10 รถยนต์ไฟฟ้าผลิตใน USA ที่คนอเมริกัน และ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกใจ!
Joe Biden (โจ ไบเดน) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 46 ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 มกราคม ก็เริ่มทำงานเพื่อประเทศชาติทันที เริ่มตั้งแต่การสะสางปัญหา ที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่แล้วอย่าง Donald Trump (โดนัลด์ ทรัมป์) สร้างเอาไว้กับชาวโลก รวมถึงเดินหน้าทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ล่วงหน้าทันที ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Green Economy หรือเศรษฐกิจพลังงานสะอาด
เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่าน โจ ไบเดน ได้ประกาศต่อสื่อว่า มีแพลนที่จะเปลี่ยนรถยนต์ของหน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาด้วยแรงงานของคนอเมริกันเท่านั้น นี่ถือเป็นนโยบายใหม่ที่อยู่ภายใต้แผน Buy American ที่เป็นคำสั่งของประธานาธิบดีโดยตรง (Executive Order) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
Pres. Biden: "The federal government also owns an enormous fleet of vehicles, which we're going to replace with clean electric vehicles made right here in America, by American workers."https://t.co/figJbDMrpt pic.twitter.com/racgwk9VGw
— ABC News Live (@ABCNewsLive) January 25, 2021
การประกาศของไบเดนในครั้งนี้ ทาง The Verge สื่อของสหรัฐฯ ถือว่าเป็นข่าวดีของค่ายรถยนต์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ อย่าง Tesla, Rivian และ Lordstown รวมถึงค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่าง Ford และ General Motors (GM) ที่กำลังลงทุนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในตอนนี้
เรามาดูกันว่า 10 รถยนต์ไฟฟ้าผลิตใน USA ที่คนอเมริกัน และ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกใจ จะมีรุ่นไหนบ้าง …..
1. Chevrolet Bolt EV
Chevrolet Bolt EV (เชฟโรเลต โบลท์ อีวี) รถแฮทช์แบค Sub-Compact พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของ Chevrolet ที่พัฒนามาจากรถต้นแบบในปี 2015 ก่อนจะขายจริงในปี 2016
ก่อนจะปรับโฉมเนอร์เชนจ์ในปีที่ผ่านมา ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ที่ 37,495 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในเริ่มต้นอย่างรุ่น LT ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯ ช่วยอุดหนุนเพิ่มเติม ราคาของรถจึงลงมาอยู่ที่ 30,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ และ 41,895 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในรุ่น Top อย่าง Premier
สำหรับรุ่นไมเนอร์เชนจ์นี้ ชุดแบตเตอรี่ ทาง LG Chem ซึ่งเป็นผู้ผลิตให้ GM ได้เปลี่ยนส่วนผสมทางเคมีในเซลล์แบตเตอรี่ให้ความหนาแน่นของประจุไฟฟ้ามากขึ้น จึงเพิ่มระยะทางการขับได้อีก 10% เป็น 417 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง หรือระยะทางเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 34 กม. ซึ่งตัวเลขนี้คิดจากใช้งานจริงตามมาตรฐาน EPA ส่วนการชาร์จปกติ ใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 9 ชั่วโมง แต่ถ้าชาร์จผ่านสถานีชาร์จ DC Fast ใช้เวลาชาร์จ 30 นาที สามารถให้ระยะทางวิ่งได้มากถึง 145 กิโลเมตร
สำหรับ Chevrolet Bolt EV ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 266 นิวตัน-เมตร ทำอัตราเร่ง 0-60 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.9 วินาที
2. Tesla Model 3
Tesla Model 3 (เทสลา โมเดล 3) รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก แบบ Compact Car รุ่นปรับปรุงใหม่ในปี 2021 เพิ่มสมรรถนะโดยรวมของตัวรถ กับระยะทางวิ่งตั้งแต่ 20 – 50 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งในแต่ละรุ่นย่อย ทั้งรุ่น Standard Range Plus, Long Range และ Performance
ขุมพลัง มีให้เลือกทั้งแบบ Single Motor และ Dual Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง และแบบ AWD ในรุ่น Dual Motor มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 283 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกทั้งแบบขนาด 54 kWh (รุ่น Standard Range Plus), 62 kWh (รุ่น Performance) และ 75 kWh (รุ่น Long Range)
ให้อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 5.3 วินาที (Single Motor) และ 4.4 วินาที (Dual Motor) ทำความเร็วได้สูงสุด 225 กม./ชม. (Single Motor) และ 233 กม./ชม. (Dual Motor) ให้ระยะทางวิ่ง 423 กิโลเมตร (Single Motor), 569 กิโลเมตร (Dual Motor) (เพิ่มขึ้นจากเดิม 50 กิโลเมตร) และรุ่น Top สุด 507 กิโลเมตร (Dual Motor) (เพิ่มขึ้นจากเดิม 26 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (คำนวณตามมาตรฐาน EPA) โดยใช้เวลาชาร์จประมาณ 6 – 6.5 ชั่วโมง
3. Tesla Model S Plaid
Tesla Model S (เทสล่า โมเดล เอส) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ที่เปิดตัวมานานแล้วเหมือนกัน นับตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2555 แต่ก็มีการปรับปรุงอะไรมาโดยตลอด และล่าสุดทาง Elon Musk (อีลอน มัสก์) ได้ประกาศแล้วว่าจะสร้าง Tesla Model S Plaid รุ่นใหม่ และสามารถเล่นเกม Cyberpunk 2077 ในรถได้ด้วย ออกจำหน่ายในเดือนมีนาคมนี้
ขุมพลังของ Tesla Model S Plaid บอกเลยว่าไม่ธรรมดา! มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว บนระบบขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ให้กำลังสูงสุด 1,020 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้น้อยกว่า 2 วินาที! (ส่วน 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 2.1 วินาที) ทำความเร็วได้สูงสุด 320 กม./ชม. ถือว่าเร็วกว่า Supercar หลายรุ่นทีเดียว! สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 627 – 836 กิโลเมตร
ราคาของ Tesla Model S Long Range อยู่ที่ 79,990 ดอลลาร์สหรัฐฯ, Model S Plaid อยู่ที่ 119,990 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วน Model S Plaid+ อยู่ที่ 139,990 ดอลลาร์สหรัฐฯ
4. Tesla Model X
Tesla Model X (เทสล่า โมเดล เอ็กซ์) รถ SUV หรูพลังงานไฟฟ้า แม้ว่าจะออกมาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว แต่ก็ยังมีการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ อยู่ตลอด ตัวรถออกแบบโดย Franz von Holzhausen
ขุมพลังเป็นแบบ Dual Motor ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ในรุ่น Long Range มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 335 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.9 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 250 กม./ชม. และยังมีรุ่น Plaid ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังสูงถึง 1,020 แรงม้า และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.6 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 262 กม./ชม. อีกด้วย!
มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh ให้ระยะทางวิ่ง 547 กิโลเมตร (Plaid) และ 580 กิโลเมตร (Long Range) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
5. Tesla Model Y
Tesla Model Y (เทสล่า โมเดล วาย) เป็นรถที่เข้ามาเติมเต็มความหมายของคำว่า S E X Y ตามแบบฉบับของ Elon Musk (แม้ว่ารุ่น E จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Model 3 ไปก็ตาม) จัดให้เป็นรถในกลุ่ม CUV (Crossover Utility Vehicle) หรือ Crossover SUV ขนาด Compact 5+2 ที่นั่ง แบบเดียวกับ Tesla Model 3 แต่ยกสูงกว่า มีขอบซุ้มล้อสีดำ และเพิ่มออพชั่นเป็นเบาะแถว 3 ให้อีก 2 ที่นั่ง ในราคา 41,990 – 59,990 ดอลล่าร์สหรัฐฯ
ขุมพลัง มีให้เลือกทั้งแบบ Single Motor และ Dual Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง และแบบ AWD ในรุ่น Dual Motor มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 283 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกทั้งแบบขนาด 54 kWh (รุ่น Standard Range Plus), 62 kWh (รุ่น Performance) และ 75 kWh (รุ่น Long Range)
ให้อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 5.3 วินาที (Single Motor), 4.8 วินาที (Dual Motor – Long Range) และ 3.5 วินาที (Dual Motor – Perfomance) ทำความเร็วได้สูงสุด 193 – 209 กม./ชม. (Single Motor) และ 217 – 241 กม./ชม. (Dual Motor) ให้ระยะทางวิ่ง 370 – 482 กิโลเมตร (Single Motor), 450 – 482 กิโลเมตร (Dual Motor) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (คำนวณตามมาตรฐาน EPA) โดยใช้เวลาชาร์จประมาณ 6 – 6.5 ชั่วโมง
6. Ford Mustang Mach E
Ford Mustang Mach-E (ฟอร์ด มัสแตง มาร์ช อี) รถ Crossover SUV ขนาด Compact ใช้พลังงานไฟฟ้า ที่หวนนำชื่อรุ่น และชื่อเสียงของรถสปอร์ตรุ่นดังของ Ford อย่าง Mustang (มัสแตง) มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า แม้ว่าแฟนๆ มัสแตงพันธุ์แท้ อาจไม่ถูกใจสิ่งนี้ก็ตาม แต่จากยอดจองหลายหมื่นคัน ก็สามารถพิสูจน์ได้เหมือนกันว่า ชื่อ Mustang นี้มีผลจริงๆ … ในราคา 42,895 – 60,500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ
การออกแบบภายนอก ยังคงเอกลักษณ์ครบถ้วนแบบใน Mustang รุ่นต้นตำหรับ โดยเฉพาะชุดไฟท้ายทรงตั้ง 3 ช่อง ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์มใหม่ GE2 (Global Electrified 2) ส่วนภายในห้องโดยสาร ดูล่ำยุค แต่จอ Tablet ขนาด 15.5 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง ดูใหญ่จนน่ารำคาญไปหน่อย แต่ก็ง่ายต่อการใช้งาน
ขุมพลัง มีทั้งรุ่นขับหลัง และรุ่นขับสี่ล้อ All Wheel Drive ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเริ่มต้นในรุ่น Select ให้กำลังสูงสุด 255 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ให้ระยะทางวิ่งได้ 370 – 388 กิโลเมตร
ในรุ่น Premium ให้กำลังสูงสุด 281 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ให้ระยะทางวิ่งได้ 483 กิโลเมตร, ในรุ่น Premium AWD ให้กำลังสูงสุด 333 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 563 นิวตัน-เมตร ชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ให้ระยะทางวิ่งได้ 435 กิโลเมตร
และรุ่น Top สุด อย่าง Mach E GT ให้กำลังสูงสุด 459 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 828 นิวตัน-เมตร ชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ให้ระยะทางวิ่งได้ 378 กิโลเมตร กับอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ที่ 3.8 วินาที!
ติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 75.7 kWh, 98.8 kWh รองรับการชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 38 นาที
7. Nissan Leaf
Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) “Simply Amazing” เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า “100%” และมีอัตราการปล่อยมลพิษเป็น “0” และถือเป็นรถค่ายญี่ปุ่นเจ้าแรก ที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำหน่ายอย่างเป็นทางการในสหรัฐฯ ซึ่งผลิตในที่โรงงานในเมือง Smyrna รัฐ Tennessee มีราคาอยู่ที่ 31,620 – 43,920 ดอลล่าร์สหรัฐฯ
Nissan Leaf ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 239 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และรุ่นพลังแรง Plus ให้กำลังสูงสุด 214 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 338 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 346 – 363 กิโลเมตร
ติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 40 kWh สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟขนาด 3.6 kW ได้ในเวลา 12 ชั่วโมง และกำลังไฟขนาด 6.6 kW ในเวลา 6 ชั่วโมง รองรับการชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 40 นาที และขนาดความจุ 62 kWh เป็นต้น
8. GMC Hummer EV
GMC Hummer EV (จีเอ็มซี ฮัมเมอร์ อีวี) การกลับมาครั้งใหม่ สร้างเสียงฮือฮาสำหรับคนชอบรถ Off-Road ได้พอสมควร แม้ว่าจะมาในฐานะแบรนด์ย่อยของ GMC ก็ตาม ตัวรถยังคงเหมือนรุ่นดั้งเดิม เรียบง่ายแต่ทันสมัย ส่วนห้องโดยสารภายใน ออกแบบได้ล้ำยุค แต่ก็ยังคงความเหลี่ยมอันเป็นเอกลัษณ์ของ Hummer ไว้ครบถ้วน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 112,595 ดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับจุดเด่นอย่างหนึ่งของรถรุ่นนี้ คือระบบ Hummer’s UltraVision ติดตั้งกล้องไว้รอบคันรถถึง 18 มุมมอง มีตั้งแต่ “ตัวตรวจจับเสมือน” ไปจนถึงกล้องใต้ท้องเครื่องยนต์ เพื่อช่วยหลบหลีกสิ่งกีดขวาง
ขุมพลังใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว ให้กำลังรวมประมาณ 1,000 แรงม้า และแรงบิดประมาณ 15,591 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่วนอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ในเวลาประมาณ 3 วินาที เมื่อใช้ระบบ Launch Control “Watts to Freedom” สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 563 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
9. Rivian R1T
Rivian R1T (ริเวียน อาร์ 1 ที) จัดเป็นค่ายรถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน จัดเป็นรถกระบะพลังงานไฟฟ้าคันแรกของโลก ที่ได้รับการพูดถึงมากสุดในอเมริกาทีเดียว ตัวรถภายนอกดูเรียบง่าย แต่โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้าแบบ Stadium ซึ่งเป็น Design Language ของริเวียนต่อไปทุกรุ่นในอนาคต ซึ่ง Rivian R1T มีแพลนจำหน่ายอย่างเป็นทางการช่วงกลางปีนี้ ในราคาเริ่มต้น 75,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ
ส่วนห้องโดยสารภายใน คงความทันสมัยและแฝงความคลาสสิกอย่างไม้เข้าไปด้วย เน้นความทนทาน ทำความสะอาดง่าย มาตรวัดบริเวณหน้าปัดขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว และจอบอกข้อมูลรถยนต์ขนาด 15.6 นิ้ว ใหญ่สะใจ
ขุมพลังใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ให้กำลังตัวละ 197 แรงม้า X 4 พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 105 kWh ให้กำลังสูงสุด 402 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 699 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 370 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
และแบตเตอรี่ความจุ 135 kWh ให้กำลังสูงสุด 753 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1398 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 482 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง กับรุ่น Top สุด แบตเตอรี่ความจุ 180 kWh จำกัดกำลังสูงสุดไว้ที่ 700 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1398 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 643 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ทุกรุ่นจำกัดความเร็วไว้ที่ 201 กม./ชม.
10. Lordstown Endurance
Lordstown Endurance (ลอร์ดทาวน์ เอ็นดูรานซ์) จากบริษัทสตาร์ทอัพหน้าใหม่ Lordstown Motors ที่ทำรถกระบะไฟฟ้าออกมาขาย หลังจากที่ระดมทุนมาได้มากพอสมควร ที่มาของชื่อแบรนด์ คือใช้โรงงานเก่าของ GM ในเมืองลอร์ดสทาวน์ รัฐ Ohio เป็นฐานการผลิต
รุ่นนี้ระบบขับเคลื่อนที่อาจต่างไปจากรถยนต์ไฟฟ้าค่ายอื่นหน่อย เพราะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่ล้อทั้ง 4 แบบ “In-Wheel Hub Motor” แทนการใช้มอเตอร์หมุนเพลา มีชิ้นส่วนน้อยลง บำรุงรักษาง่ายกว่า และยังคุมรถได้ดีขึ้นด้วย จากการใช้ระบบกระจายแรงบิดทั้ง 4 ล้อ
ตัวรถภายนอกดูเรียบง่าย เน้นความเปลี่ยมสัน แข็งแกร่ง มาในราคาเริ่มต้น 52,500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ
ขุมพลังใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ขับเคลื่อนแบบ 4 Hub Electric Motors รวมกำลังได้สูงสุด 600 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 109 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 320 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ใช้เวลาในการชาร์จราว 10 ชั่วโมง องรับการชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 50 นาที – 1.50 ชั่วโมง และจำกัดความเร็วไว้ที่ 128 กม./ชม.
ส่วนถ้าใครอยากขายรถเพื่อนำเงินไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ง่ายๆ เพียงขายรถคันเก่ากับ CARRO Express ได้เงินไว! เร็ว! พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand
หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —>
แหล่งที่มาบางส่วนจาก: