9-New-Cars-In-Half-Year-Later-2018

รถใหม่ รถเด่น 9 รุ่น เตรียมเปิดตัวครึ่งหลังปี 2018

ช่วงครึ่งหลังปี 2561 ที่หลายคนยังบ่นว่า เศรษฐกิจไม่ดี ข้าวยากหมากแพง แต่ตลาดรถใหม่ก็ยังคงแข่งขันกันอย่างดุเดือด เพื่อช่วงชิงยอดขายให้ได้มากที่สุด โดยหลายค่าย เตรียมตัวเปิดตัวรถใหม่ ที่เป็นรถยอดนิยมของคนไทยกันอยู่แล้ว …

Carro ขอแนะนำ 9 รถใหม่ รุ่นเด็ด ที่เตรียมตัวเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 นี้ จะมียี่ห้อไหน รุ่นใดบ้าง ไปชมกันได้เลยครับ.

Toyota Camry

Toyota-Camry

Toyota เตรียมแผนการเปิดตัว Toyota Camry (โตโยต้า คัมรี่) ในไทย ทั้งในรุ่นเครื่องยนนต์เบนซินธรรมดา และรุ่น Hybrid ช่วงประมาณปลายปี 2561 นี้ หลังจากที่เปิดไปแล้วในหลายประเทศ โดยมาพร้อมกับแพลทฟอร์ม TNGA และรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต

ส่วนเครื่องยนต์ คาดว่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร 167 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด, เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร 184 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และ เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด ขนาด 2.5 ลิตร 211 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT

Nissan Terra – มาแน่

Nissan-Terra

Nissan เตรียมเปิดตัวรถ SUV 7 ที่นั่ง โดย Nissan Terra (นิสสัน เทอร์ร่า) จะใช้พื้นฐานร่วมกับ Nissan Navara เตรียมผลิตขายในไทยช่วงปลายปีนี้

ด้านขุมพลังนั้น เวอร์ชั่นไทย คาดว่าจะเป็นแบบเดียวกับในตลาดฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับในรุ่น Navara ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.5 ลิตร รหัส YD25DDTi ให้แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด

Honda HR-V – มาแน่

Honda-HR-V-2018

หลังจากที่ทาง Honda ได้เผยโฉม Honda HR-V (ฮอนด้า เฮชอาร์วี) โฉมไมเนอร์เชนจ์ในรูปแบบ Teaser แล้ว ก็คาดว่าในไม่ช้าก็จะเปิดตัวแน่นอน รูปโฉมภายนอกมาพร้อมชุดกันชนหน้าและกระจังหน้าใหม่ ไฟหน้า และไฟตัดหมอกแบบใหม่ ด้านท้ายต่างจากรุ่นปัจจุบันนิดหน่อย

เครื่องยนต์คาดว่ายังคงใช้ขนาด 1.8 ลิตร แบบเดิม แต่ไฮไลท์เด็ดที่คาดว่า (นะ) ฮอนด้า อาจจะใส่ระบบ Honda LaneWatch แบบเดียวกับในรุ่น Accord และ CR-V ที่มีมาให้ ส่วนจะมีรุ่นเครื่องยนต์ Hybrid และรุ่นใส่ชุดแต่งสปอร์ต “RS” หรือไม่ ต้องติดตาม …

Honda Accord

Honda-Accord

Honda Accord (ฮอนด้า แอคคอร์ด) เจนเนอเรชั่นที่ 10 มาพร้อมรูปร่างหน้าตา ที่ฉีกแนวจากเดิมหมด ดีกว่าเดิมทุกด้าน ทั้งระยะฐานล้อ 2,830 มม. (ยาวขึ้น 55 มม.) ความสูง 1,450 มม. (ลดลง 15 มม.) และความกว้างตัวรถ 1,860 มม. (กว้างกว่า 10 มม.) ไฟหน้าแบบ Full LED 9 ดวง ไฟตัดหมอกแบบ LED รวมไปถึงติดตั้งไฟท้าย LED รูปตัว C ภายในเน้นความหรูหรา แฝงอารมณ์สปอร์ต

คาดว่าจะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร Turbo 192 แรงม้า หรือเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร Turbo 252 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด คาดว่าเปิดตัวในไทย ประมาณปลายๆ ปีนี้

Ford Ranger (Minorchange) – มาแน่

Ford-Ranger

Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) ไมเนอร์เชนจ์ ภายนอกปรับดีไซน์กระจังหน้า พร้อมแถบโครเมียมคู่แนวนอน ไฟหน้าแบบ HID พร้อม Daytime Running Light แบบ LED ภายในมีการปรับเล็กน้อย

ในรุ่น Wildtrak เวอร์ชั่นไทยคาดว่ามีเพิ่มระบบความปลอดภัยขั้นสูง เช่น ระบบช่วยประคองรถให้อยู่ในเลน, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน และ Adaptive Cruise Control รวมถึงระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Active Park Assist โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องจับพวงมาลัย

คาดว่า Ford Ranger ใหม่ เตรียมเปิดตัวในไทยช่วงปลายปีนี้

Ford Everest (Minorchange) – มาแน่

Ford-Everest

Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) ใหม่ เตรียมเปิดตัวในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ ภายนอกปรับดีไซน์กระจังหน้า ชายล่างกันชนหน้าเล็กน้อย และล้อแม็กใหม่ ลายก้านคู่ ภายในน่ามีการปรับในหลายอย่าง บวกกับออพชั่นที่มีมาเพิ่มเติม อาทิ ระบบ Passive Keyless Entry, ปุ่ม Start-Stopเครื่องยนต์ รวมไปถึงระบบ Auto Start-Stop และระบบเบรกอัตโนมัติ (AEB) ป้องกันการชนคนเดินถนนด้านหน้า เริ่มทำงานตั้งแต่ความเร็วเกิน 3.6 กม./ชม. ขึ้นไป

เครื่องยนต์ใหม่ ที่มาแทนเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร นั่นคือ ดีเซล 2.0Bi Turbo แบบ 4 สูบ เทอร์โบคู่ ให้แรงม้าสูงสุด 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

ส่วนเครื่องยนต์เดิมแต่ปรับแต่งใหม่ ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบเทอร์โบแปรผัน TDCI ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิด 375 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที (ปรับแรงม้าลงจาก 160 แรงม้า / แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

Mitsubishi Xpander

Mitsubishi-Xpander

มิตซูบิชิ เตรียมเปิดตัวยนตรกรรมชั้นนำระดับโลก Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) รถ Crossover MPV ได้พบกับตัวจริงที่ไทยอย่างแน่นอน อาจจะเป็นกลางปีนี้ หรือปลายปีนี้

Mitsubishi Xpander ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร MIVEC ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า (PS) ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด มีให้เลือกเฉพาะระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น

MG3 – มาแน่

MG3

หลังจากที่ต้องเผชิญเสียงติชมจากลูกค้าผู้ใช้ MG3 (เอ็มจี3) มานาน สำหรับรถที่ถือว่า ขายดีสุดของ MG ในเวลานี้ …

ในวันที่ 21 มิถุนายน 2561 ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ซะที ปรับปรุงรูปร่างหน้าตา ภายนอกภายใน ใหม่หมด! รวมไปถึงเลิกใช้ระบบเกียร์ AMT เจ้าปัญหา เปลี่ยนมาเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด ชุดใหม่ ที่ขับแล้วมั่นใจได้มากขึ้นกว่าเดิม

Hyundai H-1 – มาแน่

Hyundai-H-1

Hyundai H-1 / Grand Starex (ฮุนได เฮชวัน / แกรนด์ สตาร์เร็กซ์) รุ่นปรับไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่สอง ด้านหน้าปรับโฉมต่างไปจากเดิมมาก ด้วยไฟหน้าทรงเหลี่ยม กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่ กันชนหน้าใหม่ ล้อแม็กลายใหม่ โดยในรุ่น Top ใช้ชุดไฟท้ายแบบ LED และล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว ให้ความหรูหราสง่างามมากยิ่งขึ้น ภายในห้องโดยสารเปลี่ยนชุดคอนโซลหน้าใหม่หมด (ในรุ่น Grand Starex) พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน หัวเกียร์ออกแบบใหม่ มีระบบ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว หน้าจอทัชสกรีน อยู่กึ่งกลางคอนโซล และติดตั้งระบบแอร์ดิจิตอล พร้อมระบบถุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้าง

เวอร์ชั่นไทย เตรียมเปิดตัวในไทยประมาณช่วงงาน BIG Motor Sale 2018 ระหว่างวันที่ 18-27 สิงหาคม 2561 นี้ ซึ่งยังคงใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร เหมือนเดิม ครับ

ถูกใจแบบไหน อยากได้แบบไหน เตรียมตัวเก็บเงิน ไปรอซื้อกันได้แล้วครับ …

mg-6

รีวิว MG6 ปรับลุคใหม่ หวังแจ้งเกิดให้ได้กับรถซีดานเมืองไทย

เริ่มจะได้เห็นรถแบรนด์เอ็มจีในบ้านเรามากขึ้น โดยเฉพาะในรุ่นน้องเล็กอย่าง เอ็มจี 3 ที่มีเอกลักษณ์ สไตล์สีสันสดใส ถูกใจวัยรุ่น อย่างไรก็ตามในรุ่นพี่ใหญ่ เอ็มจี 6 ที่เปิดตัวนำร่องทำตลาดก่อนกลับไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไร ดังนั้นทางเอ็มจีจึงต้องมีการแต่งองค์ทรงเครื่องกันใหม่หวังเอาใจลูกค้าคนไทย และเพื่อกระตุ้นยอดขายรถในรุ่นนี้ให้คึกคักเหมือนรุ่นน้องบ้าง

ก่อนจะไปสัมผัสกับรถรุ่นใหม่ ก็ขอนำเสนอข้อมูลเทคนิคของเอ็มจี 6 กันก่อน โดยในรุ่นใหม่นี้มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ ขนาด 1.8 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุถึง 161 แรงม้า (118 กิโลวัตต์) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 215 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-4,500 รอบ/นาที รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด DCT (Dual Clutch Transmission)

ทราบข้อมูลเทคนิคกันพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาไปสัมผัสกับเอ็มจี 6 ใหม่ โดยทันทีที่ได้เห็น แอบคิดเล็กน้อยว่า…เปลี่ยนตรงไหน!!! สารภาพว่าแว่บแรกคิดแบบนี้จริงๆ คือดูแล้วไม่ต่างจากรุ่นเดิมสักเท่าไร พอมาดูบั้นท้าย…ก็คล้ายคลึงแบบเดิมน่ะ และเพื่อคลายข้อสงสัยของตัวเองก็เลยเริ่มสำรวจอย่างถี่ถ้วนแบบใกล้ชิด

ว่าแล้วก็เริ่มตั้งแต่รูปลักษณ์หน้าตาด้านหน้ากันก่อน เมื่อมาดูใกล้ๆก็เริ่มเห็นจุดที่เปลี่ยนแปลง (เล็กน้อย) โดยไฟหน้าในรุ่นปรับโฉมใหม่ครั้งนี้เป็นแบบ Bi-Xenon HID ดูทันสมัยและมีประโยชน์ในแง่การส่องสว่างที่มากขึ้นและมุมด้านล่างลงมาเล็กน้อยของไฟหน้าจะมี Headlight Washer หรือระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า อันนี้ถือว่าโอเคเลยเพราะจะช่วยทำความสะอาดและล้างไฟหน้า เพิ่มความปลอดภัยและส่องสว่าง

นอกจากนั้นสิ่งที่น่าสนใจในมุมมองด้านข้างนี้อีกอย่างคือลวดลายของล้อแมกซ์ ดูดุดันกว่ารุ่นเดิม เพราะตัวเดิมดูมีความอ่อนฉ้อยสวยงามไฉไลมาก พอมาถึงบั้นท้ายของรถคันนี้ สารภาพตามตรงๆ เลยว่าไม่ค่อยรักไม่ค่อยเลิฟเท่าไร พยายามจะเพ่งมองทั้งใกล้ทั้งไกล ก็ไม่ค่อยถูกใจกับดีไซน์บั้นท้าย มีความรู้สึกว่าไฟท้ายดูเล็กๆ ดูไม่บาลานซ์กับบอดี้รถยังไงไม่รู้ ยังดีที่มีสปอยเลอร์หลัง ไฟตัดหมอก และตัวท่อที่ปลายท่อเป็นสเตนเลสให้อารมณ์สปอร์ต ทำให้ดูดีขึ้นมาหน่อย เข้ามาสำรวจภายในกันดูบ้าง โดยมุมมองรวมๆ ถือว่ากว้างขวาง ยิ่งหากภายในเป็นสีเบจ ห้องโดยสารจะดูสว่าง โล่ง แต่เมื่อเลือกห้องโดยสารโทนสีดำ ก็จะให้อารมณ์สปอร์ต ตัววัสดุ อุปกรณ์ต่างๆหรือการประกอบดูดี สมราคา  ตัวเบาะของผู้ขับขี่สามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง เช่นเดียวกับผู้โดยสารคู่หน้าหากเป็นรุ่นท็อปก็สามารถปรับไฟฟ้าด้วย ตัวเบาะแถวหลัง พนักพิงปรับได้ 60:40 พับราบเป็นแนวเดียวกันเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของได้มากขึ้น

พวงมาลัยของรถรุ่นนี้เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น ปรับได้ 4 ทิศทาง ตัวหน้าจอแสดงผลการทำงานด้านหน้ามองง่าย เรือนไมล์เรืองแสงสีขาวตัดกับสีแดง ไล่สายตามาตรงกลางห้องโดยสาร มีจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้วที่สามารถทำหน้าที่เป็นเนวิเกเตอร์ มีระบบนำทาง หรือจะโชว์ภาพจากกล้องหลัง หรือด้านความบันเทิงก็ทำได้หมดทั้งซีดี เอ็มพี3 วิทยุ รองรับ USB และ AUX มาพร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง และยังสามารถเชื่อมต่อบลูธูทกับระบบสมาร์ทโฟนได้ ไม่เพียงเท่านั้น พระเอกที่ทางเอ็มจีมีการพราว์ด ทู พรีเซ้นต์มากก็คือการพัฒนาระบบ inkaNet ที่เป็นระบบอัจฉริยะ เชื่อมต่อระหว่างรถกับเจ้าของรถ โดยจะเชื่อมต่อกันผ่านระบบโทรศัพท์ ทำให้เจ้าของรถได้รู้สถานะว่ารถเป็นอย่างไร อาทิ ปิดประตูสนิทไหม กำลังไฟพอหรือเปล่า หรือน้ำมันเหลือเท่าไร รวมไปถึงยังควบคุมการทำงานของรถได้ อาทิ สั่งล้อกหรือปลดล้อก ค้นหารถด้วยระบบ Find My Car อีกทั้งยังมีสามารถเตือนความผิดปกติของรถได้ โดยระบบจะแจ้งเตือนเข้ามาในเอสเอ็มเอส ยกตัวอย่างที่จะแจ้งเตือน ก็คือ รถมีการเคลื่อนที่ผิดปกติ หรือรถมีการสตาร์ทเครื่องยนต์อยู่

เรียกได้ว่าหาจุดขายมาพร้อมรบครั้งใหม่ ซึ่งผลการตอบรับจะเป็นอย่างไรก็ต้องคอยติดตามกันดู แต่ในแง่ภาพรวมๆหลังจากได้สัมผัสกับเจ้าเอ็มจี 6 ใหม่ก็ต้องบอกว่า ดีไซน์ภายนอกไม่ได้ขี้เหร่ แต่หากเทียบกับคู่แข่งอื่นๆที่มีอยู่ในตลาดแล้วก็อาจจะเป็นรองแน่นอน ส่วนเรื่องภายในก็ทำได้ดี แถมระบบต่างๆที่พยายามใส่เข้ามาก็ถือเป็นการเพิ่มแวลูให้รถรุ่นนี้ดูดีมากขึ้น เอาเป็นว่าลูกค้าที่ยังลังเลใจหรือยังไม่รู้จักกับแบรนด์นี้ ก็ลองเข้าไปแวะชมและทดลองขับกันได้ที่โชว์รูมของเอ็มจีทั่วประเทศ

โดยเอ็มจี 6 มีให้เลือก 5 สีได้แก่ สีขาว Arctic White, สีดำ, สีแดง, สีเงิน และสีเทา ส่วนในรุ่นฟาสต์แบ็ค มีสีพิเศษตัวถังขาว Arctic White หลังคาดำ เอาใจพวกชอบแต่งรถให้ดูเป็นสปอร์ต

สนนราคาของเอ็มจี 6 ใหม่ มีด้วยกัน 2 แบบให้เลือก คือฟาสต์แบ็ค (Fastback)
รุ่น 1.8 C 828,000 บาท
รุ่น 1.8 D 908,000 บาท
รุ่น 1.8 D Sunroof 938,000 บาท
รุ่น 1.8 X 1,008,000 บาท
และรุ่น 1.8 X Sunroof 1,038,000 บาท

ส่วนในรุ่น ซีดาน (Sedan) เริ่มต้นที่
รุ่น 1.8 C  818,000 บาท
รุ่น 1.8 D 898,000 บาท
รุ่น 1.8 D Sunroof 928,000 บาท
รุ่น 1.8 X 998,000 บาท
และรุ่น 1.8 X Sunroof 1,028,000 บาท

ถือเป็นความพยายามของเอ็มจี ที่ต้องการจะผลักและดัน เอ็มจี 6 ให้สามารถแจ้งเกิดในบ้านเรา แต่มุมมองรวมๆการดีไซน์แม้จะเป็นการปรับโฉมใหม่ แต่เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาดที่มีจุดแข็งทั้งในแง่ของแบรนด์ ดีไซน์ และแฟนเฉพาะกลุ่มแล้วก็ต้องถือว่าเป็นการบ้านที่หนักหนา อย่างไรก็ตามก็ต้องให้คะแนนความพยายาม โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาสวมใส่เพื่อเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่และรถ ก็ถือเป็นการอำนวยความสะดวกและให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคนี้

New-MG-GS

มิติใหม่ของการดีไซน์ภายใต้แนวคิด “Brit Dynamic” และมาพร้อมระบบอัจฉริยะ “i-SMART”

MG-ZS-Blue

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว “New MG ZS” รถเอสยูวีเพื่อชีวิตที่ไร้ขีดจำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีสมาร์ทคาร์ด้วยการติดตั้งระบบอัจฉริยะ i-SMART สามารถรองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยครั้งแรกในโลก รูปลักษณ์โดดเด่นสไตล์ บริท ไดนามิค (Brit Dynamic) ที่ให้ความหรูหราทันสมัยและสปอร์ตยิ่งขึ้น ห้องโดยสารเพียบพร้อมความสะดวกสบาย กว้างขวาง พร้อมระบบความปลอดภัย Synchronized Protection System 9 ระบบ ในราคา 679,000 – 789,000 บาท

MG-GS

เป้าหมายหลักของการพัฒนา New MG ZS คือการนำเสนอ ‘สมาร์ทคาร์’ หรือ ‘รถยนต์อัจฉริยะ’ สร้างมาตรฐานใหม่ในแบบที่ไม่เคยมีบริษัทรถยนต์รายใดเคยทำมาก่อน โดยคาดการว่า New MG ZS จะมียอดจำหน่ายมากกว่า 12,000 คัน/ปี

MG-ZS-Red

New MG ZS คือรถยนต์รุ่นแรกของเอ็มจี ที่มาพร้อมกับระบบอัจฉริยะ i-SMART ซึ่งเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ระบบสามารถควบคุมสั่งการได้ 3 วิธี คือ สั่งการผ่านระบบ Voice command ภาษาไทย สั่งการผ่านหน้าจอทัชสกรีนภายในรถ และการสั่งการผ่านไอสมาร์ทแอปพลิเคชั่น (i-SMART application) จากสมาร์ทโฟนซึ่งผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านแอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน ค้นหาจุดหมายอาทิสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม หรือร้านอาหาร ด้วยสมาร์ทเนวิเกเตอร์ รวมถึงตรวจสอบสภาพการจราจรได้แบบเรียลไทม์

นอกจากนี้ระบบยังสามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ขับขี่ และพัฒนาความสามารถให้ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) สอดคล้องกับยุคอินเตอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่งหรือ IoT (Internet of Things)

นอกจากนี้ ระบบ i-SMART ยังรวบรวมข้อมูลที่มีความสำคัญและแจ้งต่อผู้ขับได้ตลอดเวลา อาทิ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง สภาพการทำงานของแบตเตอรี่ เครื่องยนต์ และระบบเบรก ผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมกับช่วยแจ้งเตือนการเคลื่อนที่ของรถที่ผิดปกติซึ่งอาจเกิดจากการโจรกรรม ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกระดับ

MG-GS

รูปลักษณ์ของ New MG ZS ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดบริท ไดนามิค (Brit Dynamic) ที่มีความทันสมัยมากขึ้นและสปอร์ตยิ่งกว่าเดิม ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความคล่องตัวและยังคงเอกลักษณ์แบบอังกฤษของเอ็มจี

MG-ZS-Panoramic-Sunroof

โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ขนาดใหญ่ ที่นำสายตาสู่เส้นสายบนฝากระโปรด้านท้าย ไฟท้ายแบบ LED Tube พร้อม Panoramic Sunroof ส่วนด้านข้างเน้นความปราดเปรียวกับเส้นสายชัดเจน และโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ แบบ Bi-Colour ขนาด 17 นิ้ว

มิติตัวถังยาว 4,314 มม. กว้าง 1,809 มม. สูง 1,624 มม. ระยะฐานล้อ 2,585 มม.

MG-ZS-Interior

MG-GS

ภายในห้องโดยสารเน้นความหรูหราและความสปอร์ตสไตล์รถยุโรป ตกแต่งด้วยสีทูโทน และวัสดุ Soft Touch ที่บริเวณแผงประตู และแผงคอนโซล มาพร้อมช่องแอร์ดีไซน์ Jet Turbine ที่ฝั่งซ้าย-ขวา แบบสปอร์ต มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงผล เบาะที่นั่งด้านหลังพับแบบ 60:40 พื้นที่เก็บสัมภาระส่วนท้ายปรับได้สองระดับโดยปรับระดับเพิ่มขึ้นได้อีก 10 ซม. เพิ่มความอเนกประสงค์

MG-ZS-Trunk

นอกเหนือจากระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ i-SMART ที่แสดงผลผ่านหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว New MG ZS ยังเพียบไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ครบครันที่สุดในระดับเดียวกัน ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต ควบคุมเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ด้วยปลายนิ้วสัมผัส ปุ่มสตาร์ท และยังสามารถรองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ พร้อม USB ช่องจ่ายไฟ 12V และกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ถอยหลัง

Engine-MG-ZS

New MG ZS ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ รหัส 15S4C ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC VTi-TECH ให้แรงม้าสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Manual Mode

เอ็มจี ให้ความสำคัญสูงสุดกับระบบความปลอดภัยเช่นเดียวกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ด้วยระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) เทคโนโลยีปกป้องทุกชีวิตในห้องโดยสาร และระบบ Synchronized Protection System 9 ระบบ ประกอบด้วย ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)

ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ตลอดจนถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวมทั้งหมด 6 จุด รวมถึงกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์

New MG ZS มีสีให้เลือก ทั้งหมด 5 สี ได้แก่ …

– สีแดงสกาเลตต์เรด (Scarlet Red)
– สีฟ้ามารีน่าบลู (Marina Blue)
– สีเงินซิลเวอร์เมทัลลิก (Silver Metallic)
– สีขาวอาร์คติคไวท์ (Arctic White)
และ สีดำแบล็คไนท์ (Black Knight)

MG-GS

ราคา เอ็มจี แซดเอ็กซ์ ใหม่ / The All-New MG ZS Price. Shown in Thai Baht.

– รุ่น C ราคา 679,000 บาท
– รุ่น D ราคา 729,000 บาท
– รุ่น X ราคา 789,000 บาท

รถใหม่หลายหลายรุ่น เตรียมเปิดตัวก่อนและในงาน Motor Expo 2017

2018-BMW-X3

งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34” หรือ The 34th Thailand International Motor Expo 2017 ภายใต้แนวคิด “ยานยนต์ยุคใหม่ ฝันไกลที่กลายเป็นจริง” หรือ “New Age Vehicles … A Distant Dream Come True” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี พร้อมนำรถรุ่นใหม่ๆ ทั้งที่เปิดตัวก่อนงานเริ่ม และภายในงานของปีนี้ มีมาให้ชมกันมากมายหลายรุ่น

Carro ขอนำเสนอรถยนต์ใหม่ๆ ที่เตรียมเปิดตัวก่อนและในงาน Motor Expo 2017 โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้ บริษัทรถยนต์หลายแบรนด์ ต่างเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ กันหลายค่าย Carro ขอแนะนำให้ทุกท่านได้ทราบข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ครับผม …

Toyota C-HR

Toyota-C-HR

Toyota C-HR (โตโยต้า ซี-เอชอาร์) รถ Crossover ในรูปแบบ 4 ประตู ที่ปีนี้มาแรงจริงๆ โดยในงาน Motor Expo 2017 มีความเป็นไปได้ว่า Toyota จะนำรถมาโชว์ก่อนขายจริงในปีหน้านี้ คาดว่าราคาเริ่มต้นต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท

Volvo XC60

Volvo-XC60-2018

หลังจากที่ Volvo (วอลโว่) ประสบความสำเร็จกับการขาย Volvo XC90 ใหม่ ไปทั่วโลกนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมถึงในไทยก็มียอดขายที่น่าพอใจ ในเดือนนี้ วอลโว่ เปิดตัว Volvo XC60 รุ่นใหม่ Crossover SUV ที่ดีไซน์และตกแต่งไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง XC90 ในวันที่ 8 พฤศจิกายน มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน T8 Twin Engine แบบ Plug-In Hybrid และเครื่องยนต์ดีเซล D4 ให้เลือก … ในราคา 3,090,000 – 3,590,000 บาท

Mazda CX-5

Mazda-CX-5-2018

Mazda (มาสด้า) เปิดตัว Crossover SUV รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง “Mazda CX-5” ใหม่ ในวันที่ 13 พฤศจิกายน มาพร้อมเครื่องยนต์ SkyActiv-G ขนาด 2.0 ลิตร 175 แรงม้า แบบใหม่ และเครื่องยนต์ดีเซล SkyActiv-D ขนาด 2.2 ลิตร 165 แรงม้า ในราคา 1,290,000 – 1,770,000 บาท

MG ZS

MG-ZS-2018

MG (เอ็มจี) ประเทศไทย เปิดตัว MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ต่อจากตลาดจีนและอังกฤษที่เปิดตัวไปก่อนหน้า โดยในตลาดจีน ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 120 แรงม้า ในราคา 679,000 – 789,000 บาท

BMW X3

BMW-X3-2018

BMW X3 (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 3) ใหม่ (G01) เปิดตัวในไทย 16 พฤศจิกายน นี้ ถือว่ารวดเร็วมาก เพราะ BMW X3 ใหม่ เพิ่งเปิดตัวครั้งแรกที่งานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์ โชว์ 2017 ไปเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา มาพร้อมดีไซน์ภายนอกโฉมใหม่หมด แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของ BMW เช่นเคย ในราคา 3,699,000 บาท

Lexus NX

Lexus-NX

Lexus NX (เลกซัส เอ็นเอ็กซ์) รุ่นไมเนอร์เชนจ์ มาภายใต้แนวคิด “The urbaNXplorer” ตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองยุคใหม่ ที่มีวิถีชีวิตไม่ซ้ำใคร ถือเป็นรถ Lexus รุ่นที่ขายดีที่สุดของเลกซัสในประเทศไทย นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ด้วยยอดจำหน่ายรวมภายในประเทศกว่า 1,400 คัน พร้อมการันตีถึงความนิยมด้วยยอดจำหน่ายสะสมทั่วโลก กว่า 400,000 คัน

มาพร้อมกับระบบเครื่องยนต์ 2 ทางเลือก ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Hybrid ขนาด 2.5 ลิตร ในรุ่น NX300h เต็มสมรรถนะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยระบบ Lexus Hybrid Drive อัจฉริยะ และขุมพลังเครื่องยนต์ Turbo 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร ในรุ่น NX300 ให้สมรรถนะแรงเต็มพลังในทุกระดับความเร็ว

พร้อมเป็นเจ้าของ Lexus NX รุ่นปรับโฉมใหม่ ได้แล้ววันนี้

NX300
– รุ่น F Sport แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 4,450,000 บาท
– รุ่น Grand Luxury ราคา 3,440,000 บาท

NX300h
– รุ่น F Sport ราคา 4,050,000 บาท
– รุ่น Premium ราคา 3,550,000 บาท
– รุ่น Grand Luxury ราคา 3,140,000 บาท
– รุ่น Luxury ราคา 2,930,000 บาท

Lexus LS

Lexus-LS500

ถึงเวลาที่ Lexus จะเปิดตัวรถธงของค่ายอย่าง “Lexus LS” (เลกซัส แอลเอส) ใหม่ ที่พัฒนามาจากรถต้นแบบอย่าง “LF-FC” โดยมาพร้อมขุมพลังขนาด 3.5 ลิตร ในรูปแบบ V6 และ V6 ทวินเทอร์โบ พร้อมเครื่องยนต์ V6 ขุมพลังไฮบริด ที่คาดว่าราคาในบ้านเรา น่าจะอยู่ที่หลักสิบล้านบาทเลยทีเดียว … พบกันได้ในวันที่ 21 พฤศจิกายน นี้ …

Mercedes-AMG GT

Mercedes-AMG-GT-R

แม้ว่าทาง Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) จะเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Mercedes-AMG GT ในวันที่ 20 พฤศจิกายน นี้ แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดใดๆ ที่ออกมาบอกว่า จะเปิดตัวรุ่นไหนบ้าง … ในตระกูล Mercedes-AMG GT

Mercedes-Benz S-Class / Maybach S-Class

Mercedes-Benz-S-Class-Sedan

Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ยังเตรียมเปิดตัวสุดยอดรถยนต์หรูแห่งยุค อย่าง รถยนต์ระดับเรือธง “The new S-Class” ที่สุดแห่งความสง่า มาพร้อมกับ ความหรูหรา ดีไซน์เหนือระดับ ความสะดวกสบายอันไร้ขีดจำกัด และระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย

Mercedes-Benz-Maybach-S-Class

และ “The Maybach S-Class” (มายบัค เอส-คลาส) สุดยอดแห่งยนตรกรรมที่รวบรวมความเป็นที่สุดของสมรรถนะเหนือชั้นกับประสิทธิภาพในทุกๆ ด้าน ไว้อย่างครบครัน เหมาะสำหรับท่านผู้นำ … พบกันได้ในวันที่ 27 พฤศจิกายน นี้ครับ

Mitsubishi Triton Athlete

Mitsubishi-Triton-Athlete

Mitsubishi (มิตซูบิชิ) เตรียมเปิดตัว Triton รุ่นพิเศษ “Triton Athlete” (ไทนทัน แอทลีท) สปอร์ต พันธุ์เข้ม เร้าใจทุกมุมมองด้วยชุดแต่งพิเศษรอบคันจากโรงงาน ในงาน Motor Expo 2017

Subaru XV

Subaru-XV-2018

Subaru XV (ซูบารุ เอ็กซ์วี) รถ Crossover ที่เคยสร้างกระแสความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และสร้างยอดขายให้กับ Motorimage ผู้นำเข้ารถยนต์ซูบารุในบ้านเราได้มากพอสมควร ถึงเวลาเปลี่ยนโฉมใหม่ตามญี่ปุ่น พัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มล่าสุด “Subaru Global Platform” ร่วมกันกับ Impreza ใหม่ คาดว่ามาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT แบบ 7 สปีด เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2017 นี้

Toyota Hilux Revo (Minorchange)

Toyota-Hilux-Revo-2018

เป็นข่าวลือในวงในมานานหลายเดือนแล้วสำหรับ Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) กับยอดขายที่ดูเหมือนโตโยต้าจะไม่เป็นปลื้มนัก ในที่สุด เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน โตโยต้า จึงเผยโฉมไมเนอร์เชนจ์ของ Hilux Revo ปรับหน้าตาดูดุดันขึ้น เพิ่มออพชั่น กระตุ้นยอดขายให้มากขึ้น และเสนอรุ่นแกร่งๆ อย่าง “Rocco” (ร็อคโค่) สำหรับคนพันธุ์ลุย … ในราคาตั้งแต่ 523,000 – 1,154,500 บาท

Isuzu D-Max (Minorchange)

2018-Isuzu-D-Max-Blue-Power

Isuzu (อีซูซุ) ฉลองครบรอบ 60 ปีในไทย พร้อมกับมีเซอร์ไพรส์ กับการเปิดตัว Isuzu D-Max Minorchange เล็กๆ ปรับเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ เพิ่มออพชั่นหลายอย่าง ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ส่วนราคาอย่างเป็นทางการ ต้องรอในงาน Motor Expo 2017 ครับ

KIA Stinger

KIA-Stinger

จากกระแสข่าวที่ว่า Kia Thailand วางแผนเปิดตัว Kia Stinger (เกีย สตริงเกอร์) รถ Mid-Size แบบ Liftback 5 ประตูสุดหรู ภายในปลายปีนี้ช่วงงาน Motor Expo 2017 นั้น จะเปิดตัวด้วยราคาหลักล้าน (เท่าไหร่) และมาพร้อมเครื่องยนต์แบบไหน (ในเวอร์ชั่นต่างประเทศ มีทั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร Turbo, และ V6 ขนาด 3.3 ลิตร Turbo รวมไปถึงแบบดีเซลขนาด 2.2 ลิตร Turbo ที่ทุกแบบมาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด) ต้องติดตามกันเร็วๆ นี้ครับ

Audi A5 Sportback & Audi A4 Avant

Audi-Motor-Expo-2017

Audi (ออดี้) ในงาน Motor Expo ครั้งนี้ ส่งรุ่นใหม่มาโชว์ถึง 2 รุ่นทั้ง Audi A5 Sportback (ออดี้ เอ5 สปอร์ตแบ็ค) และ Audi A4 Avant Black Edition (ออดี้ เอ4 อาวอง แบล๊ค เอดิชั่น) โดยรถรุ่น Audi A5 Sportback เป็นรถยนต์นั่งแบบ 5 ประตู ตกแต่งแบบสปอร์ต ด้วยชุดแต่งภายนอกแบบ S line ในราคา 4,299,000 บาท และอีกรุ่นคือ Audi A4 Avant Black Edition รถแวนแบบสปอร์ตเหนือระดับ ในราคาเริ่มต้น 3,249,000 บาท

MINI John Cooper Works Countryman

MINI-JCW-Countryman

MINI (มินิ) ส่ง MINI John Cooper Works Countryman (มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน) ใหม่ มาโชว์ในฐานะรถยนต์เอนกประสงค์ Premium Compact มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และห้องโดยสารที่กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมความแรงของเครื่องยนต์ที่มีถึง 231 แรงม้า ให้ความคล่องตัวในการขับขี่ และยังคงให้ความรู้สึกคลาสสิคของ “Go-Kart-Feeling” ซึ่งจะเปิดราคาในงาน Motor Expo 2017 นี้

Aston Martin DB11 V8

Aston-Martin-DB11-V8

Aston Martin (แอสตัน มาร์ติน) เตรียมเปิดตัว “Aston Martin DB11 V8” รถสปอร์ตหรูในรูปแบบ GT อย่างเป็นทางการในประเทศไทย และเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในอาเซียน ในวันที่ 21 พฤศจิกายน นี้