BMW-X3

เจนเนอเรชั่นที่สาม ของ “BMW X3” ใหม่ ดูโดดเด่น สง่างาม ยิ่งขึ้น

The-All-new-BMW-X3

BMW X3 xDrive20d xLine ใหม่ คือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของความทุ่มเทนี้ ด้วยความโดดเด่น การออกแบบที่ปราดเปรียว ระบบการขับขี่อันทรงพลังที่ยังคงประสิทธิภาพอย่างเหนือชั้น และความหรูหราในทุกแง่มุมของตัวรถ BMW X3 xDrive20d xLine ใหม่ จึงพร้อมพุ่งทะยานสู่ท้องถนนและสานต่ออีกหนึ่งบทความแห่งสำเร็จจากรถยนต์ BMW X3

The-All-new-BMW-X3

สุดยอดขุมพลังนวัตกรรมแห่งความสปอร์ต

The-All-new-BMW-X3

บีเอ็มดับเบิลยู X3 รุ่นที่สาม ผสานรูปลักษณ์แข็งแกร่งแบบออฟโรด เข้ากับความสปอร์ต สัดส่วนอันคุ้นตาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ออกแบบเพื่อรองรับการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ระหว่างเพลาหน้าและหลังอย่างสมบูรณ์แบบ ความปราดเปรียวอันทรงพลังของรถยนต์

The-All-new-BMW-X3

BMW X3 xDrive20d xLine ใหม่ ถูกเสริมให้ดุดันยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าไตคู่แบบหนา และไฟตัดหมอกแบบหกเหลี่ยม ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูตระกูล X

The-All-new-BMW-X3

ชุดแต่ง BMW Individual และ xLine ของ BMW X3 xDrive20d xLine ใหม่ มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วลาย Y-spoke ภายในรถเฉียบคม สมบูรณ์แบบ และวัสดุคุณภาพเยี่ยม ดูคลาสสิคหรูหรากว่ารถรุ่นก่อนหน้า และสะดวกสบายขึ้นอีกขั้น กับอุปกรณ์เสริมใหม่ล่าสุดด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน ชุดไฟเพิ่มบรรยากาศในห้องโดยสาร 6 สี ม่านบังแดดด้านข้างผู้โดยสารตอนหลังแบบอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นมาตรฐานในส่วนเก็บสัมภาระด้วยพนักพิงเบาะหลังแบ่งพับแบบ 40:20:40 และหลังคากระจกแบบพาโนรามาที่เสริมให้ภายในตัวรถโปร่งสบายยิ่งขึ้น ช่วยให้ B MW X3 xDrive20d xLine ใหม่ โดดเด่นยิ่งกว่า

พร้อมอีกหนึ่งอุปกรณ์ใหม่อย่าง BMW Display Key ที่ไม่เพียงล็อคและปลดล็อค BMW X3 xDrive20d xLine ใหม่ ด้วยสัญญาณวิทยุทางไกล แต่ยังแสดงสถานะและข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานอื่น ๆ ของรถอีกด้วย

เครื่องยนต์ทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่า ควบคู่การออกแบบเน้นน้ำหนักเบา

The-All-new-BMW-X3

BMW X3 xDrive20d xLine ใหม่ โฉบเฉี่ยวด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ทำงานประสานเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Strepsonic เครื่องยนต์ให้แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่งให้บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d xLine ใหม่ เร่งเครื่องจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 8 วินาที ก่อนที่จะพุ่งทะยานทำความเร็วสูงสุดที่ 213 กม./ชม. ด้านอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 17.6 กม./ลิตร และอัตราการปล่อย CO2 ที่ 150 กรัม/กม.

เทคโนโลยี BMW EfficientDynamics ถูกนำมาใช้ในรถยนต์ BMW X3 xDrive20d xLine ใหม่ ซึ่งรวมถึงระบบส่งกำลังที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการออกแบบทุกสัดส่วนเน้นน้ำหนักเบา เช่น การนำอลูมิเนียมมาใช้เป็นส่วนประกอบมากขึ้นในเครื่องยนต์และช่วงล่างที่ช่วยลดน้ำหนักของตัวรถได้มากขึ้น

ต่อยอดที่สุดแห่งความเพลิดเพลินในการขับขี่และระบบควบคุมล้ำสมัย

The-All-new-BMW-X3

BMW X3 xDrive20d xLine ใหม่ มาพร้อมกับปุ่มควบคุม iDrive สั่งงานด้วยระบบสัมผัสและจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ระบบการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ (BMW gesture control) ช่วยควบคุมระบบนำทางและฟังก์ชั่นสาระบันเทิงต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ในขณะเดียวกัน ระบบการสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) ซึ่งผู้ขับขี่ใช้ภาษาในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย แทนคำสั่งที่มีการตั้งค่าไว้

The-All-new-BMW-X3

Toyota-Hilux-Revo-2018

โตโยต้า แนะนำรถกระบะ “Hilux Revo” (ไฮลักซ์ รีโว่) ภายใต้โครงการ “IMV: Innovative International Multi Purpose Vehicle” เจนเนอเรชั่นที่ 2 ในปี 2558 บนนิยามใหม่แห่ง “ความแกร่ง” สะท้อนภาพลักษณ์ตามแนวคิด “ยุคใหม่แห่งกระบะ ทุกตารางนิ้วต้องไฮลักซ์” จนเป็นที่มาของสโลแกน “ปฏิวัติทุกมิติ แห่งกระบะอนาคต” จนประสบความสำเร็จ และได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยม

Toyota-Hilux-Revo-2018

ด้วยยอดจำหน่ายสะสมภายในประเทศกว่า 1,900,000 คัน และส่งออกรถยนต์ภายใต้โครงการ IMV ไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 3,000,000 คัน

มาถึงวันนี้ … ได้เวลาตอกย้ำความแกร่งของผู้นำแห่งรถกระบะ…ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับโฉมใหม่

Toyota-Hilux-Revo-2018

“ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับโฉมใหม่” ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “ตัวตนของคนจริง” ซึ่งเปรียบรถกระบะไฮลักซ์ รีโว่ ที่มีดีไซน์อันแข็งแกร่งดุดัน เปี่ยมด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม สามารถตอบสนองต่อทุกการใช้งาน

Toyota-Hilux-Revo-2018

Toyota-Hilux-Revo-2018 Toyota-Hilux-Revo-2018

ออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ เพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่ง ดุดัน เต็มพลัง ด้วยดีไซน์ใหม่ของกันชนหน้า กระจังหน้าแบบโครเมียมและสีดำเงา และกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา รับกับสีภายในห้องโดยสารใหม่โทนสีดำ ตลอดจนอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ปรับเพิ่มให้ครอบคลุมทุกการใช้งาน ผสานกับสมรรถนะอันยอดเยี่ยมจากขุมกำลังของเครื่องยนต์ดีเซลระบบคอมมอนเรล เจเนอเรชั่นล่าสุด (GD Efficient Boost) ที่ให้แรงบิดสูงสุดในช่วงรอบกว้าง (Flat Torque) เต็มประสิทธิภาพทั้งการออกตัวและเร่งแซง แต่ยังประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม เครื่องยนต์ทำงานเงียบ ไอเสียต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแข็งแกร่งทนทาน มีอายุการใช้งานยืนยาว

Toyota-Hilux-Revo-2018

สู่อีกขั้นแห่งการขับขี่ ที่แกร่งดุจหินผา กับชีวิตท้าทายอีกขั้น … “Hilux Revo Rocco” (ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่) รุ่นตกแต่งพิเศษ…แกร่งเกินนิยาม

Toyota-Hilux-Revo-2018

พร้อมกันนี้ Toyota ขอแนะนำ Toyota Hilux Revo Rocco (ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่) รุ่นตกแต่งพิเศษ ที่พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “แกร่งเกินนิยาม” เป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับลูกค้าที่ชอบรถกระบะที่มีดีไซน์ที่แตกต่าง และโดดเด่นเหนือระดับ

โดย ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ (Rocco) มาพร้อมดีไซน์ที่ดุดัน ด้วยชุดแต่งพิเศษรอบคันทั้งภายนอกและภายใน ที่แตกต่างจากรุ่นธรรมดา พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน

Toyota-Hilux-Revo-2018

Toyota-Hilux-Revo-2018

Toyota-Hilux-Revo-2018

Toyota-Hilux-Revo-2018

เชิญสัมผัสกับ ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับโฉมใหม่ โดยจะเปิดตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ภายในงาน “Motor Expo 2017” ในระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม ตลอดจนการจัดงานเปิดตัวที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ระหว่างวันที่ 8-10 ธันวาคม ศกนี้

และพร้อมส่งมอบรถไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับโฉมใหม่ ให้แก่ลูกค้าโตโยต้าได้ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม นี้ เป็นต้นไป …

ราคา โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับโฉมใหม่ / Toyota Hilux Revo (Minorchange) Price. Shown in Thai Baht.

Toyota-Hilux-Revo-Standard-Cab-2018-Price Toyota-Hilux-Revo-Smart-Cab-2018-Price Toyota-Hilux-Revo-Double-Cab-2018-Price

New-MG-GS

มิติใหม่ของการดีไซน์ภายใต้แนวคิด “Brit Dynamic” และมาพร้อมระบบอัจฉริยะ “i-SMART”

MG-ZS-Blue

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว “New MG ZS” รถเอสยูวีเพื่อชีวิตที่ไร้ขีดจำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีสมาร์ทคาร์ด้วยการติดตั้งระบบอัจฉริยะ i-SMART สามารถรองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยครั้งแรกในโลก รูปลักษณ์โดดเด่นสไตล์ บริท ไดนามิค (Brit Dynamic) ที่ให้ความหรูหราทันสมัยและสปอร์ตยิ่งขึ้น ห้องโดยสารเพียบพร้อมความสะดวกสบาย กว้างขวาง พร้อมระบบความปลอดภัย Synchronized Protection System 9 ระบบ ในราคา 679,000 – 789,000 บาท

MG-GS

เป้าหมายหลักของการพัฒนา New MG ZS คือการนำเสนอ ‘สมาร์ทคาร์’ หรือ ‘รถยนต์อัจฉริยะ’ สร้างมาตรฐานใหม่ในแบบที่ไม่เคยมีบริษัทรถยนต์รายใดเคยทำมาก่อน โดยคาดการว่า New MG ZS จะมียอดจำหน่ายมากกว่า 12,000 คัน/ปี

MG-ZS-Red

New MG ZS คือรถยนต์รุ่นแรกของเอ็มจี ที่มาพร้อมกับระบบอัจฉริยะ i-SMART ซึ่งเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ระบบสามารถควบคุมสั่งการได้ 3 วิธี คือ สั่งการผ่านระบบ Voice command ภาษาไทย สั่งการผ่านหน้าจอทัชสกรีนภายในรถ และการสั่งการผ่านไอสมาร์ทแอปพลิเคชั่น (i-SMART application) จากสมาร์ทโฟนซึ่งผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านแอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน ค้นหาจุดหมายอาทิสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม หรือร้านอาหาร ด้วยสมาร์ทเนวิเกเตอร์ รวมถึงตรวจสอบสภาพการจราจรได้แบบเรียลไทม์

นอกจากนี้ระบบยังสามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ขับขี่ และพัฒนาความสามารถให้ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) สอดคล้องกับยุคอินเตอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่งหรือ IoT (Internet of Things)

นอกจากนี้ ระบบ i-SMART ยังรวบรวมข้อมูลที่มีความสำคัญและแจ้งต่อผู้ขับได้ตลอดเวลา อาทิ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง สภาพการทำงานของแบตเตอรี่ เครื่องยนต์ และระบบเบรก ผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมกับช่วยแจ้งเตือนการเคลื่อนที่ของรถที่ผิดปกติซึ่งอาจเกิดจากการโจรกรรม ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกระดับ

MG-GS

รูปลักษณ์ของ New MG ZS ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดบริท ไดนามิค (Brit Dynamic) ที่มีความทันสมัยมากขึ้นและสปอร์ตยิ่งกว่าเดิม ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความคล่องตัวและยังคงเอกลักษณ์แบบอังกฤษของเอ็มจี

MG-ZS-Panoramic-Sunroof

โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ขนาดใหญ่ ที่นำสายตาสู่เส้นสายบนฝากระโปรด้านท้าย ไฟท้ายแบบ LED Tube พร้อม Panoramic Sunroof ส่วนด้านข้างเน้นความปราดเปรียวกับเส้นสายชัดเจน และโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ แบบ Bi-Colour ขนาด 17 นิ้ว

มิติตัวถังยาว 4,314 มม. กว้าง 1,809 มม. สูง 1,624 มม. ระยะฐานล้อ 2,585 มม.

MG-ZS-Interior

MG-GS

ภายในห้องโดยสารเน้นความหรูหราและความสปอร์ตสไตล์รถยุโรป ตกแต่งด้วยสีทูโทน และวัสดุ Soft Touch ที่บริเวณแผงประตู และแผงคอนโซล มาพร้อมช่องแอร์ดีไซน์ Jet Turbine ที่ฝั่งซ้าย-ขวา แบบสปอร์ต มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงผล เบาะที่นั่งด้านหลังพับแบบ 60:40 พื้นที่เก็บสัมภาระส่วนท้ายปรับได้สองระดับโดยปรับระดับเพิ่มขึ้นได้อีก 10 ซม. เพิ่มความอเนกประสงค์

MG-ZS-Trunk

นอกเหนือจากระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ i-SMART ที่แสดงผลผ่านหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว New MG ZS ยังเพียบไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ครบครันที่สุดในระดับเดียวกัน ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต ควบคุมเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ด้วยปลายนิ้วสัมผัส ปุ่มสตาร์ท และยังสามารถรองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ พร้อม USB ช่องจ่ายไฟ 12V และกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ถอยหลัง

Engine-MG-ZS

New MG ZS ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ รหัส 15S4C ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC VTi-TECH ให้แรงม้าสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Manual Mode

เอ็มจี ให้ความสำคัญสูงสุดกับระบบความปลอดภัยเช่นเดียวกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ด้วยระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) เทคโนโลยีปกป้องทุกชีวิตในห้องโดยสาร และระบบ Synchronized Protection System 9 ระบบ ประกอบด้วย ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)

ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ตลอดจนถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวมทั้งหมด 6 จุด รวมถึงกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์

New MG ZS มีสีให้เลือก ทั้งหมด 5 สี ได้แก่ …

– สีแดงสกาเลตต์เรด (Scarlet Red)
– สีฟ้ามารีน่าบลู (Marina Blue)
– สีเงินซิลเวอร์เมทัลลิก (Silver Metallic)
– สีขาวอาร์คติคไวท์ (Arctic White)
และ สีดำแบล็คไนท์ (Black Knight)

MG-GS

ราคา เอ็มจี แซดเอ็กซ์ ใหม่ / The All-New MG ZS Price. Shown in Thai Baht.

– รุ่น C ราคา 679,000 บาท
– รุ่น D ราคา 729,000 บาท
– รุ่น X ราคา 789,000 บาท

Mazda-CX-5

“Make All Chapters Remarkable เป็นที่สุดในทุกบทบาท”

Mazda-CX5

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ร่วมกับ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น จัดงานเปิดตัวแนะนำที่สุดของรถอเนกประสงค์เอสยูวี All-New Mazda CX-5 โฉมใหม่ มาพร้อมรูปทรงการออกแบบอันสง่างามทั้งภายนอกและภายใน ที่ได้แรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์ของงานศิลปะญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ตามแนวทางการออกแบบ “Less is more” ภายนอกดูเรียบง่าย แต่สุขุม และยังคงให้ความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวในแบบฉบับใหม่ อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด เปิดราคาเริ่มต้นเพียง 1.29 ล้านบาทเท่านั้น พร้อมรับฟรีประกันภัยชั้น 1 ที่สำคัญลูกค้าสามารถรับรถได้ทันที ทุกรุ่น ทุกสี ก่อนวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้

All-New Mazda CX-5 โฉมใหม่ มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “เป็นที่สุดในทุกบทบาท” Make All Chapters Remarkable นี้คือรถอเนกประสงค์ที่เป็นที่สุดในคลาส One Class Above ภายใต้การออกแบบใหม่ล่าสุดจาก โคโดะ ดีไซน์ (Kodo Design) เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่สะท้อนถึงพลังของจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความเคลื่อนไหวอันสง่างาม ผนวกกับวิวัฒนาการที่ก้าวไปอีกขั้นของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ

Mazda-CX5

มาสด้า CX-5 เผยโฉมสู่สาธารณชนทั่วโลกครั้งแรกเมื่อปี 2555 และเข้าสู่ตลาดประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 ในฐานะรถยนต์รุ่นแรกที่มาพร้อม “Skyactiv Technology” และการออกแบบภายใต้ “KODO Design” Soul of Motion รถยนต์มาสด้า CX-5 กลายเป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวีที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างดียิ่งจากลูกค้าทั่วโลกภายในเวลาอันรวดเร็ว จนสามารถคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมในประเทศญี่ปุ่น และรางวัลอันทรงเกียรติอีกมากมายจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยสมรรถนะพลังแรงของเครื่องยนต์ แต่ประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีระบบความปลอดภัยสูงสุด และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ มากมายครบครัน

Mazda-CX5

ส่งผลทำให้มาสด้า CX-5 ประสบความสำเร็จอย่างมากในทุกตลาด จวบจนปัจจุบันมียอดขายไปแล้วกว่า 1 ล้าน 5 แสนคันทั่วโลก ถือเป็นโมเดลหลักที่สำคัญของมาสด้ารองจาก Mazda3 ที่ขายได้กว่า 5 ล้านคันทั่วโลก โดยเฉพาะลูกค้าชาวไทยให้การตอบรับอย่างล้นหลาม และกำลังวิ่งอยู่บนถนนในประเทศไทยกว่า 18,000 คัน

การเปิดตัวมาสด้า CX-5 โฉมใหม่ มาสด้ากำหนดราคาขายเริ่มต้นเพียงล้านต้นๆ เท่านั้น จึงมั่นใจอย่างยิ่งว่า CX-5 จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า มาสด้า จึงตั้งเป้ายอดขายรุ่นนี้ไว้สูงถึง 7,200 คัน/ปี

Mazda CX-5 เจาะกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม …

Mazda-CX-5

กลุ่มแรก Executives คือ ผู้บริหารรุ่นใหม่ เน้นการใช้ชีวิตอย่างอิสระ รักความก้าวหน้าเป็นผู้ที่มีรสนิยมในการคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด
กลุ่มที่สอง Couple คือ คนที่ใช้ชิวิตสมับใหม่ มีการใช้เวลาเพื่อตัวเองและในชีวิตคู่ ชอบความตื่นเต้นแสวงหาสิ่งใหม่เพื่อสร้างครอบครัวให้มั่นคง
– และกลุ่มที่สาม Young Family คือ ครอบครัวเริ่มต้นและมีบุตร มีความมุ่งมั่นเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จทั้งด้านการงานและชีวิตครอบครัว

Mazda-CX-5

การออกแบบ Taking KODO Design To A Higher Level อีกระดับของดีไซน์โคโดะ

มาสด้า CX-5 โฉมใหม่ พัฒนาแนวคิดการออกแบบ Kodo Design ให้โดดเด่นเหนือระดับยิ่งขึ้น ด้วยเส้นสายที่เรียบง่าย แต่แฝงด้วยความโฉบเฉี่ยว ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น (Japanese Aesthetic) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” ผลลัพธ์ที่ได้ คือ รูปลักษณ์ภายนอกใหม่ที่งดงามและทรงพลังราวกับมีชีวิต หรูหรา ปราดเปรียวในสไตล์พรีเมี่ยม รวมไปถึงรูปลักษณ์ภายในใหม่ที่ถูกออกแบบอย่างประณีต ใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยม ทุกองค์ประกอบพร้อมมอบความเพลิดเพลิน และความสะดวกสบาย

Skyactiv-D

– SKYACTIV-D 2.2 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร ประหยัดสูงสุด 17.5 กม/ลิตร พัฒนาให้สามารถทํางานตอบสนองผู้ขับได้ดียิ่งขึ้น เครื่องยนต์ทํางานเงียบมากขึ้น ให้กําลัง 175 แรงม้า แรงบิดสูง 420 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Skyactiv-G

– SKYACTIV-G 2.0 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ เบนซิน 2.0 ลิตร ประหยัดสูงสุด 13.9 กม/ลิตร พัฒนาให้สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้ดีขึ้น ให้กําลัง 165 แรงม้า แรงบิดสูง 210 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

– SKYACTIV-Drive เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด ที่รวมข้อดีของเกียร์อัตโนมัติทุกระบบตอบสนองได้แม่นยําเปลี่ยนเกียร์ราบรื่น ให้อัตราเร่งต่อเนื่อง และประหยัดน้ำมันในทุกรอบความเร็ว

– SKYACTIV-Body โครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ โครงสร้างตัวถังที่ผลิตจากเหล็กกล้าคุณภาพสูง High Tensile Steel น้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง ให้การควบคุมรถที่มั่นคงช่วยลดแรงสะเทือนจากถนนและกระจายแรงปะทะที่เข้าสู่ห้องโดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ

– SKYACTIV-Chassis ช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟ ระบบช่วงล่างที่เกาะถนนมั่นคง และให้ความนุ่มนวลแก่ห้องโดยสาร พร้อมระบบบังคับเลี้ยวที่ช่วยให้เข้าโค้งได้แม่นยํา ปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน

– i-ACTIV AWD ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ ช่วยปรับระบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับทุกสภาพถนนมากยิ่งขึ้น

Enhance Driving Enjoyment พลังที่เหนือกว่า ขับเคลื่อนสู่ความสําเร็จอีกระดับ

– 2-Stage Turbocharger เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบสองขั้น ช่วยให้เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลมีแรงบิดสูงแม้ในรอบต่ำ เพื่อให้ได้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีในทุกรอบความเร็วของเครื่องยนต์
– Natural Sound Smoother & Natural Sound Frequency Control ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลในรอบเดินเบา ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานเงียบขึ้น
– Drive Selection* สวิตช์ Drive Selection สามารถเลือกขับขี่ในโหมด Sport ได้ เมื่อต้องการเร่งแซง หรือให้อัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นในรอบเครื่องยนต์ที่สูง ให้ความรู้สึกสนุกเร้าใจเหมือนขับเกียร์ธรรมดา
– i-Stop (Idling Stop System) ระบบประหยัดน้ำมันที่สั่งให้เครื่องยนต์หยุดการทํางานชั่วคราวเมื่อรถจอดนิ่งขณะที่อุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถยังคงทํางานตามปกติ และเครื่องยนต์จะกลับมาทํางานอัตโนมัติทันที เมื่อรถพร้อมออกตัว

Mazda-CX-5-Interior

– SKYACTIV-Vehicle Dynamics อีกขั้นของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ผสานและควบคุมการทํางานของรถทั้งคัน ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ โครงสร้างตัวถัง ไปจนถึงช่วงล่าง ให้ทํางานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์ความสนุกในการขับขี่ตามแนวคิด จินบะ-อิไต (Jinba-Ittai) ของมาสด้า ให้ผู้ขับและรถเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น และยังให้ผู้โดยสารสัมผัสถึงความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง

Mazda-CX-5-Sunroof

– Power Sliding Glass Sunroof หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า Electronic Parking Brake ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Hold เพื่อเพิ่มความสบายในการขับขี่
– Steering Wheel พวงมาลัยดีไซน์ใหม่แบบสปอร์ตพรีเมี่ยม จับกระชับมือพร้อมปุ่มควบคุมการทํางานที่พวงมาลัย
– BOSE® Sound System ระบบเสียง BOSE® รอบทิศทาง ลำโพง 10 ตำแหน่ง พร้อมเทคโนโลยี AUDIOPILOTTM2 และ Centerpoint®2 ที่ช่วยชดเชย และปรับแต่งเสียงให้สมจริงมากยิ่งขึ้น

Mazda-CX-5-Interior

Deliver Outstanding Passenger Comfort เติมเต็มความสะดวกสบายให้ทุกเส้นทางให้ทุกการเดินทางของคุณและครอบครัวเต็มเปี่ยมไปด้วยความสะดวกสบายกับมาสด้า CX-5 โฉมใหม่ ที่พัฒนาห้องโดยสารภายใต้ปรัชญา Human-Centered Design ด้วยการจัดวางฟังก์ชั่นการใช้งานในตําแหน่งศูนย์กลาง เหมาะสมกับการใช้งาน โดยผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน ห้องโดยสารกว้างขวาง พนักพิงเบาะหลังปรับเอนได้ และสามารถแยกพับได้ 3 ส่วน แบบ 40:20:40 อิสระจากกัน เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมระบบบันทึกตําแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ที่สามารถบันทึกได้ 2 ตําแหน่งช่อง USB 2.1 แอมป์ ช่องเก็บของ พร้อมที่วางแก้ว ถูกจัดวางในตำแหน่งที่สะดวกต่อการใช้งาน และช่องแอร์สําหรับที่นั่งตอนหลังที่เพิ่มความสบายยิ่งขึ้น

Mazda-CX5

Seamless Connectivity With MZD Connect เชื่อมต่อทุกความสําเร็จได้ไร้ขีดจํากัดล้ำหน้าไปกับเทคโนโลยีเชื่อมต่อออนไลน์ MZD Connect ในมาสด้า CX-5 โฉมใหม่ ไม่พลาดทุกการติดต่อทั้งเรื่องงาน และครอบครัว อัพเดทข้อมูลข่าวสารได้ตลอดการเดินทาง หรือ รับ-ส่ง SMS จากสมาร์ทโฟนผ่านสัญญาณ Bluetooth พร้อม Infotainment ที่มีให้เลือกมากมายในแอพพลิเคชั่น Aha by HARMANTM รวมถึงระบบนำทาง Navigator – Center Display จอทัชสกรีนดีไซน์ใหม่ ขนาด 7 นิ้ว แสดงเมนูสั่งงานของระบบ MZD Connect และตั้งค่าฟังก์ชั่นการใช้งานอื่นๆ หรือเรียกดูข้อมูลผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Command

Center Commander ปุ่มควบคุมระบบ MZD Connect ที่คอนโซลกลางตรงตําแหน่งใกล้มือผู้ขับใช้งานง่ายเพียงหมุนหาคําสั่งที่ปรากฏขึ้นบนจอ Center Display ใช้ได้ทั้งขณะรถวิ่งหรือรถจอดนิ่ง ให้ผู้ขับใช้สมาธิกับการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น Windshield Active Driving Display แสดงข้อมูลสําคัญในการขับขี่แบบสี บนกระจกหน้ารถ ในระดับสายตาผู้ขับ

Mazda-CX-5-Interior

– HMI (Human-Machine Interface) คอนเซ็ปต์การออกแบบอุปกรณ์และฟังก์ชั่นใช้งานภายในรถ เน้นหลักการทำงานตามธรรมชาติจากการเคลื่อนไหวของมนุษย์ จัดวางอุปกรณ์ให้อยู่ในตําแหน่งศูนย์กลาง ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนภาพแสดงตำแหน่งคันเร่งและเบรก ในรถทั่วไปตําแหน่งของล้อหน้า ทําให้คันเร่งและเบรกต้องอยู่เยื้องไปด้านซ้าย ในรถมาสด้า CX-5 โฉมใหม่ ขยับตําแหน่งของล้อไปด้านหน้ามากขึ้น ทําให้สามารถยืดขาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
– Power Liftgate ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มาสด้า CX-5 โฉมใหม่ ให้คุณจัดเก็บสัมภาระได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยประตูท้ายที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และรีโมทคอนโทรล สามารถปรับตั้งระดับการเปิดได้ตามที่คุณต้องการ
– i-Activesense เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยสุดล้ำ ที่สามารถคาดการณ์อย่างแม่นยำและส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุได้รอบคัน อาทิระบบ SBS (Smart Brake Support), ALH (Adaptive LED Headlamps), SCBS, MRCC (Mazda Radar Cruise Control), LAS (Lane-keep Assist System) & LDWS (Lane Departure Warning System), DAA (Driver Attention Alert), ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring), RCTA (Rear Cross Traffic Alert) และ SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse) เป็นต้น

World-Class Safety มาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก มาสด้า CX-5 โฉมใหม่ มีจุดเด่นด้านความปลอดภัยทั้งแบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) และแบบปกป้องเมื่อเกิดเหตุ (Passive Safety) จึงมั่นใจได้ในทุกเส้นทางทุกสถานการณ์การขับขี่

โครงสร้างใต้เบาะนั่งด้านหลัง
เบาะนั่งด้านหลัง ออกแบบให้มีองศาที่รองรับน้ำหนักของคนนั่งได้อย่างเหมาะสม ซึ่งป้องกันไม่ให้ผู้โดยสารพุ่งออก จากเบาะนั่งไปทางด้านหน้า โดยเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการชนที่ด้านหน้ารถพื้นที่รับแรงกระแทก

Mazda-CX-5

Mazda CX-5 มาพร้อมสีให้เลือก 6 สี

สีแดง โซล เรด คริสตัล Soul Red Crystal สีเกรดพรีเมี่ยมใหม่ล่าสุดเฉพาะของมาสด้า เนื้อสีหนา 3 ชั้น พ่นด้วยเทคนิคขั้นสูง พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยทำให้ได้เนื้อสีที่มีความละเอียดสูง สีสด มีความวาว สะท้อนแสงได้ดี และดูมีมิติยิ่งขึ้น
สีเทา แมชชีน เกรย์ Machine Gray สีเมทัลลิค เกรดพรีเมี่ยมเฉพาะของมาสด้า เนื้อสีหนา 3 ชั้น พ่นด้วยเทคนิคพิเศษ เนื้อสีจึงใส สะท้อนแสงได้ดี ส่องประกายมันวาว
– สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล Snowflake White Pearl, สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ Sonic Silver, สีฟ้า ดีพ คริสตัล บลู Deep Crystal Blue และ สีดำ เจ็ท แบล็ก Jet black

ราคา มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ / The All-New Mazda CX-5 Price. Shown in Thai Baht.

Mazda-CX-5-20C

– รุ่น 2.0 C ราคา 1,290,000 บาท

Mazda-CX-5-20S
– รุ่น 2.0 S ราคา 1,400,000 บาท

Mazda-CX-5-20SP
– รุ่น 2.0 SP ราคา 1,530,000 บาท

Mazda-CX-5-22XD
– รุ่น 2.2 XD ราคา 1,560,000 บาท

Mazda-CX-5-22XDL
– รุ่น 2.2 XDL ราคา 1,770,000 บาท

Mazda-CX-5-Acc

Modify-Suspension

ดัดแปลงช่วงล่างต้องแจ้งขนส่งก่อนใช้งาน หากตรวจเจอว่าไม่แจ้ง ปรับสูงสุด 5,000 บาท

Modify-Suspension

            กรมการขนส่งทางบก แนะ การแก้ไขดัดแปลงระบบช่วงล่าง ทั้งระบบรองรับน้ำหนัก ระบบกันสะเทือน ระบบบังคับเลี้ยว หรือระบบขับเคลื่อน ต้องนำรถเข้าตรวจสภาพกับกรมการขนส่งทางบก และแก้ไขรายละเอียดลักษณะรถในใบคู่มือจดทะเบียนรถก่อนนำไปใช้งาน ต้องนำรถเข้าตรวจสภาพกับกรมขนส่งทางบกและแก้ไขรายละเอียดในคู่มือจดทะเบียนก่อนใช้งาน เพื่อความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยในการใช้งาน ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 5,000 บาท

Nissan-Navara

นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า การแก้ไขดัดแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ โดยเฉพาะกรณีการแก้ไขดัดแปลงระบบช่วงล่าง ทั้งระบบรองรับน้ำหนัก การเสริมแหนบ ระบบกันสะเทือน ระบบบังคับเลี้ยว หรือระบบขับเคลื่อน ต้องนำรถเข้าตรวจสภาพกับกรมการขนส่งทางบก และแก้ไขรายละเอียดลักษณะรถในใบคู่มือจดทะเบียนรถก่อนนำไปใช้งาน

โดยแสดงหลักฐาน ได้แก่ การได้มาของอุปกรณ์ที่นำมาดัดแปลงรถ หรือบันทึกถ้อยคำรับรองว่าอุปกรณ์ดังกล่าวได้มาโดยถูกต้องและสุจริต เช่น ใบเสร็จค่าชิ้นส่วน อุปกรณ์ ค่าแรง และหนังสือรับรองความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยในการใช้รถ จากวิศวกรสาขาเครื่องกลหรือยานยนต์ หลักฐานประจำตัวเจ้าของรถ และใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือสำเนา ในกรณีที่นายทะเบียนพิจารณาแล้วว่ารถนั้นปลอดภัยในเวลาใช้งาน จะบันทึกรายการในใบคู่มือจดทะเบียนรถไว้เป็นหลักฐาน ส่วนกรณีที่นายทะเบียนเห็นว่ารถที่แก้ไขดัดแปลงอุปกรณ์ส่วนควบดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอันตรายในการใช้งาน ให้เจ้าของรถดำเนินการแก้ไขก่อนนำรถเข้าตรวจสภาพ

Leaf-Spring

ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบการแก้ไขดัดแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ โดยไม่มีการนำรถไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพและแก้ไขรายละเอียดลักษณะรถในใบคู่มือจดทะเบียนรถ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 14 ต้องระวางโทษตามมาตรา 60 ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

ส่วนกรณีเป็นรถที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงสภาพเครื่องอุปกรณ์หรือส่วนควบของรถ ให้ผิดแผกแตกต่างในสาระสำคัญตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนก่อนดำเนินการ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 ต้องระวางโทษตามมาตรา 149 ปรับไม่เกิน 5,000 บาท

Toyota-C-HR-LED-Edition

Toyota C-HR รุ่นพิเศษ สำหรับคนชอบ LED

Toyota-C-HR-LED-Edition

Toyota C-HR (โตโยต้า ซี-เอชอาร์) รถ Crossover SUV แบบ Sub-Compact ที่มีข่าวว่าจะมาขายในประเทศไทยในปี 2560 แต่ก็ยังไม่มาซะทีซะที ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่ามาแน่ๆ ล่ะ … แต่ก็ต้องรอดูในช่วงต้นปีหน้านี้ ที่ทางโตโยต้า ประเทศไทย จะเริ่มตัดสินขายรถรุ่นนี้

โดยในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ได้เปิดตัวไปกันตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ก่อนจะทยอยเปิดตัวไปตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ต้นปี 2560 … และที่ผ่านมาในญี่ปุ่นเอง ก็เพิ่งออกรุ่นพิเศษ สี Two-Tone เอาใจสาวก C-HR ที่อยากได้รุ่นนี้แบบสีทูโทนไปกันเมื่อเร็วๆ นี้

Toyota-C-HR-LED-Edition

ชื่อรุ่นของ Toyota C-HR นั้นย่อมาจากคำว่า Compact High Rider, Cross Hatch Runabout หรือ Coupé High–Rider ที่ออกแบบตัวถังลงบนแพลตฟอร์มใหม่ของ Toyota TAGA (Toyota New Global Architecture) ในรูปแบบ 4 ประตู แต่ดูคล้ายรถสปอร์ตคูเป้ มีที่เปิดประตูด้านหลัง ถูกซ่อนไว้บริเวณเสา C

Toyota-C-HR-LED-Edition

Toyota-C-HR-LED-Edition

สำหรับ Toyota C-HR LED Edition ภายนอกยังคงเดิม เพิ่มเติมด้วยไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED พร้อมระบบปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำ อัตโนมัติ พ่วงด้วยไฟหน้าแบบ LED Daytime Running Light กับไฟเลี้ยวบริเวณกระจกมองข้างแบบ LED ชุดไฟ LED Clearance และไฟท้ายแบบ LED รวมถึงที่จับประตูแบบโครเมี่ยม และล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว คู่กับยาง 215/60R17

Toyota-C-HR-LED-Edition

ภายในไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะออพชั่นต่างๆ ก็มีมาให้อย่างเพียงพอแล้ว อาทิ เครื่องเสียงหน้าจอ Touch Screen ขนาด 8 นิ้ว พร้อมลำโพง 9 ตัว กำลังขับ 576 วัตต์ ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone มาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน และเบาะนั่งหลังพับได้แบบ 60:40

Toyota-C-HR-LED-Edition

Toyota C-HR มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 8NR-FTS แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว D-4T Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 116 แรงม้า (PS) ที่ 5,200-5,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 18.9 กก.-ม. (185 นิวตันเมตร) ที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ตามโหมด JC08) ได้มากถึง 15.4 กม./ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

และเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 8NR-FTS แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้า (PS) ที่ 5,200 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. (142 นิวตัน-เมตร) ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้แรงม้าสูงสุด 72 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 16.6 กก.-ม. (163 นิวตัน-เมตร) ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ตามโหมด JC08) ได้มากถึง 30.2 กม./ลิตร และส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

Toyota-C-HR-LED-Edition

Toyota C-HR LED Edition มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ได้แก่รุ่น S, G, S-T และ G-T ในราคา 2,540,400 – 2,929,200 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 739,000 – 852,000 บาท

ช็อปช่วยชาติ-2560

ซ่อมรถ

เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือน และผู้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหลายๆ ท่าน คงได้ทราบข่าวของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “ช็อปช่วยชาติ” จากทางรัฐบาลกันแล้ว ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในระหว่างวันที่ 11 พ.ย.- 3 ธ.ค. 2560 โดยในเงื่อนไขดังกล่าว ก็คงถูกใจ “ขาช็อป” กันไม่น้อย และที่สำคัญ “ค่าซ่อมรถ” ยังสามารถนำค่าใช้จ่ายในการหักลดหน่อยภาษีได้อีกด้วย

ถือเป็นโอกาสดี สำหรับคนใช้รถที่ถึงเวลาต้องเปลี่ยนของใหญ่ๆ พอดี ทีนี้เรามาดูกันว่า จะซ่อมรถอย่างไร ให้ได้ลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 15,000 บาทครับ

ตรวจเช็คตามระยะกิโลเมตร หรือซ่อมรถ

Maintenance-Car

อันนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้วสำหรับคนใช้รถ การตรวจเช็คบำรุงรักษาตามระยะที่ศูนย์บริการกำหนดไว้ มันก็ต้องสิ่งที่ต้องจ่าย อาทิเช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำมันคลัตช์ น้ำมันเฟืองท้าย เปลี่ยนแบตเตอรี่ เป็นต้น (การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันต่างๆ ในรถยนต์ ที่ไม่ได้ใช้เป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อน แบบ น้ำมันเบนซิน, น้ำมันดีเซล หรือแก๊ส LPG, NGV สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้)

ในส่วนของรถที่เข้าซ่อมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ พร้อม “ชำระค่าบริการ” ตั้งแต่ช่วงเวลาระหว่างวันที่ 11 พ.ย.- 3 ธ.ค. 2560 และซ่อมแล้วเสร็จภายในวันที่ 3 ธ.ค. 2560 จึงจะนำมาใช้หักลดหย่อนภาษีได้ อ่อ … อู่หรือศูนย์บริการที่เข้าใช้บริการนั้น ต้อง “ออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ” ได้ด้วยนะครับ

Tire

เปลี่ยนยางรถยนต์

ถือเป็นโอกาสทองของรถยนต์ที่ยางรถยนต์หัวเริ่มล้านแล้ว สมมติว่า หากคุณยางรถยนต์ขนาด 16 นิ้ว หมดทั้ง 4 เส้น ราคาก็ตกประมาณหนึ่งหมื่นกว่าบาทได้ ซึ่งหากคุณจะใช้โปรโมชั่น ผ่อนยาง 0% ก็สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ด้วยเช่นกัน

Mazda3-Sedan

แต่งรถ

โอกาสทองของคนชอบแต่งรถ มาถึงแล้ว … สำหรับสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ หรือล้อแม็ก ก็เข้าข่ายได้หักลดหย่อนภาษีเช่นกันครับ

ซ่อมรถ

สำหรับ “ช็อปช่วยชาติ 2560” ต้องใช้หลักฐานอะไรบ้าง สำหรับยื่นลดหย่อนภาษี โดยคุณต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฏากร ซึ่งจะต้องมีการระบุข้อความดังนี้

1. คำว่า “ใบกำกับภาษี” ต้องเห็นได้เด่นชัด

2. ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี

3. ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ

4. หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี)

5. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ

6. จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าของสินค้าหรือ ของบริการให้ชัดแจ้ง

7. วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี

8. ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด เช่น คำว่าเอกสารออกเป็นชุด สำเนาใบกำกับภาษี ฯลฯ

ซ่อมรถ

สุดท้ายนี้ Carro ขอบอกอีกครั้ง เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์ ที่ไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ นั่นคือ ค่าน้ำมัน (ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อน), ค่าก๊าซ LPG, NGV สำหรับเติมพาหนะ, ค่าประกันภัยรถยนต์ รวมถึงค่าเช่าซื้อ, ผ่อน หรือดาวน์รถยนต์/มอเตอร์ไซค์ ก็ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้นะครับ

Motor-Expo-2017-Analysis

Motor Expo ปีนี้ มั่นใจยอดจองรถยนต์ 40,000 คัน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างต่อเนื่อง

Motor-Expo-2016

เป็นที่ทราบกันดีสำหรับคนรักรถยนต์นะครับ ว่า ในบ้านเราตั้งแต่เมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา มีงานแสดงรถยนต์ขนาดใหญ่ที่เป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมของคนที่ชอบรถต้องไปเดินเที่ยวในงานสม่ำเสมอ นั่นคืองานต้นปีอย่าง “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ของค่ายกรังด์ปรีซ์ และงานปลายปี “มหกรรมยานยนต์” ของค่ายสื่อสากล และภายหลังก็มีงานกลางปีของ “BIG Motor Sale” หรืองาน “มหกรรมยานยนต์ เพื่อขายแห่งชาติ” จากค่ายยานยนต์ …

Motor-Expo-2016

และก็ยังมีงานยิบย่อยต่างๆ ที่จัดโชว์รถยนต์กันตามห้างบ้าง หรือตามภูมิภาคต่างๆ แทบทุกเดือน ขอร่วมลงมาแบ่งเค้กก้อนนี้จากการจัดงาน Event ด้วยคน …

แต่ฉันใดก็ฉันนั้น ยามเศรษฐกิจดี เงินสะพัด ผู้คนก็กล้าที่จะจับจ่ายใช้สอย กล้าที่จะซื้อรถมือหนึ่ง แต่เมื่อยามเศรษฐกิจซบเซา การปล่อยสินเชื่อและราคาของรถใหม่ และสถานะทางการเงิน ย่อมทำให้ผู้ที่ตัดสินใจซื้อต้องคิดหนัก ตัวเลือกอย่างรถมือสองในตลาด จึงเป็นที่หมายปองและสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้นเช่นกัน …

Motor-Expo-2016

สำหรับงาน Motor Expo นั้น จาก Concept ของการจัดงานแต่แรกเริ่มในปี 2527 “มหกรรมยานยนต์” เน้นโชว์รถยนต์และเทคโนโลยีเป็นหลัก ภายหลังจึงพัฒนามาเป็นงาน Thailand International Motor Expo คือเป็นทั้งงานโชว์รถยนต์ รถต้นแบบ และนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆ จากทั่วทุกมุมโลก และรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ต่างพร้อมใจกันขายรถอย่างดุเดือด จัดเต็มทั้งแคมเปญและโปรโมชั่น นับเป็นโอกาสดีของผู้บริโภคที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรถยนต์ใหม่ และรถมือสอง ได้เข้ามาเลือกชมรถที่ตัวเองชอบ ได้ทดลองขับรถดูภายในงาน ก่อนจะตัดสินใจจองรถ หรือซื้อรถใหม่ภายในงาน

Motor-Expo-2017-Poster

แนวคิดของงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34” คือ “ยานยนต์ยุคใหม่ ฝันไกลที่กลายเป็นจริง” หรือ “New Age Vehicles … A Distant Dream Come True” เพื่อให้ผู้บริโภคได้ชมยานยนต์ที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติที่พวกเขาเคยฝันไว้ และเพื่อยืนยันว่า ทุกความฝันเป็นจริงได้ในโลกยานยนต์ …

ภายรวมของงาน Motor Expo 2016 ที่ผ่านมานั้น แม้ว่าจะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซามากของประเทศไทย แต่งานนี้ แสดงถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของอาเซียน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในงานรวม 4.5 หมื่นล้านบาท

Pretty-Mazda

อีกทั้งการแต่งกายของพริตตี้ในงาน มีความเรียบหรู เรียบร้อยกว่าปีก่อนๆ และเหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองกับวัฒนธรรมที่งดงามของไทยอีกด้วย คาดว่าในงาน Motor Expo 2017 บรรดาน้องๆ พริตตี้ ก็ยังคง Concept ของความเรียบร้อย (คือไม่แต่งตัวโป๊) ไปมากจนเกินไปเฉกเช่นปีที่ผ่านมา

Motor-Expo

ด้านยอดจองรถในงานปีที่ผ่านมาของ Motor Expo 2016 มีตัวเลขเป็นที่น่าพอใจ รถยนต์มียอดจองรวมอยู่ที่ 32,422 คัน ลดลงจากปีก่อน 17.1% เนื่องจากบ้านเมืองยังอยู่ในบรรยากาศโศกเศร้า รวมทั้งรถใหม่หลายรุ่นที่ประชาชนสนใจได้เลื่อนการเปิดตัวออกไป อย่างไรก็ตามในส่วนของรถจักรยานยนต์ สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดจองสูงถึง 7,942 คัน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 98.6 % ด้านราคาเฉลี่ยรถที่ขายได้ในงานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,177,393 บาท เนื่องจากปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคให้ความสนใจรถเก๋งหรู รถ SUV และรถกระบะ เพิ่มมากขึ้น ส่วนผู้เข้าชมงานจำนวน 1,191,718 คน ลดลง 19.3%

Motor-Expo

สำหรับในงาน Motor Expo 2017 ตลาดรถยนต์บ้านเราปีนี้จะสดใสขึ้นเหมือนฟ้าหลังฝน แต่ทางผู้จัดงานก็คาดการณ์ยอดจองรถยนต์ในงานไว้สูงถึง 40,000 คัน! และยอดจองรถจักรยานยนต์ 7,000 คัน ส่วนจำนวนผู้ชมคาดว่าจะสูงถึง 1.5 ล้านคน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท

ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงซึมๆ ทรงตัวอยู่ในขณะนี้ ก็ยังมีปัจจัยทางตรงที่ช่วยให้ตลาดรถปลายปีนี้คึกคักขึ้น อาทิ การสิ้นสุดเงื่อนไขครอบครอง 5 ปี ของผู้เข้าร่วมโครงการรถคันแรก ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่เวลานั้นยังไม่ส่งผลต่อตลาด เนื่องจากเป็นช่วงทุกข์โศกของคนไทยทั้งประเทศพอดี พอปี 2560 นี้ เจ้าของรถคันแรกที่พ้นเงื่อนไข บางส่วนก็จะมองหารถใหม่กัน และปัจจัยทางอ้อม จากราคาสินค้าเกษตรหลายอย่าง มีราคาดีขึ้น

และในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ มีรถยนต์ที่รอเปิดตัวกันอยู่หลายรุ่น ซึ่งหนักไปทางรถแนว SUV หลายรุ่นจากค่ายญี่ปุ่นและค่ายยุโรป รอให้ผู้บริโภคได้เป็นเจ้าของ เชื่อว่าจะกระตุ้นให้ยอดขายรถปลายปีนี้ คึกคักมากยิ่งขึ้น

ยอดขายรถยนต์ในงาน Motor Expo 2017 ที่ตั้งไว้ 40,000 คัน และยอดขายรถจักรยานยนต์ 7,000 คัน คาดว่าจะทำได้ถึงเป้า … หรือไม่ ก็ต้องคอยติดตามดูกันต่อไปครับ

Suzuki-Swift

Suzuki Swift ใหม่ มาแน่! พร้อมร่วมโครงการ Eco-Car เฟส 2

Suzuki-Swift

หลังจากที่ Suzuki แถลงข่าวเปิดตัว Suzuki Swift ใหม่ ไปตั้งแต่ในเดือนธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา และเปิดตัว Swift Sport ไปเมื่อเดือนกันยายนปีนี้ในตลาดญี่ปุ่น ตอนนี้ก็ถึงคิวของ Suzuki Swift ในไทยบ้าง โดยทางซูซูกิ ประเทศไทย มีแผนที่จะเปิดตัว Suzuki Swift ใหม่ ในต้นปีหน้านี้

Suzuki-Swift-Design

Suzuki-Swift-Design

Suzuki-Swift-Design

นับตั้งแต่เปิดตัว Swift เป็นครั้งแรกในปี 2004 สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 5 ล้านคันในทั่วโลก เป็นตัวเลขการันตีได้ว่า Swift เป็นรถที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายของ ซูซูกิ อีกหนึ่งรุ่น โดยทีมงานต่างออกแบบเจ้า Swift ในมากกว่า 50 รูปแบบของการดีไซน์ ตั้งแต่วาดลงบนกระดาษ จนได้แบบที่ถูกใจ ก่อนนำไปปั้นเป็นโมเดล แล้วก็คัดเลือกรูปแบบจนถูกใจอีกรอบ นำไปสู่การทำตัวรถ Mock-Up ใน Scale 1:1 แก้ไขปรับปรุงรูปแบบกันจนสำเร็จ และเดินทางไปสู่ Swift ที่ผลิตจากสายการผลิตออกขายจริง …

Suzuki-Swift Suzuki-Swift

Suzuki Swift Sport ที่วัยรุ่น หรือหนุ่มวัยทำงาน ต่างใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของ

Suzuki Swift มาพร้อมโครงสร้างใหม่ “Heartect” ที่มีน้ำหนักเบาลง แต่ให้ความแข็งแรงมากขึ้น ช่วยลดน้ำหนัก และเพิ่มเนื้อที่ภายในห้องโดยสาร

Suzuki-Swift

ทั้งนี้ Suzuki Swift ใหม่ เรียกได้ว่าแตกต่างจากรุ่นเดิมมาก ทั้งไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อม Daytime Running Light แบบ LED, พร้อมระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ, กันชนสไตล์สปอร์ต, กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ และเสาข้างประตูสีดำที่กลมกลืนกับกระจกหน้าต้าง และทำให้หลังคาดูลอยตัว

Suzuki-Swift-Interior Suzuki-Swift-Interior

มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยอีกเพียบ เช่น ระบบป้องกันการชนด้านหน้า DSBS (Dual Sensor Brake Support) ทำงานด้วยกล้องและเรดาร์ที่ติดตั้งบริเวณกระจกบังลมด้านหน้า, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน, ระบบเปิดไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว และกล้องมองภาพด้านหลัง เป็นต้น

Suzuki-Swift-Safety

มีมิติตัวรถ ยาว 3,840 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,500 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,450 มิลลิเมตร

Suzuki Swift ใหม่ ที่จะขายในไทย อาจจะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินรหัส K12C ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT ชูจุดเด่นด้วย “Dual Jet Engine” ให้แรงม้าสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.0 กก.-ม. (118 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,400 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT

ส่วนรุ่นพลังแรงอย่าง RS และ RSt ที่ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส K10C ขนาด 1.0 ลิตร 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว VVT ชูจุดเด่นด้วย “Booster Jet Engine” Direct Injection Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 102 แรงม้า และรุ่นเครื่องยนต์ Hybrid ขนาด 1.2 ลิตร 91 แรงม้า ในบ้านเรา คงต้องร้องเพลงรอกันไปก่อน โดยเฉพาะรุ่น Hybrid ไม่มาประกอบขายที่นี่แน่

Suzuki-Swift-Main

เก็บเงินกันไว้ก่อน แล้วอดใจรอประมาณต้นปีหน้านี้ครับ.

Easy-Buy-Secondhand-Car

ทุกวันนี้ การตัดสินใจเลือกซื้อรถมือสองสักคันของผู้บริโภค ย่อมมีความต้องการที่แตกต่างกันไป เช่น งบประมาณที่มี ความชอบในรูปร่างหน้าตาของตัวรถ สมรรถนะเครื่องยนต์ ราคาขายต่อ วัตถุประสงค์การใช้งานต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจของผู้ซื้อ

มุมมองของคนที่ซื้อรถมือสอง มีความคิดเห็นว่า ตลาดรถมือสองยังตอบสนองผู้ที่ต้องการใช้รถได้ดี แม้ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดีขณะนี้ เพราะรถมือสองอายุไม่กี่ปีที่เป็นที่นิยมในท้องตลาด ยังมีคุณภาพดีและน่าใช้ไม่แพ้รถใหม่มือหนึ่ง และมีราคาถูกกว่ารถมือหนึ่งถึงหลายแสนบาทในบางรุ่น แถมสามารถลดภาระค่างวดได้อีกมาก เมื่อเทียบกับการผ่อนรถยนต์ใหม่ป้ายแดง

ถ้าจะบอกว่า อยู่ในกรุงเทพฯ หาดูรถมือสองได้ง่าย เพราะมีหลายย่านที่เป็นแหล่งรวมรถมือสองจำนวนมาก แต่ในต่างจังหวัดก็อาจจะหาดูรถมือสองลำบากหน่อย ในกรณีที่อยากดูรถคันจริงๆ ไม่ใช่ดูในออนไลน์ เพราะส่วนมากจะอยู่กระจายกัน ไม่ค่อยรวมกันเป็นย่านแบบในจังหวัดใหญ่ๆ หรือในกรุงเทพฯ

แล้วเขาทำธุรกิจกันอย่างไรล่ะ? ทั้งในมุมคนซื้อ และในมุมคนขาย MR.CARRO จะเล่าให้ฟัง

Carro-Sell-Car-In-Hatyai

ตลาดรถยนต์มือสองหลักๆ ของรถเต็นท์ในต่างจังหวัด ประมาณ 80% ยังเป็นกลุ่มลูกค้าเกษตรกร ที่ใช้รถกระบะเพื่อบรรทุกสินค้าทางด้านเกษตร และการเดินทางที่เน้นประหยัดน้ำมัน เน้นขนคนนั่งได้เยอะๆ ส่วนตลาดรถเก๋ง 20% เป็นลูกค้ากลุ่มข้าราชการ และคนทำงานในบริษัทท้องถิ่นนั้น

รถมือสองในตลาดต่างจังหวัด โดยมากแล้วมักจะเป็นรถที่ตัดมาจากเต็นท์รถใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ ที่อาจจะขายมานานแล้วแต่ขายไม่ได้สักที หรือว่าเป็นรถที่ทางเต็นท์ต่างจังหวัดต้องการ เลยมาขอตัดไป

อีกส่วนหนึ่ง เป็นรถที่มาจากลานประมูลต่างๆ หรือไฟแนนซ์ต่างๆ ขายทอดตลาดในกรุงเทพฯ อาจจะซื้อมาขายไปบวกกำไรต่อ

และรถรุ่นปีเก่าๆ หน่อย อาจจะซื้อมาจากรถบ้าน รถที่ลูกค้ามาเทิร์นที่เต็นท์ หรือผู้ใช้งานในจังหวัดนั้นๆ นำมาขาย และเป็นรถที่คนเมืองส่วนมากมักไม่นิยมกัน แต่ในต่างจังหวัดยังเป็นที่นิยม เนื่องจากมีราคาที่ย่อมเยาว์ ซื้อเงินสดได้เลยไม่ต้องผ่อน และบางผู้ประกอบการอาจใจดีให้ผ่อนเป็นกรณีพีเศษด้วย

รถแบบไหนที่ขาย? ส่วนมากก็จะเป็นรถราคาตามสภาพ บางเต็นท์ก็อาจจะมีเก็บงานให้นิดๆ หน่อยๆ หรือซ่อมเฉพาะในส่วนที่เสียหนักๆ ให้ใช้การได้ เพราะตลาดต่างจังหวัด ผู้คนส่วนมากรายได้อาจไม่สูงนัก ทำให้รถราคาหลักหมื่นยังเป็นที่ต้องการมาก แต่ด้วยราคาที่ถูก รถแทบทั้งหมดจึงเป็นรถตามสภาพ มีเสีย มีซ่อม เปลี่ยนนู่นนี่เป็นเรื่องปกติ ว่าแต่คุณรับได้หรือเปล่าล่ะ?

แต่ก็ไม่ใช่ว่า ต่างจังหวัด ตามเต็นท์รถจะมีแต่รถเก่าเสมอไป รถมือสองราคาหลักแสน หลักล้าน ก็ขอบอกได้ว่า มีอยู่เยอะเช่นกันครับ

Easy-Buy-Secondhand-Car

เคล็ดลับควรรู้ ในการเลือกซื้อรถมือสอง

ควรดูรถในที่กลางแจ้ง มีแสงสว่างหรือแดดจ้า เส้นสายตัวถังตัวรถ กับทรงของรถต้องเรียบเดิม ไม่เบี้ยวหรือยับ หรือผุมาก สภาพสีต้องสม่ำเสมอกันทั้งคัน ดูรอยอาร์ค ตะเข็บตามจุดต่างๆ น็อตต่างๆ ต้องเรียบร้อย ไม่มีรอยบาก รอยงัด รอยถอดออกมา ควรตรวจเช็คระบบไฟทั้งภายนอกและภายในรถ ภายในเครื่องยนต์ ว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือไม่ ระบบสายพานต่างๆ ระบบแอร์ ท่อยาง วาล์ว หัวเทียน การทำงานของเครื่องยนต์ เป็นต้น ทางที่ดี ควรเลือกรถที่เดิมๆ หรือสภาพใกล้เคียงที่สุดจากโรงงาน

ภายในห้องโดยสาร ตรวจดูสภาพขององค์ประกอบต่างๆ ภายในทั้งหมด ว่ามีจุดใดกรอบแตก หรือหมดสภาพแล้วหรือไม่ เบาะนั่งที่ดีควรแข็ง นิ่ม ไม่ยวบยาบหรือขาด ดูระบบทำงานภายในรถทั้งหมด ที่ปัดน้ำฝน ไฟสัญญาณต่างๆ กระจกไฟฟ้า วิทยุ ฯลฯ มีตรงไหนใช้ไม่ได้หรือเปล่า และมีกลิ่นเหม็นๆ กลิ่นอับ ภายในรถหรือไม่

จากนั้นก็ลองทดสอบขับ เสียงเครื่องยนต์เป็นอย่างไรเวลาเร่งเครื่อง ตอนเลี้ยวซ้าย-ขวา ถอยหลัง มีเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ จากตัวรถหรือไม่ สภาพช่วงล่าง โช็คอัพ วิ่งแล้วมียวบยาบ สะดุด หรือมีเสียงดังหรือไม่ ก่อนจะตรวจดูใต้ท้องรถด้วย มีหยดน้ำมันหรือของเหลว รั่วออกมาจากส่วนต่างๆ หรือไม่

Easy-Buy-Secondhand-Car

การซื้อเลือกสักคันนั้น ควรเลือกให้ตรงกับความต้องการของตัวเอง เช่น

รถอีโคคาร์ (Eco-Car) เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก มีเครื่องยนต์ประมาณ 1.0 – 1.2 ลิตร ประหยัดน้ำมัน เหมาะสำหรับขับในเมือง เช่น Toyota Yaris, Nissan March, Mitsubishi Mirage หรือ Suzuki Swift เป็นต้น

รถเก๋ง 4 ประตู หรือที่เรียกว่ารถซีดาน มีในตลาดหลายแบบ เช่น แบบ Sub-Compact (เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร), แบบ Compact (เครื่องยนต์ 1.6 – 2.0 ลิตร) และแบบ Mid-Size (เครื่องยนต์ 2.0 – 2.5 ลิตร) เหมาะที่จะขับในเมืองหรือนอกเมือง ให้กำลังมาก เช่น Toyota Altis, Honda Civic, Mazda3 หรือ Nissan Sylphy เป็นต้น

รถ SUV หรือรถ PPV (แบบที่คนไทยเรียก Toyota Fortuner, Isuzu MU-X, Chevrolet Trailblazer หรือ Mitsubishi Pajero Sport เป็นต้น) เป็นรถนั่งอเนกประสงค์ขนาด 7-8 ที่นั่ง มีทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ใช้งานในเมืองก็ได้ หรือขับลุยทางลูกรังในต่างจังหวัดก็ได้

รถ MPV เป็นรถอเนกประสงค์ขนาด 7-13 ที่นั่ง เน้นกลุ่มครอบครัวใหญ่ สำหรับใช้งานหรือในเมือง หรือใช้งานในต่างจังหวัด พอลุยได้บ้างนิดหน่อย เช่น Toyota Innova, Honda Freed, Suzuki Ertiga หรือ Mitsubishi Space Wagon เป็นต้น

รถกระบะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้บรรทุกของจำนวนมาก ลุยป่าฝ่าดง หรือใช้ในกิจการขนส่งต่างๆ และธุรกิจต่างๆ เช่น Toyota Hilux, Nissan Navara, Mitsubishi Triton, Mazda BT-50, Isuzu D-Max หรือ Chevrolet Colorado เป็นต้น

Easy-Buy-Secondhand-Car

ความสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อรถมือสอง ถ้าคุณไม่ได้ซื้อรถมือสองด้วยเงินสด คุณจะต้องผ่อนรถทุกเดือนต่อเนื่องกันเป็นปี และยังต้องมีค่าซ่อมบำรุงรถต่างๆ (ที่จำเป็นต้องจ่ายประจำทุกปีอยู่แล้ว) อาทิ ค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ค่าเปลี่ยนผ้าเบรก ค่าช่วงล่าง ค่าปรับจูนเครื่องยนต์ ฯลฯ รวมถึงค่าน้ำมันในระหว่างเดือนอีกด้วย เพราะฉะนั้น วางแผนการเงินของคุณให้รอบคอบ ทั้งเงินดาวน์ ยอดผ่อน รวมถึงค่าจิปาถะต่างๆ และยังต้องกันงบไว้ส่วนนึงไว้ สำหรับซ่อมแซม หรือดูแลรักษารถ

หากคุณสนใจที่จะขายรถมือสองในช่วงเวลานี้ แต่อาจจะพักอาศัย หรือทำงานในต่างจังหวัด CARRO เรามีบริการรับซื้อรถยนต์ของคุณถึงที่ โดยที่คุณจะไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อดำเนินการเรื่องขายรถยนต์ สามารถมาขายได้ที่ CARRO Express คลิกที่นี่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน