โคโรลล่าเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่สอง

Corolla-Axio-Exterior

Corolla-Fielder-Exterior

Toyota Corolla Axio และ Corolla Fielder เป็นรถซีดานขนาดคอมแพ็ค ที่พัฒนาขึ้นแตกต่างไปจาก Corolla ที่จำหน่ายในตลาดโลกโดยสิ้นเชิง ตามสไตล์อนุรักษ์นิยมของญี่ปุ่น ซึ่งถูกปรับไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรกไปเมื่อปี 2558 และในเดือนนี้ Toyota Japan ได้ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์อีกรอบ ให้ดูทันสมัยขึ้น ก่อนจะเปิดตัวรุ่นใหม่จริงๆ ในปี 2018 นี้

Corolla-Axio-Exterior

สำหรับชื่อรุ่นของ “Axio” นั้น มาจากภาษากรีก “Axia” หมายถึง “Value” หรือ “Quality” ในภาษาอังกฤษ ส่วน “Fielder” ก็มาจากภาษาอังกฤษ ตามความหมายคือ คนรับลูกในกีฬาเบสบอล และคริกเก็ต

Corolla-Fielder-Exterior

Corolla-Fielder-Exterior

Toyota Corolla Axio และ Fielder มีการปรับโฉมกระจังหน้าเพียงเล็กน้อย ด้วยการปรับขอบบนของกระจังหน้าให้บางขึ้น ปรับมิติของกระจังหน้าให้นูนขึ้น ปรับกระจังหน้า และเปลี่ยนทรงกันชนหน้าใหม่ ออกแบบช่องรับอากาศ ซ้าย-ขวา ของกันชนหน้า ดูให้ดูเข้มขึ้น

Corolla-Axio-Interior

Corolla-Axio-Interior

ภายในห้องโดยสาร แทบไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม มีแค่มีการเปลี่ยนโทนสีภายในห้องโดยสารสำหรับรุ่นย่อย “W x B” มีให้เลือกทั้งโทนสีดำคาดด้วยสีเทา และโทนสีขาว

Corolla-Fielder-Interior

Corolla-Fielder-Interior

ด้านระบบความปลอดภัยถูกติดตั้งระบบ Toyota Safety Sense C พร้อมเพิ่มระบบ Intelligent Clearance Sonar (ICS) ระบบเบรกอัตโนมัติ เมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง หรือถอยจอดใกล้วัตถุในระยะกระชั้นชิดเกินไป โดยระบบจะตัดกำลังเครื่องยนต์พร้อมเหยียบเบรกให้อัตโนมัติ

Corolla-Fielder-Utility

สำหรับ Toyota Corolla Axio และ Corolla Fielder เครื่องยนต์มีให้เลือก 4 แบบ ได้แก่ …

เครื่องเบนซินขนาด 1.3 ลิตร (เฉพาะ Corolla Axio) รหัส 1NR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 95 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.3 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i อัตราสิ้นเปลืองน้ำเชื้อเพลิงอยู่ที่ 20.6 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน JC08)

เครื่องเบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 2NR-FKE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-iE ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.9 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i อัตราสิ้นเปลืองน้ำเชื้อเพลิงอยู่ที่ 23.4 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน JC08)

ส่วนในรุ่นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และแบบ 4WD จะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ-FE 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า (103 แรงม้า ในรุ่น 4WD) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.1 กก.-ม. (13.5 กก.-ม. ในรุ่น 4WD) ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i อัตราสิ้นเปลืองน้ำเชื้อเพลิงอยู่ที่ 18.0 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน JC08)

Corolla-Axio-Hybrid-Engine

ด้านขุมพลังไฮบริด เป็นเครื่องเบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ-FXE 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 100 แรงม้า ที่ 4,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 11.3 กก.-ม. ที่ 3,600-4,400 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 61 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

Corolla-Fielder-Utility

Toyota Corolla Axio มีสีให้เลือก 9 สี ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,526,040 เยน ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ไปจนถึงสูงสุด 2,482,920 เยน ในรุ่น Hybrid ส่วน Corolla Fielder มีสีให้เลือก 9 สี ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,656,720 เยน ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ไปจนถึงสูงสุด 2,536,920 เยน ในรุ่น Hybrid

Toyota-Soluna-King-Rama-9

Toyota-Soluna-King-Rama-9

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร) นอกจากจะทรงมีพระปรีชาสามารถในทุกๆ ด้าน ยังมีสิ่งหนึ่งที่คนในวงการ “อุตสาหกรรมยานยนต์” น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และสถิตอยู่ในใจคนโตโยต้าตราบนิจนิรันดร์

หลายๆ คน คงเคยเห็นภาพของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงขับรถ Toyota Soluna (โตโยต้า โซลูน่า) สีฟ้า ทะเบียน 1ด-0956 กรุงเทพมหานคร

Toyota-Soluna-ในหลวง-รัชกาลที่9

เรื่องนี้ นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เคยให้สัมภาษณ์สารสภาวิศวกรรม ฉบับเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2550 และนายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ให้สัมภาษณ์ในวาระครบ 50 ปี ที่โตโยต้าทำธุรกิจในประเทศไทย

หลังจากที่รัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2540 ได้เกิดวิกฤตฟองสบู่แตก บริษัทไฟแนนซ์ล้ม ผู้คนตกงานมากมาย จากนั้นในเดือน พ.ย. ปีเดียวกัน ก็เกิดข่าวลือว่าทางโตโยต้า ประเทศญี่ปุ่น จะประกาศปิดโรงงานที่เกตเวย์ เตรียมเลิกจ้างพนักงานกว่า 5,500 คน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงเป็นห่วงว่าราษฎรของพระองค์จะตกงาน จึงทรงมีพระราชดำริขอซื้อรถยนต์โตโยต้าโซลูน่าเพื่อให้คนไทยได้มีงานทำ จนกลายมาเป็นรถยนต์ฝีมือของคนไทยซึ่งเป็นราษฎรของพระองค์ท่าน

จึงรับสั่งให้เลขานุการส่วนพระองค์แจ้งว่า พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์สั่งซื้อ รถ Toyota Soluna 1 คัน โดยให้พนักงานที่ทำนั้นไม่ต้องเร่งรีบ ใช้มือทำก็ได้ ไม่ต้องใช้เครื่องจักร เพื่อที่พนักงานโตโยต้าคนไทยจะได้มีงานทำนานๆ โดยหลังจากที่โตโยต้าทราบ จึงตั้งใจทำให้รถมีอะไรพิเศษ โดยติดชื่อรุ่นและเลขเป็นแบบไทย ไม่เคยทำมาก่อนในรถยนต์รุ่นไหน

ซึ่งเมื่อรถยนต์คันดังกล่าวนั้นแล้วเสร็จ ก็ได้มีการนำไปถวายพระองค์ ในช่วงเดือนธันวาคม 2540 พระองค์ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ 600,000 บาท ให้กับทางโตโยต้า แต่ทางโตโยต้านั้นไม่ขอไม่รับเงินนั้นไว้

Toyota-Expo-2017-Soluna

Model รถยนต์ Toyota Soluna ที่ทาง Toyota จัดทำขึ้นเป็นพิเศษ

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำริใหม่ว่า ให้นำเงินนั้นไปตั้ง “โรงสีข้าว” เพื่อช่วยเหลือชาวนาละแวกใกล้เคียงโรงงานผลิตรถ เพราะโตโยต้ามีการบริหารจัดการที่ดี จึงควรตั้งโรงสีข้าวตัวอย่างขึ้นเอง แล้วขายข้าวที่ได้จากโรงสีในราคาสวัสดิการให้แก่พนักงานหรือชาวบ้าน และขายผลพลอยได้ เช่น แกลบและรำ ให้แก่เกษตรกรชุมชนที่เลี้ยงหมู ดังนั้นทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของ “โรงสีข้าวรัชมงคล” ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง

Toyota-Soluna-Catalogue-1

Toyota Soluna จากโครงการรถ AFC (Affordable Family Car) ซึ่งเป็นรถยนต์ที่วิจัยและพัฒนา และเริ่มต้นผลิตในไทยเป็นแห่งแรก คันแรกออกจากสายการผลิตเป็นทางการ ในวันที่ 7 ธันวาคม 2539 และโตโยต้า ได้แถลงข่าวความคืบหน้าของรถยนต์รุ่นนี้ ที่ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ในวันที่ 9 ธันวาคม 2539

คำว่า “Soluna” นั้น มาจากการนำคำว่า “Sol” ซึ่งมาจากคำว่า “Solar” แปลว่า ดวงอาทิตย์ กับคำว่า “Lunar” แปลว่า พระจันทร์ มารวมกัน

Toyota Soluna เปิดตัวสู่สื่อมวลชนในวันที่ 28 มกราคม 2540 และเปิดตัวสู่สาธารณชนในวันที่ 31 มกราคม 2540 มาพร้อม Slogan “Great Journey การเดินทางที่ยิ่งใหญ่” และมี โด๋ว-มรกต โกมลบุตร เป็นพรีเซ็นเตอร์ในช่วงแรก เพียง 3 วันของงานเปิดตัว ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้ใบสั่งจองที่มากเป็นประวัติการณ์ถึง 28,765 ใบ (15,335 ใบ ในงานเปิดตัว และ 13,430 ใบ จากดีลเลอร์)

Toyota-Soluna-Thai

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 5A-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 95 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 126 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด

Toyota-Soluna-Thai

Toyota-Soluna-Thai

ในเดือนพฤษภาคม 2541 Soluna ยังมีรุ่นพิเศษที่สร้างความฮืฮฮาด้วย “Soluna Special Version” (โซลูน่า สเปเชี่ยล เวอร์ชั่น) มีชื่อเป็นภาษาไทยและเลขไทย ติดที่ฝากระโปรงหลัง เป็นรุ่นแรกในโลกของรถโตโยต้า ที่ติดชื่อรุ่นรถและตัวเลขเครื่องยนต์เป็นภาษาท้องถิ่น

ที่มาจากจากการที่รถยนต์โตโยต้า โซลูน่า ได้รับรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 1998 ในประเภทเครื่องยนต์ไม่เกิน 1.5 ลิตร ในการประกวดรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 1998 โดยการตัดสินจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสมาคมและสถาบันการศึกษาทางวิศวกรรมศาสตร์ และสื่อมวลชน

Toyota-Soluna-Thai

โตโยต้าจึงฉลองโอกาสแห่งความภาคภูมิใจนี้ด้วยการออกรุ่น “โซลูน่า สเปเชี่ยล เวอร์ชั่น” ที่ผลิตขึ้นเจำนวนจำกัด 600 คัน โดยเน้นความสปอร์ต และเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ตกแต่งมากกว่ารุ่นพื้นฐาน

Toyota-Soluna-Thai

เริ่มจากชุดอุปกรณ์ตกแต่งสไตล์สปอร์ตตลอดคัน จำนวน 12 รายการ และมีสัญลักษณ์รุ่นเป็นภาษาไทย ที่เปิดประตูด้านข้าง กระจกมองข้างและคิ้วกันกระแทกสีเดียวกับตัวรถ ล้อแม็กพร้อมยางขนาด 175/65 R14 สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก นอกจากนี้ยังเพิ่มคิ้วบังลมด้านหลังเพื่อป้องกันแสงแดดและคิ้วบังลมด้านข้างป้องกันละอองฝน

Toyota-Soluna-Thai

หลังจากปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2542 ปรับหน้าตาใหม่ กันชนใหม่ ไฟท้ายใหม่ หรือที่บรรดาเต็นท์รถมือสองเรียกกันว่า “ไฟท้ายหยดน้ำ” ก่อนจะเลิกจำหน่ายไปในเดือนพฤศจิกายน 2545

ต่อมา โตโยต้า โซลูน่า ในรุ่นถัดไปจึงพัฒนาเป็น โซลูน่า วีออส (Soluna Vios) และชื่อของ “Soluna” ก็หายไปจากตลาดจริงๆ ในเดือนตุลาคม 2548 โดยเป็น Toyota Vios (โตโยต้า วีออส) จวบจนปัจจุบัน

แหล่งที่มา:

Toyota-Century-2018

All-New Toyota Century หน้าตาโบราณ อนุรักษ์นิยม ท่ามกลางเทคโนโลยีอันล้ำสมัยทั้งคัน

Toyota-Century

Toyota Century (โตโยต้า เซ็นจูรี่) ถือเป็นรถเรือธงของโตโยต้า นับตั้งแต่ปี 1967 เป็นที่สุดของความหรูหราในแบบฉบับญี่ปุ่น และถือเป็นสัญลักษณ์ของรถสุดหรูของญี่ปุ่นอีกหนึ่งรุ่น ชื่อรุ่นมาจากภาษาอังกฤษ ที่แปลว่า “ศตวรรษ” (100 ปี ของ Sakichi Toyoda ผู้ก่อตั้งบริษัท Toyota) และประกอบรถรุ่นนี้ด้วยมือ … ในไทยก็มีรถรุ่นนี้อยู่หลายคัน

ออกจำหน่ายครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 1967 ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมกับปรับโฉมเล็กน้อยอีกหลายครั้ง และเปลี่ยนเครื่องยนต์ V8 เป็นขนาด 3.4 ลิตร และ 4.0 ลิตร กระทั่งในเดือนเมษายน 1997 จึงออกเจเนอเรชั่นที่ 2 มา อัดเทคโนโลยีอันทันสมัยอย่างเต็มที่ พร้อมใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 5.0 ลิตร และคงหน้าตาโบราณไว้เช่นเดิม มากว่า 2 ทศวรรษ…

Toyota-Century

ในงาน Tokyo Motor Show 2017 โตโยต้า ได้เวลาเตรียมนำเสนอ Century เจเนอเรชั่นที่ 3 ใหม่หมดจด และพร้อมที่จะออกจำหน่ายตาม Order เร็วๆ นี้ …

ดีไซน์ของรถ ยังอนุรักษ์นิยมเหมือนเคย แต่ปรับรูปโฉมและเส้นสายให้ทันสมัยยิ่งขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ ในรถยุคปัจจุบัน อาทิเช่น ไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมระบบปรับไฟหน้าอัตโนมัติ Adaptive High Beam System (AHS), พร้อมไฟ LED Daytime Running Lights, ชายล่างประดับด้วยแถบโครเมี่ยมรอบคัน และไฟท้ายแบบ LED เสริมขอบโครเมี่ยม

Toyota-Century

ออกแบบภายใต้หลักการ “Monozukuri” (“โมโนซุคุริ”) คือการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ และประณีต ตามสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม

Toyota-Century

มีขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน มีมิติตัวถังยาว 5,335 มม. กว้าง 1,930 มม. และสูง 1,505 มม. มีระยะฐานล้อ 3,090 มม.

Toyota-Century

ห้องโดยสารภายในยังหรูหรา มีพื้นที่ภายในที่กว้างกว่าเดิม คอนโซลหน้าตกแต่งด้วยลายไม้ชั้นดี เบาะนั่งภายในเลือกได้ 2 แบบ คือ เบาะผ้าคุณภาพสูงทำจากขนสัตว์ 100% และเบาะหนังแท้ให้เลือก

Toyota-Century

ในส่วนของเบาะที่นั่งด้านหลังมีเพียง 2 ที่นั่ง มาพร้อมระบบอุ่นและนวดตัว พร้อมระบบควบคุมผ่านจอ LCD ตรงกลางคอนโซลหลัง สามารถควบคุมเครื่องปรับอากาศและที่นั่งได้ทุกที่นั่ง มีโต๊ะเขียนหนังสือและไฟส่องแบบ LED กับระบบเครื่องเสียงพรีเมี่ยมพร้อมลำโพงอีก 20 ตัว

Toyota-Century

สำหรับเครื่องยนต์ถูกแทนที่ด้วยขุมพลังใหม่แบบ Hybrid ขนาด 5.0 ลิตร รหัส 2UR-FSE แบบ V8 DOHC 32 วาล์ว D4-S ที่ยกมาจาก Lexus LS600h โฉมที่แล้ว ให้แรงม้าสูงสุด 394 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 520 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบไฮบริด Toyota Hybrid System II มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว

Toyota-Century

ระบบช่วงล่าง ถูกออกแบบใหม่หมดเพื่อลดการสั่นสะเทือน เก็บเสียงได้ดีขึ้น และนุ่มนวลขึ้นในเวลาวิ่ง พร้อมยางรถยนต์ใหม่ ส่วนระบบความปลอดภัยก็มีการติดตั้งชุดระบบ “Toyota Safety Sense P” เป็นต้น

All-New Toyota Century เตรียมเปิดตัวในงาน Tokyo Motor Show 2017 ปลายเดือนตุลาคมนี้

I-tim-Light

จับปรับจริง! ไฟท้ายไอติม หรือไฟ LED ที่สว่างจ้าเกินไป

ไฟไอติม

เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มานานหลายปีแล้ว สำหรับการเปลี่ยนไฟหรี่ หรือไฟเลี้ยวท้ายรถเป็นสีฟ้า (หรือที่เรียกกันว่า “ไฟไอติม”) ซึ่งพบว่ามีความสว่างมากกว่าปกติ นิยมติดกันในรถเก๋ง รถกระบะ และรถบัสขนส่งผู้โดยสาร

ไฟไอติม

ตามกฎหมายสากลทั่วโลก กำหนดไว้ว่า ไฟหรี่หน้ารถต้องเป็นสีเหลือง ไฟเบรกต้องเป็นสีแดง และไฟเลี้ยวต้องเป็นสีเหลือง หรือสีเหลืองอำพัน (หรือสีแดงก็ได้ ในสหรัฐอเมริกา) โดยไฟหรี่หน้ารถ และท้ายรถ กฎหมายระบุไว้ชัด ให้ใช้ไฟสีขาวหรือสีเหลืองเท่านั้น หากไปใช้ไฟหรี่สีอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ก็ถือว่าผิดกฎหมาย

ไฟไอติม

กรณีพบรถโดยสารสาธารณะ ฝ่าฝืนดัดแปลงอุปกรณ์ส่องสว่างในลักษณะดังกล่าว เป็นความผิดตามตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71 ฐานใช้รถที่มีอุปกรณ์ส่วนควบไม่ถูกต้องตามที่กำหนด ต้องระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และอาจถูกสั่งระงับการใช้รถจนกว่าจะดำเนินการแก้ไขเรียบร้อย

ไฟไอติม

ในส่วนของรถที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ที่มีการแก้ไขดัดแปลงโคมไฟหน้าให้เป็นแสงสีอื่น หรือดัดแปลงอุปกรณ์ส่วนควบหรือเพิ่มเติมส่วนหนึ่งส่วนใดเข้าไป จนทำให้แสงมีความสว่างจ้ามากเกินไป มีความผิดตามมาตรา 12 ฐานเพิ่มเติมสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

ไฟไอติม

หากท่านพบเจอรถที่เปลี่ยนไฟหรี่ หรือไฟเลี้ยวท้ายรถเป็นสีฟ้า (หรือที่เรียกกันว่า “ไฟไอติม”) หรือไฟ LED แบบอื่นๆ ที่มีความสว่างจ้ามากเกินไป สามารถแจ้งร้องเรียนไปที่ 1584 กรมการขนส่งทางบก ได้ตามช่องทางต่อไปนี้

– Facebook : “1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ”
– Line ID : “1584dlt”
– E-Mail : [email protected]

ไฟไอติม

โดยต้องแนบหลักฐานเป็นภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหว ระบุสถานที่ เวลาที่พบเหตุ ชื่อและข้อมูลผู้แจ้งเรื่องร้องเรียน เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

10-Family-Secondhand-Cars

สำหรับใครหลายๆ คน ที่ตอนนี้ อาจจะเพิ่งแต่งงาน หรือกำลังเริ่มสร้างครอบครัว หรือมีลูกอยู่แล้ว 1-2 คน และกำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองซักคัน ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดี เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือ ไปผ่อนบ้าน หรือใช้จ่ายในครอบครัว จ่ายค่าเทอมลูก เป็นต้น (แต่คนโสดจะซื้อไปใช้ ก็ได้เช่นกันนะครับ)

MPV-Family-Car

โดยรถยนต์ที่เหมาะสมหน่อย ก็คงหนีไม่พ้นรถยนต์แนวๆ MPV ที่นั่งได้หลายคน ขนของก็ได้ ไปได้กันทั้งครอบครัว ในราคาตัวรถที่ไม่แพงจนเกินไปนัก

Toyota-Innova

MR.CARRO ขอแนะนำรถครอบครัวมือสอง 10 รุ่น 10 คัน ในราคาคุ้มค่า ในราคาไม่เกิน 400,000 บาท ที่น่าซื้อมาใช้ ให้ทุกท่านได้พิจารณากันครับ.

Toyota-Avanza

1. Toyota Avanza F600 / F650

Toyota Avanza (โตโยต้า อแวนซ่า) ถือเป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ 5 ประตู 7 ที่นั่ง นำเข้าจากอินโดนีเซีย ชื่อรุ่นมาจากคำว่า “Avanzato” ในภาษาอิตาลี หรือ “Advance” ในภาษาอังกฤษ … ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงนับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2547 เป็นต้นมา ในรูปแบบรถยนต์นั่งแนวใหม่ “Compact Multi – Purpose Vehicle” ที่มีความคุ้มค่า ขนาดห้องโดยสารใช้แนวคิดการออกแบบ “Tall Boy” หลังคาทรงสูง รองรับผู้โดยสารในการเดินทางได้ถึง 7 คน วางตำแหน่งเบาะนั่งแบบ Flex And Fold ปรับได้อิสระ สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งเบาะนั่งเพื่อบรรทุกสัมภาระ พร้อมด้วยความคล่องตัว ประหยัดน้ำมัน ทนทาน อัตราการดูแลรักษาต่ำ

Toyota-Avanza

Toyota Avanza เจเนอเรชั่นแรก มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร รหัส K3-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 88 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.3 กก.-ม. (120 นิวตัน-เมตร) ที่ 3,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2551 อัพเกรดเครื่องยนต์เป็นขนาด 1.5 ลิตร รหัส 3SZ-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.4 กก.-ม. (141 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด …

โดย Avanza (F600) ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) ราคาอยู่ที่ประมาณ 145,000 – 360,000 บาท

Toyota-Avanza

ส่วน Toyota Avanza ในโมเดลที่ 2 เปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2555 พลิกโฉมสู่ความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ออกแบบใหม่หมด ทั้งภายนอกและภายใน แถมรองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่่นั่งเหมือนเดิม

Toyota-Avanza

สำหรับ Toyota Avanza ในโฉมเจเนอเรชั่นที่ 2 มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 3SZ-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 101 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.6 กก.-ม. (133 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,400 รอบ/นาที และสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด …

โดย Avanza (F650) ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 300,000 – 550,000 บาท

Toyota-Wish

2. Toyota Wish

จากรถที่เคยนำเข้ามาโชว์ก่อนเปิดตัว Toyota Wish (โตโยต้า วิช) ในงานมอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนเมษายน 2546 ก่อนจะเปิดจำหน่ายในบ้านเราเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2546 สร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถยนต์ในบ้านเรามาก เพราะผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยเป็นแห่งที่ 2 ของโลกต่อจากประเทศญี่ปุ่น ช่วงแรกสร้างยอดขายเป็นที่น่าพอใจ รูปทรงดูทันสมัย แม้เวลาจะผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว

มีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2548 แต่เนื่องจากกลุ่มตลาดที่ซ้ำซ้อนกับ Toyota Innova และยอดขายที่ตกมากช่วงปลายอายุตลาด ไม่คุ้มกับการผลิต Wish ก็เลยต้องหายจากตลาดไป …

Toyota-Wish

Toyota Wish ในประเทศไทย จะมีเบาะนั่ง 6-7 ที่ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 1AZ-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 19.6 กก.-ม. (192 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด Super ECT + Sport Sequential

โดย Wish ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) ราคาอยู่ที่ประมาณ 255,000 – 480,000 บาท

Toyota-Innova

3. Toyota Innova

Toyota Innova (โตโยต้า อินโนว่า) ถูกพัฒนาขึ้นมาจากโครงการ IMV (Innovative International Multi-Purpose Vehicle) มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาทของ “โตโยต้า” โดยเป็นโมเดลที่ 2 ของโตโยต้า ภายใต้โครงการ IMV ที่เปิดตัวทำตลาดในไทยเดือนตุลาคม 2547 และเป็นรถแนว MPV รุ่นที่ได้รับความนิยมในบ้านเรามาก ทั้งในกลุ่มคนที่มีครอบครัว หรือในกิจการรถแท็กซี่ก็ตาม นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย มีทั้งแบบ 7 และ 8 ที่นั่ง …

Toyota-Innova

Toyota Innova โฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรก

ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรก ในเดือนตุลาคม 2551 และครั้งที่สองในวันที่ 7 กันยายน 2554 พร้อมกับตัดรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลออกไป

Toyota-Innova

Toyota Innova โฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่สอง

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รหัส 1TR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.6 กก.-ม. (182 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

และเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2KD-FTV แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว D4-D Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 102 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 26.5 กก.-ม. (260 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

โดย Innova ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) ราคาอยู่ที่ประมาณ 230,000 – 500,000 บาท (เป็นราคาโดยประมาณ สำหรับรุ่นก่อนปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่ 2)

Honda-Stream

4. Honda Stream

การมาของ “Honda Stream” (ฮอนด้า สตรีม) ทำให้ตลาดรถยนต์ในกลุ่ม MPV 7 ที่นั่ง ตื่นตัวขึ้นมากกว่าเดิม ด้วยรูปทรงที่ดูสวยงาม มุมด้านข้างดูโค้งมนพริ้วไหว ใช้พื้นฐานโครงสร้างเดียวกับ Civic โดยขยายช่วงล้อและยืดฐานล้อ ให้มีขนาดห้องโดยสารใหญ่เพียงพอสำหรับนั่งได้ 7 ที่นั่ง เปิดตัวไปในบ้านเราเมื่อกันยายน 2545 โดยนำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับที่วางใน CR-V รหัส K20A แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC LEV ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.4 กก.-ม. (191 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด S-Matic

ต่อมา … เพิ่มรุ่นพิเศษ “Stream Sports Version” ใส่ชุดสเกิร์ตรอบคัน ไฟตัดหมอก และกระจังหน้าแบบใหม่

Honda-Stream

พอในปี 2547 Honda ก็ได้ปรับโฉม Stream กันอีกครั้ง … แต่การมาของ Toyota Wish ก็ทำให้ Honda Stream ยอดขายตกวูบ และในที่สุดก็เลิกขายในไทยไป หลังจากมีการเปลี่ยนโฉมใหม่ …

โดย Stream ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 190,000 – 360,000 บาท

Mitsubishi-Space-Wagon

5. Mitsubishi Space Wagon

ช่วงที่ตลาดรถ MPV กำลังหอมหวาน มิตซูบิชิ ก็กระโดดลงมาเล่นในตลาดนี้ในเดือนพฤศจิกายน 2547 ด้วยการส่ง “Mitsubishi Space Wagon” (มิตซูบิชิ สเปซแวกอน) เป็น Mid-Size Minivan ที่ใหญ่กว่าคู่แข่ง ชิงส่วนแบ่งการตลาด ด้วยจุดขาย 2 ส่วน คือ ภาพลักษณ์หรูหรา ราคาไม่แตกต่างหรือใกล้เคียงมากกับคู่แข่ง และจุดขายส่วนที่ 2 คือ Multi Purpose ซึ่งทำให้รถยนต์สำหรับผู้บริหาร ไม่ใช่แค่การนั่งจากที่บ้านไปที่ทำงาน แต่หมายถึงใช้รถเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ได้อย่างเต็มที่ ส่วนในโฉมไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2550

Mitsubishi-Space-Wagon

ทั้งนี้ ชื่อ “Space Wagon” เป็นที่รู้จักและคุ้นหูคนไทยมานาน ตั้งแต่ Mitsubishi นำเข้า Space Wagon (หรือ Mitsubishi Chariot ในญี่ปุ่น) เข้ามาขาย ส่วนในต่างประเทศใช้ชื่อว่า “Grandis”

Mitsubishi-Space-Wagon

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร รหัส 4G69 แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว MIVEC ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.1 กก.-ม. (224 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด INVECS-II

โดย Space Wagon ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 299,000 – 600,000 บาท

Suzuki-APV

6. Suzuki APV

ซูซูกิ เริ่มกระโดดลงมาเล่นในตลาดรถ MPV ครั้งแรก โดยส่ง “Suzuki APV” (ซูซูกิ เอพีวี) ตัวโชว์มาก่อนในช่วงงาน Motor Expo ปี 2547 ก่อนจะวางจำหน่ายจริงในช่วงเดือนมีนาคม 2548 โดยนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งก็ได้รับความนิยมมากจากครอบครัวคนไทย เพราะนั่งได้มากถึง 8 ที่นั่ง รวมไปถึงตลาดรถแท็กซี่เองก็มีซื้อไปใช้เช่นกัน อีกทั้ง ซูซูกิ ยังนำมาดัดแปลงเป็นรถกระบะบรรทุกขนาดเล็กอย่าง “Carry” อีกด้วย และปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2551

Suzuki-APV

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส G16A แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 5,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.0 กก.-ม. (127 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

โดย APV ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 180,000 – 350,000 บาท

Suzuki-Ertiga

7. Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ติกา) รับช่วงสานต่อความสำเร็จต่อจากรุ่น APV พัฒนาให้ดีขึ้นในทุกมิติ เปิดตัวในบ้านเราเมื่อเดือนมีนาคม 2556 รถอเนกประสงค์แบบ MPV 7 ที่นั่ง ชูความสะดวกสบายสามารถปรับใช้งานได้หลากหลาย เจาะกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย

Suzuki-Ertiga

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร รหัส K14B แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT ให้แรงม้าสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.3 กก.-ม. (130 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20

โดย Ertiga ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 340,000 – 550,000 บาท

Chevrolet-Zafira

8. Chevrolet Zafira

Chevrolet Zafira (เชฟโรเลต ซาฟิร่า) เป็นการเปิดศักราชของ GM ภายใต้บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยลงทุนตั้งโรงงานประกอบที่ จ.ระยอง และทำตลาด Zafira ด้วยแบรนด์ Chevrolet เป็นรุ่นแรก (ไม่ใช้แบรนด์ Opel ในไทยอีกต่อไป) เปิดตัวในช่วงปี 2542 เป็นรถแบบ 7 ที่นั่ง รูปทรงกะทัดรัด ภายในห้องโดยสารออกแบบหรูหรา มีเบาะนั่งแบบ Flex7 สามารถพับเก็บได้สะดวกรวดเร็ว ถือเป็นจุดเด่นของ Zafira

มีเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร รหัส Z18XE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ECOTEC ให้แรงม้าสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 5,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

Chevrolet-Zafira

และเครื่องยนต์ขนาด 2.2 ลิตร รหัส Z22SE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ECOTEC ให้แรงม้าสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 22.3 กก.-ม. (203 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

โดย Zafira ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 89,000 – 180,000 บาท

Proton-Exora

9. Proton Exora

Proton Exora (โปรตอน เอ็กซ์โซร่า) เป็นการกลับมาของ บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ที่หันกลับมาขายแบรนด์ “Proton” (โปรตอน) รถยนต์จากประเทศมาเลเซีย กับรถแนว MPV 7 ที่นั่ง เปิดตัวไปในเดือนพฤศจิกายน 2552 มาพร้อมรูปทรงสง่างาม หรูหรา ตั้งแต่หัวจรดท้าย ดีไซน์ตัวถังตามหลัก Aerodynamics ภายในกว้างขวาง มีแอร์สำหรับที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 ด้วย
Proton-Exora

สำหรับ Exora และ Exora Prime มาพร้อมเครื่องยนต์ Campro ขนาด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน CPS และท่อไอดีแปรผัน VIM ให้แรงม้าสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 15.3 กก.-ม. (150 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด … มีรุ่นติดตั้งแก๊ส LPG ให้เลือกด้วยนะ

Proton-Exora-Turbo

ในปี 2555 จึงนำเข้า Exora Turbo มาเป็นตัวเลือกในตลาดเพิ่มอีกหนึ่งแบบ มีเฉพาะรุ่น High-Line มาพร้อมเครื่องยนต์ CFE ขนาด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.9 กก.-ม. (205 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000-4,000 รอบ/นาที

โดย Exora ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 185,000 – 340,000 บาท

Kia-Carens

10. KIA Carens

KIA Carens (เกีย คาเรนส์) เป็นรถรุ่นเดียวในกลุ่ม Mini MPV ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ภายในห้องโดยสารกว้างและยาว สูงโปร่ง เพียงพอกับ 7 ที่นั่ง และประหยัดน้ำมัน เป็นรถที่นำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ และเป็นรถมือสองที่หายากในบ้านเราอีกหนึ่งรุ่น

Kia-Carens

ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบเรียง CRDi Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 112 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 25.0 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

โดย Carens ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 180,000 – 260,000 บาท

Mr.CARRO หวังว่ารถครอบครัวมือสอง 10 รุ่น 10 คัน ในราคาคุ้มค่า ไม่เกิน 4 แสนบาท ที่นำมาเสนอนั้น น่าจะถูกใจหลายๆ คนกันนะครับ

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ สามารถขายรถคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

AMG-50th-Anniversary

เอเอ็มจี (AMG) ฉลองครบรอบ 50 ปี แห่งความสำเร็จ ในปี 2017

Mercedes-AMG-GT-Roadster

ถ้าพูดถึงสำนักแต่ง และชุดแต่งที่คนใช้รถ เมอร์เซเดส-เบนซ์ รู้จักกันดีที่สุด คงต้องยกให้ “AMG” ที่ออกเสียงในภาษาเยอรมันว่า “อามาเก้” หรือในภาษาอังกฤษ “เอเอ็มจี”

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Mercedes-AMG (เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี) ได้สร้างและรักษาชื่อเสียงของการเป็นผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตและรถยนต์สมรรถนะสูง ที่สะท้อนจากความสำเร็จ ทั้งด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตและด้านการพัฒนารถยนต์

MBTh_50th-Anniversary-of-Mercedes-AMG_Photos

เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Affalterbach (อัฟฟาวเตอร์บาค) ประเทศเยอรมนี ถือเป็นบริษัทลูกของกลุ่ม Daimler AG (เดมเลอร์ เอจี) โดยพนักงานของบริษัทฯ ต่างยึดมั่นในหลักการเดียวกัน คือการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ “ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ – Driving Performance” ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแบรนด์

https://www.youtube.com/watch?v=nJJWv7QVpDM

AMG ก่อตั้งขึ้นที่เมือง Burgstall (เบิร์กชตาร์ล) โดยมร.ฮานส์ แวเนอร์ อาวฟเรชท์ (Hans-Werner Aufrecht) และ มร.แอร์ฮาร์ด เมลเชอร์ (Erhard Melcher) ในปี 1967 ด้วยการใช้โรงโม่แป้งเก่าๆ เป็นที่ตั้งของโรงปรับแต่งรถแห่งแรก พร้อมใช้ชื่อว่า “ศูนย์วิศวกรรม ออกแบบ และทดสอบเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการแข่งขัน – Engineering office and design and testing centre for the development of racing engines” โดยตัวอักษร AMG นั้นมาจากคำว่า “Aufrecht and Melcher, Großaspach” (อาวฟเรชท์ และเมลเชอร์ จากหมู่บ้านโกรซาชปาค) ซึ่งหมู่บ้านดังกล่าวนี้ เป็นสถานที่เกิดของ มร.อาวฟเรชท์

MBTh_50th-Anniversary-of-Mercedes-AMG_Photos

ในปี 1971 เอเอ็มจีมีชื่อเสียงในชั่วข้ามคืน หลังจากที่รถยนต์ AMG 300 SEL 6.8 สีแดง ชนะการแข่งขันกับรถยนต์กลุ่มเดียวกันอย่างขาดลอยในรายการรถแข่งประเภท 24 ชั่วโมง ที่สนามสปา-ฟรังโกชอมป์ อีกทั้งยังสามารถทำคะแนนรวมได้เป็นอันดับ 2 ด้วย

เอเอ็มจี พัฒนาจากผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์สมรรถนะสูงเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตซาลูน และสปอร์ตคูเป้ หลังจากตั้งโรงงานที่เมืองอัฟฟาวเตอร์บาค ในปี 1976

AMG-500-SEC

มร.เมลเชอร์ พัฒนานวัตกรรมฝาครอบกระบอกสูบใหม่ ที่ทำงานสอดคล้องกับระบบวาล์วแบบ 4 วาล์ว/ลูกสูบ 1 ลูก (Four-Valve Technology) ด้วยตนเองในปี 1984 ซึ่ง AMG ประยุกต์ใช้นวัตกรรมนี้อย่างเป็นทางการครั้งแรกในเครื่องยนต์ V8 ความจุกระบอกสูบ 5 ลิตรของรถยนต์ Mercedes-Benz 500 SEC ความเก่งกาจของ มร.เมลเชอร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของปรัชญา “1 ช่างฝีมือต่อเครื่องยนต์ 1 เครื่อง – One Man, One Engine” ที่ Mercedes-AMG ยึดถือจนปัจจุบัน

Mercedes-AMG-W124

นวัตกรรมฝาครอบกระบอกสูบใหม่ที่ มร.เมลเชอร์ คิดค้นนั้น ใช้ในรถยนต์ Mercedes-Benz S-Class รุ่น AMG และรุ่นซาลูน ตั้งแต่ปี 1986 ก่อนจะเริ่มใช้กับ E-Class Coupé รหัสตัวถัง W124 ในปีต่อมา ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ มีกำลังถึง 360 แรงม้า จึงได้รับสมญาว่า “The Hammer” จากสื่อมวลชนด้านรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา

Mercedes-Benz-190-E-2.5-16-Evolution-II-DTM

ในปี 1988 AMG เป็นผู้ผลิตรถยนต์ Mercedes-Benz 190 E สำหรับการแข่งขัน และยังเป็นทีมงานผู้ดูแลทีมที่ใช้รถยนต์รุ่นดังกล่าวในการแข่งขันรายการเยอรมัน ทัวริ่ง คาร์ แชมเปียนชิฟ (DTM) ด้วย

Mitsubishi-Galant-AMG

Mitsubishi-Galant-AMG

Mitsubishi Galant AMG มาพร้อมชุดแต่ง และเครื่องยนต์ที่โมดิฟายโดย AMG

Mitsubishi-Debonair-AMG

Mitsubishi Debonair AMG รถธงจากค่าย Mitsubishi ที่โมดิฟายโดย AMG

นอกจากนั้น ทาง AMG (ก่อนที่จะเป็นบริษัท In-House ในเครือ Mercedes-Benz) ยังได้เคยโมดิฟายรถยนต์ให้กับทาง Mitsubishi ด้วย ดังที่ปรากฏใน Galant AMG และ Debonair AMG จัดเต็มทั้งเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งรอบคัน

AMG ตกลงร่วมมือกับ Mercedes-Benz ในปี 1990 โดย AMG เริ่มต้นเป็นผู้พัฒนาและผลิตรถแบบสปอร์ตของ Mercedes-Benz ตั้งแต่ปี 1991

Mercedes-C36-AMG

รถยนต์รุ่นแรกที่เอเอ็มจีผลิตร่วมกับกลุ่มบริษัทเดมเลอร์-เบนซ์ (ชื่อในขณะนั้น) คือรุ่น C 36 AMG ซึ่งวางจำหน่ายในปี 1993 ด้วยยอดขายสูงถึง 5,000 คันเมื่อนับถึงปี 1997 ถือเป็นรถยนต์ของ AMG ที่ขายดีที่สุดในขณะนั้น นอกจากนี้รถยนต์รุ่นนี้ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นรถ Safety Car อย่างเป็นทางการรุ่นแรกของการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวัน ในปี 1996 อีกด้วย

Mercedes-C32-AMG

รถยนต์รุ่น C 32 AMG ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2001 นั้นใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ที่พัฒนาขึ้นใหม่ร่วมกับเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร V6 พร้อม Super charger นอกจากนี้ยังมีระบบสัมผัสอันเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้ตามใจปรารถนา

Mercedes-Benz-SLS-AMG

รถสปอร์ต Mercedes-Benz SLS AMG ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2009 ถือเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกที่ Mercedes-AMG พัฒนาขึ้นโดยไม่อาศัยทีมงานภายนอกบริษัทเลย ซึ่งรถรุ่นนี้ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วโลก ด้วยเอกลักษณ์พิเศษมากมาย ทั้งเสียงเครื่องยนต์อันโดดเด่น สมรรถนะที่เหนือใคร และประตูที่ทรงปีกนกนางนวล

Mercedes-Benz-SLS-AMG-GT3

ในปี 2011 เอเอ็มจีผลิตรถแข่งรุ่นแรกของบริษัทฯ คือรถยนต์รุ่น SLS AMG GT 3 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ตลาดรถสปอร์ตที่มีสมรรถนะสูงเทียบเท่ารถแข่งของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์

Mercedes-AMG-GT-S

ในปี 2014 Mercedes-AMG ยังตอกย้ำภาพความเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับแถวหน้าของโลก ด้วยการนำเสนอรถสปอร์ตระดับเรือธงตระกูล Mercedes-AMG GT ที่พัฒนามาจากรากฐานของรถสปอร์ตตระกูล SLS ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นรถสปอร์ตตระกูลที่ 2 ที่พัฒนาโดย Mercedes-AMG ทั้งหมด แนวคิดต่างๆ ทั้งการวางเครื่องยนต์ให้อยู่บริเวณตอนกลางของตัวรถ (Mid-Engine Concept) เพลาส่งกำลังแบบใหม่ รวมทั้งโครงสร้างตัวถังที่ใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักนั้นเป็นผลจากความตั้งใจของทีมวิศวกรที่ต้องการขับ เน้นประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจที่สุด

Mercedes-AMG-A45

Mercedes-AMG จัดจำหน่ายรถยนต์ได้กว่า 70,000 คันในปี 2015 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ซึ่งตัวเลขนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการขยายกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ให้กว้างขึ้น ด้วยการนำเสนอ Compact สมรรถนะสูงตระกูล 43 รวมถึงรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น AMG ทั้งในตระกูล C-Class, SUV และ Compact

Mercedes-AMG ก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ในปี 2017 ด้วยสถิติยอดขายเกือบ 100,000 คัน ในปีก่อนหน้า

MBTh_50th-Anniversary-of-Mercedes-AMG_Photos

ปัจจุบัน นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2017 ลูกค้าของ Mercedes-AMG จะมีรุ่นรถยนต์ให้เลือกสรรสูงถึง 50 รุ่นที่ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์คอมแพค ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ ที่ทรงพลังที่สุด รถสปอร์ตรุ่น S 65 ที่ใช้เครื่องยนต์ 12 สูบ รถซาลูนและรถเอสเตทที่ใช้เครื่องยนต์หลากหลายแบบ หรือแม้แต่รถ SUV รถยนต์สไตล์ Coupe รถเปิดประทุน Cabriolet และ Roadster

MBTh_50th-Anniversary-of-Mercedes-AMG_Photos

และ Mercedes-AMG ยังเป็นผู้พัฒนาเครื่องยนต์แบบ 8 สูบ ทั้งสำหรับรถยนต์ Mercedes-AMG และรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ V8 โดยรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีกด้วย

โปรโมชั่นรถใหม่ ประจำเดือนตุลาคม 2560 เชิญชมได้ด้านล่างครับ.

Toyota

Toyota-Yaris-2017

Toyota Yaris ATIV

Toyota ปรับราคา Yaris และ Yaris ATIV ขึ้น 1-1.6 หมื่นรุ่นทุกย่อย

ราคาจำหน่าย Toyota Yaris ATIV ใหม่ มีดังนี้

– J Eco ราคาเดิม 469,000 บาท (เพิ่มขึ้น 10,000 บาท) เป็น 479,000 บาท
– J ราคาเดิม 529,000 บาท (เพิ่มขึ้น 10,000 บาท) เป็น 529,000 บาท
– E ราคาเดิม 549,000 บาท (เพิ่มขึ้น 10,000 บาท) เป็น 559,000 บาท
– G ราคาเดิม 599,000 บาท (เพิ่มขึ้น 10,000 บาท) เป็น 609,000 บาท
– S ราคาเดิม 619,000 บาท (เพิ่มขึ้น 16,000 บาท) เป็น 635,000 บาท

ราคาจำหน่าย Toyota Yaris ใหม่ มีดังนี้

– J Eco ราคาเดิม 479,000 บาท (เพิ่มขึ้น 10,000 บาท) เป็น 489,000 บาท
– J ราคาเดิม 529,000 บาท (เพิ่มขึ้น 10,000 บาท) เป็น 539,000 บาท
– E ราคาเดิม 559,000 บาท (เพิ่มขึ้น 10,000 บาท) เป็น 569,000 บาท
– G ราคาเดิม 609,000 บาท (เพิ่มขึ้น 10,000 บาท) เป็น 619,000 บาท

มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป

Nissan

Nissan-Leaf

โปรดีจากนิสสัน ข้อเสนอพิเศษ

Note

ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี*

“Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 4,150 บาท* [(สำหรับงวดที่ 1-60), เงินดาวน์ 30% (170,400 บาท), ดอกเบี้ย 3.89% และงวดที่ 61 (227,200 บาท),คำนวณจากรุ่น 1.2V CVT ราคา 568,000 บาท]

Almera

ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี

เลือกรับข้อเสนอพิเศษ*:
(1) “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 3,990 บาท [(สำหรับงวดที่ 1-60), เงินดาวน์ 30% (161,100 บาท),ดอกเบี้ย 2.13% และงวดที่ 61 (177,210 บาท), คำนวณจากรุ่น 1.2 E Sportech ราคา 537,000 บาท]
หรือ
(2) ดาวน์ต่ำสุด 19,999 บาท (คำนวณจากส่วนลดเงินดาวน์ 33,701 บาท ที่ดาวน์ 10% รุ่น 1.2 E Sportech ราคา537,000 บาท) และ คูปองน้ำมัน มูลค่า 8,000 บาท

Almera Nismo

ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี

เลือกรับข้อเสนอพิเศษ*:
(1) “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 3,990 บาท [(สำหรับงวดที่ 1-60), เงินดาวน์ 32% (174,720 บาท), ดอกเบี้ย 2.56% และงวดที่ 61 (180,180 บาท), คำนวณจากรุ่น 1.2E NISMO ราคา 546,000บาท]
หรือ
(2) ดาวน์ต่ำสุด 19,999 บาท (คำนวณจากส่วนลดเงินดาวน์ 34,601 บาท ที่ดาวน์ 10% รุ่น 1.2 E NISMO ราคา 546,000 บาท)

X-Trail

อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 0% (เงินดาวน์ 30% ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-48 เดือน)
ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี

Navara

Single Cab

ราคาพิเศษ 499,000 บาท*
ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี
* สำหรับ S/Cab S 6MT

King Cab

ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี
เลือกรับข้อเสนอพิเศษ:
(1) ข้อเสนอพิเศษ มูลค่า 80,000 บาท*
หรือ
(2) “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 4,500บาท [(สำหรับงวดที่ 1-60), เงินดาวน์ 24% (149,280 บาท), ดอกเบี้ย 1.92% และงวดที่ 61 (248,800 บาท), คำนวณจากรุ่น K/Cab 17.2MY S 6MT ราคา 622,000 บาท]
* สำหรับรุ่น K/Cab Sportech

Double Cab

ราคาพิเศษ 629,000 บาท*
ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี
* สำหรับรุ่น D/Cab S 6MT ที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น

Navara

Sportech

อัตราดอกเบี้ย 0* (เงินดาวน์ 25%, ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-48 เดือน)
ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี
เพิ่มมูลค่ารถเก่าเมื่อแลกซื้อรถใหม่ (Trade-in bonus) 10,000 บาท

Black Edition

อัตราดอกเบี้ย 0* (เงินดาวน์ 25%, ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-48 เดือน)
ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี

Sylphy

MY2016
ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี
อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% (เงินดาวน์ 30%, ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-48 เดือน)
ข้อเสนอพิเศษ มูลค่า 20,000 บาท

MY2018
ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี
อัตราดอกเบี้ย 0% (เงินดาวน์ 30%, ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-48 เดือน)

Teana

อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 0% (เงินดาวน์ 25%, ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-48 เดือน)
ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี

March (20 กม./ลิตร)

ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี

เลือกรับข้อเสนอพิเศษ*:
(1) “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 3,330 บาท [(สำหรับงวดที่ 1-60), เงินดาวน์ 23% (92,400 บาท), ดอกเบี้ย 1.15% และงวดที่ 61 (147,000บาท), คำนวณจากรุ่น 1.2 S MT ราคา 420,000 บาท] หรือ
(2) ดาวน์ต่ำสุด 4,999 บาท (คำนวณจากส่วนลดเงินดาวน์ 37,001 บาท ที่ดาวน์ 10% รุ่น 1.2 S MT ราคา 420,000 บาท)

– เงื่อนไขพิเศษนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับ บ. นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จก.
– สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถภายในวันที่ 1-31 ตุลาคม 2560

Honda

Honda-Promotion-10-2017

ออกรถฮอนด้า คุ้มค่า กับข้อเสนอพิเศษ วันนี้ – 31 ตุลาคม 2560

Mazda

Mazda2

Mazda2

ทางเลือกที่ 1 : ดอกเบี้ย 2.15% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี และ Mazda Care Program 3 ปี

ทางเลือกที่ 2 : ดาวน์ 5% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี

Mazda3

ดอกเบี้ย 1.99%
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี
และ Mazda Care Program 3 ปี

Mazda CX-3

ดอกเบี้ย 2.15%
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี
และ Mazda Care Program 3 ปี

Mazda CX-5

ทางเลือกที่ 1 : ดอกเบี้ย 0% นาน 6 ปี ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี และ Mazda Care Program 3 ปี

ทางเลือกที่ 2 : ดาวน์ 5% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี และ Mazda Care Program 3 ปี

ทางเลือกที่ 3 : ผ่อนเริ่มต้น 13,900 บาท/เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี และ Mazda Care Program 3 ปี

Mazda MX-5

ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี
และโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์สูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร

Mazda BT-50 PRO

ดาวน์เริ่มต้น 35,000 บาท
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี
และ Mazda Care Program 5 ปี

Mitsubishi

Mitsubishi-Attrage-Promotion-10-2017

ข้อเสนอสุดพิเศษ สำหรับมิตซูบิชิ มิราจ และ แอททราจ

ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 3 ปี พร้อมกล้อง Action Camera รวมมูลค่าสูงสุด 52,000 บาท*
ฟรี รับประกันคุณภาพรถยนต์ (Diamond Warranty) นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)**
ฟรี ค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)**
ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 3 ปี*
1 – 31 ต.ค. 2560

เงื่อนไข:
*สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจทุกรุ่น ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ตุลาคม 2560 รับฟรีเบี้ยประกันภัยชั้นหนึ่งไดมอนด์ โพรเทคชั่น พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลานาน 3 ปี มูลค่าสูงสุด 47,238 บาท ตามเงื่อนไขการรับประกันภัยและทุนประกันภัยที่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กำหนด และ รับฟรีกล้อง Action Camera ระบบ 4K มูลค่า 3,990 บาท โดยเงื่อนไขการรับประกันกล้องดังกล่าวเป็นไปตามที่ บริษัท แบรนด์ ไอเดนติตี้ แอนด์ อินโนเวชั่น จำกัด กำหนด อนึ่ง ลูกค้าควรศึกษาวิธีการใช้งาน และข้อควรระวัง ที่ระบุไว้ในคู่มือการใช้งานกล้อง

**การรับประกันคุณภาพรถยนต์ (Diamond Warranty) 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน) ระยะเวลาการรับประกันของชิ้นส่วนและอุปกรณ์แต่ละชนิดอาจแตกต่างกันตามที่ระบุไว้ในสมุดรับบริการและคู่มือการใช้รถ และรายการฟรีค่าแรงเช็คระยะนาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน) มูลค่า 7,650 บาท อัตราค่าแรงที่นำมาคำนวณอ้างอิงจากอัตราค่าแรงกลาง บริการฟรีเฉพาะค่าแรงเช็คระยะตามที่กำหนดไว้ในบัตรตรวจเช็คระยะฟรีในสมุดรับบริการและคู่มือการใช้รถ ซึ่งรถยนต์ของลูกค้าจะได้รับการตรวจสอบและบำรุงรักษาตามรายการที่ระบุไว้ โดยลูกค้าสามารถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาตรฐานของผู้จำหน่ายมิตซูบิชิที่ได้รับการแต่งตั้งเท่านั้น

Mitsubishi-Triton-Promotion-10-2017

ข้อเสนอสุดพิเศษ สำหรับมิตซูบิชิ ไทรทัน

ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 3 ปี พร้อมกล้อง Action Camera รวมมูลค่าสูงสุด 69,000 บาท
ฟรี รับประกันคุณภาพรถยนต์ (Diamond Warranty) นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)
ฟรี ค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)
ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 3 ปี
1 – 31 ต.ค. 2560

Mitsubishi-PajeroSport-Promotion-10-2017

ข้อเสนอสุดพิเศษ สำหรับมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่

ฟรี กล้อง Action Camera ระบบ 4K มูลค่า 3,990 บาท
ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 3 ปี
ฟรี รับประกันคุณภาพรถยนต์ (Diamond Warranty) นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)
ฟรี ค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)
ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 3 ปี
1 – 31 ต.ค. 2560

Mitsubishi-Promotion-9-10-2017

เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความพึงพอใจของลูกค้าของ มิตซูบิชิ เจ้าของรถยนต์ มิตซูบิชิ1 สามารถนำรถยนต์เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาตรฐานของ มิตซูบิชิ มากกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ เช็ครถยนต์ฟรี 21 รายการ พร้อมรับส่วนลดพิเศษ 10%1 สำหรับค่าอะไหล่ที่ร่วมรายการ รวมไปถึงเบรก โช๊คอัพ และเคมีภัณฑ์ เมื่อลูกค้านำรถยนต์เข้ารับบริการเช็คระยะ1 ทั้งนี้ ลูกค้าที่เข้ารับบริการตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป รับของที่ระลึกฟรีเป็น ไฟฉายฉุกเฉินอเนกประสงค์ มูลค่า 400 บาท โดยข้อเสนอพิเศษทั้งหมด มีผลตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2560

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมอบแคมเปญพิเศษให้กับลูกค้าใหม่ของ มิตซูบิชิ ฟรีกล้องแอคชั่น คาเมร่า พร้อม แพคเกจ 35531 ประกอบไปด้วย ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 3 ปี และฟรีการรับประกันคุณภาพรถยนต์นาน 5 ปี2 พร้อมฟรีค่าแรงการเช็คระยะนาน 5 ปี2 ทั้งยังมีบริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลานาน 3 ปี สำหรับผู้ซื้อรถยนต์ มิตซูบิชิ รุ่นใหม่ ทุกรุ่นทั้ง ปาเจโร สปอร์ต, ไทรทัน, แอททราจ และ มิราจ

1 เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯ กำหนด
2 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน

Isuzu

Isuzu-D-MAX-Promotion-10-2017

อีซูซุดีแมคซ์ บลูเพาเวอร์ ซื้อง่าย!… ทุกข้อเสนอ

(1) กรณีดาวน์ 5% / คำนวณจากรุ่นสเปซแค็บ เอส 1,900 ซีซี เกียร์ธรรมดา สีธรรมดา (2) ผ่อนเพียง 4,990 บาทต่อเดือน โดยคำนวณค่างวดต่อเดือนจากงวดที่ 1-59 สำหรับกรณีดาวน์ 28% ผ่อน 60 เดือน / อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย ณ เดือน ตุลาคม 2560 / คำนวณจากรุ่นสเปซแค็บ เอส 1,900 ซีซี เกียร์ธรรมดา สีธรรมดา / รายการส่งเสริมการขายนี้ไม่รวมถึงรถรับจ้าง รถเช่า รถที่ซื้อภายใต้เงื่อนไขพิเศษอื่นๆ และรถที่ขายฟลีท / บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า / เฉพาะผู้จำหน่ายอีซูซุที่ร่วมโครงการ / ของแถมไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้

Isuzu-D-MAX-V-Cross-Promotion-10-2017

ลุยเหนือชั้น เต็มพลังออฟโรด ตั้งแต่ 1-31 ต.ค. 2560

(*) เงื่อนไขเป็นไปตามที่สถาบันการเงิน (บริษัท ตรีเพชรอีซูซุลิสซิ่ง จำกัด) ที่ร่วมรายการกับบริษัทฯ กำหนด / รายการส่งเสริมการขายนี้ไม่รวมถึงรถรับจ้าง รถเช่า รถที่ซื้อภายใต้เงื่อนไขพิเศษอื่นๆ และรถที่ขายฟลีท / บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า / สำหรับผู้ที่ซื้อรถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ทุกรุ่น /อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย ณ เดือนตุลาคม 2560 / เฉพาะผู้จำหน่ายอีซูซุที่ร่วมโครงการ / ของแถมไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้

Isuzu-MU-X-Promotion-10-2017

เอกสิทธิ์พิเศษ เมื่อซื้อ ใหม่! อีซูซุมิว-เอ็กซ์ บลูเพาเวอร์ เงื่อนไขไฟแนนซ์สุดพิเศษดอกเบี้ยเพียง… 1.30% และเงื่อนไขพิเศษอื่นๆ วันนี้ – 31 ต.ค. 2560

*อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.30% เมื่อซื้อรถ ใหม่! อีซูซุมิว-เอ็กซ์ บลูเพาเวอร์ เงื่อนไขไฟแนนซ์เป็นไปตามที่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุลิสซิ่ง จำกัด กำหนดอ้างอิงดอกเบี้ยเดือน กันยายน-ตุลาคม 2560

MG

MG-Promotion-9-2017

MG Mega Bonus โปรโมชั่นสุดคุ้มค่าที่ทำให้คุณเป็นเจ้าของรถ MG ได้ง่ายขึ้น พบกับข้อเสนอสุดพิเศษ รถยนต์ MG ทุกรุ่น ที่โชว์รูม MG พร้อมกันทั่วประเทศ วันนี้ – 31 ต.ค. 2560

Chevrolet

Chevrolet-Promotion-9-2017

เชฟโรเลต… ฝนนี้มีเซอร์ไพรส์ ดอกเบี้ย 0.99% พิเศษ ฟรีประกันชั้น 1 ทุกรุ่น อย่าพลาด ข้อเสนอเฉพาะคุณ ที่โชว์รูมเชฟโรเลต ทั่วประเทศ 1-31 ต.ค. 2560

Honda-StepWGN-Spada

ปรับหน้าตาดูทันสมัย ควบคู่ไปกับเครื่องยนต์พลังไฮบริด

Honda StepWGN / StepWGN Spada (ฮอนด้า สเตปแวกอน / สเตปแวกอน สปาด้า) โฉมปัจจุบันที่วางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2015 ก็ได้เวลาปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ เพื่อช่วงชิงยอดขายจากคู่แข่งซะที

Honda-StepWGN-Spada

โดย StepWGN Spada โฉมไมเนอร์เชนจ์ที่คุณกำลังเห็นอยู่นี้ ทาง Honda ได้ปรับปรุงหน้าตาให้ดูทันสมัย (หรือดูเหมือนหุ่นยนต์?) และร่วมสมัยกับการออกแบบในฮอนด้ารุ่นอื่นๆ อาทิเช่น ชุดกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED รวมไปถึงชุดไฟท้ายแบบ LED และสปอยเลอร์หลังดีไซน์ใหม่ เป็นต้น

Honda-StepWGN-Spada

Honda-StepWGN-Spada

มาพร้อมมิติตัวถังยาว 4,695 มม. (รุ่น Spada 4,760 มม.) กว้าง 1,695 มม. สูง 1,840 มม. และระยะฐานล้อ 2,890 มม.

Honda-StepWGN-Spada

Honda-StepWGN-Spada

ห้องโดยสารภายใน สะดวกสบายด้วยเบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้ามี Heater ในเบาะ สนุกไปกับระบบ Infotainment แบบหน้าจอสัมผัส คอนโซลกลางติดตั้ง USB จ่ายไฟ 2 จุด ติดตั้งเครื่องเล่น DVD แบบพับเก็บได้ พร้อมหน้าจอขนาด 9 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Triple Zone และระบบฟอกอากาศ Plasma Cluster เป็นต้น

Honda-StepWGN-Spada

Honda-StepWGN-Spada

Honda StepWGN Spada ไมเนอร์เชนจ์ มาพร้อมระบบความปลอดภัย Honda Sensing ใหม่ ประกอบด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน – Adaptive Cruise Control (ACC), ระบบเตือนการชนด้านหน้าและตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์พร้อมระบบช่วยเบรก- Collision Mitigation Braking System (CMBS), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ – Lane Keeping Assist System (LKAS) รวมไปถึงระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ – Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW) เป็นต้น

Honda-StepWGN-Spada

Honda StepWGN Spada มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส L15B แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VTEC Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 20.7 กก.-ม. (203 นิวตันเมตร) ที่ 1,600-5,500 รอบ/นาที ประหยัดน้ำมันได้ดีเลยทีเดียว ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ตามโหมด JC08) ได้มากถึง 17.0 กม./ลิตร ในรุ่น B 2WD ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

และเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด 2.0 ลิตร รหัส LFA-H4 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC + i-MMD ให้แรงม้าสูงสุด 145 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 17.8 กก.-ม. (175 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้แรงม้าสูงสุด 184 แรงม้า (PS) ที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 32.1 กก.-ม. (315 นิวตัน-เมตร) ที่ 0-2,000 รอบ/นาที ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ตามโหมด JC08) ได้มากถึง 25.0 กม./ลิตร และส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

Honda StepWGN Spada มีสีให้เลือกทั้งหมด 8 สี และ 5 รุ่นย่อย ในราคาเริ่มต้นที่ 2,852,280 เยน ไปจนถึง 3,559,680 เยน

Honda-StepWGN-Spada

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก www.honda.co.jp

เจาะลึก-NewYaris

เจาะลึก! Toyota Yaris Hatchback ใหม่ มีเพิ่มอะไรให้บ้าง ในแต่ละรุ่นย่อย?

Toyota-Yaris-Head

หลังจากที่ Toyota ได้เปิดตัว Yaris Hatchback Minorchange (ยาริส แฮทช์แบ็ค ไมเนอร์เชนจ์) ไปแล้วเมื่อวานที่ผ่านมา เชื่อได้ว่าแฟนๆ โตโยต้า ที่กำลังสนใจและอยากซื้อรถใหม่ หรือกำลังต้องการศึกษาข้อมูลของ Yaris Hatchback ในตอนนี้ คงอยากรู้เป็นแน่แท้ว่า มีอะไรจัดมาให้ หรือเพิ่มขึ้นมาในแต่ละรุ่นย่อยบ้าง?

ทาง CARRO ขอรวบรวมข้อมูลอุปกรณ์มาตรฐานของ Yaris ทุกรุ่นย่อย มาให้ทุกท่านได้พิจารณากันครับ

Toyota Yaris Hatchback มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ได้แกรุ่น J ECO, J, E และ G มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 86 แรงม้า 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 11.0 กก.-ม. (108 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i

มิติตัวรถยาว 4,145 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475 มม. (รุ่น G 1,500 มม.) ระยะฐานล้อ 2,550 มม.

Toyota-Yaris-Safety

และสีใหม่! Citrus Mica Metallic (มาแทนสี Frozen Blue Metallic)

รุ่น J ECO ราคา 479,000 บาท

Toyota-Yaris-J-Eco-Grade

Toyota-Yaris-J-Eco-Grade-Interiorอุปกรณ์มาตรฐานรุ่น J ECO

– ล้อกระทะเหล็กแบบ 14 นิ้ว
– ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ ฮาโลเจน
– ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding
– เสาอากาศแบบสั้น
– ที่ปัดน้ำฝนแบบธรรมดา
– กระจกมองข้างสีดำ
– มือจับประตูสีดำ
– พวงมาลัยแบบยูรีเทน ปรับสูง-ต่ำ ได้
– เบาะนั่งหุ้มวัสดุผ้า
– กระจกไฟฟ้าคู่หน้า (ด้านหลังแบบมือหมุน)
– เบาะนั่งด้านหลังพับได้
– ไฟอ่านแผนที่
– Eco Meter
– กุญแจรีโมท
– ลำโพง 2 ตำแหน่ง (ไม่มีเครื่องเสียง)
– กระจกมองข้างแบบธรรมดา
– ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านนิรภัยด้านข้าง และ หัวเข่าฝั่งคนขับ)
– ระบบเบรก ABS/EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA
– ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
– ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC

รุ่น J ราคา 529,000 บาท

Toyota-Yaris-J-Grade

Toyota-Yaris-J-Grade-Interior

อุปกรณ์มาตรฐาน (ที่เพิ่มมาจากรุ่น J ECO)

– ล้อกระทะเหล็กแบบ 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ
– กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ
– มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ
– กระจกไฟฟ้า 4 บาน
– เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
– กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
– เครื่องเสียง AM/ FM / CD / MP3 / WMA พร้อม USB / AUX

รุ่น E ราคา 559,000 บาท
Toyota-Yaris-E-Grade

Toyota-Yaris-E-Grade-Interior

อุปกรณ์มาตรฐาน (ที่เพิ่มมาจากรุ่น J)

– ล้อแม็กขนาด 15 นิ้ว
– แผ่นกันความร้อนใต้ฝากระโปรง
– ที่ปัดน้ำฝนหน่วงเวลาและปรับตั้งเวลาได้
– กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
– กระจกบังลมหน้า Acoustic Glass
– กระจกแต่งหน้าบริเวณที่บังแดดคู่หน้า
– เบาะหลังปรับพับแยก 60:40
– แผงปิดห้องสัมภาระท้ายรถ
– มาตรวัดเรืองแสง
– จอแสดงข้อมูลการขับขี่ (MID)
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
– Bluetooth
– ลำโพง 4 ตำแหน่ง
– สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
– กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า
– สัญญาณกะระยะท้าย
– กุญแจ Immobilizer
– สัญญาณกันขโมย TDS

รุ่น G ราคา 609,000 บาท

Toyota-Yaris-G-Grade

Toyota-Yaris-G-Grade-Interior

อุปกรณ์มาตรฐาน (ที่เพิ่มมาจากรุ่น E)

– ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อม LED Light Guiding
– ไฟหน้าเปิด-ปิด อัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home
– ไฟส่องสว่างแบบ LED Daytime Running Lights
– ไฟตัดหมอกหน้า
– กระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม ด้านล่างสีดำเงา
– เสาอากาศแบบครีบฉลาม
– มือจับประตูโครเมียม
– พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง ตกแต่งด้วยแถบเมทัลลิก
– ระบบ Smart Entry และ Push Start

หากคุณกำลังตัดสินใจซื้อรถรุ่นนี้อยู่ ขอให้คำนึงว่า เรามีความต้องการใช้งานแบบไหน งบประมาณมีอยู่เท่าไหร่ เพราะออพชั่นบางอย่าง ก็อาจไม่ได้จำเป็นใช้งานเสมอไป ลองตัดสินใจหรือพิจารณาเลือกซื้อดู …

แต่ถ้าติดเรื่องงบประมาณ แนะนำให้ลองดู Yaris Hatchback มือสองสภาพดีๆ สักคัน หรืออยากได้ Yaris Hatchback รุ่นท็อปสุด ในราคาที่ถูกกว่ารถป้ายแดง ก็ลองเข้าไปเลือกค้นหาได้ที่ https://th.carro.co/ ครับผม!

New-YARIS-ยาริส

Toyota Yaris Hatchback ใหม่ มาพร้อม 4 รุ่นย่อย และ 7 สี ในราคาพิเศษ 479,000-619,000 บาท

Toyota-Yaris-2017

ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม 2549 เวลานั้น โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้แนะนำรถยนต์ Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) เข้าสู่ตลาดประเทศไทยเป็นครั้งแรก และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ต่อมาในเดือนตุลาคม 2556 โตโยต้า ได้เปิดตัว Yaris เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร สามารถสร้างยอดขายสะสมได้มากกว่า 150,000 คัน (ข้อมูลยอดขายสะสมถึงเดือนสิงหาคม 2560)

จนกระทั่งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โตโยต้าได้เปิดตัว Yaris ATIV ในรูปแบบของรถยนต์ซับคอมแพคซีดาน ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ตลอดทั้งคัน และถึงคิวของ Toyota Yaris Hatchback ที่ได้เวลาปรับโฉมบ้าง

Toyota เตรียมผลิต Yaris เพื่อส่งออกไปยัง 70 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะเริ่มผลิตรถรุ่นนี้ที่โตโยต้าเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมเริ่มส่งออกนับตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป และเป้าหมายการขายในปี 2560 ตั้งไว้ที่ 3,200 คัน/เดือน

Toyota-Yaris-2017

Toyota-Yaris-2017

Toyota-Yaris-2017

รูปทรงภายนอก สปอร์ต ถูกใจวัยรุ่น

ยาริส ใหม่ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นรถยนต์แฮทช์แบ็คขนาดเล็กที่จะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ วัยรุ่นที่ชอบความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร มีไลฟ์สไตล์ที่สนุกสนาน ภายใต้แนวคิด “New YARIS…YES, THAT’S RIGHT! ที่สุดของความใช่ ในสไตล์คุณ”

Toyota-Yaris-2017 Toyota-Yaris-2017

Toyota-Yaris-2017

Toyota Yaris Hatchback ภายนอกดีไซน์โฉบเฉี่ยวตลอดรอบคัน เน้นความสปอร์ตด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ LED Light Guiding ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Light แบบ LED และไฟตัดหมอกหน้า
ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding สะท้อนถึงความหรูหรา ทันสมัยอย่างลงตัว

ภายนอกและภายในดีไซน์โดดเด่น…Yes That’s Cool!

Toyota-Yaris-2017-Interior

Toyota-Yaris-Optitron-Meter

Toyota-Yaris-Air-Radio

ห้องโดยสารภายใน ดูดี หรูหรา ทันสมัย 

ห้องโดยสารดีไซน์ล้ำสมัย เน้นความกว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน

Toyota-Yaris-2017-Utility

Trunk-Space

อเนกประสงค์ทุกการใช้สอย

อีกทั้งยังเงียบและนุ่มนวลเหนือระดับรถยนต์ซับคอมแพคแฮทช์แบ็ค ด้วยการเพิ่มวัสดุซับเสียงรบกวนรอบคัน

Toyota-Yaris-Safety

สมรรถนะ ขับสนุกควบคุมได้ดั่งใจ…Yes That’s Fun!

Toyota-Yaris-Dual-VVT-i-Engine

เครื่องยนต์ DUAL VVT-i ขนาด 1.2 ลิตร ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ให้การตอบสนองต่อการขับขี่ที่ดีมากขึ้น ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่ อีกทั้งยังช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างยอดเยี่ยม

ระบบความปลอดภัยสูงสุดเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น…Yes That’s Safe!

Toyota-Yaris-7Airbags

มั่นใจด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดที่ครบครัน หนึ่งเดียวในรถยนต์แฮทช์แบ็คขนาดเล็ก ที่มีถุงลมนิรภัยระบบ SRS 7 ตำแหน่ง และอื่นๆ อาทิ ระบบสัญญาณเตือนสิ่งกีดขวางขณะถอยหลัง (ในรุ่น G และ E), ระบบไฟส่องสว่างหลังจากดับเครื่องยนต์(Follow-Me-Home) (เฉพาะรุ่น G), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill Start Assist Control), ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control) เป็นต้น

โตโยต้า จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการให้กับลูกค้าและผู้ที่สนใจ ได้สัมผัส ยาริส ใหม่ ที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศในวันที่ 22-24 กันยายน 2560 พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษ

สำหรับข้อเสนอพิเศษ ทาง Toyota มีโปรแกรม Convini-EXT ทางเลือกใหม่จากแพ็กเกจที่คุ้มค่าด้วยการรวมสิทธิประโยชน์ 3 รายการ ด้วยรูปแบบเงินดาวน์และดอกเบี้ยต่ำ พร้อมประกันภัย และการขยายการรับประกันคุณภาพ

Toyota-Yaris-J-Eco-Grade Toyota-Yaris-J-Eco-Grade-Interior– รุ่น J ECO เกียร์อัตโนมัติ ราคา 479,000 บาท*

Toyota-Yaris-J-Grade Toyota-Yaris-J-Grade-Interior– รุ่น J เกียร์ CVT ราคา 529,000 บาท*

Toyota-Yaris-E-Grade Toyota-Yaris-E-Grade-Interior– รุ่น E เกียร์ CVT ราคา 559,000 บาท*

Toyota-Yaris-G-Grade Toyota-Yaris-G-Grade-Interior– รุ่น G เกียร์ CVT ราคา 609,000 บาท*

Follow-Me-Home

*ราคาดังกล่าว เป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน เป็นราคาพิเศษในช่วงแนะนำ สำหรับลูกค้าที่จองและออกรถตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2560

Toyota-Yaris-Orange-Metallic

พร้อมเลือกเป็นเจ้าของ ยาริส ใหม่ 7 สี

(Citrus Mica Metallic / Orange Metallic / Red Mica Metallic / Super White / Silver Metallic / Gray Metallic / Attitude Black Mica)