Thailand-Monthly-Car-Sales-Volume

สถิติการขายรถยนต์เดือนเมษายนมีปริมาณการขาย 30,109 คัน ลดลง 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 74.7% และตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 58.4% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ภาครัฐฯ ออกมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ตั้งแต่การทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) และผู้บริโภคหยุดพิจารณาซื้อรถใหม่ เศรษฐกิจของประเทศที่แย่อยู่แล้ว ทำให้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์เป็นวงกว้าง ส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย และในทั่วโลก

ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 4 เดือน มีปริมาณการขาย 230,173 คัน ลดลง 34.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 36.6% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 32.6%

ในเดือนพฤษภาคม ภาครัฐฯ ได้เริ่มผ่อนปรนมาตรการปิดเมือง ปรับเวลาเคอร์ฟิว แต่ก็เริ่มให้เกิดกิจการหลายอย่าง เพื่อช่วยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ และหลายค่ายรถยนต์ได้กลับมาเปิดสายการผลิตอีกครั้ง ทำให้แนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนพฤษภาคมมีทิศทางดีขึ้น

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนเมษายน 2563

1.     ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 30,109 คัน ลดลง 65%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 11,084 คัน ลดลง 58.9% ส่วนแบ่งตลาด 36.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ
6,865 คัน ลดลง 55.4% ส่วนแบ่งตลาด 22.8%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 2,648 คัน ลดลง 76.6% ส่วนแบ่งตลาด  8.8%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 8,830 คัน ลดลง 74.7%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 2,906 คัน ลดลง 71.2% ส่วนแบ่งตลาด 32.9%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 2,229 คัน ลดลง 74.1% ส่วนแบ่งตลาด 25.2%
อันดับที่ 3 นิสสัน 1,072 คัน ลดลง 56.9% ส่วนแบ่งตลาด 12.1%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 21,279 คัน ลดลง 58.4%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 8,178 คัน ลดลง 51.5% ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 6,865 คัน ลดลง 55.4% ส่วนแบ่งตลาด 32.3%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,205 คัน ลดลง 73.1% ส่วนแบ่งตลาด  5.7%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน*  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 16,733 คัน ลดลง 59.4%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,019 คัน ลดลง 53.1% ส่วนแบ่งตลาด 41.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 6,267 คัน ลดลง 56.0% ส่วนแบ่งตลาด 37.5%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,205 คัน ลดลง 73.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.2%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 1,575 คัน
โตโยต้า 753 คัน –  อีซูซุ 322 คัน – มิตซูบิชิ 219 คัน – ฟอร์ด 211 คัน – เชฟโรเลต 45 คัน – นิสสัน 25 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 15,158 คัน ลดลง 58.2%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,266 คัน ลดลง 52.2% ส่วนแบ่งตลาด 41.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 5,945 คัน ลดลง 55.0% ส่วนแบ่งตลาด 39.2%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 994 คัน ลดลง 73.7% ส่วนแบ่งตลาด  6.6%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – เมษายน 2563

1.  ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 230,173 คัน ลดลง 34.2%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
67,245 คัน ลดลง 40.6% ส่วนแบ่งตลาด 29.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 49,263 คัน ลดลง 18.3% ส่วนแบ่งตลาด 21.4%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
31,326 คัน ลดลง 24.2% ส่วนแบ่งตลาด 13.6%

2.  ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 87,215 คัน ลดลง 36.6%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 26,188 คัน ลดลง 15.9% ส่วนแบ่งตลาด 30.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
21,567 คัน ลดลง 47.4% ส่วนแบ่งตลาด 24.7%
อันดับที่ 3 นิสสัน
9,763 คัน ลดลง 27.3% ส่วนแบ่งตลาด 11.2%

3.  ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 142,958 คัน ลดลง 32.6%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
49,263 คัน ลดลง 18.3% ส่วนแบ่งตลาด 34.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
45,678 คัน ลดลง 36.7% ส่วนแบ่งตลาด 32.0%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
11,031 คัน ลดลง 37.0% ส่วนแบ่งตลาด 7.7%

4.  ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 113,696 คัน ลดลง 34.6%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
45,887 คัน ลดลง 17.8% ส่วนแบ่งตลาด 40.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
39,752 คัน ลดลง 38.2% ส่วนแบ่งตลาด 35.0%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
11,031 คัน ลดลง 37.0% ส่วนแบ่งตลาด 9.7%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 11,415 คัน
โตโยต้า 4,073 คัน – มิตซูบิชิ 2,845 คัน – อีซูซุ 2,085 คัน – ฟอร์ด 1,509 คัน – เชฟโรเลต 589 คัน –นิสสัน 314 คัน

5.  ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 102,281 คัน ลดลง 32.4%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
43,802 คัน ลดลง 15.9% ส่วนแบ่งตลาด 42.8%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
35,679 คัน ลดลง 34.9% ส่วนแบ่งตลาด 34.9%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
8,186 คัน ลดลง 35.9% ส่วนแบ่งตลาด 8.0%
ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในยุคโควิด-19 ระบาด สามารถขายคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

The-3-Best-SUV-Nissan-Mazda-MG

รถในระดับ B-SUV ป้ายแดงยอดนิยม นับว่าเป็นรถที่ยอดฮิตมากในบ้านเรา มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 6 แสน ไปจนถึง 1 ล้านบาท ที่ขับเคี่ยวแข่งขันกันในตลาดรถยนต์อย่างดุเดือดกันมาหลายปี ถ้าไม่ติดว่าเจอโควิด-19 มาเสียก่อน เพราะตลาดกลุ่มนี้ ถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่พอสมควร จนค่ายรถหลายค่าย ต่างพยายามเต็มที่เพื่อเอาใจลูกค้ากลุ่มนี้ให้ได้ ซึ่งมีทั้งนักศึกษา คนวัยเริ่มต้นทำงาน ไปจนกระทั่งแม่บ้าน คนครอบครัวขนาดเล็ก เป็นต้น

CARRO Thailand จึงขอนำรถ B-SUV ยอดฮิตในหมู่คนไทย ที่เพิ่งเปิดตัวสดใหม่ช่วงต้นปี 2020 ด้วยกัน 3 แบรนด์ 3 รุ่น อย่าง Nissan Kicks (นิสสัน คิกส์) ที่วางแผนจะเปิดตัวกันในเดือนมีนาคม และในงาน Motor Show 2020 แต่โควิด-19 มา งานเลยล่มซะก่อน, Mazda CX-30 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-30) และ MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) พร้อมตารางราคา และอัตราดอกเบี้ย มาเปรียบเทียบกันให้เห็น แบบช้าๆ ชัดๆ!

หากใครสนใจรุ่นไหนอยู่ ลองคำนวณงบประมาณที่มี แล้วเลือกดูว่า จะผ่อนกันแบบไหนได้เลย 

ถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ในช่วงโควิด-19 สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

Nissan-Kicks-ePower-2020

Nissan Kicks e-Power 2020

ข้อดี : เป็นรถครอสโอเวอร์ไฮบริด ที่มาพร้อมจุดเด่นอย่างการใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไปปั่นกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน และจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าให้ขับเคลื่อนรถยนต์อีกที ซึ่งเป็นหลักการที่คล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV : Battery Electric Vehicle) แต่ไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เหมาะกับการขับรถทางไกล

ข้อด้อย : หลายคนอาจผิดหวังกับความประหยัด ว่าประหยัดได้เท่า Eco-Car และไม่มีระบบ Active Cooling ให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งเมืองร้อน (มาก) อย่างบ้านเรา ควรจะเพิ่มระบบหล่อเย็นจุดนี้ แม้ว่าแบตเตอรี่จะถูกออกแบบมาให้ทนความร้อนได้สูงก็ตาม

รายละเอียดตัวรถ : เป็นรถแบบ SUV ที่นิสสันพัฒนามาจากรถต้นแบบอย่าง Nissan Kicks Concept โดยเปิดตัวตัวรถผลิตขายจริงมาตั้งแต่ช่วงปี 2016 เพื่อทำตลาดในอเมริกาใต้เป็นหลัก ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม V แบบเดียวกับรถตระกูล Nissan Micra, Note, Pulsar หรือ Sylphy

ห้องโดยสารภายใน โดดเด่นด้วยการใช้สีทูโทนดำ – ส้ม (เฉพาะรุ่น VL) ด้วยแผงคอนโซล และเบาะหนัง พร้อมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับหน้าจอเครื่องเสียง ผ่าน Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigation System ผ่าน Google Map กับระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition ที่ใช้งานง่าย

แถมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุมากถึง 432 ลิตร และยังมีความลึกของห้องเก็บสัมภาระที่มากถึง 900 มม. โดยที่ยังไม่พับเบาะหลัง

เวลาขับยังมีระบบอัจฉริยะ ช่วยให้คนขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทาง ผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน จับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และนำไปประมวลผล แล้วแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอวิทยุ และทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือน เมื่อตรวจพบบุคคล หรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่

Nissan-Kicks-ePower-2020

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • หน้าจอ TFT Digital Meter ขนาด 7 นิ้ว บนมาตรวัด
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape
  • กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Intelligent Key
  • ปุ่ม Push Start
  • กุญแจระบบ Immobilizer
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
  • กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Anti-jam Protection ด้านผู้ขับ
  • ที่วางแก้วตอนหน้า 2 ตำแหน่ง
  • ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้า-หลัง 4 ตำแหน่ง
  • กล่องเก็บของด้านหน้า
  • ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า
  • ไฟห้องสัมภาระด้านท้าย
  • ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง
  • ระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา
  • ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ Nissan Connect จอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ลำโพง 6 ตำแหน่ง Bluetooth, USB, AUX-in, ฟังก์ชั่น Apple CarPlay สำหรับ iOS (เฉพาะรุ่น V และ VL)
  • ชุดเครื่องเสียงมาตรฐาน วิทยุ AM/FM, Bluetooth, USB, AUX-in และลำโพง 4 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น S และ E)
  • เทคโนโลยร One-Pedal คันเร่งอัจฉริยะ
  • ระบบ Intelligent Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชั่นชลอความเร็วและรักษาระยะห่างตามรถคันหน้า
  • ระบบ Intelligent Forward Collision Warning ช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า
  • ระบบ Intelligent Emergency Braking ช่วยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อชะลอความเร็วหรือหยุดรถ ลดความเสียหายที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุ
  • ระบบ Blind Spot Warning เตือนจุดอับสายตา
  • ระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนในขณะถอยออก
  • ระบบ Intelligent Around View Monitor กล้องอัจฉริยะรอบทิศทาง พร้อมเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อพบวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control
  • ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ Intelligent Ride Control
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง Intelligent Trace Control
  • ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด ประกอบด้วยคู่หน้า, ข้าง และม่านข้างซ้าย-ขวา (รุ่น VL) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า (ทุกรุ่น)
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ Pretensioner and Load Limiter Seatbelts
  • จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กเด็กแบบ ISOFIX
  • ระบบเบรก ABS, EBD และ BA
  • กระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror แสดงผลด้วยจอ LCD ที่แสดงภาพจากกล้องด้านหลังตัวรถ สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลระหว่างจอแสดงภาพ หรือภาพสะท้อนแบบปกติจากกระจกได้
  • ระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน

Nissan-Kicks-e-POWER-ECO-Sticker

ECO Sticker ของ Nissan Kicks e-POWER 2020

เครื่องยนต์ : เป็นแบบเบนซินขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE (แบบเดียวกับใน Note e-Power) แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด  79 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)

จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor รหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (95 กิโลวัตต์) ที่ 4,000-8,992 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 500-3,008 รอบ/นาที

หากรวมพลังทั้งหมด ให้แรงม้าสูงถึง 129 แรงม้า ที่ 4,000 – 8,992 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ที่ 500 – 3,008 รอบ/นาที และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23.8 กม./ลิตร (ตาม Eco Sticker) หรือ 4.2 ลิตร/100 กม.

มิติตัวรถ : ยาว 4,290 มม. กว้าง 1,760 มม. สูง 1,615 มม. ระยะฐานล้อ 2,615 มม.

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนพฤษภาคม 2563)

  • รุ่น S ราคา 889,000 บาท
  • รุ่น E ราคา 949,000 บาท
  • รุ่น V ราคา 999,000 บาท (ราคาหลังโปรโมชั่น 1,049,000 บาท ปรับขึ้น 50,000 บาท)
  • รุ่น VL ราคา 1,049,000 บาท (ราคาหลังโปรโมชั่น 1,103,900 บาท ปรับขึ้น 54,900 บาท)

Mazda-CX-30-2020

Mazda CX-30 2020

ข้อดี : รูปทรงใหญ่ เพราะเป็นรถที่ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Mazda3 เพิ่มทางเลือกระหว่างรุ่น CX-3 และ CX-5 แต่ในบ้านเราถูกจับรวมมาในกลุ่ม B-SUV ด้วย ภายในนั่งกัน 4 คนสบายๆ แต่เบาะหลังอาจจะต้องปรับหน่อย สำหรับผู้ที่สูง 170 ซม. ขึ้นไป การขับขี่ที่ง่าย ให้ความรู้สึกเหมือนขับ Mazda3 เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง หรือชอบที่ชื่นชอบรถ SUV แนวสปอร์ต

ความรู้สึกของการขับขี่ มีการเซ็ทช่วงล่างและโช๊คอัพ มาให้ใกล้เคียงกับใน Mazda3 นิ่มและนุ่ม ไม่ยวบไม่ยุบ (ถ้าไม่ใช้ความเร็วเข้าโค้งแรงๆ) แต่ว่าชิ้นส่วนชิ้นงานที่ใช้ไม่เหมือนกัน ยกเว้นระบบเบรก ที่ยกของ Mazda3 มาใช้ทั้งชุด แต่ปรับให้เหมาะสมกับความสูง และน้ำหนักของตัวรถมากกว่า พร้อมระบบ GVC Plus ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างเหมาะสม

ผนวกกับพวงมาลัยให้น้ำหนักที่หนืดได้อย่างพอเหมาะ และประตูไฟฟ้าด้านหลัง ใช้งานได้อย่างดี เหมาะสำหรับขนจักรยานพับได้ พาลูกหลานไปปั่นกันในวันหยุด และมีที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 430 ลิตร

ข้อด้อย : ความกว้างขวางอาจเป็นรอง เมื่อเทียบกับรถ SUV รุ่นอื่นๆ แต่นี่ก็ไม่ใช่ความคาดหวังของลูกค้าที่ซื้อ Mazda อยู่แล้ว กับเรื่องศูนยบริการ และราคาอะไหล่ในภายภาคหน้า และแอร์ด้านหลังไม่ค่อยเย็น หากขับรถขณะอากาศร้อนมาก ต้องเร่งแอร์ให้แรงขึ้น รวมถึงคนนั่งเบาะหลังอาจเวียนหัว หรือเมารถได้ เนื่องจากเบาะคู่หน้าขนาดใหญ่ ค่อนข้างทึบในมุมผู่นั่งด้านหลัง

รายละเอียดตัวรถ :All-New Mazda CX-30 เปิดตัวครั้งแรกในโลกเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2019 และเปิดตัวในไทยเมื่อ 6 มีนาคม 2563 ในช่วงที่โควิด-19 กำลังมา ซึ่งจะมาแทนที่เจ้า Mazda CX-3 นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 กับแนวคิด “Life’s Always On เติมชีวิตให้เต็มความหมาย” สง่างามด้วยดีไซน์จาก โคโดะ ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” เรียบง่ายแต่งดงาม มาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC PLUS

Mazda CX-30 มีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่นย่อย ได้แก่ 2.0 C, 2.0 S และ 2.0 SP กับสีที่มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ประกอบด้วย สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal), สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray), สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray), สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl), สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver), สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black), สีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บลู (Deep Crystal Blue)

All-New-Mazda-CX-30-2020

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED
  • ไฟส่องสว่างสําหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Light) แบบ LED Signature
  • ระบบเสียง Premium Sound จาก BOSE รอบทิศทาง พร้อมลําโพง 12 ตําแหน่ง และ Sub-Woofer (เฉพาะรุ่น 2.0 SP)
  • หน้าจอกลาง Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง
  • เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทาง (พร้อมปรับดันหลังไฟฟ้า Lumbar Support)
  • เบาะนั่งคนขับ พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง Memory Seat 2 ตำแหน่ง
  • ถุงลมนิรภัย 7 ตําแหน่ง (คู่หน้า 2 ตำแหน่ง, ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง,ม่านนิรภัย 2 ตำแหน่ง และหัวเข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง)
  • ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟา
  • เซ็นเซอร์กะระยะ 4 จุด และกล้องมองหลัง
  • หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น 2.0 SP)
  • ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (เฉพาะรุ่น 2.0 SP)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake
  • ระบบ Auto Brake Hold
  • ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
  • ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button

และ … ระบบความปลอดภัย i-Activsense (เฉพาะรุ่น 2.0 SP)

  • ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360 ̊ View Monitor)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
  • ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support)
  • ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)
  • ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing)
  • ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System)
  • ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)

เครื่องยนต์ : เบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว SkyActiv-G ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.4 กม./ลิตร (ขับขี่โดยเฉลี่ย ในเมือง-นอกเมือง ประมาณ 10-12 กม./ลิตร)

ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ ตัวเดียวกับที่วางอยู่ใน Mazda3 สามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร

มิติตัวรถ : ยาว 4,395 มม. กว้าง 1,795 มม. สูง 1,540 มม. ระยะฐานล้อ 2,655 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 175 มม. ล้อแบบล้อแม็ก 16 นิ้ว และแบบ 18 นิ้ว

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนพฤษภาคม 2563)

  • รุ่น 2.0 C ราคา 989,000 บาท
  • รุ่น 2.0 S ราคา 1,099,000 บาท
  • รุ่น 2.0 SP ราคา 1,199,000 บาท

New-MG-ZS-2020

MG ZS 2020

ข้อดี : MG ZS 2020 เป็นรถในรูปแบบ B-SUV ที่มีราคาจำหน่าย ถูกที่สุดในตลาดไทยเวลานี้! นับตั้งแต่เปิดตัวมาในเดือนกันยายน 2560 เป็นต้นมา รวมไปถึงรุ่นที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียวๆ อย่าง MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) ที่เปิดจำหน่ายไปเมื่อ 20 มิถุนายน 2562 ก็คงไม่ต้องพูดว่ากระแสตอบรับดีแค่ไหน ดูได้จากยอดการผลิต ZS ที่มากถึง 30,000 คันเข้าไปแล้ว (ยอด ณ เดือนมกราคม 2563)

เป็นรถยอดนิยมมากของคนมีครอบครัวเล็กๆ พ่อบ้าน แม่บ้าน ใช้งานได้อเนกประสงค์ ด้วยรูปทรงที่สวย ใหญ่ สง่าเหมือนรถ SUV จากยุโรป ทั้งภายนอกและภายใน สวย นั่งสบาย เรียกได้ว่าออพชั่น คุ้มราคามากๆ วัสดุการประกอบภายในถือว่าใช้ได้ รวมถึงการแก้ปัญหาของศูนย์บริการ และบริการหลังการขายดีกว่าแต่ก่อนมาก

ข้อด้อย : เครื่องยนต์อาจแรงไม่ทันใจใครบางคน ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย เฉลี่ย​ 10-13​ กม./ลิตร กับชื่อเสียงของ MG ZS ของโฉมที่ผ่านมากับการมีปัญหา ต้องเคลมกันยกใหญ่ ขึ้นยานแม่กันหลายคัน ส่วนศูนย์บริการที่อาจจะยังไม่มาก การหาอะไหล่เทียบ (ในอนาคตที่ไม่ได้เข้าศูนย์บริการ) ก็ต้องรอดูกันต่อไป รวมไปถึงราคาขายต่อในตลาดรถมือสอง ที่ไม่ใช่รถตลาด ราคาอาจตกมากหน่อย

รายละเอียดตัวรถ : เป็นรถ MG ที่ใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะใหม่ล่าสุด i-SMART ที่นับเป็นครั้งแรกของคนขับรถ สามารถควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในรถด้วยการสั่งการผ่านเสียงภาษาไทย รวมถึงรองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ สอดคล้องกับยุคอินเตอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่งหรือ IoT (Internet of Things)

พร้อมระบบ Emergency Call โทร-ส่งข้อความ-ระบุพิกัดรถไปยังเบอร์โทรที่ตั้งค่าไว้ เมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน, ระบบ Smart Connect เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ท เพื่อใช้งานระบบอินโฟเทนเมนท์ รวมถึงระบบนำทางและรายงานการจราจรแบบ Real-Time และระบบ Smart Check ช่วยตรวจสอบสถานะของรถ และช่วยเตือนเมื่อมีสถานะผิดปกติ ล็อค-ปลดล็อคประตู ค้นหารถด้วยระบบ Find My Car ช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะผ่าน MG Mobile Application เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้ทีเดียว ซึ่งฟังก์ชั่นในราคารถหลักล้านเหล่านี้ เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงมาก

มาพร้อมช่วงล่าง Euro Tuning Suspension ที่ให้การทรงตัวดีเยี่ยม ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลงและช่วงล่างหลังแบบ Torsion Beam ที่ช่วยให้การควบคุมขับขี่ได้ลงตัวมากขึ้น

New MG ZS มี 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น C+, D+ และรุ่นสูงสุดคือ X+ พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี คือ สีขาว Arctic White, สีแดง Scarlet Red, สีเงิน Silver Metallic และ สีดำ Black Knight

New-MG-ZS-2020

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • กระจังหน้าปรับแบบใหม่
  • ชุดไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมฟังก์ชั่นเปิด-ปิดอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น X+)
  • ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ทรงใหม่
  • ไฟตัดหมอกหน้า (ยกเว้นรุ่น C+)
  • กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว แบบพับอัตโนมัติ
  • ราวหลังคา (ยกเว้นรุ่น C+)
  • ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 17 นิ้ว (เฉพาะรุ่น X+)
  • หลังคา Panoramic Sunroof (เฉพาะรุ่น X+)
  • ภายในรถโทนสีดำ พร้อมเบาะผ้าสีดำ (เฉพาะรุ่น C+)
  • ภายในรถโทนสีน้ำตาล และดำ พร้อมเบาะหนังสังเคราะห์ (เฉพาะรุ่น D+ และ X+)
  • มาตรวัดดิจิทัลขนาด 7 นิ้วแบบ Digital Multi-Function Display แบบใหม่ (เฉพาะรุ่น D+ และ X+)
  • จอกลางแบบทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว จัดวางแบบกึ่งลอยตัว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay พร้อมฟังก์ชั่น Smart Check, Smart Command และ Smart Connect
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) (ยกเว้นรุ่น C+)
  • ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
  • ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล
  • ระบบกรองอากาศเพื่อกรองฝุ่นขนาดเล็กในระดับ PM 2.5
  • เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง (เฉพาะรุ่น X+)
  • กุญแจรีโมท Smart Key
  • ปุ่ม Push Start
  • กล้องมองภาพแสดงผล 360 องศา รอบคัน Around View Monitor (เฉพาะรุ่น X+), กล้องมองภาพถอยหลัง (เฉพาะรุ่น D+)
  • สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
  • เบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake
  • ระบบหน่วงเวลาการดับไฟหน้า เมื่อดับเครื่องยนต์ Follow Me Home Light
  • จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กแบบ ISOFIX
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (ยกเว้นรุ่น C+), ม่านถุงลมนิรภัย (เฉพาะรุ่น X+)
  • ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
  • ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
  • ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
  • ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
  • ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
  • ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control System)
  • ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) (เฉพาะรุ่น X+)
  • ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
  • ระบบจำกัดความเร็ว ASL (Active Speed Limit) (ยกเว้นรุ่น C+)

เครื่องยนต์ : เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 15S4C แบบ 4 DOHC สูบ 16 วาล์ว VTi – TECH ให้แรงม้าสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด ทุกรุ่น ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) สามารถปรับโหมดพวงมาลัยได้ถึง 3 โหมด คือ โหมด City สำหรับการขับขี่ในเมือง, โหมด Standard สำหรับการขับขี่ทั่วไป และโหมด Sport สำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ต ให้รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร

มิติตัวรถ : ยาว 4,323 มม. กว้าง 1,809 มม. สูง 1,628 มม. (รุ่น C+) 1,653 มม. (รุ่น D+ และ X+) ระยะฐานล้อ 2,585 มม. ล้อแบบอัลลอยขนาด 16 นิ้ว และ 17 นิ้ว (X+)

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนพฤษภาคม 2563)

  • รุ่น C+ ราคา 689,000 บาท
  • รุ่น D+ ราคา 739,000 บาท
  • รุ่น X+ ราคา 799,000 บาท

ตารางผ่อนดาวน์ Nissan Kicks e-POWER 2020 ใหม่

Nissan-Kicks-e-POWER-2020-ตารางผ่อนดาวน์

โปรโมชั่น Nissan Kicks e-POWER 2020 ใหม่

Nissan-Kicks-ePower-2020

All-New Nissan Kicks รุ่น V

  • ราคาช่วงเปิดตัว 999,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.69%* (เงินดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน)
  • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี*
  • ฟรี รับประกันระบบ e-POWER 5 ปี รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 ปี**
  • ฟรี ไส้กรองแอร์แบบพรีเมียม “Nissan Premium Air-Con filter”

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น

** รับประกันระบบรถยนต์ e-POWER เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือ ระยะทาง 100,000 โลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และ รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เป็นระยะเวลา 10 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กิโลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน โดยเป็นขยายการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเพิ่มเติม ภายในปีที่ 6-10 จาก ปีที่ 5 โดยเพิ่มระยะทางจาก 100,000 กิโลเมตรเป็น 200,000 กิโลเมตร โดยลูกค้าสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่เนื่องจากความเสียหาย ได้ 1 ครั้ง

All-New Nissan Kicks รุ่น VL

  • ราคาช่วงเปิดตัว 1,049,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.69%* (เงินดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน)
  • ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี*
  • ฟรี รับประกันระบบ e-POWER 5 ปี รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 ปี**
  • ฟรี ไส้กรองแอร์แบบพรีเมียม “Nissan Premium Air-Con filter”

* ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น

** รับประกันระบบรถยนต์ e-POWER เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือ ระยะทาง 100,000 โลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และ รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เป็นระยะเวลา 10 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กิโลเมตร (นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบ) แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน โดยเป็นขยายการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเพิ่มเติม ภายในปีที่ 6-10 จาก ปีที่ 5 โดยเพิ่มระยะทางจาก 100,000 กิโลเมตรเป็น 200,000 กิโลเมตร โดยลูกค้าสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่เนื่องจากความเสียหาย ได้ 1 ครั้ง

ตารางผ่อนดาวน์ Mazda CX-30 2020 ใหม่

Mazda-CX-30-2020-ตารางผ่อนดาวน์

ตารางผ่อนดาวน์ MG ZS 2020 ใหม่

MG-ZS-2020-ตารางผ่อนดาวน์

ในเวลานี้ ใครที่อยากขายรถ เพื่อซื้อรถใหม่ ต้อนรับปีใหม่นี้ ต้องนึกถึงเรา CARRO! เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand จ้า แค่นี้การเปลี่ยนรถใหม่ของคุณ ก็ง่ายขึ้นแล้ว

All-New-Nissan-Kicks-2020

Nissan Kicks e-POWER 2020 (นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์) ครอสโอเวอร์ไฮบริด โฉมไมเนอร์เชนจ์ เป็นรถใหม่ 2020 ที่น่าสนใจอีกรุ่น เตรียมเปิดตัวในไทยเป็นที่แรกของโลก 15 พ.ค. นี้! ผ่านทางช่องทางออนไลน์ เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป หลังจากที่เจอฤทธิ์ของโควิด-19 ถล่มจนต้องเลื่อนการจัดงานในเดือนมีนาคม 2563 มาเป็นเดือนพฤษภาคม 2563

สำหรับ Nissan Kicks e-POWER รุ่นไมเนอร์เชนจ์ มีการปรับรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ เช่นกันกับในตัว Nissan Serena e-Power รุ่นล่าสุดที่ขายในญี่ปุ่น อีกทั้งยังพร้อมส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น และมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 3 มิถุนายน 2020 ด้วย

Nissan-Kicks-ePower-2020

เดิมที Nissan Kicks เป็นรถแบบ SUV ที่นิสสันพัฒนามาจากรถต้นแบบอย่าง Nissan Kicks Concept โดยเปิดตัวตัวรถผลิตขายจริงมาตั้งแต่ช่วงปี 2016 เพื่อทำตลาดในอเมริกาใต้เป็นหลัก ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม V แบบเดียวกับรถตระกูล Nissan Micra, Note, Pulsar หรือ Sylphy

Nissan-Kicks-ePower-2020

การออกแบบมาเพื่อเป็นรถแบบเดียวกับ Nissan Juke แต่เน่นความเป็นพรีเมียมดีไซน์มากกว่า เริ่มต้นที่กระจังหน้าแบบ V-Motion ใหม่ เอกลักษณ์เฉพาะของนิสสัน ไฟหน้า LED เสริมด้วยระบบ Follow-Me-Home ไฟท้าย LED Signature Light ไปจนถึงไฟเบรก LED ใหม่ และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

มีมิติตัวรถยาว 4,290 มม. กว้าง 1,760 มม. สูง 1,615 มม. ระยะฐานล้อ 2,615 มม.

Nissan-Kicks-ePower-2020

ส่วนห้องโดยสารภายใน โดดเด่นด้วยการใช้สีทูโทนดำ – ส้ม (เฉพาะรุ่น VL) ด้วยแผงคอนโซล และเบาะหนัง พร้อมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา สะดวกสบายและเติมเต็มความเพลิดเพลินตลอดการเดินทางอย่างเร้าใจ กับ เทคโนโลยีเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับหน้าจอเครื่องเสียง ผ่าน Apple CarPlay อัปเดตโลกออนไลน์และสร้างความบันเทิงได้ตลอดการเดินทาง ไม่พลาดทุกการสื่อสาร โดดเด่นด้วยฟังก์ชันระบบนำทาง Navigation System ผ่าน Google Map และระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition ที่ใช้งานง่าย

พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุมากถึง 432 ลิตร และยังมีความลึกของห้องเก็บสัมภาระที่มากถึง 900 มม. โดยที่ยังไม่พับเบาะหลัง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

Nissan-Kicks-ePower-2020

เวลาขับก็ไม่ใช่เรื่องลำบากยากเย็น กับ ระบบอัจฉริยะที่ช่วยให้คนขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทาง ผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน จับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และนำไปประมวลผล จากนั้นแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอวิทยุ และยังทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ซึ่งตรวจจับและส่งสัญญาณเตือน เมื่อตรวจพบบุคคล หรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และให้ความมั่นใจในการขับขี่

Nissan-Kicks-ePower-2020

ตัวเทคโนโลยี e-POWER ที่นิสสันมานำเสนอใน Kicks เป็นรุ่นแรกของบ้านเรา ประกอบด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็กแบบ 3 สูบ 1.2 ลิตร, เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator), อินเวอร์เตอร์ และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์สันดาปภายในกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะผลิตกระแสไฟฟ้าไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี่แบบลิเธียม ไอออน (Lithium-Ion) มีขนาดกะทัดรัด และส่งผ่านไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนโดยไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก ให้ผู้ขับสัมผัสถึงการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในแบบรถยนต์ไฟฟ้า (BEV : Battery Electric Vehicle) 100%

Nissan-Kicks-ePower-2020

จุดเด่นคือเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE (แบบเดียวกับใน Note e-Power) แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด  79 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor รหัส EM57 เป็นลูกเดียวกับที่อยู่ใน Nissan Leaf ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (95 กิโลวัตต์) ที่ 4,000-8,992 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 500-3,008 รอบ/นาที

หากรวมพลังทั้งหมด ให้แรงม้าสูงถึง 129 แรงม้า ที่ 4,000 – 8,992 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ที่ 500 – 3,008 รอบ/นาที และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23.8 กม./ลิตร (ตาม Eco Sticker) หรือ 4.2 ลิตร/100 กม.

Nissan-Kicks-e-POWER-ECO-Sticker

ECO Sticker ของ Nissan Kicks e-POWER 2020

สำหรับโหมดการขับขี่ของ Nissan Kicks e-Power 2020 มีให้เลือกด้วยกัน 3 โหมด

  • EV MODE ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว โดยเครื่องยนต์จะไม่ผลิตไฟฟ้า ให้คุณสัมผัสถึงความเงียบสนิทและอีกขั้นของความประหยัด
  • S MODE เพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อนและตอบสนองอัตราเร่งให้ดียิ่งขึ้น
  • ECO MODE ปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง

Nissan-Kicks-ePower-Line-Up-2020

ออพชั่นเด่นๆ ของ Nissan Kicks e-POWER 2020 มีอะไรบ้าง ดูได้ตรงนี้เลย

  • หน้าจอ TFT Digital Meter ขนาด 7 นิ้ว บนมาตรวัด
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape
  • กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Intelligent Key
  • ปุ่ม Push Start
  • กุญแจระบบ Immobilizer
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
  • กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Anti-jam Protection ด้านผู้ขับ
  • ที่วางแก้วตอนหน้า 2 ตำแหน่ง
  • ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้า-หลัง 4 ตำแหน่ง
  • กล่องเก็บของด้านหน้า
  • ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า
  • ไฟห้องสัมภาระด้านท้าย
  • ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง
  • ระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา
  • ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ Nissan Connect จอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ลำโพง 6 ตำแหน่ง Bluetooth, USB, AUX-in, ฟังก์ชั่น Apple CarPlay สำหรับ iOS (เฉพาะรุ่น V และ VL)
  • ชุดเครื่องเสียงมาตรฐาน วิทยุ AM/FM, Bluetooth, USB, AUX-in และลำโพง 4 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น S และ E)
  • เทคโนโลยร One-Pedal คันเร่งอัจฉริยะ
  • ระบบ Intelligent Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชั่นชลอความเร็วและรักษาระยะห่างตามรถคันหน้า
  • ระบบ Intelligent Forward Collision Warning ช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า
  • ระบบ Intelligent Emergency Braking ช่วยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อชะลอความเร็วหรือหยุดรถ ลดความเสียหายที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุ
  • ระบบ Blind Spot Warning เตือนจุดอับสายตา
  • ระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนในขณะถอยออก
  • ระบบ Intelligent Around View Monitor กล้องอัจฉริยะรอบทิศทาง พร้อมเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อพบวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control
  • ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ Intelligent Ride Control
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง Intelligent Trace Control
  • ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด ประกอบด้วยคู่หน้า, ข้าง และม่านข้างซ้าย-ขวา (รุ่น VL) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า (ทุกรุ่น)
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ Pretensioner and Load Limiter Seatbelts
  • จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กเด็กแบบ ISOFIX
  • ระบบเบรก ABS, EBD และ BA
  • กระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror แสดงผลด้วยจอ LCD ที่แสดงภาพจากกล้องด้านหลังตัวรถ สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลระหว่างจอแสดงภาพ หรือภาพสะท้อนแบบปกติจากกระจกได้
  • ระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน

Nissan-Kicks-ePower-Price-2020

ราคาของ Nissan Kicks e-Power ใหม่

  • รุ่น S ราคา 889,000 บาท
  • รุ่น E ราคา 949,000 บาท
  • รุ่น V ราคา 999,000 บาท (ราคาหลังโปรโมชั่น 1,049,000 บาท ปรับขึ้น 50,000 บาท)
  • รุ่น VL ราคา 1,049,000 บาท (ราคาหลังโปรโมชั่น 1,103,900 บาท ปรับขึ้น 54,900 บาท)

Nissan-Kicks-ePower-Color-2020

All-New Nissan Kicks e-POWER มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ประกอบด้วย

  • สีดำ Black Star
  • สีขาว Storm White (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
  • สีแดง Radiant Red
  • สีเทา Gun Metallic
  • สีเงิน Brilliant Silver
  • สีส้ม Monarch Orange (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)

นอกจากนี้ยังมีสีทูโทน ใช้หลังคาสีดำ (เฉพาะรุ่น VL) อีก 4 สี คือ

  • สีขาว Storm White – ดำ (เพิ่มเงิน 15,000 บาท)
  • สีส้ม Monarch Orange – ดำ (เพิ่มเงิน 15,000 บาท)
  • สีแดง Radiant Red – ดำ (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
  • สีเทา Gun Metallic – ดำ (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)

ทุกรุ่นรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี, รับประกันระบบไฟฟ้า 5 ปี และรับประกันคุณภาพรถใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน สนใจจองได้ตั้งแต่วันนี้ การส่งมอบจะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน 2563 เป็นต้นไป

Nissan-Kicks-ePower-2020

ส่วนใครที่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฮบริดสักคัน ก็ลองขายรถคันเดิมแล้วเอาเงินไปซื้อ Nissan Kicks e-POWER มาใช้ดู เพียงลงขายรถคันเดิมง่ายๆ ได้ที่ Link นี้เลย https://th.carro.co/sell-car/express ให้ราคาดี รับเงินไว ปิดการขายได้ใน 24 ชั่วโมง หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand คลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Tesla-Model-3-Cuts-Price-For-China

ยังคงเป็นข่าวได้อย่างต่อเนื่องตลอดสำหรับพ่อหนุ่มวัย 48 อย่าง Elon Musk (อีลอน มัสก์) CEO ของ Tesla (เทสล่า) นับตั้งแต่เพิ่งมีลูกคนที่ 6 ในชื่อ “X Æ A-12 Musk” กับภรรยาคนที่สองชาวแคนาดา ซึ่งสร้างกระแสในโลกโซเชียลทันที ด้วยความแปลกของตัวอักษรว่าจะอ่านออกเสียงว่าอะไรดี ถึงจะถูกต้อง? รวมไปถึงความฉุนที่โรงงานใน Fremont ไม่สามารถเปิดอีกครั้งได้!

ช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา Tesla ที่มีโรงงานอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ก็มีข่าวว่ายอมลดราคา Tesla Model 3 (เทสล่า โมเดล 3) ลง ซึ่ง Tesla รั้งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากเป็นอันดับ 1 ของโลกในจีน และยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่มียอดขายมากที่สุดในโลก 2 ปีซ้อน คือ 2018 และ 2019

เพราะรัฐบาลจีน ประกาศลดเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาไม่เกิน 300,000 หยวน (หรือประมาณ 1,361,520 บาท) ยกเว้นรถยนต์ไฟฟ้าราคาที่สูงกว่า และติดตั้งแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งรัฐบาลจีนตอนนี้กำลังส่งเสริม และมีแบรนด์รถจีนหลายเจ้ากำลังทำอยู่

Tesla-Model-3-Cuts-Price-For-China

รถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาสูง อย่าง Tesla, BMW, Audi หรือ Mercedes-Benz ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เพราะถูกลดเงินอุดหนุนลง 10% โดยมีผลตั้งแต่ 23 เมษายน แต่จะมีช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านให้สามเดือน และหลังจากช่วงการเปลี่ยนผ่านในปี 2021 จะลดเงินอุดหนุนลง 20% และในปี 2022 เป็น 30%

ผลกระทบครั้งนี้ ต้องทำให้รถ Tesla ต้องปรับลดราคาของรถยนต์ไฟฟ้าตัวเอง โดยลดราคา Tesla Model 3 Standard Range Plus เหลือเพียง 271,550 หยวน (1,232,483 บาท) หลังจากได้รับเงินอุดหนุนคันละ 20,250 หยวน (91,908 บาท)

แต่ในรุ่นที่ไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ อย่าง Tesla Model 3 Standard Range ราคาปรับขึ้นมาที่ 303,550 หยวน (1,378,045 บาท) จาก 299,050 หยวน (1,357,616 บาท)

ส่วน Model 3 Long Range ที่เตรียมเปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2020 ราคาอยู่ที่ 344,050 หยวน (1,561,905 บาท) ซึ่งเทียบกับราคาก่อนหน้าที่โพสต์ไว้ในเว็บไซต์ 339,050 หยวน (1,539,206 บาท) ส่วนราคาก่อนรับเงินอุดหนุน ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

Tesla-Model-3-Cuts-Price-For-China

เป็นที่ทราบกันดีว่า Tesla เริ่มลงทุนใหญ่ในจีนโดยสร้างโรงงานผลิตรถของตัวเองที่เซี่ยงไฮ้ กว่า 2 พันล้านดอลล่าร์ และในเดือนมีนาคม 2020 ที่ผ่านมา Tesla มียอดจดทะเบียนในจีนมากถึง 12,709 คัน เมื่อเทียบจากในเดือนกุมภาพันธ์ ที่มีแค่ 2,314 คัน

ซึ่งในจีนตอนนี้ ธุรกิจยานยนต์ต่างก็ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไปเต็มๆ โดยยอดขายรถในจีน 3 เดือนแรกของปี 2020 ตกลงไปมากถึง 42% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่รัฐบาลจีนก็ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะสนับสนุนธุรกิจยานยนต์ เพื่อกระตุ้นยอดขายรถให้ขึ้นมาเหมือนเดิมอีกครั้ง

ส่วนใครที่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน ก็ลองขายรถคันเดิมแล้วเอาเงินไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ดู เพียงลงขายรถคันเดิมง่ายๆ ได้ที่ Link นี้เลย https://th.carro.co/sell-car/express ให้ราคาดี รับเงินไว ปิดการขายได้ใน 24 ชั่วโมง หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand คลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

M-FLOW-In-Expressway-And-Motorway

กระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการแก้ปัญหาจราจรบริเวณด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง ของทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ของกรมทางหลวง (ทล.) และทางด่วน ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ว่า จะเตรียมนำระบบเก็บค่าธรรมเนียมแบบไม่มีไม้กั้น หรือ M-FLOW ที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจจับป้ายทะเบียนรถแบบอัตโนมัติ หรือ Automated License Plate Recognition ซึ่งผู้ใช้งานไม่ต้องชะลอความเร็วเมื่อเข้าสู่ด่านจ่ายเงิน

ซึ่งจะเริ่มใช้งานนำร่องได้ในเดือนตุลาคม 2563 โดยให้กรมทางหลวง และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ไปร่วมทำงานให้เป็นระบบเดียวกัน หรือ Single Platform System เพื่อให้ใช้งานได้ทั้งมอเตอร์เวย์ และทางด่วน ได้อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2564

วิธีการก็จะเป็นการขับรถขึ้นทางด่วนไปตามปกติ แต่จะมีการส่งบิลใบเสร็จไปเก็บเงินเจ้าของรถทุกเดือน ในลักษณะ Post-Paid หรือ “ขึ้นก่อน จ่ายทีหลัง” คล้ายกับบิลค่าไฟฟ้า หรือบิลค่าน้ำประปา และสามารถชำระเงินตามช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้อย่างสะดวก แต่ถ้ามีกรณีไม่จ่ายค่าผ่านทาง จะมีการปรับเป็นจำนวน 10-15 เท่า ของยอดที่ใช้งานจริง

ซึ่งกรมทางหลวง จะเปิดประมูลเพื่อจัดจ้างเอกชนเข้ามาติดตั้งระบบ และจัดจ้างเอกชน (Outsource) เพื่อบริหารจัดการระบบ โดยกรมทางหลวง และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้กำกับ จะต้องได้รับค่าผ่านทางครบ 100%

M-FLOW-In-Expressway-And-Motorway

ระบบกล้องตรวจจับป้ายทะเบียนอัตโนมัติ ในการชำระค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ หรือ Automated License Plate Recognition นี้ จะสามารถตรวจจับป้ายทะเบียนได้ชัดเจน ภายใต้ความเร็วช่วงเข้าด่านไม่เกิน 80 กม./ชม. จะรองรับรถได้สูงถึง 1,200 คัน/ชม. มากกว่าระบบอัตโนมัติ M-Pass ที่ปัจจุบันรองรับได้ราว 500-800 คัน/ชม. แต่เป้าหมายของระบบ M-FLOW จะให้สามารถรองรับความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่ประกาศใช้บนทางด่วน และมอเตอร์เวย์ โดยจะสามารถรองรับรถได้สูงถึง 2,000-2,500 คัน/ช่องทาง ซึ่งจะทำให้รถเคลื่อนตัวหน้าด่านได้เร็วขึ้น และไม่มีปัญหารถติด

ทางกระทรวงคมนาคมได้วางแผนว่าจะมีการติดตั้งระบบ M-FLOW เพื่อนำร่องการใช้งานบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 (วงแหวนรอบนอก กทม. ด้านตะวันออก ช่วงบางปะอิน-บางพลี) ที่ด่านทับช้าง1, 2 และด่านธัญบุรี 1, 2 โดยเริ่มทดลองระบบการใช้งานได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ เป็นต้นไป

ในเดือนเมษายนนี้ จะลงนามสัญญากับที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียด จัดทำ TOR และกำหนดราคากลางสำหรับประมูล 2 งาน ได้แก่ งานติดตั้งระบบ และงานจัดจ้างบริหารจัดการระบบ ในเดือน มิ.ย. – ก.ค. 2563 เพื่อดำเนินการติดตั้งระบบในเดือน ส.ค. – ต.ค. 2563 และเปิดใช้ระบบในเดือนตุลาคม 2563

โดยจะแก้กฎกระทรวง เรื่องค่าธรรมเนียมให้ครอบคลุมรูปแบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจูงใจให้ผู้จ่ายค่าผ่านทางด้วยเงินสดหันมาใช้ระบบ M-FLOW มากขึ้น เพราะสะดวก และรวดเร็ว เพียงแค่สมัครยืนยันตัวตนและทะเบียนรถ ส่วนช่องทางเงินสด และช่องทาง M-Pass ยังคงใช้งานได้ตามปกติ

ถ้าหากคุณร้อนเงินในเวลานี้ เพราะโดนโควิด-19 เล่นงาน สามารถมา “ขายรถ” หรือรับเงินก้อนไปใช้ ในยุคโควิด-19 ได้ง่ายๆ กับ CARRO มั่นใจ! ปลอดภัน  และฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ ขายรถด่วน! —> เพิ่มเพื่อน

Thailand-Monthly-Car-Sales-Volume

สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนมีนาคม 2563 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 60,105 คัน ลดลง 41.7% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 20,698 คัน ลดลง 48.3% รถเพื่อการพาณิชย์ 39,407 คัน ลดลง 37.6% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 30,296 คัน ลดลง 41.8%

ปัญหาหลักๆ ที่ยอดขายรถบ้านเราตกลง เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต การทำธุรกิจ และภาวะเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ความสนใจในการซื้อรถใหม่ (และรถมือสอง) จึงชะลอตัว และผู้บริโภคยังระมัดระวังการใช้จ่าย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คน และเศรษฐกิจของประเทศและระดับโลก

ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 3 เดือน มีปริมาณการขาย 200,064 คัน ลดลง 24.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 23.6% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 24.4%

อย่างไรก็ตาม ค่ายรถยนต์ต่างๆ ยังคงพยายามหามาตรการเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะการนำเสนอผลิตภัณฑ์และกิจกรรมส่งเสริมการขายให้กับลูกค้า ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ซึ่งยอดขายของรถยนต์ใหม่ ในเดือนเมษายน 2563 ยังคงต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด!

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมีนาคม 2563

1.     ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 60,105 คัน ลดลง 41.7%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 17,332 คัน ลดลง 48.9% ส่วนแบ่งตลาด 28.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ
13,629 คัน ลดลง 21.8%
ส่วนแบ่งตลาด 22.7%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 7,506 คัน ลดลง 31.9% ส่วนแบ่งตลาด 12.5%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 20,698 คัน ลดลง 48.3%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า
6,070 คัน ลดลง 25.5%
ส่วนแบ่งตลาด 29.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
5,406 คัน ลดลง 55.6% ส่วนแบ่งตลาด 26.1%
อันดับที่ 3 มาสด้า
2,161 คัน ลดลง 56.5%
ส่วนแบ่งตลาด 10.4%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 39,407 คัน ลดลง 37.6%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
13,629 คัน
ลดลง 21.8%
ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
11,926 คัน ลดลง 45.2%
ส่วนแบ่งตลาด 30.3%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 2,930 คัน
ลดลง 47.5%
ส่วนแบ่งตลาด  7.4%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน*  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 30,296 คัน ลดลง 41.8%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
12,634 คัน
ลดลง 21.9% ส่วนแบ่งตลาด 41.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
10,349 คัน ลดลง 46.3%
ส่วนแบ่งตลาด 34.2%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
2,930 คัน
ลดลง 47.5% ส่วนแบ่งตลาด 9.7%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,081 คัน
โตโยต้า 962 คัน – มิตซูบิชิ 773  คัน – อีซูซุ 640  คัน – ฟอร์ด 419  คัน – เชฟโรเลต 228 คัน – นิสสัน 59 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 27,215 คัน ลดลง 39.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
11,994 คัน
ลดลง 19.7%
ส่วนแบ่งตลาด 44.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
9,387 คัน ลดลง 41.6%
ส่วนแบ่งตลาด 34.5%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
2,157 คัน
ลดลง 46.8% ส่วนแบ่งตลาด  7.9%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มีนาคม 2563

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 200,064 คัน ลดลง 24.1%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
56,161 คัน ลดลง 34.9% ส่วนแบ่งตลาด 28.1%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 42,398 คัน
ลดลง 5.6%
ส่วนแบ่งตลาด 21.2%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
28,678 คัน ลดลง 4.4% ส่วนแบ่งตลาด 14.3%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 78,385 คัน ลดลง 23.6%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 23,959 คัน เพิ่มขึ้น 6.4% ส่วนแบ่งตลาด 30.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
18,661 คัน ลดลง 39.6% ส่วนแบ่งตลาด 23.8%
อันดับที่ 3 นิสสัน
8,691คัน ลดลง 20.5% ส่วนแบ่งตลาด 11.1%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 121,679 คัน ลดลง 24.4%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
42,398 คัน ลดลง 5.6% ส่วนแบ่งตลาด 34.8%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
37,500 คัน ลดลง 32.2% ส่วนแบ่งตลาด 30.8%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
9,835 คัน ลดลง 29.4% ส่วนแบ่งตลาด 8.1%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 96,963 คัน ลดลง 26.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
39,620 คัน ลดลง 4.8% ส่วนแบ่งตลาด 40.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
32,733 คัน ลดลง 33.7%
ส่วนแบ่งตลาด 33.8%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
9,835 คัน ลดลง 29.4% ส่วนแบ่งตลาด 10.1%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 9,840 คัน
โตโยต้า 3,320 คัน
 – มิตซูบิชิ 2,626 คัน – อีซูซุ 1,763 คัน – ฟอร์ด 1,298 คัน – เชฟโรเลต 544 คัน – นิสสัน 289 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 87,123 คัน ลดลง 24.3%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
37,857 คัน ลดลง 2.5% ส่วนแบ่งตลาด 43.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
29,413 คัน ลดลง 29.4%
ส่วนแบ่งตลาด 33.8%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
7,209 คัน ลดลง 29.1% ส่วนแบ่งตลาด 8.3%
ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในยุค COVID-19 ระบาด สามารถขายคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

Tesla-Top-Sales-In-China-2020

สมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลประเทศจีน (CPCA – China Passenger Car Association) เปิดเผยเมื่อวันที่ 9 เมษายน ว่า Tesla มียอดขายรถยนต์ในประเทศจีนเมื่อเดือนมีนาคม 2020 มากถึง 10,160 คัน! ซึ่งถือว่าเป็นยอดขายสูงสุด ทำเอา Elon Musk (อีลอน มัสก์) ต้องดีใจกันอีกรอบ!

ในเวลานี้ Tesla (เทสลา) มีแผนที่จะผลิตรถ Tesla Model 3 ทั้งหมด 150,000 คัน ในโรงงานที่เซี่ยงไฮ้มูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นับเป็นยอดขายราวๆ 30% ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดที่ผลิตขายในจีน ซึ่ง Cui Dongshu เลขาธิการของ China Passenger Car Association เป็นผู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม

Tesla-Top-Sales-In-China

จากข้อมูลข้างต้น CPCA แม้ว่ายอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในภาพรวมทั้งหมดของเดือนมีนาคม จะลดลง 40.8% เมื่อเทียบจากปี 2019 อีกทั้ง CPCA ยังเผยถึงยอดขายรถของ Tesla ในเดือนกุมภาพันธ์ มียอดขายประมาณ 3,900 คันที่เพิ่มจากเดือนมกราคมถึง 2,620 คัน โดยการนับที่แตกต่างจากยอดการส่งมอบรถยนต์ของ Tesla

แม้ว่าในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ระบาดอย่างหนักในทั่วโลก กระทบถึงยอดขายรถใหม่และอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นแถวๆ แต่ Tesla กลับสร้างความตะลึงให้กับวงการรถยนต์ทั่วโลก ด้วยการทำยอดขายในจีนได้สูงเป็นประวัติการณ์ ที่ในอนาคต ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ในจีนต้องมากกว่านี้แน่นอน!

ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้ในช่วงโควิด-19 ระบาด CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

Tesla-Quarterly-Vehicle-Production-Deliveries

แม้ว่าไวรัสโควิด-19 (COVID-19) จะสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับเหล่าอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ที่ต้องหยุดการผลิตรถชั่วคราวไปกันเป็นแถวๆ แม้แต่ตัวบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังอย่าง Tesla (เทสลา) ก็โดนไปด้วยเช่นกัน แม้ว่า Tesla จะเคยเผชิญกับการขาดทุนรัวๆ ของบริษัท ไปเมื่อปีก่อนๆ มูลค่านับหลายร้อยล้านดอลล่าร์แล้ว เรื่องนี้ก็ถือว่ารับได้สบายๆ

Tesla-Factory

แต่เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา Tesla ได้ประกาศว่าในไตรมาสแรกของปี 2020 ที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2020 ทาง Tesla สามารถผลิตรถยนต์ได้มากถึง! 102,672 คัน นับว่าเป็นไตรมาสแรกที่ดีที่สุดของบริษัท นับตั้งแต่การก่อตั้งแบรนด์มาเลยทีเดียว

โดยทาง Tesla ส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้า พร้อมกับโอนรถและเอกสารทั้งหมดได้ 88,400 คัน ซึ่งตามจริงแล้วยอดการส่งมอบสุดท้ายอาจจะสูงกว่านั้น แต่เผอิญทาง Tesla ก็ต้องเผชิญเจ้าโควิด-19 เฉกเช่นเดียวกับค่ายรถอื่นๆ ด้วยเช่นกัน โดยโรงงานของ Tesla ที่ฟรีมอนต์ แคลิฟอร์เนีย และเซี่ยงไฮ้ ต้องชะลอการผลิต และใช้โรงงาน Gigafactory ในนิวยอร์ก เป็นที่ผลิตเครื่องช่วยหายใจไปก่อน

Tesla-Factory

ทาง Tesla ให้ข้อมูลว่ารถยนต์ Tesla Model S/X ผลิตได้ 15,390 คัน ส่งมอบให้ลูกค้าแล้ว 12,200 คัน และในส่วนของรถยนต์ Tesla Model 3/Y ที่เพิ่งเริ่มผลิตในเดือนมกราคม และส่งมอบในเดือนมีนาคม ผลิตได้ 87,282 คัน ส่งมอบแล้ว 76,200 คัน

เมื่อเทียบกับตัวเลขการส่งมอบรถยนต์ของ Tesla เมื่อปี 2019 นั้นอยู่ที่ 367,500 คัน เติบโตขึ้น 50% (จากปี 2018) และหากดูจากยอดการผลิตในปี 2020 นี้ ก็คาดเดาได้ว่าอาจจะสูงขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน ถ้าไม่เจอเจ้าโควิด-19 มาอยู่ยาว คอยขัดขาเอาซะก่อน!

แหล่งที่มาจาก:

Thailand-Monthly-Car-Sales-Volume

สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 68,271 คัน ลดลง 17.1% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 27,356 คัน ลดลง 15.6% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 40,915 คัน ลดลง 18.1% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 33,376 คัน ลดลง 18.5%

สาเหตุที่ตลาดรถยนต์นั่งบ้านเราลดลง 15.6% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ลดลง 18.1% เนื่องมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ ประหยัดและระวังเรื่องการใช้จ่าย

ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 2 เดือน มีปริมาณการขาย 139,959 คัน ลดลง 12.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 7.9% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 15.9% ซึ่งต้องจับตาดูยอดขายรถยนต์ในเดือนมีนาคม 2563 กันอีกครั้ง ว่าตัวเลขนั้นจะดิ่งลงมากกว่านี้แค่ไหน จากสถานการณ์ระบาดของ โควิด-19 ที่ยังไม่สามารถควบคุมได้!

อีกทั้งยังเกิดเรื่องที่ว่า มีพนักงานในสายการผลิตรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ติดโรค COVID-19 ขึ้ันมา รวมถึงการที่ภาครัฐขอความร่วมมือให้ทุกคนอยู่บ้าน ไม่ควรออกไปไหนถ้าไม่จำเป็น และการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายราย เริ่มพิจารณาการหยุดผลิตรถยนต์ชั่วคราว ซึ่งมีโรงงานที่หยุดการผลิตดังต่อไปนี้

  • Honda ปิดโรงงานที่โรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. – 30 เม.ย. 2563
  • Toyota ปิดโรงงานที่สำโรง จ.สมุทรปราการ, บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา และเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา ตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. – 17 เม.ย. 2563
  • Mazda ปิดโรงงานที่ จ.ระยอง ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. – 8 เม.ย. 2563
  • Ford ปิดโรงงานที่ จ.ระยอง ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. – 20 เม.ย. 2563

และสำหรับรายละเอียดด้านล่างนี้ เป็นปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ครับ

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 68,271 คัน ลดลง 17.1%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 18,606 คัน
ลดลง 27.2% ส่วนแบ่งตลาด 27.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ
14,484 คัน
ลดลง 2.1%
ส่วนแบ่งตลาด 21.2%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 9,761 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% ส่วนแบ่งตลาด 14.3%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 27,356 คัน ลดลง 15.6%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า
8,409 คัน
เพิ่มขึ้น 12.9%
ส่วนแบ่งตลาด 30.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
6,364 คัน
ลดลง 32.7% ส่วนแบ่งตลาด 23.3%
อันดับที่ 3 นิสสัน
3,013 คัน
ลดลง 13.8%
ส่วนแบ่งตลาด 11.0%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 40,915 คัน ลดลง 18.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
14,484 คัน
ลดลง 2.1%
ส่วนแบ่งตลาด 35.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
12,242 คัน ลดลง 23.9%
ส่วนแบ่งตลาด 29.9%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,508 คัน
ลดลง 17.2%
ส่วนแบ่งตลาด  8.6%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และรถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 33,376 คัน ลดลง 18.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
13,604 คัน
ลดลง 0.7% ส่วนแบ่งตลาด 40.8%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
10,599 คัน ลดลง 25.6%
ส่วนแบ่งตลาด 31.8%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
3,508 คัน
ลดลง 17.2% ส่วนแบ่งตลาด 10.5%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,539 คัน
โตโยต้า 1,183 คัน – มิตซูบิชิ 904  คัน – อีซูซุ 652  คัน – ฟอร์ด 450  คัน – เชฟโรเลต 192 คัน – นิสสัน 158 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 29,837 คัน ลดลง 15.7%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
12,952 คัน
เพิ่มขึ้น 0.4%
ส่วนแบ่งตลาด 43.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
9,416 คัน ลดลง 21.5%
ส่วนแบ่งตลาด 31.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
2,604 คัน
ลดลง 13.9% ส่วนแบ่งตลาด  8.7%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2563

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 139,959 คัน ลดลง 12.8%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
38,829 คัน ลดลง 25.8% ส่วนแบ่งตลาด 27.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 28,769 คัน
เพิ่มขึ้น 4.6%
ส่วนแบ่งตลาด 20.6%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
21,172 คัน เพิ่มขึ้น 11.5% ส่วนแบ่งตลาด 15.1%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 57,687 คัน ลดลง 7.9%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 17,889 คัน
เพิ่มขึ้น 24.5%
ส่วนแบ่งตลาด 31.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
13,255 คัน ลดลง 29.3%
ส่วนแบ่งตลาด 23.0%
อันดับที่ 3 นิสสัน
6,716 คัน เพิ่มขึ้น 3.8%
ส่วนแบ่งตลาด 11.6%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 82,272 คัน ลดลง 15.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
28,769 คัน
เพิ่มขึ้น 4.6%
ส่วนแบ่งตลาด 35.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
25,574 คัน ลดลง 23.8%
ส่วนแบ่งตลาด 31.1%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
6,905 คัน
ลดลง 17.3%
ส่วนแบ่งตลาด 8.4%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 66,667 คัน ลดลง 17.3%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
26,986 คัน เพิ่มขึ้น 6.2%
ส่วนแบ่งตลาด 40.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
22,384 คัน ลดลง 25.7%
ส่วนแบ่งตลาด 33.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
6,905 คัน
ลดลง 17.3% ส่วนแบ่งตลาด 10.4%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 6,759 คัน
โตโยต้า 2,358 คัน
มิตซูบิชิ 1,853 คันอีซูซุ 1,123 คันฟอร์ด 879 คันเชฟโรเลต 316 คันนิสสัน 230 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 59,908 คัน ลดลง 14.6%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
25,863 คัน
เพิ่มขึ้น 8.2%
ส่วนแบ่งตลาด 43.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
20,026 คัน ลดลง 21.7%
ส่วนแบ่งตลาด 33.4%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
5,052 คัน
ลดลง 17.3% ส่วนแบ่งตลาด 8.4%

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในยุค COVID-19 ระบาด สามารถขายคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

Tesla-One-Million-Cars-Production

หากเราจะเปรียบเทียบบริษัทรถยนต์ Tesla (เทสลา) ในแง่ของกำลังการผลิต ก็อาจจะสู้กับยักษ์ใหญในโลกยานยนต์อย่าง Toyota (โตโยต้า), GM (จีเอ็ม) หรือ Volkswagen (โฟล์คสวาเกน) ที่มียอดผลิตรถยนต์นับล้าน หรือสิบล้านคันต่อปีไม่ได้ก็ตาม แต่ล่าสุด CEO คนดังของเทสล่า อย่าง Elon Musk (อีลอน มัสก์) ได้ออกมาแสดงความยินดีพร้อมกับรถยนต์ Tesla Model Y ด้วยความภาคภูมิใจ

Tesla-Model-3

Tesla ถือกำเนิดครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2003 โดยการก่อตั้งของ Martin Eberhard และ Marc Tarpenning ซึ่งตั้งตามนามสกุลนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง นักประดิษฐ์ นักฟิสิกส์ และวิศวกรไฟฟ้าผู้สร้างนวัตกรรมล้ำยุคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ชาวเซอร์เบีย-อเมริกัน “Nikola Tesla” (นิโคลา เทสลา) ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2004 ก็ได้ Elon Musk เจ้าของฉายา “Iron Man” ก็ได้เข้ามาลงทุนในบริษัทก่อนจะได้ขึ้นเป็นประธานบริษัท ก่อนจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าแบบสปอร์ตเปิดประทุนของค่ายคันแรก Tesla Roadster ในปี 2008 ซึ่งในไทยก็เคยมีผู้นำเข้ามาจำหน่าย

ต่อมา Tesla เริ่มทำรถยนต์ไฟฟ้า ให้ทุกคนเข้าถึงเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น โดยออกแบบรถออกมา 4 รูปแบบ ในชื่อ “S E X Y” แม้ว่ารถ Tesla Model E จะถูกเปลี่ยนเป็น 3 ก็ตาม แต่ก็ต้องถือว่าเป็นการเล่นคำ เป็นอักษรตัว E ในภาษาอังกฤษ ก็สามารถกลับด้านมาให้ดูคล้ายเลข 3 ได้

Tesla-One-Million-Cars-Production

Tesla อาจจะใช้เวลายาวนานถึง 12 ปี กว่าจะผลิตรถยนต์ได้มากถึง 1 ล้านคัน แต่จากรายงานผลประกอบการเดือนมกราคม ของ Tesla ประกาศว่าจะส่งมอบรถยนต์กว่า 500,000 คันไปยังทั่วโลกในปี 2020 นี้ ซึ่งคาดได้เลยว่า ล้านที่สองของ Tesla คงไม่ไกลเกินฝันแน่ๆ ซึ่ง Tesla ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้ลูกค้ามากที่สุด แซงหน้ารถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง BYD ไปแล้วด้วย

ซึ่งรถ Model Y ซึ่งเป็นรถแบบ Crossover ก็คือรถคันที่ 1 ล้าน ที่ออกมาจากโรงงานของ Tesla นั่นเอง ซึ่งพร้อมส่งมอบในช่วงฤดูใบไม้ร่วง 2020 ของสหรัฐฯ

และในปี 2019 ที่ผ่านมา Tesla เพิ่งเปิดตัวรถกระบะ Cybertruck ที่จะขายในปี 2021 นี้ ก็สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ด้วยรูปทรง Polygon ที่แปลกตา ผลิตจากเหล็กกล้าไร้สนิม ในราคาที่จับต้องได้ แต่ก็มีเรื่องหน้าแตกอยู่นิดหน่อยตรงที่ Elon Musk เคลมว่ากระจกของรถ Tesla Armor Glass นั้นแข็งแกร่งนัก แต่ตอนเปิดตัวกลับกระจกร้าว ตอนสาธิตความแข็งแกร่งด้วยการขว้างลูกบอลเหล็กใส่ซะงั้น!

Tesla-One-Million-Cars-Production

อีกทั้ง Tesla ยังเริ่มต้นผลิตรถยนต์นอกสหรัฐฯ พร้อมส่งมอบรถยนต์คันแรกที่ผลิตจากโรงงาน Gigafactory 3 ในเซี่ยงไฮ้ เมื่อปลายปี 2019 ที่ผ่านมา และกำลังเตรียมสร้าง Gigafactory 4 ใกล้กับกรุงเบอร์ลินในประเทศเยอรมนี หลังจากศาลตัดสินให้สามารถตัดไม้ เพื่อสร้างโรงงานต่อไปได้ ท่ามกลางการคัดค้านของกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Gruene Liga Brandenburg …

และนี่ก็คือความฝัน ความตั้งใจของ Elon Musk ที่มาได้ไกลเกินฝันจริงๆ!

ส่วนใครที่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน ก็ลองขายรถคันเดิมแล้วเอาเงินไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ดู เพียงลงขายรถคันเดิมง่ายๆ ได้ที่ Link นี้เลย https://th.carro.co/sell-car/express ให้ราคาดี รับเงินไว ปิดการขายได้ใน 24 ชั่วโมง หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand คลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน