5 เหตุผล ที่ทำไมคนญี่ปุ่น ถึงนิยมเทคโนโลยี e-Power ของรถ Nissan

นับตั้งแต่ Nissan (นิสสัน) แนะนำเทคโนโลยี e-Power (นิสสัน อี-พาวเวอร์) ครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น กับ Nissan Note (นิสสัน โน๊ต) รถยนต์แบบ Compact เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2016 ตั้งแต่นั้นมา Nissan Note e-Power ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และยังได้รับรางวัลรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ประจำปี 2018*

Nissan Note e-Power และ Nissan Serena e-Power

ต่อมา ในเดือนมีนาคม 2018 Nissan เปิดตัวรถมินิแวน Nissan Serena e-Power (นิสสัน เซเรน่า อี-พาวเวอร์) ตามด้วย Nissan Kicks e-Power (นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์) ในเดือนมิถุนายน 2020 พร้อมๆ กับบางประเทศในทวีปเอเชีย และในไทย

ซึ่งทำให้เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ แพร่หลายมากยิ่งขึ้น และในเดือนธันวาคมปีเดียวกันก็ได้เปิดตัว นิสสัน โน๊ต ใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ เจเนอเรชั่นที่ 2

Nissan Note e-Power E12 Engine

เดือนมีนาคมปี 2021 Nissan เปิดตัว Nissan Qashqai e-Power (นิสสัน แคชไค อี-พาวเวอร์) ใหม่ ในตลาดยุโรปหลังจากมีการเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์แบบ Mild Hybrid ไปก่อนหน้านี้ นับเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ ครั้งแรกในทวีปยุโรป และที่งาน Auto Shanghai 2021 ในประเทศจีน Nissan ก็ได้เปิดตัวเทคโนโลยีนี้ด้วยเช่นกัน

Nissan Note e-Power E12 Engine

และในเดือนมีนาคมเดียวกันนี้ Nissan สามารถสร้างยอดขายรถยนต์ Nissan e-Power ได้ทะลุ 500,000 คัน! ซึ่งประเทศที่ครองยอดขายเป็นอันดับ 1 คือ ประเทศญี่ปุ่น จนกระทั่งในเดือนมิถุนายนนี้ Nissan ได้เสริมทัพด้วย Nissan Note Aura (นิสสัน โน๊ต ออร่า) ที่ใช้ e-Power ออกมาอีกรุ่น

MR.CARRO เลยชวนคุณมาดู 5 เหตุผล ว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงโคตรนิยมรถยนต์ e-Power ของ Nissan กันครับ …

Nissan Note e-Power E13 2021

1. มอเตอร์ไฟฟ้า 100%

e-Power ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% คือการใช้เครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูง ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งต่อให้มอเตอร์ไฟฟ้าใช้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ (ถ้าคุณนึกภาพไม่ออก ว่า e-Power ทำงานอย่างไร? ขอให้นึกถึงรถไฟ แบบรถจักรดีเซลไฟฟ้า มีหลักการทำงานที่คล้ายกัน)

ผู้ขับขี่จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเงียบภายในห้องโดยสาร และได้ความสนุกในการขับขี่ ด้วยอัตราเร่งที่ทันใจแบบรถยนต์ไฟฟ้า แต่สะดวกกว่า ตรงที่เติมน้ำมันแทนการชาร์จไฟจากภายนอก

2. 5 รางวัลจากญี่ปุ่น

เทคโนโลยี e-Power ได้รับรางวัลระดับประเทศมาแล้ว 5 รางวัลในประเทศญี่ปุ่น เช่น รางวัลเทคโนโลยียอดเยี่ยมแห่งปีในประเทศญี่ปุ่น จาก สมาคมนักวิจัย และนักข่าวด้านยานยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น (Automotive Researchers’ and Journalists’ Conference of Japan) (RJC)

อีกทั้งจากการที่มีส่วนในการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อี-พาวเวอร์ ยังได้รับรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมจากศูนย์อนุรักษ์พลังงานประเทศญี่ปุ่น (The Energy Conservation Center Japan) (ECCJ)

*ยอดขาย Note ประกอบด้วย Note รุ่นมาตรฐานและ Note e-Power โดยรุ่น อี-พาวเวอร์ คิดเป็นประมาณ 70% ของยอดขาย

Nissan Note e-Power E13 2021

3. ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก

หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์ความเงียบ และอัตราเร่งที่ราบรื่นเหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่สะดวกสบายเพราะไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอกหรือต้องคอยหาสถานีชาร์จ แน่นอนว่า e-Power มอบความพิเศษนี้ให้กับคุณได้

และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเทคโนโลยีถึงได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ไฟฟ้า แต่ไม่สะดวกชาร์จที่บ้าน เช่น ผู้คนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนท์ในโตเกียว

4. ยอดขายรถยนต์ Nissan e-Power ในญี่ปุ่นทะลุ 500,000 คัน

หากคุณนำรถยนต์ e-Power ที่จำหน่ายไปแล้วกว่า 500,000 คันมาเรียงต่อกัน ก็จะได้ความยาวเท่ากับระยะทางจากโตเกียวถึงไทเป![1] หรือพอๆ กับหากคุณเดินเท้าจากกรุงเทพไปยังมะนิลา![2]

Nissan Note e-Power E13 2021

5. ลดการใช้แป้นเบรกลง 70% ด้วย One-Pedal

การได้ลดการใช้แป้นเบรกในระหว่างรถติดนั้นเป็นประโยชน์อย่างมากกับผู้ขับขี่ชาวญี่ปุ่น เทคโนโลยี One-Pedal ในคิกส์ อี-พาวเวอร์ ช่วยให้คุณได้เร่งและชะลอความเร็วรถโดยใช้แป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียว

นวัตกรรมนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยลดจำนวนการใช้แป้นเบรกได้ถึง 70% เมื่อรถมีการชะลอความเร็ว ระบบจะมีการฟื้นฟูพลังงานเพื่อชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

Carro-Compare-Toyota-Corolla-Cross-And-Nissan-Kicks-2020

รถในระดับ B-SUV ป้ายแดงยอดนิยม ในราคาเริ่มต้นประมาณ 8 แสนบาทปลายๆ ไปจนถึง 1 ล้านต้นๆ ชั่วโมงนี้คงไม่มีอะไรน่าสนใจไปกว่า Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) และ Nissan Kicks (นิสสัน คิกส์) อีกแล้ว! เพราะเป็นรถที่เหมาะสำหรับคนมีครอบครัว หรือมีลูก 1-2 คน ไว้ใช้งานในชีวิตประจำวัน และไว้ใช้งานในวันหยุดได้

ซึ่งทั้งสองโมเดลนี้ ต่างก็เปิดตัวในไทยเป็นที่แรกของโลก คันหนึ่งใหม่หมดทั้งคัน อีกคันหนึ่งเป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์ คันหนึ่งเป็นรถยนต์แบบ e-POWER ระบบ Hybrid ใช้น้ำมันให้เครื่องยนต์ไปปั่นมอเตอร์ไฟฟ้า ได้อารมณ์ขับรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนอีกคันหนึ่งยังเป็นแบบเบนซิน และระบบเบนซินแบบ Hybrid ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า

ถ้าหากในปี 2020 นี้ ทั่วโลกไม่เจอเจ้าโควิด-19 ซะก่อน ตลาดรถในกลุ่ม B-SUV คงจะคึกคักมากกว่านี้แน่นอน เนื่องด้วยกำลังซื้อที่ขาดหายไปมาก และบรรดาไฟแนนซ์ สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ทำให้การแข่งขันเพื่อชิงยอดขายนั้น ดุเดือดเลยทีเดียว หากฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำแล้ว บอกได้เลยว่าลำบากแน่!

ถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ในช่วงโควิด-19 สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand หรือทาง Line @carrothai

มาดูกันว่า Toyota Corolla Cross 2020 และ Nissan Kicks 2020 มีจุดเด่น ข้อดี ข้อเสีย ตรงไหนกันบ้าง ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อ และไปดูตัวจริงในงาน Motor Show 2020 …

All-New-Corolla-Cross-2020

Toyota Corolla Cross 2020

ข้อดี : เป็นรถครอสโอเวอร์ไฮบริด รุ่นที่พ่วงชื่อ Corolla มาด้วย โดยเป็นการนำ DNA ของรถยนต์โคโรลล่า มาพัฒนาให้เกิดเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ บนแพลทฟอร์มใหม่อย่าง TNGA โดยใช้แพลตฟอร์มของโคโรลล่า ซีดาน และยังคล้ายกับในรุ่น C-HR อีกด้วย แต่ C-HR เน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่น ส่วน Corolla Cross จะเน้นกลุ่มคนวัยทำงานขึ้นมาหน่อย และมีครอบครัวแล้ว อีกทั้งยังมีรถโชว์พร้อมขาย พร้อมให้ทดลองขับ และระบบ Hybrid ที่ไว้ใจได้

ข้อด้อย : เรื่องหน้าตาความชอบนั้นเป็นรสนิยม หลายคนอาจบอกว่าหน้าตาดูดุไปหน่อย แต่บางคนดูแล้วก็บอกว่า OK  ตัวรอง Top ดูคุ้มค่าเงินที่สุดกว่าตัวรุ่น Top

รายละเอียดตัวรถ : ตัวรถถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด “ความกะทัดรัดที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย” (Compact yet Comfortable) และ “ความล้ำสมัยที่สะท้อนตัวตนของความภูมิฐานสำหรับชีวิตในเมือง” (Dignity Urban Vogue) มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ควบคู่ไปกับระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense)

ใช้ช่วงล่างแบบคานแข็งที่ได้รับการพัฒนาใหม่ เพื่อปรับช่วงล่างให้มีประสิทธิภาพการเกาะถนน ส่วนพื้นที่จุสัมภาระด้านท้ายรถ มีมากถึง 487 ลิตร นอกจากนี้ ในส่วนของห้องโดยสาร โดดเด่นด้วยประตูด้านหลังขนาดใหญ่ที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถขึ้นและลงจากรถได้อย่างสะดวกสบาย และยังมีการออกแบบที่ว่างเหนือศีรษะให้สูงพอดี มีความโปร่ง สบาย ไม่อึดอัด

All-New-Corolla-Cross-2020

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED แบบ Hybrid
  • ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) LED แบบ Light Guiding
  • ไฟเลี้ยวด้านหน้า LED
  • ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home
  • ไฟท้าย LED แบบ Light Guiding
  • กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าและพับเก็บอัตโนมัติ พร้อมระบบ Reverse Link
  • ราวหลังคา
  • สีภายใน สีแดง Terra Rossa / สีดำ (ขึ้นอยู่กับสีภายนอก)
  • จอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Bluetooth และ USB
  • เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
  • ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
  • ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
  • ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start)
  • ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry)
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปรับอิสระแยกซ้าย-ขวา
  • ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่พวงมาลัย
  • ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
  • จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display)
  • กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ (Electro Chromic)
  • ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน (Drive Start Control)
  • ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control System)
  • สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Brake Signal)
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Steering Assist)
  • ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติพร้อมช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (Dynamic Radar Cruise Control with Lane Tracing Assist)
  • ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)
    รวมทั้ง …
  • กล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ (Panoramic View Monitor)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor)
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)
  • ถุงลมเสริมความปลอดภัย ระบบ SRS 7 ตำแหน่ง (Air Bags)

เครื่องยนต์ : เป็นแบบเบนซินขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FBE ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร (18.05 กก.-ม.) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด CVT-i พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 15.4 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 150 กรัม/กม.

ส่วนรุ่น Hybrid มากับชุดระบบไฮบริดเจเนอเรชั่น 4 ที่พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 98 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร 53 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แพคชนิด Ni-MH (นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์) แบบใหม่ ให้กำลังรวมทั้งระบบ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock และเลือกโหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง EV, Sport และ Eco

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 98 กรัม/กม.

มิติตัวรถ : ยาว 4,460 มม. กว้าง 1,825 มม. สูง 1,620 มม. ระยะฐานล้อ 2,640 มม.

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนกรกฏาคม 2563)

  • รุ่น 1.8 Sport ราคา 989,000 บาท** (ราคาพิเศษ 959,000 บาท ณ วันเปิดตัว – 30 กันยายน 2563 มีจำนวนจำกัด)
  • รุ่น Hybrid Smart ราคา 1,019,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid Premium ราคา 1,089,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid Premium Safety ราคา 1,199,000 บาท**

*สำหรับสีพิเศษ Platinum White Pearl เพิ่ม 10,000 บาท
**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม

Nissan-Kicks-ePower-2020

Nissan Kicks e-Power 2020

ข้อดี : เป็นรถครอสโอเวอร์ไฮบริด ที่มาพร้อมจุดเด่นอย่างการใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไปปั่นกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน และจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าให้ขับเคลื่อนรถยนต์อีกที ซึ่งเป็นหลักการที่คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV : Battery Electric Vehicle) แต่ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เหมาะกับการขับรถทางไกล

ข้อด้อย : หลายคนอาจผิดหวังกับความประหยัด ว่าประหยัดได้เท่า Eco-Car และไม่มีระบบ Active Cooling ให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งเมืองร้อน (มาก) อย่างบ้านเรา ควรจะเพิ่มระบบหล่อเย็นจุดนี้ แม้ว่าแบตเตอรี่จะถูกออกแบบมาให้ทนความร้อนได้สูงก็ตาม

อีกทั้งรถยังไม่มีให้ลูกค้าได้ทดสอบตามโชว์รูมต่างๆ และพร้อมส่งมอบ เนื่องจากผู้ผลิตชิ้นส่วนติดปัญหาโควิด-19 ทำให้การผลิตชิ้นส่วนชะงัก และต้องแก้ QC ในชิ้นงานที่มีปัญหา อีกทั้งยังต้องผลิตรถส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้มียอดจองเข้ามาหลายพันคัน ทำให้เกิดการล่าช้าในการผลิต หลายคนจึงเริ่มลงเลในการซื้อ กลายเป็นเจ้าพ่อตลาดวายไป

รายละเอียดตัวรถ : เป็นรถแบบ SUV ที่นิสสันพัฒนามาจากรถต้นแบบอย่าง Nissan Kicks Concept โดยเปิดตัวตัวรถผลิตขายจริงมาตั้งแต่ช่วงปี 2016 เพื่อทำตลาดในอเมริกาใต้เป็นหลัก ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม V แบบเดียวกับรถตระกูล Nissan Micra, Note, Pulsar หรือ Sylphy

ห้องโดยสารภายใน โดดเด่นด้วยการใช้สีทูโทนดำ – ส้ม (เฉพาะรุ่น VL) ด้วยแผงคอนโซล และเบาะหนัง พร้อมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับหน้าจอเครื่องเสียง ผ่าน Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigation System ผ่าน Google Map กับระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition ที่ใช้งานง่าย

แถมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุมากถึง 432 ลิตร และยังมีความลึกของห้องเก็บสัมภาระที่มากถึง 900 มม. โดยที่ยังไม่พับเบาะหลัง

เวลาขับยังมีระบบอัจฉริยะ ช่วยให้คนขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทาง ผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน จับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และนำไปประมวลผล แล้วแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอวิทยุ และทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือน เมื่อตรวจพบบุคคล หรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่

Nissan-Kicks-ePower-2020

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • หน้าจอ TFT Digital Meter ขนาด 7 นิ้ว บนมาตรวัด
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape
  • กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Intelligent Key
  • ปุ่ม Push Start
  • กุญแจระบบ Immobilizer
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
  • กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Anti-jam Protection ด้านผู้ขับ
  • ที่วางแก้วตอนหน้า 2 ตำแหน่ง
  • ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้า-หลัง 4 ตำแหน่ง
  • กล่องเก็บของด้านหน้า
  • ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า
  • ไฟห้องสัมภาระด้านท้าย
  • ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง
  • ระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา
  • ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ Nissan Connect จอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ลำโพง 6 ตำแหน่ง Bluetooth, USB, AUX-in, ฟังก์ชั่น Apple CarPlay สำหรับ iOS (เฉพาะรุ่น V และ VL)
  • ชุดเครื่องเสียงมาตรฐาน วิทยุ AM/FM, Bluetooth, USB, AUX-in และลำโพง 4 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น S และ E)
  • เทคโนโลยร One-Pedal คันเร่งอัจฉริยะ
  • ระบบ Intelligent Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชั่นชลอความเร็วและรักษาระยะห่างตามรถคันหน้า
  • ระบบ Intelligent Forward Collision Warning ช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า
  • ระบบ Intelligent Emergency Braking ช่วยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อชะลอความเร็วหรือหยุดรถ ลดความเสียหายที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุ
  • ระบบ Blind Spot Warning เตือนจุดอับสายตา
  • ระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนในขณะถอยออก
  • ระบบ Intelligent Around View Monitor กล้องอัจฉริยะรอบทิศทาง พร้อมเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อพบวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control
  • ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ Intelligent Ride Control
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง Intelligent Trace Control
  • ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด ประกอบด้วยคู่หน้า, ข้าง และม่านข้างซ้าย-ขวา (รุ่น VL) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า (ทุกรุ่น)
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ Pretensioner and Load Limiter Seatbelts
  • จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กเด็กแบบ ISOFIX
  • ระบบเบรก ABS, EBD และ BA
  • กระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror แสดงผลด้วยจอ LCD ที่แสดงภาพจากกล้องด้านหลังตัวรถ สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลระหว่างจอแสดงภาพ หรือภาพสะท้อนแบบปกติจากกระจกได้
  • ระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน

Nissan-Kicks-e-POWER-ECO-Sticker

ECO Sticker ของ Nissan Kicks e-POWER 2020

เครื่องยนต์ : เป็นแบบเบนซินขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE (แบบเดียวกับใน Note e-Power) แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด  79 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)

จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor รหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (95 กิโลวัตต์) ที่ 4,000-8,992 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 500-3,008 รอบ/นาที

หากรวมพลังทั้งหมด ให้แรงม้าสูงถึง 129 แรงม้า ที่ 4,000 – 8,992 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ที่ 500 – 3,008 รอบ/นาที และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23.8 กม./ลิตร (ตาม Eco Sticker) หรือ 4.2 ลิตร/100 กม.

มิติตัวรถ : ยาว 4,290 มม. กว้าง 1,760 มม. สูง 1,615 มม. ระยะฐานล้อ 2,615 มม.

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนพฤษภาคม 2563)

  • รุ่น S ราคา 889,000 บาท
  • รุ่น E ราคา 949,000 บาท
  • รุ่น V ราคา 999,000 บาท (ราคาหลังโปรโมชั่น 1,049,000 บาท ปรับขึ้น 50,000 บาท)
  • รุ่น VL ราคา 1,049,000 บาท (ราคาหลังโปรโมชั่น 1,103,900 บาท ปรับขึ้น 54,900 บาท)

มิติตัวรถ / เครื่องยนต์ ของ Toyota Corolla Cross 2020 และ Nissan Kicks 2020

Specifications Toyota Corolla Cross Nissan Kicks e-POWER
ยาว (มม.) 4,460 4,290
กว้าง (มม.) 1,825 1,760
สูง (มม.) 1,620 1,615
ระยะฐานล้อ (มม.) 2,640 2,615
ความกว้างล้อหน้า/หลัง (มม.) 1,559/1,571 (รุ่น 1.8 Sport และ Hybrid Smart 1,569/1,581) 1,520/1,535
ระยะต่ำสุดจากพื้น (มม.) 161 175
วงเลี้ยวแคบสุด (เมตร) 5.2 5.1
น้ำหนัก (กิโลกรัม) 1,340-1,350
เครื่องยนต์ เบนซิน รหัส 2ZR-FBE 1,798 ซีซี แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 140 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที เบนซิน Hybrid รหัส HR12DE 1,279 ซีซี แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที

พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า EM57 ขนาด 95 กิโลวัตต์ รวมกำลังทั้งหมด 129 แรงม้า

เบนซิน Hybrid รหัส 2ZR-FXE 1,798 ซีซี 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที

พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 53 กิโลวัตต์ รวมกำลังทั้งหมด 122 แรงม้า

ระบบส่งกำลัง CVT-i 7 สปีด (รุ่นเบนซิน) / E-CVT (รุ่น Hybrid) แบบอัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23.8 กม./ลิตร 15.4 กม./ลิตร (รุ่นเบนซิน) / 23.3 กม./ลิตร (รุ่น Hybrid)

ตารางผ่อนดาวน์ Toyota Corolla Cross 2020 ใหม่

Toyota-Corolla-Cross-2020-ตารางผ่อนดาวน์

โปรโมชั่น Toyota Corolla Cross 2020 ใหม่

พิเศษสำหรับลูกค้าซื้อ All-New Corolla Cross วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2563

  • เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.85% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care
  • ขยายระยะเวลารับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีค่าแรงเช็กระยะจนถึง 100,000 กม. มูลค่ากว่า 34,000 บาท
  • Toyota Privilege More ข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมเฉพาะลูกค้าโตโยต้า

ตารางผ่อนดาวน์ Nissan Kicks e-POWER 2020 ใหม่

Nissan-Kicks-e-POWER-2020-ตารางผ่อนดาวน์

โปรโมชั่น Nissan Kicks e-POWER 2020 ใหม่

Nissan-Kicks-ePower-2020

All-New Nissan Kicks รุ่น V

  • ราคาช่วงเปิดตัว 999,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.69%* (เงินดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน)
  • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี*
  • ฟรี รับประกันระบบ e-POWER 5 ปี รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 ปี**
  • ฟรี ไส้กรองแอร์แบบพรีเมียม “Nissan Premium Air-Con filter”

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น

** รับประกันระบบรถยนต์ e-POWER เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือ ระยะทาง 100,000 โลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และ รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เป็นระยะเวลา 10 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กิโลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน โดยเป็นขยายการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเพิ่มเติม ภายในปีที่ 6-10 จาก ปีที่ 5 โดยเพิ่มระยะทางจาก 100,000 กิโลเมตรเป็น 200,000 กิโลเมตร โดยลูกค้าสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่เนื่องจากความเสียหาย ได้ 1 ครั้ง

All-New Nissan Kicks รุ่น VL

  • ราคาช่วงเปิดตัว 1,049,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.69%* (เงินดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน)
  • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี*
  • ฟรี รับประกันระบบ e-POWER 5 ปี รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 ปี**
  • ฟรี ไส้กรองแอร์แบบพรีเมียม “Nissan Premium Air-Con filter”

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น

** รับประกันระบบรถยนต์ e-POWER เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือ ระยะทาง 100,000 โลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และ รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เป็นระยะเวลา 10 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กิโลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน โดยเป็นขยายการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเพิ่มเติม ภายในปีที่ 6-10 จาก ปีที่ 5 โดยเพิ่มระยะทางจาก 100,000 กิโลเมตรเป็น 200,000 กิโลเมตร โดยลูกค้าสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่เนื่องจากความเสียหาย ได้ 1 ครั้ง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ย้ำกันอีกครั้ง! สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

The-3-Best-SUV-Nissan-Mazda-MG

รถในระดับ B-SUV ป้ายแดงยอดนิยม นับว่าเป็นรถที่ยอดฮิตมากในบ้านเรา มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 6 แสน ไปจนถึง 1 ล้านบาท ที่ขับเคี่ยวแข่งขันกันในตลาดรถยนต์อย่างดุเดือดกันมาหลายปี ถ้าไม่ติดว่าเจอโควิด-19 มาเสียก่อน เพราะตลาดกลุ่มนี้ ถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่พอสมควร จนค่ายรถหลายค่าย ต่างพยายามเต็มที่เพื่อเอาใจลูกค้ากลุ่มนี้ให้ได้ ซึ่งมีทั้งนักศึกษา คนวัยเริ่มต้นทำงาน ไปจนกระทั่งแม่บ้าน คนครอบครัวขนาดเล็ก เป็นต้น

CARRO Thailand จึงขอนำรถ B-SUV ยอดฮิตในหมู่คนไทย ที่เพิ่งเปิดตัวสดใหม่ช่วงต้นปี 2020 ด้วยกัน 3 แบรนด์ 3 รุ่น อย่าง Nissan Kicks (นิสสัน คิกส์) ที่วางแผนจะเปิดตัวกันในเดือนมีนาคม และในงาน Motor Show 2020 แต่โควิด-19 มา งานเลยล่มซะก่อน, Mazda CX-30 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-30) และ MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) พร้อมตารางราคา และอัตราดอกเบี้ย มาเปรียบเทียบกันให้เห็น แบบช้าๆ ชัดๆ!

หากใครสนใจรุ่นไหนอยู่ ลองคำนวณงบประมาณที่มี แล้วเลือกดูว่า จะผ่อนกันแบบไหนได้เลย 

ถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ในช่วงโควิด-19 สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

Nissan-Kicks-ePower-2020

Nissan Kicks e-Power 2020

ข้อดี : เป็นรถครอสโอเวอร์ไฮบริด ที่มาพร้อมจุดเด่นอย่างการใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไปปั่นกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน และจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าให้ขับเคลื่อนรถยนต์อีกที ซึ่งเป็นหลักการที่คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV : Battery Electric Vehicle) แต่ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เหมาะกับการขับรถทางไกล

ข้อด้อย : หลายคนอาจผิดหวังกับความประหยัด ว่าประหยัดได้เท่า Eco-Car และไม่มีระบบ Active Cooling ให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งเมืองร้อน (มาก) อย่างบ้านเรา ควรจะเพิ่มระบบหล่อเย็นจุดนี้ แม้ว่าแบตเตอรี่จะถูกออกแบบมาให้ทนความร้อนได้สูงก็ตาม

รายละเอียดตัวรถ : เป็นรถแบบ SUV ที่นิสสันพัฒนามาจากรถต้นแบบอย่าง Nissan Kicks Concept โดยเปิดตัวตัวรถผลิตขายจริงมาตั้งแต่ช่วงปี 2016 เพื่อทำตลาดในอเมริกาใต้เป็นหลัก ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม V แบบเดียวกับรถตระกูล Nissan Micra, Note, Pulsar หรือ Sylphy

ห้องโดยสารภายใน โดดเด่นด้วยการใช้สีทูโทนดำ – ส้ม (เฉพาะรุ่น VL) ด้วยแผงคอนโซล และเบาะหนัง พร้อมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับหน้าจอเครื่องเสียง ผ่าน Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigation System ผ่าน Google Map กับระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition ที่ใช้งานง่าย

แถมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุมากถึง 432 ลิตร และยังมีความลึกของห้องเก็บสัมภาระที่มากถึง 900 มม. โดยที่ยังไม่พับเบาะหลัง

เวลาขับยังมีระบบอัจฉริยะ ช่วยให้คนขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทาง ผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน จับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และนำไปประมวลผล แล้วแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอวิทยุ และทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือน เมื่อตรวจพบบุคคล หรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่

Nissan-Kicks-ePower-2020

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • หน้าจอ TFT Digital Meter ขนาด 7 นิ้ว บนมาตรวัด
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape
  • กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Intelligent Key
  • ปุ่ม Push Start
  • กุญแจระบบ Immobilizer
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
  • กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Anti-jam Protection ด้านผู้ขับ
  • ที่วางแก้วตอนหน้า 2 ตำแหน่ง
  • ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้า-หลัง 4 ตำแหน่ง
  • กล่องเก็บของด้านหน้า
  • ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า
  • ไฟห้องสัมภาระด้านท้าย
  • ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง
  • ระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา
  • ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ Nissan Connect จอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ลำโพง 6 ตำแหน่ง Bluetooth, USB, AUX-in, ฟังก์ชั่น Apple CarPlay สำหรับ iOS (เฉพาะรุ่น V และ VL)
  • ชุดเครื่องเสียงมาตรฐาน วิทยุ AM/FM, Bluetooth, USB, AUX-in และลำโพง 4 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น S และ E)
  • เทคโนโลยร One-Pedal คันเร่งอัจฉริยะ
  • ระบบ Intelligent Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชั่นชลอความเร็วและรักษาระยะห่างตามรถคันหน้า
  • ระบบ Intelligent Forward Collision Warning ช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า
  • ระบบ Intelligent Emergency Braking ช่วยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อชะลอความเร็วหรือหยุดรถ ลดความเสียหายที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุ
  • ระบบ Blind Spot Warning เตือนจุดอับสายตา
  • ระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนในขณะถอยออก
  • ระบบ Intelligent Around View Monitor กล้องอัจฉริยะรอบทิศทาง พร้อมเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อพบวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control
  • ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ Intelligent Ride Control
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง Intelligent Trace Control
  • ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด ประกอบด้วยคู่หน้า, ข้าง และม่านข้างซ้าย-ขวา (รุ่น VL) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า (ทุกรุ่น)
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ Pretensioner and Load Limiter Seatbelts
  • จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กเด็กแบบ ISOFIX
  • ระบบเบรก ABS, EBD และ BA
  • กระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror แสดงผลด้วยจอ LCD ที่แสดงภาพจากกล้องด้านหลังตัวรถ สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลระหว่างจอแสดงภาพ หรือภาพสะท้อนแบบปกติจากกระจกได้
  • ระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน

Nissan-Kicks-e-POWER-ECO-Sticker

ECO Sticker ของ Nissan Kicks e-POWER 2020

เครื่องยนต์ : เป็นแบบเบนซินขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE (แบบเดียวกับใน Note e-Power) แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด  79 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)

จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor รหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (95 กิโลวัตต์) ที่ 4,000-8,992 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 500-3,008 รอบ/นาที

หากรวมพลังทั้งหมด ให้แรงม้าสูงถึง 129 แรงม้า ที่ 4,000 – 8,992 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ที่ 500 – 3,008 รอบ/นาที และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23.8 กม./ลิตร (ตาม Eco Sticker) หรือ 4.2 ลิตร/100 กม.

มิติตัวรถ : ยาว 4,290 มม. กว้าง 1,760 มม. สูง 1,615 มม. ระยะฐานล้อ 2,615 มม.

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนพฤษภาคม 2563)

  • รุ่น S ราคา 889,000 บาท
  • รุ่น E ราคา 949,000 บาท
  • รุ่น V ราคา 999,000 บาท (ราคาหลังโปรโมชั่น 1,049,000 บาท ปรับขึ้น 50,000 บาท)
  • รุ่น VL ราคา 1,049,000 บาท (ราคาหลังโปรโมชั่น 1,103,900 บาท ปรับขึ้น 54,900 บาท)

Mazda-CX-30-2020

Mazda CX-30 2020

ข้อดี : รูปทรงใหญ่ เพราะเป็นรถที่ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mazda3 เพิ่มทางเลือกระหว่างรุ่น CX-3 และ CX-5 แต่ในบ้านเราถูกจับรวมมาในกลุ่ม B-SUV ด้วย ภายในนั่งกัน 4 คนสบายๆ แต่เบาะหลังอาจจะต้องปรับหน่อย สำหรับผู้ที่สูง 170 ซม. ขึ้นไป การขับขี่ที่ง่าย ให้ความรู้สึกเหมือนขับ Mazda3 เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง หรือชอบที่ชื่นชอบรถ SUV แนวสปอร์ต

ความรู้สึกของการขับขี่ มีการเซ็ทช่วงล่างและโช๊คอัพ มาให้ใกล้เคียงกับใน Mazda3 นิ่มและนุ่ม ไม่ยวบไม่ยุบ (ถ้าไม่ใช้ความเร็วเข้าโค้งแรงๆ) แต่ว่าชิ้นส่วนชิ้นงานที่ใช้ไม่เหมือนกัน ยกเว้นระบบเบรก ที่ยกของ Mazda3 มาใช้ทั้งชุด แต่ปรับให้เหมาะสมกับความสูง และน้ำหนักของตัวรถมากกว่า พร้อมระบบ GVC Plus ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างเหมาะสม

ผนวกกับพวงมาลัยให้น้ำหนักที่หนืดได้อย่างพอเหมาะ และประตูไฟฟ้าด้านหลัง ใช้งานได้อย่างดี เหมาะสำหรับขนจักรยานพับได้ พาลูกหลานไปปั่นกันในวันหยุด และมีที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 430 ลิตร

ข้อด้อย : ความกว้างขวางอาจเป็นรอง เมื่อเทียบกับรถ SUV รุ่นอื่นๆ แต่นี่ก็ไม่ใช่ความคาดหวังของลูกค้าที่ซื้อ Mazda อยู่แล้ว กับเรื่องศูนยบริการ และราคาอะไหล่ในภายภาคหน้า และแอร์ด้านหลังไม่ค่อยเย็น หากขับรถขณะอากาศร้อนมาก ต้องเร่งแอร์ให้แรงขึ้น รวมถึงคนนั่งเบาะหลังอาจเวียนหัว หรือเมารถได้ เนื่องจากเบาะคู่หน้าขนาดใหญ่ ค่อนข้างทึบในมุมผู่นั่งด้านหลัง

รายละเอียดตัวรถ :All-New Mazda CX-30 เปิดตัวครั้งแรกในโลกเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2019 และเปิดตัวในไทยเมื่อ 6 มีนาคม 2563 ในช่วงที่โควิด-19 กำลังมา ซึ่งจะมาแทนที่เจ้า Mazda CX-3 นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 กับแนวคิด “Life’s Always On เติมชีวิตให้เต็มความหมาย” สง่างามด้วยดีไซน์จาก โคโดะ ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” เรียบง่ายแต่งดงาม มาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC PLUS

Mazda CX-30 มีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่นย่อย ได้แก่ 2.0 C, 2.0 S และ 2.0 SP กับสีที่มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ประกอบด้วย สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal), สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray), สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray), สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl), สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver), สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black), สีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บลู (Deep Crystal Blue)

All-New-Mazda-CX-30-2020

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED
  • ไฟส่องสว่างสําหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Light) แบบ LED Signature
  • ระบบเสียง Premium Sound จาก BOSE รอบทิศทาง พร้อมลําโพง 12 ตําแหน่ง และ Sub-Woofer (เฉพาะรุ่น 2.0 SP)
  • หน้าจอกลาง Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง
  • เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทาง (พร้อมปรับดันหลังไฟฟ้า Lumbar Support)
  • เบาะนั่งคนขับ พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง Memory Seat 2 ตำแหน่ง
  • ถุงลมนิรภัย 7 ตําแหน่ง (คู่หน้า 2 ตำแหน่ง, ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง,ม่านนิรภัย 2 ตำแหน่ง และหัวเข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง)
  • ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟา
  • เซ็นเซอร์กะระยะ 4 จุด และกล้องมองหลัง
  • หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น 2.0 SP)
  • ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (เฉพาะรุ่น 2.0 SP)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake
  • ระบบ Auto Brake Hold
  • ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
  • ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button

และ … ระบบความปลอดภัย i-Activsense (เฉพาะรุ่น 2.0 SP)

  • ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360 ̊ View Monitor)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
  • ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support)
  • ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)
  • ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing)
  • ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System)
  • ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)

เครื่องยนต์ : เบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว SkyActiv-G ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.4 กม./ลิตร (ขับขี่โดยเฉลี่ย ในเมือง-นอกเมือง ประมาณ 10-12 กม./ลิตร)

ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ ตัวเดียวกับที่วางอยู่ใน Mazda3 สามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร

มิติตัวรถ : ยาว 4,395 มม. กว้าง 1,795 มม. สูง 1,540 มม. ระยะฐานล้อ 2,655 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 175 มม. ล้อแบบล้อแม็ก 16 นิ้ว และแบบ 18 นิ้ว

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนพฤษภาคม 2563)

  • รุ่น 2.0 C ราคา 989,000 บาท
  • รุ่น 2.0 S ราคา 1,099,000 บาท
  • รุ่น 2.0 SP ราคา 1,199,000 บาท

New-MG-ZS-2020

MG ZS 2020

ข้อดี : MG ZS 2020 เป็นรถในรูปแบบ B-SUV ที่มีราคาจำหน่าย ถูกที่สุดในตลาดไทยเวลานี้! นับตั้งแต่เปิดตัวมาในเดือนกันยายน 2560 เป็นต้นมา รวมไปถึงรุ่นที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียวๆ อย่าง MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) ที่เปิดจำหน่ายไปเมื่อ 20 มิถุนายน 2562 ก็คงไม่ต้องพูดว่ากระแสตอบรับดีแค่ไหน ดูได้จากยอดการผลิต ZS ที่มากถึง 30,000 คันเข้าไปแล้ว (ยอด ณ เดือนมกราคม 2563)

เป็นรถยอดนิยมมากของคนมีครอบครัวเล็กๆ พ่อบ้าน แม่บ้าน ใช้งานได้อเนกประสงค์ ด้วยรูปทรงที่สวย ใหญ่ สง่าเหมือนรถ SUV จากยุโรป ทั้งภายนอกและภายใน สวย นั่งสบาย เรียกได้ว่าออพชั่น คุ้มราคามากๆ วัสดุการประกอบภายในถือว่าใช้ได้ รวมถึงการแก้ปัญหาของศูนย์บริการ และบริการหลังการขายดีกว่าแต่ก่อนมาก

ข้อด้อย : เครื่องยนต์อาจแรงไม่ทันใจใครบางคน ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย เฉลี่ย​ 10-13​ กม./ลิตร กับชื่อเสียงของ MG ZS ของโฉมที่ผ่านมากับการมีปัญหา ต้องเคลมกันยกใหญ่ ขึ้นยานแม่กันหลายคัน ส่วนศูนย์บริการที่อาจจะยังไม่มาก การหาอะไหล่เทียบ (ในอนาคตที่ไม่ได้เข้าศูนย์บริการ) ก็ต้องรอดูกันต่อไป รวมไปถึงราคาขายต่อในตลาดรถมือสอง ที่ไม่ใช่รถตลาด ราคาอาจตกมากหน่อย

รายละเอียดตัวรถ : เป็นรถ MG ที่ใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะใหม่ล่าสุด i-SMART ที่นับเป็นครั้งแรกของคนขับรถ สามารถควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในรถด้วยการสั่งการผ่านเสียงภาษาไทย รวมถึงรองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ สอดคล้องกับยุคอินเตอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่งหรือ IoT (Internet of Things)

พร้อมระบบ Emergency Call โทร-ส่งข้อความ-ระบุพิกัดรถไปยังเบอร์โทรที่ตั้งค่าไว้ เมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน, ระบบ Smart Connect เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ท เพื่อใช้งานระบบอินโฟเทนเมนท์ รวมถึงระบบนำทางและรายงานการจราจรแบบ Real-Time และระบบ Smart Check ช่วยตรวจสอบสถานะของรถ และช่วยเตือนเมื่อมีสถานะผิดปกติ ล็อค-ปลดล็อคประตู ค้นหารถด้วยระบบ Find My Car ช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะผ่าน MG Mobile Application เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้ทีเดียว ซึ่งฟังก์ชั่นในราคารถหลักล้านเหล่านี้ เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงมาก

มาพร้อมช่วงล่าง Euro Tuning Suspension ที่ให้การทรงตัวดีเยี่ยม ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลงและช่วงล่างหลังแบบ Torsion Beam ที่ช่วยให้การควบคุมขับขี่ได้ลงตัวมากขึ้น

New MG ZS มี 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น C+, D+ และรุ่นสูงสุดคือ X+ พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี คือ สีขาว Arctic White, สีแดง Scarlet Red, สีเงิน Silver Metallic และ สีดำ Black Knight

New-MG-ZS-2020

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • กระจังหน้าปรับแบบใหม่
  • ชุดไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมฟังก์ชั่นเปิด-ปิดอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น X+)
  • ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ทรงใหม่
  • ไฟตัดหมอกหน้า (ยกเว้นรุ่น C+)
  • กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว แบบพับอัตโนมัติ
  • ราวหลังคา (ยกเว้นรุ่น C+)
  • ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 17 นิ้ว (เฉพาะรุ่น X+)
  • หลังคา Panoramic Sunroof (เฉพาะรุ่น X+)
  • ภายในรถโทนสีดำ พร้อมเบาะผ้าสีดำ (เฉพาะรุ่น C+)
  • ภายในรถโทนสีน้ำตาล และดำ พร้อมเบาะหนังสังเคราะห์ (เฉพาะรุ่น D+ และ X+)
  • มาตรวัดดิจิทัลขนาด 7 นิ้วแบบ Digital Multi-Function Display แบบใหม่ (เฉพาะรุ่น D+ และ X+)
  • จอกลางแบบทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว จัดวางแบบกึ่งลอยตัว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay พร้อมฟังก์ชั่น Smart Check, Smart Command และ Smart Connect
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) (ยกเว้นรุ่น C+)
  • ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
  • ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล
  • ระบบกรองอากาศเพื่อกรองฝุ่นขนาดเล็กในระดับ PM 2.5
  • เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง (เฉพาะรุ่น X+)
  • กุญแจรีโมท Smart Key
  • ปุ่ม Push Start
  • กล้องมองภาพแสดงผล 360 องศา รอบคัน Around View Monitor (เฉพาะรุ่น X+), กล้องมองภาพถอยหลัง (เฉพาะรุ่น D+)
  • สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
  • เบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake
  • ระบบหน่วงเวลาการดับไฟหน้า เมื่อดับเครื่องยนต์ Follow Me Home Light
  • จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กแบบ ISOFIX
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (ยกเว้นรุ่น C+), ม่านถุงลมนิรภัย (เฉพาะรุ่น X+)
  • ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
  • ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
  • ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
  • ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
  • ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
  • ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control System)
  • ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) (เฉพาะรุ่น X+)
  • ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
  • ระบบจำกัดความเร็ว ASL (Active Speed Limit) (ยกเว้นรุ่น C+)

เครื่องยนต์ : เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 15S4C แบบ 4 DOHC สูบ 16 วาล์ว VTi – TECH ให้แรงม้าสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด ทุกรุ่น ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) สามารถปรับโหมดพวงมาลัยได้ถึง 3 โหมด คือ โหมด City สำหรับการขับขี่ในเมือง, โหมด Standard สำหรับการขับขี่ทั่วไป และโหมด Sport สำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ต ให้รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร

มิติตัวรถ : ยาว 4,323 มม. กว้าง 1,809 มม. สูง 1,628 มม. (รุ่น C+) 1,653 มม. (รุ่น D+ และ X+) ระยะฐานล้อ 2,585 มม. ล้อแบบอัลลอยขนาด 16 นิ้ว และ 17 นิ้ว (X+)

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนพฤษภาคม 2563)

  • รุ่น C+ ราคา 689,000 บาท
  • รุ่น D+ ราคา 739,000 บาท
  • รุ่น X+ ราคา 799,000 บาท

ตารางผ่อนดาวน์ Nissan Kicks e-POWER 2020 ใหม่

Nissan-Kicks-e-POWER-2020-ตารางผ่อนดาวน์

โปรโมชั่น Nissan Kicks e-POWER 2020 ใหม่

Nissan-Kicks-ePower-2020

All-New Nissan Kicks รุ่น V

  • ราคาช่วงเปิดตัว 999,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.69%* (เงินดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน)
  • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี*
  • ฟรี รับประกันระบบ e-POWER 5 ปี รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 ปี**
  • ฟรี ไส้กรองแอร์แบบพรีเมียม “Nissan Premium Air-Con filter”

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น

** รับประกันระบบรถยนต์ e-POWER เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือ ระยะทาง 100,000 โลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และ รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เป็นระยะเวลา 10 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กิโลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน โดยเป็นขยายการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเพิ่มเติม ภายในปีที่ 6-10 จาก ปีที่ 5 โดยเพิ่มระยะทางจาก 100,000 กิโลเมตรเป็น 200,000 กิโลเมตร โดยลูกค้าสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่เนื่องจากความเสียหาย ได้ 1 ครั้ง

All-New Nissan Kicks รุ่น VL

  • ราคาช่วงเปิดตัว 1,049,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.69%* (เงินดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน)
  • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี*
  • ฟรี รับประกันระบบ e-POWER 5 ปี รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 ปี**
  • ฟรี ไส้กรองแอร์แบบพรีเมียม “Nissan Premium Air-Con filter”

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น

** รับประกันระบบรถยนต์ e-POWER เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือ ระยะทาง 100,000 โลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และ รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เป็นระยะเวลา 10 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กิโลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน โดยเป็นขยายการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเพิ่มเติม ภายในปีที่ 6-10 จาก ปีที่ 5 โดยเพิ่มระยะทางจาก 100,000 กิโลเมตรเป็น 200,000 กิโลเมตร โดยลูกค้าสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่เนื่องจากความเสียหาย ได้ 1 ครั้ง

ตารางผ่อนดาวน์ Mazda CX-30 2020 ใหม่

Mazda-CX-30-2020-ตารางผ่อนดาวน์

ตารางผ่อนดาวน์ MG ZS 2020 ใหม่

MG-ZS-2020-ตารางผ่อนดาวน์

ในเวลานี้ ใครที่อยากขายรถ เพื่อซื้อรถใหม่ ต้อนรับปีใหม่นี้ ต้องนึกถึงเรา CARRO! เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand จ้า แค่นี้การเปลี่ยนรถใหม่ของคุณ ก็ง่ายขึ้นแล้ว

All-New-Nissan-Kicks-2020

Nissan Kicks e-POWER 2020 (นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์) ครอสโอเวอร์ไฮบริด โฉมไมเนอร์เชนจ์ เป็นรถใหม่ 2020 ที่น่าสนใจอีกรุ่น เตรียมเปิดตัวในไทยเป็นที่แรกของโลก 15 พ.ค. นี้! ผ่านทางช่องทางออนไลน์ เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป หลังจากที่เจอฤทธิ์ของโควิด-19 ถล่มจนต้องเลื่อนการจัดงานในเดือนมีนาคม 2563 มาเป็นเดือนพฤษภาคม 2563

สำหรับ Nissan Kicks e-POWER รุ่นไมเนอร์เชนจ์ มีการปรับรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ เช่นกันกับในตัว Nissan Serena e-Power รุ่นล่าสุดที่ขายในญี่ปุ่น อีกทั้งยังพร้อมส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น และมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 3 มิถุนายน 2020 ด้วย

Nissan-Kicks-ePower-2020

เดิมที Nissan Kicks เป็นรถแบบ SUV ที่นิสสันพัฒนามาจากรถต้นแบบอย่าง Nissan Kicks Concept โดยเปิดตัวตัวรถผลิตขายจริงมาตั้งแต่ช่วงปี 2016 เพื่อทำตลาดในอเมริกาใต้เป็นหลัก ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม V แบบเดียวกับรถตระกูล Nissan Micra, Note, Pulsar หรือ Sylphy

Nissan-Kicks-ePower-2020

การออกแบบมาเพื่อเป็นรถแบบเดียวกับ Nissan Juke แต่เน่นความเป็นพรีเมียมดีไซน์มากกว่า เริ่มต้นที่กระจังหน้าแบบ V-Motion ใหม่ เอกลักษณ์เฉพาะของนิสสัน ไฟหน้า LED เสริมด้วยระบบ Follow-Me-Home ไฟท้าย LED Signature Light ไปจนถึงไฟเบรก LED ใหม่ และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

มีมิติตัวรถยาว 4,290 มม. กว้าง 1,760 มม. สูง 1,615 มม. ระยะฐานล้อ 2,615 มม.

Nissan-Kicks-ePower-2020

ส่วนห้องโดยสารภายใน โดดเด่นด้วยการใช้สีทูโทนดำ – ส้ม (เฉพาะรุ่น VL) ด้วยแผงคอนโซล และเบาะหนัง พร้อมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา สะดวกสบายและเติมเต็มความเพลิดเพลินตลอดการเดินทางอย่างเร้าใจ กับ เทคโนโลยีเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับหน้าจอเครื่องเสียง ผ่าน Apple CarPlay อัปเดตโลกออนไลน์และสร้างความบันเทิงได้ตลอดการเดินทาง ไม่พลาดทุกการสื่อสาร โดดเด่นด้วยฟังก์ชันระบบนำทาง Navigation System ผ่าน Google Map และระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition ที่ใช้งานง่าย

พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุมากถึง 432 ลิตร และยังมีความลึกของห้องเก็บสัมภาระที่มากถึง 900 มม. โดยที่ยังไม่พับเบาะหลัง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

Nissan-Kicks-ePower-2020

เวลาขับก็ไม่ใช่เรื่องลำบากยากเย็น กับ ระบบอัจฉริยะที่ช่วยให้คนขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทาง ผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน จับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และนำไปประมวลผล จากนั้นแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอวิทยุ และยังทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ซึ่งตรวจจับและส่งสัญญาณเตือน เมื่อตรวจพบบุคคล หรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และให้ความมั่นใจในการขับขี่

Nissan-Kicks-ePower-2020

ตัวเทคโนโลยี e-POWER ที่นิสสันมานำเสนอใน Kicks เป็นรุ่นแรกของบ้านเรา ประกอบด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็กแบบ 3 สูบ 1.2 ลิตร, เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator), อินเวอร์เตอร์ และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์สันดาปภายในกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะผลิตกระแสไฟฟ้าไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี่แบบลิเธียม ไอออน (Lithium-Ion) มีขนาดกะทัดรัด และส่งผ่านไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนโดยไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก ให้ผู้ขับสัมผัสถึงการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในแบบรถยนต์ไฟฟ้า (BEV : Battery Electric Vehicle) 100%

Nissan-Kicks-ePower-2020

จุดเด่นคือเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE (แบบเดียวกับใน Note e-Power) แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด  79 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor รหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (95 กิโลวัตต์) ที่ 4,000-8,992 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 500-3,008 รอบ/นาที

หากรวมพลังทั้งหมด ให้แรงม้าสูงถึง 129 แรงม้า ที่ 4,000 – 8,992 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ที่ 500 – 3,008 รอบ/นาที และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23.8 กม./ลิตร (ตาม Eco Sticker) หรือ 4.2 ลิตร/100 กม.

Nissan-Kicks-e-POWER-ECO-Sticker

ECO Sticker ของ Nissan Kicks e-POWER 2020

สำหรับโหมดการขับขี่ของ Nissan Kicks e-Power 2020 มีให้เลือกด้วยกัน 3 โหมด

  • EV MODE ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว โดยเครื่องยนต์จะไม่ผลิตไฟฟ้า ให้คุณสัมผัสถึงความเงียบสนิทและอีกขั้นของความประหยัด
  • S MODE เพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อนและตอบสนองอัตราเร่งให้ดียิ่งขึ้น
  • ECO MODE ปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง

Nissan-Kicks-ePower-Line-Up-2020

ออพชั่นเด่นๆ ของ Nissan Kicks e-POWER 2020 มีอะไรบ้าง ดูได้ตรงนี้เลย

  • หน้าจอ TFT Digital Meter ขนาด 7 นิ้ว บนมาตรวัด
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape
  • กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Intelligent Key
  • ปุ่ม Push Start
  • กุญแจระบบ Immobilizer
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
  • กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Anti-jam Protection ด้านผู้ขับ
  • ที่วางแก้วตอนหน้า 2 ตำแหน่ง
  • ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้า-หลัง 4 ตำแหน่ง
  • กล่องเก็บของด้านหน้า
  • ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า
  • ไฟห้องสัมภาระด้านท้าย
  • ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง
  • ระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา
  • ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ Nissan Connect จอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ลำโพง 6 ตำแหน่ง Bluetooth, USB, AUX-in, ฟังก์ชั่น Apple CarPlay สำหรับ iOS (เฉพาะรุ่น V และ VL)
  • ชุดเครื่องเสียงมาตรฐาน วิทยุ AM/FM, Bluetooth, USB, AUX-in และลำโพง 4 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น S และ E)
  • เทคโนโลยร One-Pedal คันเร่งอัจฉริยะ
  • ระบบ Intelligent Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชั่นชลอความเร็วและรักษาระยะห่างตามรถคันหน้า
  • ระบบ Intelligent Forward Collision Warning ช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า
  • ระบบ Intelligent Emergency Braking ช่วยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อชะลอความเร็วหรือหยุดรถ ลดความเสียหายที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุ
  • ระบบ Blind Spot Warning เตือนจุดอับสายตา
  • ระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนในขณะถอยออก
  • ระบบ Intelligent Around View Monitor กล้องอัจฉริยะรอบทิศทาง พร้อมเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อพบวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control
  • ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ Intelligent Ride Control
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง Intelligent Trace Control
  • ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด ประกอบด้วยคู่หน้า, ข้าง และม่านข้างซ้าย-ขวา (รุ่น VL) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า (ทุกรุ่น)
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ Pretensioner and Load Limiter Seatbelts
  • จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กเด็กแบบ ISOFIX
  • ระบบเบรก ABS, EBD และ BA
  • กระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror แสดงผลด้วยจอ LCD ที่แสดงภาพจากกล้องด้านหลังตัวรถ สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลระหว่างจอแสดงภาพ หรือภาพสะท้อนแบบปกติจากกระจกได้
  • ระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน

Nissan-Kicks-ePower-Price-2020

ราคาของ Nissan Kicks e-Power ใหม่

  • รุ่น S ราคา 889,000 บาท
  • รุ่น E ราคา 949,000 บาท
  • รุ่น V ราคา 999,000 บาท (ราคาหลังโปรโมชั่น 1,049,000 บาท ปรับขึ้น 50,000 บาท)
  • รุ่น VL ราคา 1,049,000 บาท (ราคาหลังโปรโมชั่น 1,103,900 บาท ปรับขึ้น 54,900 บาท)

Nissan-Kicks-ePower-Color-2020

All-New Nissan Kicks e-POWER มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ประกอบด้วย

  • สีดำ Black Star
  • สีขาว Storm White (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
  • สีแดง Radiant Red
  • สีเทา Gun Metallic
  • สีเงิน Brilliant Silver
  • สีส้ม Monarch Orange (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)

นอกจากนี้ยังมีสีทูโทน ใช้หลังคาสีดำ (เฉพาะรุ่น VL) อีก 4 สี คือ

  • สีขาว Storm White – ดำ (เพิ่มเงิน 15,000 บาท)
  • สีส้ม Monarch Orange – ดำ (เพิ่มเงิน 15,000 บาท)
  • สีแดง Radiant Red – ดำ (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
  • สีเทา Gun Metallic – ดำ (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)

ทุกรุ่นรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี, รับประกันระบบไฟฟ้า 5 ปี และรับประกันคุณภาพรถใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน สนใจจองได้ตั้งแต่วันนี้ การส่งมอบจะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน 2563 เป็นต้นไป

Nissan-Kicks-ePower-2020

ส่วนใครที่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฮบริดสักคัน ก็ลองขายรถคันเดิมแล้วเอาเงินไปซื้อ Nissan Kicks e-POWER มาใช้ดู เพียงลงขายรถคันเดิมง่ายๆ ได้ที่ Link นี้เลย https://th.carro.co/sell-car/express ให้ราคาดี รับเงินไว ปิดการขายได้ใน 24 ชั่วโมง หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand คลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Carro-Roojai-Update-5-New-Cars-In-Thailand-2020

เข้าสู่ศักราชใหม่อย่างเต็มตัว หนึ่งเรื่องที่คนรักรถติดตามนั่นก็คือ รถใหม่ปี 2020 ในไทย รอชมว่าจะมีรถรุ่นไหนออกมาขายใหม่บ้างในแต่ละปี จะมีนวัตกรรมใหม่อะไรบ้างในแต่ละรุ่นรถ ซึ่งแน่นอนว่าด้วยกลไกทางการตลาดก็ทำให้รถแต่ละรุ่นมีโฉมใหม่ออกมาตลอดทุกปี แต่บางทีก็เป็นแค่ข่าวเปิดตัวในต่างประเทศหรือบางรุ่นก็ไม่ได้นำเข้ามาขายในประเทศไทย

วันนี้ Roojai.com ได้รวบรวมรุ่นรถต่าง ๆ มาไว้ให้คุณแล้วกับ “ว่าที่” รถใหม่ที่พร้อมจะเข้ามาลุยตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ให้ทุกคนได้สัมผัสจับจองเป็นเจ้าของได้จริง อัปเดตกับรุ่นที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ ทั้งรุ่นที่สร้างกระแสให้กับคนทั่วโลกและรุ่นที่เป็นที่นิยมบนถนนบ้านเรา จะมีรุ่นไหนบ้าง เป็นรุ่นที่คุณกำลังรออยู่หรือเปล่า อ่านกันได้เลย

5 รถใหม่ปี 2020 ในไทย มีรถรุ่นอะไรบ้าง?

Honda-Jazz-2020

1. Honda Jazz

สร้างความฮือฮากันไปแล้วก่อนหน้านี้กับรถ 4 ประตูอย่าง Honda City ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าทาง Honda จะสานต่อความนิยมกับเวอร์ชั่นแฮทช์แบ็ก 5 ประตูกับรถ Honda Jazz ในปีนี้

รถรุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกที่ญี่ปุ่นซึ่ง gen นี้ถือเป็นลำดับที่ 4 ของตระกูล เป็นจุดดึงดูดความสนใจให้กับบรรดาสาวกรถรุ่นนี้กันได้ไม่น้อยทั้งในไทยและเทศ ผ่านดีไซน์ภายนอกและภายในที่เน้นความเรียบง่ายมากกว่าเดิม เน้นส่วนโค้งมากกว่าการตัดคม สื่อถึงความเป็นพื้นฐานของรถในอนาคตได้อย่างเต็มที่ และเช่นเดิมที่เรื่องของความกว้างและความเอนกประสงค์ภายในห้องโดยสารยังคงเป็นจุดขายไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้าซึ่งช่วยสร้างชื่อให้กับรถรุ่นนี้

ถึงแม้เวอร์ชั่นตั้งต้นของรถรุ่นนี้จะมากับเครื่องยนต์ไฮบริดแต่คาดว่าพอถึงเวลาที่ทางค่ายปูพรมเปิดตัวให้กับรถรุ่นนี้ในไทย โอกาสที่จะใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกับที่ใช้ใน Honda City รุ่นล่าสุดจะมีสูงกว่า ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ Turbo Charger แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 122 แรงม้า

Mazda-CX-30-2020

2. Mazda CX-30

Mazda CX-30 เข้าไทย เป็นข่าวแรงมากในช่วงที่ผ่านมา จากความท้าทายเดิมที่ Mazda CX-3 ให้ไม่ได้ในเรื่องของขนาดภายในห้องโดยสารที่พื้นฐานถูกนำมาจาก Mazda2 ทางค่ายจึงแก้ปัญหาโดยการพัฒนารถรุ่นใหม่นี้ขึ้นมาใหม่เป็น gen ที่ 2 ของตระกูลพร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Mazda CX-30

แผนของ Mazda CX-30 ในช่วงต้นปีนี้ต่อเนื่องจากที่เปิดตัวในญี่ปุ่นก่อนหน้าเมื่อราวเดือนกันยายนในปีที่แล้ว โดยพื้นฐานตัวถังจะปรับมาใช้ร่วมกับของ Mazda3 รุ่นปัจจุบันที่เพิ่งเปิดตัวในไทยเมื่อไม่นานมานี้ สะเด็ดน้ำจนได้มิติรถใหม่ที่ช่วยส่งให้ภายในห้องโดยสารกว้างขึ้นในทุกมิติ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้มากขึ้น และสามารถสู้ได้แบบไม่อายกับคู่แข่งไม้เบื่อไม้เมาอย่าง Toyota C-HR และ Honda HR-V

Honda-Freed-2020

3. Honda Freed

เปิดตัวออกมาเป็นความหวังเล็ก ๆ ที่คนไทยอยากจะสัมผัสกับรถครอบครัวคุณภาพอย่าง Honda Freed หลังจากที่เปิดตัวใหม่ในแบบไมเนอร์เชนจ์ที่บ้านเกิดเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว มาพร้อมกับขุมกำลังที่มีทั้ง เบนซิน 1.5 ลิตร และ เบนซิน Hybrid ให้เลือก พร้อมกับการปรับปรุงใหม่หมดโดยเฉพาะภายในให้ดูเป็นมิตรมากขึ้น “ตรงรุ่น” ในความเป็นรถสำหรับครอบครัวในทุกจุด

อย่างไรก็ตามสำหรับรุ่นนี้ต้องบอกไว้ก่อนว่าอาจะต้องลุ้นหนักหน่อยว่าจะมีเข้ามาขายในไทยหรือเปล่า เพราะทางต้นสังกัดยังไม่ได้ออกมาคอนเฟิร์มว่าจะนำเข้ามาขายอีกมั้ย แต่ด้วยกระแสเรียกร้องของผู้ใช้ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่เราจะได้เห็นรถรุ่นนี้กลับมาโลดแล่นบนถนนบ้านเราอีกครั้ง

Nissan-Kicks-2020

4. Nissan Kicks

เมื่อต้นตำรับ Crossover SUV รุ่นบุกเบิกตลาดในไทยอย่าง Nissan JUKE ถึงเวลา “กลายพันธ์ุ” (ได้สักที) มาเป็นรถรุ่นใหม่ในชื่อ Nissan Kicks บนแพลตฟอร์มล่าสุดของทางค่ายที่ชื่อ V-Platform เทคโนโลยีแบบเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Note และ Nissan Almea ใหม่

ซึ่งเวอร์ชั่นที่มาถึงเมืองไทยจะเป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์ล่าสุดหลังจากที่รุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 บนตลาดโลก และคาดว่าจะมากับเครื่องยนต์ไฮบริด HYBRID e-POWER เป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.2L ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุดอยู่ที่ 129 แรงม้า ตัวรถจะถูกขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก ส่วนเครื่องยนต์จะทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องปั่นไฟเข้าแบตฯ ส่งให้มอเตอร์ใช้งาน

Toyota-Yaris-2020

5. Toyota Yaris

ซิตี้คาร์ยอดนิยมอันดับหนึ่งอย่าง Toyota Yaris ในรูปแบบใหม่หมดเปลือกได้เถลิงตัวออกมาแล้วเป็นครั้งแรกที่งาน Tokyo Motor Show 2019 บนแพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมดเป็น TNGA-B อัปเกรดความสปอร์ตมากขึ้นที่ภายนอก ด้วยเส้นสายโค้งเว้ารอบคัน ส่วนภายในทั้งการออกแบบและการใช้งานทุกฟังก์ชั่นถูกจัดไว้อย่างลงตัว เรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความล้ำสมัยไม่ต่างจากภายนอก

ด้านเครื่องยนต์ เปิดตัวมาให้เลือกกับเครื่องยนต์ 3 ขนาด ได้แก่ 1.0L, 1.5L และ 1.5L Hybrid ปล่อยให้เวอร์ชั่นปัจจุบันของรุ่นทำตลาดไปก่อน ไม่นานเกินรอ เร็วที่สุดคือไม่เกินสิ้นปีนี้หรืออย่างช้าก็ปีหน้าที่คนไทยจะได้สัมผัสกับลุคใหม่แบบหมดเปลือกของเจ้า Yaris นี้ด้วยตัวเอง

และทั้งหมดนี้คือรถรุ่นที่เรานำมาฝากกันกับ รถใหม่ 2020 ในไทย บางรุ่นกระแสมาแรงค่อนข้างชัวร์ รอเปิดตัวกันได้เลย บางรุ่นอาจต้องลุ้นหนักสักหน่อย ต้องอดใจรอกันสักนิด ช้าหรือเร็วเป็นไปได้ทั้งหมด แต่ที่รอไม่ได้เลยนั่นก็คือเรื่องของการทำประกันรถยนต์ซึ่งต้องมีอยู่คู่กับรถของคุณ หากต้องการคลิกที่นี่เพื่อเช็คราคาประกันรถออนไลน์ สามารถทำได้เลยตลอด 24 ชม.ผ่านเว็บไซต์เพราะ Roojai.com เราพร้อมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ