รีวิว Hyundai Elantra - สวยกับสปอร์ต แต่...ต้องขออีกนิด

รีวิว Hyundai Elantra – สวยกับสปอร์ต แต่…ต้องขออีกนิด

เรื่องการดีไซน์รถ สำหรับค่าย ฮุนได แล้ว ต้องยกนิ้วให้ โดยเฉพาะ ฮุนได เอลันตร้า ค่ายฮุนได้นำเขามาทำตลาดในบ้านเราเรื่องความสวยงาม สปอร์ต ความปราดเปรียว แผงความหรูหรา เรียกว่า ดูแค่เรือนร่างภายนอก รถคันนี้นั้นมาครบ….แม้ว่านั้นจะเป็นในอดีตที่ยากจะลบภาพจำของลูกค้าคนไทยให้ออกไปหมดได้

แต่วันนี้หลังจากฮุนไดได้กลับเข้ามาทำตลาดในบ้านเดราอีกครั้ง เมื่อ 6-7 ปีก่อน ด้วยความมุ่งมั่นของทีมผู้บริหาร พนักงงานชาวฮุนไดถือว่า ช่วยลบภาพความทรงจำแบบเดิมๆ ไปได้เยอะพอสมควร การันตีได้ด้วยจำนวนรถยนต์ฮุนไดที่วิ่งบนท้องถนนบ้านเราเพิ่มมากขึ้น

เมื่อครั้งเปิดตัวเอลันตร้า  ฮุนไดเน้นการออกแบบที่โดดเด่น อุปกรณ์มาตรฐานที่เหนือระดับ และราคาพิเศษโดนใจ แน่นอน ว่าเรื่องรูปร่างหน้าหน้าไม่ต้องพูดถึง รับรองได้ว่าถูกใจใครหลาย โดยเฉพาะเส้นสายรอบคัน ยิ่งชวนมอง ยิ่งเพลิน

เข้ามาดูภายในห้องโดยสาร ฮุนไดใช้โทนสีดำ การออกแบบและจัดวางอุปกรณ์ต่างเน้นฟังก์ชั่นการใช้ง่ายและสะดวก มาตรวัด 2 วง แสดงอัตราสิ้นเปลือง อัตราการใช้พลังงาน ฟังก์ชั่น ECO Guide การเตือนค่าต่างๆ เพิ่มหน้าจอสัมผัส Touch Screen สามารถเลือกฟังก์ชั่นการใช้งานได้ด้วยระบบนำทาง รองรับการเล่น DVD และ USB เชื่อมต่อระบบ Bluetooth เชื่อมต่อโทรศัพท์และไฟล์เพลง เรียกว่ามีครบ เมื่อเทียบรูปร่างหน้าตาภายนอกขอรถคันนี้  ถ้าพูดกันตรงๆ  ความรู้สึกเปลี่ยนวัสดุที่ใช้อาจจะดูเกรดต่ำไปนิด

หรือหากเปรียบเป็นผู้หญิง-ชาย ที่เราเจอ “เฟิร์ท อิมเพรสชั่น” รูปร่างหน้าตา บุคลิกเรียบหรุดูดี แถมความปราดเปรียว แต่เมื่อได้ลองเข้าไปทำความรู้จัก ลักษณะนิสัย อาจจะขัดแย้งกับบุคลิกเล็กน้อย…แต่ถามว่ารับได้ไหม…พอรับได้ แต่ถ้าเปลี่ยนได้ก็ดี

เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 150 แรงม้า ทะยานไปข้างหน้า รถคันนี้ทำได้ค่อนข้างดี  พวงมาลัยสั่งการได้แม่นย่ำจังหวะเร่งแซง  เกียร์ บวก ลบ เพิ่มความสนุก  ทันใจ  แต่ช่วงล่างเมื่อวิ่งด้วยคามเร็ว หรือเข้าโค้ง แรงยังไม่ควรไว้ใจ เพราะถ้าถามถึงสิ่งที่ไม่ประทับใจ …. หากฮุนได เซท ช่วงล่างของรถคันนี้มาให้รับกับภาพความสปอร์ตปราดเปรียว รถคันนี้จะกลายเป็น รถซีคาร์ที่มาพร้อมความสปอร์ตอย่างเต็มรูปแบบ

ถึงตรงนี้ คงแนะนำได้ ให้ ฮุนได เอลันตร้าคันนี้ เป็น  ซีคาร์ เฉิดฉาย แบบใช้ในชีวิตประจำวัน ที่ มาพร้อมหน้าตาความสปอร์ต ปราดเปรียว เพียงแต่ไม่ควรไว้ใจช่วงล่าง  ยิ่งหากใช้ความเร็วต้องเรียกสติให้ตามทันเข็มไมล์  ถามว่าโดยรวมรถคันนี้ขี้เหร่หรือไม่…ก็พอคบหาได้ เพราะถ้าเราไม่ได้ใช่ งานหนัก ขับโหด  เร็ว แรง

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

Mitsubishi Pajero Sport น่าใช้ เครื่องแรง ภายในกว้างขวาง กับตำนานของรถ SUV

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

สำหรับ Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต) โฉมนี้! ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจเดินเกม ที่น่าจะ “ถูกต้อง” ของทีมผู้บริหาร นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในโลกในไทย เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 เพราะเมื่อสินค้าออกแบบและพัฒนามาได้โดนใจลูกค้าชาวไทย หน้าตาที่กระเดียดไปทางเอสยูวีหรู ของ ปาเจโร สปอร์ต ถือว่าออกแบบมาได้ “ลงตัว” บ่งบอกถึงความดูดีมีสไตล์ของ “ผู้ขับ”

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

หน้าตา ของรถคันนี้ออกแบบมาได้อย่างลงตัว ดูเท่ มองมุมไหนก็สวยคมทุกมุม จะยกเว้นก็เพียงไฟท้ายที่หลายคนขัดหูขัดตา หากจะมองให้ดี คือ การยกแท่งไฟท้ายของรถวอลโว่ ตระกูล XC มากลับหัว ให้กับ ปาเจโร สปอร์ต คันนี้ ซึ่งขนาดความยาวของแท่งไฟท้าย ยังเลื้อยลงมาจนสุดปลายของฝากระโปรงท้าย ซึ่งบอกได้ชัดๆ ว่า “ไม่สวย” หากออกแบบไฟเบรกสีแดงให้เลื้อยไปจบกับกรอบไฟเลี้ยว น่าจะลงตัวกว่า

มิติตัวถังยาว 4,875 มม. กว้าง 1,815 มม. สูง 1,800 มม. (รุ่น 4WD 1,805 มม.) และระยะฐานล้อ 2,800 มม.

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์คลีนดีเซล MIVEC ขนาด 2.4 ลิตร 181 แรงม้า ถือว่าทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งเครื่องของความเงียบ และการทำงานประสานกันของระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการกระตุก สังเกตุได้ของรอยต่อระหว่างการเปลี่ยนเกียร์ ส่วนขุมกำลังของเครื่องยนต์ในช่วงการออกตัว หรือจังหวะกดคันเร่ง ต้องการเรียกความเร็วนั้น การตอบสนองการปลุกกำลังของเครื่องยนต์ อาจจะรู้สึกว่ากำลังของเครื่องยนต์นั้นมาช้าเกินไป…

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

เมื่อเทียบกับรถพื้นฐานตอนเป็นรถปิกอัพ ไทรทัน เพราะปาเจโรสปอร์ตคันนี้จะต้องเเบกรับ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาอีกค่อนข้างมาก สำหรับคนที่ต้องการให้ทันอกทันใจ อาจจะต้อง ทำใจ หรือ ทำความเข้าใจกับบุคลิกของรถเล็กน้อยแต่เมื่อวิ่งไปได้ระดับหนึ่งพละกำลัง ของ “ม้าทั้งตัว” พร้อมทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่มีเหน็ดมีเหนื่อย…

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport ส่วนเครื่องของช่วงล่าง รถคันนี้ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนมิตซูบิชิ เซ็ตค่อนข้างนุ่มนวลเเต่โดยส่วนตัวความรู้สึกตลอดระยะเวลาของการทดสอบ ยังคง “ก้ำกึ่ง” ว่า จะชอบ หรือไม่ชอบดี เพราะช่วงล่างรถคันนี้ น่าจะถูกอกถูกใจผู้ใช้งานที่เป็นผู้ใหญ่ หรือคุณสุภาพสตรี ในเรื่องของความนุ่มนวล เเต่โดยส่วนตัวเเล้ว หากมิตซูบิชิ เติมความหนึบหนับ เอาอารมณ์ความดื้อ และกระด้างของช่วงล่าง “ไทรทัน” มาใส่ ไว้น่าจะทำให้รถคันนี้ขับได้สนุก และมีชีวิต ชีวา …

และในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังมาพร้อมระบบ SS4-II (Super Select 4WD–II) ที่ทำให้ผู้ขับขี่ สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่จากถนนปกติ ในแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ มาเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ เมื่อต้องการขับขี่บนเส้นทางออฟโรด ให้ความมั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

ภายนอกและภายใน รุ่น GT 2WD

ส่วนความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารถือว่ามิตซูบิชิจัดวางมาไว้ให้อย่างครบครัน เเต่เมื่อเทียบกับรถในเซ็กเมนต์เดียวกัน ที่มีเพิ่มทั้งช่องเสียบไฟขนาด 220 โวล์ท ซี่งไม่มีก็ไม่เป็นไรเพราะเชื่อว่าน้อยครั้ง ที่เราจะมีโอกาสได้ใช้

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

ภายนอกและภายใน รุ่น GT Premium 4WD

แต่สิ่งที่ขาดหายไปแล้วน่าเสียดายคือ ประตูเปิด – ปิด ฝาท้ายอัตโนมัติ ที่หากมีเพิ่มมาให้ ปาเจโร สปอร์ต คันนี้น่าจะช่วยเติมเต็ม ผลักดันให้รถคันนี้ขึ้นมาเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ในเซ็กเมนต์ได้แบบไร้คู่เเข่ง ถามว่ารถคันนี้ จะเหมาะสมสำหรับการการใช้งานในชีวิตประจำวัน การขี่ขับขี่ในเมืองหรือไม่

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

ตอบได้แบบไม่ลังเลว่า … ปาเจโร สปอร์ต พร้อมตอบสนองรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย (มีให้เลือกหลายรุ่นย่อย อาทิ GLS-Ltd., GT และ GT Premium ในแบบ 2WD และ 4WD) เเม้เเต่การขับขี่ในเมื่องที่สภาพการการจราจรหนาเเน่น การควบคุม รถคันนี้ไม่ใช่เรื่องยาก หมดปัญหาเรื่องของขนาดใหญ่เพราะทั้งน้ำหนัก และพวงมาลัยที่เบาให้ความเเม่นยำทำให้การความคุมเป็นไปได้ดังใจ

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

และเมื่อถามว่ารุ่นไหนน่าสนใจระหว่าง 3 รุ่น 3 ค่าย เลขเรียงลำดับ ความน่าสนใจโดยรวมแล้ว คงยกให้ ปาเจโร คันนี้มา เป็นที่หนึ่งส่วนอันดับสอง ระหว่างฟอร์จูนเนอร์ และ เอเวอเรสต์ คงต้องเปรียบเทียบ ความคุ้มค่าคุ้มราคา ว่าคันไหนตรงกับจริตมากที่สุด เอาแค่ตัวขับเคลื่อนสองล้อ ตัวพื้นฐานก็พอ …

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

ทัศนะความคุ้มค่าน่าใช้ โดย Mr.Carro …

ความคุ้มค่าตอนซื้อ

รุ่นนี้ในตลาดรถมือสอง ถือว่าได้รับความนิยมมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนวัยทำงานใหม่ หรือแม้กระทั่งผู้สูงอายุ เป็นรถรุ่นมีวิ่งให้เห็นกันเกลื่อนเมือง วิ่งทางฝุ่นก็ได้ไม่ขวยเขิน ลุยน้ำท่วมก็ได้ ขนของมากๆ ไปกัน 5-7 คน ก็ดี และ Option ที่ให้มามากกว่าคู่แข่ง ผนวกกับเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร VG Turbo Intercooler 181 แรงม้า ตัวเดียวกับใน Triton ที่ให้ความแรงสะใจ

ความคุ้มค่าตอนใช้งาน

เป็นรถที่ขับสนุก ระบบเกียร์อัจฉริยะ 8 สปีด + ระบบ INC (Idle Neutral Control) + G-Sensor และ Sport Mode ดีมาก พร้อมกับ Paddle Shift ให้เปลี่ยนที่พวงมาลัยด้วย พ่วงด้วยระบบเบรกมือไฟฟ้า ช่วงล่างนุ่มนวล ทนทาน เกาะถนน ถ้าเจอทางลูกรังก็ลุยไหว พวงมาลัยไม่เบา ไม่หนักจนเกินไป ห้องโดยสารหรูหรา อเนกประสงค์ในการใช้งาน เบาะแถวที่ 3 สามารถปรับพับให้เรียบได้

วิ่งในเมือง รถติดบ้างโล่งบ้าง ประมาณ 10 กม./ลิตร ได้ หากวิ่งนอกเมือง ทำได้ 14-15 กม./ลิตร

ส่วนข้อเสียก็มีอยู่บ้าง ตรงเบาะหลังแถวที่ 3 ที่นั่งค่อนข้างลำบากสำหรับผู้ใหญ่ที่ตัวใหญ่ โดยเหมาะไว้สำหรับให้เด็กๆ หรือคนตัวเล็กนั่ง มากกว่าครับ

ความคุ้มค่าตอนซ่อม

ตอนซ่อม ตอนเข้าศูนย์ ราคาอะไหล่รับได้ ตัวรถไม่จุกจิก ทนทาน ประหยัด เตรียมงบไว้สำหรับดูแลตามปกติ ปีละ 5,000 – 10,000 บาท (กรณีดูแลรักษาทั่วไป ถ้ามีเช็คระยะใหญ่ ก็อาจจะต้องเตรียมเงินไว้เพิ่ม) ครับ

ความคุ้มค่าตอนขายต่อ

สำหรับ Mitsubishi Pajero Sport โฉมปี 2015 – ปัจจุบัน มีราคามือสองอยู่ที่ 960,000 – 1,250,000 บาท (เป็นราคาในตลาดรถปี 2561 – 2562 โดยประมาณ และขึ้นอยู่กับปีรถ รุ่นย่อย กับ สภาพของตัวรถ) ซึ่งรุ่นนี้ ยังมีโฉมปัจจุบันขายอยู่ด้วยนะครับ

Download Mitsubishi Pajero Sport (คลิกที่ภาพ)

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

Carro-Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

Toyota Yaris … ยาวกว่าพี่ กว้างกว่าพี่ ก็ไม่มีแล้วน้อง!!!

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) อีโคคาร์จากค่ายพี่ใหญ่อย่าง Toyota (โตโยต้า) โดยรถรุ่นนี้ทำการเปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2556 ถือเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าคนไทยไม่น้อย ถึงขนาดที่ว่าโตโยต้าเคลมว่า ยาริส อีโคคาร์ เป็นรถที่ขายที่ดีที่สุดในกลุ่มรถแฮทช์แบ็ค

มาดูกันว่าทำไม ยาริส อีโคคาร์ ถึงมียอดขายดี เริ่มกันที่รูปทรงโดยรวมก็ต้องบอกว่าใหญ่จริงอะไรจริง ดูจะออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าคนไทยอย่างมาก เพราะรถมีขนาดที่ใหญ่ – ยาว เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เป็นแฮทช์แบ็คอีโคคาร์ เหมือนกันก็ถือว่าใหญ่ที่สุด

ด้วยมิติตัวถัง ยาว 4,115 มม. กว้าง 1,700 มม. สูง 1,475 มม. ระยะฐานล้อ 2,550 มม.

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

เมื่อไล่เรียงสายตามาดูถึงการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอก – ภายใน จะพบว่าดีไซน์ด้านหน้ามีความโดดเด่นที่ดึงดูดสายตามากกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ พร้อมกันชนและสเกิร์ต ที่จะมีสีตัดกับตัวกระโปรงรถ ดูแล้วให้อารมณ์สปอร์ต ส่วนไฟหน้าถือเป็นพระเอกที่ถูกใจมาก เพราะรูปทรงสวย มีขนาดใหญ่ โดยไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์ในรุ่น G และ TRD Sportivo แต่ในรุ่นรองลงมา จะเป็นแบบมัลติรีเฟลกเตอร์

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

ด้านข้างตัวบอดี้จะเห็นเส้นสายการออกแบบ ไล่ระดับสายตาลงมาด้านล่างจะเห็นล้ออัลลอยแบบเรียบๆขนาด 15 นิ้ว ส่วนด้านหลังตรงกระโปรงรถมีคิ้วฝากระโปรงโครเมียม ดูแล้วให้ความรู้สึกพรีเมียมนิดๆ ใกล้ๆ กันมีที่ปัดน้ำฝน ส่วนไฟท้ายเป็นแบบ LED มีขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

ขณะที่ภายในห้องโดยสาร แว็บแรกที่เปิดประตูเข้ามาดูโดยรวมๆเรียกว่าดูดี วัสดุที่ใช้ในการประกอบดูมีราคา ตัวคอนโซลหน้าก็ยกชุดคอนโซลจาก วีออส มาใช้ เป็นสีดาร์กซิลเวอร์ในรุ่นปกติ แต่ถ้าเป็นรุ่นแต่งพิเศษจะเป็นแบบเปียโนแบล็ค ตัวพวงมาลัยเป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ปรับสูง-ต่ำได้ ควบคุมระบบเครื่องเสียงได้ ส่วนมาตรวัดจะเป็นแบบอนาล๊อก ด้านเครื่องเสียงความบันเทิงต่างๆก็รองรับทั้งวิทยุ, MP3 ช่องต่อ USB, ช่องต่อ AUX และถ้าใครเลือกรุ่นแต่งพิเศษก็สามารถใช้สมาร์ท G-Book ได้

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

มาลองนั่งในห้องโดยสารกันดูบ้าง โดยตัวเบาะนั่งจะเป็นผ้าสีดำ แต่ถ้าใครชอบเบาะหนังก็เลือกรุ่นแต่งพิเศษ  ซึ่งความรู้สึกที่ได้นั่งในรถรุ่นนี้ถือว่าโอเค!! กว้างขวาง ไม่ติดขา ไม่ติดหัว นั่งสบาย ทั้งเบาะนั่งด้านหน้า และฝั่งผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งด้านหลังนี้สามารถพับเก็บได้ 60:40 ดังนั้นไม่ต้องห่วงพื้นที่ในการจัดเก็บของรับรองมีเหลือเฟือ เหนือรุ่นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

และที่คงเอกลักษณ์ของยาริสรุ่นก่อนมาก็ต้องยกให้ที่วางแก้วจัดมาสามจุดใหญ่ทั้งด้านหน้าฝั่งคนขับและคนนั่งคู่ ส่วนตรงคอนโซลกลางหลังเกียร์ก็มีที่วางแก้วอีกหนึ่งจุด

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

เรียกได้ว่าเป็นอีโคคาร์รุ่นแฮทช์แบ็ค ที่เหนือกว่ารุ่นอื่นๆ จริงๆ ในแง่ของความใหญ่โตโอฬาร และดีไซน์ที่ดูพอเหมาะพอเจาะ ไม่ดูแก่ไป ไม่ดูวัยรุ่นไป ใครที่ชื่นชอบรถในสไตล์แบบนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ อย่างไรก็ตามด้วยราคาที่สูงกว่าคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันก็อาจจะทำให้ใครหลายคนต้องพิจารณากันอย่างหนัก เอาเป็นว่าก่อนจะตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ ก็ควรจะทดลองขับ และดูความเหมาะสมในการใช้งานของแต่ละคนดูว่าเป็นอย่างไร

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

แต่ด้วยเครื่องยนต์ที่ปรับลดขนาดมาจากรุ่นก่อนหน้า เพื่อให้เป็น Eco-Car เต็มตัวอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ที่ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 11.0 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที รองรับแก๊สโซฮอล์ E20 เกียร์อัตโนมัติ CVT

ระบบช่วงล่างของ ยารีส เหมือนกับ วีออส นุ่มนวล เกาะถนน ควบคุมง่าย น้ำหนักพวงมาลัยไฟฟ้ากำลังดี ไม่เบาหรือหนักจนเกินไป ขับทางไกลให้ความมั่นใจมากกว่ารุ่นเดิม และตัวรถที่ความสูง 1,475 มม. ส่งผลให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง อาการโยนตัวเมื่อเข้าโค้งก็น้อยลง

ในตอนออกมาใหม่ๆ ยิ่งเป็นข้อได้เปรียบในเรื่องของการปรับราคา ให้น่าสนใจกว่าคู่แข่งค่าย H แต่ก็ต้องแลกกับพละกำลังที่ลดลงเพื่อความประหยัดน้ำมันเช่นกัน และถ้าพิจารณาแล้ว รู้สึกว่ารถคันนี้แหละที่ตอบโจทย์ ก็เชิญไปเลือกสีเลือกรุ่นกันได้เลย

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

ทัศนะความคุ้มค่าน่าใช้ โดย Mr.Carro …

ความคุ้มค่าตอนซื้อ

รุ่นนี้ในตลาดรถมือสอง ถือว่าได้รับความนิยมมาก นับตั้งแต่นักศึกษามหาวิทยาลัย กลุ่มคนเพิ่งเริ่มต้นทำงานใหม่ ที่พอมีกำลังผ่อนรถต่อเดือนหลักพันไหว หรือแม้กระทั่งผู้สูงอายุ เป็นรถรุ่นมีวิ่งให้เห็นกันเกลื่อนเมือง ใช้งานได้หลากหลาย ขนของได้ ขับออกต่างจังหวัดก็ได้

ความคุ้มค่าตอนใช้งาน

เป็นรถที่ขับสนุกใช้ได้ ช่วงล่างดี เกาะถนน พวงมาลัยไม่เบา ไม่หนักจนเกินไป ตัวถังกว้างสุดในกลุ่ม Eco-Car ออพชั่นก็ถือว่าพอเพียงต่อการใช้งาน

ส่วนข้อเสียก็มีอยู่บ้าง บางคนอาจจะไม่ชอบหน้าตาของรุ่นนี้ ไม่ชอบชุดไฟท้าย หรือกำลังเครื่องยนต์ ที่ขับแล้วรู้สึกอืด ไม่มันส์เวลาจะเร่งแซงต้องกดคันเร่งมากๆ ทำให้กินน้ำมันมาก (แทบจะเท่ากับ Vios) ตามไปด้วย ซึ่งถ้าเป็นรถ Eco-Car มันก็เป็นแบบนี้เหมือนกันทุกรุ่นละครับ

ความคุ้มค่าตอนซ่อม

ตอนซ่อม ตอนเข้าศูนย์ ราคาอะไหล่ไม่แพง ตัวรถไม่จุกจิก อาจจะต้องเตรียมงบไว้สำหรับดูแล อย่างน้อยๆ ปีละ 5,000 – 10,000 บาท (กรณีดูแลรักษาทั่วไป ถ้ามีเช็คระยะใหญ่ ก็อาจจะต้องเตรียมเงินไว้เพิ่ม) ครับ

ความคุ้มค่าตอนขายต่อ

สำหรับ Toyota Yaris โฉมนี้ มีราคามือสองอยู่ที่ 340,000 – 500,000 บาท (เป็นราคาในตลาดรถปี 2561 – 2562 โดยประมาณ และขึ้นอยู่กับปีรถ รุ่นย่อย กับ สภาพของตัวรถ)

โดย ยาริส มีให้เลือกตั้งแต่รุ่น J ECO, รุ่น J, รุ่น E, รุ่น G และรุ่น TRD Sportivo

มีสีให้เลือก 7 สี ได้แก่ สีส้ม Orange Metallic, สีแดง Red Mica Metallic, สีฟ้า Frozen Blue Metallic, สีขาว Super White II, สีบรอนซ์เงิน Silver Metallic, สีเทาดำ Gray Metallic และ สีดำ Attitude Black Mica

Download Catalogue Toyota Yaris (คลิกที่ภาพ)

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car