Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

หลายคนเคยได้ยินว่ามนุษย์เงินเดือนที่ทำงานออฟฟิศ ต้องนั่งกับโต๊ะและใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน มีความเจ็บป่วยชนิดหนึ่งเกิดขึ้นซึ่งทำให้คนเหล่านั้นทรมานจนบางคนถึงกับทำงานไม่ได้อีกเลย เรากำลังพูดถึงโรคออฟฟิศซินโดรม และใครว่าโรคออฟฟิศซินโดรม อาการเกิดขึ้นได้เฉพาะที่ออฟฟิศเท่านั้นล่ะ? จริง ๆ มันเกิดขึ้นได้ทุกที่แม้แต่ที่บ้านของเรา

ใช่แล้ว.. เรากำลังพูดถึง การทำงานที่บ้านแบบ “Work from home” เพราะการต้องทำงานที่บ้านนาน ๆ ก็เป็นบ่อเกิดของโรคออฟฟิศซินโดรมได้เช่นกัน รู้ใจเป็นห่วงชาวออฟฟิศทุกคนที่ต้องนั่งทำงานที่บ้านที่ทั้งเครียดและเงียบเหงา เราจึงอยากพามาเรียนรู้วิธีการทำงานที่บ้านแบบ Work from home ให้ดีต่อสุขภาพและไม่เป็นโรคออฟฟิศซินโดรมกัน จะเป็นอย่างไร ตามไปดูกันเลย!

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม คืออะไร?

นิยามของโรคออฟฟิศซินโดรมก็คือ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด รวมทั้งการปวดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อและเอ็น ปวดชาปลายประสาทที่เกิดจากการกดทับ ซึ่งสาเหตุมาจากการนั่งหรืออยู่ท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับผู้ป่วยที่ต้องนั่งโต๊ะทำงานเป็นเวลานาน ๆ ต่อวัน

การนั่งที่ทำให้เกิดการกดทับทั้งหลัง ขา แขน และข้อมือ เช่น การใช้คีย์บอร์ดหรือเมาส์ สภาวะทำงานที่มีแสงน้อยหรือรับแสงจากจอในปริมาณมากเกินไปจนเกินความเจ็บปวดกับปลายประสาทในร่างกาย ความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้มีอาการตามมา การปวดตามร่างข้อ เส้นเอ็นในร่างกาย ตาพร่ามัว ปวดหัว จนไปถึงอาการรุนแรง เช่น การวูบ หูอื้อ มึนงง ชา แม้อาการป่วยจะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ทำให้ระบบในร่างกายผิดปกติ และอาจจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดแบบเรื้อรัง ทนทรมานไปตลอดชีวิต อีกทั้งมันยังส่งผลต่อสภาพจิตได้ด้วยอีกต่างหาก

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

Checklist โรคออฟฟิศซินโดรม อาการเป็นอย่างไร?

ถึงแม้จะเป็นการทำงานที่บ้าน แต่ลักษณะการทำงานของหลายคนก็ยังเหมือนการนั่งทำงานอยู่ออฟฟิศอยู่ดี ดังนั้นถ้าคุณมีอาการตามลักษณะต่อไปนี้ ต่อให้ทำงานที่บ้านแบบ Work from home คุณก็ยังมีความเสี่ยง

• นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน
• ระหว่างนั่งทำงานคุณจะรู้สึกปวดเมื่อยต้นคอ ไหล่ หลัง เอว อยู่เสมอ
• หลังทำงานคุณจะรู้สึกปวดเมื่อยจนต้องกินยาแก้ปวด หรือบางครั้งต้องไปนวดเพื่อให้หายปวด
• บางครั้งคุณจะรู้สึกตาพร่ามัว อ่านตัวหนังสือที่หน้าจอคอมไม่ชัด

ถ้าคำตอบของคุณส่วนใหญ่คือใช่ ก็เป็นไปได้ว่าคุณกำลังเข้าข่ายที่จะป่วยด้วยโรคออฟฟิศซินโดรม ซึ่งสิ่งแรกที่ควรจะทำก็คือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ส่งผลต่ออาการป่วย เช่น การนั่งทำงานเป็นเวลานาน การจ้องจอคอมพิวเตอร์มากเกินไป หรือการไม่ค่อยออกกำลังกายของคุณ

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

นั่งทำงานที่บ้านให้ปลอดภัย ป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม อาการอักเสบของกล้ามเนื้อ และส่วนต่าง ๆ ที่เกิดจากการถูกกดทับเป็นเวลานาน การทำงานที่บ้านน่าจะช่วยให้การเกิดอาการปวดโรคออฟฟิศซินโดรมน้อยลงได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ดังนี้

  • ยืดเส้นยืดสาย เปลี่ยนอิริยาบถอยู่เสมอ การทำงานที่บ้านก็มีข้อดีที่เราจำเป็นต้องประจำอยู่ที่โต๊ะทำงานอยู่เสมอ แค่มีคอมพิวเตอร์แบบแล็ปท็อปก็สามารถย้ายไปนั่งทำงานที่ส่วนอื่น ๆ ของบ้านได้สบาย ๆ เพราะอาการของโรคออฟฟิศซินโดรมมีสาเหตุหนึ่งก็คือ การนั่งทำงานด้วยท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน ทางที่ดีเราควรขยับขึ้นมายืดเส้นยืดสายหรือย้ายที่ทำงานไปที่โซฟา หรือไปนอนทำงานบนเตียงก็ได้
  • ปรับการนั่งให้เหมาะกับสรีระ ซึ่งสำหรับคนที่จำเป็นต้องนั่งที่โต๊ะทำงานไม่สามารถย้ายได้ และบางงานจำเป็นต้องทำต่อเนื่อง ไม่สามารถลุกไปยืดเส้นยืดสายได้บ่อย สิ่งที่พอจะทำได้ก็คือการปรับที่นั่งให้เหมาะกับสรีระ ท่านั่งควรจะไปข้างหลังเล็กน้อยให้หลังมีส่วนช่วยรับน้ำหนัก ไม่ให้น้ำหนักกดทับไปที่ใดที่หนึ่ง ไม่ควรนั่งหลังงอมันจะทำให้หลังรับน้ำหนักมากเกินไป ความสูงของโต๊ะควรจะพอดีกับระดับแขนให้การวางแขนลงบนโต๊ะหรือคอมพิวเตอร์ สามารถวางแขนได้พอดีไม่ห่างกันมากไป ถ้าสูงไปไหล่จะต้องรับน้ำหนัก แต่ถ้าน้อยไปกลับเป็นข้อมือที่รับน้ำหนักเพียงอย่างเดียว ให้หาระยะห่างของความสูงที่สมดุล
  • ใช้หูฟังช่วยในการทำงาน เพราะการทำงานบางชนิดก็จำเป็นจะต้องใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อพูดคุย การใช้เป็นเวลานานต่อเนื่องก็ทำให้ร่างกายส่วนที่เกี่ยวข้องต้องรับภาะหนัก เช่น ข้อมือ สายตา หรือหูที่ต้องแนบกับโทรศัพท์ ดังนั้นหาหูฟังที่ช่วยให้ไม่ต้องถือโทรศัพท์และเอาโทรศัพท์แนบหู หากรู้สึกว่าจ้องจอโทรศัพท์นานเกินไปก็ต้องหาเวลาพักบ้าง
  • พักสายตาทุก 20 นาที เป็นเวลาที่เหมาะสมในการใช้อวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดทำงานเป็นเวลานาน ๆ การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน ทุก ๆ 20 นาที ควรพักสายตาออกจากจอคอมพิวเตอร์ หาที่สบายตามองเพื่อปรับสายตา มองต้นไม้เขียว ๆ หรือหลับตาสักพักก็ได้เพื่อให้ระบบประสาทตาไม่เครียดมากเกินไป
  • ออกกำลังกาย หลังการทำงานในทุกวัน ควรจะออกกำลังกาย เพราะเมื่อเรานั่งทำงานในออฟฟิศ ทุก ๆ วันการเดินทางกลับบ้านก็ยังมีระยะให้เราเดินให้ร่างกายได้ขยับ แต่การทำงานที่บ้าน ระยะห่างระหว่างโต๊ะทำงานกับเตียงนอนอาจจะใกล้เกินไป แนะนำว่าอย่าเพิ่งพุ่งตัวลงที่นอน ควรหาเวลาออกกำลังกาย เช่น ออกไปเดิน ไปวิ่ง หรือถ้าออกจากบ้านไม่ได้ก็บอดี้เวทหรือทำงานบ้านก็เป็นทางเลือกที่ดี

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม รักษายังไง?

โรคออฟฟิศซินโดรม อาการป่วยที่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนั้นความเจ็บป่วยจึงเกิดขึ้นพร้อมกันหลาย ๆ ระบบ ทั้งกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ระบบประสาท ซึ่งจะรักษาทางใดทางหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยการวิเคราะห์ถึงสาเหตุและรักษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะวางแผนการรักษาจากหลายวิธีด้วยกัน เพราะการรักษาจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่หลากหลายถึงจะรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • เครื่องกระตุ้นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นการปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามากระตุ้นระบบประสาทเพื่อบรรเทาอาการปวด อาการชา และการอักเสบจากการทำงานที่ผิดปกติของปลายประสาท
  • คลื่นกระแทกช็อกเวฟ เป็นการใช้คลื่นกระแทกลงไปบนกล้ามเนื้อที่มีอาการปวดจากโรคออฟฟิศซินโดรม เพื่อช่วยลดอาการปวดและกระตุ้นให้เนื้อเยื่อซ่อมแซมตัวเอง ใช้ในกรณีที่มีอาการปวดเรื้อรังของระบบกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและกระดูก
  • การรักษาด้วยการจัดกระดูกสันหลัง ใช้เตียงจัดกระดูกสันหลังซึ่งปัจจุบันสามารถจัดกระดูกสันหลังได้แบบสามมิติ เพื่อจัดกระดูกสันหลังที่คดงอให้เข้าที่ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาการปวดหลังจากการทำงานหนักเป็นเวลานานจนแนวกระดูกสันหลังเคลื่อน
  • การรักษาด้วยความเย็นจัด เป็นการใช้ความเย็นประมาณ -110 องศา เพื่อกระตุ้นให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายตอบสนองต่อความเย็น และปรับตัวสู้กับความเจ็บป่วยและความเครียด

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม อาจจะเป็นโรคที่ไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิตก็จริง แต่มันก็เป็นโรคที่ทำให้เจ็บปวดทรมานทางร่างกายและยังส่งผลต่อสุขภาพจิต แนวทางการรักษาก็เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตสักหน่อย ไม่ให้กล้ามเนื้อหรืออวัยวะอื่นใดทำงานในแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ มากเกินไป ไม่ว่าจะทำงานอยู่ออฟฟิศ ทำงานที่บ้าน หรือที่ใดก็ตาม เราควรปรับการใช้ชีวิตให้มีการเคลื่อนไหวบ่อย ๆ อย่างน้อยทุก 20 นาที รวมไปถึงเรื่องการพักผ่อนจากงานเป็นระยะก็สำคัญด้วยเช่นกัน

และหากพบว่าร่างกายมีอาการปวด ชา ตามปลายประสาท จนน่าสงสัยว่าตัวเองจะเข้าข่ายอาการของ “โรคออฟฟิศซินโดรม” ก็ควรจะเริ่มหันมา ดูแลสุขภาพตัวเอง อย่าปล่อยปละละเลยจนอาการปวดเรื้อรังรักษาไม่หายแก้ไม่ได้ ถ้าหากเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วก็ยังไม่หายจริง ๆ ก็ถึงเวลาที่ต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วแหละ

รู้ใจเป็นห่วงทุกคนที่จะต้องเผชิญทั้งการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์โรคระบาดจนต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตปกติ ถึงแม้รอดพ้นจากโรคระบาด ก็ยังต้องเสี่ยงเผชิญกับโรคออฟฟิศซินโดรมอีก และหากคุณคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งคนที่อยู่ในความเสี่ยงของโรคนี้และกังวลเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลที่ไม่แน่นอน คุณสามารถมองหาประกันสุขภาพที่จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลได้แบบทั่วถึง รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า ต้องที่รู้ใจ ประกันออนไลน์ เช็คราคาประกันออนไลน์ได้ใน 60 วิ ประหยัดสูงสุด 30% ซื้อง่ายใน 3 นาที ดูข้อมูลประกันภัยต่าง ๆ ได้เลย

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากเราได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

บ้าน คือสถานที่ที่ทุกคนจะรู้สึกปลอดภัยที่สุด ทุกมุมของบ้านผู้เป็นเจ้าของบ้านย่อมรู้สึกคุ้นเคย การอยู่บ้านของเราเองย่อมทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่บ้านของเราอาจจะปกป้องเราจากภัยภายนอกได้ แต่ภายในบ้านยังมีหลายอย่างให้เราต้องระวัง รู้ใจจะบอกสิ่งที่เรารู้ให้ทุกคนได้หายสงสัยว่าไม่ว่าจะอยู่บ้านเฉย ๆ หรือทำงานที่บ้าน (Work From Home) ก็เสี่ยงอุบัติเหตุได้

สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุจากการอยู่บ้าน มีอะไรบ้าง

สถิติการเกิดอุบัติเหตุ สิ่งอันตรายในบ้าน จนบาดเจ็บ พิการหรือเสียชีวิต เชื่อหรือไม่ว่า กว่า 70% เกิดขึ้นในบ้านมากกว่าบนถนนหรือที่อื่น ๆ หลายคนอาจจะไม่เชื่อ ถ้าเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานอาจคิดว่า การอยู่บ้าน จะมีอุบัติเหตุได้อย่างไร แต่ถ้าบอกว่าอุบัติเหตุส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับเด็กและคนแก่มากกว่าล่ะ ?

เริ่มเข้าเค้าแล้วใช่มั้ย แต่อย่าคิดว่าถึงจะเป็นคนหนุ่มสาวแล้วจะรอด เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเด็กและคนแก่อยู่บ้านคนเดียว ส่วนใหญ่เป็นเพราะคนเหล่านี้ใช้เวลาอยู่บ้านมากกว่าคนวัยอื่น แต่ตอนนี้เมื่อทุกคนต้องทำงานที่บ้าน (Work from home) ตอนนี้ทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตรายจากภัยลึกลับในบ้านเหมือนกันหมด ฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้ มาทำความรู้จักกับความเสี่ยงอุบัติเหตุในบ้านกันเถอะ

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

บันไดพิฆาต

บันไดติดอันดับสถานที่ทำให้บาดเจ็บอันดับต้น ๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร คนไทยสมัยก่อนอยู่บ้านยกใต้ถุนเพื่อหนีน้ำท่วม บันไดก็สูงเป็นเรื่องปกติ ตกบันไดได้รับบาดเจ็บก็เรื่องปกติเช่นกัน บ้านสมัยใหม่เองก็เช่นกัน บางบ้านบันไดสูง บ้านที่มีดีไซน์ออกแนวลอฟ ก็ไม่มีที่กั้นบันไดกันซะงั้น แล้วจะไม่ให้มีอุบัติเหตุได้ยังไง บันไดปกติก็ดูอันตรายสำหรับเด็กและคนแก่แล้ว วันรุ่นวัยทำงานที่บ้าน (Work from home) ก็มีสิทธิเจ็บตัวเพราะเกิดสะเพร่าวางของไว้เกะกะบันได อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ

พื้นบ้านสไลเดอร์

ใครจะคิดว่าพื้นบ้านปกติที่เราเดินอยู่ทุกวัน อาจจะสร้างความลำบากให้เราได้ พื้นบ้านในปัจจุบันไม่ใช่ไม้นิ่ม ๆ อีกต่อไปแล้ว กลับเป็นปูน เป็นกระเบื้องแข็ง ที่ถ้ามีใครล้มลงไปแรง ๆ ล่ะก็ เจ็บหนักแน่ จริงแล้วความแข็งของพื้นบ้านไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่กลับเป็นองค์ประกอบอื่นที่ทำให้เกิด อันตรายที่เกิดขึ้นในบ้านง่าย ๆ

  • ทิ้งของเกะกะ อุปนิสัยของหลายคนนั่นเองที่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตของตัวเอง ชีวิตที่ไร้วินัย ไม่สนใจเก็บของเข้าที่ เมื่อเข้าบ้านก็วางกระเป๋าไว้บนพื้น สิ่งนี้เองที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
  • พื้นลื่น การทำน้ำหกก็เป็นอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ ดังนั้นเมื่อเห็นน้ำหกที่ไหนต้องรับเช็ดให้แห้งทันที เพราะถ้าปล่อยไว้อาจจะมีเด็กหรือคนแก่มาเหยียบจนลื่นล้มได้
  • พื้นเก่า อาจจะดูไม่มีอะไร แต่พื้นเก่าที่มีรอยแตกเกิดขึ้น ไม่ว่าจะพื้นปูนหรือกระเบื้อง หากพบรอยดังกล่าวต้องรีบซ่อมทันทีไม่อย่างนั้นอาจเกิดบาดแผลขึ้นได้ แต่หากอยากปลอดภัยไว้ก่อน ใส่รองเท้าภายในบ้านจะปลอดภัยกว่า

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

ของมีคมบาด

อันตรายจากของมีคม ขึ้นชื่อว่าของมีคมย่อมมากับอันตรายอยู่แล้ว แต่แปลกที่หลายคนไม่ระวังกับมัน อาจจะเพราะไม่ค่อยได้ใช้งาน มีดเป็นอุปกรณ์ที่เรียกเลือดจากเราได้ทุกที ไม่ใช่แค่ในครัวเท่านั้น มีดคัทเตอร์ก็ยิ่งอันตรายถ้าไม่ระวัง หรือถ้าไม่ใช่มีด ของจำพวกเข็มก็เสี่ยงทำให้บาดเจ็บได้ ของมีคมไม่ใช่แค่มีดและเข็มเท่านั้น ในเครื่องปั่นเครื่องบดก็มีใบมีดที่อันตรายเช่นกัน เพราะเป็นของที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เป็นสิ่งอันตรายในบ้านได้ ดังนั้นเวลาใช้งานก็มีสติให้มาก เมื่อใช้งานเสร็จแล้วก็ต้องมีวินัยในการเก็บมันเข้าที่ไม่ให้ใครบาดเจ็บเพราะมัน

ไฟฟ้าช็อต

อันตรายจากของใช้ในบ้าน อุบัติเหตุจากไฟฟ้าเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงมากที่สุด และเป็นอุบัติเหตุที่เกิดได้ง่ายที่สุด แค่ไม่ระวังปล่อยให้มือเปียกไปแตะสวิตช์ไฟก็อาจจะทำให้ไฟช็อตได้ ประมาทเพียงนิดเดียวอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้นนอกจากความไม่ประมาทแล้วเราสามารถติดตั้งตัวตัดไฟเซฟตี้ ที่จะทำหน้าที่ตัดไฟทุกครั้งที่มีอุบัติเหตุไฟฟ้ารั่ว ทำให้ลดการสูญเสียได้มาก นอกจากนี้เราควรตรวจตราจุดแยก จุดจ่ายไฟฟ้าในบ้านให้ดีว่ามีตรงไหนชำรุดบ้าง เพื่อที่เราจะทำการปรับปรุงซ่อมแซมได้ทันท่วงทีก่อนที่จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

สัตว์ประหลาด

อย่าเพิ่งตกใจว่ากำลังอยู่ในหนัง Sci-fi รึเปล่า แต่สัตว์ที่ว่ารวมไปถึงสัตว์เลี้ยงในบ้านและสัตว์ที่มีพิษ อุบัติเหตุเหล่านี้มีทั้งร้ายแรงและไม่ร้ายแรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องระวังไว้ให้ดี เพราะถึงแม้จะเป็นน้องตูบหรือเจ้านายของบ่าวอย่างเจ้าเหมียว ถ้ามันได้กัดได้ข่วนจนมีเลือดแล้วล่ะก็ ยังไงก็ต้องไปหาหมอฉีดยากันพิษสุนัขบ้าหรือบาดทะยัก เพราะฉะนั้นจะเล่นกับมันยังไงก็ต้องระวังไว้ด้วย

อีกอย่างที่ต้องพูดถึงคือสัตว์แมลงและสัตว์มีพิษ สัตว์พวกนี้จะชอบเข้ามาหาที่หลบในที่ที่อบอุ่นและมีอาหาร เพราะฉะนั้นควรจะจัดบริเวณรอบบ้านให้ดี ไม่ให้รกหรือมีที่ซ่อนของสัตว์ และอย่าลืมกำจัดเศษอาหารเหลือทิ้งทุกวันไม่ให้ดึงดูดสัตว์ต่าง ๆ เข้ามาในบ้านเรา เพราะพิษของสัตว์พวกนี้ไม่ว่างูหรือตะขาบ หากแพ้ขึ้นมาไปโรงพยาบาลไม่ทันก็อันตรายถึงชีวิตได้เหมือนกัน

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

สารเคมีในบ้าน

อันตรายจากสารเคมี ก็น่ากลัว ! เคยมีอุบัติเหตุที่ไม่น่าเชื่ออย่างการเอาน้ำยาล้างห้องน้ำไปใส่ในขวดน้ำดื่ม แล้วมีคนเผลอมากิน หรือมีคนล้างห้องน้ำด้วยไฮเตอร์ผสมน้ำยาล้างห้องน้ำจนเกิดก๊าซไฮโดรคลอไร ทำลายระบบทางเดินหายใจจนเสียชีวิต อุบัติเหตุเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากความไม่รู้ ดังนั้นก่อนจะใช้สารเคมีอะไรในบ้าน ศึกษาให้ดีก่อน เพราะสารอันตรายเหล่านี้ทำอันตรายต่อคนในบ้านได้มากทีเดียว

อุบัติเหตุเกี่ยวกับการกิน

การอยู่บ้านสบาย กินได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ อาจจะกลายเป็นฝันร้ายเอาก็ได้ถ้าไม่ระวัง การเคี้ยวอาหารแล้วเศษอาหารพลาดไปติดหลอดลมก็เป็นอุบัติเหตุชนิดหนึ่งที่คร่าชีวิตเราได้ง่าย ๆ เพราะฉะนั้นจะกินอะไรก็ต้องระวัง เคี้ยวอย่างมีสติถึงจะเคี้ยวไปดูซีรีส์ไปก็ต้องระลึกไว้เสมอว่าอันตรายอาจจะมาพร้อมกับความอร่อย แต่ถึงอย่างไรอาการเศษอาหารติดหลอดลมก็มีวิธีปฐมพยาบาลได้ง่าย แต่มีข้อแม้คืออย่าอยู่คนเดียว เพราะการปฐมพยาบาลต้องมีคนช่วย

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

ไฟไหม้

อุบัติเหตุเกี่ยวกับไฟไหม้ก็เกิดขึ้นได้บ่อย ถึงแม้จะมีคนอยู่เต็มบ้านก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิด แต่เพราะการทำงานที่บ้าน (Work from home) นี่แหละอาจทำให้เกิดการใช้ไฟฟ้าเกินพิกัดจนลัดวงจรได้ สาเหตุอื่น ๆ ก็อาจจะมาจากการเผาใบไม้ทำสวน กระแสลมอาจทำให้ไฟลุกลาม หรือเตาแก๊สในบ้านระเบิดก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่เป็นประจำ ดังนั้นไฟไหม้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่พรากทุกอย่างไปจากเราได้แบบหมดสิ้น

อุบัติเหตุจากการซ่อมบ้าน

ช่วงเวลากักตัว Work from home แบบนี้ หลายคนอาจจะตั้งเป้าหมายว่าจะทำการซ่อมบ้านครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะซ่อมแซมแต่ก็อาจจะทำอันตรายให้กับคนในบ้านได้ด้วย แต่ก่อนที่จะซ่อมแซมอะไร จุดอันตรายในบ้าน ต้องตรวจดูอุปกรณ์ให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นสว่าน เลื่อยไฟฟ้า หรือบันไดปีนหลังคา เพราะอุปกรณ์ที่สึกหรอเหล่านี้ก็เป็นสาเหตุของการเจ็บตัวได้ ในต่างประเทศมีหลายคนมากที่ต้องพิการเพราะตกจากหลังคาเวลาขึ้นไปซ่อมบ้านของพวกเขาเอง

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

นี่คือเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ ที่เป็นความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุ มันสามารถเกิดจากอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม และในเมื่อมันเป็นเรื่องไม่คาดฝัน การเตรียมพร้อมไว้ก่อนน่าจะดีที่สุด รู้มั้ย รู้ใจมีประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal accident) ไว้คุ้มครองคุณหากเหตุการ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผล กระดูกหัก สูญเสียอวัยวะ พิการหรือเสียชีวิต เราดูแลด้วยทุนประกันที่สูงและแผนความคุ้มครองที่สามารถเพิ่มหรือปรับแต่งได้ตามไลฟ์สไตล์ของคุณเอง เราหวังว่าในช่วงที่ทุกคนต้องอยู่บ้าน หรือบางคนทำงานที่บ้าน (Work from home) แบบนี้ ทุกคนจะมีแผนเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องไม่คาดคิดเสมอ ด้วยความปรารถนาดีจาก รู้ใจ ประกันออนไลน์ รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากเราได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน

โควิด กักตัวนาน ลืมวิธีขับรถ

ในช่วงที่โควิด-19 เริ่มระบาดมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019 ที่่ผ่านมาในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ก่อนจะเริ่มต้นระบาดไปทั่วโลกในช่วงต้นปี 2020 และยังมีการระบาดหลายรอบในหลายประเทศ พร้อมกับไวรัสได้กลายพันธุ์ออกเป็นสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่สร้างความเสียหายให้กับชีวิต การงาน เศรษฐกิจ ท่องเที่ยว ฯลฯ ในทั่วโลก แม้ว่าเราจะมีวัคซีน และเร่งฉีดวัคซีนกันแล้วก็ตาม

จากปัญหาของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายคนมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปแบบ New Normal เช่น การทำงานแบบ Work From Home หรือการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distrancing) และหลายคนอาจจะต้องกักตัวอยู่ในบ้าน นานนับอาทิตย์ หรือนานนับเดือนเลยก็มี

1975 Lincoln Continental

มีรายงานจากชาวสหรัฐอเมริกา พบว่า การกักตัวอยู่ในบ้านนานๆ ทำให้เกิดอาการลืมวิธีการขับรถ หลังไม่ได้ออกจากบ้านกว่าครึ่งปี อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์มีคำอธิบายดังกล่าว และสบายใจได้ว่า ทักษะการขับรถจะค่อยๆ กลับมาเอง

สื่อใหญ่อย่าง The Washington Post เผยบทสัมภาษณ์หลายกรณีตัวอย่าง ที่เกิดกับชาวสหรัฐฯ เมื่อกลับมาขับรถอีกครั้ง หลังการกักตัวเป็นเวลานาน โดยหลายคนมีอาการลืมวิธีขับรถ ที่เกิดขึ้นในหลายรูปแบบ ทั้งลืมการถอยเข้าซอง ลืมวิธีเลี้ยงคันเร่ง และเบรก รวมไปถึงการดูป้ายต่างๆ และการใช้ความเร็วบนถนนตามกฎหมายกำหนด

1978 Chevrolet Corvette C3

ด้าน Ronald C. Petersen (โรนัลด์ ซี. ปีเตอร์เซน) นักประสาทวิทยา จากเมโยคลินิก ในโรเชสเตอร์ มลรัฐมินนิโซตา ให้คำตอบว่า “มันเป็นความจริง”

“ชุดความทรงจำเหล่านี้ อาจจะไม่ได้ใช้มานานตลอด 6 เดือน 8 เดือน หรือ 1 ปี พฤติกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับชุดความทรงจำเหล่านี้ จึงต้องการเวลาในการฟื้นฟู และสร้างมันขึ้นมาใหม่” ปีเตอร์เซนกล่าว โดยเขาระบุว่า ความทรงจำของคนจะถูกเก็บในสมอง แบบเป็นลักษณะเครือข่าย มากกว่าการเก็บไว้ที่เดียว

ทักษะการขับรถ อาศัยความจำเชิงกระบวนวิธี ซึ่งเป็นความทรงจำในระยะยาวลักษณะหนึ่ง ที่สัมพันธ์กับทักษะในการใช้มือ และทักษะในการตอบโต้ต่อปฏิกิริยาตอบสนอง ซึ่งมันเป็นเรื่องยากมาก ที่เราจะสูญเสียความทรงจำระยะยาวเหล่านี้ไป เช่นเดียวกับการเล่นเทนนิส และปั่นจักรยาน คือ คุุณไม่มีทางลืมมัน แต่ถ้าไม่ได้ทำไปนานๆ ก็ต้องอาศัยเวลาปรับตัวให้คุ้นชิน (อีกครั้ง) สักหน่อย

1969 Ford Mustang

นักวิจัยด้านอุบัติเหตุเปิดเผยว่า มนุษย์อาจจะลืมการขับรถแบบสั้นๆ เพราะเราห่างจากการปฏิบัติไปสักพัก แต่เราจะไม่ลืมการขับรถแบบรุนแรง ชนิดว่าทำอะไรไม่ถูกเลยเมื่อนั่งหลังพวงมาลัย ซึ่งต้องอาศัยเวลาไม่นานมาก ที่จะเรียกคืนทักษะความทรงจำกลับมา และไม่ต้องกังวลไป เพราะใช้เวลาน้อยกว่าคนเพิ่งเริ่มหัดขับรถแน่นอน

สำหรับใครที่อยากขายรถ มาขายรถกับ CARRO Express สิ! ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก

10-New-Normal-In-Automotive-Society

ในเวลานี้เราคงปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะครับว่า การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ที่สร้างความเสียหาย และความเปลี่ยนแปลงไปทั่วโลกอย่างชนิดที่ว่า พลิกฝ่ามือเลยทีเดียว จนทำให้หลายธุรกิจต้องปรับตัวหนีตาโควิด-19 กันเป็นแถว

และอีกสิ่งที่ทำให้พฤติกรรมผู้คน ต้องถูกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงในเวลาสั้นๆ ก็กลายมาเป็น “New Normal” หรือ “ความปรกติใหม่” หรือ “ฐานวิถีชีวิตใหม่” ในแทบทุกๆ ด้าน เพื่อสุขอนามัยและห่างไกลจากเชื้อโรค ทั้งไลฟ์สไตล์ ธุรกิจ สาธารณสุข สั่งอาหาร ซื้อของ โอนเงิน หรือการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) เป็นต้น

บริษัทรถยนต์ ดีลเลอร์รถยนต์ และผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ทั้งหลาย ก็ต้องปรับตัวตาม New Normal ไปด้วยเช่นกัน แต่จะมีอะไรบ้าง MR.CARRO สรุปมาเล่าให้ฟัง 10 อย่างด้วยกัน…

Carro-Express

1. ซื้อรถ – ขายรถ ที่บ้าน

ในยุคโควิด-19 ก่อนหน้านี้ทำให้หลายคนต้อง Work From Home อยู่บ้าน ลดเชื้อ เพื่อชาติ หรือต้องผันตัวมาทำอาชีพอิสระ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทรถยนต์ก็ต้องปรับตัว ด้วยการให้บริการลูกค้าถึงบ้าน ง่ายๆ ด้วยการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ หรือจะโทรไป จะใช้สื่อโซเชียลมีเดีย ติดต่อไปตามช่องทางการสื่อที่โชว์รูมรถแต่ละแห่งมี ก็ได้เช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นการ Test Drive รถยนต์ ก็จะมีการนำรถทดลองขับมาให้ลองกันถึงบ้าน หรือการจองรถ ซื้อรถ ถ้าลองแล้วถูกใจก็สามารถจองและซื้อได้เลย หรือจะผ่านระบบออนไลน์ก็ได้

ส่วนใครที่อยากจะขายรถคันเก่า เพื่อซื้อรถคันใหม่ ก็ง่ายนิดเดียว เพียงเข้าไปที่ “CARRO Express” กรอกรายละเอียดรุ่นรถ ปี เลขไมล์ ราคาที่คุณต้องการ และรูปรถของคุณ ก็สามารถขายรถออนไลน์ได้แล้ว ง่ายนิดเดียว

ทีนี้ก็รอการติดต่อกลับมาจากทางทีมงาน CARRO เพื่อตกลงราคาที่คุณพึงพอใจที่สุด ก่อนจะมาตรวจดูสภาพรถอีกที ถ้าคุณ OK ตกลง ก็พร้อมปิดการขาย ทำสัญญาซื้อขายรถ และรับเงินสดไปได้เลย

2. เปิดตัวรถออนไลน์

จากเหตุผลของการ Social Distrancing หรือการเว้นระยะห่างทางสังคม และหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของโรค ทำให้หลายค่ายรถ ตัดสินใจเปิดตัวรถยนต์ออนไลน์

ที่ผู้สนใจสามารถติดตามการเปิดตัวรถรุ่นที่ตัวเองสนใจ ที่ไหนก็ได้ในโลก ขอให้มีแค่อินเตอร์เน็ตเข้าถึง และยังสามารถ Comment ร่วมกับผู้ติดตามคนอื่นๆ หรือถามคำถามสดๆ ผ่านระบบโซเชียลมีเดียได้อีกด้วย

10-New-Normal-In-Automotive-Society

3. บริการ Mobile Service

ต่อไปนี้ถ้ารถคุณเกิดมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ หรือต้องตรวจเช็ครถตามระยะ แค่อยู่ที่บ้าน หรือที่เกิดเหตุ ไม่ต้องขับรถไปที่โชว์รูม ก็สามารถรอทีมช่างมาตรวจเช็คได้ด้วยรถ Mobile Service เพียงแค่นัดล่วงหน้าเท่านั้น

4. รถมือสอง และรถใหม่ จะขายดีขึ้น

แม้ว่าจะมีผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตกงานเป็นจำนวนมาก กระทบต่อเศรษฐกิจ และการจับจ่ายใช้สอย แต่ก็ส่งผลให้รถมือสองราคาถูกๆ ขายดี และมีความต้องการมากขึ้น

เนื่องจากหลายคน พยายามหลีกเลี่ยงระบบขนส่งมวลชนบ้านเรา ถ้าไม่คุณภาพแย่ ไม่สะอาด เป็นแหล่งรวมเชื้อโรค หรือค่าโดยสาร ค่าใช้จ่ายในการเดินทางแพง เมื่อคำนวณกับการใช้รถยนต์ส่วนตัว แถมต้องแออัดเบียดเสียดกับคนเยอะๆ ยิ่งในหน้าฝนนี่ยิ่งแย่

ซึ่งส่งผลให้ตลาดรถมือสอง กับรถใหม่ หลังเศรษฐกิจพื้นจะขายดีขึ้น ด้วยเหตุผลดังกล่าว

10-New-Normal-In-Automotive-Society

5. Drive Thru และต่อใบขับขี่ออนไลน์ มาแรงขึ้น

ปกติ Drive Thru ก็มีอยู่แล้วในหลายประเภท ตั้งแต่เข้าร้านอาหาร Fast Food, ไปรษณีย์ไดร์ฟทรู ส่งของไม่ต้องลงรถ หรือเลื่อนล้อต่อภาษี ไม่ต้องลงรถ สะดวก ปลอดภัย ต่อไปนี้จะมีหลายกิจการมากขึ้น ที่จะใช้วิธีการปฏิบัตินี้

อีกทั้งการต่อใบขับขี่ออนไลน์ จองคิวออนไลน์ จะเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น สำหรับผู้ที่ใบขับขี่รถหมดอายุไม่เกิน 1 ปี หรือผู้ต้องการต่ออายุใบขับขี่ล่วงหน้าไม่เกิน 90 วัน เพียงแค่ลงทะเบียนเข้ารับการอบรม ก่อนที่จะไปรับการทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย และออกใบอนุญาตขับรถใหม่ได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ผ่านการอบรม

อ่านเพิ่มเติม : 5 ขั้นตอนต่อใบขับขี่ออนไลน์ กับกรมการขนส่งทางบก ในช่วงโควิด-19 ระบาด!

6. ความสะอาดต้องเป็นที่หนึ่ง

โชว์รูมรถยนต์ นอกจากสถานที่จะต้องดูกว้างขวาง หรูหราใหญ่โต เรื่องความสะอาดก็เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้อีกต่อไป ต้องมีทั้งเจลแอลกฮอลล์ หรือเจลล้างมือบริการ มีหน้ากากอนามัย และเฟซชิลด์ รวมถึงมีจุดคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ให้ตรวจสอบพนักงานก่อนเริ่มปฏิบัติงาน รวมไปถึงตรวจเช็คลูกค้า ก่อนเข้าใช้บริการ

และการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะจุดที่มีการสัมผัสบ่อยครั้ง และทำความสะอาดรถทดลองขับทุกครั้ง หลังเสร็จสิ้นการทดลองขับ และทำความสะอาดห้องบริการต่างๆ เป็นพิเศษ เช่น มุมเด็กเล่น ห้องละหมาด พร้อมทั้งมีการฉีดพ่นฆ่าเชื้อในศูนย์บริการเป็นประจำ

10-New-Normal-In-Automotive-Society

7. พ่นน้ำยาฆาเชื้อ เป็นเรื่องปกติ

การพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในรถ และในโชว์รูมรถ ที่ปกติตามโชว์รูมรถมักไม่ค่อยได้ทำ แต่ตอนนี้จะกลายเป็นมาตรฐานของรถยนต์ทุกแบรนด์ สำหรับผู้นำรถมาซ่อม หรือตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ และเป็นแพคเกจของแถมสำหรับคนออกรถใหม่

8. จ่ายเงินแบบ Cashless

การจ่ายเงิน ไม่ว่าจะเงินจอง เงินดาวน์ เงินค่างวด หรือค่าซ่อมรถ ค่าประกันภัย ค่าบริการต่างๆ ต่อไปนี้ไม่ต้องหอบเงินมาเป็นปึกๆ อีกแล้ว เพียงแค่คุณมีบัตรเครดิต หรือจ่ายเงินผ่าน Mobile Banking ในสมาร์ทโฟน บริษัทรถทุกแห่งก็พร้อมรับเงินจากคุณ โดยไม่ต้องสัมผัสธนบัตรที่อาจปนเปื้อนไปด้วยเชื้อโรค

10-New-Normal-In-Automotive-Society

9. รถยนต์ไฟฟ้า คนสนใจมากขึ้น

หลังยุคโควิด-19 จะเป็นการเร่งให้รถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรา เฟื่องฟูกันมากขึ้น แม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์โลกจะมียอดขายรถที่ตกฮวบฮาบไปทั่วโลก และดูถดถอยลงไปอย่างมาก แต่คนเริ่มตระหนักถึงมลพิษ และพลังงานสะอาด ที่ได้เห็นจากช่วงโควิด-19 ที่การใช้รถยนต์ลดลงเป็นอย่างมาก สภาพอากาศ สิ่งแวดล้อมไปในทางที่ดีขึ้น

10. คนขับรถเที่ยวกันมากขึ้น

ผลจากการ Social Distrancing ทำให้คนที่เคยขึ้นรถทัวร์ รถไฟ อาจไม่สะดวกในการเดินทาง หรือการท่องเที่ยวเป็นกลุ่มเล็ก อาจเปลี่ยนพฤติกรรมมาเป็นการขับรถยนต์ส่วนตัว ท่องเที่ยวกันในช่วงวันหยุดมากขึ้น

ที่สำคัญ CARRO ขอเป็นพลังใจให้ทุกคนก้าวข้ามความยากลำบาก ให้ผ่านพ้นหลังหมดช่วงวิกฤต COVID-19 จบสิ้น ซึ่งแต่ละคนอาจมีเรื่องราวมากมาย และประสบการณ์ที่เกิดขึ้น ให้ได้เล่าสู่กันฟังอย่างไม่รู้จบ

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในหลังหมดยุคโควิด-19 สามารถขายรถคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

Carro-Work-From-Home

นับตั้งแต่สถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 (โควิด-19) อย่างต่อเนื่องในประเทศไทยตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2563 จนถึงขณะนี้ ส่งผลต่อความวิตกกังวลของประชาชน เนื่องจากในสถานที่มีคนพลุกพล่าน ทางภาครัฐจังขอให้งดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงสั่งปิดสถานบริการต่างๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพร่เชื้อโรคทางอ้อมได้ ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของห้างร้านต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ด้านบริษัท CARRO ซึ่งเป็นบริษัท Startup ดำเนินงานเกี่ยวกับรถมือสองชั้นนำจากประเทศสิงคโปร์ มิได้นิ่งนอนใจกับการระบาดของไวรัส COVID-19 (โควิด-19) จึงได้วางแผนรับมือกับการระบาดของ COVID-19 อย่างเต็มที่

อีกทั้งยังเป็นการทดสอบการทำหน้าที่ว่า หากทำงานจากนอกสถานที่ หรือทำงานจากที่บ้านแล้ว ประสิทธิภาพในการทำงาน จะต่อเนื่องหรือลดลงหรือไม่? ในสถานการณ์ที่จำเป็นเช่นนี้

Carro-Rebrand-To-2020

ด้าน นายมานิต โกการ์ ผู้อำนวยการ บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ทาง CARRO มีความห่วงใยพนักงานทุกท่าน ที่อาจได้รับผลกระทบจากการเดินทาง ผ่านสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่นเพื่อมาทำงาน และสุขภาพอนามัยของทุกๆ ท่าน จึงจัดให้มีการทำงานแบบ Work From Home ซึ่งทาง CARRO ยังคงพร้อมที่จะให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ ต่อเนื่องทุกเวลา จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น”

Carro-Work-From-Home

นับตั้งแต่วันที่ 17-20 มีนาคม 2563 ทาง CARRO ได้ให้พนักงานทำงานแบบ “Work From Home” เพื่อความต่อเนื่องของการทำงาน การให้ความสำคัญกับสุขภาพของพนักงาน และให้ความสำคัญในการบริการลูกค้า ซึ่งก็ยังมีพนักงานปฏิบัติงานในสำนักงานปกติ และในพื้นที่อื่น หรือทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ซึ่งมีผลดีดังนี้

  • พนักงานทำงานในสำนักงานลดลง ทำให้โอกาสแพร่เชื้อไวรัส COVID-19 ลดลงตาม
  • มีพนักงานสองทีม หากทีมหนึ่งไม่พร้อมทำงาน หรือมีผู้ป่วย ก็จะมีอีกทีมหนึ่ง ที่สามารถทำงานแทนกันได้ โดยไม่ต้องถูกกักบริเวณเพื่อเฝ้าระวังอาการ
  • เพื่อเตรียมความพร้อมในกรณีฉุกเฉิน ที่จะให้พนักงานทำงานได้ทุกสถานที่ แม้ว่าจะมีการปิดสถานที่ต่างๆ แต่ยังปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งขณะนี้ (19 มีนาคม 2563) ยังไม่พบพนักงาน CARRO ที่ติดเชื้อไวรัส COVID-19 หรือมีพนักงานที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือเกี่ยวข้องกับผู้ที่เดินทางในประเทศกลุ่มเสี่ยง แต่อย่างใด ซึ่งหากตรวจพบหรือมีข้างต้น พนักงานจะต้องเฝ้าระวังอาการอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน ถึงจะกลับมาทำงานปกติ

Carro-Pantip-Workshop-Event-2019

สำหรับเรา CARRO เรายังพร้อมให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ ตลอดเวลาของการทำงานในแต่ละวัน ซึ่งท่านใดหากต้องการขายรถในช่วงนี้ CARRO ยินดีต้อนรับท่านเสมอทุกโอกาส และมั่นใจได้กับระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวของคุณลูกค้า และรถยนต์ของคุณ แม้ว่าจะปฏิบัติงานนอกสถานที่ก็ตาม

ส่วนใครที่อยากขายรถ หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

และในส่วนของท่านใดที่มีรถยนต์อยู่ในมือหลายคัน ต้องการขายรถแบบ Fleet คราวละหลายๆ คัน ก็สามารถสมัครขายรถแบบ Agent กับทางเราได้เช่นกัน เพียง Download Application CARRO Wholesale ซึ่งระบบการซื้อรถกับทาง CARRO ไม่ว่าคุณจะขายรถแค่เพียงคันเดียว หรือจะขายรถหลายคันก็ได้

หากท่านใดยังไม่มี App นี้ สามารถดาวน์โหลด Application “CARRO Wholesale” จากใน iOS และ Android โดย Download ได้จาก Link นี้เลย —> icon_ios icon_android

ดูรายละเอียด และวิธีการใช้งานของ CARRO Wholesale Application เพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/blog/carro-agent-rewards/

หากมีข้อสงสัยประการใด สามารถ Inbox มาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand หรือโทร. 02-508-8425 ในเวลาทำการ (จันทร์-ศุกร์ 9.30 – 18.30 น.) หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carropartner —> เพิ่มเพื่อน