เตรียมเฮ! Tesla ตั้งบริษัทในไทยแล้ว

Tesla (เทสลา) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังระดับโลก ที่คนไทยรู้จักดีกับเจ้าของบริษัทผู้โด่งดัง Elon Musk (อีลอน มัสก์) บุกไทยแล้ว! พร้อมแจ้งจดทะเบียนจัดตั้ง “บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด” เตรียมทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) และแผงโซลาร์เซลล์ในไทยเร็วๆ นี้

คนรักรถยนต์ไฟฟ้าเฮ! Tesla ตั้งบริษัทในไทยแล้ว!

หลังจากที่มีผู้พบในเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ถึงฐานข้อมูลบริษัทจดทะเบียนใหม่ ของกระทรวงพาณิชย์ พบชื่อ บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทฯ ทำธุรกิจในไทยตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา
เลขทะเบียนนิติบุคคล 0105565069229 พร้อมระบุประเภทธุรกิจเป็น การขายรถยนต์ใหม่ชนิดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ รถตู้ และรถขนาดเล็กที่คล้ายกัน มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 3,000,000 บาท

ส่วนวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจ นั่นคือ “ประกอบกิจการขายรถยนต์ไฟฟ้า ระบบเก็บพลังงานแบบติดตั้งและอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบเก็บพลังงานแบบติดตั้ง ระบบผลิตพลังงานและอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบพลังงาน” ซึ่งคาดว่าเป็นการขายรถยนต์ไฟฟ้า, แผงโซลาร์เซลล์ และระบบ Power Wall สำหรับบ้านและโรงงานของทาง Tesla นั่นเอง

คนรักรถยนต์ไฟฟ้าเฮ! Tesla ตั้งบริษัทในไทยแล้ว!

รายชื่อผู้บริหาร มีด้วยกัน 3 คน ได้แก่ นายเดวิด จอน ไฟน์สไตน์ (David Jon Feinstein) ตำแหน่ง Global Senior Director – Trade Market Access ซึ่งล่าสุดได้รับแต่งตั้งให้ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ในอินเดีย จึงคาดได้เลยว่า Tesla มาทำตลาดในไทยเองแน่นอน

นายไวภา ตเนชา (Vaibhav Taneja) ผู้บริหารระดับสูงฝั่งการเงิน และนายยารอน ไคลน์ (Yaron Klein) ผู้บริหารระดับสูงฝั่งการเงิน เป็น CFO ของ Tesla Energy Operations

คนรักรถยนต์ไฟฟ้าเฮ! Tesla ตั้งบริษัทในไทยแล้ว!

ส่วนที่อยู่สำนักงานคือ ชั้น 23 อาคารเอ็มไทย ทาวเวอร์ ออล ซีซั่นส์ เพลส ส่วนอีเมลติดต่อเป็นของ tilleke.com ซึ่งเป็นของ Tilleke & Gibbins บริษัทกฏหมายชื่อดังของไทยอายุกว่า 130 ปี มีสำนักงานอยู่หลายประเทศในอาเซียน ช่วยดูด้านการจัดตั้งบริษัทและข้อกฎหมายให้

แต่จะนอกจากการขายรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว มีการตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ด้วยไทยด้วยหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไปครับ เพราะว่าการจดทะเบียนตั้งบริษัททิ้งไว้เฉยๆ ก่อน นั่นอาจจะยังหมายถึงไม่ได้รีบลงทุนประกอบธุรกิจในเวลานี้ก็ได้

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

10-Most-Valuable-Auto-Companies-In-The-World-2021

ในโลกของเรานี้มีบริษัทรถอยู่มากมาย บางยี่ห้อสามารถพาตัวเองขึ้นมาเป็นมูลค่าอันดับต้นๆ ของโลกได้ ต้องสั่งสมคุณภาพและมาตรฐาน เป็นที่น่าเชื่อถือของผู้ใช้รถได้ยาวนานนับหลายสิบปี หรือร้อยปี จนสามารถผลิตรถได้หลายล้านคันต่อปี และมีโรงงานผลิตกระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ของบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทั่วโลก

การที่บริษัทรถหลายแห่งได้รับความเชื่อใจจากลูกค้ามากมายทั่วโลก ก็ส่งผลให้มูลค่าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์พุ่งขึ้นตาม นักลงทุนเชื่อว่าบริษัทฯ จะสามารถสร้างยอดขายและกำไรได้มาก นั่นก็หมายถึงเงินปันผลที่เขาจะได้รับก็มากไปด้วยเช่นกัน และในขณะเดียวกัน บริษัทรถที่มีปัญหาเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ หรือลูกค้าเสียความเชื่อมั่น ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น และฐานะทางการเงินของบริษัทโดยเลี่ยงไม่ได้

MR.CARRO ขอนำรายละเอียด 10 อันดับ บริษัทรถยนต์ มูลค่ามากที่สุดในโลก ประจำปี 2021 มาฝากทุกท่านครับ

Tesla-One-Million-Cars-Production

1. Tesla

Tesla มูลค่าบริษัท 582.93 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ก็ว่าได้ สำหรับ Tesla (เทสล่า) ที่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเมื่อ 1 กรกฎาคม 2003 โดย Martin Eberhard และเพื่อนของเขา Marc Tarpenning ที่ต้องการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับความสปอร์ตและหรูหรา แล้วก็นำชื่อของ Nikola Tesla (นิโคลา เทสลา) ผู้ค้นพบวิธีการสื่อสารแบบไร้สาย ผู้ประดิษฐ์ขดลวดเทสลา ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟแบบใช้ก๊าซให้แสงสว่าง เป็นต้น

ต่อมา Elon Musk (อีลอน มัสก์) เห็นว่าแนวคิดตรงกัน เลยเข้ามาลงทุนในบริษัทนี้ พร้อมกับผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกจำหน่าย โดยใช้เวลาเพียง 17 ปี ก็สามารถเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดของโลกได้

ทุกวันนี้ Tesla เปรียบได้กับตัวแทนของเทคโนโลยีรถยนต์แห่งอนาคต และ Elon Musk ยังเปรียบได้ว่าเป็น “ราชาแห่งรถยนต์ไฟฟ้า” ก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าใครจะพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้าในด้านไหนก็ตาม ผู้คนมักนึกถึงหน้าเขาเป็นอันดับต้นๆ อยู่ตลอดเวลา

Toyota-Century

2. Toyota

Toyota มูลค่าบริษัท 246.61 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

จากบริษัทโรงงานทอผ้า Toyoda Automatic Loom Works ที่ก่อตั้งโดย Sakichi Toyoda ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ราชานักประดิษฐ์” ของญี่ปุ่น ในปี 1929 ได้ขายสิทธิบัตรการผลิตเครื่องทอผ้าอัตโนมัติให้กับ Platt Brothers & Co ประเทศอังกฤษ พร้อมกับนำเงินทุนมาตั้งบริษัท Toyota Motor ลุยกับการผลิตรถยนต์อย่างเต็มตัว

โดย Kiichiro Toyoda (คิอิชิโร โทโยดะ) ทำหน้าที่รับช่วงต่อ เริ่มผลิตรถ Toyoda AA (โตโยด้า เอเอ) ออกจำหน่ายในปี 1936 จน Toyota (โตโยต้า) ก้าวขึ้นมาสู่อันดับ 1 ของโลกของยานยนต์ ที่ครองใจคนใช้รถไปทั่วโลก

แบรนด์รถในเครือ Toyota ได้แก่ Toyota, Lexus, Daihatsu, Hino และยังถือหุ้นใน Mazda กับ Subaru อีกด้วย

Bye-Bye-Volkswagen-Beetle

3. Volkswagen

Volkswagen มูลค่าบริษัท 173.46 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

เป็นรถที่เกิดขึ้นในยุค Aldorf Hitler (อดอล์ฟ ฮิตเลอร์) หัวหน้าพรรคนาซี เป็นผู้นำประเทศ ในยุคเผด็จการฟาสซิสต์ขวาจัดตกขอบ ผู้สังหารหมู่ชาวยิวนับล้านคนและนำทัพเยอรมนีบุกไปหลายประเทศช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี 1937 ได้มีแนวคิดสร้างรถยนต์สำหรับประชาชนขึ้น โดยตั้งชื่อว่า Volkswagen (โฟล์คสวาเกน) ตามภาษาเยอรมันที่คำว่า Volk แปลว่า ประชาชน ส่วน Wagen แปลว่า รถยนต์ รวมกันแล้วเป็น “รถยนต์ของประชาชน”

ปัจจุบัน แบรนด์รถในเครือ Volkswagen มีหลายยี่ห้อ ได้แก่ Volkswagen, Porsche, Audi, Bugatti, Bentley, Lamborghini, Skoda, Scania, MAN, Neoplan และ Ducati เป็นต้น

4. Daimler

Daimler มูลค่าบริษัท 102.65 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

ชื่อ “Daimler” มาจากบริษัท Daimler Motoren Gesellschaft ของ Gottlieb Daimler (กอตต์ลีบ เดมเลอร์) ผู้ประดิษฐ์รถยนต์ 4 ล้อคันแรกของโลก ที่ถูก Wilhelm Maybach (วิลเฮลม์ มายบัค) เข้ามาสืบทอดกิจการต่อ

ในปี 1926 ได้รวมเข้ากับบริษัท Benz Cie & Co. จึงจับชื่อมาชนกัน แล้วขายรถในชื่อ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ตั้งแต่ปี 1926 แต่ยังคงใช้ชื่อบริษัทว่า Daimler-Benz ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Daimler-Chrysler เมื่อคราวรวมกิจการกับ Chrysler ในปี 1998 และกลับมาใช้ชื่อ Daimler AG อีกครั้งในปี 2007 หลังจากการแยกตัวของ Chrysler

แบรนด์รถในเครือ Mercedes-Benz ได้แก่ Mercedes-Benz, Smart, Maybach, AMG, Freightliner, Western Star, Bharat Benz, Setra, Fuso, Starliner

All-New-Chevrolet-Captiva-2019

5. GM

GM มูลค่าบริษัท 86.53 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

GM (จีเอ็ม) หรือ General Motors เคยได้ชื่อว่าบริษัทรถที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาก่อน จดทะเบียนครั้งแรกในวันที่ 16 กันยายน 1908 ในเมือง Flint รัฐ Michigan และบริหารงานโดย William C. Durant เจ้าของบริษัทผลิตรถม้า ดูแรนท์ ดอร์ท แคร์ริเอจ (Durant-Dort Carriage Company) ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Buick (บูอิค) โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง Charles Stewart Mott เป็นผู้ริเริ่มนำบริษัทควบรวมกับ Buick และภายหลังเขาก็เป็นผู้ถือหุ้นเพียงคนเดียว ก่อนจะขยายกิจการด้วยการซื้อแบรนด์อื่นมารวมใน GM มากมาย

แบรนด์รถในเครือ GM ได้แก่ Chevrolet, Cadillac, Buick, GMC และ Holden

BYD-T3

6. BYD

BYD มูลค่าบริษัท 79.57 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

BYD (บีวายดี) หรือ Build Your Dreams ก่อตั้งเมื่อปี 1995 โดย Wang Chuanfu เติบโตมาจากบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับมือถือ ต่อมาในปี 2002 BYD เข้าซื้อกิจการของบริษัท Tsinchuan Automobile หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน. ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น BYD Automobile Co.,Ltd.

ซึ่ง BYD นับตั้งแต่ปี 2008 เริ่มเน้นผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาจำหน่ายมากเป็นพิเศษ จนถึงขนาด Warren Buffet เข้ามาซื้อหุ้นของ BYD บริษัทแม่ถึง 10% (คิดเป็นเงิน ณ ตอนนั้นราว 230 ล้านเหรียญ) จัดได้ว่าเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก (ในแง่ความหลายหลายของผลิตภัณฑ์ มีทั้งรถยนต์ รถบัส รถบรรทุกไฟฟ้า และโรงงานผลิต เป็นต้น) ที่ในไทยก็มีตัวแทนจำหน่ายแล้ว

แบรนด์รถในเครือ BYD ได้แก่ BYD และ Denza เป็นต้น

BMW-Series-3-2019

7. BMW

BMW มูลค่าบริษัท 71.70 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ถือกำเนิดขึ้นในปี 1916 ที่เยอรมนี โดยวิศวกรเครื่องกลชาวบาวาเรีย 2 คน คือ Carl Rapp และ Max Friz ซึ่งเริ่มต้นผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน โดยใช้ชื่อว่า Bayerische Flugzkugwerke AG แต่ในปี 1918 ก็เปลี่ยนมาผลิตรถยนต์แทน และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Bayerische Motoren Werke AG ซึ่งแปลว่า งานผลิตรถยนต์ ของคนบาวาเรีย ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก

แบรนด์รถในเครือ BMW ได้แก่ BMW, Mini และ Rolls-Royce

All-New-NIO-ET7

8. NIO

NIO มูลค่าบริษัท 67.44 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

NIO (นิโอ) นับเป็น Startup ด้านรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดของจีนในเวลานี้ มาในรูปแบบของรถหรูไฮเทคคันแรกของค่าย อย่าง NIO ET-7 มีจุดเด่นที่ด้านการออกแบบ นวัตกรรม เทคโนโลยี แถมยังได้ชื่อว่าเป็น Tesla (เทสล่า) แห่งประเทศจีนอีกด้วย!

สำหรับ NIO ได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดย William Li (วิลเลียม หลี่) หรือ หลี่ปิน มหาเศรษฐีที่ได้ชื่อว่าเป็น Elon Musk (อีลอน มัสก์) แห่งประเทศจีน! ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพด้านไอทีของตัวเองขึ้นมาตอนอายุ 21 จนถึงในปัจจุบัน ได้ลงทุนในอุตสาหกรรมไอที และรถยนต์ไปแล้วกว่า 40 บริษัท รวมทั้ง NIO รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์นี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2014

Peugeot-3008

9. Stellantis

Stellantis มูลค่าบริษัท 62.61 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

หลายคนอาจงงว่า Stellantis (สเตแลนทิส) คือกลุ่มของบริษัทอะไร? MR.CARRO จะเล่าย้อนไปในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการร่วมมือกันของ 2 ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ คือ Groupe PSA (กรุ๊ป พีเอสเอ) และ FCA (เฟียต ไครสเลอร์ ออโตโมบิล) ควบรวมธุรกิจในสัดส่วน 50:50 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2019 ภายใต้ชื่อใหม่ Stellantis (มาจากภาษาลาติน แปลว่า ดวงดาวอันเจิดจรัส สื่อถึงแรงบันดาลใจ) ส่งผลให้กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีพนักงานทั้งหมดประมาณ 400,000 ชีวิต ในกว่า 130 ประเทศ

แบรนด์รถในเครือ Stellantis ได้แก่ Abarth, Alfa Romeo, Lancia, Maserati, Fiat, Citroen, DS, Peugeot, Chrysler, Jeep, Dodge, RAM, Opel และ Vauxhall

Ford-Mustang-Mach-E-2021

10. Ford

Ford มูลค่าบริษัท 59.52 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

Ford (ฟอร์ด) บริษัท Ford Motor Company ถือกำเนิดขึ้นโดย Henry Ford ในปี 1903 ผู้ให้กำเนิดระบบสายพานการผลิต เข้ากับการผลิตยานยนต์ในจำนวนมากๆ และมีต้นทุนที่ถูกลงมา นับเป็นการปฏิวัติการผลิตเชิงอุตสาหกรรมของโลก ที่รถยนต์ทุกค่ายต้องหันมาทำตามหมด และยังมีอิทธิพลอย่างมากกับวัฒนธรรมสมัยใหม่ โดยนักทฤษฎีสังคมหลายคน ถึงกับเรียกประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและสังคมช่วงนี้ว่า “แบบฟอร์ด” (Fordism) ซึ่งมีส่วนก่อให้เกิด “ชนชั้นกลาง” ขึ้นมาในสังคมอเมริกัน

แบรนด์รถในเครือ Ford ได้แก่ Ford และ Lincoln

Honda-Civic-Hatchback

11. Honda

Honda มูลค่าบริษัท 55.07 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

Honda (ฮอนด้า) ก่อตั้งเมื่อปี 1948 โดย Soichiro Honda (โซอิชิโร ฮอนดา) ลูกช่างตีเหล็กแห่งเมืองฮารามัตสุ ผู้หลงไหลในยานยนต์ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัย ที่ได้ฉายาว่าเป็น Henry Ford ของญี่ปุ่น เริ่มต้นจากการตั้งสถาบันเทคโนโลยีฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานติดเครื่องยนต์ รถจักรยานยนต์ ก่อนที่จะก้าวมาสู่การผลิตรถยนต์ รวมไปถึงเครื่องตัดหญ้า เครื่องปั่นไฟ เครื่องยนต์เรือ เครื่องบินเจ็ท และขยายกิจการไปทั่วโลก

แบรนด์รถในเครือ Honda ได้แก่ Honda และ Acura

สำหรับใครที่กำลังอยากขายรถคันเดิมเวลานี้ สามารถขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ดูได้ โดยได้ราคาที่ดีที่สุด รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express แค่คลิก -> https://th.carro.co/sell-car/express หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ ซื้อรถ คลิก -> https://th.carro.co/taladrod/allcar/carro 

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

แหล่งที่มาจาก:

Wuling-Hongguang-Mini-EV-2021

ฮ่า ถ้าจะให้ผมพูดถึงชื่อ Wuling (วู่หลิง) หลายคนอาจจะงง แบรนด์นี้ คือสินค้าอะไรของจีน!?! ขนม? กระเป๋า? รองเท้า? ไม้ตียุง? หรือไฟ LED? … ไม่ใช่เลยครับ เพราะแบรนด์นี้ ผลิตรถยนต์ขายครับ!

Wuling ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ 3 ยักษ์ใหญ่ ได้แก่ SAIC Motor, General Motors (GM) และ Liuzhou Wuling Motors

ถ้าใครที่ติดตามข่าวสารยานยนต์มานานสักหน่อย อาจจะพอนึกว่าบ้างว่า รถจากค่ายนี้ บริษัท พี วี เอ มอเตอร์ 2056 จำกัด เคยนำเข้ารถรุ่น Wuling Scorpian (วู่หลิง สกอร์เปี้ยน) ซึ่งเป็นรถในรูปแบบกระบะขนาดเล็ก (หรือรถกระป๊อนั่นเอง) และรุ่นอื่นๆ มาขายในไทยได้สักพัก แล้วก็หายไป …

Wuling-Hongguang-Mini-EV-2021

เอาล่ะ เข้าประเด็นที่เราจะนำเสนอกันดีกว่า … สำหรับ Wuling Hongguang Mini EV (วู่หลิง ฮงกวง มินิ อีวี) หรือ 五菱宏光 ในภาษาจีน เริ่มจำหน่ายในจีนเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมา คิดเป็นเงินไทยราคาอยู่ที่แสนกว่าบาท จัดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กพร้อมห้องโดยสารนั่งได้ 4 ที่นั่ง ดีไซน์เรียบง่าย ออกแบบมาสำหรับใช้งานในเมืองโดยเฉพาะ มีมีน้ำหนักเบาเพียง 665 – 705 กิโลกรัม

Wuling-Hongguang-Mini-EV-2021

ด้วยมิติตัวรถยาว 2,917 มม. ความกว้าง 1,493 มม. ความสูง 1,621 มม. และระยะฐานล้อ 1,940 มม.

Wuling-Hongguang-Mini-EV-2021

ห้องโดยสารภายใน ออกแบบได้เรียบง่าย ช่องแอร์มีขนาดยาว พร้อมเบาะผ้า มีอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ เช่น แอร์ วิทยุ กระจกไฟฟ้า เกียร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ ใช้หมุนไป-มา ในการเปลี่ยน

Wuling-Hongguang-Mini-EV-2021

ชูจุดเด่นด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระขนาด 741 ลิตร เมื่อพับเบาะนั่งแถวหลังลง สามารถบรรทุกกระเป๋าเดินทางขนาด 26 ลิตร จำนวน 2 ใบ หรือรถเข็นเด็กได้อย่างสบาย โดยมีจุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX บริเวณเบาะนั่งแถวที่ 2 มาให้

Wuling-Hongguang-Mini-EV-2021

ส่วนระบบขับเคลื่อน มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 27 แรงม้า ส่งกำลังไปยังล้อคู่หลัง ขณะที่แบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลิเมอร์มีขนาด 9.3 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6.5 ชั่วโมง) สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และยังมีแบตเตอรี่ขนาด 13.9 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 9 ชั่วโมง) ที่เพิ่มระยะทางขึ้นเป็น 170 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ให้เลือก

Wuling-Hongguang-Mini-EV-2021

Wuling-Hongguang-Mini-EV-2021

ส่วนระบบเบรก มาพร้อมระบบเบรก ABS และ EBD เป็นมาตรฐาน และเซ็นเซอร์กะระยะถอยหลัง ติดตั้งมาให้พร้อม

Wuling-Hongguang-Mini-EV-2021

ไม่ใช่เรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์แต่ประการใด เพราะตลาดจีนนี่ถือว่ามีความต้องการสูงมาก เพราะพบเมืองมีมากที่สุดในโลก ถ้าสินค้าชิ้นไหนที่ทำออกมาถูกและดี (แบบเดียวกับสโลแกนร้านฟู้ดแลนด์!) ก็สามารถทำยอดจำหน่ายพุ่งกระฉูดในจีนได้ไม่ยากเลย

สำหรับราคาจำหน่าย เริ่มต้นที่ 28,800 หยวน (ประมาณ 130,000 บาท) ถึง 38,800 หยวน (ประมาณ 180,000 บาท)

โดย Wuling Hongguang Mini EV ในเดือนมกราคม 2021 สร้างยอดขายได้สูงถึง 25,778 คัน เมื่อเทียบกับ Tesla Model 3 ที่ทำยอดขายในจีนได้เพียง 13,843 คันเท่านั้น!

Wuling-Hongguang-Mini-EV-2021-EVTG

ภาพจาก EVTG : EVeryThing’s Good

สำหรับในไทยเองนั้น Wuling Hongguang Mini EV ตอนนี้ได้มีผู้จำหน่ายอิสระ ÖKO Automobile สั่งนำเข้ารุ่นพวงมาลัยซ้าย เข้ามาขายในบ้านเราแล้ว สนนราคาเริ่มต้นที่ 369,000 บาท! (ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% และ ยังไม่รวมค่าจดทะเบียน 3,000 – 5,000 บาท)

มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี ได้แก่ สีขาว, ฟ้า, ชมพู และสีทอง อีกทั้งยังพร้อมรับซื้อรถคืนภายใน 5 ปี ด้วย! แต่ทั้งนี้ ราคาขึ้นอยู่กับสภาพรถ

และยังได้มอบรถให้กับ EVTG : EVeryThing’s Good ของทาง อตก. (องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร) ในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้เป็น Smart Mobile Market สำหรับนำส่งผลไม้พรีเมี่ยมจากตลาด อตก. ถึงมือผู้บริโภคด้วยครับ

Wuling-Hongguang-Mini-EV-2021-EVTG

ภาพจาก EVTG : EVeryThing’s Good

สำหรับใครที่กำลังอยากขายรถคันเดิมเวลานี้ สามารถขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ดูได้ โดยได้ราคาที่ดีที่สุด รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express แค่คลิก -> https://th.carro.co/sell-car/express หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ ซื้อรถ คลิก -> https://th.carro.co/taladrod/allcar/carro 

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

10-EV-Cars-Built-In-USA-Joe-Biden

Joe Biden (โจ ไบเดน) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 46 ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 มกราคม ก็เริ่มทำงานเพื่อประเทศชาติทันที เริ่มตั้งแต่การสะสางปัญหา ที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่แล้วอย่าง Donald Trump (โดนัลด์ ทรัมป์) สร้างเอาไว้กับชาวโลก รวมถึงเดินหน้าทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ล่วงหน้าทันที ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Green Economy หรือเศรษฐกิจพลังงานสะอาด

เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่าน โจ ไบเดน ได้ประกาศต่อสื่อว่า มีแพลนที่จะเปลี่ยนรถยนต์ของหน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาด้วยแรงงานของคนอเมริกันเท่านั้น นี่ถือเป็นนโยบายใหม่ที่อยู่ภายใต้แผน Buy American ที่เป็นคำสั่งของประธานาธิบดีโดยตรง (Executive Order) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

 

การประกาศของไบเดนในครั้งนี้ ทาง The Verge สื่อของสหรัฐฯ ถือว่าเป็นข่าวดีของค่ายรถยนต์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ อย่าง Tesla, Rivian และ Lordstown รวมถึงค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่าง Ford และ General Motors (GM) ที่กำลังลงทุนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในตอนนี้

เรามาดูกันว่า 10 รถยนต์ไฟฟ้าผลิตใน USA ที่คนอเมริกัน และ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกใจ จะมีรุ่นไหนบ้าง …..

Chevrolet-Bolt-EV-2021

1. Chevrolet Bolt EV

Chevrolet Bolt EV (เชฟโรเลต โบลท์ อีวี) รถแฮทช์แบค Sub-Compact พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของ Chevrolet ที่พัฒนามาจากรถต้นแบบในปี 2015 ก่อนจะขายจริงในปี 2016

ก่อนจะปรับโฉมเนอร์เชนจ์ในปีที่ผ่านมา ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ที่ 37,495 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในเริ่มต้นอย่างรุ่น LT ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯ ช่วยอุดหนุนเพิ่มเติม ราคาของรถจึงลงมาอยู่ที่ 30,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ และ 41,895 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในรุ่น Top อย่าง Premier

สำหรับรุ่นไมเนอร์เชนจ์นี้ ชุดแบตเตอรี่ ทาง LG Chem ซึ่งเป็นผู้ผลิตให้ GM ได้เปลี่ยนส่วนผสมทางเคมีในเซลล์แบตเตอรี่ให้ความหนาแน่นของประจุไฟฟ้ามากขึ้น จึงเพิ่มระยะทางการขับได้อีก 10% เป็น 417 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง หรือระยะทางเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 34 กม. ซึ่งตัวเลขนี้คิดจากใช้งานจริงตามมาตรฐาน EPA ส่วนการชาร์จปกติ ใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 9 ชั่วโมง แต่ถ้าชาร์จผ่านสถานีชาร์จ DC Fast ใช้เวลาชาร์จ 30 นาที สามารถให้ระยะทางวิ่งได้มากถึง 145 กิโลเมตร

สำหรับ Chevrolet Bolt EV ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 266 นิวตัน-เมตร ทำอัตราเร่ง 0-60 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.9 วินาที

Tesla-Model-3

2. Tesla Model 3

Tesla Model 3 (เทสลา โมเดล 3) รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก แบบ Compact Car รุ่นปรับปรุงใหม่ในปี 2021 เพิ่มสมรรถนะโดยรวมของตัวรถ กับระยะทางวิ่งตั้งแต่ 20 – 50 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งในแต่ละรุ่นย่อย ทั้งรุ่น Standard Range Plus, Long Range และ Performance

ขุมพลัง มีให้เลือกทั้งแบบ Single Motor และ Dual Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง และแบบ AWD ในรุ่น Dual Motor มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 283 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกทั้งแบบขนาด 54 kWh (รุ่น Standard Range Plus), 62 kWh (รุ่น Performance) และ 75 kWh (รุ่น Long Range)

ให้อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 5.3 วินาที (Single Motor) และ 4.4 วินาที (Dual Motor) ทำความเร็วได้สูงสุด 225 กม./ชม. (Single Motor) และ 233 กม./ชม. (Dual Motor) ให้ระยะทางวิ่ง 423 กิโลเมตร (Single Motor), 569 กิโลเมตร (Dual Motor) (เพิ่มขึ้นจากเดิม 50 กิโลเมตร) และรุ่น Top สุด 507 กิโลเมตร (Dual Motor) (เพิ่มขึ้นจากเดิม 26 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (คำนวณตามมาตรฐาน EPA) โดยใช้เวลาชาร์จประมาณ 6 – 6.5 ชั่วโมง

Tesla-Model-S-Plaid-2021

3. Tesla Model S Plaid

Tesla Model S (เทสล่า โมเดล เอส) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ที่เปิดตัวมานานแล้วเหมือนกัน นับตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2555 แต่ก็มีการปรับปรุงอะไรมาโดยตลอด และล่าสุดทาง Elon Musk (อีลอน มัสก์) ได้ประกาศแล้วว่าจะสร้าง Tesla Model S Plaid รุ่นใหม่ และสามารถเล่นเกม Cyberpunk 2077 ในรถได้ด้วย ออกจำหน่ายในเดือนมีนาคมนี้

ขุมพลังของ Tesla Model S Plaid บอกเลยว่าไม่ธรรมดา! มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว บนระบบขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ให้กำลังสูงสุด 1,020 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้น้อยกว่า 2 วินาที! (ส่วน 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 2.1 วินาที) ทำความเร็วได้สูงสุด 320 กม./ชม. ถือว่าเร็วกว่า Supercar หลายรุ่นทีเดียว! สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 627 – 836 กิโลเมตร

ราคาของ Tesla Model S Long Range อยู่ที่ 79,990 ดอลลาร์สหรัฐฯ, Model S Plaid อยู่ที่ 119,990 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วน Model S Plaid+ อยู่ที่ 139,990 ดอลลาร์สหรัฐฯ

Tesla-Model-X-2021

4. Tesla Model X

Tesla Model X (เทสล่า โมเดล เอ็กซ์) รถ SUV หรูพลังงานไฟฟ้า แม้ว่าจะออกมาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว แต่ก็ยังมีการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ อยู่ตลอด ตัวรถออกแบบโดย Franz von Holzhausen

ขุมพลังเป็นแบบ Dual Motor ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ในรุ่น Long Range มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 335 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.9 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 250 กม./ชม. และยังมีรุ่น Plaid ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังสูงถึง 1,020 แรงม้า และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.6 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 262 กม./ชม. อีกด้วย!

มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh ให้ระยะทางวิ่ง 547 กิโลเมตร (Plaid) และ 580 กิโลเมตร (Long Range) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

Tesla-Model-Y-2021

5. Tesla Model Y

Tesla Model Y (เทสล่า โมเดล วาย) เป็นรถที่เข้ามาเติมเต็มความหมายของคำว่า S E X Y ตามแบบฉบับของ Elon Musk (แม้ว่ารุ่น E จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Model 3 ไปก็ตาม) จัดให้เป็นรถในกลุ่ม CUV (Crossover Utility Vehicle) หรือ Crossover SUV ขนาด Compact 5+2 ที่นั่ง แบบเดียวกับ Tesla Model 3 แต่ยกสูงกว่า มีขอบซุ้มล้อสีดำ และเพิ่มออพชั่นเป็นเบาะแถว 3 ให้อีก 2 ที่นั่ง ในราคา 41,990 – 59,990 ดอลล่าร์สหรัฐฯ

ขุมพลัง มีให้เลือกทั้งแบบ Single Motor และ Dual Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง และแบบ AWD ในรุ่น Dual Motor มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 283 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกทั้งแบบขนาด 54 kWh (รุ่น Standard Range Plus), 62 kWh (รุ่น Performance) และ 75 kWh (รุ่น Long Range)

ให้อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 5.3 วินาที (Single Motor), 4.8 วินาที (Dual Motor – Long Range) และ 3.5 วินาที (Dual Motor – Perfomance) ทำความเร็วได้สูงสุด 193 – 209 กม./ชม. (Single Motor) และ 217 – 241 กม./ชม. (Dual Motor) ให้ระยะทางวิ่ง 370 – 482 กิโลเมตร (Single Motor), 450 – 482 กิโลเมตร (Dual Motor) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (คำนวณตามมาตรฐาน EPA) โดยใช้เวลาชาร์จประมาณ 6 – 6.5 ชั่วโมง

Ford-Mustang-Mach-E-2021

6. Ford Mustang Mach E

Ford Mustang Mach-E (ฟอร์ด มัสแตง มาร์ช อี) รถ Crossover SUV ขนาด Compact ใช้พลังงานไฟฟ้า ที่หวนนำชื่อรุ่น และชื่อเสียงของรถสปอร์ตรุ่นดังของ Ford อย่าง Mustang (มัสแตง) มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า แม้ว่าแฟนๆ มัสแตงพันธุ์แท้ อาจไม่ถูกใจสิ่งนี้ก็ตาม แต่จากยอดจองหลายหมื่นคัน ก็สามารถพิสูจน์ได้เหมือนกันว่า ชื่อ Mustang นี้มีผลจริงๆ … ในราคา 42,895 – 60,500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ

การออกแบบภายนอก ยังคงเอกลักษณ์ครบถ้วนแบบใน Mustang รุ่นต้นตำหรับ โดยเฉพาะชุดไฟท้ายทรงตั้ง 3 ช่อง ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์มใหม่ GE2 (Global Electrified 2) ส่วนภายในห้องโดยสาร ดูล่ำยุค แต่จอ Tablet ขนาด 15.5 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง ดูใหญ่จนน่ารำคาญไปหน่อย แต่ก็ง่ายต่อการใช้งาน

ขุมพลัง มีทั้งรุ่นขับหลัง และรุ่นขับสี่ล้อ All Wheel Drive ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเริ่มต้นในรุ่น Select ให้กำลังสูงสุด 255 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ให้ระยะทางวิ่งได้ 370 – 388 กิโลเมตร

ในรุ่น Premium ให้กำลังสูงสุด 281 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ให้ระยะทางวิ่งได้ 483 กิโลเมตร, ในรุ่น Premium AWD ให้กำลังสูงสุด 333 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 563 นิวตัน-เมตร ชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ให้ระยะทางวิ่งได้ 435 กิโลเมตร

และรุ่น Top สุด อย่าง Mach E GT ให้กำลังสูงสุด 459 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 828 นิวตัน-เมตร ชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ให้ระยะทางวิ่งได้ 378 กิโลเมตร กับอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ที่ 3.8 วินาที!

ติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 75.7 kWh, 98.8 kWh รองรับการชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 38 นาที

Nissan-Leaf-USA-2021

7. Nissan Leaf

Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) “Simply Amazing” เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า “100%” และมีอัตราการปล่อยมลพิษเป็น “0” และถือเป็นรถค่ายญี่ปุ่นเจ้าแรก ที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำหน่ายอย่างเป็นทางการในสหรัฐฯ ซึ่งผลิตในที่โรงงานในเมือง Smyrna รัฐ Tennessee มีราคาอยู่ที่ 31,620 – 43,920 ดอลล่าร์สหรัฐฯ

Nissan Leaf ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 239 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และรุ่นพลังแรง Plus ให้กำลังสูงสุด 214 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 338 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 346 – 363 กิโลเมตร

ติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 40 kWh สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟขนาด 3.6 kW ได้ในเวลา 12 ชั่วโมง และกำลังไฟขนาด 6.6 kW ในเวลา 6 ชั่วโมง รองรับการชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 40 นาที และขนาดความจุ 62 kWh เป็นต้น

GMC-Hummer-EV-2022

8. GMC Hummer EV

GMC Hummer EV (จีเอ็มซี ฮัมเมอร์ อีวี) การกลับมาครั้งใหม่ สร้างเสียงฮือฮาสำหรับคนชอบรถ Off-Road ได้พอสมควร แม้ว่าจะมาในฐานะแบรนด์ย่อยของ GMC ก็ตาม ตัวรถยังคงเหมือนรุ่นดั้งเดิม เรียบง่ายแต่ทันสมัย ส่วนห้องโดยสารภายใน ออกแบบได้ล้ำยุค แต่ก็ยังคงความเหลี่ยมอันเป็นเอกลัษณ์ของ Hummer ไว้ครบถ้วน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 112,595 ดอลลาร์สหรัฐฯ

สำหรับจุดเด่นอย่างหนึ่งของรถรุ่นนี้ คือระบบ Hummer’s UltraVision ติดตั้งกล้องไว้รอบคันรถถึง 18 มุมมอง มีตั้งแต่ “ตัวตรวจจับเสมือน” ไปจนถึงกล้องใต้ท้องเครื่องยนต์ เพื่อช่วยหลบหลีกสิ่งกีดขวาง

ขุมพลังใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว ให้กำลังรวมประมาณ 1,000 แรงม้า และแรงบิดประมาณ 15,591 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่วนอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ในเวลาประมาณ 3 วินาที เมื่อใช้ระบบ Launch Control “Watts to Freedom” สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 563 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

Rivian-R1T-2021

9. Rivian R1T

Rivian R1T (ริเวียน อาร์ 1 ที) จัดเป็นค่ายรถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน จัดเป็นรถกระบะพลังงานไฟฟ้าคันแรกของโลก ที่ได้รับการพูดถึงมากสุดในอเมริกาทีเดียว ตัวรถภายนอกดูเรียบง่าย แต่โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้าแบบ Stadium ซึ่งเป็น Design Language ของริเวียนต่อไปทุกรุ่นในอนาคต ซึ่ง Rivian R1T มีแพลนจำหน่ายอย่างเป็นทางการช่วงกลางปีนี้ ในราคาเริ่มต้น 75,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ

ส่วนห้องโดยสารภายใน คงความทันสมัยและแฝงความคลาสสิกอย่างไม้เข้าไปด้วย เน้นความทนทาน ทำความสะอาดง่าย มาตรวัดบริเวณหน้าปัดขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว และจอบอกข้อมูลรถยนต์ขนาด 15.6 นิ้ว ใหญ่สะใจ

ขุมพลังใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ให้กำลังตัวละ 197 แรงม้า X 4 พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 105 kWh ให้กำลังสูงสุด 402 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 699 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 370 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

และแบตเตอรี่ความจุ 135 kWh ให้กำลังสูงสุด 753 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1398 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 482 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง กับรุ่น Top สุด แบตเตอรี่ความจุ 180 kWh จำกัดกำลังสูงสุดไว้ที่ 700 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1398 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 643 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ทุกรุ่นจำกัดความเร็วไว้ที่ 201 กม./ชม.

Lordstown-Endurance-2021

10. Lordstown Endurance

Lordstown Endurance (ลอร์ดทาวน์ เอ็นดูรานซ์) จากบริษัทสตาร์ทอัพหน้าใหม่ Lordstown Motors ที่ทำรถกระบะไฟฟ้าออกมาขาย หลังจากที่ระดมทุนมาได้มากพอสมควร ที่มาของชื่อแบรนด์ คือใช้โรงงานเก่าของ GM ในเมืองลอร์ดสทาวน์ รัฐ Ohio เป็นฐานการผลิต

รุ่นนี้ระบบขับเคลื่อนที่อาจต่างไปจากรถยนต์ไฟฟ้าค่ายอื่นหน่อย เพราะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่ล้อทั้ง 4 แบบ “In-Wheel Hub Motor” แทนการใช้มอเตอร์หมุนเพลา มีชิ้นส่วนน้อยลง บำรุงรักษาง่ายกว่า และยังคุมรถได้ดีขึ้นด้วย จากการใช้ระบบกระจายแรงบิดทั้ง 4 ล้อ

ตัวรถภายนอกดูเรียบง่าย เน้นความเปลี่ยมสัน แข็งแกร่ง มาในราคาเริ่มต้น 52,500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ

ขุมพลังใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ขับเคลื่อนแบบ 4 Hub Electric Motors รวมกำลังได้สูงสุด 600 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 109 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 320 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ใช้เวลาในการชาร์จราว 10 ชั่วโมง องรับการชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 50 นาที – 1.50 ชั่วโมง และจำกัดความเร็วไว้ที่ 128 กม./ชม.

ส่วนถ้าใครอยากขายรถเพื่อนำเงินไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ง่ายๆ เพียงขายรถคันเก่ากับ CARRO Express ได้เงินไว! เร็ว! พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

All-New-NIO-ET7-2021

NIO (นิโอ) ได้ทำการเปิดตัว Nio ET7 คันนี้ ไปเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา จัดเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 4 ประตูสัญชาติจีน ที่ตั้งใจออกมาเป็นคู่แข่งกับ Tesla Model S ชูจุดเด่นสามารถขับขี่ได้ไกลสูงสุดถึง 1,000 กิโลเมตร! ต่อการชาร์จแต่ละครั้ง

NIO หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับบริษัทสตาร์ทอัพ ผู้ผลิตรถจากประเทศจีนแบรนด์นี้มากนัก ซึ่งในประเทศจีนตอนนี้ถือว่าเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมียอดขายสูงมากต่อปี ซึ่งมีจุดเด่นที่ด้านการออกแบบ นวัตกรรม เทคโนโลยี เรียกได้ว่าไม่แพ้รถยนต์ไฟฟ้าชาติใดในโลกเลยทีเดียว แถมยังได้ชื่อว่าเป็น Tesla (เทสล่า) แห่งประเทศจีนอีกด้วย!

All-New-NIO-ET7-William-Li

สำหรับ NIO ได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดย William Li (วิลเลียม หลี่) หรือ หลี่ปิน มหาเศรษฐีที่ได้ชื่อว่าเป็น Elon Musk (อีลอน มัสก์) แห่งประเทศจีน! ซึ่งลูกของเจ้าของฟาร์มเล็กๆ ในมณฑลอันฮุยคนนี้ ไม่ได้มุ่งสู่ธุรกิจแบบเดียวกับทางบ้านของตัวเอง

โดยหลังจบการศึกษาปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์, สังคมวิทยา และโทกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ก็ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพด้านไอทีของตัวเองขึ้นมาตอนอายุ 21 จนถึงในปัจจุบัน ได้ลงทุนในอุตสาหกรรมไอที และรถยนต์ไปแล้วกว่า 40 บริษัท รวมทั้ง NIO รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์นี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2014 ด้วย

แม้ว่าก่อนหน้านั้น NIO จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และผลกระทบจากโควิด-19 ก็ตาม จนบริษัทก็เกือบแย่อยู่เหมือนกัน แต่เศรษฐกิจจีนก็กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จนในปี 2020 NIO สามารถส่งมอบรถยนต์ได้มากถึง 43,728 คัน เพิ่มขึ้น 112.6% เมื่อเทียบกับปี 2019 ที่ผ่านมา

และยังได้รับเงินระดมทุนจากเทศบาลเมืองเหอเฟยถึง 7 พันล้านหยวน (หรือ 1,000 ล้านดอลลาร์ หากเทียบเป็นเงินไทยก็ราว 30,130 ล้านบาท) และมีมูลค่าตลาดมากกว่า 92,000 ล้านดอลลาร์ (2.77 ล้านล้านบาท) ซึ่งมากกว่าผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง GM หรือ Daimler AG ซะอีก

All-New-NIO-ET7

ในส่วนของ Nio ET7 ใหม่ เป็นรถขนาด Mid-Size ที่ดูหรูหราไม่แพ้รถจากค่ายยุโรปเลยทีเดียว จะแข่งกับยักษ์ใหญ่ ต้องสวยไปให้สุด การดีไซน์ได้พัฒนามาจากรถต้นแบบ ET Preview ที่ออกมาในปี 2019 ตัวรถให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน Cd = 0.23

All-New-NIO-ET7

โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Dual Beam LED พร้อมไฟ Daytime Running Light, ไฟท้ายแบบ Heartbeat Taillight แบบ 3 มิติ, กระจกหน้าต่างแบบไร้กรอบ ที่เปิดประตูแนบไปกับตัวถัง พร้อมไฟส่องสว่าง LED และบานพับประตูไฟฟ้า E-Latch ที่ปิดประตูได้เองเพียงแค่ดึงเบาๆ และกุญแจแบบ UWB Digital Key เป็นต้น

ช่วงล่างเป็นแบบ Smart Air Suspension พร้อมระบบควบคุมการทรงตัว Continuous Damping Control เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

มิติตัวรถมีขนาดยาว 5,098 มม. กว้าง 1,987 มม. สูง 1,505 มม. ระยะฐานล้อ 3,060 มม.

All-New-NIO-ET7

ห้องโดยสารภายใน ขายความกว้างสบายราวกับนั่งในห้องนั่งเล่น ชุดหลังคาแบบ All Glass Roof ขนาดใหญ่ถึง 1.9 ตร.ม. แผงคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยวัสดุอย่าง Karuun ที่ทำมาจากหวายจำนวนทั้งหมด 14 ชิ้น พร้อมช่องแอร์แบบ Invisible Smart Air Vents ที่ฝังตัวไปกับแผงคอนโซลทั้งด้านหน้า-หลัง ให้ความรู้สึกดูใกล้ชิดธรรมชาติมาก

All-New-NIO-ET7

ขับขี่อย่างปลอดภัยไประบบขับขี่อัตโนมัติ Aquila ด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์ LiDAR ที่นิยมในรถที่ขับเองได้ ใช้เลเซอร์ในการตรวจจับวัตถุต่างๆ รอบๆ ด้านหน้ารถ 120 องศา ในระยะทางไกลถึง 500 เมตร ซึ่งทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์รอบคันอีกกว่า 33 จุด ซึ่งรวมถึงกล้อง Hi-Definition ขนาด 11.8 ล้านเมกะพิกเซล เสริมด้วยหน่วยประมวลผลจาก Nvidia แบบ 8GB บนคอมพิวเตอร์ออนบออร์ดที่ชื่อ Adam

Nio ET7 มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว บริเวณล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 241 แรงม้า และ 402 แรงม้า สำหรับล้อหลัง ให้กำลังรวมสูงสุด 650 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร

สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.9 วินาทีเท่านั้น มั่นใจด้วยเบรกหน้าแบบ 4-Pot จาก Brembo สามารถเบรกจากความเร็ว 100 กม./ชม. จนถึง 0 กม./ชม. ในระยะทางเพียง 33.5 เมตรเท่านั้น

All-New-NIO-ET7

สำหรับชุดแบตเตอรี่ก็มีด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่

  • แบตเตอรี่ขนาด 70 kWh ให้ระยะทางในการขับขี่มากกว่า 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC)
  • แบตเตอรี่ขนาด 100 kWh ให้ระยะทางในการขับขี่มากกว่า 700 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) และ …
  • แบตเตอรี่ขนาด 150 kWh ให้ระยะทางในการขับขี่มากกว่า 1,000 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง!

นอกจากรถของ NIO จะชาร์จแบตเตอรี่ได้แบบรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปแล้ว ยังสามารถสลับแบตเตอรี่เปลี่ยนแทนได้อีกด้วย ซึ่งใช้เวลาเร็วที่สุดในโลก เพียง 3 นาทีเท่านั้น มีชื่อว่า Power Swap Station 2.0

โดยหากรถของคุณพลังงานไฟฟ้าใกล้หมด ก็สามารถขับรถไปยังสถานีที่มีอยู่กว่า 135 แห่ง ใน 59 เมืองของจีนได้เลย ซึ่งทางสถานีจะทำการถอดแบตเตอรี่ลูกเดิมออก เพื่อนำไปชาร์จไว้ รอเปลี่ยนให้รถคันต่อๆ มา ที่จะเข้ามาใช้บริการ และรถที่ถอดแบตเตอรี่ออกไปก็จะได้แบตเตอรี่ที่ชาร์จไว้เต็มแล้วเข้ามาแทน ซึ่งทางรัฐบาลจีนเองก็สนับสนุนด้วย

ราคาจำหน่าย NIO ET7 เคาะราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 378,000 หยวน หรือประมาณ 1,754,755 บาทไทย ซึ่งเป็นราคาที่ไม่รวมแบตเตอรี่ ส่วนในรุ่นที่รวมแบตเตอรี่ จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 448,000 หยวน หรือประมาณ 2,078,315 บาท

ส่วนถ้าใครอยากขายรถเพื่อนำเงินไปซื้อรถใหม่ง่ายๆ เพียงขายรถคันเก่ากับ CARRO Express ได้เงินไว! เร็ว! พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

Tesla-Record-Delivery-Electric-Cars-Q3-2020

แม้ว่าตอนนี้ ใน USA และทั่วโลก กำลังได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 (Covid-19) กันอย่างหนัก ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ ร่วงรูดอย่างมากในหลายประเทศทั่วโลก เนื่องจากผู้คนหลายสาขาอาชีพที่เป็นกลุ่มผู้ซื้อรถ ได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจสายการบิน หรือธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตรา เป็นต้น

แต่ปัญหาดังกล่าว อาจไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับ Tesla เลยแม้แต่น้อย เพราะ Tesla ในเวลานี้นับว่าเป็นบริษัทรถยนต์เพียงไม่กี่แห่งในโลก ที่กลับมายอดขายเพิ่มขึ้น สวนทางกับบริษัทรถยนต์ค่ายอื่นๆ! ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากที่ Tesla ได้เปิดโรงงาน Gigafactory 3 ในประเทศจีนด้วย

โดยผลประกอบการไตรมาส 3 ของ Tesla ในปี 2020 สามารถสร้างยอดการส่งมอบรถให้ลูกค้าได้มากถึง 139,300 คัน ซึ่งมากกว่าไตรมาส 3 ปีเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ส่งมอบรถได้เพียงแค่ 97,186 คัน หรือ 43% เมื่อเทียบกับปีนี้

external_image

ยอดการผลิตรถ Tesla ตั้งแต่ปี 2012 – 2020 (ภาพจาก InsideEVs)

ยอดขายรถ Tesla ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2019

ยอดขายปี 2019 Q3 ยอดผลิตรถ (คัน) ยอดส่งมอบ (คัน) Subject to Lease  Accounting
Model S/X 16,318 17,483 15%
Model 3/Y 79,837 79,703 8%
Total 96,155 97,186

ยอดขายรถ Tesla ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2020

ยอดขายปี 2020 Q3 ยอดผลิตรถ (คัน) ยอดส่งมอบ (คัน) Subject to Lease Accounting
Model S/X 16,992 15,200 13%
Model 3/Y 128,044 124,100 7%
Total 145,036 139,300 7%

Tesla-Model-3-Cuts-Price-For-China

โดยทาง Wall Street Consensus ตอนแรกได้คาดการณ์ออกมาด้วยว่า ในไตรมาส 3 Tesla จะสามารถส่งมอบรถให้ลูกค้าได้เพียง 120,000 คัน แต่ Tesla กลับสามารถส่งมอบรถได้ถึง 140,000 คันเลยทีเดียว!

และ Tesla ยังคุยว่าจะเพิ่มกำลังการผลิต ให้ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า 145,000 คัน ด้วยซ้ำไป! (เรียกว่า เอาให้เหนือกว่าที่ Wall Street Consensus คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าเลย)

ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่อไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็คราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

Lucid-Air-Electric-Car

คู่แข่งใหม่ของ Tesla (เทสล่า) มาแล้ว! สำหรับ Lucid Air (ลูซิด แอร์) รถยนต์ไฟฟ้าสุดหรู เตรียมเปิดตัวในสหรัฐฯ วันที่ 9 กันยายน 2020 นี้!

หลายคนอาจจะไม่รู้จักกับบริษัทรถยนต์หน้าใหม่รายนี้ สำหรับ Lucid Motors, Inc. เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติสหรัฐฯ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 (ก่อนหน้านั้นใช้ชื่อว่า Atieva) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ Newark รัฐแคลิฟอร์เนีย มีพนักงานทำการประมาณ 500 คน ซึ่งบางส่วนเคยเป็นพนักงานที่เคยทำงานให้กับ Tesla และ Mazda

Lucid-Air-Electric-Car

ก่อตั้งโดย Bernard Tse, Sheaupyng Lin และ Sam Weng ผู้อำนวยการอาวุโสของ Oracle โดยได้รับเงินทุนจาก Tsing Capital บริษัทจัดการกองทุนแห่งแรกของจีน, Mitsui, Venrock และ JAFCO เป็นต้น โดยปัจจุบันมีผู้ลงทุนหลัก คือ Public Investment Fund of Saudi Arabia, Mitsui, JAFCO, China Environmental Fund และ Venrock ของสหรัฐฯ

สำหรับ CEO และ CTO คือ Peter Rawlinson ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าวิศวกรของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S มาก่อน และอดีตหัวหน้าทีมออกแบบรถยนต์ของ Mazda อเมริกาเหนืออย่าง Derek Jenkins ซึ่งเคยออกแบบ Mazda MX-5 (เจเนอเรชั่นที่ 4) เข้าเป็นรองประธานด้านการออกแบบรถของ Lucid Motors

แต่เดิมนั้นบริษัท ทำหน้าที่ในการพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์สำหรับรถประเภทอื่นๆ พร้อมกับการพัฒนารถยนต์คันแรกในปี 2014 ก่อนจะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบในปี 2016

Lucid-Air-Electric-Car

ในเดือนตุลาคม 2016 รีแบรนด์ชื่อบริษัทเป็น Lucid Motors และเริ่มการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ใน Casa Grande รัฐแอริโซนา ด้วยมูลค่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งโรงงานแห่งนี้ วางแผนเดินสายการผลิตรถยนต์ตั้งแต่ 20,000 – 130,000 คัน/ปี ซึ่งตัวโรงงานดีไซน์มาให้รองรับการผลิตรถยนต์ได้สูงสุดถึง 380,000 คัน/ปี

ต่อมาในเดือนเมษายน 2019 ได้รับเงินอัดฉีดจาก Public Investment Fund of Saudi Arabia มูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 67% ของบริษัทฯ

Lucid-Air-Electric-Car

Lucid Air รถยนต์ไฟฟ้าสุดหรู 4 ประตู จึงเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้ ด้วยรูปโฉมอันล้ำสมัย มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) ที่น้อยที่สุดในโลก สำหรับรถเก๋ง เพียงแค่ 0.21 เท่านั้น ที่ถือว่าน้อยกว่า Tesla ซะอีก! ซึ่งช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น และมีระยะทางในการวิ่งได้ไกลกว่าคู่แข่ง! ซึ่ง Lucid Air คาดว่าจะมีระบบยานยนต์ไร้คนขับติดตั้งมาให้ด้วย

ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหน้า ออกแบบให้มีกำลังมากถึง 400 แรงม้า วิ่งได้ระยะทาง 390 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

Lucid-Air-Electric-Car

และรุ่น Top เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหลังที่ให้กำลังมากถึง 600 แรงม้า รวมแล้วมีกำลังถึง 1,000 แรงม้า พร้อมใช้ระบบไฟฟ้า 900 โวลต์ ซึ่งจัดหาแบตเตอรี่โดยแผนก Atieva สามารถวิ่งได้ระยะทางมากถึง 640 กิโลเมตร (มาตรฐาน EPA) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง!

และยังน่าทึ่ง! กับความเร็วสูงสุด 350 กม./ชม. (217 ไมล์/ชม.) จากการทดสอบในสนามโดยหน่วยงานที่ชื่อว่า Transportation Research Center ของรัฐโอไฮโอ

Lucid-Air-Electric-Car

จนล่าสุดตอนนี้ ทาง Lucid Motors ได้ออกมาเปิดเผยอีกครั้งว่า Lucid Air จะสามารถให้ระยะทางวิ่งได้มากกว่า 517 ไมล์ (832 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง!

Lucid-Air-Electric-Car

ตอนนี้นี้ Lucid Air ได้เปิดให้สั่งจองแล้ว ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 60,000 – 100,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 1.8 – 3 ล้านบาท)

ส่วนถ้าใครอยากขายรถเพื่อนำเงินไปซื้อรถใหม่ง่ายๆ เพียงขายรถคันเก่ากับ CARRO Express ได้เงินไว! เร็ว! พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

Lucid-Air-Electric-Car

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

Tesla-Model-3-LFP-Battery-China

ปี 2020 นี้ อาจเป็นปีแห่งความลำบากของรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงสันดาปภายในแทบทุกยี่ห้อทั่วโลก แต่ในปีนี้เอง กลับกลายเป็นแสงสีทองผ่องอำไพของ Tesla (เทสล่า) ด้วยยอดขายที่มากเป็นประวัติการณ์

สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ของจีนเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ Tesla ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 11,095 คัน หรือ 3 เท่าจากยอดขายเดือนเมษายนที่มีเพียง 3,635 คัน นับเป็นสัญญาณที่ดี ภายหลังจากที่โควิด-19 เริ่มซาลงในประเทศจีน

Tesla-Model-3-Factory-In-China

ที่สิ่งสำคัญที่ทำให้ Tesla ยอดขายพุ่งด้วย นั่นคือการที่ Tesla Model 3 ต้องลดราคาลงมา 10% โดยมีราคาต่ำกว่า 300,000 หยวน เพื่อรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีน และครองความเป็นที่ 1 ของ Tesla ในจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกเวลานี้

ราคาเริ่มต้นของ Tesla Model 3 Standard Range Plus ลดลงมาที่ 271,550 หยวน (ประมาณ 1,189,554 บาท) โดยได้รับเงินอุดหนุนคันละ 20,250 หยวน (ราว 88,729 บาท) โดยมีผลตั้งแต่ 23 เมษายน ซึ่งในปี 2021 รัฐบาลจีนจะลดเงินอุดหนุนลง 20% และในปี 2022 ลดลง 30%

นี่ก็นับว่าเป็นส่วนที่ช่วยให้ Tesla สามารถขายรถ ขายได้ขายดีในจีน และดันมูลค่าของบริษัทให้ขึ้นไปเป็นแบรนด์รถยนต์อันดับ 1 ของโลกได้!

Tesla-Model-3

และเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา Tesla ยังได้รับการอนุมัติจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน อนุญาตให้ Tesla ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Model 3 ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ที่ผลิตโดย CATL ได้ ซึ่งจะนำมาทดแทนแบตเตอรี่ Lithium Nickel Cobalt Auminum Oxide (หรือ NCA) ที่ใช้ใน Tesla Model 3 รุ่นปัจจุบัน ซึ่งมีต้นทุนที่สูงกว่า

โดยข้อดีของแบตเตอรี่ NCA สามารถชาร์จประจุได้เร็ว ปลอดภัยสูง อายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยทางผู้ผลิตเผยว่าสามารถใช้งานได้มากเกือบ 2 ล้านกิโลเมตร หรือ 16 ปี แต่ก็มีข้อด้อย คือ น้ำหนักมาก

Tesla-Model-3

โดย Elon Musk (อีลอน มัสก์) CEO ของ Tesla เตรียมจะผลิตรถยนต์ SUV Model Y ในโรงงานที่เซี่ยงไฮ้ปีหน้านี้ และยังมีแผนจะเปิดศูนย์ออกแบบรถยนต์ในจีนสำหรับเป็นต้นแบบ ผลิตขายทั่วโลกอีกต่อไปด้วย

ส่วนใครที่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน ก็ลองขายรถคันเดิมแล้วเอาเงินไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ดู เพียงลงขายรถคันเดิมง่ายๆ ได้ที่ Link นี้เลย https://th.carro.co/sell-car/express ให้ราคาดี รับเงินไว ปิดการขายได้ใน 24 ชั่วโมง หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand คลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

SpaceX-Rocket-Ship-2-NASA-Astronauts

น้อยมากที่ Elon Musk เขาวาดฝัน (หรือเพ้อฝัน) สิ่งไหนไว้แล้วทำไม่สำเร็จ ถึงแม้ว่า อาจจะต้องใช้เวลานานมากก็ตาม กว่าจะไปถึงความสำเร็จ ณ จุดนั้น

ดูอย่างแค่รถยนต์ไฟฟ้า ที่แม้ว่าบริษัท Tesla ที่ Musk เข้ามาเป็นเจ้าของบริษัท และรุกตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าช้ากว่าค่ายรถยักษ์ใหญ่ แต่ก็สามารถทำให้ Tesla ประสบความสำเร็จในวงการรถยนต์ไฟฟ้า ขายดีไปทั่วโลกได้

SpaceX-Rocket-Ship-2-NASA-Astronauts

อย่างข่าวหนึ่งที่ถูกตีแผ่ไปทั่วโลก พร้อมกับเสียงเฮลั่นของ Elon Musk (อีลอน มัสก์) กับการส่งจรวด Falcon 9 ในโครงการของบริษัท SpaceX บริษัทขนส่งด้านอวกาศ ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2002 โดยมีเป้าหมายให้คนได้ไปอยู่บนดาวดวงอื่น (เช่น ดาวอังคาร) ที่แม้ว่าจะล้มเหลวในการส่งจรวดหลายครั้ง

แต่ความสำเร็จการส่งจรวด Falcon 1 ขึ้นสู่วงโคจรรอบโลกได้ในปี 2008 หลังจากนั้นทางบริษัทก็ประสบสำเร็จที่ตามมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น ในการลุยภารกิจอันยิ่งใหญ่กว่านี้

SpaceX-Rocket-Ship-2-NASA-Astronauts

และในวันนี้ SpaceX ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นบริษัทเอกชนเจ้าแรก ที่พานักบินอวกาศของ NASA 2 คน มุ่งหน้าไปสถานีอวกาศนานาชาติ ISS เป็นผลสำเร็จได้ในรอบ 9 ปี

ทำให้ตอกย้ำแนวคิดการนำพาคนไปดาวอังคารของเขา ได้มากขึ้นไปอีก

SpaceX-Rocket-Ship-2-NASA-Astronauts

ย้อนกลับไปในวันที่ 31 พฤษภาคม 2020 เวลา 3.22 น. (ตามเวลาสหรัฐฯ) นักบินอวกาศของ NASA 2 คน คือ Doug Hurley และ Bob Behnken ได้เดินทางมายังฐานปล่อยจรวด Launch Complex 39A ที่ศูนย์อวกาศ Kennedy Space Center, Cape Canaveral รัฐฟลอริดา พร้อมกับรถ Tesla Model X ที่ถูกดัดแปลงเป็นพิเศษ

SpaceX-Rocket-Ship-2-NASA-Astronauts

โดยนักบินอวกาศทั้งสอง ได้ขึ้นจรวด Falcon 9 เพื่อปฏิบัติภารกิจ Demo-2 ใช้เวลา 19 ชั่วโมง จากพื้นโลกไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS – International Space Station) โดยสวัสดิภาพเมื่อ 21.29 น. ซึ่งก็นับว่าเป็นครั้งแรกที่บริษัทเอกชน ได้ส่งนักบินอวกาศของ NASA ออกไปยังอวกาศในรอบ 9 ปี หลังจากที่ NASA ไปยกเลิกโครงการกระสวยอวกาศไปในปี 2011

เดิมภารกิจ Demo-2 มีกำหนดการส่งนักบินอวกาศในวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 เวลา 3.33 น. แต่เนื่องจากสภาพอากาศบริเวณฐานปล่อยจรวดไม่เอื้ออำนวย จึงต้องเลื่อนการปล่อยจรวดออกไป

SpaceX-Rocket-Ship-2-NASA-Astronauts

ส่วนตัวจรวด Booster ทาง SpaceX ก็ได้เตรียมเรือที่ชื่อว่า Of Course I Still Love You ลอยลำอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อรอการกลับมาจากการส่ง 2 นักบินอวกาศขึ้นสู่อวกาศเพียง 9 นาที ซึ่งสามารถลงจอดอย่างเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไรใดๆ

SpaceX-Rocket-Ship-2-NASA-Astronauts

นับได้ว่า เป็นภารกิจอันน่าตื่นเต้นมาก สำหรับบริษัทเอกชนอย่าง SpaceX เพราะการส่งจรวดขึ้นวงโคจรนั้น นับว่าเป็นเรื่องยากทีเดียว เพราะจรวดต้องมีแรงขับดันมากพอที่จะเอาชนะแรงโน้มถ่วงของโลก แล้วยากยิ่งไปกว่าก็ตอนนำกลับลงมาได้อย่างปลอดภัย ที่ต้องเอาชนะแรงโน้มถ่วงของโลกที่เร่งความเร็วมาก (ซึ่งต่างจากหลายครั้งที่ผ่านมาในอดีต ที่จรวดมักใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ทำให้ต้นทุนการส่งยานอวกาศสูงมาก)

SpaceX-Rocket-Ship-2-NASA-Astronauts

ส่วนชุดนักบินอวกาศที่ 2 คนสวมใส่ในครั้งนี้ ก็จัดว่าเป็นการออกแบบใหม่หมด ดูมินิมอลมาก โดย Jose Fernandez (โจเซ่ เฟอร์นานเดซ) ผู้มีผลงานด้าน Costume ในหนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์มานับไม่ถ้วน ทั้ง Batman Return, X-Men 2, Bat V Sup, Thor รวมถึงภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับอวกาศโดยตรงอย่าง Oblivion และ Passengers เป็นต้น

ซึ่ง Elon Musk ชื่นชอบผลงานของคอสตูมดีไซน์เนอร์คนนี้มาก แม้ว่า Jose Fernandez จะไม่รู้จักบริษัท SpaceX เลยก็ตาม! ซึ่งตอนแรกถูกคิดว่าเป็นบริษัทสร้างภาพยนตร์ด้วยซ้ำไป!

SpaceX-Rocket-Ship-2-NASA-Astronauts

นับเป็นการบุกเบิกการขนส่งทางอวกาศ เป็นผลสำเร็จของ SpaceX กับการร่วมมือระหว่าง NASA ที่ช่วยให้ต้นทุนถูกลงมากขึ้น และกระตุ้นให้มีบริษัทเอกชนแห่งอื่นๆ หันมาลงทุนธุรกิจการขนส่งทางอวกาศมากขึ้นในอนาคต

SpaceX-Rocket-Ship-2-NASA-Astronauts

และบริษัท SpaceX ตอนนี้ยังได้รับเลือกให้ส่งนักบินอวกาศไปเยือนดวงจันทร์ (อีกครั้ง) ใน Artemis Program ด้วย ถ้าหากเดินทางไปได้จริงๆ ก็จะเป็นการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ทางเดินทางไปอวกาศอีกครั้งอย่างแน่นอน

ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่ออยากได้เงินเดินทางไปเที่ยวอวกาศกับ SpaceX อยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

ข้อมูลประกอบบทความบางส่วนจาก:

Tesla-Model-3-Cuts-Price-For-China

ยังคงเป็นข่าวได้อย่างต่อเนื่องตลอดสำหรับพ่อหนุ่มวัย 48 อย่าง Elon Musk (อีลอน มัสก์) CEO ของ Tesla (เทสล่า) นับตั้งแต่เพิ่งมีลูกคนที่ 6 ในชื่อ “X Æ A-12 Musk” กับภรรยาคนที่สองชาวแคนาดา ซึ่งสร้างกระแสในโลกโซเชียลทันที ด้วยความแปลกของตัวอักษรว่าจะอ่านออกเสียงว่าอะไรดี ถึงจะถูกต้อง? รวมไปถึงความฉุนที่โรงงานใน Fremont ไม่สามารถเปิดอีกครั้งได้!

ช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา Tesla ที่มีโรงงานอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ก็มีข่าวว่ายอมลดราคา Tesla Model 3 (เทสล่า โมเดล 3) ลง ซึ่ง Tesla รั้งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากเป็นอันดับ 1 ของโลกในจีน และยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่มียอดขายมากที่สุดในโลก 2 ปีซ้อน คือ 2018 และ 2019

เพราะรัฐบาลจีน ประกาศลดเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาไม่เกิน 300,000 หยวน (หรือประมาณ 1,361,520 บาท) ยกเว้นรถยนต์ไฟฟ้าราคาที่สูงกว่า และติดตั้งแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งรัฐบาลจีนตอนนี้กำลังส่งเสริม และมีแบรนด์รถจีนหลายเจ้ากำลังทำอยู่

Tesla-Model-3-Cuts-Price-For-China

รถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาสูง อย่าง Tesla, BMW, Audi หรือ Mercedes-Benz ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เพราะถูกลดเงินอุดหนุนลง 10% โดยมีผลตั้งแต่ 23 เมษายน แต่จะมีช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านให้สามเดือน และหลังจากช่วงการเปลี่ยนผ่านในปี 2021 จะลดเงินอุดหนุนลง 20% และในปี 2022 เป็น 30%

ผลกระทบครั้งนี้ ต้องทำให้รถ Tesla ต้องปรับลดราคาของรถยนต์ไฟฟ้าตัวเอง โดยลดราคา Tesla Model 3 Standard Range Plus เหลือเพียง 271,550 หยวน (1,232,483 บาท) หลังจากได้รับเงินอุดหนุนคันละ 20,250 หยวน (91,908 บาท)

แต่ในรุ่นที่ไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ อย่าง Tesla Model 3 Standard Range ราคาปรับขึ้นมาที่ 303,550 หยวน (1,378,045 บาท) จาก 299,050 หยวน (1,357,616 บาท)

ส่วน Model 3 Long Range ที่เตรียมเปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2020 ราคาอยู่ที่ 344,050 หยวน (1,561,905 บาท) ซึ่งเทียบกับราคาก่อนหน้าที่โพสต์ไว้ในเว็บไซต์ 339,050 หยวน (1,539,206 บาท) ส่วนราคาก่อนรับเงินอุดหนุน ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

Tesla-Model-3-Cuts-Price-For-China

เป็นที่ทราบกันดีว่า Tesla เริ่มลงทุนใหญ่ในจีนโดยสร้างโรงงานผลิตรถของตัวเองที่เซี่ยงไฮ้ กว่า 2 พันล้านดอลล่าร์ และในเดือนมีนาคม 2020 ที่ผ่านมา Tesla มียอดจดทะเบียนในจีนมากถึง 12,709 คัน เมื่อเทียบจากในเดือนกุมภาพันธ์ ที่มีแค่ 2,314 คัน

ซึ่งในจีนตอนนี้ ธุรกิจยานยนต์ต่างก็ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไปเต็มๆ โดยยอดขายรถในจีน 3 เดือนแรกของปี 2020 ตกลงไปมากถึง 42% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่รัฐบาลจีนก็ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะสนับสนุนธุรกิจยานยนต์ เพื่อกระตุ้นยอดขายรถให้ขึ้นมาเหมือนเดิมอีกครั้ง

ส่วนใครที่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน ก็ลองขายรถคันเดิมแล้วเอาเงินไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ดู เพียงลงขายรถคันเดิมง่ายๆ ได้ที่ Link นี้เลย https://th.carro.co/sell-car/express ให้ราคาดี รับเงินไว ปิดการขายได้ใน 24 ชั่วโมง หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand คลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก: