Mercedes-Benz-C-Class-2018

Benz C-Class Minorchange โฉมใหม่ ประกอบในประเทศ!

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เปิดตัว Mercedes-Benz C-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส) โฉม W205 ไมเนอร์เชนจ์ นับได้ว่ารวดเร็วฉับไวมาก สมกับเป็นยุค 4.0 เพราะในต่างประเทศเพิ่งจะเผยโฉมนี้ และส่งมอบรถให้ลูกค้า เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมานี้เองครับ

โดย เมอร์เซเดสเบนซ์ ได้นำเสนอรถยนต์รุ่น The C 220 d ทั้งหมด 3 รุ่นย่อย คือ The C 220 d Avantgarde และ The C 220 d AMG Dynamic รวมถึงรุ่นที่จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยในเดือนตุลาคมนี้ อย่างรุ่น The C 220 d Exclusive

Mercedes-Benz-C-Class-2018

สำหรับ Mercedes-Benz C-Class ไมเนอร์เชนจ์ มีให้เลือกทั้งหมด 4 แบบตัวถัง คือ ซาลูน (ซีดาน), คูเป้, เอสเตท (สเตชั่นแวกอน) และเปิดประทุน (ยังมีซาลูนฐานล้อยาวพิเศษ เฉพาะตลาดเมืองจีนเท่านั้น) ส่วนในบ้านเราตอนนี้ รอดูตัวเป็นๆ ของรุ่นซีดานกันไปก่อน ส่วนที่เหลือมีตามมาอย่างแน่นอน

Mercedes-Benz-C-Class-2018

สรุป … จุดเด่นใหม่ๆ ภายนอก

รุ่น The C 220 d Avantgarde มาพร้อมกระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมี่ยม พร้อมตรา Mercedes-Benz และล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว + ไฟหน้าแบบ LED High Performance

รุ่น The C 220 d Exclusive มาพร้อมกระจังหน้าแบบคลาสสิค พร้อมตรา Mercedes-Benz บนฝากระโปรงหน้า, ไฟหน้าแบบ LED High Performance พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam และล้ออัลลอยแบบ Multi-Spoke ขนาด 18 นิ้ว

ส่วนในรุ่น The C 220 d AMG Dynamic มาพร้อมกระจังหน้าแบบ Diamond Grille สีเงิน พร้อมตรา Mercedes-Benz และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว ตกแต่งด้วยสีดำ โดยกันชน หน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง ดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG Bodystyling โคมไฟหน้าและหลังแบบใหม่ + ไฟหน้าแบบ LED High Performance พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam

*เป็นครั้งแรกในรถยนต์ The C-Class ใช้ไฟหน้าแบบ LED ที่ทำงานโดยอิสระจำนวน 84 หลอด ต่อโคมไฟหน้า 1 โคม ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถปรับความเข้มแสง โดยใช้ระบบไฟหน้าให้เข้ากับสภาพการจราจรโดยรอบได้ และส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร

Mercedes-Benz-C-Class-2018

Mercedes-Benz-C-Class-2018

สรุป … จุดเด่นใหม่ๆ ภายใน

รุ่น The C 220 d Avantgarde มาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control + เบาะหุ้มด้วยหนัง ARTICO พับลงได้แบบ 1/3 และ 2/3 และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start) เป็นต้น

รุ่น The C 220 d Exclusive มาพร้อมพวงมาลัยที่มาพร้อมระบบพาวเวอร์ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าและปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ + เบาะหุ้มด้วยหนัง ARTICO พับลงได้แบบ 1/3 และ 2/3, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start), กุญแจแบบ KEYLESS-GO, ระบบแผนที่นำทาง 3 มิติรูปแบบใหม่ และฟังก์ชั่นปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร (AIR BALANCE package) เป็นต้น

ส่วนในรุ่น The C 220 d AMG Dynamic มาพวงมาลัยที่มาพร้อมระบบพาวเวอร์ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าและปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ แบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control เบาะหุ้มหนังแบบสปอร์ต พับลงได้แบบ 1/3 และ 2/3, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start), กุญแจแบบ KEYLESS-GO, ระบบแผนที่นำทาง 3 มิติรูปแบบใหม่ หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® Surround Sound System เป็นต้น

นอกจากนั้น The new C-Class ยังได้นำเทคโนโลยีจากรุ่นใหญ่อย่าง The S-Class มาใช้มากมาย อาทิเช่น ระบบ All-Digital Instrument Display ที่ทำให้หน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิทัลของรุ่น The C 200 d AMG Dynamic มีขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว และยังสามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ คือ Classic, Progressive และ Sport

Mercedes-Benz-C-Class-2018

สำหรับเวอร์ชั่นเมืองนอก ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แบบใหม่ รหัส M264 แบบ 4 สูบ 1.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร แบบ Twin-Scroll Turbo Intercooler

ในส่วนของรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM654 ขนาด 1.6 ลิตร Variable Turbo และ 2.0 ลิตร มีทั้ง Turbo เดี่ยว  และ Turbo แบบ 2-Stage พร้อมหัวฉีด Piezo เช่นเคย

ส่วนเครื่องยนต์ของเวอร์ชั่นไทยนั้น เป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7G-Tronic-Plus

Mercedes-Benz-C-Class-2018

ส่วนรุ่น Coupe ก็เตรียมลุ้น ว่าจะเป็นรุ่น C 200 ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Turbo 184 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ว่าจะมาในปลายปีนี้หรือไม่

รายละเอียด Mercedes-Benz C-Class ไมเนอร์เชนจ์

รุ่น

เครื่องยนต์

ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี)

แรงม้าสูงสุด (แรงม้า ที่รอบ/นาที)

แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร ที่รอบ/นาที)

อัตราเร่ง  0-100 กม./ชม.(วินาที)

ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ (กม./ชม.)

C 220 d Avantgarde

ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์

1,950

143 (194) / 3,800

400 / 1,600-2,800

6.9

240

C 220 d Exclusive

ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์

1,950

143 (194) / 3,800

400 / 1,600-2,800

6.9

240

C 220 d AMG Dynamic

ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์

1,950

143 (194) / 3,800

400 / 1,600-2,800

6.9

240

 

ราคาจำหน่าย Mercedes-Benz C-Class ไมเนอร์เชนจ์

  • C 220 d Avantgarde ราคา 2,349,000 บาท
  • C 220 d Exclusive ราคา 2,690,000 บาท
  • C 220 d AMG Dynamic ราคา 2,890,000 บาท
AMG-50th-Anniversary

เอเอ็มจี (AMG) ฉลองครบรอบ 50 ปี แห่งความสำเร็จ ในปี 2017

Mercedes-AMG-GT-Roadster

ถ้าพูดถึงสำนักแต่ง และชุดแต่งที่คนใช้รถ เมอร์เซเดส-เบนซ์ รู้จักกันดีที่สุด คงต้องยกให้ “AMG” ที่ออกเสียงในภาษาเยอรมันว่า “อามาเก้” หรือในภาษาอังกฤษ “เอเอ็มจี”

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Mercedes-AMG (เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี) ได้สร้างและรักษาชื่อเสียงของการเป็นผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตและรถยนต์สมรรถนะสูง ที่สะท้อนจากความสำเร็จ ทั้งด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตและด้านการพัฒนารถยนต์

MBTh_50th-Anniversary-of-Mercedes-AMG_Photos

เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Affalterbach (อัฟฟาวเตอร์บาค) ประเทศเยอรมนี ถือเป็นบริษัทลูกของกลุ่ม Daimler AG (เดมเลอร์ เอจี) โดยพนักงานของบริษัทฯ ต่างยึดมั่นในหลักการเดียวกัน คือการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ “ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ – Driving Performance” ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแบรนด์

https://www.youtube.com/watch?v=nJJWv7QVpDM

AMG ก่อตั้งขึ้นที่เมือง Burgstall (เบิร์กชตาร์ล) โดยมร.ฮานส์ แวเนอร์ อาวฟเรชท์ (Hans-Werner Aufrecht) และ มร.แอร์ฮาร์ด เมลเชอร์ (Erhard Melcher) ในปี 1967 ด้วยการใช้โรงโม่แป้งเก่าๆ เป็นที่ตั้งของโรงปรับแต่งรถแห่งแรก พร้อมใช้ชื่อว่า “ศูนย์วิศวกรรม ออกแบบ และทดสอบเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการแข่งขัน – Engineering office and design and testing centre for the development of racing engines” โดยตัวอักษร AMG นั้นมาจากคำว่า “Aufrecht and Melcher, Großaspach” (อาวฟเรชท์ และเมลเชอร์ จากหมู่บ้านโกรซาชปาค) ซึ่งหมู่บ้านดังกล่าวนี้ เป็นสถานที่เกิดของ มร.อาวฟเรชท์

MBTh_50th-Anniversary-of-Mercedes-AMG_Photos

ในปี 1971 เอเอ็มจีมีชื่อเสียงในชั่วข้ามคืน หลังจากที่รถยนต์ AMG 300 SEL 6.8 สีแดง ชนะการแข่งขันกับรถยนต์กลุ่มเดียวกันอย่างขาดลอยในรายการรถแข่งประเภท 24 ชั่วโมง ที่สนามสปา-ฟรังโกชอมป์ อีกทั้งยังสามารถทำคะแนนรวมได้เป็นอันดับ 2 ด้วย

เอเอ็มจี พัฒนาจากผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์สมรรถนะสูงเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตซาลูน และสปอร์ตคูเป้ หลังจากตั้งโรงงานที่เมืองอัฟฟาวเตอร์บาค ในปี 1976

AMG-500-SEC

มร.เมลเชอร์ พัฒนานวัตกรรมฝาครอบกระบอกสูบใหม่ ที่ทำงานสอดคล้องกับระบบวาล์วแบบ 4 วาล์ว/ลูกสูบ 1 ลูก (Four-Valve Technology) ด้วยตนเองในปี 1984 ซึ่ง AMG ประยุกต์ใช้นวัตกรรมนี้อย่างเป็นทางการครั้งแรกในเครื่องยนต์ V8 ความจุกระบอกสูบ 5 ลิตรของรถยนต์ Mercedes-Benz 500 SEC ความเก่งกาจของ มร.เมลเชอร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของปรัชญา “1 ช่างฝีมือต่อเครื่องยนต์ 1 เครื่อง – One Man, One Engine” ที่ Mercedes-AMG ยึดถือจนปัจจุบัน

Mercedes-AMG-W124

นวัตกรรมฝาครอบกระบอกสูบใหม่ที่ มร.เมลเชอร์ คิดค้นนั้น ใช้ในรถยนต์ Mercedes-Benz S-Class รุ่น AMG และรุ่นซาลูน ตั้งแต่ปี 1986 ก่อนจะเริ่มใช้กับ E-Class Coupé รหัสตัวถัง W124 ในปีต่อมา ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ มีกำลังถึง 360 แรงม้า จึงได้รับสมญาว่า “The Hammer” จากสื่อมวลชนด้านรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา

Mercedes-Benz-190-E-2.5-16-Evolution-II-DTM

ในปี 1988 AMG เป็นผู้ผลิตรถยนต์ Mercedes-Benz 190 E สำหรับการแข่งขัน และยังเป็นทีมงานผู้ดูแลทีมที่ใช้รถยนต์รุ่นดังกล่าวในการแข่งขันรายการเยอรมัน ทัวริ่ง คาร์ แชมเปียนชิฟ (DTM) ด้วย

Mitsubishi-Galant-AMG

Mitsubishi-Galant-AMG

Mitsubishi Galant AMG มาพร้อมชุดแต่ง และเครื่องยนต์ที่โมดิฟายโดย AMG

Mitsubishi-Debonair-AMG

Mitsubishi Debonair AMG รถธงจากค่าย Mitsubishi ที่โมดิฟายโดย AMG

นอกจากนั้น ทาง AMG (ก่อนที่จะเป็นบริษัท In-House ในเครือ Mercedes-Benz) ยังได้เคยโมดิฟายรถยนต์ให้กับทาง Mitsubishi ด้วย ดังที่ปรากฏใน Galant AMG และ Debonair AMG จัดเต็มทั้งเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งรอบคัน

AMG ตกลงร่วมมือกับ Mercedes-Benz ในปี 1990 โดย AMG เริ่มต้นเป็นผู้พัฒนาและผลิตรถแบบสปอร์ตของ Mercedes-Benz ตั้งแต่ปี 1991

Mercedes-C36-AMG

รถยนต์รุ่นแรกที่เอเอ็มจีผลิตร่วมกับกลุ่มบริษัทเดมเลอร์-เบนซ์ (ชื่อในขณะนั้น) คือรุ่น C 36 AMG ซึ่งวางจำหน่ายในปี 1993 ด้วยยอดขายสูงถึง 5,000 คันเมื่อนับถึงปี 1997 ถือเป็นรถยนต์ของ AMG ที่ขายดีที่สุดในขณะนั้น นอกจากนี้รถยนต์รุ่นนี้ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นรถ Safety Car อย่างเป็นทางการรุ่นแรกของการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวัน ในปี 1996 อีกด้วย

Mercedes-C32-AMG

รถยนต์รุ่น C 32 AMG ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2001 นั้นใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ที่พัฒนาขึ้นใหม่ร่วมกับเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร V6 พร้อม Super charger นอกจากนี้ยังมีระบบสัมผัสอันเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้ตามใจปรารถนา

Mercedes-Benz-SLS-AMG

รถสปอร์ต Mercedes-Benz SLS AMG ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2009 ถือเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกที่ Mercedes-AMG พัฒนาขึ้นโดยไม่อาศัยทีมงานภายนอกบริษัทเลย ซึ่งรถรุ่นนี้ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วโลก ด้วยเอกลักษณ์พิเศษมากมาย ทั้งเสียงเครื่องยนต์อันโดดเด่น สมรรถนะที่เหนือใคร และประตูที่ทรงปีกนกนางนวล

Mercedes-Benz-SLS-AMG-GT3

ในปี 2011 เอเอ็มจีผลิตรถแข่งรุ่นแรกของบริษัทฯ คือรถยนต์รุ่น SLS AMG GT 3 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ตลาดรถสปอร์ตที่มีสมรรถนะสูงเทียบเท่ารถแข่งของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์

Mercedes-AMG-GT-S

ในปี 2014 Mercedes-AMG ยังตอกย้ำภาพความเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับแถวหน้าของโลก ด้วยการนำเสนอรถสปอร์ตระดับเรือธงตระกูล Mercedes-AMG GT ที่พัฒนามาจากรากฐานของรถสปอร์ตตระกูล SLS ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นรถสปอร์ตตระกูลที่ 2 ที่พัฒนาโดย Mercedes-AMG ทั้งหมด แนวคิดต่างๆ ทั้งการวางเครื่องยนต์ให้อยู่บริเวณตอนกลางของตัวรถ (Mid-Engine Concept) เพลาส่งกำลังแบบใหม่ รวมทั้งโครงสร้างตัวถังที่ใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักนั้นเป็นผลจากความตั้งใจของทีมวิศวกรที่ต้องการขับ เน้นประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจที่สุด

Mercedes-AMG-A45

Mercedes-AMG จัดจำหน่ายรถยนต์ได้กว่า 70,000 คันในปี 2015 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ซึ่งตัวเลขนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการขยายกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ให้กว้างขึ้น ด้วยการนำเสนอ Compact สมรรถนะสูงตระกูล 43 รวมถึงรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น AMG ทั้งในตระกูล C-Class, SUV และ Compact

Mercedes-AMG ก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ในปี 2017 ด้วยสถิติยอดขายเกือบ 100,000 คัน ในปีก่อนหน้า

MBTh_50th-Anniversary-of-Mercedes-AMG_Photos

ปัจจุบัน นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2017 ลูกค้าของ Mercedes-AMG จะมีรุ่นรถยนต์ให้เลือกสรรสูงถึง 50 รุ่นที่ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์คอมแพค ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ ที่ทรงพลังที่สุด รถสปอร์ตรุ่น S 65 ที่ใช้เครื่องยนต์ 12 สูบ รถซาลูนและรถเอสเตทที่ใช้เครื่องยนต์หลากหลายแบบ หรือแม้แต่รถ SUV รถยนต์สไตล์ Coupe รถเปิดประทุน Cabriolet และ Roadster

MBTh_50th-Anniversary-of-Mercedes-AMG_Photos

และ Mercedes-AMG ยังเป็นผู้พัฒนาเครื่องยนต์แบบ 8 สูบ ทั้งสำหรับรถยนต์ Mercedes-AMG และรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ V8 โดยรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีกด้วย