยมใช้กันมาก เพราะเชื่อว่ากลิ่นฉุนของกำมะถันจะทำให้งูไม่เข้าใกล้ (รวมไปถึงแมลง และสัตว์เลี้อยคลานอื่นๆ) แต่เราก็ไม่แน่ใจว่า ใช้กันงูได้จริงทุกตัวหรือไม่

หลายบ้านก็นิยมใช้กำมะถันที่เป็นผง มาวางไว้ หรือผสมน้ำแล้วราดเอาไว้รอบๆ ที่จอดรถหรือรอบบ้าน เพื่อป้องกันงูเข้ามา แต่ช่วงหน้าฝนแบบนี้อาจต้องโรยบ่อยหน่อย เพราะฝนจะทำให้ที่โรยไว้เจือจางไป

ส่วนมะกรูด ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยไล่งูได้เช่นกัน เพียงนำมะกรูดผ่าซีกมาวางไว้รอบรอบๆ โรงรถ เนื่องจากกลิ่นมะกรูดมีความเป็นกรด ทำให้เมื่องูได้รับสารนี้แล้ว จะไม่อยากเข้าใกล้พื้นที่

4. เลี้ยงสุนัข

สัญชาตญาณของสุนัข มักจะไม่นิ่งเฉยกับสิ่งแปลกปลอมที่บุกรุกเข้ามาในบ้าน เมื่อหมาเจองูก็จะส่งเสียงเห่า ทำให้งูซึ่งเป็นสัตว์ขี้ตกใจอยู่แล้ว ต้องหนีออกไปเอง บางทีหมาไล่กัดงูด้วยซ้ำไป

แต่ถ้าเป็นงูตัวใหญ่ๆ หรืองูมีพิษ สุนัขเองก็อาจจะเป็นอันตรายได้เช่นกัน ทางที่ดี พยายามกันสุนัขให้ห่างเอาไว้ ก่อนที่จะมีผู้เชี่ยวชาญมาจับงู

5 วิธีป้องกันงูเข้าโรงรถ พร้อมวิธีไล่งู!

5. น้ำยาไล่งู

เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่าย และสะดวก เนื่องในท้องตลาดยุคนี้มีน้ำยาไล่งู สเปรย์ไล่งู หรือแบบผงก็มี ออกมาจำหน่ายกันสารพัดยี่ห้อ สำหรับฉีดรอบบริเวณนอกบ้าน หรือจุดที่ไม่ต้องการให้งูเข้ามา

กระป๋องหัวฉีด พ่นง่าย พ่นเฉพาะจุดได้ อาจจะต้องพ่นจุดเดิมติดต่อกัน 4-5 วัน หรือฉีดซ้ำบ้าง ทำให้กลิ่นติดแน่น ป้องกันงูกลับมา ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย และสัตว์เลี้ยง (แต่ตอนฉีด ก็ต้องระวังอย่าให้ละอองเข้าปาก ตา หรือจมูกนะครับ)

ถ้างูเข้าบ้านมาแล้ว ต้องทำอย่างไร …

5 วิธีป้องกันงูเข้าโรงรถ พร้อมวิธีไล่งู!

1. สังเกตประเภทของงู

พยายามตั้งสติก่อน แล้วสังเกตให้ดีว่า งูที่เลื้อยเข้ามาในโรงรถเป็นงูชนิดใด ลักษณะอย่างไร มีพิษหรือไม่ งูพิษที่พบบ่อย เช่น งูเห่า จะแผ่แม่เบี้ย, งูสามเหลี่ยม มีลำตัวเป็นรูปสามเหลี่ยม, งูเขียวหางไหม้ และงูกะปะ มีลักษณะแก้มป่อง ตัวสั้น มีเกล็ดละเอียด เป็นต้น

2. อยู่นิ่งๆ เคลื่อนไหวช้าๆ

สัญชาตญาณงู มักจะตกใจและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ให้ยืนนิ่งๆ หรือค่อยๆ ขยับถอยหลังช้าๆ แล้วสังเกตความเคลื่อนไหวของงูเอาไว้ด้วย เพื่อกันการหนี และต้องเว้นระยะห่างให้ปลอดภัย เพราะงูอาจฉกเราได้

5 วิธีป้องกันงูเข้าโรงรถ พร้อมวิธีไล่งู!

ภาพจาก สยามรัฐ

3. อย่าไล่ อย่าตีงูด้วยตัวเอง

หากไม่มั่นใจว่าเป็นงูมีพิษหรือไม่ หรือไม่มีทักษะในการจับงูเอง อย่าทำ! เพราะถ้าไล่งูหรือทำร้ายงูแบบไม่ถูกวิธี งูอาจตกใจจนหนีไปซุกซ่อนอยู่ในมุมหลืบ ทำให้ตามจับได้ยากขึ้น หรืออาจพุ่งตัวฉกจนเกิดอันตรายได้

4. เรียกหน่วยกู้ภัย หน่วยดับเพลิง มาจับ

ทางที่ดีและปลอดภัยที่สุด คือ ขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัย หรือหน่วยดับเพลิง โทร. 199 มาจับงู เพราะบรรดาชาวหน่วยกู้ภัย นักดับเพลิง มักมีการอบรมเกี่ยวกับวิธีการจับงูกันไว้อยู่แล้ว อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เครื่องมือพร้อม ให้เป็นหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจัดการดีที่สุดครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai