BMW Z4

มีพบก็ต้องมีพราก ถือเป็นสัจธรรม
ที่ใช้ได้กับโลกยานยนต์โดยแท้

วันนี้ Carro จะชวนคุณๆ มาดู 5 อันดับรถยนต์ที่เราจะไม่ได้เห็นอีกแล้วในปี 2017! ซึ่งหลายคันในกลุ่มนี้น่าจะเป็นรถในดวงใจของใครหลายคนเลยทีเดียว!

1. BMW Z4

คาดว่าอาจทำให้หลายคนงงงวยว่าโรดสเตอร์ยอดนิยมอย่าง Z4 เนี่ยนะจะไม่ได้ไปต่อ! มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ แต่ไม่ต้องตกอกตกใจไป มันเป็น Life Cycle ของ Z4 จ้า!

BMW Z4 เจนเนอเรชั่นปัจจุบันถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งออกมาตั้งแต่ปี 2009 แล้ว แม้ว่าโฉมปัจจุบันของ Z4 จะเป็นโฉมที่หลายคนยอมรับว่าดีไซน์สวยงามที่สุด คว้ารางวัลมาแล้วหลายเวที แถมยังโดดเด่นมากในบรรดา Roadster ด้วยกัน แต่เรื่องน้ำหนักของรถซึ่งเพิ่มขึ้นจาก Hard Top ที่ออกแบบมาใหม่นั้นก็ยังเป็นปัญหา รวมถึงการทำความเร็วที่ยังเป็นรอง Porsche Boxster ด้วย

และช่วยไม่ได้จริงๆ ที่โรดสเตอร์เดี๋ยวนี้ขายยากขึ้นทุกวัน แถมผู้ซื้อก็เป็นกลุ่มเล็กๆ ทางผู้ผลิตจึงต้องมีการปรับปรุงและพัฒนารถกันอีกสักยก ในปี 2017 เราน่าจะได้เห็น Z5 ที่จะมาพร้อมกับความสำเร็จยิ่งกว่าเดิม! และก็อย่างที่รู้ๆ กันว่า BMW ได้จับมือกับ Toyota เพื่อพัฒนา Sport Car ร่วมกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว อย่างที่หลายคนน่าจะทราบแล้วว่า Toyota Supra รุ่นต่อไปจะใช้เครื่องยนต์ BMW! ฉะนั้น Z5 ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอนาคตอันใกล้นี้จึงน่าจะเป็นรถที่ร่วมมือกันระหว่าง BMW กับ Toyota เช่นกัน !

(BMW Z4)

(BMW Z5 Spy Shots)

2. Rolls – Royce Phantom

นับว่าผ่านมาร่วม 13 ปีแล้วหลังจากที่ Phantom รุ่นล่าสุดเปิดตัวออกมา แม้จะไม่ใช่รถที่เราจะสามารถพบเห็นได้บ่อยๆ แต่ก็น่าใจหายอยู่ไม่น้อยทีเดียว เพราะดูเหมือนว่า Phantom รุ่น Drophead Coupe’ (เปิดประทุน) และรุ่น Coupe’ (2 ประตู) จะไปแล้วไปลับ เหลือไว้เพียงรุ่นลิมูซีนเท่านั้น!

(Rolls – Royce Phantom Coupe’)

(Rolls – Royce Phantom Drophead Coupe’)

3. Honda CR – Z

ซีอาร์ – ซีร์เพิ่งจะเข้ามาในประเทศไทยได้ไม่กี่ปี แต่ในอเมริกาจะเลิกขายแล้ว! นับว่ารถไฮบริดจากค่ายฮอนด้าคันนี้มีชะตากรรมที่น่าสงสารอย่างยิ่ง เพราะแม้แต่ในไทยซึ่งนิยมรถญี่ปุ่น เราก็ยังไม่ค่อยจะเห็น CR-Z บนท้องถนนบ่อยนัก ส่วนเมืองนอกซึ่งนิยมรถไฮบริดมากกว่าก็ดันประกาศเลิกผลิต!

ความแป้กของยอดขาย CR-Z นั้นเป็นที่คาดการณ์มาล่วงหน้านานแล้ว สาเหตุก็เพราะ CR-Z เป็นรถที่ไปไม่สุดเลยสักทาง จะเป็นคูเป้ที่ขับสนุกก็ไม่ใช่ เป็นอีโคคาร์ก็ไม่เชิง อีกทั้งในแง่ของความประหยัดน้ำมันนั้น คู่แข่งอย่าง Toyota Prius ก็ทำได้ดีกว่ามาก  Honda CR-Z จึงโบกมือลาตลาดอมริกาไปด้วยประการฉะนี้

(Honda CR-Z)

4. Volvo S80

ถือเป็นรุ่นที่อยู่มาเกือบ 10 ปีแล้วสำหรับ S80 คันนี้! หลังจากต้องยืนหยัดแข่งขันกับ BMW 5 series และ Mercedes Benz E-Class อย่างแสนสตรองมาร่วมทศวรรษ และประสบความล้มเหลวไม่เป็นท่ากับยอดขายมาหลายปีติดๆ กัน แม้ว่าทางผู้ผลิตพยายามยื้อชีวิต S80 ด้วยการเติมโน่นนิด เติมนี่หน่อย และใส่เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์ต 4 สูบลงไปในรุ่นที่วางขายปี 2015 ก็ตาม

ในที่สุดทาง Volvo ก็ตัดสินใจปลดระวาง S80 แล้ว และมีแผนที่จะส่ง S90 ซึ่งมีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ทันสมัยกว่า และดีไซน์หรูหรามีระดับมากกว่าออกมาทดแทนในอนาคตอันใกล้นี้!

(Volvo S80)

5. Dodge Viper

หากคุณไม่ใช่แฟน Sport Car คงไม่ตกใจมากนัก แต่สำหรับคนรักรถสมรรถนะสูงทั่วโลก การที่ Viper จะเลิกผลิตในอเมริกานั้นถือเป็นเรื่องสะเทือนขวัญทีเดียว ด้วยสมรรถนะ ดีไซน์ และเสน่ห์หลายอย่างประกอบกัน Viper ได้กลายเป็นขวัญใจของคนรัก Sport Car จำนวนมาก! แต่เป็นที่แน่นอนแล้วว่า หลังจากรุ่น Limited Edition เปิดตัวในปีหน้า อสรพิษจากค่าย Dodge จะเป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่จะไม่มีขายอีกแล้ว! เรื่องนี้ทำให้สื่อมวลชนหลายเจ้าโจมตีว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวอเมริกันปัจจุบันคงกลายเป็นพังพอนไปแล้ว! Viper จึงสามารถครองพื้นที่ในโชว์รูมต่อไปได้! (Viper แปลว่า งูพิษ)

(Dodge Viper)

เอาเป็นว่า Carro ขอแจ้งข่าวให้คนรักรถได้รับรู้ทั่วกัน 5 อันดับรถที่กล่าวมานี้ไม่ผลิตและวางขายในอเมริกาเหนือแล้วจ้า! แต่แฟนๆ ก็ไม่ต้องเสียอกเสียใจไป เพราะบางคันยังหาได้ในตลาดรถมือสอง! ใครที่สนใจรถมือสองสภาพดี ลองเข้าไปเลือกชม เลือกหาซื้อได้บนเว็บไซต์คาร์โรเลย! ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและโปรเด็ดๆ ในแวดวงรถยนต์มือสอง มาติดตามได้ที่ได้ที่ facebook : Carro thailand แล้วเราจะได้ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม!

รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก-2017

สุดยอดรถยนต์หรู จากค่ายชื่อดังระดับโลก

ความก้าวล้ำทางนวัตกรรมยานยนต์ในยุคปัจจุบันไปไกลกว่าที่เราจะคาดคิดได้ ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะเครื่องยนต์ทรงพลัง รูปลักษณ์ที่โดดเด่นโฉบเฉี่ยว เทคโนโลยีที่ทันสมัย บวกกับความหรูหราของวัสดุประกอบ รวมทั้งความปลอดภัยอย่างสูงสุด ทำให้ค่ายรถยนต์ชื่อดังระดับโลกต่างก็ต้องคิดค้น และผลิตรถยนต์ที่ดีที่สุด ออกมาเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า วันนี้ Carro จึงจะพาคุณไปพบกับรถยนต์สุดหรูที่แรงและเร็วสมเป็น 9 อันดับรถยนต์ที่มีราคาที่แพงที่สุดในโลก

 

ferrari-pininfarina-sergio

อันดับ 9 Ferrari Pininfarina Sergio

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,000,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 105 ล้านบาท

Pininfarina Sergio จากประเทศอิตาลี เป็นรถรุ่นพิเศษที่ทางเฟอรร์รารี่ผลิตขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ เซอร์จิโอ พินินฟาริน่า (นักออกแบบของเฟอรร์รารี่ผู้ล่วงลับไปแล้ว) โดยรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4,500 ซีซี. ให้พละกำลัง 605 แรงม้า ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 3 วินาที เป็นแบบ 2 ประตู 2 ที่นั่ง เน้นดีไซต์แนวสปอร์ต โฉบเฉี่ยว และที่สำคัญ รุ่นนี้ผลิตมาแค่ 6 คันเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดได้ถูกจองและจำหน่ายหมดตั้งแต่วันเปิดตัวอีกด้วย

 

bugatti-veyron-by-mansory-vivere

อันดับ 8 Bugatti Veyron by Mansory Vivere

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,400,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 119 ล้านบาท

รถยนต์รุ่นนี้จากประเทศฝรั่งเศษ ตัวรถมีความพิเศษคือ ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานกว่าเหล็กถึง 5 เท่า และมีน้ำหนักเบากว่ามาก มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 16 สูบ 8,000 ซีซี. และมีพละกำลังถึง 1,200 แรงม้า ทำให้สามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 434 กม./ชม. แต่เพื่อความปลอดภัยจึงถูกจำกัดไว้ที่ 415 กม./ชม.

 

lykan-hypersport

อันดับ 7 Lykan HyperSport

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,400,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 119 ล้านบาท

ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท W Motor ประเทศเลบานอน ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นแรกและรุ่นเดียวในบริษัท ที่มีการผลิตเพียงแค่ 7 คันเท่านั้น ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังโดดเด่นในเรื่องของเครื่องยนต์ ทวินเทอร์โบ 6 สูบ ขนาด 3.7 ลิตร สามารถให้กำลังอยู่ที่ 522 กิโลวัตต์ และทำความเร็วสูงสุดที่ 385 กม./ชม. นอกจากนี้เจ้ารถคันนี้ยังเคยอยู่ในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Fast and Furious 7 ในฉากที่รถพุ่งข้ามตึก และอยู่บนสมาร์โฟนในรูปแบบของเกมส์ เช่น Asphalt 8: Airborne , GT Racing 2 อีกด้วย

 

mclaren-p1-lm

อันดับ 6 McLaren P1 LM

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,700,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 130 ล้านบาท   

McLaren P1 LM รถยนต์จากค่าย McLaren Automotive สัญชาติอังกฤษ ได้นำรถรุ่น McLaren P1 GTR มาปรับแต่งใหม่ โดยได้เจ้าแห่งการโมดิฟายรถแข่งชื่อดังอย่าง Lanzante มาดีไซน์ให้พิเศษกว่าเดิม โดยเปลี่ยนหลังคาเป็นคาร์บอนไฟเบอร์, ท่อไอเสียเป็นไทเทเนียมทั้งเส้น, อัพเกรดแอโรพาร์ท เพื่อสร้างแรงกดเพิ่มเติม ทำให้ P1 LM มีแรงกดมากกว่าเดิมถึง 40% นอกจากนี้ยังใช้เครื่องยนต์ทวินเทอร์ดบ 3.8 ลิตร V8+McLaren electric ECU moto ปลั๊กอินไฮบริคสมรรถนะสูง เครื่องยนตร์กลางลำท้าย ขับเครื่อง 2 ล้อหลัง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียงแค่ 2.8 วินาที

 

ferrari-laferrari-aperta

อันดับ 5 Ferrari Laferrari Aperta

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,800,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 133 ล้านบาท

ซุปเปอร์คาร์ไฮบริคที่แรงที่สุดในโลก และเปิดประทุนได้คันแรกของโลกจากค่าย Ferrari ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ระบบไฮบริค ขุมพละ V12 พละกำลัง 800 แรงม้า ซึ่งทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 163 แรงม้า ทำให้มีพลังกำลังรวมถึง 963 แรงม้า แรงบิดมากกว่า 900 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ 349 กม./ชม. และในปี 2017 ได้ผลิตรุ่นนี้ 150 คันทั่วโลก ซึ่งทั้งหมดได้ถูกจองหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

aston-martin-am-rb-001

อันดับ 4 Aston Martin AM-RM 001

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,900,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 137 ล้านบาท

ไฮเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษ ที่เป็นการร่วมมือระหว่าง Aston Martin และทีมแข่ง F1 ของ Red Bull เพื่อสร้างรถที่โดดเด่นในเรื่องของน้ำหนักเบา และมีประสิทธิภาพสูงทั้งบนถนนและสนามแข่ง ซึ่งข้อมูลทางเทคนิคเบื้องต้นระบุว่า ใช้เครื่องยนต์ใหม่แบบ V12 สูบ 7.0 ลิตร 820 แรงม้า ปราศจากระบบอีดอากาศวางกลางลำ โดยจะมีพละกำลังเท่ากับน้ำหนักตัวรถเพื่อให้ได้อัตราส่วน แรงม้า/น้ำหนัก เท่า 1:1 และทางผู้ผลิตมีแผนวางจำหน่ายในรุ่นมาตราฐาน 99-150 คัน ส่วนในรุ่นพิเศษนั้นจะผลิตเพียง 25 คันเท่านั้น

 

lamborghini-veneno-roadster

อันดับ 3 Lamborghini Veneno Rosdster

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4,500,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 160 ล้านบาท

รถยนต์คันนี้มาจากประเทศอิตาลี ซึ่งความโดดเด่นอยู่ที่ Veneno Rosdster ที่แตกต่างกว่าจากคันอื่น โดยมีห้องคนขับเสมือนห้องนักบินที่เปิดโล่ง ให้ความรู้สึกสนุกและเร้าใจในการขับ อีกทั้งโครงสร้างของรถได้ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่ให้ความแข็งแรง ออกแบบตามหลักแอร์โรไดนิก เพื่อให้เกิดการต้านลมน้อยที่สุด ซึ่งภายในใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร 750 แรงม้า ระบบเกียร์แบบ ISR gearbox 7 สปีด ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 355 กม./ชม. เลยที่เดียว

 

koenigsegg-ccxr-trevita

อันดับ 2 Koenigsegg CCXR Trevita

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4,800,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 170 ล้านบาท

“Trevita” ภาษาสเปนแปลว่า “Three whites” ซึ่งหมายถึงจำนวนที่ผลิต คือ 3 คันเท่านั้น โดยได้ใช้เครื่องยนต์ 4.8 ลิตร Twin supercharged DOHCV8 ซึ่งมีพละกำลังที่ 1,018 แรงม้า อีกทั้งเป็นซุปเปอร์คาร์ที่ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย สามารถเติมเชื้อเพลิง E85 และ E100 ได้ สำหรับความเร็วสูงสุดที่ทำได้มากกว่า 400 กม./ชม. อัตราการเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และ 1ใน3คันได้ครอบครองด้วยนักชกคนดังอย่าง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์

 

mercedes-benz-maybach-exelero

อันดับ 1 Mercedes-Benz Maybach Exelero

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 8,000,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 280 ล้านบาท

รถยนต์แบรนด์หรูที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Mercedes-Benz ประเทศเยอรมัน ได้มีโครงการพัฒนาที่ค่ายเอ็มเอ็ม โดยร่วมมือกับ Fulda Reifenwerke เพื่อแสดงถึงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ที่มาพร้อมกัยเรื่องยนต์ตัวแรงอย่าง V12 มีความจุกระบอกสูบ 5,908 ซีซี และขับเคลื่อนด้วยเทอร์โบคู่ ทำให้มีพละกำลังถึง 700 แรงม้า และจากการทดสอบเอ็กเซอเลโรแล้ว สามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 351.45 กม./ชม. แต่ยังไม่มีโครงการจะจำหน่ายในเร็วๆนี้ ที่ผลิตออกมาเพื่อจัดแสดงโชว์สินค้าให้กับฟัลดา ที่เทโปโดรม เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอร์มัน เท่านั้น

 

เครดิต : carvariety.com