Motor-Expo-2017

Motor Expo 2017 ได้จัดงานสัมมนา B2B Automotive Aftermarket Exhibition
เพื่อผู้ประกอบการยานยนต์ และผู้ที่สนใจเข้าร่วม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

อย่างที่ทราบกันดีว่างาน Motor Expo 2017 เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อจัดแสดงโชว์สินค้าประเภทยานยนต์เท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่ายังมีงานสัมมนาให้กับผู้ประกอบการยานยนต์ และบุคคลทั่วไปที่สนใจมาเข้าร่วมอีกด้วย

ซึ่งผู้จัดงานได้มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับของงาน ให้มีลักษณะ Business to Business จึงได้จัดให้มีการสัมมนาเชิงวิชาการ การเจรจาและจับคู่ทางธุรกิจ บวกกับงการจัดสรรพื้นที่แสดงสินค้า สำหรับผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องจากต่างประเทศ รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีรายละเอียดต่างๆ ดังต่อไปนี้


วันที่ 7 ธ.ค. 60  มีการสัมมนาเชิงวิชาการในหัวข้อ เทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะ ฝันไกลที่กลายเป็นจริง (Smart Automotive Technology … a distant dream come true) ณ ห้อง Jupiter 4-6 ในงาน Motor Expo 2017

09.00 – 09.30 น.      ลงทะเบียน
09.30 – 09.35 น.      กล่าวเปิดการสัมมนา โดย คุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์
09.35 – 10.05 น.      การบรรยายพิเศษ เรื่อง บทบาทภาครัฐในการพัฒนายานยนต์สมัยใหม่ โดย นายสิทธิชัย ปัทมสิริวัฒน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม, กระทรวงอุตสาหกรรม
10.05 – 10.35 น.      การบรรยาย เรื่อง “ระบบความปลอดภัยของยานยนต์ในอนาคต”
10.35 – 10.45 น.      พักทานอาหารว่างและเครื่องดื่ม
10.45 – 11.15 น.      การบรรยาย เรื่อง “Car Connectivity” โดย คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงษ์ รองกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
11.15 – 11.45 น.      การบรรยาย เรื่อง “ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต” โดย ดร. ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย
11.45 – 12.15 น.      การบรรยาย เรื่อง “ทิศทางของเทคโนโลยีในอนาคตในตลาดยานยนต์ประเทศไทย” โดย คุณอดิศักดิ์ โรหิตะศุน กรรมการสถาบันยานยนต์ ผู้ทำการแทนผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์
12.15 – 12.25 น.      รับฟังความคิดเห็นและถามตอบปิดการสัมมนา


วันที่ 8 ธ.ค. 60 มีการสัมมนาเชิงวิชาการในหัวข้อ รู้ก่อน ก้าวทัน ตลาดยานยนต์อาเซียน (Keeping abreast with ASEAN automotive market.) ณ ห้อง Jupiter 4-5 ในงาน Motor Expo 2017

13.00 – 13.30      ลงทะเบียน
13.30 – 13.35      กล่าวเปิดสัมมนา โดย คุณ ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34
13.35 – 14.05      การบรรยาย เรื่อง “ภาพรวมของการส่งออกไปยังอาเซียน” โดย คุณ ฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์  หัวหน้ากลุ่มงานสินค้าอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
14.05 – 14.35      การบรรยาย เรื่อง “ความน่าสนใจของอุตสาหกรรมยานยนต์ (ชิ้นส่วนและ อุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง) ในอินโดนีเซีย” โดย Mr. Michael Bayu A Sumarijanto, Director of PT Dyandra Promosindo (Indonesia)
14.35 – 14.50     พักทานอาหารว่างและเครื่องดื่ม
14.50 – 15.20      การบรรยาย เรื่อง “ความน่าสนใจของอุตสาหกรรมยานยนต์ (ชิ้นส่วนและอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง) ในเวียดนาม” โดย Mr. Tao Linh, General Director of ATFA (Asia Trade Fair and Business Promotion Holding) (Vietnam)
15.20 – 15.50      การบรรยาย เรื่อง “ความน่าสนใจของอุตสาหกรรมยานยนต์ (ชิ้นส่วนและอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง) ในพม่า” โดย Mr. Col Chit Ko Ko (Former Director General of Land Transportation Department, Ministry of Transport) and Mr. Khin Tun (Vice Chairman of Authorized Automobile Distribution Association (AADA)) (Myanmar)
15.50 – 16.20      การบรรยายเรื่อง “ แชร์ประสบการณ์ผู้ประกอบการไทยที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนในตลาดต่างประเทศ” โดย คุณกฤษฎ์ กาญจนบัตร Managing Director บริษัท คาร์แลค (ไทย – เยอรมัน) จำกัด
15.50 – 16.20      การบรรยายเรื่อง “ แชร์ประสบการณ์ผู้ประกอบการไทยที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนใน ตลาดต่างประเทศ” โดย คุณกฤษฎ์ กาญจนบัตร Managing Director บริษัท คาร์แลค (ไทย – เยอรมัน) จำกัด
16.20 – 16.30      รับฟังความคิดเห็นและถามตอบ
16.30 – 17.30      Networking Session & Refreshment

สุดท้ายสำหรับใครที่สนใจจะร่วมงานสัมมนาโดยผู้จัด ในงาน Motor Expo 2017 ดังกล่าว สามารถลงทะเบียนได้ ที่นี้ หรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ คุณ สิริรัตน์ อัญชลีพิสิฐ โทร 081 809 8400 หรือติดต่อผ่านทาง Email : [email protected]

 

ถ้าคุณกำลังคิดที่ซื้อรถสักคัน
แต่ลังเลระหว่างรถใหม่ กับรถมือสอง ว่าอย่างไหนจะดีกว่ากัน ?

หลายคนก็ต่างมีความเห็นมากมายที่ไม่เหมือนกัน บ้างก็บอกว่ารถมือหนึ่งดีกว่า ของใหม่อะไรๆก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว บ้างก็บอกว่ารถมือสองดีกว่า ประหยัดเงินกว่า มีเงินเหลือใช้ไปทำอย่างอื่นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม คาร์โร ได้เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียมาให้คุณลองชั่งน้ำหนักดู ว่าคุณเหมาะกับรถใหม่ หรือรถมือสองกันแน่

รถมือหนึ่ง

รถใหม่

ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเวลาตอนซื้อรถใหม่ ได้กลิ่นใหม่ รถเงาวับ ความรู้สึกมันดีจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ ! อะไรหลายอย่างยังมีสองด้าน การซื้อรถใหม่ ก็มีทั้งข้อดี และข้อเสียเช่นกัน

ข้อดีของการซื้อรถใหม่

อย่างแรกคือ คุณได้ของใหม่ ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่า รถคันนี้ได้ผ่านมือใครมาบ้าง หรือรถข้างในจะมีสภาพเป็นอะไรอย่างไร ซึ่งคุณอุ่นใจไปได้เลย

ส่วนอย่างที่สองคือ เวลาเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องหรือตัวรถ คุณก็ไม่ต้องห่วง เพราะยังรถยังอยู่ในประกัน และบริการหลังการขายบางเจ้ายังช่วยเหลือฉุกเฉินระหว่างการเดินทาง

อย่างที่สามก็คือ รถใหม่ก็มักมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ใหม่ ทั้งการเผาใหม้เชื้อเพลิงที่ประหยัดมากกว่า เพราะได้ถูกพัฒนาให้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ รวมไปถึงความปลอดภัยอีกด้วย

อย่างสุดท้าย ส่วนมากรถใหม่จะมีโปรโมชั่นเรื่องการผ่อนที่คุ้มกว่ารถมือสอง ซึ่งเป็นความตั้งใจของบริษัทรถที่ต้องการให้คนซื้อรถใหม่มากกว่านั่นเอง แต่ข้อนี้ต้องศึกษาเงื่อนไข และอ่านรายละเอียดให้ดี เพราะมันอาจจะกลายเป็นข้อเสียได้ในทันที

ข้อเสียของการซื้อรถใหม่

นอกจากราคาที่แพงกว่ารถมือสองแล้ว ข้อเสียที่สำคัญมากๆเลย ก็คือ การเสื่อมราคาของรถมือหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 ปีแรก จะเสื่อมราคาเร็วมาก เพราะเวลาซื้อรถใหม่ คุณซื้อในราคาปลีก และทันทีที่คุณขับออกมาจากศูนย์ ราคาจะกลายเป็นราคาส่งทันที นั่นคือราคาที่ศูนย์จะยอมจ่ายให้คุณ หากคุณวนรถกลับ และเอารถไปคืน ซึ่งส่วนต่างนั้นมากเลยทีเดียว ทำให้หากใครที่อยากซื้อรถมือหนึ่ง ต้องลองคิดเรื่องนี้ให้ดีเลยทีเดียว

นอกจากนี้ การซื้อรถใหม่ จะเป็นการสร้างหนี้ที่สูงกว่าให้กับคุณ แถมได้สินทรัพย์ที่เสื่อมราคาง่ายกว่าอีกด้วย และประกันรถยนต์ของรถมือหนึ่ง ยังแพงกว่าประกันรถยนต์ของรถมือสองอีกอย่างแน่นอน

หากมองกันที่เรื่องค่านิยม การซื้อรถใหม่อยู่เรื่อยๆ ก็เหมือนคุณตกอยู่ในวังวนของการบริโภคนิยม และจะทำให้คุณติดเป็นนิสัย ที่ต้องตามอะไรใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งพวกบริษัทพวกนี้ย้อมจับทางได้ และแน่นอนในทุกๆ ปีย่อมมีตัวใหม่ๆ ออกมาล่อตาล่อใจอยู่เสมอๆ เลยล่ะครับ

เพราะฉะนั้น สิ่งที่คุณต้องตระหนักคือ “ความเป็นรถใหม่” อยู่ได้ไม่นาน เพียงไม่กี่วัน ไม่กี่สัปดาห์ รถคุณอาจได้รอย ราคาก็ตก แต่รายจ่ายของคุณนี่สิ ยังคงเท่าเดิมไปอีกหลายปีจนกว่าจะผ่อนหมด เพราะฉะนั้น คิดดีๆ นะครับ ก่อนตัดสินใจซื้อ

รถมือสอง

รถมือสอง

ถึงแม้ความใหม่ ความเท่ ความสวย อาจสู้รถมือหนึ่งไม่ได้ แต่ที่สู้ได้แน่ๆเลย ก็คือเรื่องของราคา และการซื้อรถยนต์มือสองนั้น มีข้อดีข้อเสียอะไรให้น่าคิดกันบ้าง ไปดูกัน

ข้อดีของการซื้อรถมือสอง

คุณจะสามารถได้รถที่ดีที่สุด ด้วยงบประมาณที่ตั้งไว้ อีกนัยหนึ่งคือสามารถหารถรุ่นดีๆ ในราคาเพียงครึ่งเดียวกับราคาตลาดของรถรุ่นนั้นๆ เลยก็ว่าได้

นอกจากนี้เต้นท์รถมือสองอาจมีรถดีๆ อย่างเช่น ประกันศูนย์ยังไม่หมด รถบ้านสภาพดี แถมราคาดีสุดๆ เลยก็มี เพราะฉะนั้นหากดูกันที่การใช้งาน รถรุ่นใหม่ๆ ที่ขับมาได้ไม่นาน เลขไมล์น้อยก็ไม่ต่างจากรถใหม่เลย

ซึ่งหากคุณซื้อขายรถทุกๆ สองสามปีเหมือนที่หลายๆ คนทำ คุณจะแทบแยกไม่ออกเลยทีเดียวว่าความแตกต่างระหว่างการขับรถใหม่ กับการขับรถมือสองสภาพดีๆ มันต่างกันอย่างไร

เพราะฉะนั้น หากคุณมีเงินสดอยู่อย่างจำกัด และอยากให้โอกาสรถยนต์มือสองดีๆ ดูสักครั้ง คุณสามารถหารถในราคาไม่กี่แสนบาท หรือถูกกว่านั้น รับรองคุ้มค่า และประหยัดเงินในกระเป๋าสตางค์คุณ สามารถเอาไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ

สุดท้ายอีกหนึ่งข้อดี คือสามารถเปลี่ยนรถได้บ่อย เมื่อใช้ไปสักพักรู้สึกเบื่อ หรืออยากเปลี่ยนรถรุ่นใหม่ ก็สามารถทำได้ เพียงแค่นำรถมือสองที่ไม่ใช้แล้วไปขายต่อ คุณก็สามารถขายได้ในราคาที่ไม่ตกมาก แตกต่างจากรถมือหนึ่งที่ขายต่อราคาจะตกไปเกือบครึ่งเลยที่เดี่ยว

ข้อเสียของการซื้อรถยนต์มือสอง

ไม่ว่ารถยนต์มือสองนั้นจะสภาพดี มีประกันศูนย์อยู่ แต่มันยังคงมีความกลัวเล็กๆ อยู่แน่ๆ ว่ารถคันนี้ผ่านอะไรมาบ้างจากคนขับคนก่อน และทำไมเขาถึงขายรถคันนี้ มันมีปัญหาอะไรที่ซ่อนอยู่ และเจ้าของเต้นท์รถย้อมหลอกเราหรือไม่

เพราะฉะนั้น วิธีแก้คือ ก่อนซื้อเอาช่างผู้เชี่ยวชาญไปช่วยเลือก ช่วยดู และหลังซื้อแล้ว นำเข้าตรวจละเอียดเช็คอย่างเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัยของคุณเอง ทั้งยาง ทั้งเบรก ทั้งเครื่องยนต์

นอกจากนี้ คุณต้องยอมรับว่า การซื้อรถยนต์มือสอง ตัวเลือกจะน้อยกว่า แน่นอนว่ารถรุ่นที่คุณอยากได้ อาจสภาพไม่ดี แต่รถรุ่นที่คุณไม่ค่อยอยากได้ กลับสภาพดี และควรค่าแก่การซื้อมากกว่า ซึ่งในกรณีนี้ถ้าคุณไม่อยากเสียเวลาในการหารถ หรือไม่แน่ใจว่าคันนี้ดีหรือไม่ มาปรึกษากับทางคาร์โรได้เลยครับ วางใจได้เพราะเราจะให้คำปรึกษาที่ดี เหมือนเพื่อนคู่คิดของคุณ

 

สรุป รถใหม่ หรือรถมือสองดีกว่ากัน ?

การตัดสินใจซื้อรถยนต์คือเรื่องใหญ่ เนื่องด้วยมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องคิด อย่างแรกก็คงไม่พ้นเรื่องการเงิน ต้องไม่ซื้ออะไรที่ทำให้ตึงเกินไป ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งหากซื้อรถราคาถูกมากๆ เก่ามากไป และไม่ปลอดภัยเลย เสี่ยงมากมันก็ไม่ดี เพราะเราต้องห่วงชีวิตเราเอง และคนในครอบครัว รวมถึงผู้ร่วมใช้รถใช้ถนนด้วย

เพราะฉะนั้น ลองเอาปัจจัยต่างๆ มากางเทียบกันแล้วดูว่ารถแบบไหน คันไหน มือหนึ่ง หรือมือสอง ตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุดครับ

 

เครดิต : www.gobear.com/th

ชันรูฟ

อุปกรณ์อย่าง “ซันรูฟ” ไม่ได้มีดีแค่ความเท่
แต่มีประโยชน์อะไรบ้างไปดูกัน

เจ้าซันรูฟ (sunroof) มันคือ หลังคาชนิดเลื่อนที่ใช้ในการเปิดปิดเพื่อรับแสง และอากาศให้เข้ามาในห้องโดยสารได้ ซึ่งหลายคนที่ไม่ถนัดเรื่องรถยนต์อาจไม่รู้จักโดยเฉพาะผู้หญิง แต่ว่าในต่างประเทศที่ถ้ารถยนต์ที่ติดซันรูฟจะเป็นที่นิยมมาก

ในทางกลับกันในประเทศไทย ซันรูฟกลับไม่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย อาจด้วยเพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัดของบ้านเราดูแล้วไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่กับการติดตั้ง ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่องระบายอาศแล้ว ยังมีปะโยชน์อื่นๆ อีกด้วย มีอะไรบ้าง ไปดูกัน

  • ความสวยงาม

จะพูดว่าเป็นประโยชน์ก็พูดได้ไม่เป็นปาก แต่รูปลักษณ์เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยให้รถดูมีราคา ดูหรูหรามากขึ้น ซึ่งหลายยี่ห้อดังตอนนี้ก็มักจะติดตั้งไว้กับรถยนต์รุ่นท็อปๆ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของตัวรถ อีกทั้งยังทำให้รถดูมีเอกลักษณ์มากขึ้น ด้วยสีของหลังคาซันรูฟที่ยังตัดกับสีตัวถังรถ ช่วยให้ดูมีลูกเล่นมากขึ้น และสำหรับคนที่กำลังมองหารถที่มีดีไซน์หรูหราอยู่ การติดซันรูฟก็ช่วยได้ดีทีเดียว

ซันรูฟ

  • ชมดาว ดูบรรยากาศบนท้องฟ้า

ถ้าคุณชอบการท่องเที่ยวต่างจังหวัด หลังคาซันรูฟเป็นอะไรที่เหมาะมาก เพราะด้วยฟังก์ชั่นที่สามารถสร้างบรรยากาศโรแมนติกไปอีกแบบได้อย่างการดูดาว ดูบรรยากาศท้องฟ้าในเวลากลางคืน หรืออยากจะเปิดรับลมเย็น นั่งในรถแบบชิวๆ สบายๆ ซึ่งเหมาะมากกับช่วงฤดูนี้ด้วย เพราะอากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ

ซันรูฟ

  • ระบายอากาศ

เป็นอีกหนึ่งข้อดีที่ต้องยกให้ซันรูฟเลย เพราะการเปิดหลังคาจะช่วยระบายอากาศ หลังจากจอดรถทิ้งไว้กลางแดดได้ดี เพราะอากาศร้อนจะลอยตัวไปสะสมอยู่ใต้หลังคา การเปิดซันรูฟจึงเป็นการระบายความร้อนที่ได้ผลอย่างรวดร็วกว่าการเปิดกระจกด้านข้างนั่นเอง

นอกจากนั้น หลังคา sunroof ยังมีระบบแง้มเพื่อรับอากาศภายนอก โดยไม่ทำให้อากาศไหลเวียนภายในรถมากเหมือนกับการเปิดกระจกอีกด้วย

ซันรูฟ

  • เพิ่มความโปร่งของห้องโดยสาร

หลังคาซันรูฟช่วยให้ในรถดูสว่างขึ้น เพราะสามารถเปิดเฉพาะที่กันแดดเพื่อรับแสงแดดอ่อนๆยามเช้าได้ และยังช่วยประหยัดไฟในรถไปได้อีกทางด้วย

 

สุดท้ายฝากไว้นิดนึงว่า หลังคาซันรูฟอาจมีข้อเสียเมื่อใช้งานไปยาวๆ ไม่ว่าจะเป็นซีลกันน้ำที่อาจเสื่อมสภาพเมื่อใช้งานไปนานๆ หรือหากชุดกลไกเปิดหลังคาเกิดเสียขึ้นมา ก็กลายเป็นจุดซ่อมที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการดูแลเช่นกัน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : auto.sanook.com
เครดิตรูป : vw.com

รถพัง

ถ้าไม่อยากให้รถพังเร็ว อย่าทำ 5 พฤติกรรมเหล่านี้

สำหรับใครที่ซื้อรถยนต์ส่วนตัวแล้ว ก็คงอยากดูแลมันเป็นอย่างดี บางคนถึงขั้นตั้งชื่อรถของตัวเอง ประคบประหงมกันอย่างเต็มที่ ไม่ให้ฝุ่นเกาะไรจับ ยิ่งรถที่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรายิ่งต้องดูแลคูณสอง

แต่ถ้าคุณมีพฤติกรรมแย่ๆบางอย่าง อาจส่งผลต่อตัวรถ และอะไหล่รถของคุณได้ เราจึงคัดพฤติกรรมทั้ง 5 ที่คิดว่าเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อรถของคุณกัน ไปดูกันเลย

 

รถพัง

1. ออกตัวแรงขณะเครื่องเย็น

การดับรถจะทำให้เครื่องยนต์เริ่มปรับอุณภูมิจากร้อนเป็นเย็น แต่ถ้าคุณสตาร์ทรถขณะที่เครื่องยนต์ยังเย็น แล้วคุณรีบออกตัวด้วยความเร็ว เป็นพฤติกรรมที่ผิด เพราะมันส่งผลเสียให้กับรถของคุณ โดยเฉพาะระบบหล่อลื่น จะไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนอื่นๆภายในเครื่องยนต์ได้ทัน

ดังนั้น คุณควรสตาร์ทเครื่อง แล้วปล่อยทิ้งไว้เพื่อเป็นการวอร์มเครื่องยนต์เล็กน้อย หรือค่อยๆออกตัวไปแบบช้าๆ ไม่ต้องรีบร้อน จนระบบเริ่มเข้าที่เข้าทาง หรือประมาณ 5-10 นาที จึงค่อยเพิ่มความเร็วขึ้นจะดีกว่า

 

รถพัง

2. ไม่ชะลอความเร็วขณะข้ามเนิน ลูกระนาด หรือหลุม

หากคุณขับรถอเจอเนิน ลูกระนาด หรือ หลุม แล้วคุณไม่ได้แตะเบรก หรือลดความเร็ว บอกลาช่วงล่างรถคุณได้เลย ยิ่งถ้าเป็นรถเก๋ง หรือรถที่โหลดต่ำ ช่วงล่างคุณพวกโช้คอัพ ปีกนก บูชยาง ไหนจะเพลาขับอีก มันต้องมีหลวมมีสึกกันบ้าง หรือหนักๆเลยก็หลุดออกมา

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ช่วงล่างรถเราหลวม เราสึก เรามี วิธีตรวจเช็่คช่วงล่างได้ด้วยตัวเอง ดังนี้

  • ขั้นแรกเราต้องสังเกตด้วยตาของเราเสียก่อน ว่ามีส่วนไหนสึก ส่วนไหนหลวม
  • ขั้นที่สองเวลาเราขับรถยิ่งถ้าเป็นทางขุรขระ เราลองฟังเสียงรถ ถ้าได้ยินเสียง กุกกักๆ แสดงว่าช่วงล่างเราอาจมีปัญหา
  • ขั้นที่สามเช็คช่วงล่างรถเอง ด้วย วิธีการโยกล้อ ซึ่งคุณต้องมีอุปกรณ์อย่างแม่แรงเสียก่อน เพื่อเช็คลูกหมากปีกนกบนและล่าง เช็คลูกหมากปลายแร็ค เป็นต้น

รถพัง

3. เหยียบคันเร่งจนมิด

หลายคนที่มือหนักเท้าหน้าชอบเร่งเครื่อง เหยียบจนมิด พฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลไม่ดีกับสภาพรถยนต์ และอะไหล่รถยนต์อย่างแน่นอน เพราะการเร่งเครื่องมากๆ ถ้ามีกลิ่นไหม้แสดงว่า ผ้าคลัตช์ของคุณเริ่มมีความร้อนสูง ถึงแม้ผ้าคลัตช์จะสามารถรับความร้อนได้สูง แต่ถ้าถึงจุดที่ร้อนจัดๆ คุณคงอาจต้องเตรียมเงินซื้อคลัตช์ใหม่เลย

นอกเหนือจากผ้าคลัตช์แล้ว ยังทำให้อะไหล่ส่วนอื่นของรถเกิดการสึกหรอ อาจต้องเสียเงินเข้าอู่ ไปตรวจสภาพรถอีกด้วย

ผ้าคลัตช์จะทำหน้าที่ ตัดการส่งกำลังจากเครื่องยนต์สู่ชุดเกียร์ เมื่อคุณเหยียบคลัตช์ เพื่อให้ผู้ขับรถยนต์ทำการเปลี่ยนเกียร์ และจะเชื่อมต่อการส่งกำลังจากเครื่องยนต์สู่เกียร์นั่นเอง

 

รถพัง

4. น้ำท่วมแค่ไหน เราก็ลุย

ด้วยสภาพอากาศของเมืองไทยที่หาความแน่นอนไม่ได้ ยิ่งช่วงนี้มีข่าวน้ำท่วมในกรุงเทพฯ หรือตามต่างจังหวัดมากมาย ทำให้คุณต้องขับรถ แต่หากทางขน้ำท่วมสูงถึง 30 เซนติเมตร หรือมากกว่านั้น คุณไม่ควรเสี่ยงลุยน้ำ เลี่ยงได้ควรเลี่ยง  เพราะเครื่องยนต์ของคุณ จะดูดเอาน้ำที่ท่วมไปยังห้องเครื่อง น้ำเหล่านั้นจะสร้างความเสียหายให้กับรถได้

แต่ถ้ามีความจำเป็นและดูระดับน้ำแล้วน่าจะไหว คุณควรปิดแอร์ เพราะระบบแอร์จะเป็นตัวดูดน้ำเหล่านั้นเข้าเครื่องของคุณ และทำให้ระบบไฟฟ้าลัดวงจร  อีกทั้งควรรักษาความเร็ว ไม่ควรเร่งความเร็วเพราะน้ำจะทะลักเข้าเครื่องยนต์ได้ และถึงแม้ว่าคุณได้ขับผ่านพื้นที่น้ำท่วมไปแล้ว แต่คุณอย่าเพิ่งชะล่าใจ ควรตรวจเช็คสภาพรถของคุณในภายหลังด้วยรถพัง

5. ไฟสัญญาณขึ้นเตือนที่หน้าปัด แต่คุณนิ่งเฉย

ขับๆรถอยู่ ไฟที่หน้าปัดดันขึ้นแจ้งเตือน แต่หากคุณไม่สนใจยังฝืนขับต่อไปเรื่อยๆ ส่งผลไม่ดีอย่างแน่นอน เพราะสัญญาณหน้าปัดเป็นเหมือนการแจ้งเตือนแรกของความผิดปกติ ทั้งระบบเครื่องยนต์ ระบบความปลอดภัย

ฉะนั้น คุณควรชะลอรถ และจอดรถเพื่อเช็คระบบรถยนต์เสียก่อน ว่ามีส่วนไหนชำรุดหรือไม่ ต่อจากนั้นซ่อมขั้นพื้นฐานถ้าคุณทำได้ แต่ถ้าไฟสัญญาณหน้ารถคุณแจ้งเตือนสัญลักษณ์เป็นรูปเครื่องยนต์ คุณก็ควรนำรถคุณเข้าอู่เพื่อเช็คสภาพรถ อะไหล่รถ จะดีกว่า

ซึ่ง 5 พฤติกรรมดังกล่าว เป็นจุดเสี่ยงทำให้รถของคุณอาจพังได้ ดังนั้นคุณรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก่อนที่รถของคุณจะเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร

 

ขอบคุณข้อมูล : finance.rabbit.co.th

 

เกมแข่งรถ

 เกมรถแข่ง ที่คนรักรถควรมีไว้ติดเครื่อง

สำหรับคนที่ชื่นชอบในรถยนต์ การขับรถแข่งก็คงเป็นหนึ่งความฝันที่อยากจะลองทำสักครั้งในชีวิต แต่จะให้ไปขับในสนามแข่งรถจริงๆ มันคงน่ากลัว และถ้าขับไปขับมาแล้วเกิดอุบัติเหตุก็อาจจะไม่คุ้มเอาได้

ดังนั้น เกมแข่งรถก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้ฝันนั้นเป็นจริงได้ ทั้งขับรถรุ่นแพงๆ ที่จะเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้  ได้แต่งรถแบบที่อยากแต่ง และได้เดินทางไปแข่งขันทั่วโลก ความรู้สึกแบบนั้นก็คงจะฟินไม่น้อย วันนี้ Carro เลยอยากแนะนำ 5 เกมแข่งรถที่มันส์ที่สุดกัน เผื่อว่าใครอยากจะลองหามาขับเอามันส์กันบ้าง

เกมแข่งรถ

1. iRacing

ถ้าพูดถึงเกมที่มีความสมจริงในแง่ของการแข่งขันคงต้องยกให้กับ iRacing เพราะ ในเกมนี้ผู้เล่นจะต้องผ่านขั้นตอนการฝึกฝนต่างๆ รวมถึงการได้ใบขับขี่ก่อนที่จะสามารถลงสนามแข่งขันจริงได้ การแข่งขันในเกมเป็นการแข่งขันแบบออนไลน์กับผู้เล่นคนอื่น

โดยเกมนี้มีกฎการแข่งขันที่จริงจังมาก ถ้าเราขับชนบ่อยๆ หรือ ทำให้คู่แข่งชนบ่อยๆ อาจจะส่งผลต่อระดับในเกมของเราได้ เกมนี้มีราคาที่ค่อนข้างสูง และอาจจะไม่ได้เน้นการขับมันส์ๆเหมือน เกมอื่นแต่สำหรับใครที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักแข่งรถ เกมนี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะลองฝึกฝีมือก่อนไปลงสนามจริง

เกมแข่งรถ

2. Assetto Corsa

ใครที่เป็นแฟนรถแข่งอิตาลี ต้องไม่พลาดเกมรถแข่งสุดมันส์อย่าง Assetto Corsa ที่นอกจากกราฟฟิกจะสวยงามและมีความละเอียดสุดๆ แล้ว รถในเกมแต่ละคันก็ไม่ธรรมดา เพราะ เน้นรถหรู สเปคแรงล้วนๆ (ลิสรายชื่อรถและสนามแข่ง)

ซึ่งก็มีการเพิ่มโมเดลรถใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ แถมผู้เล่นยังสามารถปรับแต่งและสร้างรถของตัวเองขึ้นมาได้ด้วย เหมาะสำหรับคนที่ใฝ่ฝันอยากแต่งรถหรูๆ สักครั้งในชีวิต ถึงจะไม่ใช่เกมที่มีชื่อเสียงสักเท่าไหร่ แต่โหมดการเล่นก็ถือว่าง่ายและสมจริงมากๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบภาพสวยและรายละเอียดรถที่สมจริง

เกมแข่งรถ

3. Race Injection

ถึงแม้จะเป็นเกมที่ถูกปล่อยออกมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่ Race Injection ก็ยังคงเป็นเกมแข่งรถสุดมันส์ที่หลายๆ คนชอบอยู่ การแข่งขันในเกมนั้นเป็นการแข่งขันในแบบ World Touring Car Championship หมายความว่า ตัวเกมจะมีกฎการเล่นที่เหมือนกับการแข่งขัน World Tour จริงๆ อย่าง การห้ามแซงเมื่อเกิดการชนกันในสนาม เป็นต้น

ในเวอร์ชั่นปัจจุบัน ตัวเกมมีรถแข่งให้เลือกถึง 85 รุ่น และมีสนามแข่งขัน 40 สนามทั่วโลก ถึงแม้ตัวกราฟฟิกจะไม่หวือหวา แต่ก็เหมาะสำหรับคนที่ชอบเกมแบบคลาสสิกอยู่ไม่น้อย ซ้ำยังมีความเสมือนจริงในการเล่น ทำให้ผู้เล่นมีโอกาสสัมผัสการแข่งขันแบบจริงๆ ที่เป็นจุดเด่นของเกมที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย

เกมแข่งรถ

4. F1 2016

สำหรับใครที่มีความฝันอยากจะเป็นนักแข่งรถ Formula 1 ต้องไปโดนเกม F1 สักครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะเราจะได้เล่นและขับรถเสมือนเราเป็นนักแข่ง Formula 1 จริงๆ โดยผู้เล่นสามารถเลือกหน้าตา สัญชาติ เบอร์ของนักแข่งได้เลย

นอกจากนั้นยังสามารถเลือกทีมหรือสังกัดที่อยากจะเข้าร่วมได้อีกด้วย ส่วนเรื่องการแข่งไม่ต้องห่วงเลย เพรา ถอดแบบมาจากการแข่งขันจริงเป๊ะๆ ทั้งเรื่องของ Safety Car วิ่งนำเพื่อวอร์มยาง ไปจนถึงการเข้า Pit Stop ที่ผู้เล่นต้องวางแผนการแข่งให้ดีๆ เพื่อจะคว้าตำแหน่งแชมป์มาครองให้ได้

เกมแข่งรถ

5. Driver: San Francisco

ถ้าใครเคยเล่น GTA ก็คงจะถูกใจ  Driver: San Francisco อยู่ไม่น้อย เพราะเกมแข่งรถ Driver: San Francisco มีรูปแบบการเล่นที่คล้ายๆกัน โดยเราจะได้สวมบทบาทเป็น John Tanner ผู้มีพลังเหนือมนุษย์ สามารถสิงร่างใครเมื่อไหร่ก็ได้ โดยเราจะต้องสิงร่างคนขับรถที่มีทั้ง คนแก่ ตำรวจ ป้าข้างบ้าน และอื่นๆ อีกมากมาย โดยต้องทำภารกิจต่างๆจนจบเกม

เราสามารถเลือกที่จะสิงใคร ใช้รถคันไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ถึงแม้อาจจะไม่ใช่เกมแข่งรถแบบเต็มตัว แต่การขับรถในเกมก็ถือว่ามันส์ใช่ย่อย เพรา จะมีภารกิจเสี่ยงตายมาให้เราขับหนีตลอดเวลา เหมาะสำหรับคนที่ชอบเกมแบบมีสตอรี่และยังอยากที่จะขับรถไปด้วย (น่าลองจริงๆ)

 

 

เครดิต : finance.rabbit.co.th

 

รายได้เสริม

รวมอาชีพเสริมที่สร้างรายได้
ให้กับคุณในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีจะหันหน้าไปพึ่งใครก็ไม่ได้ เพราะทุกคนก็ต่างมีภาระที่หนักและแตกต่างกันออกไป ก็คงจะแค่มีตัวเราเองที่จะต้องช่วยเหลือตัวเอง ดังสุภาษิตที่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ว่าแต่จะมีทางไหนที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับตัวเราบ้าง หลายคนก็คงมองหาอาชีพเสริมทำเพิ่มจากงานประจำ ซึ่งอาชีพที่เราจะมาแนะนำต่อไปนี้รับรองได้ว่าจะทำให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้นได้แน่ ๆ ส่วนจะเป็นอะไรนั้นเราลองไปดูกันเลยดีกว่า

รายได้เสริม

1. รับหิ้วสินค้า

ในปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่า การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ได้เปลี่ยนไปแล้ว จากเมื่อก่อนอยากได้อะไรก็ต้องออกมาเดินซื้อเอง มีงาน Sale ที่ไหนก็ต้องไปเอง แต่ตอนนี้แทบไม่ต้องออกมาเดินซื้อเองแล้ว แค่สั่งคนรับหิ้วที่อยู่หน้างาน จ่ายเงิน ของก็มาส่งถึงที่บ้าน ไม่ต้องไปต่อแถวเพื่อซื้อ ไม่เสียเวลาถ้าไปแล้วของหมด ถ้าคุณอยากหาอาชีพเสริม หน้าที่ตรงนี้ก็เป็นทางเลือกได้

 

รายได้เสริม

2. ทำของแฮนด์เมดออกขาย

ถ้าคุณมีฝีมือในการประดิษฐ์สิ่งของทำมือ เช่น กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ หรือแม้แต่อาหาร (คลีน) ลองใช้ฝีมือและศักยภาพที่คุณมีอยู่ในการทำสิ่งของเหล่านี้ขึ้นมา คุณเชื่อไหมว่าผู้คนให้ความสำคัญกับสิ่งของทำมือมาก เพราะมันใช้ทั้งความคิดสร้างสรรค์ ใช้ทั้งความอดทน ใช้ทั้งทักษะทางด้านศิลปะ สินค้าเหล่านี้จึงมีราคาสูง นี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะทำให้คุณมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นแล้วล่ะ

 

รายได้เสริม

3. ขายเสื้อผ้ามือสอง

ลองมองดูเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้ว แต่ยังมีสภาพดีที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าสิว่า สามารถจับมันมาซักทำความสะอาดแล้วเอาไปขายได้หรือไม่ ซึ่งนอกจากจะได้เวลาโละของเก่าเก็บแล้ว ยังเป็นการต่อทุนเพื่อนำเงินไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่หรือนำไปใช้จ่ายอื่น ๆ ได้อีก

 

รายได้เสริม

4. ปลูกผักคอนโดขาย

การปลูกผักคอนโดกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากว่าใช้พื้นที่น้อยและสามารถทำง่าย ๆ ได้ที่บ้านหรือที่คอนโด โดยสามารถยึดเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้หลังจากงานประจำก็ได้ ยิ่งถ้าสามารถปลูกผักที่คนทั่วไปไม่ปลูก และเป็นที่ต้องการของตลาดได้ เราก็จะได้เปรียบในเรื่องของการตั้งราคา แต่เชื่อเถอะว่าอย่างน้อยนอกจากจะเป็นการใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์จากการปลูกผักเพื่อขายแล้ว เรายังสามารถเก็บผักของเราเพื่อมาบริโภคเองก็ได้ ซึ่งเป็นการประหยัดค่าครองชีพอีกทาง

 

รายได้เสริม

5. มาเป็นพาทเนอร์ร่วมกับ Carro

ถ้าคุณชื่นชอบในรถยนต์ งานนี้เป็นงานที่อยากจะแนะนำที่สุดเลย เพราะไม่ต้องลงทุนอะไร แค่ใช้เวลาว่างของคุณให้มีประโยชน์ โดยใช้เวลาว่างตรงนั้นมาช่วยเราขายรถ และถ้าคุณขายได้รับเงินค่าแนะนำทันที 5,000 บาทคัน (แต่หากภายใน 1 เดือน คุณสามารถขายได้ถึง 5 คัน ทาง Carro มีโบนัสพิเศษให้*)

และถ้าขยันขายเรื่อยๆ ทำให้สามารถขายรถได้ถึง 10 คัน รับไปเลย 50,000 บาท ซึ่งคุณสามารถทำได้ไม่จำกัดจำนวนต่อเดือน เป็นอีกวีธีหารายได้เสริมที่คุ้มค่าต่อการทำเลยทีเดียว สมัครได้ที่ลิงค์นี้เลย

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
โทร : 096-463-3298
Email : [email protected]
Facebook : carrothailand
Line : carrothailand

 

 

Source : money.kapook.com

ที่เที่ยว-อีสาน

ที่เที่ยวหน้าหนาวยอดนิยมภาคอีสาน
ที่คุณไม่ควรพลาด !

วันเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวเดียวก็เข้าสู่เดือนพฤศจิกายนแล้ว ทำให้รับรู้ถึงอากาศที่เริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าหลายคนคงเกิดอาการอยากพักผ่อนกัน ถ้ากำลังมองหาแหล่งที่เที่ยวช่วงหน้าหนาว ที่มีบรรยากาศดี ธรรมชาติๆ อากาศเย็นสดชื่น คงคิดถึงแต่ที่เที่ยวภาคเหนือกันอย่างเชียงใหม่ เชียงราย แต่ใครจะรู้ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานของประเทศไทยเรา ก็มีแหล่งที่เที่ยวช่วงหน้าหนาวทางธรรมชาติหลากหลายแบบเช่นกัน

วันนี้ คาร์โร จึงอยากเชิญชวนลองไปเที่ยวสัมผัสภาคอีสานสักครั้ง คุณอาจติดใจไม่มีวันลืม กับ 5 สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแถบภาคอีสาน ไปชมภาพกันว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจกันบ้าง ไปดูกันเลย ..

 

รวมที่เที่ยว อีสาน-01ขอบคุณภาพจาก sites.google.com/site/21sirirat/

ผาชะนะได จังหวัดอุบลราชธานี

ผาชะนะได เป็นหน้าผาที่มีความสูงชันมาก และเป็นจุดที่เที่ยวที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนจุดอื่นๆในประเทศไทย ซึ่งมองเห็นทิวทัศน์แม่น้ำโขงอยู่เบื้องล่าง รวมถึงเทือกเขาแดนลาวที่สลับซับซ้อนในหน้าหนาว ยังมีความงามของทะเลหมอกเหนือลำน้ำโขงให้ชม แต่เมื่อขึ้นไปบนผาชนะ ก็จะพบกับ ป่าดงนาทาม อีกจุดที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการการเดินศึกษาธรรมชาติ นอกจากพืชพรรณและดอกไม้ป่าแล้วยังมีน้ำตก ขนาดเล็กและขนาดกลางอยู่หลายแห่งซึ่งจะมีน้ำมากช่วงเดือนกันยายน – ธันวาคม

 

รวมที่เที่ยว อีสาน-02

ขอบคุณภาพจาก pantip.com/topic/30944077

ภูป่าเปาะ จังหวัดเลย

หากใครที่ชื่นชอบแนวเมฆลอยหมอกลงที่จะมีให้เห็นในหน้าหนาว และหลงใหลการชมวิวจากบนผาสูงแนะนำที่นี้เลย เพราะที่ภูป่าเปาะมีจุดชมวิวทั้งหมดถึง 3 จุด ซึ่งแต่ละจุดจะห่างกันเพียง 200 เมตร  และลดหลั่นตามความสูง ไฮไลต์ในจุดแรกคือ สามารถมองเห็นภูหอซึ่งมีลักษณะเป็นภูเขาสูง เป็นภูเขายอดตัด หรือภูเขายอดราบโดยเฉพาะช่วงที่มีทะเลหมอกปกคลุม คล้าย ภูเขาไฟฟูจิยามาในประเทศญี่ปุ่น ตรงจุดนี้มีระเบียงยื่นออกไป สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้มายืนชมวิวขอภูหอได้อย่างใกล้ชิด ส่วนจุดที่สองก็จะเห็นวิวของภูหอในอีกมุมแบบกว้างไกลที่แตกต่างจากจุดแรก จุดนี้มีระเบียงชมวิวเช่นกัน  ส่วนจุดสุดท้ายต้องเดินเท้าขึ้นเขาไปอีกประมาณ 200 เมตร เป็นจุดสูงสุดสามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา แต่อาจจะมีต้นไม้และตกหญ้าบังสายตาบ้าง จุดสูงสุดสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ได้ที่จุดเดียวกัน 

 

รวมที่เที่ยว อีสาน-03

ขอบคุณภาพจาก thechromashift.com

ทะเลบัวแดง จังหวัดอุดรธานี

อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่มีความงดงามด้วยดอกบัวแดงบานเต็มท้องน้ำไกลสุดตา ความอลังการของอาณาจักรบัวที่ใครไปต้องขอกลับไปอีกครั้ง ณ ทะเลบัวแดง จ. อุดรธานี อยู่ในบึงน้ำจืด บึงหนองหาน แหล่งน้ำธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ปลา พันธุ์นก และพืชน้ำจำนวนมาก โดยดอกบัวแดง บานเต็มท้องน้ำหนองหานสุดลูกหูลูกตางดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จึงเป็นที่มาของคำว่า ทะเลบัวแดง แนะนำให้ไปในช่วงหน้าหนาวตั้งแต่กลางเดือนธ.ค.- ก.พ. ของทุกปี แต่ช่วงปีหลังดอกบัวจะแน่นสวยสุดในช่วงปลายเดือน ธ.ค. และจะค่อยน้อยลงไปเรื่อยๆ

 

รวมที่เที่ยว อีสาน-04

ขอบคุณภาพจาก sites.google.com/a/knc.ac.th/mic-bell/home/phakh-tawan-xxk-cheiyng-e/buriramy

ปราสาทหินพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์

3 สถานที่แรกที่ได้แนะนำเป็นที่ท่องเที่ยวแหล่งธรรมชาติทั้งนั้นเลย ลองเปลี่ยนมาเที่ยวสถานที่เชิงประวัติศาสตร์กันบ้าง อย่างอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง หรือปราสาทหินพนมรุ้ง ที่เชื่อว่าหลายคนรู้จักดี ซึ่งเป็นหนึ่งในปราสาทหินขอมของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงมาก สร้างขึ้นโดยมีรูปแบบของศิลปะเขมรโบราณที่มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ความงดงามและความยิ่งใหญ่ของปราสาทแห่งนี้ปรากฏให้เห็นได้ในรูปของงานสถาปัตยกรรม การจำหลักลวดลายการเลือกทำเลที่ตั้งบนยอดเขามีแผนผังตามแนวแกนที่มีองค์ประกอบของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เป็นสถานที่เที่ยวที่ถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์เลย ถ้าใครมาถึงบุรีรัมย์แล้วไม่ได้ไปปราสาทหินพนมรุ้ง ถือว่าผิด !

 

รวมที่เที่ยว อีสาน-05

ขอบคุณภาพจาก http://www.chillpainai.com/scoop/6925/

วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

อำเภอวังน้ำเขียว ที่เที่ยวยอดฮิตใกล้กรุงเทพฯ ด้วยบรรยากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี  และไฮไลต์ของการมาเที่ยววังน้ำเขียวนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว คือการได้มานอนเล่นชมวิวในที่พักก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนที่ได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง ที่นี่มีที่พักให้เลือกมากมาย  เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีโอโซนอันดับ 7 ของโลก เพียงไม่ถึง 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพ คุณจะได้พบกับอากาศบริสุทธิ์ วิวทิวเขาและธรรมชาติ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แค่หาเวลาท่องเที่ยวพักผ่อนก็สามารถกระตุ้นให้ร่างกายมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้

 

ขอบคุณภาพ : travelblog.expedia.co.th
อ้างอิงเนื้อหา : paiduaykan.com/travel

รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก-2017

สุดยอดรถยนต์หรู จากค่ายชื่อดังระดับโลก

ความก้าวล้ำทางนวัตกรรมยานยนต์ในยุคปัจจุบันไปไกลกว่าที่เราจะคาดคิดได้ ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะเครื่องยนต์ทรงพลัง รูปลักษณ์ที่โดดเด่นโฉบเฉี่ยว เทคโนโลยีที่ทันสมัย บวกกับความหรูหราของวัสดุประกอบ รวมทั้งความปลอดภัยอย่างสูงสุด ทำให้ค่ายรถยนต์ชื่อดังระดับโลกต่างก็ต้องคิดค้น และผลิตรถยนต์ที่ดีที่สุด ออกมาเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า วันนี้ Carro จึงจะพาคุณไปพบกับรถยนต์สุดหรูที่แรงและเร็วสมเป็น 9 อันดับรถยนต์ที่มีราคาที่แพงที่สุดในโลก

 

ferrari-pininfarina-sergio

อันดับ 9 Ferrari Pininfarina Sergio

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,000,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 105 ล้านบาท

Pininfarina Sergio จากประเทศอิตาลี เป็นรถรุ่นพิเศษที่ทางเฟอรร์รารี่ผลิตขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ เซอร์จิโอ พินินฟาริน่า (นักออกแบบของเฟอรร์รารี่ผู้ล่วงลับไปแล้ว) โดยรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4,500 ซีซี. ให้พละกำลัง 605 แรงม้า ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 3 วินาที เป็นแบบ 2 ประตู 2 ที่นั่ง เน้นดีไซต์แนวสปอร์ต โฉบเฉี่ยว และที่สำคัญ รุ่นนี้ผลิตมาแค่ 6 คันเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดได้ถูกจองและจำหน่ายหมดตั้งแต่วันเปิดตัวอีกด้วย

 

bugatti-veyron-by-mansory-vivere

อันดับ 8 Bugatti Veyron by Mansory Vivere

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,400,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 119 ล้านบาท

รถยนต์รุ่นนี้จากประเทศฝรั่งเศษ ตัวรถมีความพิเศษคือ ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานกว่าเหล็กถึง 5 เท่า และมีน้ำหนักเบากว่ามาก มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 16 สูบ 8,000 ซีซี. และมีพละกำลังถึง 1,200 แรงม้า ทำให้สามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 434 กม./ชม. แต่เพื่อความปลอดภัยจึงถูกจำกัดไว้ที่ 415 กม./ชม.

 

lykan-hypersport

อันดับ 7 Lykan HyperSport

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,400,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 119 ล้านบาท

ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท W Motor ประเทศเลบานอน ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นแรกและรุ่นเดียวในบริษัท ที่มีการผลิตเพียงแค่ 7 คันเท่านั้น ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังโดดเด่นในเรื่องของเครื่องยนต์ ทวินเทอร์โบ 6 สูบ ขนาด 3.7 ลิตร สามารถให้กำลังอยู่ที่ 522 กิโลวัตต์ และทำความเร็วสูงสุดที่ 385 กม./ชม. นอกจากนี้เจ้ารถคันนี้ยังเคยอยู่ในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Fast and Furious 7 ในฉากที่รถพุ่งข้ามตึก และอยู่บนสมาร์โฟนในรูปแบบของเกมส์ เช่น Asphalt 8: Airborne , GT Racing 2 อีกด้วย

 

mclaren-p1-lm

อันดับ 6 McLaren P1 LM

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,700,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 130 ล้านบาท   

McLaren P1 LM รถยนต์จากค่าย McLaren Automotive สัญชาติอังกฤษ ได้นำรถรุ่น McLaren P1 GTR มาปรับแต่งใหม่ โดยได้เจ้าแห่งการโมดิฟายรถแข่งชื่อดังอย่าง Lanzante มาดีไซน์ให้พิเศษกว่าเดิม โดยเปลี่ยนหลังคาเป็นคาร์บอนไฟเบอร์, ท่อไอเสียเป็นไทเทเนียมทั้งเส้น, อัพเกรดแอโรพาร์ท เพื่อสร้างแรงกดเพิ่มเติม ทำให้ P1 LM มีแรงกดมากกว่าเดิมถึง 40% นอกจากนี้ยังใช้เครื่องยนต์ทวินเทอร์ดบ 3.8 ลิตร V8+McLaren electric ECU moto ปลั๊กอินไฮบริคสมรรถนะสูง เครื่องยนตร์กลางลำท้าย ขับเครื่อง 2 ล้อหลัง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียงแค่ 2.8 วินาที

 

ferrari-laferrari-aperta

อันดับ 5 Ferrari Laferrari Aperta

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,800,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 133 ล้านบาท

ซุปเปอร์คาร์ไฮบริคที่แรงที่สุดในโลก และเปิดประทุนได้คันแรกของโลกจากค่าย Ferrari ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ระบบไฮบริค ขุมพละ V12 พละกำลัง 800 แรงม้า ซึ่งทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 163 แรงม้า ทำให้มีพลังกำลังรวมถึง 963 แรงม้า แรงบิดมากกว่า 900 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ 349 กม./ชม. และในปี 2017 ได้ผลิตรุ่นนี้ 150 คันทั่วโลก ซึ่งทั้งหมดได้ถูกจองหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

aston-martin-am-rb-001

อันดับ 4 Aston Martin AM-RM 001

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,900,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 137 ล้านบาท

ไฮเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษ ที่เป็นการร่วมมือระหว่าง Aston Martin และทีมแข่ง F1 ของ Red Bull เพื่อสร้างรถที่โดดเด่นในเรื่องของน้ำหนักเบา และมีประสิทธิภาพสูงทั้งบนถนนและสนามแข่ง ซึ่งข้อมูลทางเทคนิคเบื้องต้นระบุว่า ใช้เครื่องยนต์ใหม่แบบ V12 สูบ 7.0 ลิตร 820 แรงม้า ปราศจากระบบอีดอากาศวางกลางลำ โดยจะมีพละกำลังเท่ากับน้ำหนักตัวรถเพื่อให้ได้อัตราส่วน แรงม้า/น้ำหนัก เท่า 1:1 และทางผู้ผลิตมีแผนวางจำหน่ายในรุ่นมาตราฐาน 99-150 คัน ส่วนในรุ่นพิเศษนั้นจะผลิตเพียง 25 คันเท่านั้น

 

lamborghini-veneno-roadster

อันดับ 3 Lamborghini Veneno Rosdster

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4,500,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 160 ล้านบาท

รถยนต์คันนี้มาจากประเทศอิตาลี ซึ่งความโดดเด่นอยู่ที่ Veneno Rosdster ที่แตกต่างกว่าจากคันอื่น โดยมีห้องคนขับเสมือนห้องนักบินที่เปิดโล่ง ให้ความรู้สึกสนุกและเร้าใจในการขับ อีกทั้งโครงสร้างของรถได้ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่ให้ความแข็งแรง ออกแบบตามหลักแอร์โรไดนิก เพื่อให้เกิดการต้านลมน้อยที่สุด ซึ่งภายในใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร 750 แรงม้า ระบบเกียร์แบบ ISR gearbox 7 สปีด ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 355 กม./ชม. เลยที่เดียว

 

koenigsegg-ccxr-trevita

อันดับ 2 Koenigsegg CCXR Trevita

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4,800,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 170 ล้านบาท

“Trevita” ภาษาสเปนแปลว่า “Three whites” ซึ่งหมายถึงจำนวนที่ผลิต คือ 3 คันเท่านั้น โดยได้ใช้เครื่องยนต์ 4.8 ลิตร Twin supercharged DOHCV8 ซึ่งมีพละกำลังที่ 1,018 แรงม้า อีกทั้งเป็นซุปเปอร์คาร์ที่ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย สามารถเติมเชื้อเพลิง E85 และ E100 ได้ สำหรับความเร็วสูงสุดที่ทำได้มากกว่า 400 กม./ชม. อัตราการเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และ 1ใน3คันได้ครอบครองด้วยนักชกคนดังอย่าง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์

 

mercedes-benz-maybach-exelero

อันดับ 1 Mercedes-Benz Maybach Exelero

ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 8,000,000 ดาลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 280 ล้านบาท

รถยนต์แบรนด์หรูที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Mercedes-Benz ประเทศเยอรมัน ได้มีโครงการพัฒนาที่ค่ายเอ็มเอ็ม โดยร่วมมือกับ Fulda Reifenwerke เพื่อแสดงถึงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ที่มาพร้อมกัยเรื่องยนต์ตัวแรงอย่าง V12 มีความจุกระบอกสูบ 5,908 ซีซี และขับเคลื่อนด้วยเทอร์โบคู่ ทำให้มีพละกำลังถึง 700 แรงม้า และจากการทดสอบเอ็กเซอเลโรแล้ว สามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 351.45 กม./ชม. แต่ยังไม่มีโครงการจะจำหน่ายในเร็วๆนี้ ที่ผลิตออกมาเพื่อจัดแสดงโชว์สินค้าให้กับฟัลดา ที่เทโปโดรม เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอร์มัน เท่านั้น

 

เครดิต : carvariety.com

 

 

ท่าออกำลังกาย ขณะรถติด

มาออกกำลังกายกันเถอะ ด้วย 7 ท่าที่ทำได้แม้รถติด

ขณะที่คุณกำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ในรถที่ติดนานๆ ทำได้แค่มองโน้นนี้นั้นไปเรื่อยๆ และหาอะไรทำเรื่อยเปื่อย รถก็ยังติดอยู่ที่เดิม ลองหันมาออกกำลังกายเบาๆ ภายในรถยนต์ของคุณดูสิ ด้วยท่าง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ อีกทั้งยังทำให้คุณเกิดความเพลิดเพลิน และช่วยให้กล้ามเนื้อ Fit & Firm ขึ้นอีกด้วย คุณจะได้ไม่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

 

1.ท่าออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อขา

ยกขาซ้ายขึ้นจากพื้นและจากเก้าอี้ ในลักษณะที่เข่างอเล็กน้อย ยกค้างไว้ นับ 1-8 แล้ววางขาลงช้าๆ ถ้ารถยังไม่เขยื้อน ทำขาขวาต่อเลย ทำแบบนี้สลับไปมาสัก 4-5 รอบ ( มากกว่านี้ก็ได้ )

 

2.ท่าออกกำลังกายบริหารหน้าท้อง

ผ่อน หรือ คลายลมหายใจออก ช้าๆเต็มที่ ท้องแฟบเกร็งหน้าท้อง นับในใจ 1-8 แล้วสูดลมหายใจเข้าสึกๆ ช้าๆ นะ อย่ารีบ ท้องป่อง เกร็งหน้าท้องนับในใจ 1-8 แล้วคลายลมหายใจออกอีก ทำสลับกัน 4-5 รอบ ( มากกว่านี้ก็ได้ )

 

3.ท่าออกกำลังกายบริหารแขนและหน้าอก

วางมือทั้งสองข้างบนพวงมาลัยรถ วางมือซ้ายที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา และมือขวาที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา เหยียดแขนทั้งสองข้างให้ตึง แล้วออกแรงผลักพวงมาลัยไปข้างหน้าช้าๆ ( ถ้ารถเคลื่อนให้ดึงเบรกมือไว้ชั่วคราว ) แล้หยุดนับ 1-8 แล้วเปลี่ยนทิศทางการออกแรง เป็นดึงพวงมาลัยเข้ามาหาตัวทำคล้ายๆกับเบรกรถจนตัวโก่งนั้นล่ะ แล้วหยุด นับ 1-8 ทำแบบนี้กลับไปกลับมา 4-5 รอบ ( มากกว่านี้ก็ได้ )

 

4.ท่าออกกำลังกายบริหารข้อศอก

ตั้งข้อศอกซ้ายทำมุม 90 องศากับลำตัว กำหมัดให้หมัดของคุณอยู่บริเวณแถวสะดือ ดันข้อศอกซ้ายเข้ากับพนักเก้าอี้ข้างๆนับ 1-8 แล้วสลับทำแบบเดียวกันกับข้อศอกขวา แต่ให้ดันข้อศอกขวาเข้ากับประตู ( อย่าลืมล็อคประตูรถก่อนนะ ) ทำแบบนี้กลับไปกลับมา 4-5 รอบ ( มากกว่านี้ก็ได้ )

 

5.ท่าออกกำลังกายบริหารสะโพก

ใช้มือทั้งสองข้างจับเนื้อสะโพก ( ถ้าทำมากๆได้ก็ให้ทำลงไปถึงแก้มก้นได้เลย ) บีบให้แน่น แน่นอนก้นของท่านจะทับมือ นับ 1-8 แล้วคลาย ( ทำเหมือนกับนวดกล้ามเนื้ออื่นๆ ) ทำซ้ำ 4-5 รอบ ( มากกว่านี้ก็ได้ )

 

6.ท่าออกกำลังกายบริหารหัวไหล่

ยกไหล่ขึ้นให้สูงที่สุด สูงจนรู้สึกคอหดเลยแล้วยกค้างไว้ 1-8 แล้วหมุนหัวไหล่ โดยหมุนไปด้านหลังก่อน แล้วหมุนควงหัวไหล่กลับมาด้านหน้า หมุนควงหัวไหล่ไปด้านหลัง แล้วหมุนควงหัวไหล่ไปด้านหน้า ถ้าทำผิดทางก็ไม่เป็นไร ทำอันไหนก่อนหลังก็มีค่าเท่ากันลดไหล่ลงตามปกติ แล้วก็ยกไหล่ขึ้นทำแบบเดิมซ้ำอีก ทำ 4-5 รอบ ( มากกว่านี้ก็ได้ )

 

7.ท่าออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อหน้า

ท่านี้ต้องอาศัยความสามารถทางการแสดงเล็กน้อย โดยให้คุณทำหน้าทำตาแสดงอารมณ์ต่างๆ เช่น ตกใจ,เสียใจ,ดีใจ,และโกรธ ทำแต่ละท่าแล้วค้างไว้นับ 1-8 แล้วเริ่มแสดงหน้าตาท่าใหม่หมุนเวียนกันไป เพื่อบริหารกล้ามเนื้อแต่ละส่วนบนใบหน้า ( แต่ระวังอย่าไปทำใกล้ๆกระจก เดี๋ยวรถข้างๆเขาจะเข้าใจผิด )

 

หมายเหตุ : การออกกำลังกายในรถ จะเลือกทำท่าไหนก่อนก็ได้ แต่ควรพยายามทำสับเปลี่ยนหมุนเวียนให้ครบทุกท่านะจ๊ะ !

 

Source :
วารสารโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน
siamca.com

สร้างรายได้

รถยนต์คันคู่ใจของคุณ
สามารถสร้างรายได้ ด้วยวิธีเหล่านี้ !!

ความคิดของคนส่วนใหญ่ ก่อนที่จะซื้อรถยนต์คันแรก คงคิดแค่ว่าตอนซื้อมาแล้ว เวลาจะออกไปไหน มาไหนได้สะดวก หรือเอาไว้ใช้เดินทางไปทำงานในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่จะว่าไปแล้ว รถยนต์ส่วนตัวก็เป็นอะไร ที่ค่อนข้างใช้กำลังทรัพย์อยู่พอสมควรเลย เพราะนอกจากจะค่างวดที่ต้องผ่อนแล้ว ยังมีค่าซ่อมแซม ค่าน้ำมัน ค่า พ.ร.บ. และอื่นๆ อีกมากมาย


ซึ่งมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา บางครั้งก็มีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้เงินเยอะอยู่เหมือนกัน ทำให้รายจ่ายมากกว่ารายรับ แต่อย่าพึ่งเครียดหรือกังวลมากไป วันนี้ เราจะบอกคุณว่ามีวิธีสร้างเงินจากรถยนต์คันคู่ใจของคุณ  บางทีเผลอๆ อาจมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย !!

 

Uber

1. Uber

เรียกได้ว่าเป็นช่องทางโดยสารที่กำลังได้รับความนิยม เพราะง่ายกว่าการเรียกแท็กซี่ที่บางทีไม่ใช่แค่หายาก แต่โบกแล้วดันไม่ไปก็มี ตัดปัญหาด้วยการเรียก Uber ซะเลย สำหรับท่านที่มีรถยนต์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว และอยากหารายได้เพิ่มเติม Uber ก็เป็นอีกช่องทางที่ดีทีเดียว

โดยการสมัคร Uber ก็ง่ายๆ คุณสามารถลงทะเบียนได้ทั้งทางเว็บไซต์ออนไลน์ ( www.uber.com ) สมัครผ่านแอพพลิเคชัน ตามงานที่ Uber ไปจัดกิจกรรมเปิดระบบพาร์ทเนอร์ หรือลงทะเบียนผ่านแอพ LINE

จากนั้นก็แค่รอการติดต่อจาก Uber เข้ารับการอบรม และเพิ่มข้อมูลบัญชีธนาคารในระบบ เพียงแค่นี้คุณก็พร้อมที่จะออกไปเริ่มขับหารายได้เข้าตัวแล้ว ซึ่งในประเทศไทย Uber มีเงื่อนไขสำหรับตัวผู้ขับดังนี้

  • มีอายุ 21 ปีขึ้นไป
  • มีใบอนุญาตให้ขับรถในประเทศไทยได้
  • ได้เข้าอบรมเพื่อเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมขับ

 

Grab

2. Grab

เป็นอีกหนึ่งช่องทางโดยสารที่เรียกรถผ่านแอพพลิเคชัน Grab หรือผ่านไลน์ได้โดยตรง ซึ่งเงื่อนไขการสมัครขับรถกับ Grab ง่ายๆ เพียงกรอกประวัติผ่าน www.grab.com บวกกับมีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นระบบ Android หรือ iOS ได้ทุกชนิด และรถยนต์ ( ถ้ามีข้อสงสัยว่ารถยนต์ของคุณสามารถขับแกร็บคาร์ได้หรือไม่ เช็คได้ที่ GrabCar ) ซึ่งทาง Grab เองไม่กำหนดจำนวนชั่วโมงขั้นต่ำอีกด้วย จะขับเมื่อไรก็ได้

 

ติดสติ๊กเกอร์

3. แปะโฆษณาบนรถยนต์

วิธีนี้ที่ประเทศอเมริกาเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะเป็นอีกหนึ่งวิธีสร้างเงินง่ายๆ ด้วยรถยนต์คันคู่ใจของคุณ ด้วยการติดสติ๊กเกอร์เป็นโฆษณาตามตัวรถ ซึ่งวิธีแบบนี้คุณน่าจะเคยเห็นรถเมล์ หรือรถแท็กซี่ที่ทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่รถยนต์ส่วนตัวของเราเองก็สามารถทำได้เหมือนกันนะ แถมยังง่าย ไม่ต้องลงทุน แค่ขับไปไหนมาไหนบ่อยๆ ก็คุ้มแล้ว สำหรับใครที่สนใจ ติดต่อลงทะเบียนตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2560 ได้ที่ Carro thailand หรือเบอร์ติดต่อ 096-463-3298

 

 

รับ-ส่ง-ของ

 

4. รับส่งของ

เชื่อหรือไม่ว่างานรับส่งของโดยใช้รถยนต์ของตัวเราเองถ้าขยันๆ บางเดือนอาจได้เงินสูงถึง 30,000 – 40,000 บาท ต่อเดือนเลยทีเดียว เยอะกว่าพนักงานตามบริษัททั่วๆ ไปเสียอีก โดยการรับส่งของมีหลายแบบ เช่น รับส่งของให้ห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้า ส่งผัก ปลา ผลไม้ ส่งอาหาร แต่บางทีส่งเครื่องซักผ้าก็มี

ซึ่งในกรณีหลังอาจจะต้องมีความรู้ในด้านการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ซักหน่อย โดยมีข้อดีที่ไม่ค่อยต้องรับคำสั่งจากใครมากนัก เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเป็นอิสระ เรียกได้ว่าเป็นอีกวิธีการสร้างเงินจากรถที่น่าสนใจ และน่าสนุกทีเดียว

 

 

Source : rabbit.co.th