Promotion-June-2018

โปรโมชั่นรถใหม่ รับหน้าฝน ในเดือนมิถุนายน 2561

สวัสดีในเดือนมิถุนายน ในเดือนนี้อาจจะไม่มีอะไรที่หวือหวามากนัก เนื่องจากเข้าหน้าฝนแล้ว ตลาดรถในบ้านเรายังคงทรงตัวอย่างต่อเนื่อง เงียบๆ ไม่มีอะไร

กระแสที่พูดกันในเดือนนี้ นั่นคือ Nissan Terra (นิสสัน เทอร์ร่า) ที่เปิดตัวไปแล้วในประเทศจีน และฟิลิปปินส์ ซึ่งเตรียมมาตั้งไลน์ประกอบในไทย เพื่อขายในแถบ ASEAN และทางนิสสัน เตรียมจะเปิดตัวในไทย เร็วๆ นี้ (อาจจะเป็นช่วงปลายปีนี้) ที่คาดว่า ราคาตัวรถ จะถูกกว่ารถของแบรนด์เจ้าตลาด ถึงสองแสนกว่าบาทเลยทีเดียว …

และ Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์วี) ไมเนอร์เชนจ์ ที่เตรียมตัวจะเปิดตัวในวันที่ 27 มิถุนายน นี้ …

แต่อยากขายรถที่ตัวเองมีอยู่แล้วเพื่อซื้อรถใหม่ ให้ Carro เป็นผู้ช่วยมืออาชีพของคุณ “ซื้อ ขาย รีไฟแนนซ์ รถยนต์อย่างมืออาชีพกับ Carro Thailand” หรืออยากขายรถมือสองแบบด่วนๆ ราคาดีกว่าที่อื่น และจบการขายภายใน 24 ชั่วโมง รับเงินสดทันที! เชิญได้ที่ https://th.carro.co/sell-car/express ครับ

สำหรับโปรโมชั่นรถใหม่ ประจำเดือนมิถุนายน 2561 เชิญชมได้ด้านล่างครับ.

Toyota

Toyota-Yaris-ATIV-Promotion-6-2018

Live More Pay Less เป็นเจ้าของโตโยต้ายาริส หรือเอทีฟ ได้ง่ายๆ

ซื้อ Yaris หรือ Yaris Ativ เลือกรับข้อเสนอสุดพิเศษ
ดาวน์เริ่มต้น 8,500 บาท หรือผ่อนสบาย 3,500 บาท หรือดอกเบี้ยต่ำสุด 0.99%
พิเศษ Toyota Key To Key
สำหรับเจ้าของรถยนต์โตโยต้า เลือกรับ บัตรกำนัลโตโยต้ามูลค่า 10,000 บาท
หรือ ส่วนลดดอกเบี้ย 0.40%

วันนี้ – 30 มิถุนายน 2561

Toyota-Vios-Promotion-5-6-2018

VIOS All Is Possible

เงื่อนไข

– *ประกันภัยชั้น 1 Exclusive Toyota Care 1 ปี โดยทุนประกันภัยไม่เกิน 80% ของมูลค่ารถ (ขึ้นอยู่กับรุ่นรถภายใต้เงื่อนไขของแคมเปญ) รวมบริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน 24 ชม.ไม่รวม พ.ร.บ. บุคคลที่ 3
– **อัตราดอกเบี้ย 1.39% นาน 4 ปี เมื่อดาวน์ 25% ขึ้นไป
– ***ดาวน์เริ่มต้น 37,700 บาท (คำนวนจากส่วนลดเงินดาวน์ 23,200 บาท ที่ดาวน์ 10% รุ่น Vios 1.5J CVT มูลค่า 609,000 บาท)
– ต้องแจ้งผ่าน บจก. โตโยต้า อินชัวรันซ์โบรกเกอร์เท่านั้น
– สำหรับผู้ซื้อ ที่ผ่านการอนุมัติตามมาตรฐานเงื่อนไข บ.โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
– สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2561 และข้อเสนอไม่สามารถเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสดได้
ยกเว้นรถรับจ้าง รถเช่า รถที่ซื้อขายภายใต้เงื่อนไขพิเศษอื่นๆ และรถขาย Fleet

Toyota-Hilux-Revo-Promotion-4-6-2018

ข้อเสนอสุดพิเศษ ให้คุณเป็นเจ้าของ ไฮลักซ์ รีโว่ ได้ง่ายๆ 23 เม.ย. – 30 มิ.ย. 2561

เงื่อนไข

– ดาวน์เริ่มต้น 29,000 บาท ผ่อน 7,500 บาท ระยะเวลา 84 เดือน (คำนวนจากเงินดาวน์ 15% ของโปรแกรมเช่าซื้อปกติ รุ่น Hilux Revo Smart Cab 2.4J MY17 ราคา 572,000 บาท)
– สำหรับผู้ซื้อ ที่ผ่านการอนุมัติตามมาตรฐานเงื่อนไข บ.โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
– สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2561 และไม่สามารถเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสดได้
– เงื่อนไขนี้เฉพาะผู้แทนจำหน่ายฯ ที่เข้าร่วมโครงการ
– ยกเว้นรถรับจ้าง รถเช่า รถที่ซื้อขายภายใต้เงื่อนไขพิเศษอื่นๆ และรถขาย Fleet
– สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าใกล้บ้านท่าน

Nissan

Nissan-All-Model-Promotion-June-2018

Nissan-Promotion-6-2018

โปรโมชั่น Nissan ขับรถนิสสันให้สนุก โปรโมชั่นนี้มีผลถึง 30 มิถุนายน 2561

Nissan-Note

Note

  • บัตรน้ำมัน มูลค่า 10,000 บาท

เลือกรับข้อเสนอพิเศษ*:
1. “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 3,590 บาท [(สำหรับงวดที่ 1-60), เงินดาวน์ 33% (187,440 บาท), ดอกเบี้ย 3.21% และงวดที่ 61 (227,200), คำนวณจากรุ่น 1.2V CVT ราคา 568,000 บาท] + ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี
หรือ
2. ดาวน์ต่ำสุด 8,800 บาท* (คำนวณจากส่วนลดเงินดาวน์ 48,000 บาท ที่ดาวน์ 10% รุ่น 1.2V CVT ราคา 568,000 บาท)

* สำหรับรุ่น 1.2V CVT

Nissan-March

March 

ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี

เลือกรับข้อเสนอพิเศษ*:
(1) Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 3,090 บาท [(สำหรับงวดที่ 1-60), เงินดาวน์ 34% (167,620 บาท), ดอกเบี้ย 0.48% และงวดที่ 61 (147,900 บาท), คำนวณจากรุ่น 1.2 E CVT ราคา 493,000 บาท]
หรือ
(2) ดาวน์ต่ำสุด 4,999 บาท** (คำนวณจากส่วนลดเงินดาวน์ 37,001 บาท ที่ดาวน์ 10% รุ่น 1.2 S MT ราคา 420,000 บาท)

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น
** เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ

Nissan-Almera

Almera

  • บัตรน้ำมัน มูลค่า 5,000 บาท
  • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี

เลือกรับข้อเสนอพิเศษ*:
(1) “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 3,490 บาท [(สำหรับงวดที่ 1-60), เงินดาวน์ 36% (193,320 บาท), ดอกเบี้ย 1.54% และงวดที่ 61 (161,100), คำนวณจากรุ่น 1.2 E Sportech ราคา 537,000 บาท]
หรือ
(2) ดาวน์ต่ำสุด 10,700 บาท (คำนวณจากส่วนลดเงินดาวน์ 43,000 บาท ที่ดาวน์ 10% รุ่น 1.2 E Sportech ราคา 537,000 บาท)

Nissan-X-Trail

X-Trail

New Nissan X-TRAIL

เลือกรับข้อเสนอพิเศษ*:
(1) ราคาพิเศษ 1,150,000 บาท**
หรือ
(2) อัตราดอกเบี้ย 0% (เงินดาวน์ 30%, ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-60 เดือน)
+ ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี

*ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น
**สำหรับรุ่น 2.0S 2WD CVT

New Nissan X-TRAIL Hybrid
อัตราดอกเบี้ย 0%* (เงินดาวน์ 30%, ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-60 เดือน**)
– ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี*

*ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น
**สำหรับรุ่น 2.0S 2WD Hybrid เท่านั้น, รุ่น 2.0E 2WD Hybrid และ 2.0V 4WD Hybrid ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-48 เดือน

Nissan-NP300-Navara

Navara

Nissan Navara Single Cab

· ราคาพิเศษ 499,000 บาท*

* สำหรับ S/Cab SL 6MT

Nissan Navara King Cab S 6MT รุ่นปี 2018

  • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี
  • ราคาพิเศษ 549,000 บาท*
  • ผ่อนเพียง 6,900 บาท* (ดาวน์ 25% ผ่อน 72 เดือน ดอกเบี้ย 3.25%) คำนวณจากรุ่น KC S 6 MT รุ่นปี 2018 ที่ราคาพิเศษ

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และ สำหรับ K/Cab S 6MT 18MY เท่านั้น

Nissan Navara King Cab E 6MT รุ่นปี 2018

  • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี
  • ราคาพิเศษ 569,000 บาท*
  • ผ่อนเพียง 6,900 บาท* (เงินดาวน์ 27%, ระยะเวลาผ่อนชำระ 72 เดือน) คำนวณจากรุ่น K/Cab E 6MT 18MY ราคาพิเศษ 569,000 บาท

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และ สำหรับ K/Cab E 6MT 18MY เท่านั้น

Nissan Navara Double Cab ใหม่

  • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี
  • อัตราดอกเบี้ย 0* (เงินดาวน์ 30%, ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-48 เดือน)
  • บัตรน้ำมัน มูลค่า 5,000 บาท

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น

Nissan Navara King Cab – Double Cab Sportech

  • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี
  • อัตราดอกเบี้ย 0* (เงินดาวน์ 25%, ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-72 เดือน)

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น

Nissan Navara King Cab – Double Cab Black Edition

  • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี
  • อัตราดอกเบี้ย 0* (เงินดาวน์ 25%, ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-72 เดือน)​

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น

Nissan-Sylphy

Sylphy

MY2018

ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี

เลือกรับข้อเสนอพิเศษ*:
(1) อัตราดอกเบี้ย 0%* (เงินดาวน์ 30%, ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-48 เดือน)
หรือ
(2) Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 6,990 บาท [(สำหรับงวดที่ 1-60), เงินดาวน์ 28% (243,320 บาท), ดอกเบี้ย 1.71% และงวดที่ 61 (260,700 บาท), คำนวณจากรุ่น 1.6V CVT 18MY ราคา 869,000 บาท]

* เงื่อนไขนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น
** สำหรับรุ่น 1.6V CVT เท่านั้น, รุ่น 1.6SV, 1.6E และ 1.6DIG Turbo ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-48 เดือน

Nissan-Teana

Teana

ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี
อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 0% (เงินดาวน์ 25%, ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-60 เดือน)
ฟรี สปอยเลอร์หลัง มูลค่ากว่า 19,200 บาท

* เงื่อนไขนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น

Nissan-NV350-Urvan

Big Urvan

เลือกรับข้อเสนอพิเศษ*:

(1) ดาวน์ต่ำสุด 15% (ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 48 เดือน) หรือ
(2) ผ่อนนานสูงสุด 72 เดือน (เงินดาวน์ 25%)

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น

Honda

Honda-Promomtion-5-2018

ออกรถวันนี้ รับข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมฟรีประกันภัย วันนี้ – 30 มิ.ย. 2561

โปรโมชั่น Honda

Honda Brio/Brio Amaze
– ดอกเบี้ย 1.99%
– รับชุดแต่งรอบคัน Modulo (เฉพาะ Brio Amaze)
– ฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 2,500 บาท นาน 12 เดือน

Honda Mobilio
– ดอกเบี้ย 1.99% หรือ ดอกเบี้ย 2.85% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี
– ฮอนด้า ช่วยผ่อน เดือนละ 1,000 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 12,000 บาท

Honda City
– ดอกเบี้ย 1.99% หรือ ดอกเบี้ย 2.85% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี
– ฮอนด้า ช่วยผ่อน เดือนละ 1,000 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 12,000 บาท

Honda Jazz
– ดอกเบี้ย 1.99% หรือ ดอกเบี้ย 2.85% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี
– ฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 1,000 บาท นาน 12 เดือน รวมมูลค่า 12,000 บาท

Honda Civic
– ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%

Honda Civic Hatchback
– ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%

Honda Accord
– ดอกเบี้ยพิเศษ 1.19% ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี
– ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัย 2 ปี
– ฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 5,000 บาท นาน 12 เดือน
– พร้อมขยายเวลารับประกันและบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน รวมเป็น 5 ปี

Honda Accord Hybrid
– ดอกเบี้ยพิเศษ 1.19% ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี
– ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัย 2 ปี
– ฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 10,000 บาท นาน 12 เดือน
– พร้อมรับฟรี Privilege Package มูลค่า 50,137 บ.

Honda BR-V
– ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ฟรีประกันภัย 1 ปี และฮอนด้าช่วยผ่อน 1,000 บาท นาน 12 เดือน

Honda HR-V
– ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ฟรีประกันภัย 1 ปี และฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 1,000 บาท นาน 12 เดือน

Honda CR-V
– ดอกเบี้ย 1.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี
– พร้อมฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 3,000 บาท นาน 12 เดือน

Mazda

Mazda2-MY2018

Mazda2

ดอกเบี้ย 2.15% ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี
และ Mazda Care Program 3 ปี

Mazda3

ดอกเบี้ย 2.15% ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี
และ Mazda Care Program 5 ปี

Mazda CX-3

ดอกเบี้ย 0.66% (ยกเว้น รุ่น 2.0E ราคา 835,000 บาท)
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี

Mazda CX-5

ดอกเบี้ย 1.99% ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี

Mazda MX-5

ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี
และโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์สูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร

Mazda BT-50 PRO

ผ่อนเริ่มต้น 5,900 บาท
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี

Mitsubishi

Mitsubishi-Promotion-5-6-2018

โปรโมชั่น Mitsubishi ข้อเสนอสุดพิเศษ สำหรับมิตซูบิชิทุกรุ่น

  • เลือกรับ

– ดอกเบี้ยพิเศษ 0.88% หรือ ผ่อนนานสุดถึง 8 ปี * หรือ
– แพ็กเกจ 5 ปีดูแลดีถึงใจ **

  • ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี ***
  • ฟรีชุดรับสัญญาณดิจิตอลทีวี (เฉพาะรถยนต์ปาเจโร สปอร์ต)****

สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์มิตซูบิชิทุกรุ่น ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561

* ลูกค้าสามารถเลือกรับสิทธิประโยชน์ ดังนี้ – เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษในอัตราร้อยละ 0.88 โดยมีเงื่อนไขที่ลูกค้าชำระเงินดาวน์เริ่มต้นในอัตราร้อยละ 25 และผ่อนชำระค่าเช่าซื้อ 48 เดือน (เงื่อนไขการให้สินเชื่อเช่าซื้อเป็นไปตามที่สถาบันการเงินที่ร่วมรายการเป็นผู้กำหนด) หรือเลือกระยะเวลาผ่อนชำระนานสุดถึง 8 ปี โดยมีเงื่อนไขที่ลูกค้าชำระเงินดาวน์เริ่มต้นในอัตราร้อยละ 15 (เงื่อนไขการให้สินเชื่อเช่าซื้อเป็นไปตามที่สถาบันการเงินที่ร่วมรายการเป็นผู้กำหนด)

** ในกรณีที่ลูกค้าไม่เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0.88% หรือ ผ่อนนานสูงสุด 8 ปี ลูกค้าสามารถเลือกรับแพ็กเกจ 5 ปีดูแลดีถึงใจ ซึ่งแพ็กเกจนี้ประกอบไปด้วย

ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ 5 ปี 1
ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. 5 ปี 2
ฟรี รับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 100,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน) 3
ฟรี ค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน) 4

เงื่อนไข :

1. ฟรีค่าอะไหล่และเคมีภัณฑ์ตามกำหนดการเช็คระยะ มูลค่าสูงสุด 23,442 บาท สำหรับรุ่น ปาเจโร สปอร์ต, มูลค่าสูงสุด 23,703 บาท สำหรับรุ่นไทรทัน, มูลค่าสูงสุด 18,464 บาท สำหรับรุ่นแอททราจ และ รุ่นมิราจ ตามเงื่อนไขและข้อจำกัดของการบริการที่บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กำหนด

2. บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน นาน 5 ปี ตามเงื่อนไขและข้อจำกัดของการบริการที่บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กำหนด

3. การรับประกันคุณภาพรถยนต์ (Diamond Warranty) 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน) ระยะเวลาการรับประกันของชิ้นส่วนและอุปกรณ์แต่ละชนิดอาจแตกต่างกันตามที่ระบุไว้ในสมุดรับบริการและคู่มือการใช้รถ

4. รายการฟรีค่าแรงเช็คระยะนาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน) มูลค่า 8,150 บาท สำหรับรุ่นปาเจโร สปอร์ต, มูลค่าสูงสุด 8,100 บาท สำหรับรุ่นไทรทัน, มูลค่าสูงสุด 7,650 บาท สำหรับรุ่นแอททราจ และ รุ่นมิราจ อัตราค่าแรงที่นำมาคำนวณอ้างอิงจากอัตราค่าแรงกลาง บริการฟรีเฉพาะค่าแรงเช็คระยะตามที่กำหนดไว้ในบัตรตรวจเช็คระยะฟรีในสมุดรับบริการและคู่มือการใช้รถ ซึ่งรถยนต์ของลูกค้าจะได้รับการตรวจสอบและบำรุงรักษาตามรายการที่ระบุไว้ โดยลูกค้าสามารถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาตรฐานของผู้จำหน่ายมิตซูบิชิที่ได้รับการแต่งตั้งเท่านั้น

*** รับฟรีเบี้ยประกันภัยชั้นหนึ่งไดมอนด์ โพรเทคชั่น เป็นระยะเวลา 1 ปี มูลค่าสูงสุด 28,499 บาท สำหรับรุ่นปาเจโร สปอร์ต, มูลค่าสูงสุด 21,864 บาท สำหรับรุ่นไทรทัน, มูลค่าสูงสุด 16,223 บาท สำหรับรุ่นแอททราจ และ มูลค่าสูงสุด 15,746 บาท สำหรับรุ่นมิราจ ตามเงื่อนไขการรับประกันภัยและทุนประกันภัยที่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กำหนด

**** สำหรับลูกค้าที่จอง และรับรถยนต์รุ่น GT-Premium 4WD และ GT-Premium 2WD ลูกค้าจะได้รับชุดรับสัญญาณดิจิตอลทีวีมูลค่า 11,900 บาท (ราคาดังกล่าวรวมค่าติดตั้ง) จากบริษัทฯ โดยเงื่อนไขการรับประกันชุดรับสัญญาณดิจิตอลทีวีดังกล่าวเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด (เงื่อนไขการรับประกันชุดรับสัญญาณดิจิตอลทีวีจะสิ้นสุดลงทันทีหากการติดตั้งมิได้ดำเนินการโดยศูนย์บริการมิตซูบิชิที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ) อนึ่งคุณภาพของสัญญาณดิจิตอลทีวีอาจถูกลดทอนเมื่อใช้งานอยู่ในบริเวณอาคารจอดรถ หรือถูกบดบังจากอาคารสูง หรือถูกรบกวนจากแหล่งสัญญาณอื่นๆ หรืออยู่ในบริเวณที่เป็นจุดอับสัญญาณต่างๆ และพื้นที่บริการของสัญญาณดิจิตอลทีวีอาจไม่ครอบคลุมในบางพื้นที่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแผนการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากคู่มือ การใช้งานชุดรับสัญญาณดิจิตอลทีวี

Suzuki

Suzuki-Swift-Promotion-5-7-2018

โปรโมชั่น Suzuki ร้อนแรง แซงทุกดีล

Suzuki Swift ใหม่ ทุกรุ่น
มันส์เต็มที่ น้ำมันฟรี 4 เดือน*
รับฟรี! บัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 20,000 บาท
พร้อม ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง***
และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินจากบริษัท เอ ดับเบิลยู พี (ประเทศไทย) จำกัด ระยะเวลา 3 ปี

Suzuki Ciaz ทุกรุ่น
อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 36 เดือน*,
พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง**
และ บริการช่วยเหลือฉุกเฉินจากบริษัท เอ ดับเบิลยู พี (ประเทศไทย) จำกัด ระยะเวลา 3 ปี

Suzuki Celerio ทุกรุ่น
อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน* (รุ่น GA/MT ไม่ร่วมรายการ)
พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง**
และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินจากบริษัท เอ ดับเบิลยู พี (ประเทศไทย) จำกัด ระยะเวลา 3 ปี

Suzuki Ertiga ทุกรุ่น
อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน*,
พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง**
และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินจากบริษัท เอ ดับเบิลยู พี (ประเทศไทย) จำกัด ระยะเวลา 3 ปี

Suzuki Carry ทุกรุ่น
ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่า 30,000 บาท*,
พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง**

หมายเหตุ *ประกันภัยชั้นหนึ่ง ปีแรกไม่รวม พรบ. บุคคลที่ 3 เฉพาะบริษัทประกันที่ร่วมโครงการ
คือ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด(มหาชน) หรือ บริษัท โตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เท่านั้น
**เงื่อนไขดังกล่าวสำหรับลูกค้าที่ซื้อเป็นเงินสดหรือเช่าซื้อกับธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เท่านั้น
(1) ส่วนลดมูลค่า 20,000 บาท ใช้สำหรับอุปกรณ์ตกแต่ง เป็นรายการส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้า Suzuki Swift ทุกรุ่น เมื่อซื้อ All New Suzuki Swift โดยนำรถยนต์เก่ามาแลกซื้อคันใหม่ (สำหรับรถยนต์รุ่นอื่นๆ รับส่วนลดมูลค่า 10,000 บาท)
***เงื่อนไขดังกล่าวสำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เท่านั้น
****รับบัตรชมภาพยนตร์ 2 ที่นั่ง รวมมูลค่า 400 บาท เฉพาะโรงภาพยนตร์ที่ร่วมรายการ / ทดลองขับ 1
ครั้งถือเป็น 1 สิทธิ์ / บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงของรางวัลและเงื่อนไข โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า (บัตรชมภาพยนตร์มีจำนวนจำกัด)

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิใกล้บ้านท่านทุกสาขาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

Subaru

Subaru-Forester-Promotion-6-2018

โปรโมชั่น Subaru Forester รถเก่าแลกใหม่ รับเพิ่ม 100,000 บาท ดอกเบี้ย 0% 48 เดือน ฟรีประกันชั้นหนึ่ง ดาวน์ขั้นต่ำ 25% สำหรับ Forester 2.0i วันนี้ – 30 มิ.ย. 2561

Isuzu

Isuzu-D-Max-Promotion-6-2018

โปรโมชั่น Isuzu ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ ข้อเสนอแรง! สุดเร้าใจ ดอกเบี้ยพิเศษ 1.54%

(1) เงื่อนไขเป็นไปตามที่สถาบันการเงินที่ร่วมรายการกับบริษัทฯ กำหนด / อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย ณ เดือนมิถุนายน 2561 / รายการส่งเสริมการขายนี้ไม่รวมถึงรถรับจ้าง รถเช่า รถที่ซื้อภายใต้เงื่อนไขพิเศษอื่นๆ และรถที่ขายฟลีท / บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงของรางวัลโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า / ของรางวัลไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดหรือโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้ / เฉพาะผู้จำหน่ายอีซูซุที่ร่วมโครงการ
(2) กรณีดาวน์ 5% / คำนวณจากรุ่นสเปซแค็บ เอส 1,900 ซีซี เกียร์ธรรมดา สีธรรมดา
(3) ทดสอบขับรถ ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ บลูเพาเวอร์ ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2561 / จับรางวัล 2 ครั้ง ณ โชว์รูมอีซูซุคาร์แกลเลอรี่ สาขารังสิต-นครนายก ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จับรางวัลในวันที่ 7 มิถุนายน 2561 และ 10 กรกฎาคม 2561 เวลา 11.00 น. ประกาศผลในวันที่ 15 มิถุนายน 2561 และ 17 กรกฎาคม 2561 ณ โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ / รางวัลบัตรกำนัลนี้ใช้สำหรับเป็นส่วนลดในการซื้อรถ ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ บลูเพาเวอร์ คันใหม่เท่านั้น / เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ตั้งแต่ 1 มิ.ย. – 30 มิ.ย. 2561

Isuzu-D-Max-Spacecab-Promotion-6-2018

ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ สเปซแค็บ

(*) กรณีดาวน์ 5% / คำนวณจากรุ่นสเปซแค็บ เอส 1,900 ซีซี เกียร์ธรรมดา สีธรรมดา / อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย ณ เดือนมิถุนายน 2561 / เงื่อนไขเป็นไปตามที่สถาบันการเงินที่ร่วมรายการกับบริษัทฯ กำหนด / รายการส่งเสริมการขายนี้ไม่รวมรถรับจ้าง รถเช่า รถที่ซื้อภายใต้เงื่อนไขพิเศษอื่นๆ และรถที่ขายฟลีท / บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า / เฉพาะผู้จำหน่ายอีซูซุที่ร่วมโครงการ / ของแถมไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้

ตั้งแต่ 1 มิ.ย. – 30 มิ.ย. 2561

ใหม่ อีซูซุดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ L 2 ประตู ซื้อง่าย…ใครๆ ก็อยากได้

Isuzu-D-Max-Hi-Lander-L-Promotion-6-2018

เงื่อนไขเป็นไปตามที่สถาบันการเงินที่ร่วมรายการกับบริษัทฯ กำหนด

(1) ผ่อน 7,563 บาท ต่อเดือน คำนวณจากไฮแลนเดอร์ L 2 ประตู 1,900 ซีซี เกียร์ธรรมดา สีธรรมดา โดยคำนวณค่างวดต่อเดือนสำหรับกรณีดาวน์ 25% ผ่อน 84 เดือน / อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย ณ เดือนมิถุนายน 2561

(2) ไม่ต้องมีคนค้ำประกันในกรณีดาวน์ 25% ขึ้นไป / เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุลิสซิ่ง จำกัด กำหนด

(3) กรณีดาวน์ 5% / คำนวณจากรุ่น ไฮแลนเดอร์ L 2 ประตู 1,900 ซีซี เกียร์ธรรมดา สีธรรมดา / รายการส่งเสริมการขายนี้ไม่รวมรถรับจ้าง รถเช่า รถที่ซื้อภายใต้เงื่อนไขพิเศษอื่นๆ และรถที่ขายฟลีท / บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า / เฉพาะผู้จำหน่ายอีซูซุที่ร่วมโครงการ / ของแถมไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้

ตั้งแต่ 1 มิ.ย. – 30 มิ.ย. 2561

Isuzu-D-Max-X-Series-Promotion-6-2018

ใหม่! อีซูซุเอ็กซ์-ซีรี่ส์ แรงสุดขีด เต็มสปีดพันธุ์เอ็กซ์

(1) ผ่อนเริ่มต้น 8,896 บาท ต่อเดือน คำนวณจากรุ่นเอ็กซ์-ซีรี่ส์ สปีด แค็บโฟร์ 1,900 ซีซี สีขาวไซบีเรียน

(2) ผ่อนเริ่มต้น 7,896 บาท ต่อเดือน คำนวณจากรุ่นเอ็กซ์-ซีรี่ส์ สปีด สเปซแค็บ 1,900 ซีซี สีขาวไซบีเรียน / คำนวณค่างวดต่อเดือน สำหรับกรณีดาวน์ 25% ผ่อน 84 เดือน/ อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย ณ เดือนมิถุนายน 2561

(3) ไม่ต้องมีคนค้ำประกันในกรณีดาวน์ 25% ขึ้นไป / เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุลิสซิ่ง จำกัด กำหนด / รายการส่งเสริมการขายนี้ไม่รวมรถรับจ้าง รถเช่า รถที่ซื้อภายใต้เงื่อนไขพิเศษอื่นๆ และรถที่ขายฟลีท / บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า / เฉพาะผู้จำหน่ายอีซูซุที่ร่วมโครงการ

ตั้งแต่ 1 มิ.ย. – 30 มิ.ย. 2561

Isuzu-D-Max-V-Cross-Promotion-6-2018

ใหม่! อีซูซุ วี-ครอส แมคซ์ 4×4 ลุยเต็มพิกัด ดอกเบี้ยพิเศษ 1.25%

(*) เงื่อนไขเป็นไปตามที่สถาบันการเงิน (บริษัท ตรีเพชรอีซูซุลิสซิ่ง จำกัด) ที่ร่วมรายการกับบริษัทฯ กำหนด / รายการส่งเสริมการขายนี้ไม่รวมถึงรถรับจ้าง รถเช่า รถที่ซื้อภายใต้เงื่อนไขพิเศษอื่นๆ และรถที่ขายฟลีท / บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า / สำหรับผู้ที่ซื้อรถปิกอัพอีซูซุดีแมคซ์ รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ทุกรุ่น /อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย ณ เดือน มิถุนายน 2561 / เฉพาะผู้จำหน่ายอีซูซุที่ร่วมโครงการ / ของแถมไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้

ตั้งแต่ 1 มิ.ย. – 30 มิ.ย. 2561

Isuzu-MU-X-Promotion-6-2018

เอกสิทธิ์สุดพิเศษ อีซูซุมิว-เอ็กซ์ ทุกรุ่น เงื่อนไขไฟแนนซ์ดอกเบี้ยสุดพิเศษ 0% ปีแรก

ตั้งแต่ 1 มิ.ย. – 30 มิ.ย. 2561

– อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% สำหรับปีแรก ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน (ปีที่ 2-4 ดอกเบี้ย 2.05%) เมื่อซื้อรถใหม่! อีซูซุมิว-เอ็กซ์ บลูเพาเวอร์ ทุกรุ่น
– เงื่อนไขไฟแนนซ์เป็นไปตามที่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุลิสซิ่ง จำกัด กำหนด อ้างอิงดอกเบี้ยเดือน มิถุนายน 2561

Chevrolet

Chevrolet-Promotion-6-2018

โปรโมชั่น Chevrolet Hot Deal!

ข้อเสนอที่คุณเลือกได้ ดอกเบี้ย 0% หรือผ่อนน้อย ฟรีประกันภัยชั้น 1 ตั้งแต่ 1 มิ.ย. – 30 มิ.ย. 2561 ที่โชว์รูมเชฟโรเลตทั่วประเทศ

Ford

Promotion-Ford-5-2018

โปรโมชั่น Ford ข้อเสนอคุ้มแล้วคุ้มอีก จาก ฟอร์ด ถึง 30 มิ.ย. 2561

Hyundai

Hyundai-Promotion-6-7-2018

Hyundai Celebration “FIFA World Cup Russia 2018”

จองรถยนต์ฮุนไดทุกรุ่น ตั้งแต่วันนี้ – 31 ก.ค. 2561 รับฟรี! กระเป๋าลาก Carry-On ขนาด 20 นิ้ว
Hyundai FIFA Festival Luggage จำนวน 1 ใบ มูลค่า 1,500 บาท

MG

MG3

โปรโมชั่น MG มอบโปรโมชั่นสุด Fun วันนี้ – 30 มิ.ย. นี้

MG3 ดาวน์เริ่มต้นเพียง 47,900 บาท ผ่อนเริ่มต้น 5,172 บาท/เดือน ฟรีชุดแต่งรอบคัน และเครื่องเล่น DVD Navigator พร้อมกล้องมองหลัง

MG5 ดอกเบี้ย 0.99% ผ่อนเริ่มต้น 7,007 บาท/เดือน และฟรีประกันภัยชั้น 1

MG6 ดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี ผ่อนเริ่มต้น 9,696 บาท/เดือน และฟรีประกันภัยชั้น 1

MG6 ดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี ผ่อนเริ่มต้น 9,696 บาท/เดือน และฟรีประกันภัยชั้น 1

MG ZS ฟรีประกันภัยชั้น 1

MG GS ดอกเบี้ย 1.89% ผ่อนเริ่มต้น 9,443 บาท/เดือน (รุ่น 1.5) หรือ ผ่อนเริ่มต้น 12,838 บาท/เดือน (รุ่น 2.0 T) และฟรีประกันภัยชั้น 1

ฟิล์มกรองแสง,-ผ้าคลุมรถ,-ขัดเคลือบสี,-เคลือบแก้ว,-น้ำยากันน้ำ

การดูแลรักษาสีรถยนต์อย่างถูกต้อง

พูดถึงเรื่องการดูแลรักษารถยนต์ คนส่วนมากก็คงจะเน้นไปที่การดูแลเครื่องยนต์ส่วนต่างๆ หรือชิ้นส่วนจำพวกอะไหล่ ที่อยู่ภายในรถซะมากกว่า แต่จริงๆ แล้ว การดูแลรักษาสีรถยนต์ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

การดูแลรักษาสีรถยนต์ ไม่ใช่แค่การล้างทำความสะอาด ลงแว็กซ์ หรือเคลือบเงาเท่านั้น แต่การดูแลรักษาสีรถยนต์ มีกรรมวิธีมากกว่าที่คุณคิด วันนี้ Carro จึงมีข้อมูลมาอัพเดทให้คุณได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ การดูแลรักษาสีรถยนต์ได้อย่างถูกต้อง เพื่อการดูแลสีรถของคุณให้ดูใหม่ สะอาด สดใส ไปอีกนานค่ะ

 

การจอดรถกลางแจ้ง

จะทำให้แสง UV ทำลายสีรถโดยตรง กรณีที่คุณไม่มีโรงรถหรือหลังคาที่กันน้ำกันแดดได้ ควรติดกันสาดที่ขอบกระจกทุกบาน เพราะจะช่วยกันฝนเข้าไปในห้องโดยสารตอนคุณแง้มกระจกไว้ การแง้มกระจกไว้สักหนึ่งนิ้วจะช่วยระบายไอร้อนในรถ ลดอุณหภูมิในห้องโดยสารได้ เมื่อในห้องโดยสารระบายความร้อนได้ดี ก็จะช่วยให้หลังคารถอุณหภูมิไม่สะสมสูงนัก สีหลังคาก็จะไม่โดนทำร้าย

กรณีต้องจอดรถได้ต้นไม้ สามารถเอาผ้าคลุมรถมาใช้เพื่อป้องกันยางไม้และขี้แมลงได้ แต่ถ้ามีที่จอดประจำแต่ไม่มีหลังคา ก็มีหลังคาโรงรถแบบพับได้หรือเต็นท์ราคา 3,000-4,000 บาท ซึ่งช่วยได้ กรณีที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อให้ร่มเงาได้ การเคลือบแก้วหรือการเคลือบสีเป็นประจำสามารถช่วยให้สีทนต่อแดดได้มากขึ้น

ฟิล์มกรองแสง, ผ้าคลุมรถ, ขัดเคลือบสี, เคลือบแก้ว, น้ำยากันน้ำ

ผ้าคลุมรถ

ไม่ว่าผ้าคลุมจะคุณภาพดีแค่ไหน คุณก็ไม่ควรคลุมแล้วจอดกลางแจ้ง เพราะไอร้อนที่เกิดขึ้นใต้ผ้าคลุมรถนั้นสะสมสูงมาก สูงจนอาจจะทำให้ผ้าหรือสารเคมีที่เคลือบอยู่  ละลายติดกับสีรถได้เลย การใช้ผ้าคลุมรถที่ดีควรใช้ในที่ร่มเท่านั้น และควรเลือกผ้าคลุมที่มีคุณภาพระบายความร้อนและความชื้นได้ดี

 

ขัดเคลือบสี

หลายคนจะเห็นคำนี้บ่อย ๆ ตาม Car wash หรือคาร์แคร์ และมักจะเข้าใจว่า “การขัด” กับ “การเคลือบสี” เป็นขั้นตอนเดียวกัน แต่ความจริงแล้วมันแยกเป็น 2 ขั้นตอน เหตุผลที่ต้อง “ขัด” ก่อนเคลือบสีรถ เนื่องจากรถที่ใช้งานมานาน จะมีรอยขนแมวเกิดขึ้นจากการล้างและเช็ดที่ไม่สะอาด ดังนั้นจึงต้องขัดสีเพื่อลบรอยขนแมวออกก่อน

“การขัดสี” ก็คือ การขัดผิวหน้าของสีหรือแล็กเกอร์ออกไป เพื่อให้สีเรียบเนียนและเงางาม และทำให้ชั้นสีที่เคลือบอยู่บางลง เมื่อขัดสีเสร็จ ก็ต่อด้วยขั้นตอน “เคลือบสี” เพื่อให้ผิวรถมีความเงางาม และเป็นตัวเคลือบเพื่อปกป้องชั้นสีที่ถูกขัดออกไปให้ทนทานต่อรอยขีดข่วน เมื่อขัดและเคลือบสีแล้ว ควรจะไปเคลือบสีซ้ำตามระยะเวลาของผู้ผลิตน้ำยาเคลือบกำหนด เพื่อให้ผิวรถที่ขัดแล้วมีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น

 

ขัดหยาบ ขัดละเอียด

การขัดสีนั้นจะแบ่งเป็น 2 แบบขึ้นอยู่กับสารเคมีหรือน้ำยาขัด โดยปกติจะมีน้ำยาแบบ “ขัดหยาบ” และ “ขัดละเอียด” กรณีที่ผิวของแล็กเกอร์เป็นรอยลึก ต้องใช้น้ำยาแบบขัดหยาบก่อนเพื่อให้ผิวของแล็กเกอร์บางลง จากนั้นตามด้วยน้ำยาขัดละเอียดเพื่อที่จะให้ผิวที่ถูกขัดชั้นแรกเรียบเนียน จากนั้นจึงตามด้วยน้ำยาเคลือบและชักเงา

โปรแกรมการเคลือบดูแลรักษาสีรถยนต์ปัจจุบันมีมากมายหลายยี่ห้อ แต่ถ้าเป็นแพ็คเกจก็มีราคาตั้งแต่ 3,000 – 4,000 บาทขึ้นไป จนถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว

ฟิล์มกรองแสง, ผ้าคลุมรถ, ขัดเคลือบสี, เคลือบแก้ว, น้ำยากันน้ำ

GLASS COATING

หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า การเคลือบแก้ว ซึ่งการทำแต่ละครั้งนั้นมีราคาสูง แต่ก็จะช่วยให้รถเงางามและผิวรถจะดูฉ่ำขึ้น สีสดขึ้น แถมยังช่วยลดเวลาในการเข้าไปใช้บริการได้มจาก

ข้อดีอีกอย่างคือ การเคลือบจะทำให้ผิวของสีมีความแข็งขึ้น ทนต่อรอยการขีดข่วนและคราบสกปรกอื่น ๆ เกาะติดได้ยาก การทำความสะอาดก็ง่าย แต่ราคาค่อนข้างสูง ส่วนสาเหตุที่ทำให้สีรถหมอง ไม่เงางาม นั่นก็คือ แสง UV ดังนั้นสารเคมีที่ผสมลงไปในน้ำยาเคลือบ จะต้องมีคุณสมบัติป้องกันและสะท้อนแสง UV ได้ด้วย เพราะเป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้สีเสื่อมสภาพ

 

เคลือบภายในห้องโดยสาร

สำหรับรถที่เป็นเบาะผ้า เมื่อออกรถมาใหม่ควรเข้าไปพ่นน้ำยากันน้ำและปกป้องเนื้อผ้า น้ำยาเคมีที่ฉีดพ่นลงไปนั้น จะช่วยให้เบาะผ้าไม่เป็นรอยด่าง เพราะน้ำจะซึมเข้าเนื้อผ้าได้ยากขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้เบาะนั่งดำหรือเป็นคราบไคลติดแน่น ส่วนเบาะหนัง ถ้าเป็นโทนสีอ่อนก็ต้องเคลือบน้ำยาเช่นกัน เพราะเบาะนั่งสีอ่อนนั้นแค่ช่วงเวลาไม่กี่เดือน ก็จะเป็นคราบดำด่าง น้ำยาที่เคลือบจะช่วยไม่ให้เบาะหนังเสื่อมสภาพเร็ว และป้องกันไม่ให้เลอะง่าย

การดูแลภายในห้องโดย อีกทางหนึ่งนอกเหนือจากการทำความสะอาด ก็คือ การเลือกฟิล์มกรองแสง ที่มีคุณภาพสามารถสะท้อนแสง UV และสะท้อนความร้อนได้ดี เพราะจะช่วยยืดอายุชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารด้วย

ทั้งหมดนี้ ก็คือการดูแลรักษาสีรถยนต์ที่ Carro นำมาฝาก ซึ่งจะดีต่อรถยนต์ของคุณอย่างแน่นอน ถ้าคุณปฏิบัติตาม เพราะเป็นการดูแลรักษาสีรถยนต์ที่ถูกต้อง และจะทำให้รถยนต์ของคุณดูสดใส ดูใหม่อยู่เสมอ

หรือถ้าในอนาคตคุณอยากจะขายรถ รถก็จะราคาดี ราคาไม่ตก เพราะยังมีสภาพดีอยู่ และจะดียิ่งกว่าถ้าคุณมาขายรถกับเรา เพราะทาง Carro ให้ราคาดี มีบริการที่รวดเร็วทันใจ ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง แถมยังรับเงินสดหลังจบการขายได้ทันทีเลยละค่ะ คลิกที่ Link นี้เลย > https://th.carro.co/sell-car/express หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook > Carro Thailand จ้า

10-Secondhand-Cars-For-Salary-15K

“รถยนต์” ปัจจุบันถือเป็นปัจจัยที่ 5 แล้ว ซึ่งถ้าคุณอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ การไม่มีรถขับนั้น ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ลำบากนัก เพราะยังมีระบบขนส่งมวลชนรองรับอยู่ แต่ก็ไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าไหร่ ตามที่ทราบกันดี รวมไปถึงการเดินทางที่เสียเวลาหลายต่อ ต้องมารอรถเมล์ที่กะเวลาไม่ได้ บางทีจำเป็นต้องเข้าตรอกซอยไกลๆ จะพึ่งแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์ตลอดไปนั้น คงเหนื่อยหน่อย …

ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำงานมาหลายปีแล้ว หรือจะเป็นเด็กจบใหม่ ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน แน่นอนล่ะ เห็นรถที่ออกใหม่ สวยๆ ต่างก็อยากได้ทั้งนั้น ซึ่งรถยนต์หนึ่งคัน ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าทางด่วน ค่าพรบ.รถยนต์ ค่าประกันภัยรถยนต์ ค่าซ่อมบำรุง และค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ อีกมากมาย

ฐานเงินเดือนที่เด็กจบใหม่ ส่วนใหญ่ก็อาจจะเริ่มต้นกันที่ 15,000 บาท หรือบางอาชีพที่ฐานเงินเดือนไม่สูงนัก ได้เงินเดือนประมาณนี้ก็มี ถ้าหากจะไปซื้อรถป้ายแดงเลย ก็ไหวอยู่ แต่ต้องคุมค่าใช้จ่ายดีๆ เลยล่ะ แต่ถ้าจะมองรถมือสอง ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า และเหมาะสมกับสภาวะทางการเงินของคุณ ที่จะทำให้ค่าใช้จ่ายไม่รัดตัวจนเกินไปนัก

เงินเดือน 15,000 บาท เป็นเจ้าของรถคันไหนได้บ้าง … ไม่ต้องแปลกใจที่มีแต่รถมือสอง อายุ 10-20 ปี ที่เป็นแบรนด์รถตลาด เพราะรุ่นไหนที่มีคนนิยมใช้มากๆ มันจะช่วยให้คุณไม่ลำบากเวลาต้องซ่อม หรือหาอะไหล่

Carro คัดเลือกรถมือสองยอดนิยม ในปีรถที่ไม่เก่ามากนัก มาให้พิจารณากันครับ.

1.Toyota Corolla (EE100/EE101/AE101) “สามห่วง” รุ่นปี 1992-1996

Toyota-Corolla-สามห่วง

Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) รุ่นนี้ ถือเป็นรุ่นแรกที่มีการใช้ Logo “Toyota” โดย Toyota สามห่วง เปิดตัวในไทยเมื่อ 13 มีนาคม 2535 มีเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร รหัส 2E (และ 4E-FE ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ปี 2537) และเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A-FE ให้เลือก

เป็นรถที่เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือน 15,000 บาท มาก (หรือคนเงินเดือนมากกว่าจะซื้อใช้ก็ได้เช่นกัน!) เพราะอะไหล่หาง่าย ของแท้ ของเทียบ ของมือสอง มีให้เลือกเพียบ เครื่องยนต์ทนทาน ติดแก๊ส LPG ก็ทน ระบบต่างๆ ไม่ซับซ้อน วิ่งได้นับล้านกิโลเมตร ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้หมด นี่คือข้อดีของรุ่นนี้

2.Toyota Corolla (AE110/AE111/AE112) “ตองหนึ่ง”, “ตูดเป็ด” และ “HI-TORQ”

Toyota-Corolla-AE111

Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) โฉมนี้ เปิดตัวในประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2539 โดย Toyota ตองหนึ่ง ยกเลิกเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร แล้วหันมาใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 5A-FE และเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A-FE ยอดฮิตเหมือนเดิม ต่อมาในช่วงปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2541 จึงเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร พร้อมคำต่อท้ายว่า “Altis” (อัลติส) และชูจุดเด่นด้วยเครื่องยนต์ใหม่ “Hi-Torq” (ไฮทอร์ค) ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 7A-FE

เป็นรถที่ได้รับความนิยมสูงมากในขณะนั้น ซึ่งการที่รถรุ่นนี้เคยถูกนำไปเป็นแท็กซี่ อะไหล่หาง่าย ของแท้ ของเทียบ ของมือสอง มีให้เลือกเพียบ เครื่องยนต์ทนทาน ระบบต่างๆ ไม่ซับซ้อน วิ่งได้นับล้านกิโลเมตร ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้หมด อาจจะเลือกรุ่นที่เกรดสูงหน่อย เช่น 1.6 GXi, 1.6 SE.G หรือ 1.8 SE.G เป็นต้น เพราะจะได้ออพชั่นมากกว่า

3.Toyota Corolla Altis (ZZE121/ZZE122) “หน้าหมู”

Toyota-Corolla-Altis

Toyota Corolla Altis (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส) โฉม “Altis หน้าหมู” นี้ เป็นรถที่ได้รับความนิยมมากมายจากแท็กซี่ หรือมวลชน เพราะขึ้นชื่อถึงเรื่องความทนทาน อะไหล่หาง่าย ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้

เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2544 ภายใต้แนวคิด “Break Into Style” ที่พัฒนาใหม่หมดทั้งแนวคิด การออกแบบ และเทคโนโลยี พร้อมใช้พรีเซนเตอร์คนดังอย่าง “แบรด์ พิตต์” มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 3ZZ-FE 110 แรงม้า และเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 1ZZ-FE 136 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

อีกทั้งยังมีรุ่นพิเศษต่างๆ ออกมาสร้างสีสันในตลาดตามมาตลอดของอายุรถรุ่นนี้ ที่ขายมาจนถึงต้นปี 2551 สามารถสร้างยอดขายรวมได้มากถึง 143,301 คัน ขอแนะนำสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเก็บไว้อยู่มากหน่อย เนื่องจากราคาตัวรถมือสอง อยู่ที่ตั้งแต่ไม่กี่หมื่นบาท (กรณีเป็นรถแท็กซี่เก่า) ไปจนถึงหนึ่งแสนปลายๆ ถึงเกือบๆ สองแสนบาท (สำหรับรถบ้าน) แต่แลกกับตัวรถที่สดกว่า ปีใหม่กว่า

4.Toyota Soluna (AL50)

Toyota-Soluna-AL50

Toyota Soluna (โตโยต้า โซลูน่า) เป็นรถยนต์รุ่นเล็กสุดของค่ายโตโยต้าในสมัยนั้น ที่ก็ยังถือว่า เปิดตัวในเดือนมกราคม 2540 และสร้างยอดขายที่ถล่มทลายได้ในเพียงเวลาสั้นๆ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 5A-FE ที่ยกมาจากใน Corolla

ในเดือนพฤษภาคม 2541 Soluna ออกรุ่นพิเศษ “Soluna Special Version” (โซลูน่า สเปเชี่ยล เวอร์ชั่น) มีชื่อเป็นภาษาไทยและเลขไทย ติดที่ฝากระโปรงหลัง เป็นรุ่นแรกในโลกของรถโตโยต้า ที่ติดชื่อรุ่นรถและตัวเลขเครื่องยนต์เป็นภาษาท้องถิ่น หลายคนน่าจะยังจำกันได้

หลังจากปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2542 ปรับหน้าตาใหม่ กันชนใหม่ ไฟท้ายใหม่ หรือที่บรรดาเต็นท์รถมือสองเรียกกันว่า “ไฟท้ายหยดน้ำ” เป็นรถที่ได้เหมาะมากสำหรับมนุษย์เงินเดือน ด้วยราคามือสองเริ่มต้นที่ไม่กี่หมื่นบาทก็ซื้อได้แล้ว อะไหล่หาง่าย ของแท้ ของเทียบ ของมือสอง มีให้เลือกเพียบ เครื่องยนต์ทนทาน ระบบต่างๆ ไม่ซับซ้อน ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้หมด แต่ควรเลือกรุ่นที่เกรดสูงหน่อย เช่น 1.5 GLi หรือ 1.5E และ 1,5G ในโฉมไฟท้ายหยดน้ำ เพราะจะได้ออพชั่นเยอะกว่ารุ่นล่างๆ

5.Toyota Soluna Vios (NCP42)

Toyota-Soluna-Vios

“Toyota Soluna Vios” (โตโยต้า โซลูน่า วีออส) รถรุ่นยอดนิยมที่สุดอีกรุ่นหนึ่งของโตโยต้า ถ้าเป็นรถในขนาด Sub-Compact โดยชื่อรุ่น “VIOS” (วีออส) มาจากภาษาลาติน “VIO” แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “Moving Forward” หรือ เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ในภาษาไทย

เปิดตัวครั้งแรกในไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2545 ใช้ขุมพลังใหม่ ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. (142 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,200 รอบ/นาที

อีกทั้งยังมีรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Turbo 143 แรงม้า ให้เลือกอีกด้วย … เป็นรถมือสองอีกหนึ่งตัวเลือก ของคนเงินเดือนน้อย ไม่ควรพลาด! เนื่องด้วยเครื่องยนต์ที่แรงอย่างทันใจ ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม อะไหล่มือหนึ่งมือสอง ของแท้ของเทียม หาง่าย ตามสไตล์ Toyota

6.Toyota Avanza (F600)

Toyota-Avanza

 

Toyota Avanza (โตโยต้า อแวนซ่า) เป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ 5 ประตู 7 ที่นั่ง นำเข้าจากอินโดนีเซีย ชื่อรุ่นมาจากคำว่า “Avanzato” ในภาษาอิตาลี หรือ “Advance” ในภาษาอังกฤษ … เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2547 ในรูปแบบรถยนต์นั่งแนวใหม่ “Compact Multi – Purpose Vehicle” ขนาดห้องโดยสารใช้แนวคิดการออกแบบ “Tall Boy” หลังคาทรงสูง นั่งได้ 7 คน วางตำแหน่งเบาะนั่งแบบ Flex And Fold ปรับได้อิสระ คล่องตัว ประหยัดน้ำมัน ทนทาน ค่าดูแลรักษาต่ำ

Toyota Avanza เจเนอเรชั่นแรก มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร รหัส K3-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 88 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.3 กก.-ม. (120 นิวตัน-เมตร) ที่ 3,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2551 เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นขนาด 1.5 ลิตร รหัส 3SZ-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.4 กก.-ม. (141 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด …

โดย Avanza (F600) ถือเป็นรถมือสองที่คนมีฐานเงินเดือนไม่สูงนัก หรือทำงานอาชีพอิสระ แต่มีครอบครัวแล้ว ไว้ใช้ขนของในวันทำงาน หรือใช้เป็นรถพาลูกๆ ไปเที่ยวในวันหยุด ก็ลงตัวครับ …

7.Nissan Sunny NEO (N16)

Nissan-Sunny-NEO

Nissan Sunny NEO (นิสสัน ซันนี่ นีโอ) จัดว่าเป็นรถยอดนิยมจากค่ายนิสสันอีกหนึ่งรุ่น ในประเภทรถ Compact ที่เปิดตัวครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2543 และขายกันต่อเนื่อยาวนานหลายปี มีอยู่ 3 โฉมหลักๆ ให้เลือกในบ้านเรา (โดยปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งสุดท้าย ในเดือนมีนาคม 2548) เป็นรถที่ได้รับความนิยมอยู่พอสมควร อะไหล่หาง่าย ช่างทั่วไปซ่อมได้ ถือเป็นรถที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือน 15K อีกหนึ่งรุ่น เพราะถ้าคุณมีเงินเก็บแค่ 7 หมื่นบาท ก็พอหารุ่นนี้ได้แล้ว (แต่สภาพของตัวรถ ก็อีกเรื่องนึง) …

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส QG16DE ให้แรงม้าสูงสุด 118 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.6 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

และในรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร (ที่เริ่มแรกใช้ในชื่อ Sunny Almera – ซันนี่ อัลเมร่า) รหัส QG18DE ให้แรงม้าสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.6 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

8.Honda Civic (EK)

Honda-Civic-EK

อันนี้เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนชอบแต่งรถหน่อย สำหรับ Honda Civic (EK) (ฮอนด้า ซีวิค) ที่เปิดตัวในบ้านเราเมื่อเดือนตุลาคม 2538 ตามมาติดด้วยรุ่น 1.8 Si อีกทั้งยังมีรุ่น 2 ประตู คูเป้ ให้เลือกอีกด้วย เรียกได้ว่าถูกใจวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานสุดๆ แต่งบประมาณก็อาจจะต้องมีมากหน่อย (ส่วนรุ่น 4 ประตู มีเงินเก็บเพียง 5 หมื่นบาท ก็หาซื้อได้แล้ว) และในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ยังมีเพิ่มเทคโนโลยีลดมลพิษอย่าง “LEV” อีกด้วยครับ

มีเครื่องยนต์ให้เลือกกันถึง 3 แบบ … เริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.7 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

ถ้าอยากได้แบบแรงสั่งได้ และออพชั่นที่มากกว่า ต้องเลือกเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 127 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.7 กก.-ม. ที่ 5,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

และในรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส B18B แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.7 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ข้างในเป็นเบาะหนังแท้โทนสีเทาดำ รุ่นนี้จะหายากหน่อยครับ

9.Honda Civic (ES)

Honda-Civic-ES

ส่วนอันนี้ เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนชอบรถเรียบๆ สไตล์คนมีครอบครัวแล้ว หรือจะแต่งซิ่งก็ได้เช่นกัน กับ Honda Civic (ES) (ฮอนด้า ซีวิค) โฉม “Dimension” ชูจุดเด่นด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.7 ลิตร เป็นรถที่ดูดี สวยหรู อะไหล่หาได้ง่าย ทนทาน และ Civic โฉมนี้ เป็นโฉมแรก ที่ฮอนด้าได้ทำรุ่น Hybrid นำเข้ามาขายในไทยด้วย เปิดตัวในไทยเมื่อ 27 ตุลาคม 2543 ซึ่งตามหลังประเทศญี่ปุ่นเพียง 7 สัปดาห์เท่านั้น

มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ 1.7 ลิตร ที่ให้พลังแรงเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร แต่ประหยัดน้ำมันเหมือนกับเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร โดยเครื่องยนต์ขนาด 1.7 ลิตร ยังแบ่งได้อีก 2 แบบ นั่นคือแบบ SOHC 120 แรงม้า และแบบ VTEC 130 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

และในเดือนมกราคม 2547 ได้ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ เพิ่มเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร i-VTEC รหัส K20A 155 แรงม้า มาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ซึ่งในโฉมไมเนอร์เชนจ์นี้จะแต่งสวยหน่อย

10.Mitsubishi Lancer Cedia

Mitsubishi-Lancer-Cedia

Mitsubishi Lancer Cedia (มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเดีย) เปิดตัวในบ้านเราเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2544 พร้อมชื่อต่อท้ายคำว่า “Cedia” ที่เป็นการนำคำว่า Century + Diamond มารวมกัน นับเป็น Lancer อีกหนึ่งรุ่น ที่ขายยาวนานในตลาดบ้านเรา และมีชุดแต่งให้เล่นเยอะ (เพราะเหมือน Lancer Evolution)

มาพร้อมเครื่องยนต์รหัส 4G18 ขนาด 1.6 ลิตร 108 แรงม้า และรหัส 4G93 ขนาด 1.8 ลิตร 124 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 6 สปีด Invecs III

หลังจากนั้นในต้นปี 2547 Mitsubishi ทำการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ด้วยกระจังหน้าทรงปิระมิด พร้อมยกเลิกเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร และนำเครื่องยนต์รหัส 4G63 ขนาด 2.0 ลิตร 135 แรงม้า มาแทน …

และในเดือนมีนาคม 2551 เพิ่มอีกทางเลือกคือ New Lancer E20 รองรับแก๊สโซฮอล์ E20 และ Lancer CNG ติดตั้งระบบจ่ายเชื้อเพลิงสำหรับการใช้ก๊าซธรรมชาติอัด CNG (Compressed Natural Gas) สำหรับลูกค้าที่ต้องการรถยนต์นั่งที่คุ้มค่าคุ้มราคาและประหยัดรายจ่ายค่าเชื้อเพลิง ก่อนจะขายไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะมี Lancer EX ออกมาจำหน่ายแล้วก็ตาม รถรุ่นนี้ ถือว่ายังเหมาะสมกับมนุษย์เงินเดือน ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานครับ

Mr.Carro หวังว่า 10 รถมือสอง ที่คนเงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท น่าซื้อ! ที่นำมาเสนอนั้น หากใครสนใจ ก็ลอง Inbox สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Fanpage Carro Thailand ได้นะครับ

ถ้าคุณอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเก่ากับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech

กลับมาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของป้าย Silverado

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-2

กลับมาอีกครั้ง สำหรับรถกระบะค่าย Chevrolet ในปี 2019 มาพร้อมกับชุดเครื่องยนต์เพิ่มเทอร์โบ 2.7 ลิตร 4 สูบใหม่ ชุดเกียร์ 6 ชุด เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 310 แรงม้ารุ่นใหม่ แทนที่ V6 ขนาด 4.3 ลิตร ที่เป็นชุดขับเคลื่อนมาตรฐานสำหรับรุ่น LT และสเปกใหม่ของ RST มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 22% จึงประหยัดน้ำมันมากขึ้น พร้อมระบบจัดการเชื้อเพลิงที่ดียิ่งขึ้น

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-2

อัพเดตสำหรับระบบส่งกำลัง ประกอบด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.7 ลิตร และยังมีการปรับปรุงเครื่องยนต์ขนาด 5.3 ลิตร และ 6.2 ลิตร ที่ติดตั้งระบบจัดการเชื้อเพลิงแบบไดนามิค หากใครที่ต้องการความพรีเมี่ยมมากขึ้น สามารถเจาะจงไปที่รุ่น LTZ (รุ่นท้อป)  และ High country trims (รถสไตล์คันทรี่ยกสูง) เพราะสามารถติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.3 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตรที่กำลังจะมาถึง หรือ V8 6.2 ลิตร ที่เป็น V8 ขนาด 420 แรงม้า

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-2

ในขณะเดียวกัน รถรุ่น LT, RST และ LT Trail Boss คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 5.3 ลิตร (มาตรฐาน LT Trail Boss, อุปกรณ์เสริม LT / RST), เทอร์โบ 2.7 ลิตรใหม่ที่มีกำลัง 310 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 472 นิวตันเมตร (LT / RST มาตรฐาน) หรือแบบใหม่ทั้งหมดอย่าง Duramax 3.0 ลิตร ใน turbodiesel (มีอยู่บน LT / RST) ด้วยเทคโนโลยี Start/Stop และระบบปรับความเร็ว 10 ระดับโดยอัตโนมัติ (เทคโนโลยีที่เครื่องยนต์จะดับลงโดยอัตโนมัติ เมื่อรถถึงจุดหยุดนิ่งระหว่างรอสัญญาณไฟแดง ขณะที่อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ รวมถึงพัดลมแอร์ยังคงทำงานอยู่ และจะติดเครื่องให้อัตโนมัติเมื่อปล่อยเท้าออกจากเบรก หรือขยับพวงมาลัย เป็นต้น) ซึ่งเทคโนโลยีนี้ จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ราว 8-15 เปอร์เซ็นต์จะออกวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2019

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-7

ด้วยน้ำหนักที่น้อยลง เนื่องจากรถรุ่นนี้ตัวรถปรับโครงสร้างใหม่ และทำจากเหล็กประเภท High Tensile Steel ทำให้ความต้านทานต่อลมต่ำ และไม่ทำให้การขับขี่เสียประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิง Silverado รุ่นนี้ จึงเป็นรถกระบะที่บรรทุกได้มากกว่า แต่ตอบสนองดีและเร่งความเร็วได้มากขึ้น ซึ่งทางทีมงานวิศวกรที่สร้างรถรุ่นนี้ ขอยืนยันว่า นี่เป็นรถบรรทุกที่ดีที่สุดที่ Chevrolet เคยสร้างขึ้นมา

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-7 2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-7

สำหรับการผลิตรถกระบะแค็บรุ่น V8 จะเริ่มขึ้นในไตรมาสที่สามของปี 2018 ในขณะที่ในไตรมาสที่ 4 จะมีการผลิตรถรุ่นปกติ และรถสองล้อรวมถึงเครื่องยนต์เทอร์โบ V6 และ 2.7 ลิตร

ตรวจสภาพรถ, ยางรถยนต์, ผ้าเบรค, พรบ รถยนต์

เทคนิคในการขับขี่อย่างปลอดภัย ทุกสภาวะถนน

ประเทศไทยของเรานั้น ประกอบไปด้วย 3 ฤดู คือ หน้าร้อน หน้าฝน และหน้าหนาว แต่ในปัจจุบัน สภาพอากาศเริ่มแปรปรวนมากขึ้นจนไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะในบางวัน ก็ทั้งอากาศร้อนและฝนตกในวันเดียวกัน! ด้วยเหตุนี้ Carro จึงขอแนะนำ เคล็ด(ไม่)ลับในการขับขี่อย่างปลอดภัย ในทุกสภาพอากาศมาฝากผู้อ่านกันค่ะ

1.ตรวจเช็คสภาพรถเสมอ

คุณควรตรวจเช็คทุกๆ ส่วน โดยเฉพาะดอกยางรถ ยางใบปัดน้ำฝน ระดับน้ำหม้อพักฉีดกระจก ไฟหน้า ไฟตัดหมอก ไฟเลี้ยว และผ้าเบรก ว่าสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่ เพื่อเตรียมรถให้พร้อมใช้งานแม้ในวันที่ฝนตก และทุกสภาวะถนน

2.ลดความเร็วในการขับขี่

โดยปกติเราไม่ควรขับรถเกินความเร็วมาตรฐานอยู่แล้ว และควรลดความเร็วลงอีกในขณะที่ฝนตก เนื่องจากจะช่วยให้ระยะในการเบรกยาวขึ้น เพราะพื้นถนนที่เปียกจะทำให้ลื่นและอันตราย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเหินน้ำได้อีกด้วย

3.หลีกเลี่ยงเส้นทางที่น้ำท่วม

การที่ฝนตกหนักหรือตกเป็นเวลานาน อาจทำให้น้ำท่วมถนนได้ และเมื่อน้ำท่วมถนน คุณก็จะคาดเดาไม่ได้ว่าน้ำท่วมสูงแค่ไหน ซึ่งอันตรายต่อรถ เพราะเราไม่ทราบว่าสภาพพื้นถนนที่เรากำลังขับขี่อยู่เป็นอย่างไร และหากน้ำเข้าท่อไอเสียและเครื่องยนต์ ก็จะทำให้รถยนต์ของคุณดับกลางคันด้วย

4.ขับช้าๆ แม้ฝนหยุดตกแล้ว

หลังจากฝนตก จะมีคราบน้ำมันที่ตกค้างบนพื้นถนนก่อตัวขึ้นมาใหม่ ทำให้พื้นถนนลื่นยิ่งขึ้น ซึ่งคราบน้ำมันจากรถยนต์จะมีมากบริเวณสี่แยกหรือไฟจราจร เพราะฉะนั้น คุณยังคงต้องขับรถอย่างระมัดระวังแม้ฝนหยุดตกแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการลื่นไถลบนพื้นถนนนั่นเอง

5.อย่าลืมเปิดไฟหน้ารถ

เมื่อต้องขับรถในช่วงกลางคืน การเปิดไฟหน้ารถคือสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้คุณมองเห็นได้ชัดเจน และรถคันอื่นๆ จะได้มองเห็นรถคุณด้วย และหากต้องขับขี่บนถนนลูกรังหรือเส้นทางเปลี่ยว อย่าลืมเปิดไฟสูงขณะขับขี่และลดไฟต่ำลงเมื่อมีรถขับสวนมา

6.ไม่ขับขี่เมื่อมีอาการง่วงหรือมึนเมา

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การขับขี่ในช่วงกลางคืนอันตรายกว่ากลางวัน คือ ผู้ขับขี่มีอาการง่วงหรือมึนเมา ซึ่งผู้ขับขี่เหล่านี้มักจะละเมิดกฏจราจร บางครั้งถึงขั้นเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดสัญญาณไฟ! ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากอุบัติเหตุในช่วงกลางคืนได้ ก็คือ หากเห็นรถยนต์คันอื่นมีท่าทีการขับขี่ที่อันตราย คุณควรเว้นระยะห่างจากรถยนต์คันดังกล่าวและขับให้ช้าลง

และที่สำคัญก็คือ คุณไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ในขณะขับขี่ซะเอง ถ้าหากมีอาการง่วงหรืองัวเงีย ก็ควรจอดแวะพักที่ปั๊ม ล้างหน้าล้างตาหรือนอนพักสักหน่อย แล้วตั้งสติก่อนสตาร์ท หากปฏิบัติตามคำแนะนำนี้ ก็จะปลอดภัยทั้งคนทั้งรถอย่างแน่นอนค่ะ

เด็กในรถ-Feature

การเดินทางที่แสนพิเศษ คือ การได้ร่วมทางไปกับคนที่เรารัก

ทั้งปู่ย่า ตายาย ลุงป้า น้าอา พ่อแม่ พี่น้อง และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ ลูกน้อยที่แสนน่ารักน่าทะนุถนอมของคุณ

ซึ่งแน่นอนว่าการขับขี่ที่มีเด็กมาด้วยนั้น คุณต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างสูง เพราะเด็กจะมีความซุกซนในแบบฉบับของเด็กน้อย จนอาจซุกซนจนเกินเหตุ ทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรืออันตรายขึ้นมาได้ ฉะนั้น วันนี้ คาร์โร จึงมีสิ่งที่ควรทำ และสิ่งที่ไม่ควรทำ หากมีเด็กอยู่ในรถมาฝากกันค่ะ

เด็กในรถ

4 สิ่งที่ไม่ควรทำ หากมีเด็กอยู่ในรถ

  • ห้ามเอาเด็กมานั่งตักในช่วงเวลาที่คุณกำลังขับรถ

ด้วยความรัก ความห่วงใย อยากอยู่ใกล้ลูกตลอดเวลา จึงทำให้พ่อแม่บางคนมักจะชอบเอาลูกมานั่งหลังพวงมาลัยในขณะที่ตัวเองขับรถอยู่เสมอ

แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การกระทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ และเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะแน่นอนว่า เด็กน้อยแสนซนนั้นจะไม่มีทางอยู่นิ่งเป็นแน่ โดยเด็กมักจะชอบใช้มือคว้าโน่น จับนี่ไปเรื่อย ทำให้คุณขาดสมาธิในการขับรถ และขาดความระมัดระวังจนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

 

  • ห้ามทิ้งเด็กไว้ในรถโดยลำพัง

ด้วยความซุกซนของเด็กที่เกินการควบคุม จึงเป็นเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาได้

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการที่เด็กไปกดล็อคประตูเล่น ดังที่เราเห็นได้จากข่าวหน้าหนึ่ง หรือตามจอทีวีบ่อยๆ จนต้องมีการเรียกกู้ภัยมาช่วยกันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต

หรือซ้ำร้าย บางทีพ่อแม่ประมาทติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ แล้วเด็กดันเผลอไปโยกคันเกียร์ จนทำให้รถเคลื่อนที่ออกไปทำความเสียหายให้รถคันรอบข้าง หรืออาคารบ้านเรือนในละแวกนั้นได้

 

  • ห้ามทิ้งเด็กให้หลับอยู่ในรถ

หากคุณพ่อคุณแม่จะลงไปเข้าห้องน้ำ ไปเซเว่นหาขนมนมเนยให้ลูกกิน และให้ลูกนอนอยู่บนรถ เราขอบอกเลยว่าอย่าทำเช่นนั้นเป็นอันขาด ต้องปลุกแล้วอุ้มลูกลงไปด้วย

เพราะพัดลมแอร์จะดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่รถปล่อยออกไป กลับเข้ามาในรถอีก ซึ่งเป็นเหตุทำให้เด็กที่หลับอยู่บนรถนั้นมีออกซิเจนไม่เพียงพอต่อการหายใจ และทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ในที่สุด

 

  • อย่าใช้ความเร็วสูง

เมื่อมีเด็กโดยสารไปในรถยนต์ด้วย พ่อแม่ควรใช้ความเร็วของการขับขี่ที่ต่ำกว่าปกติ และควรเว้นระยะห่างจากคันหน้าในระยะที่มากขึ้น

เพื่อลดการเบรกอย่างรุนแรง รวมถึงการเข้าโค้ง หรือเลี้ยวที่จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อลดการเหวี่ยง ซึ่งอาจทำให้เด็กที่ไม่ทันระวังได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกได้

เด็กในรถ

สิ่งที่ควรทำ หากมีเด็กอยู่ในรถ

สิ่งที่ควรทำหากมีเด็กอยู่ในรถ ก็คือ ถ้าในรถมีเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ให้จับนั่ง Car Seat (เบาะนั่งสำหรับเด็ก) ทุกครั้ง ไม่ว่าจะไปไหนใกล้ไกลก็ตาม เพราะคุณสมบัติของ Car Seat จะช่วย Safety และลดอาการบาดเจ็บในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุได้

ซึ่งการติดตั้งที่ถูกต้องก็คือ ควรติดตั้งอยู่ตรงกลางของเบาะหลัง อย่ารัดให้แน่นมากเกินไป เพราะอาจทำให้เด็กอึดอัด และหายใจไม่ออกได้ค่ะ

ความรู้เพิ่มเติม เรื่องของเบาะนั่งสำหรับเด็ก (Car Seat) เบาะนั่งสำหรับเด็ก มีหลากหลายประเภทด้วยกัน ดังนี้

  • แบบ Rear Facing แบบ Rear Facing นั้นจะเป็นเบาะนั่งสำหรับเด็กที่มีลักษณะคล้ายๆ รถเข็นเด็กทารก ซึ่งจะเหมาะกับเด็กแรกเกิดจนถึงเด็กอายุ 1 ขวบ
  • แบบ Front Facing แบบ Front Facing จะเป็นเบาะนั่งสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งให้เด็กนั่งตั้งหน้าตัวตรง ใช้สำหรับเด็กอายุ 1-4 ปีขึ้นไป
  • แบบ Booster แบบ Booster จะเป็นเบาะนั่งสำหรับเสริมความสูง ใช้สำหรับเด็กอายุ 4 – 10 ปี
  • แบบ ผสม แบบ ผสม คือการนำเบาะทั้ง 3 แบบด้านบน มารวมอยู่ในอันเดียว

ทั้งนี้ คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ควรมีความระมัดระวังตลอดเวลา และห้ามประมาทแม้แต่วินาทีเดียว เพราะแม้เสี้ยววินาทีเดียว ลูกน้อยของคุณอาจจากคุณไปตลอดกาล

9-ทริค-ง่ายๆ-ช่วยยืดอายุรถกระบะ

วิธีดูแลรักษาไม่ให้การใช้งานของรถกระบะสุดรัก
สั้นกว่าที่ควรจะเป็น


ระยะเวลาตลอดเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา รถขวัญใจชาวไทยก็ยังคงเป็นรถกระบะ อาจเพราะหลายๆปัจจัยทั้งเรื่องของราคาเอย ความประหยัดเอย และที่สำคัญคือความทนทาน ซึ่งถึงแม้ว่ารถกระบะนั้นจะอึด จะทน สักแค่ไหน ก็ต้องดูแลรักษาไม่ให้การใช้งานของรถกระบะนั้นสั้นกว่าที่ควรจะเป็น

วันนี้ คาร์โร จึงจะมาบอกทริคง่ายๆในการดูแลรถกระบะ ให้คงสภาพเหมือนซื้อใหม่มาฝากถึงเพื่อนๆกันค่ะ

1.อย่าลืม! ที่จะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนอาจจะไม่ลืม แต่กลับละเลยแทน เรื่องนี้เป็นเรื่องพื้นฐานสำคัญเลยนะคะ ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถให้อยู่กับเพื่อนๆไปได้นานๆ ซึ่งโดยปกติแล้วการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่องจะอยู่ที่ทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน (ขึ้นอยู่กับว่าอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) หรือดูกำหนดการเปลี่ยนจากคู่มือที่ติดมากับรถก็ได้ค่ะ



2.สลับยางตามระยะ

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

โดยทั่วไปล้อหน้าจะมีการสึกหรอที่มากกว่า (ซึ่งก็อาจขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและการขับขี่ของเพื่อนๆด้วย) ทำให้ต้องมั่นสลับยางตามที่คู่มือประจำรถกำหนด เพื่อนๆจะได้มีการขับขี่ที่ราบเรียบ และยังช่วยลดภาระการทำงานของระบบกันสะเทือนที่เกิดจากการสั่นของยางอีกด้วยนะคะ



3.รักษาโครงสร้างยาง

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

ในขณะที่ล้อรถหมุนเราควรที่จะรักษาความสมดุล เพื่อให้ระบบกันสะเทือนมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นค่ะ ส่วนสภาพเส้นทางที่เป็นหลุมและบ่อ หรือการใช้งานแบบออฟโรดก็จะยิ่งทำให้ยางรถยนต์ขาดความสมดุลยิ่งขึ้น จะทำให้เพื่อนๆต้องเสียเงินกับค่าเปลี่ยนยางใหม่เร็วขึ้นนะคะ



4.การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

ก็ต้องยอมรับว่าหลุมบ่อบนถนนหนทางในบ้านเรานั้นเยอะแยะเสียเหลือเกิน ถ้าเพื่อนๆ ขับรถด้วยความเร็วจะทำให้หลบหลุมบ่อพวกนี้ไม่ทันจนต้องตกหลุมอยู่บ่อยๆ ซึ่งนี้แหละค่ะ เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ศูนย์ล้อผิดเพี้ยนไปจากเดิม จึงทำให้ยางเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีผลเสียที่ตามมาอย่างรถกินน้ำมันเพิ่มขึ้น และมีการบังคับควบคุมที่แย่ลงด้วยค่ะ

 

5.ตรวจสอบระบบไฟ

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

อย่างน้อยในเดือนละครั้ง เพื่อนๆ ต้องหาเวลาเพื่อตรวจเช็กระบบไฟทั้งภายนอกและภายใน หากพบความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็ควรจะรีบดำเนินการทำการแก้ไขก่อนที่ปัญหาจะลุกลามมากกว่าเดิมค่ะ

Tip : เพื่อนๆ ควรจะพกฟิวส์ไว้เป็นอะไหล่สำรองในยามฉุกเฉินด้วยนะคะ

 

6.ตรวจสอบของเหลวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

เริ่มแรกเพื่อนๆ ควรเช็กระดับน้ำมันเครื่อง วัดตอนเครื่องยนต์ดับ (อุณหภูมิเครื่องยนต์ปกติ) 1-5 นาที (หรือตามที่คู่มือประจำรถระบุนะคะ) ต่อมาเช็กระดับน้ำหล่อเย็นสำหรับเครื่องยนต์เพื่อป้องกันการโอเวอร์ฮีทของเครื่องยนต์ค่ะ โดยดูระดับน้ำว่าลดลงมากจนผิดปกติหรือไม่ อาจเกิดจากการรั่วซึม หากจำเป็นต้องมีการเติมน้ำยาหล่อเย็นหรือคูลแลนท์ (Coolant) ซึ่งควรใช้ให้ตรงตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ในคู่มือประจำรถด้วยนะคะ และสุดท้ายระดับน้ำล้างกระจกควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมเช่นกัน

 

7.ถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรองอากาศก็ต้องเปลี่ยน

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

ไส้กรองอากาศจะกรองฝุ่นละอองไม่ให้เข้าไปสู่ห้องเผาไหม้ในเครื่องยนต์ ฉะนั้นถ้ายิ่งสะอาดจะยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ อีกทั้งมีผลต่ออัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลืองที่ดีอีกด้วย ซึ่งนานๆไปอาจเกิดการอุดตันได้ แต่เพื่อนๆก็ควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศตามอายุการใช้งานที่ผู้ผลิตได้กำหนดไว้ หรือ 20,000-40,000 กิโลเมตร


8.บำรุงรักษาตามลักษณะการใช้งาน

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

การดูแลรักษารถกระบะแสนรักของเพื่อนๆให้อยู่ไปด้วยกันอีกนานแสนนาน คือ เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้ารับการตรวจเช็กตามกำหนด ก็ต้องไป และเมื่อเข้าอู่เพื่อนๆต้องบอกให้ช่างทราบว่ามีลักษณะการใช้งานเป็นประจำอย่างไร ตัวอย่างเช่น บรรทุกของหนักอยู่ตลอดเวลา, วิ่งบนเส้นทางทุรกันดารเป็นประจำ, ใช้งานในเมือง หรือแม้แต่รถที่จอดทิ้งไว้ไม่ค่อยได้ใช้ก็ตาม

 

9.คู่มือประจำรถ ต้องห้ามหาย! และต้องอ่าน!

รถกระบะ, วิธี, การดูแลรักษา, กระบะ, รถปิคอัพ, pickup

หลายคนกลับมองข้ามคู่มือประจำรถ ทำให้ดูแลรักษากันผิดวิธีจนรถกระบะของเพื่อนๆโทรมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการดูแลรักษารถกระบะคู่ใจ นั้นได้ถูกแนะนำไว้ในคู่มือประจำรถตั้งแต่ออกมาจากโรงงานแล้ว ตั้งแต่การทำความสะอาด มาตรฐานน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันพาวเวอร์ และของเหลวอื่น ๆ ที่เหมาะสม รวมถึงระยะเวลาการบำรุงรักษา


สุดท้าย เพื่อนๆต้องอย่าละเลยการดูแลรถกระบะ ถึงแม้ว่ารถกระบะจะทนทานแค่ไหน แต่ก็มีวันที่รถกระบะนั้นพังได้ และพอวันที่อยากจะขายรถกระบะ ก็ทำให้ขายไม่ได้ราคาดี แม้จะเป็นที่ต้องการของตลาดรถก็ตาม ฉะนั้นการดูแลรักษารถกระบะคู่ใจไม่ใช่เรื่องยากเลยนะคะ หากเพื่อนๆให้ความใส่ใจ ทำตามที่แนะนำ และอ่านคู่มือประจำรถ เท่านั้นเองค่ะ

Exhaust-Wrap

“ผ้าพันท่อไอเสีย” มีประโยชน์ และช่วยอะไรกับรถยนต์ได้บ้าง ต้องอ่าน!

Dodge Charger ตำนานลุงดอมเกือบดับ

ตำนานลุงดอมเกือบดับ โชคดีมีคนช่วยทันเกือบปิดตำนาน Dodge Charger ของลุงดอมแล้ว ช่วยไว้ทัน รถไม่เป็นไรครับ แร็ครั่ว น้ำมันเพาเวอร์ลงผ้าพันท่อไอเสีย ไฟลุกแต่ลุงดอมไม่เป็นไรครับ เครื่องยนต์ติดปกติ มีเพียง สายไฟบางส่วนต้องเปลี่ยน สี ล้อ ยาง ไม่เป็นไร กำลังไล่ดูสายไฟ และข้อต่อน้ำมัน ขันให้แน่นครับฝากเตือนเพื่อนๆ ควรมีถังดับเพลิงไว้ในรถนะครับ และอย่าประมาท เช็คสายข้อต่อน้ำมันดีๆขอขอบคุณคลิปจาก ตระเวนข่าวเสนอโดย / Present By : Car4YouMag

Posted by Car4YouMag on Tuesday, May 15, 2018

ขอขอบคุณ Clip VDO จาก ตระเวนข่าว

จากกรณีที่รถยนต์ Dodge Charger (ดอดจ์ ชาร์จเจอร์) ของพันเองสมิง อินทราราม หรือที่รู้จักกันในรถของ “ลุงดอม” โดมินิค โทเรตโต (Dominic Toretto) ตัวละครในหนังเรื่อง Fast & Furious หลายๆ ภาค เกิดเครื่องยนต์ไฟลุกขึ้นมาแถว MRT แยกติวานนท์ เนื่องจากแร็ครั่ว น้ำมันเพาเวอร์ลงผ้าพันท่อ ทำให้เกิดไฟลุกขึ้นมา

จนหลายคนสงสัยว่า ผ้าพันท่อไอเสีย มีไว้เพื่อประโยชน์อันใด … Carro จะมาอธิบายให้ฟังครับ.

Muffler-Exhaust-Wrap

ผ้าพันท่อไอเสีย เป็นผ้าที่ใช้ป้องกันความร้อนแผ่กระจายจากท่อไอเสีย นิยมใช้กันทั้งในรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ (ประเภทบิ๊กไบค์ จะเห็นกันบ่อย) เพื่อให้ท่อไอเสียคายไอเสียได้เร็วขึ้น ป้องกันการหดตัวและขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอากาศที่ร้อนต่างกับอากาศเย็นมากเท่าไหร่ อากาศยิ่งวิ่งเร็วมากเท่านั้น นอกจากนี้ ยังไล่ไอเสียที่ตกค้างในกระบอกสูบ และเป็นฉนวน ช่วยลดความร้อนในห้องเครื่อง มีความร้อนสะสมน้อยลงอีกด้วย

Muffler-Exhaust-Wrap

ผ้าพันท่อไอเสีย มีทั้งข้อดีและข้อเสีย กล่าวคือ ในเมืองนอกที่อากาศหนาวจัดๆ มักนิยมใช้ผ้าพันท่อไอเสีย และใช้กับเฮดเดอร์ที่เป็นเหล็ก เพื่อป้องกันอากาศหนาวจัด เพราะผ้าพันท่อไอเสียจะทำการกักความร้อนไว้ที่ตัวมันเอง ป้องกันท่อเกิดการร้าวได้ และมีประโยชน์สำหรับคนขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ เนื่องจาก ผ้าที่พันเฮดเดอร์ จะช่วยป้องกันขา และความร้อนตีกลับเข้าเครื่องยนต์ เวลาขี่มอเตอร์ไซค์ได้

ส่วนข้อเสีย อาจทำให้เฮดเดอร์ร้าวได้ เนื่องจากผ้าจะเก็บความร้อนไว้จนสูงมาก หากใช้เฮดเดอร์ไม่มีคุณภาพ และอาจเกิดสนิมขึ้นบนท่อได้ เนื่องจากผ้า จะสะสมความชื้นเอาไว้ และหากมีน้ำมันอะไรก็ตาม หยดไปโดน โอกาสจะติดไฟขึ้นมาได้

Muffler-Exhaust-Wrap

ผ้าพันไอเสียส่วนใหญ่ จะผลิตจากไฟเบอร์กล๊าส ซึ่งทนความร้อนได้ถึง 400-500 องศาเซลเซียส แต่ท่อไอเสีย จะมีความร้อนตั้งแต่ 300- 600 องศาเซลเซียส ผ้าพันท่อไอเสียที่สามารถทนความร้อนได้ถึง 950 องศาเซลเซียส จะทำจากเส้นใยไทเทเนี่ยม 100% ซึ่งสีของผ้าจะเป็นสีเทาเหมือนโลหะ มักนิยมใช้ในรถแข่ง รองลงมาจะ เป็นผ้าที่ทำจากไฟเบอร์ผสมเส้นใยเซรามิก และเคลือบด้วยอ๊อปซิเดียน ซึ่งจะทนความร้อนได้ประมาณ 750 องศาเซลเซียส

Dodge-Charger

ขอขอบคุณภาพจาก Fanpage Volcano Custom Thailand

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้วละครับ ว่าได้ทราบถึงคุณสมบัติ และข้อดีข้อเสีย ของผ้าพันท่อไอเสียไปแล้ว สามารถเลือกซื้อเลือกใช้ มาใส่ในรถของท่านได้ตามอัธยาศัยครับ

ต่อทะเบียนรถ ภาษีขาดเกิน 3 ปี

รถยนต์ทุกคันที่ใช้งาน จะต้องต่อภาษีรถยนต์ประจำปีทุกปีเป็นเรื่องปกติ ซึ่งถ้าหากเสียภาษีล่าช้า จะต้องจ่ายค่าปรับเพิ่มอีกร้อยละหนึ่งทุกเดือน แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้เจ้าของรถ ไม่ได้ไปชำระภาษีรถยนต์ประจำปีจนขาดเกิน 3 ปี ซึ่งส่งผลให้ทางกรมการขนส่งทางบก ระงับทะเบียนรถยนต์ทันที พร้อมทั้งส่งจดหมายแจ้งไปยังเจ้าของรถด้วย

ซึ่งเจ้าของรถต้องคืนแผ่นป้าย และนำสมุดคู่มือมาให้ทางราชการบันทึกการระงับทะเบียน ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่นายทะเบียนระงับการดำเนินการทางทะเบียน หากไม่ไปดำเนินการ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท

นั่นหมายความว่า รถยนต์คันนั้นได้ถูกระงับทะเบียนไปแล้ว หากคุณต้องการจะขายรถ ไม่สามารถทำการซื้อขายรถ ใช้รถวิ่งรับจ้าง โอนรถหรือย้ายทะเบียนรถได้ และยังเป็นภาระของคนซื้อรถ ซึ่งต้องชำระภาษีรถยนต์ที่ค้างอยู่ 3 ปีก่อน ถึงสามารถจดทะเบียนรถใหม่ ให้สามารถนำรถมาใช้งานบนท้องถนนได้อีกครั้ง ขั้นตอนวิธีการมีอะไรบ้าง อ่านด้านล่างเลยครับ …

ต่อทะเบียนรถ ภาษีขาดเกิน 3 ปี

ขั้นตอนที่ 1

นำเล่มทะเบียน มาให้ทางราชการบันทึกการระงับทะเบียน และชำระภาษีค้างชำระ ตามอัตราภาษีรถประจำปีของรถแต่ละประเภทและเสียภาษีเพิ่มร้อยละ 1 ต่อเดือนจนถึงวันชำระ ณ สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ที่รถจดทะเบียน

หมายเหตุ: รถที่ค้างชำระภาษีรถประจำปี หลังจากวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2547 โดยค้างเกิน 3 ปี จะเสียภาษีเพิ่มร้อยละ 1 ต่อเดือนจนถึงวันชำระ (หากเป็นรถยนต์ที่ไม่ได้เสียภาษีก่อนวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2547 จะต้องค่าปรับร้อยละ 20 ต่อปี ย้อนหลังไป 3 ปี เช่นกัน)

ขั้นตอนที่ 2

พร้อมทั้งแจ้งการขอใช้รถอีกครั้ง (คือ การจดทะเบียนรถยนต์ใหม่) พร้อมชำระอัตราค่าธรรมเนียมภาษีประจำปีของทะเบียนรถใหม่ (ซึ่งต้องมี พรบ. เตรียมมาด้วย)

ต่อทะเบียนรถ ภาษีขาดเกิน 3 ปี

เอกสารและหลักฐานที่ต้องใช้

  • สมุดคู่มือจดทะเบียน ที่บันทึกการระงับทะเบียนแล้ว (ตัวจริงเท่านั้น พร้อมสำเนา)
  • บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ (ตัวจริงพร้อมสำเนา)
  • หลักฐานการประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535
  • หลักฐานการได้มาของรถ เช่น หนังสือสัญญาซื้อขาย หรือหลักฐานการขายทอดตลาด (กรณีมิได้จดทะเบียนในชื่อเจ้าของเดิม)
  • หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล (กรณีเป็นนิติบุคคล อายุการใช้งานไม่เกิน 6 เดือน)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจลงนาม กรณีเป็นนิติบุคคล
  • หนังสือมอบอำนาจ (กรณีที่เจ้าของรถไม่สะดวกไปดำเนินการ ติดอากรแสตมป์ 10 บาท) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบอำนาจ

ต่อทะเบียนรถ ภาษีขาดเกิน 3 ปี

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าจดทะเบียนรถใหม่ 315 บาท
  • ค่าสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ 100 บาท
  • ค่าแผ่นป้ายทะเบียนรถ ป้ายละ 100 บาท
  • หลักฐานการประกันภัย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535
  • อัตราภาษีของรถแต่ละประเภท
  • ค่าธรรมเนียมการตรวจสภาพ รถจักรยานยนต์ 10 บาท รถยนต์ 50 บาท

ต่อทะเบียนรถ ภาษีขาดเกิน 3 ปี

ขอขอบคุณภาพขวามือจาก Login ชลน่าน @ Pantip

ขั้นตอนที่ 3

สำหรับช่องทางชำระภาษีรถประจำปี มีช่องทางการชำระหลากหลาย อาทิเช่น

  • กรมการขนส่งทางบก มีบริการ Drive-Thru เตรียมเอกสารและเงินไว้ ขับรถเข้าไปจ่ายได้เลย ซึ่งจะช่วยลดเวลาดำเนินการลงได้อีก มีเวลาเปิดทำการตั้งแต่ 7.30-15.30 น.
  • ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งทุกสาขาในกรุงเทพมหานคร แต่มีข้อยกเว้น คือต้องเป็นรถยนต์ที่จดทะเบียนในกรุงเทพฯ เท่านั้น และต้องไม่เป็นการจ่ายภาษีแบบที่ค้างชำระ สามารถจ่ายล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน
  • สำนักงานเขตทุกเขตในกรุงเทพมหานคร แต่ต้องเป็นแบบไม่ค้างชำระและจ่ายล่วงหน้าไม่เกิน 3 เดือน
  • ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง มีบริการรับชำระภาษีรถยนต์เช่นกัน และมีเงื่อนไขเช่นเดียวกับเบื้องต้น
  • ตามห้างสรรพสินค้า เช่น ห้างบิ๊กซี 13 สาขา ห้างในเครือเซนทรัล หรือพาราไดซ์พาร์ค (ศรีนครินทร์) เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ในวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
  • ต่อทางอินเตอร์เน็ต ที่เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่กรมการขนส่งทางบกอำนวยความสะดวก ให้กับผู้ประสงค์จะต่อภาษีรถยนต์ เตรียมเอกสารเหมือนกับการไปต่อที่กรมการขนส่งทางบก กรอกข้อมูล และเลือกวิธีการชำระเงินได้ 3 ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นหักจากบัญชีธนาคาร ผ่านบัตรเครดิต หรือพิมพ์เอกสารออกมา แล้วไปจ่ายที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส แต่การต่อภาษีทางอินเตอร์เน็ตไม่สามารถต่อได้ กรณีที่ภาษีค้างชำระเกิน 1 ปี และล่วงหน้าไม่เกิน 3 เดือน สำหรับรถที่ต้องใช้เอกสารการตรวจรถ ก็ไม่สามารถต่อทางอินเตอร์เน็ตได้เช่นกัน
  • ชำระภาษีรถผ่าน ตรอ., ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส เซเว่น-อีเลฟเว่น กว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ และล่าสุด ชำระภาษีบนมือถือทุกเครือข่าย AIS, True Move และ DTAC

ซึ่งเจ้าของรถ สามารถชำระภาษีรถได้ล่วงหน้า 3 เดือน ก่อนอายุภาษีสิ้นสุดครับ

ต่อทะเบียนรถ ภาษีขาดเกิน 3 ปี

ถ้าคุณเบื่อต่อภาษีรถยนต์คันเดิมแล้ว หรือจ่ายไม่ไหว อยากตัดสินใจขายรถด่วนๆ เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ มาขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ได้ เราเสนอให้ราคาที่ดีที่สุด รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express แค่คลิก -> https://th.carro.co/sell-car/express หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ ซื้อรถ คลิก -> https://th.carro.co/taladrod/allcar/carro 

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

ขับรถ, เที่ยว, เตรียมความพร้อม

เตรียมสิ่งเหล่านี้! ให้พร้อมก่อนเที่ยว
จะได้ปลอดภัยทั้งคนทั้งรถขณะเดินทาง

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ การขับรถเที่ยว ก็เป็นอีกกิจกรรมที่เวลาเราไปกับเพื่อนฝูง หรือครอบครัวทีไร ก็มันส์สุดๆ ทุกทีว่ามั้ยเอ๋ย? แต่ถ้าหากรถของเพื่อนๆไปเสียเอากลางทางระหว่างขับรถเที่ยว ก็คงน่าปวดหัวแย่ รวมไปถึงเพื่อนร่วมทางและรถคันอื่นที่เดินทางต่อมาอยู่ด้านหลัง ก็คงเซ็งไม่น้อยที่รถของเราไปทำรถติด ทำให้คนอื่นๆไม่สามารถเดินทางไปได้

เพราะฉะนั้น การเตรียมความพร้อมให้รถของเพื่อนๆก่อนขับรถเที่ยว ถือเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะลดความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเหล่านี้ไปได้ค่ะ


นำรถไปตรวจเช็กสภาพล่วงหน้า

เพื่อนๆ อย่าลืม! ว่าถ้าเราเอารถเข้าอู่เพื่อตรวจเช็กสภาพนาทีสุดท้าย เช่น 1 หรือ 2 วันก่อนขับรถเที่ยว ก็อาจจะกระชั้นชิดไป แนะนำให้นำรถไปตรวจเช็กล่วงหน้าซักประมาณ 3 อาทิตย์กำลังดีค่ะ

โดยทางช่างก็จะทำการตรวจเช็กน้ำมันเครื่องและของเหลวต่างๆ เช่นน้ำมันเบรคน้ำยาแอร์ น้ำหน้าปัดรถ เป็นต้น รวมไปถึงเช็กแบตเตอรี่รถยนต์ว่ามีการสึกหรอหรือไม่ เช็กไฟรถ เช็กลมยาง เช็กสายไฟต่างๆ เช็กระบบเบรค เช็กที่กรองอากาศและที่กรองน้ำมัน เป็นต้น

 


การเตรียมตัวเบื้องต้น ก่อนขับรถเที่ยว

  1. ติดตั้งระบบ GPS: การติดตั้งระบบ GPS จะช่วยให้เพื่อนๆสามารถขับรถเที่ยวได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นโดยที่เพื่อนๆไม่ต้องมาคอยพะวงหาสถานที่บนแผนที่ แต่อย่างไรก็ตาม GPS ก็ไม่ได้เป็นทุกอย่างให้เพื่อนๆหรอกนะคะ เราควรมีแผนที่กระดาษติดรถเอาไปด้วยในกรณีที่อุปกรณ์แบตหมด จะได้มีแผนที่สำรองเอาไว้ดูระหว่างขับรถเที่ยว
  2. ทำความสะอาดรถทั้งภายในและภายนอก: ก่อนที่เพื่อนๆจะออกไปขับรถเที่ยว อย่าลืมทำความสะอาดรถให้เรียบร้อย พร้อมรับกับแป้งดินสอพองและน้ำเย็นๆที่จะสาดเข้ามาที่ตัวรถ รวมถึงขัดป้ายทะเบียนให้สามารถมองเห็นเลขได้ชัดก็จะดีมากค่ะ นอกจากนี้ ให้เก็บเศษเงินหรือของมีค่าในรถให้พ้นสายตาไปให้หมด เพื่อกันมิให้มิจฉาชีพทำการทุบรถเพื่อเอาของมีค่าเหล่านั้นระหว่างที่เพื่อนๆไม่อยู่ที่รถค่ะ
  3. เช็กลมยาง: ก่อนเพื่อนๆไปขับรถเที่ยว ก็อย่าลืมเช็กลมยางและสภาพยางว่ายังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ด้วยนะคะ

 


นำอุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถไปด้วย

อย่าลืม! นำเอาอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น คู่มือรถยนต์ ไฟฉายพร้อมถ่านไฟสำรอง โทรศัพท์มือถือ แผนที่ อุปกรณ์ปฐมพยาบาล ขวดแกลลอนเปล่าๆ ถุงมือ สายจั๊มแบต น้ำกลั่น อุปกรณ์ช่าง ที่เช็กลมยาง ยางสำรอง เป็นต้น ติดรถไปด้วยนะคะ เพื่อที่ในกรณีที่รถของเพื่อนๆเสีย ระหว่างที่เรารอเจ้าหน้าที่ประกันหรือช่างซ่อมมาถึง เพื่อนๆจะได้มีอุปกรณ์เหล่านี้เอาไว้คอยตรวจสอบและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนค่ะ

 


จัดของใส่รถไปยังไงดี

หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับการจัดของใส่รถก่อนขับรถเที่ยว หลักการของการจัดของใส่รถก็คือ ให้เพื่อนๆเอาเพียงของที่จำเป็นไปเท่านั้น ไม่เตรียมของไปเยอะจนเกินไป เพื่อที่ว่าผู้ร่วมทางกับเพื่อนๆจะได้มีที่นั่งสะดวกสบาย ของไม่รกจนเกินไปจนหาอะไรไม่เจอ แถมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาแพ็คของลงจากรถหลังจบทริปค่ะ ทำทุกอย่างให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อเพื่อนๆจะได้จำได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน

นอกจากนี้ยิ่งเพื่อนๆแพ็คของเยอะเกิน รถของเพื่อนๆก็ยิ่งจะต้องรับน้ำหนักที่มากเกินกว่าความจำเป็น ทำให้ไม่ปลอดภัยในการขับขี่ได้ค่ะ โดยอาจทำให้รถทรงตัวอยู่บนถนนได้ยาก ระบบเบรคทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ ยางบวม จะหักเลี้ยวก็ยาก รถกินน้ำมันเพิ่มขึ้น ศูนย์ถ่วงรถไม่ดี

อีกทั้งถ้าหากเพื่อนๆแพ็คของหนักเกินไป ประกันก็อาจจะไม่จ่ายค่าคุ้มครองให้กับรถของเพื่อนๆในกรณีเกิดอุบัติเหตุได้นะคะ

เพราะฉะนั้นแล้ว ก่อนที่เพื่อนๆจะแพ็คของใส่รถ ก็ให้ลองตรวจสอบในคู่มือรถยนต์ดูก่อนว่า รถของเพื่อนๆนั้นมีความสามารถแบกรับน้ำหนักได้กี่กิโลกรัมค่ะ

 

สุดท้ายแล้วใครที่กำลังวางแผนขับรถเที่ยว ก็อย่าลืมดูแลรถยนต์ให้ดี เราจะได้พร้อมตลอดเวลาหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ เพื่อนๆอย่าลืมทำประกันรถยนต์ติดไว้จะได้ช่วยคุ้มครองในกรณีอุบัติเหตุต่างๆบนท้องถนนได้ด้วยนะคะ เพื่อนๆสามารถเปรียบเทียบประกันการเดินทางได้ที่เว็บไซต์โกแบร์เลยค่ะ