Keep-Plastic-Bottle-In-Car-Good-Or-Not

เรื่องนี้แม้ว่าจะเป็นเรื่องเก่าแล้ว แต่ก็ยังมีคนพูดถึงกันอยู่เรื่อยๆ เป็นประจำ กับการที่ต้องเก็บขวดน้ำดื่มไว้ในรถ แล้วต้องจอดรถตากแดดทั้งวัน เจออากาศร้อนๆ อบเข้าไป …

ยิ่งมีข่าวจากเว็บ Clickbait คอยโพสกันอยู่เรื่อยว่าเมื่ออากาศร้อนมากๆ หรืออุณหภูมิสูงๆ จะมีสาร BPA (Bisphenol A) หรือสาร Dioxin ในพลาสติกจะออกมาปนเปื้อนกับในน้ำ เมื่อดื่มเข้าไปบ่อยๆ ส่งผลต่อความผิดปกติของพันธุกรรม และยังเสี่ยงต่อการเกิดเป็นโรคมะเร็งได้

ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด! ในปัจจุบันก็ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัด เกี่ยวกับสารเคมีต่างๆ ที่ละลายออกมาจากขวดพลาสติกที่ใส่น้ำ แต่จะมีอะไรบ้างนั้น MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟัง

Keep-Plastic-Bottle-In-Car-Good-Or-Not

ปัจจุบัน ขวดน้ำพลาสติก นิยมทำจากพลาสติก 2 ชนิด ที่มีคุณสมบัติทนทาน มีน้ำหนักเบา เวลาขนส่งไม่แตกได้ง่าย คือ ขวดพลาสติกแบบ PE หรือ Polyethylene (โพลีเอทิลีน) ซึ่งจะมีสีขาวขุ่น

ส่วนขวดพลาสติกแบบไม่มีสี หรือขวด PET (Polyethylene Terephthalate) ซึ่งเป็นที่นิยมใช้มากกว่า ที่คนไทยรู้จักดีนั้น สามารถเก็บน้ำและวางไว้ในรถได้ แม้จะตากแดดร้อนๆ ก็ตาม …

โดยมีงานวิจัยจาก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ทดลองโดยซื้อตัวอย่างน้ำดื่มที่บรรจุในขวดพลาสติกชนิด Polyethylene, Polyethylene Terephthalate, Polyethylene Polycarbonate และ Polyvinyl Chloride ที่จําหน่ายในตลาดสดและซุปเปอร์มาเก็ต จํานวน 18 ยี่ห้อ และนําไปวางในรถที่จอดกลางแดดเป็นเวลา 1 วัน และ 7 วัน

จากนั้นตรวจวิเคราะห์สารประกอบกลุ่ม Dionxin จํานวน 17 ตัว และ PCB จํานวน 18 ตัว โดยใช้เทคนิคขั้นสูง Isotope Dilution และวัดปริมาณด้วยเครื่องมือ High Resolution Gas Chromatography/High Resolution Mass Spectrometry ผลการวิเคราะห์สรุปว่า ตรวจไม่พบ สารประกอบกลุ่ม Dionxin และ PCB ในทุกตัวอย่าง

Keep-Plastic-Bottle-In-Car-Good-Or-Not

สรุปว่า ขวดน้ำพลาสติกที่เก็บในรถตอนแดดร้อนๆ นั้น ไม่ได้อันตรายหรือเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง เพราะขวด PET ก็สามารถเก็บน้ำไว้ได้นาน (แต่ไม่ใช่ตากแดดทั้งวันเป็นปีนะ) โดยมาตรฐานของขวด PET ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดไว้ว่าต้องทนต่อความร้อนจัด ตั้งแต่ 60’C ถึง 95’C

ซึ่งการออกแบบขวดน้ำพลาสติกเหล่านี้ แม้ว่าจุดประสงค์หลักคือการใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งก็ตาม ถ้าหากจะใช้ซ้ำต้องล้างให้สะอาด แล้วผึ่งให้แห้ง ก่อนนำมาใช้งานใหม่ได้ แต่การล้างปากขวดนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการใช้หลายๆ ครั้ง ถ้าล้างปากขวดไม่สะอาดอาจกลายเป็นที่สะสมเชื้อโรคได้!

แหล่งที่มาจาก:

Popular-Cars-In-Iran-From-Iranian

เริ่มต้นช่วงปีใหม่มานี้ ก็มีข่าวให้ได้ระทึกโลกกันอีกครั้ง จากการที่ ประธานาธิบดี Donald Trump (โดนัลด์ ทรัมป์) แห่งสหรัฐฯ สั่งสังหาร Qasem Soleimani (พลตรี คาเซ็ม โซไลมานี) วัย 62 ปี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ สังกัดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (Revolutionary Guard Corps) โดยการใช้โดรนถล่มด้วยจรวดหลายลูก ที่สนามบินในกรุงแบกแดด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ม.ค. ตามเวลาของอิรัก

ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน เข้าสู่จุดเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่อิหร่านจับชาวอเมริกัน 52 คน เป็นตัวประกันเมื่อปี 1979 ทำให้หลายประเทศทั่วโลกก็เกิดความหวั่นวิตก กลัวมีสงครามโลกครั้งที่ 3

Total-Export-Iran-Automotive-2005-2013

การส่งออกรถยนต์นั่งของอิหร่านไปยังต่างประเทศ ในช่วงปี 2005 – 2013 ช่วงที่ยังโดนสหรัฐฯ และหลายๆ ชาติ คว่ำบาตร (แหล่งที่มา ILIA-Corporation)

และนอกจากสงครามการค้าที่สหรัฐฯ มีต่อจีนช่วงก่อนหน้า ก็ได้สร้างผลกระทบกระเทือนไปในระบบเศรษฐกิจทั่วโลกแล้ว รวมถึงของไทยด้วย ซึ่งทางอิหร่านตอนนี้ก็ประกาศจะล้างแค้นสหรัฐฯ แน่ๆ ถึงขั้นให้รางวัลนำจับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ 80 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (หรือ 2.4 พันล้านบาท) เลยทีเดียว! หากใครนำหัวของ โดนัลด์ ทรัมป์ มาได้!

แต่เนื่องจากในอดีตนั้น อิหร่าน ได้ให้ให้ความสำคัญกับโครงการนิวเคลียร์ จนถูกสหรัฐฯ และประชาคมโลกคว่ำบาตรอิหร่านอย่างหนัก การส่งออกน้ำมัน และเศรษฐกิจของอิหร่าน ได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล ทำให้เทคโนโลยีต่างๆ จึงหยุดชะงักตามไปด้วย

และก็มีผลกระทบมาถึงอุตสาหกรรมยานยนต์เช่นกัน ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองลงมาจากอุตสาหกรรมน้ำมัน แต่อุตสาหกรรมรถยนต์ในอิหร่านก็ยังมีการแข่งขันค่อนข้างสูงกว่าแต่ก่อนมาก จึงอาจไม่กระทบมากนัก MR.CARRO ขอยกตัวอย่างรถยอดนิยมของคนอิหร่าน ว่าในปัจจุบันยังคงนิยมใช้รถอะไรกันบ้าง?

Paykan-Iran-Khodro

1. Paykan

รถยนต์ยี่ห้อ Paykan ซึ่งเป็นรถยนต์ประจำชาติอิหร่าน ผลิตขึ้นโดยบริษัท Iran Khodro (อิหร่าน โคดรู) (ในอดีตเรียกว่า Iran National) เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกกลาง ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 29 สิงหาคม 1962 เน้นผลิตรถขายกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

ซึ่งได้เซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์การผลิตมาจากรถยนต์ Hillman Hunter รุ่นปี 1966 ของค่าย Rootes ในเครือ Chrysler Europe มาผลิต (ซึ่งต่อมา กลุ่ม Rootes ก็ล้มละลาย จนโดน Peugeot เข้าควบรวมกิจการไปในปี 1978) ตั้งแต่ในปี 1967 ซึ่งเป็นการนำชิ้นส่วนเข้าผลิตในรูปแบบ CKD

ต่อมาในช่วงกลางยุค 70 จึงเริ่มประกอบขายในอิหร่านมาจนถึงปี 2005 และในปี 2015 สำหรับรุ่นกระบะ โดยมีทั้งรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร, 1.7 ลิตร และ 1.8 ลิตร

แม้ว่ารัฐบาลอิหร่านจะหยุดผลิตรถยนต์ยี่ห้อ Paykan ในปี 2548 แต่รถรุ่นนี้ ในอิหร่านก็ยังคงมีวิ่งอยู่อย่างมากมาย

Peugeot-405-SLX-Iran

2. Peugeot 405 / Safir / Pars / RD / ROA

นับได้ว่าเป็นรถยอดนิยมสุดๆ ของชาวอิหร่านอีกหนึ่งรุ่นเลย สำหรับ Peugeot 405 (เปอโยต์ 405) ที่ออกมาตั้งแต่ปลายยุค 80 และเลิกจำหน่ายในตลาดโลกไปนานแล้ว แต่ที่นี่ยังมีผลิตขายอยู่! โดยบริษัท Iran Khodro

ต่อมาได้ถูกปรับปรุงรูปโฉมใหม่ ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมกับแตกชื่อรุ่นออกไปเป็น Peugeot Safir และ Peugeot Pars มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร, 1.8 ลิตร และ 1.9 ลิตร (เครื่อง 1.9 ลิตร ปัจจุบันเลิกผลิตไปแล้ว)

แต่รถ Peugeot รุ่นอื่นๆ ก็ยังเป็นที่นิยมอย่างมากด้วยเช่นเดียวกันในอิหร่าน เช่น 206, 206 SD, 207i, 207i SD หรือ 406 เป็นต้น

IKCO-Dena-Iran

3. IKCO

IKCO หรือ Iran Khodro ได้ตัดสินใจผลิตรถออกมาขายในแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งมีการปรับรูปโฉมตัวรถใหม่หมดทั้งคัน ใน 4 รุ่น ได้แก่ Samand / Soren / Dena / Dena Plus แต่ยังคงใช้พื้นฐานของ Peugeot 405 อยู่เช่นเดิม แถมยังมีการส่งออกไปจำหน่ายในบางประเทศอีกด้วย อาทิ จีน, ยูเครน, อาเซอร์ไบจาน, เซเนกัล, ซีเรีย หรือ เวเนซุเอลา เป็นต้น

เครื่องยนต์ของทั้ง 4 รุ่นนี้ ยังคงมีทั้งแบบของ PSA Peugeot ขนาด 1.6 ลิตร และ 1.8 ลิตร และเครื่องยนต์ขนาด 1.7 ลิตร ที่ทาง IKCO ผลิตขึ้นมาเอง ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เท่านั้น

Saipa-131-Iran

4. Saipa

สำหรับ Saipa (ชื่อบริษัทรถนี้ ย่อมาจากภาษาฝรั่งเศส Société Anonyme Iranienne de Production des Automobiles Citroën) ก่อตั้งขึ้นในปี 1965 จัดเป็นบริษัทคู่แข่งที่สำคัญของ Iran Khodro เพราะเน้นผลิตรถเจาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเช่นกัน และรับจ้างผลิตรถยนต์ให้กับหลายๆ แบรนด์ด้วยเช่นกัน อาทิ Nissan, Renault, KIA, Changan และ Dongfeng

สำหรับรถยอดนิยมของผู้ผลิตค่ายนี้ ก็มีอยู่หลากหลายรุ่น เช่น Saipa 111, 131, 132, Ario, Quick หรือ Tiba รวมไปถึงรถกระบะโบราณของ Nissan Junior ที่ยังมีผลิตมาจนถึงทุกวันนี้ อย่าง Z24

บริษัท Iran Khodro และบริษัท Saipa เป็นบริษัทที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุด คือร้อยละ 96 ของตลาดรถยนต์ภายในประเทศทั้งหมด ส่วนบริษัทผลิตรถยนต์อื่นๆ ที่เป็นค่ายผู้ผลิตรถยนต์อิสระ เช่น Bahman Group, Kerman Motors, Kish Khodro, Runiran, Traktorsazi, Shahab Khodro และอื่นๆ (ยอดสำรวจในปี 2009)

ถ้าคุณเกิดอยากตัดสินใจขายรถด่วนๆ สามารถขายรถคันเดิมกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

Compare-Maintenance-Cost-Nissan-Almera-2020-VS-Honda-City-2020

ต้องบอกก่อนเลยว่าดุเดือดเลย! นับตั้งแต่ก่อนงาน Motor Expo 2019 ไปจนถึงหลังจบงาน สำหรับคู่เด็ดอย่าง Nissan Almera 2020 (นิสสัน อัลเมร่า) และ Honda City 2020 (ฮอนด้า ซิตี้) ที่ฟาดฟันยอดขายกันอย่างดุเดือด ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันมากมายตามกลุ่มโซเชียลมีเดีย ว่าทำไม Honda City ถึงขายดีกว่า Nissan Almera ทั้งๆ ที่ ราคาของ City แพงกว่าด้วยซ้ำไป

บ้างก็บอกว่า Nissan เป็นแบรนด์รอง ภาพลักษณ์ของแบรนด์สู้ Honda ไม่ได้ บางคนก็บอก Nissan มีดีกว่าตรงที่ออพชั่น แถมยังเป็นรุ่นที่มีขายทั่วโลกอีกด้วย ต่างไปจาก City ที่มีขายแค่บางภูมิภาคของโลก .. เรื่องนี้ก็นานาจิตตังกันไป ขึ้นอยู่กับว่าใครชอบรถรุ่นไหน ก็หาเวลาว่างๆ ไปทดลองนั่ง ทดลองขับ ก่อนละกันว่าตัวเองชอบแบบไหน ก่อนจะตัดสินใจซื้อ

ถ้าหากใครอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อ Nissan Almera หรือ Honda City คันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand หรือทาง Line @carrothai

แต่ที่แน่ๆ เมื่อคุณซื้อรถมาแล้ว ย่อมมี “รายจ่าย” ตามมาแน่นอน Mr.Carro ขอเปรียบเทียบค่าบำรุงรักษา ของ Nissan Almera 2020 และ Honda City 2020 มาดูกันว่า เมื่อระยะทางถึงกี่กิโลเมตร นำรถเข้าศูนย์บริการ รถแต่ละรุ่น มีค่าใช้จ่ายต่อครั้งอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ …

All-New-Nissan-Almera-2020

Nissan Almera

สำหรับการดูแลรักษารถ Nissan Almera 2020 ใหม่นี้ ทาง Nissan สรุปได้คร่าวๆ ว่าต้องนำรถเข้าตรวจเช็คระยะทุกๆ 6 เดือน หรือ 7,000 กิโลเมตร (ซึ่งระยะทาง ถือว่าเร็วกว่า Honda City) แล้วแต่ว่าอะไรถึงก่อนกัน ซึ่งทำไมถึงเร็วกว่า? ทาง Nissan ให้คำตอบว่า เครื่องยนต์ Turbo ขนาดเล็ก จะมีความร้อนค่อนข้างสูง ทำให้น้ำมันเครื่องใช้งานได้ระยะทางน้อยกว่า และเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดี ควรจะเปลี่ยนทุกๆ 6 เดือน หรือ 7,000 กิโลเมตร แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน

Nissan-Almera-2020-Maintenance-Reason

หลักๆ ในทุกระยะกิโลเมตรของการนำรถเข้าศูนย์บริการ คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เกรด 0W20-SN (ซึ่งใช้เกรดเดียวกับใน Almera รุ่นเดิม), ไส้กรองน้ำมันเครื่อง และ แหวนรองน็อตถ่ายน้ำมันเครื่อง ในแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,525 บาท (ยังไม่รวม VAT 7%) พร้อม “ฟรี” คูปองค่าแรง 10 ครั้ง (อยู่ในคู่มือรับประกันรถยนต์)

ที่สำคัญ ทาง Nissan ยังคุยอีกว่า ค่าบำรุงรักษาตามระยะ รวม 5 ปี (10 ครั้ง) เริ่มต้น “ถูกที่สุด” ในรถ Eco-Car!

เมื่อคุณใช้งานรถมาจนถึง 24 เดือน หรือ 28,000 กิโลเมตร นอกจากจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เกรด 0W20-SN, ไส้กรองน้ำมันเครื่อง, แหวนรองน็อตถ่ายน้ำมันเครื่อง ตามปกติแล้ว ยังต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก DOT3 และ กรองปรับอากาศ (กรองแอร์) เพิ่มเติมเข้ามาด้วย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายขึ้นมาอยู่ที่ 1,969 บาท (ราคายังไม่รวม VAT 7%)

พอถึงระยะ 30 เดือน หรือ 35,000 กิโลเมตร เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เกรด 0W20-SN, ไส้กรองน้ำมันเครื่อง, แหวนรองน็อตถ่ายน้ำมันเครื่อง ตามปกติ แต่เพิ่มการเปลี่ยน กรองอากาศ เข้ามา (ซึ่งเปลี่ยนทุกๆ 35,000 กิโลเมตร) ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,725 บาท

Nissan-Almera-2020-Maintenance-Cost-70000-KM

เมื่อคุณเช็คระยะครบ 10 ครั้ง หรือ 5 ปี ในระยะทาง 70,000 กิโลเมตร จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 16,538 บาท

เมื่อล่วงเข้าสู่การเช็กระยะที่ 66 เดือน หรือ 77,000 กิโลเมตร งวดนี้ค่าแรง “ไม่ฟรี” แล้ว คุณจะมีรายจ่ายค่าแรงเพิ่มขึ้นมาอีก 400 บาท ซึ่งเป็นอัตราค่าแรงมาตรฐาน (โดยอัตราค่าแรงอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่)

พอใช้งานรถมาถึง ถึง 72 เดือน หรือ 84,000 กิโลเมตร เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เกรด 0W20-SN, ไส้กรองน้ำมันเครื่อง, แหวนรองน็อตถ่ายน้ำมันเครื่อง + เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก DOT3 และ กรองปรับอากาศ (กรองแอร์) เพิ่มเติม มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,969 บาท และค่าแรงอีก 650 บาท (2,619 บาท ราคานี้ยังไม่รวม VAT 7%)

สรุปคร่าวๆ โดยประมาณ … หากคุณใช้ Nissan Almera 2020 ตั้งแต่ 0 – 100,000 กิโลเมตร คุณจะต้องจ่ายค่าดูแลรักษารถประมาณ 24,932 บาท! (ทั้งนี้ ยังไม่รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ยาง แบตเตอรี่ น้ำยาหล่อเย็น น้ำมันเกียร์ ฯลฯ)

All-New-Honda-City-RS-2020

Honda City

สำหรับ Honda City นั้น ทาง Honda ได้ออกแบบตารางการบำรุงรักษามาได้อย่างเข้าใจง่ายเลยทีเดียว ซึ่งมีให้คุณเลือกเปรียบเทียบกันได้ตั้งแต่ 10,000 ไปจนถึง 200,000 กิโลเมตร เลยทีเดียว โดยที่คุณจะนำรถเข้าตรวจเช็คระยะได้ทุกๆ 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร แล้วแต่ว่าอะไรถึงก่อนกัน

Honda-City-2020-Maintenance-Cost-100000-KM

สรุปรายจ่ายโดยประมาณ

หลักๆ ในทุกระยะกิโลเมตรของการนำ Honda City 2020 เข้าศูนย์บริการ นับตั้งแต่ 10,000 กิโลเมตรแรก คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เกรด SN 0W20 (ซึ่งใช้เกรดเดียวกับใน Almera), ไส้กรองน้ำมันเครื่อง และ แหวนรองน็อตถ่ายน้ำมันเครื่อง ในแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,016 บาท (ยังไม่รวม VAT 7%)

มาถึง 20,000 กิโลเมตร ต้องเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง 224 บาท ทำให้มีรายจ่ายเพิ่มมาเป็น 1,325.80 บาท

ล่วงมาถึง 30,000 กิโลเมตร ต้องเปลี่ยนไส้กรองอากาศ 330 บาท รวมรายจ่าย และค่าแรง (ไม่ฟรีค่าแรงแล้ว) เป็น 2,706.30 บาท

พอถึง 40,000 กิโลเมตร ต้องจ่ายเยอะหน่อย มีการถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ CVT HCF2 573 บาท และแหวนถ่ายน้ำมันเกียร์ 35 บาท พร้อมรวมค่าแรงเป็น 2,706.30 บาท

ตั้งแต่ 50,000 – 80,000 กิโลเมตร ก็มีการเปลี่ยนถ่ายต่างๆ ไม่ต่างจากการตรวจเช็คระยะก่อนหน้า เพียงแต่มีราคาค่าแรงที่ต่างกันไป

พอถึง 100,000 กิโลเมตร ต้องเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง สายพานปั้มน้ำมันเครื่อง หัวเทียน เพิ่มเข้ามา รวมเป็น 4,595.80 บาท + ค่าแรงอีก 3,656.50 บาท สรุปรายจ่ายเป็น 8,252.30 บาท

เท่ากับว่า เมื่อคุณใช้ Honda City 2020 มาจนถึง 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ประมาณ 27,459 บาท!

สรุป

ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาของ Honda City 2020 แพงกว่า Nissan Almera 2020 เพราะมีการรวมรายการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์รถยนต์ทุกๆ 40,000 กิโลเมตร แต่ราคาค่าใช้จ่ายและค่าแรง ก็ยังไม่ได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ทั้งคู่

ส่วนของทาง Nissan ต้องนำรถเข้าตรวจเช็คระยะที่เร็วกว่า City และยังไม่ได้รวมรายการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ เข้าไปในตารางการดูแลรักษารถยนต์ด้วย ซึ่งถ้ารวม ก็อาจจะอยู่ในระดับที่พอๆ กัน

เพียงแต่ Nissan นั้นมีแพคเกจ “Drive Save Safe” เป็นจุดเด่น คุณไม่ต้องจ่ายเงินทุกครั้งเมื่อเข้ารับบริการบำรุงรักษาตามระยะ และสามารถนำรถเข้ารับบริการได้ทุกศูนย์บริการนิสสันทั่วประเทศ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ ส่วนลดอะไหล่ 10% ตลอดอายุโปรแกรม อาทิ ผ้าเบรก, แบตเตอรี่, โช้คอัพ และอื่นๆ (เฉพาะรายการอะไหล่ที่ร่วมรายการเท่านั้น) ที่ทาง Nissan ให้ฟรี 3 ปี 42,000 กิโลเมตร

เท่านี้ … ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณแล้วล่ะครับ ว่าจะเลือกอะไร!

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ย้ำกันอีกครั้ง! สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

Vehicle-Registration-Book-Lost-Not-Worry

ทำความรู้จักกับเล่มทะเบียนรถ ถ้าเล่มทะเบียนรถหาย ต้องทำอย่างไร?

หนึ่งในเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์นั่นคือ “เล่มทะเบียนรถ” นั่นเอง ซึ่งเหมือนกับบัตรประชาชนนั่นล่ะ รถทุกคันจะต้องมีเล่มทะเบียน แต่ถ้าเกิดเล่มทะเบียนรถหายไปก็อย่าเพิ่งเครียดกันไปใหญ่ ให้ตั้งสติดีๆ ปัญหามีไว้แก้ไข และเรื่องแบบนี้ เรามีข้อแนะนำง่าย ๆ มาบอกกัน

ทำความรู้จักกับเล่มทะเบียนรถ

เล่มทะเบียนรถ (เล่มสีน้ำเงิน) คือ สมุดที่จดบันทึกรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับรถยนต์คันนั้นๆ เอาไว้ และสามารถใช้แทนทะเบียนรถได้หากป้ายทะเบียนรถหาย ทะเบียนชำรุด แล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเรียกตรวจ

คุณสามารถยื่นเล่มทะเบียนให้คุณตำรวจดูพร้อมชี้แจงตามความจริงได้ ซึ่งบางคนอาจจะกลัวเล่มทะเบียนตัวจริงหายจึงเก็บไว้ที่บ้าน กรณีนี้ คุณสามารถทำเป็นสำเนายื่นแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เช่นกัน

แต่ในความเป็นจริงควรจะมีเล่มทะเบียนรถตัวจริงเก็บเอาไว้ที่รถเป็นประจำ เพราะของจริงยังไงก็ดีกว่าสำเนาอยู่แล้ว ยกเว้นใครที่ยังผ่อนรถอยู่แล้วเล่มทะเบียนตัวจริงอยู่ที่ไฟแนนซ์ สามารถนำสำเนาและเอกสารการผ่อนชำระกับไฟแนนซ์ยื่นแทนได้

โดยในเล่มทะเบียนรถจะระบุรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะรายละเอียดสำคัญอย่าง เลขทะเบียน รถ เลขตัวถังรถยนต์ ประวัติการครอบครองรถยนต์ ซึ่งจะระบุชื่อเจ้าของรถเอาไว้เพื่อป้องกันการขโมยแล้วนำไปขายต่อ

ตรงนี้ใครที่ซื้อรถมือสองต้องดูให้ละเอียดว่าชื่อเจ้าของรถในเล่มทะเบียนกับชื่อผู้ขายเป็นชื่อเดียวกันหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ต้องตรวจสอบให้ดีว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร แต่ถ้ามีความผิดปกติให้บอกผ่านไปเลย รวมทั้งในเล่มทะเบียนยังระบุบันทึกการโอนรถ
ปรับเปลี่ยน ยกเลิก ประวัติการเสียภาษีเอาไว้ทั้งหมด และที่ต้องสังเกตให้ดีคือ เล่มทะเบียนต้องอยู่ในสภาพปกติ หากมีการบันทึกรายละเอียดต่าง ๆ ในเล่มมาก่อนแล้ว เล่มต้องไม่ดูใหม่เกินไป หรือบางทีเล่มอาจจะมีการตีตรายกเลิกเล่มไปแล้ว และนำมาย้อมแมวอีกรอบ ต้องดูให้ดีๆ นะ

ถ้าเล่มทะเบียนรถหาย ต้องทำอย่างไร?

อย่างแรกอย่าเพิ่งเครียดเกินไป ขั้นตอนอาจจะดูเยอะนิดนึง แต่ไม่ยากหรอกนะ เพราะตอนนี้ทางกรมการขนส่งทางบก ทำงานได้รวดเร็วมากขึ้นและให้ประชาชนผู้ติดต่อใช้เวลาในการใช้บริการน้อยที่สุด แต่ควรไปติดต่อตั้งแต่เช้า เพราะผู้ใช้บริการแต่ละวันเยอะมาก
กลัวว่าจะทั้งเครียดทั้งหงุดหงิดไปก่อน ส่วนขั้นตอนการแจ้งเล่มทะเบียนรถหาย หรือ เล่มทะเบียนรถหาย ยังไม่ได้โอน ให้ปฏิบัติตามนี้

1. เมื่อรู้ตัวว่าเล่มทะเบียนรถหาย ต้องรีบไปแจ้งความ “แจ้งเล่มทะเบียนรถหาย” ที่สถานีตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกใบแจ้งความมาให้ เพื่อนำไปยื่นเรื่องกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อทำเรื่องขอสมุดเล่มทะเบียนใหม่

แต่หากคุณลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถไม่สามารถไปแจ้งความได้ด้วยตัวเอง สามารถเตรียมเอกสารสำคัญ คือ หนังสือมอบอำนาจสำหรับแจ้งความแทนและบัตรประชาชนตัวจริง ย้ำว่าตัวจริง รวมทั้งสำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถไปยื่นร่วมด้วย และผู้รับมอบอำนาจต้องเตรียมเอกสารสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ ติดอากรแสตมป์จำนวน 10 บาท ไปด้วย

2. นำใบแจ้งความไปยื่นเรื่องที่กรมการขนส่งทางบก

ซึ่งต้องยื่นไปที่กรมการขนส่งทางบกในจังหวัดที่ออกเล่มทะเบียนรถให้ เช่น ถ้ารถจดทะเบียนในจังหวัดนนทบุรี ให้ไปยื่นที่กรมการขนส่งทางบก จ.นนทบุรี ถ.ติวานนท์ หรือหากจดทะเบียนที่กรุงเทพฯ ให้ไปยื่นเรื่องที่กรมการขนส่งทางบก
จตุจักร นั่นเอง

3. ให้ตรงไปที่แผนกทะเบียน

หากไม่ทราบให้ติดต่อที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ที่จะอำนวยความสะดวกได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้การติดต่อสอบถามง่ายขึ้น มีการกดคิวให้ติดต่อตามแผนกอีกด้วย

4. ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ แล้วคุณจะได้รับแบบฟอร์มคำขอเล่มทะเบียนใหม่ รวมทั้งบันทึกถ้อยคำ กรณีแจ้งเอกสารหรือใบอนุญาตขับรถสูญหาย และเมื่อกรอกแบบฟอร์มเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารอีกครั้งและให้บัตรคิว (ถ้ากรอกไม่ถูก ไม่ต้องกังวล เพราะที่ขนส่งมีตัวอย่างการกรอกเอาไว้ทั้งหมดแล้ว)

5. รอสักครู่..เมื่อประกาศเรียกบัตรคิวที่ถืออยู่ นั่นคือ คุณกำลังจะได้รับเล่มทะเบียนรถเล่มใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง และในเล่มที่ได้รับมาใหม่ จะมีตราประทับระบุเอาไว้ว่า “ออกแทนเล่มที่สูญหาย” เอาไว้ด้วย ซึ่งเมื่อก่อนต้องรอ 1-2 วัน แต่ปัจจุบันรอรับได้เลย

6. จ่ายค่าธรรมเนียมการออกเอกสารเล่มทะเบียนรถเพียง 55 บาท เท่านั้น

เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้รับเล่มทะเบียนรถใหม่มาง่ายๆ เพียงแต่ว่าอาจจะต้องไปติดต่อที่กรมการขนส่งทางบกตั้งแต่เช้าๆ เพราะตอนนี้หลายแห่งมีประชาชนเข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่ที่แน่ๆ เมื่อได้รับเล่มทะเบียนรถเล่มใหม่มาแล้ว ควรเก็บเอาไว้ให้ดี หาซองใส่ที่สะดุดตา และควรเก็บติดเอาไว้ในรถ รวมทั้งทำสำเนาเอกสารอีกชุดหนึ่งไว้ด้วย จะได้ไม่ต้องมาแจ้งความแล้วไปติดต่อทำเล่มใหม่อีกครั้ง

เพราะถ้าไม่มีเล่มทะเบียน ก็ไม่สามารถต่อทะเบียนรถเสียภาษีประจำปี และพ.ร.บ. ประกันภัยได้ แต่ถ้าคุณถึงเวลาที่ต้องต่อทะเบียนรถเสียภาษีประจำปี แล้วต้องซื้อประกันรถยนต์ เราแนะนำ Roojai.com ประกันรถยนต์และบิ๊กไบค์ออนไลน์รูปแบบใหม่ ราคาดีที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ปลอดภัย รับประกันภัยโดยบริษัทกรุงไทยพานิชย์สำหรับรถยนต์ และแอลเอ็มจีสำหรับรถจักรยานยนต์ สามารถเช็คราคา ซื้อประกันรถผ่านเว็บไซต์ ปรับเปลี่ยนรูปแบบความคุ้มครองเองได้ จะแจ้งเคลมผ่านแอปแบบเรียลไทม์ หรือตรวจสภาพรถผ่านวิดีโอคอลก็ได้อีกด้วย แถมยังผ่อนสบายผ่านบัตรเครดิตได้ 10 งวด

มีแค่บัตรเดบิตก็ผ่อนได้ และที่ Roojai.com ซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ ประหยัดกว่าประกันอื่นทั่วไป แถมบริการโดนใจ ลองพิสูจน์ได้จากคะแนนรีวิวความพึงพอใจจากลูกค้าจริงที่หน้าเว็บไซต์

5-Tips-Driving-Through-A-Railroad-Crossing

อีกข่าวหนึ่งที่มีให้เห็นกันตามโลกโซเชียลกันอยู่เสมอๆ อีกหนึ่งข่าว ที่อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกันบ่อยมากนัก แต่มันก็อยู่ใกล้ตัวของคนขับรถอยู่มากพอสมควร กับข่าวรถไฟชนกับรถยนต์ หรือชนคนก็ตาม

หลายคนอาจไม่รู้ว่า ทางรถไฟนั้น มีจุดตัดเสมอระดับทางรถไฟ-รถยนต์ ที่ทั้งถูกต้อง และเป็นทางลักผ่าน ทางตัดผ่าน (Illegal Crossing) ที่ชุมชนแถบริมทางรถไฟ ทำขึ้นมา ซึ่งอาจจะเป็นของเอกชน หรือผู้อยู่อาศัยแถวนั้น หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล “แต่ไม่ได้ขออนุญาตทำทางตัดผ่าน จากการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือไม่ได้รับอนุญาตจากการรถไฟแห่งประเทศไทย”

5-Tips-Driving-Through-A-Railroad-Crossing

ทำให้เกิดอุบัติเหตุมากถึงร้อยละ 87 ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณจุดตัดทางรถไฟที่ไม่มีเครื่องกั้น ซึ่งส่วนใหญ่ของอุบัติเหตุ มีสาเหตุจากความไม่คุ้นเคยและความไม่ชำนาญเส้นทางของคนขับ รวมถึงการขาดทักษะในการขับรถผ่านเส้นทาง

MR.CARRO มีข้อมูลดีๆ จากการรถไฟแห่งประเทศไทย มาแนะนำทุกท่านเมื่อจำเป็นต้องขับรถผ่านทางรถไฟกันครับ

5-Tips-Driving-Through-A-Railroad-Crossing

1. หยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5 เมตร

ไม่ว่าตรงนั้น จะมีเครื่องกั้นทาง หรือเครื่องหมายหรือเสียงสัญญาณระวังรถไฟหรือไม่ก็ตาม เพื่อความปลอดภัยต้องดูให้แน่ใจว่า จะไม่มีรถไฟวิ่งผ่าน หรือรถไฟวิ่งผ่านไปแล้ว ถึงจะค่อยขับรถผ่านไปได้

2. ห้ามขับรถแซงขึ้นหน้ารถคันอื่นภายในระยะ 30 เมตร ก่อนถึงทางเดินรถที่ตัดข้ามทางรถไฟ

5-Tips-Driving-Through-A-Railroad-Crossing

3. ถ้าต้องจอดรถ ควรจอดรถในระยะไม่ต่ำกว่า 15 เมตร ก่อนถึงทางรถไฟ

4. หากเห็นป้ายสัญลักษณ์ ต้องหยุด!

หากเห็นป้ายสัญลักษณ์ เช่น ป้ายหยุด ป้ายเตือนรูปกากบาท “ระวังรถไฟ” ป้ายทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีอำพัน มีรูปรถจักรไอน้ำและรั้วกั้น ให้ชะลอความเร็ว และจอดดูซ้าย-ขวา ให้แน่ใจว่าไม่มีรถไฟแล่นผ่านมา เมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงขับผ่านไปได้

5. ถ้ารถคันที่ติดฟิล์มกรองแสงเข้มมาก ให้เปิดกระจกรถดูก่อนจะขับผ่านไป!

รถในยุคปัจจุบันส่วนใหญ่ มักติดฟิล์มกรองแสงชนิดเข้มมาก จนอาจทำให้มองเห็นไม่ชัดในเวลากลางคืน จึงต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น ขณะขับรถข้ามทางรถไฟ เพื่อความปลอดภัยกรณีขับรถทางตัดผ่านที่ไม่มีเครื่องกั้น ให้เปิดกระจกรถซ้าย-ขวา ดูให้แน่ใจว่าไม่มีรถไฟมา แล้วค่อยขับรถผ่านไป

สำหรับป้ายเตือนหรือป้ายสัญญาณจราจรติดตั้งอยู่บริเวณจุดตัดทางรถไฟ ผู้ขับรถ รวมไปถึงผู้เดินเท้า ต้องทำความเข้าใจความหมายของป้ายหรือสัญลักษณ์ต่างๆ ไว้ด้วยเพื่อความปลอดภัย ซึ่งแต่ละป้ายจะมีความหมายว่าอย่างไรบ้าง มาดูกัน

5-Tips-Driving-Through-A-Railroad-Crossing

1. ป้ายทางข้ามทางรถไฟมีเครื่องกั้นทาง จะมีลักษณะเป็นรูปรั้วกั้น อยู่บนพื้นป้ายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีเหลืองอำพัน หมายถึงทางรถไฟที่มีเครื่องกั้นทางปิดกั้น

2. ป้ายทางข้ามทางรถไฟไม่มีเครื่องกั้นทาง เป็นรูปหัวรถจักรไอน้ำ อยู่บนพื้นป้ายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีเหลืองอำพันเช่นกัน หมายถึง ป้ายทางข้างหน้ามีทางรถไฟตัดผ่านและไม่มีเครื่องกั้นทาง ให้ขับรถช้าๆ และสังเกตดูรถไฟทั้งซ้าย-ขวา ถ้ามีรถไฟกำลังจะผ่านมาให้หยุดรอให้ห่างจากทางรถไฟอย่างน้อย 5 เมตร แล้วรอจนกว่ารถไฟนั้นผ่านไปแล้ว จึงเคลื่อนรถต่อไปได้

3. ป้ายหยุด เป็นป้ายรูปแปดเหลี่ยมสีแดง มีข้อความ “หยุด” หมายถึงว่ารถทุกชนิดต้องหยุดเมื่อเห็นป้ายนี้ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงขับรถต่อไปได้อย่างปลอดภัย

4. ป้ายกากบาท “ระวังรถไฟ” ป้ายเตือนว่าเป็นจุดตัดทางรถไฟเสมอระดับรถยนต์ จะมีรถไฟแล่นผ่านทางรถไฟบริเวณนี้ ให้ระวัง และชลอความเร็ว

5-Tips-Driving-Through-A-Railroad-Crossing

และนี่ก็เป็นเคล็ดไม่ลับ ในการขับรถยนต์ข้ามทางรถไฟอย่างปลอดภัยแล้วล่ะครับ ยิ่งในตอนกลางคืน ยิ่งต้องระวังระวังมากขึ้นครับ แม้ว่ารถจักรแต่ละคัน จะมีไฟหน้าที่ส่องสว่างได้ไกลมากก็ตาม แต่คนขับรถปัจจุบันมักติดฟิล์มกรองแสงที่เข้มมาก จนอาจจะไม่ทันสังเกตกันได้ครับ

แหล่งที่มาจาก:

5-Fast-Checking-Car-For-Travel-Newyear

ช่วงนี้หลายๆ ท่าน เริ่มออกเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่กันแล้ว ซึ่งการเตรียมตัวในการเดินทาง ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน หากเกิดปัญหารถเสียระหว่างทางขึ้นมา คุณอาจจะเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น และทำให้เพื่อนร่วมทางเจอรถติดมากขึ้นอีกต่างหาก …

ที่สำคัญ การเดินทางนั้นต้องขับขี่รถอย่างมีสติ ขับขี่ด้วยความปลอดภัย เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ เหนื่อยก็หาที่พัก ยืดเส้นยืดสาย หายง่วงหายเพลียแล้วค่อยไปต่อ และอย่าลืมมีน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทาง

ส่วนถ้าใครเบื่อละ อยากขายรถคันเดิม เพื่อไปดาวน์รถคันใหม่ ซื้อรถใหม่มาขับ ยอมเป็นหนี้หลายปี ดีกว่ามาเสียเวลาซ่อมรถกลางทาง ก็สามารถมาขายรถ หรือตีราคารถ ที่ CARRO ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express คลิกที่นี่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

CARRO ขอแนะนำวิธีตรวจสอบรถแบบ 5 ขั้นตอนตรวจเช็ครถแบบเร่งด่วน ก่อนเดินทางปีใหม่ ครับ.

5-Fast-Checking-Car-For-Travel-Newyear

1. เช็คระบบไฟต่างๆ

ระบบไฟ ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในการขับรถ โดยไฟส่องสว่างที่ต้องตรวจเช็คก่อนเดินทาง นั่นคือ ชุดไฟหน้า (ไฟสูง, ไฟต่ำ, ไฟหรี่, ไฟเลี้ยวทั้งสองข้าง) ทั้งแบบธรรมดาและแบบ LED หรือไฟโปรเจคเตอร์, ไฟตัดหมอก, ไฟเบรก และไฟถอยหลัง หากพบว่ามีหลอดใดไม่สว่าง สามารถเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง โดยดูวิธีการเปลี่ยนจากคู่มือของรถแต่ละรุ่น

แต่ถ้าทำเองไม่เห็น ควรให้ช่างฝีมือที่ไว้ใจได้ เป็นผู้เปลี่ยนให้ก็ดีเช่นกัน

Maintenance-Car

2. เช็คระบบของเหลว

ระบบของเหลวต่างๆ ในเครื่องยนต์ เช็คง่ายๆ ไม่ยาก อาทิ น้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเบรก, น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์, น้ำมันคลัทช์, น้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ รวมถึงน้ำมันเฟืองท้าย ฯลฯ ต้องอยู่ในระดับปกติ ไม่ล้นหรือพร่องจากค่าหรือขีดที่กำหนด และควรทำการเปลี่ยนถ่ายตามระยะ หากมีปริมาณที่ต่ำกว่า Min ก็ควรเติมเพิ่ม หรือหากสีเปลี่ยนเป็นคล้ำขึ้น ก็ควรไปเปลี่ยนถ่ายครับ

5-Fast-Checking-Car-For-Travel-Newyear

3. เช็คยางและช่วงล่าง

ตรวจเช็คสภาพยาง ว่ามีรอยปริหรือแตกลายงาหรือไม่ หากมีรอยปริแตกเกิดขึ้นที่แก้มยาง ควรรีบเปลี่ยนยาง เพราะเสี่ยงต่อยางระเบิดได้ง่ายเวลาวิ่งด้วยความเร็วสูง และวัดระดับลมยาง ที่ควรได้มาตรฐานของรถแต่ละรุ่น โดยดูจากสติกเกอร์แนะนำแรงดันลมยางบริเวณเสาด้านคนขับ หากมีผู้โดยสารเต็มคัน ต้องเพิ่มแรงดันลมยางล้อหลังตามที่ระบุด้วยเช่นกัน

ในส่วนของช่วงล่าง ใช้การฟังเสียงว่ามีเสียงกุกๆ กักๆ เวลาขับรถหรือไม่ ส่วนการเช็คโช๊คอัพว่ายังทำงานดีอยู่หรือไม่ ใช้วิธีเอามือกดลงไปที่มุมของช่วงล่างรถทั้ง 4 ด้าน จากนั้นให้ดูการยกตัวของรถ หากตัวรถยกขึ้นครั้งเดียวแล้วหยุด แสดงว่าโช๊คอัพยังทำงานดี แต่หากมีอาการเด้งขึ้นลง แสดงว่าโช๊คอัพหมดสภาพแล้ว เวลาขับ จะทำให้ยางไม่สัมผัสกับพื้นถนนนัก ควรเปลี่ยนใหม่

ส่วนถ้าใครใช้รถกระบะ หรือรถอเนกประสงค์แบบ PPV ลองก้มไปดูเฟืองท้ายด้านหลังดู ว่าน้ำมันเฟืองท้ายพร่องไปหรือเปล่า หรือว่าลูกปีนหลวม ลูกปีนเป็นตามด เฟืองห่างหรือแตกหัก จนเกิดเสียงเฟืองท้ายหอน ซึ่งขั้นตอนนี้อาจต้องใช้แม่แรงช่วยยกท้ายรถขึ้น ในการตรวจสอบ

5-Fast-Checking-Car-For-Travel-Newyear

4. เช็คระบบเบรก

หากรู้สึกมีเสียงดังเกิดขึ้นขณะเหยียบเบรก แสดงว่าผ้าเบรกใกล้หมดหรือหมดแล้ว ควรรีบไปเปลี่ยน ก่อนที่จานเบรกจะได้รับความเสียหาย จากการโดนเหล็กกับเหล็กสีกันจนจานเบรกเป็นรอย ซึ่งอาจจะต้องเจียรจานเบรก หรือเปลี่ยนจานเบรกใหม่

5-Fast-Checking-Car-For-Travel-Newyear

5. เช็คเครื่องยนต์

เช็คสภาพเครื่องยนต์ได้ง่ายๆ โดยฟังเสียงผิดปกติของเครื่องยนต์ เครื่องยนต์สั่น เดินไม่เรียบ มีอาการสะดุด รอบตก หรือเร่งไม่ขึ้น มีควันขาวหรือควันดำออกจากท่อไอเสีย หรือตามซีลรอยต่อในเครื่อง (เช่น ซีลหน้าเครื่อง ซีลท้ายเครื่อง) มีการรั่วซึมของน้ำ หรือน้ำมันเครื่องหรือไม่

เกียร์มีอาการกระตุก สะดุด หรือกระชากตอนออกตัว ทางที่ดี รีบนำรถไปให้ศูนย์บริการตรวจเช็ค เพื่อความปลอดภัย เพราะอันนี้งานใหญ่ ถ้าที่บ้านไม่ได้เป็นอู่ซ่อมรถก็คงทำเองไม่ไหว

5-Fast-Checking-Car-For-Travel-Newyear

สุดท้ายก็ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมในขณะที่เดินทางไกล ดังเช่นกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำประชาชน ที่ต้องเดินทางไกลในช่วงเทศกาลปีใหม่ อาจมีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ปวดเมื่อย หรือไอ ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นได้เสมอทั้งในภาวะปกติและช่วงเวลาเดินทางไกล

จึงขอแนะนำให้พกผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสมุนไพร 4 ผลิตภัณฑ์ ติดตัวไปด้วย ได้แก่ …

  • ยาอมแก้ไอมะขามป้อม สรรพคุณ ช่วยบรรเทาอาการขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ
  • ยาหม่องสมุนไพร/น้ำมันไพล สรรพคุณ บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • ยาหอมเทพจิตร สรรพคุณ แก้ลม บำรุงหัวใจ
  • ยาดมสมุนไพร สรรพคุณ บรรเทาอาการวิงเวียน ช่วยให้สดชื่นผ่อนคลาย

โดยยาสมุนไพรเหล่านี้ มีสรรพคุณบรรเทาอาการเจ็บป่วยในเบื้องต้น สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป

ขณะที่ กรมสุขภาพจิต แนะนำใช้ 3 วิธีคลายเครียด ขณะรถติดในช่วงเดินทางไปฉลองเทศกาลปีใหม่ โดยฟังเพลงที่ชื่นชอบแบบ Non-Stop ฟังวิทยุ และบิดขี้เกียจ ยืดเหยียดคลายกล้ามเนื้อหดเกร็ง เช่น การกำมือสลับแบมือ ก้มเงยศีรษะ หันหน้าไปซ้าย-ขวา การขยับไหล่ขึ้น-ลง การนวดขมับ นวดหัวคิ้ว และสันจมูก นวดบ่าทั้ง 2 ข้าง เป็นต้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อ และช่วยลดความเครียดลงได้

What-Is-Alcantara-Seat

รถยนต์ในบ้านเราแต่เมื่อแต่อดีตนั้น การขายรถยังไม่ดุเดือดแบบในทุกวันนี้ วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งภายใน ก็มักจะเป็นแบบง่ายๆ ไม่เน้นความหรูหรา เน้นความทนทานเป็นหลัก แต่พอเริ่มเข้าสู่ยุค 80 ที่รถยนต์เริ่มมาพร้อมความทันสมัยมากขึ้น ความหรูหราก็ถูกประเคนเข้ามาแต่งเติมในรถยนต์มากขึ้น

แม้กระทั่งเบาะนั่ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในรถ ก็ถูกพัฒนาให้สอบรับกับสรีระคนขับ หรือผู้โดยสาร ได้ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) มากขึ้น วัสดุที่ใช้ จากแต่เดิมที่เบาะนั่งเป็นแบบหนังเทียม หรือไวนิล ก็พัฒนาไปเป็นเบาะผ้าแบบต่างๆ เช่น แบบสักหลาด แบบกำมะหยี่ หรือเบาะหนังแท้ เป็นต้น

และเบาะ Alcantata (อาคันทารา) ที่หลายคนเรียก “เบาะหนังกลับ” ล่ะ ที่เพิ่งจะเป็นที่นิยมในรถหรู รถสปอร์ต หรือรถ Supercar ตั้งแต่ช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมานั่นเอง มีที่มาจากอะไร? และใช้วัสดุอะไร ในการผลิต?

หลายคนมีความสงสัย MR.CARRO จึงขอตอบทุกข้อข้องใจใน ณ ที่นี้ …

What-Is-Alcantara-Seat

วัสดุ Alcantara ที่ตกแต่งภายในรถยนต์

Alcantara (อาคันทารา) เป็นชื่อของแบรนด์ของวัสดุสังเคราะห์อย่าง Polyester ประมาณ 68% และ Polyurethane ประมาณ 32% พัฒนาขึ้นโดยผสมผสานผ้าและเส้นใยพลาสติก มาเพื่อทดแทนหนังกลับแท้ๆ โดย Miyoshi Okamoto นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานให้กับบริษัทเคมี Toray Industries Inc. ตั้งแต่ช่วงก่อนปี 1970

What-Is-Alcantara-Seat

วัสดุสังเคราะห์ของ Alcantara ให้ความรู้สึกนุ่มนวล

โดยเริ่มแรกเรียกวัสดุสังเคราะห์ชนิดนี้ว่า Ecsaine ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Ultra Suede

มาถึงช่วงประมาณในปี 1972 จึงได้ร่วมมือกับบริษัทเคมีของอิตาลี ANIC S.p.A. (หรือ Azienda Nazionale Idrogenazione Combustibili) หรือชื่อในปัจจุบัน Eni S.p.A. (ในภาษาอิตาลี ย่อมาจาก Ente Nazionale Idrocarburi หรือในภาษาอังกฤษ National Hydrocarbons Authority) พัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน พร้อมตั้งบริษัทชื่อ Antor S.p.A.

ในปี 1973 จึงก่อตั้งบริษัทร่วมกันในชื่อ Iganto S.p.A. (ชื่อบริษัท ย่อมาจาก I = Italia หรือ Italy ในภาษาอังกฤษ, G = Giappone หรือ Japan (ญี่ปุ่น) ในภาษาอังกฤษ ANic และ TOray) ถือหุ้นระหว่าง ANIC 51% และ Toray 49% ก่อนจะเจาะกลุ่มตลาดแฟชั่น และกลุ่มอุปกรณ์ตกแต่ง

Fiat-X1-9

และในปี 1978 รถ Fiat X1/9 รถสปอร์ตขนาดเล็ก เครื่องวางกลางรุ่นยอดนิยม ก็ได้ใช้วัสดุของ Alcantara ตกแต่งในรถเป็นครั้งแรก

ก่อนจะเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Alcantara S.p.A. ในปี 1981 และในปี 1995 จึงมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหม่ ทาง ENI ของอิตาลีถอนตัวออก กลายเป็นทางญี่ปุ่น Toray และ Mitsui เข้ามาถือหุ้นในบริษัทเต็มตัว ก็เลยเรียกได้ว่า เป็นบริษัทของญี่ปุ่น ที่ทำธุรกิจอิตาลีไปละกัน แต่ฐานการผลิต ก็ยังคงอยู่ที่ Nera Montoro ใกล้กับกรุงโรม เช่นเดิม

What-Is-Alcantara-Seat

รถ Supercar ของอิตาลี นิยมตกแต่งด้วยวัสดุ Alcantara

โดย Alcantara ขายความเป็นเบาะ Made in Italy จึงมีราคาค่อนข้างสูง และนิยมใช้กันในรถหรูหรา รถสปอร์ต

เนื้อของวัสดุจะดูคล้ายๆ หนัง แต่สัมผัสแล้วนุ่มมือ มีความละเอียดกว่า ไม่ลื่นแบบไหลลื่น เหมือนเบาะหนังแท้ อีกทั้งเป็นวัสดุไม่ลามไฟ จึงนิยมนำมาใช้ในรถแข่ง และรถสปอร์ต

What-Is-Alcantara-Seat

แต่แล้วข้อดี ก็ย่อมมีข้อเสีย เนื่องจากเบาะ Alcantara มีราคาแพงเพราะขายแบรนด์เนม และลักษณะการใช้งาน คล้ายกับเบาะผ้าสักหลาด หรือผ้ากำมะหยี่ นั่นคือ “อมฝุ่นมาก” การทำความสะอาดต้องใช้น้ำยาเช็ดเบาะ หรือลูกกลิ้งดูดฝุ่น แต่ถ้าจะให้ง่ายก็ขับรถเข้าร้านคาร์แคร์ ดูดฝุ่นเบาะทำความสะอาดเลยดีที่สุด

What-Is-Alcantara-Seat

การออกแบบและพัฒนาเบาะของโรงงาน Alcantara

ส่วนถ้าใครอยากขายรถคันเดิม เพื่อดาวน์รถคันใหม่ ซื้อรถคันใหม่ ก็สามารถนำรถมาขาย หรือตีราคารถ ที่ CARRO ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express คลิกที่นี่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

What-Medications-Not-Take-When-Driving

อุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย ต่อให้เราขับขี่รถยนต์อย่างระมัดระวัง แต่อุบัติเหตุก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ หากยิ่งเราเกิดขับขี่รถยนต์ขณะที่มึนเมา พฤติกรรมเหล่านี้จะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงได้อีกด้วยนะ รวมไปถึงยาบางชนิด บางประเภท ก็สามารถส่งผลให้เราง่วงซึม หรือมึนเมาจนเกิดอุบัติได้เช่นกันค่ะ

ยาประเภทไหนบ้าง ที่ควรเลี่ยงหากต้องขับรถ

What-Medications-Not-Take-When-Driving

เพื่อนๆ มีใครที่มีอาการสะลึมสะลือหลังจากการรับประทานยาเข้าไปบ้างคะ บางคนก็รู้สึกง่วง อยากทิ้งตัวลงนอน บางครั้งเหมือนความสามารถในการขับขี่ไม่ค่อยเต็มร้อยสักเท่าไร แล้วยิ่งรับประทานยาเข้าไปแล้ว ต้องทำงาน ต้องขับรถ หรือแม้แต่การทำงานที่เกี่ยวกับเครื่องจักรกล

แบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยนะคะ เพราะเนื่องจากสาเหตุดังกล่าวมักจะเกิดจากตัวยาที่มีผลข้างเคียงทำให้เราเกิดอาการง่วง เพราะยาไปทำการกดระบบส่วนกลางของประสาทเราโดยตรง ทำให้เกิดอาการง่วงนอน และปวดเมื่อย ซึ่งหากเพื่อนๆ รู้ตัวว่าจะต้องรับประทานยาเหล่านี้ก็ควรหลีกเลี่ยงกับการขับรถยนต์นะคะ เผื่อหากเกิดอุบัติเหตุการณ์บนท้องถนนขึ้นมา อาจจะเกิดอันตรายอย่างหนักได้เลยค่ะ

มาดูกันว่ายาประเภทไหนที่ควรหลีกเลี่ยง

  • ยาลดน้ำมูก/ยาแก้แพ้
  • ยานอนหลับ
  • ยาแก้ปวดหัว
  • ยาคลายกล้ามเนื้อ
  • ยาคลายเครียด

หากเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องขับรถยนต์ ก็ควรเลือกใช้กลุ่มยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงน้อยที่สุด และขณะที่ขับรถอยู่เกิดอาการง่วง เพื่อนๆ ไม่ควรฝืนนะคะ ควรจอดรถหรือหาที่พักนอนไปก่อน และการทำประกันรถยนต์ไว้จะช่วยให้เพื่อนๆ อุ่นใจได้หากเกิดอุบัติเหตุการณ์บนท้องถนนนะคะ หรือหากมีข้อสงสัยสามารถโทรเข้ามาได้ที่ 02-710-3100 เรามีทีมงานคอยให้คำตอบอยู่ค่ะ

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

ช่วงไม่กี่วันมานี้ ในโลกโซเชียลมีเดีย มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือด ถึงการที่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ตบเท้าหารือกรมสรรพสามิต 16 ธ.ค. นี้ เสนอตั้งกองทุนเก็บค่าธรรมเนียมกำจัดรถยนต์เก่า 10 ปี พร้อมให้สิทธิพิเศษผู้ใช้ซื้อรถใหม่ หวังกระตุ้นยอดขาย ลดมลพิษ …

แนวคิดนี้ เกิดขึ้นจากภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ ในช่วง 10 เดือน ที่ผ่านมา (ม.ค. -ต.ค.) ตัวเลขยอดขายตกลงมาก ทำได้เพียง 838,847 คัน ขยายตัว 0.6%

จนผู้คนออกมาโจมตี ทั้งฝ่ายเอกชนที่ต้องการให้รัฐบาลตั้งกองทุนเก็บค่าธรรมเนียมกำจัดรถยนต์เก่า 10 ปี และภาพลักษณ์ของรัฐบาลตอนนี้ที่เป็นอย่างไร ทุกคนก็รู้ๆ กันอยู่ เลยกลายเป็นกระแสของคนเล่นรถเก่า รักรถเก่า รักรถมือสอง ออกมาด่ารัฐบาลกันเป็นชุด

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

ถ้าคุณคิดอยากขายรถเก่ามาก ขยับมาซื้อรถใหม่ หรือรถมือสองที่ปีใหม่ขึ้นมาหน่อย เพราะไม่อยากรับภาระค่าใช้จ่ายที่ตามมาในอนาคต ก็นำรถมาขาย หรือตีราคารถ ที่ CARRO ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express คลิกที่นี่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แนวคิดของการเก็บภาษีรถเก่า อายุเกิน 10 ปี นั้น มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟัง

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

การจัดเก็บภาษีรถยนต์ประจำปี ของ กรมการขนส่งทางบก

แนวคิดในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ ตั้งแต่ในยุคของกองทะเบียน กรมตำรวจ มาจนถึงยุคกรมการขนส่งทางบก ในอดีตนั้น จัดเก็บภาษีตามน้ำหนักรถยนต์ (ทั้งรถเก๋ง, รถกระบะ และรถตู้) ต่อมา ช่วงประมาณปี 2525 กรมการขนส่งทางบก จึงปรับรูปแบบการจัดเก็บภาษีของรถยนต์นั่ง (เฉพาะรถเก๋ง) ใหม่ ตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 ที่เก็บตามความจุกระบอกสูบของเครื่องยนต์

ปัจจุบัน มีการจัดเก็บภาษี 4 ประเภทด้วยกัน คือดังนี้

1) จัดเก็บตามกระบอกสูบ ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน

600 ซีซีแรก ซีซี ละ 0.50 บาท
601 – 1,800 ซีซีๆ ละ 1.50 บาท
เกิน 1,800 ซีซีๆ ละ 4.00 บาท

หากเป็นรถที่จดทะเบียนมาแล้ว 5 ปี ให้ได้รับการลดหย่อนภาษีประจำปีในปีต่อๆ ไป ดังนี้

– ปีที่ 6 ร้อยละ 10
– ปีที่ 7 ร้อยละ 20
– ปีที่ 8 ร้อยละ 30
– ปีที่ 9 ร้อยละ 40
– ปีที่ 10 และปีต่อๆ ไป ร้อยละ 50

2) จัดเก็บเป็นรายคัน ได้แก่ รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถพ่วง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร

– รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 100 บาท
– รถจักรยานยนต์สาธารณะ คันละ 100 บาท
– รถพ่วงของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 50 บาท
– รถพ่วงนอกจากข้อข้างต้น คันละ 100 บาท
– รถบดถนน คันละ 200 บาท
– รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร คันละ 50 บาท

3) จัดเก็บตามน้ำหนัก ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล รถยนต์รับจ้าง

น้ำหนักรถ (กิโลกรัม) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัดรถยนต์บริการ รถยนต์รับจ้าง รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลรถลากจูงรถแทรกเตอร์ที่มิได้ใช้ในการเกษตร
ไม่เกิน 500 150 450 185 300
501 – 750 300 750 310 450
751 – 1,000 450 1,050 450 600
1,001 – 1,250 800 1,350 560 750
1,251 – 1,500 1,000 1,650 685 900
1,501 – 1,750 1,300 2,100 875 1,050
1,751 – 2,000 1,600 2,550 1,060 1,350
2,001 – 2,500 1,900 3,000 1,250 1,650
2,501 – 3,000 2,200 3,450 1,435 1,950
3,001 – 3,500 2,400 3,900 1,625 2,250
3,501 – 4,000 2,600 4,350 1,810 2,550
4,001 – 4,500 2,800 4,800 2,000 2,850
4,501 – 5,000 3,000 5,250 2,185 3,150
5,001 – 6,000 3,200 5,700 2,375 3,450
6,001 – 7,000 3,400 6,150 2,560 3,750
7,001 ขึ้นไป 3,600 6,600 2,750 4,050

4) รถที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า

– รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ให้เก็บภาษีตามน้ำหนักของรถในอัตรารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน
– รถอื่นนอกจาก 4.1 ให้เก็บภาษีในอัตรากึ่งหนึ่งของรถตามข้อ 2 และ 3

รถใครภาษีขาดเกิน 3 ปี ดูวิธีการต่อภาษี พร้อมจดทะเบียนใหม่ ได้ใน Link นี้ – 3 ขั้นตอนง่ายๆ ในการต่อทะเบียนรถ “ภาษีขาดเกิน 3 ปี”

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

แล้วภาษีสรรพสามิต ของรถยนต์ป้ายแดงที่ออกใหม่จากโรงงานล่ะ?

ปัจจุบัน กรมสรรพสามิต จัดเก็บภาษีเฉพาะรถยนต์ใหม่ ที่ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือนำเข้าจากต่างประเทศ โดยจัดเก็บภาษีตามหลักสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดอัตราภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการประหยัดพลังงาน และลดมลพิษด้านสิ่งแวดล้อม จากการปล่อย CO2 อันเป็นสาเหตุหลักให้เกิดสภาวะโลกร้อน และฝุ่น PM 2.5

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

ข้อดี ของ แนวคิดของการเก็บภาษีรถเก่า อายุเกิน 10 ปี

  • ปริมาณรถยนต์เก่าในบ้านเราลดลง เพราะผู้คนส่วนหนึ่ง ยอมขายรถเก่าทิ้ง เนื่องจากสู้กับภาษีที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว
  • ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่ปล่อยออกจากเครื่องยนต์รถยนต์ น้อยลง
  • ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ มียอดขายรถยนต์ใหม่มากขึ้น กับบรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น
  • ซากรถคันเก่า จะเข้าสู่กระบวนการกำจัดซากที่ได้มาตรฐาน แบบโรงงานรีไซเคิลรถยนต์ เช่นในประเทศจีน หรือ ญี่ปุ่น และได้รับเงินที่จ่ายเข้ากองทุนคืนพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งอาจจะเป็นการลดภาษีสรรพสามิตของรถใหม่ ที่จะซื้อออกไป

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

ข้อเสีย ของ แนวคิดของการเก็บภาษีรถเก่า อายุเกิน 10 ปี

  • ผู้บริโภคต้องยอมซื้อรถยนต์ป้ายแดงคันใหม่ ในราคาจำหน่ายที่แพงกว่าหลายประเทศทั่วโลกพอสมควร ทั้งๆ ที่ ซื้อรถมือสองคุณภาพดี (แต่อายุมากหน่อย) ซึ่งคุ้มค่าเงินกว่า
  • ไม่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน รายได้ของคนไทยส่วนใหญ่ มิได้มากพอที่จะสามารถเปลี่ยนรถยนต์ได้ทุกๆ 5-10 ปี เนื่องจากรถยนต์ใหม่ ก็มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
  • บางคนอาจใช้เวลาในการผ่อนรถยนต์ นานถึง 6-7 ปี พอผ่อนหมด ใช้งานได้อีก 3 ปี ก็ต้องเจอการปรับภาษีรถยนต์ที่สูงขึ้น ทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น
  • ในต่างประเทศ ที่เป็นทั้งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ และมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง สามารถทำราคาจำหน่ายรถยนต์ที่เหมาะสมได้ ซึ่งต่างไปจากบ้านเรา
  • รถเก่าหลายคัน อายุมากแล้ว แต่ถ้าได้รับการดูแลรักษาที่ดี ก็ยังน่าใช้ไม่แพ้รถใหม่ๆ
  • คนที่มีรถยนต์มากกว่า 1 คัน และถ้าเป็นรถยนต์เก่า ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายต่อปีมากขึ้น
  • ระบบขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์ ที่มีอายุมากถึง 20-40 ปี สภาพเก่าโทรม ควันดำ ยังวิ่งให้บริการผู้คนในเมืองใหญ่ ค่อนข้างย้อนแย้งกับข้อเสนอในการลดมลพิษ

Old-Car-Tax-Idea-In-Thailand

สำหรับตัวเลขของ กรมการขนส่งทางบก พบว่า รถยนต์เก่าอายุเกิน 10 ปี ที่จดทะเบียนก่อนปี 2552 ในปัจจุบัน มีอยู่ประมาณ 26 ล้านคัน จำนวนนี้ เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลประมาณ 9 ล้านคัน แยกออกได้เป็น รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน 4.07 ล้านคัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน 3.8 แสนคัน และรถกระบะ 4.6 ล้านคัน

คือต้องบอกก่อนว่า แนวคิดนี้ “ดี” ในประเทศที่ “พัฒนาแล้ว” คุณภาพชีวิตประชาชนดี มีการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง มีค่าครองชีพสูง และมีระบบขนส่งมวลชนที่ได้คุณภาพ จนทำให้รู้สึกว่า ไม่มีรถยนต์ใช้งาน ชีวิตก็ไม่ลำบากในการเดินทาง

【短期連載】「ユーザー車検」必勝マニュアル『初心者は検査ラインでハザードを点灯』(その3)

การตรวจสภาพรถ ของประเทศญี่ปุ่น

เช่น ในประเทศญี่ปุ่น รถยนต์ใหม่มีราคาถูกกว่าในไทยมาก แต่เมื่อคุณใช้รถยนต์ไปจนถึงปีที่ 4 นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียน คุณก็ต้องนำรถยนต์เข้าตรวจสภาพ (ของญี่ปุ่นเรียกว่า “車検” Shaken = ชาเกง) ซึ่งคล้ายกับ ตรอ. ในบ้านเรา เป็นการตรวจสภาพรถยนต์ทุกๆ 2 ปี แต่มีความละเอียดในการตรวจสอบรถยนต์มากกว่ามาก และค่าตรวจสภาพที่ค่อนข้างแพงมาก ครั้งนึงต้องจ่ายหลายหมื่นเยนเลยทีเดียว

ซึ่งถ้าตรวจสภาพรถไม่ผ่าน ก็ต้องกลับไปซ่อมแซมแก้ไข เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก (โดยการตรวจสภาพรถนี้ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ภาษีรถยนต์ ที่ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของรถ, ประกันภัยรถยนต์ 24 เดือน, ภาษีค่าใช้ถนน และค่าอากร เป็นต้น)

https://img.bestcarweb.jp/wp-content/uploads/2019/11/29220240/40ac879c58a8b005491a1f3d4ed1ec38.jpg

อัตราค่าตรวจสภาพรถ ของประเทศญี่ปุ่น

และยิ่งรถเก่ามากเท่าไหร่ ค่าตรวจสภาพก็ยิ่งสูงมากขึ้น ทำให้คนญี่ปุ่นหลายคนรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ถ้าเกิดอุบัติเหตุ ค่าซ่อมก็ไม่คุ้ม เพราะค่าซ่อมแพงกว่าซื้อรถใหม่ แถมตอนลากเอาไปทิ้ง ต้องเสียเงินค่ากำจัดขยะอีก

https://www.ft.com/__origami/service/image/v2/images/raw/https%3A%2F%2Fs3-ap-northeast-1.amazonaws.com%2Fpsh-ex-ftnikkei-3937bb4%2Fimages%2F3%2F7%2F5%2F9%2F8909573-1-eng-GB%2F20140609_Myanmar1.jpg?source=nar-cms

รถมือสองเก่าจากญี่ปุ่น ที่อยู่ในประเทศพม่า

ด้วยเหตุนี้ จึงมีพ่อค้ารถมือสอง ทำธุรกิจส่งรถยนต์เก่าจากญี่ปุ่น ไปขายที่ภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย พม่า หรือแถบโอเชียเนีย แถบแคริเบียน หรือประเทศที่ใช้รถพวงมาลัยขวากันมากมาย จนบางทีก็ตัดขายเป็นอะไหล่ แบบเชียงกงในบ้านเรา หรือขับไปทิ้งเป็นซาก อยู่ตามป่าตามเขาในต่างจังหวัด ยังดีกว่า (คนญี่ปุ่นขี้เหนียวก็เยอะนะ! รู้ว่าค่าใช้จ่ายแพง ทิ้งแล้วซื้อใหม่คุ้มกว่า)

คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จึงใช้รถยนต์เฉลี่ยประมาณ 5-7 ปี ก็เปลี่ยนคันใหม่แล้ว

แต่ถ้าในบ้านเรา หากมีการบังคับใช้จริงๆ แล้วล่ะก็ คนที่จะเดือดร้อนจำนวนมาก ก็คงหนีไม่พ้นคนไทยส่วนใหญ่ ที่ใช้รถเก่า และรถมือสอง นี่ล่ะครับ …

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

5-Things-You-Should-Never-Do-While-Driving

เทศกาลของการท่องเที่ยว ก็กลับมาพร้อมกับอากาศหนาวๆ กันอีกแล้วนะครับ สำหรับใครที่คิดจะเดินทางไกลในช่วงปีใหม่ 2563 นี้ นอกจากสุขภาพร่างกายต้องพร้อมแล้ว สุขภาพรถ ก็ต้องพร้อมเช่นกันนะครับ หากท่านใดยังไม่ได้ไปตรวจสภาพรถฟรี ก็รีบนำรถไปตรวจสภาพกันได้เลย

ส่วนถ้าใครอยากจะขายรถด่วนๆ ในช่วงสิ้นปีนี้ เพื่อนำเงินไปดาวน์รถคันใหม่ ผ่อนรถใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ ก็นำรถมาขาย หรือตีราคารถ ที่ Carro สิ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express คลิกที่นี่เลย https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

พอได้รถมาขับกันแล้ว การขับรถยนต์นั้นต้องใช้สมาธิพอสมควร ไม่วอกแวก หรือทำนู่นทำนี่ตอนนั่งหลังพวงมาลัยไปด้วย … 5 สิ่งที่ห้ามทำ เมื่อกำลังขับรถอยู่นั้น มีอะไรบ้าง Mr.Carro จะมาเล่าทั้งหมดให้ฟัง

5-Things-You-Should-Never-Do-While-Driving

1. โทรศัพท์มือถือ อย่าเล่น!

ในโลกยุคปัจจุบัน เชื่อได้เลยว่าแทบทุกคนติดโทรศัพท์มือถือกันทั้งนั้น แต่เวลาขับรถ สมาธิหลักควรจะอยู่ที่ถนนหนทางข้างหน้ามากกว่า การเล่น Facebook หรือการแชทไลน์ ในขณะขับรถ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้

ดังนั้น การขับรถทางไกล หากจำเป็นต้องคุยโทรศัพท์ ควรใช้ระบบ Bluetooth และถ้าหากต้องการดูเส้นทางจาก GPS ในมือถือ ก็ตั้งค่าให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง ควรหาจุดที่ติดโทรศัพท์ไว้บริเวณกระจกบานหน้ารถ ในมุมที่ง่ายต่อการดูครับ

2. ของหล่น อย่าเก็บ!

บางคนชอบเก็บของเอาไว้ในรถหลายอย่าง บางทีพอจะหยิบมาใช้ แล้วก็อาจจะวางในพื้นที่เรียบหรือลื่น เมื่อเวลารถออกตัวหรือเลี้ยว แรงเหวี่ยงของรถ อาจจะทำของกลิ้งหล่นไปที่พื้นได้ กรณีนี้ห้ามก้มลงไปเก็บของเด็ดขาดตอนกำลังขับรถอยู่ เพราะถ้าเงยหน้าขึ้นมาอีกที รถอาจเสียการควบคุม เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

และการเอื้อมตัวไปเก็บของขณะขับรถ อาจทำให้กล้ามเนื้อหลังบาดเจ็บได้ ทางที่ดี ควรจัดวางสิ่งของให้เรียบร้อย ก่อนนำรถออกเดินทาง และไม่วางสิ่งของไว้ในจุดที่หล่นง่าย หรือกลิ้งไปมาได้ เช่น บนแผงคอนโซลที่พื้นเรียบ ไม่มีช่องเว้าสำหรับให้วางของ เป็นต้น

5-Things-You-Should-Never-Do-While-Driving

3. รองเท้า อย่าถอด!

เป็นปัญหาที่มีมานาน ของเรื่องรองเท้าไปขัดอยู่ในแป้นเบรก หรือคันเร่ง เพราะหลายคนเวลาขับรถ ชอบถอดรองเท้าขับรถ แต่การวางรองเท้าเป็นสิ่งที่ต้องระวัง เพราะรองเท้าอาจเลื่อนไหล ทำให้เบรกได้ไม่เต็มที่ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้

ทางที่ดี ถอดรองเท้าแล้ว ยกไปวางไว้บริเวณที่นั่งฝั่งผู้โดยสาร เพื่อความปลอดภัย

4. รองเท้าส้นสูง อย่าใส่!

การใส่รองเท้าส้นสูงขับรถนั้น ทำให้เหยียบแป้นเบรกหรือแป้นคันเร่งไม่ได้เต็มฝ่าเท้า อาจทำให้เบรกได้ไม่สนิท หรือรถไหลไปชนคันหน้าได้

ทางที่ดี ควรเปลี่ยนรองเท้าก่อนขับรถ จะช่วยให้เหยียบเบรกและคันเร่งได้มั่นใจมากขึ้นครับ

5-Things-You-Should-Never-Do-While-Driving

5. สุรายาเมา ห้ามดื่ม!

การดื่มเหล้านี่เป็นเรื่องที่แยกไม่ออกกับทุกเทศกาลเลยจริงๆ จะเทศกาลไหนพี่ไทยก็เมา แต่เมาอย่างเดียวไม่พอ ดันออกมาขับรถซะด้วยสิ แล้วก็เกิดอุบัติเหตุ สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินมานับไม่ถ้วน

ถ้าหากรู้ตัวว่าเมาแล้ว ห้ามขับรถเด็ดขาด! ทางที่ดี ควรให้คนที่ไม่ได้ดื่มเหล้า ขับรถให้แทน หรือจอดรถทิ้งไว้ก่อน ถ้ามาคนเดียวก็ขึ้นแท็กซี่ หรือใช้ Application ที่มีบริการคนขับรถให้มาขับให้

เอาละครับ เมื่อรู้ถึงข้อห้ามต่างๆ เหล่านี้แล้ว ก็อย่าลืมนำไปปฏิบัติกันด้วยล่ะครับ