Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

ช่วงนี้ต้องขอบอกก่อนเลยว่า กระแส “พับเบาะรถ” ถือว่ากำลังมาแรงเลยทีเดียว ซึ่งในตลาดรถที่พับเบาะได้ ก็มีให้เลือกกันอยู่หลายรุ่นหลายแบบเลยทีเดียว แต่รถที่พับเบาะได้ และสามารถใช้งานได้จริง (ที่ไม่ใช่แค่เพียงวางของอย่างเดียว) ก็คงเป็นรถในแนวๆ Hatchback (รถแฮทช์แบค), รถ SUV (รถเอสยูวี) หรือรถ MPV (รถเอ็มพีวี) ซึ่งแต่ละรุ่น ก็ออกแบบพื้นที่ในการใช้งาน และอรรถประโยชน์มาได้คล้ายๆ กัน

แต่ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ รถใหม่ป้ายแดงสำหรับบางคนอาจจะเป็นภาระเกินกำลังไปบ้าง การเลือกรถมือสองสภาพเยี่ยมๆ มาใช้สักคัน ก็จะช่วยเซฟเงินไปได้ไม่น้อย และยังเก็บเงินไว้ทำกิจกรรมสนุกๆ ขับรถไปเที่ยวกับครอบครัวในวันหยุดได้บ่อยๆ ด้วย

Carro ขอคัดสรรรถมือสอง 10 รุ่น ที่พับเบาะด้านหลังได้ราบเรียบ (หรือเกือบราบเรียบ) สามารถขับรถไปจอดนอนดูวิวริมเขื่อน หรือดูดาวบนดอย ทำกิจกรรมต่างๆ ได้สะดวก และราคาสบายกระเป๋า จะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลยครับผม

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

1. Toyota C-HR

Toyota C-HR (โตโยต้า ซีเอชอาร์) เป็นรถ Sub-Compact Crossover SUV รูปทรงสวยสไตล์รถ Coupe มาพร้อมความสารพัดประโยชน์ มีที่เก็บของจุกจิกเพียบ แถมยังเป็นแบรนด์ซื้อง่ายขายคล่อง ขับไปไหนก็มีศูนย์บริการ และหาอะไหล่ได้ง่าย เปิดตัวในไทยเมื่อช่วงปลายปี 2560

ขุมพลังเป็นแบบเบนซินขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FBE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 175 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock

และในแบบไฮบริด เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 96 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 53 กิโลวัตต์ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock

สำหรับชุดเบาะหลังของ Toyota C-HR ในรุ่นเบนซินสามารถพับได้แบบ 60:40 และพับได้ราบเรียบ เมื่อพับเบาะลงหมดให้ความจุมากถึง 1,112 ลิตร ขนจักรยานเสือหมอบ 54 มาวางได้สบายๆ แต่ในรุ่น Hybrid อาจจะมีเนินบ้างเล็กน้อย เนื่องจากมีชุดแบตเตอรี่อยู่บริเวณใต้เบาะนั่นเอง

คลิกเลือกรถ Toyota C-HR คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

2. Toyota Innova

Toyota Innova Crysta (โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า) เป็นรถเจเนอเรชั่นที่ 2 ของ Innova ที่ยังได้รับความนิยมทั้งในตลาดรถป้ายแดง และรถมือสองอย่างต่อเนื่อง เป็นการนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนกันยายน 2559 อัพเกรดความหรูหรามาเต็มพิกัด และความอเนกประสงค์สุดๆ

ในรุ่น 2.8V และ 2.8G มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.8 ลิตร คอมมอนเรล GD Efficient Boost รหัส 1GD-FTV (High) 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 174 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift

ส่วนรุ่น 2.0E ใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส 1TR-FE ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 139 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 183 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด รองรับแก๊สโซฮอล์ E20

ด้วยแนวคิดการออกแบบภายในห้องโดยสาร ภายใต้ Concept “Living Room Like” ทำให้มีพื้นที่กว้างขวางกว่าเดิมมาก เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถพับเบาะจังหวะเดียว 1-Touch Tumble ได้ และปรับเบาะแบบ Privy Relaxed ปรับเอนได้อิสระในเบาะนั่งแถวที่ 2 (สำหรับในรุ่นที่ไม่ใช่เบาะ Captain Seat นะครับ)

ส่วนเบาะนั่งแถว 3 สามารถปรับพับได้แบบ 50:50 โดยห้อยที่บริเวณด้านข้าง ซึ่งก็ทำให้เสียพื้นที่แนวขวางไปเล็กน้อย ในกรณีที่ตั้งวางของเรียงซ้อนกันหลายชั้น

คลิกเลือกรถ Toyota Innova Crysta คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

3. Nissan Note

Nissan Note (นิสสัน โน๊ต) จัดเป็นรถ Eco-Car แบบ Hatchback 5 ประตูที่ภายในกว้างขวางมากอีกหนึ่งรุ่น เวอร์ชั่นไทยเปิดตัวในวันที่ 17 มกราคม 2560 มาด้วยความกว้างขวางของภายใน กับหลังคาสูงแบบ Airy Cabin

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ตัวเดียวกับใน Nissan March รหัส HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC ให้แรงม้าสูงสุด 79 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ Xtronic CVT พร้อม D-STEP Logic

เบาะหลังสามารถพับได้แบบ 60:40 ปรับให้แบนราบเรียบได้ ในรุ่น VL และปรับชิ้นเดียวในรุ่น V หากพับเบาะหลังลง จะให้เนื้อที่มากถึง 1,495 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA) สามารถวางจอ TV ขนาด 50 นิ้วได้สบายๆ

คลิกเลือกรถ Nissan Note คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

4. Nissan X-Trail

Nissan X-Trail (นิสสัน เอ็กซ์เทรล) จัดเป็นรถ SUV มีให้เลือกในตลาดทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และแบบไฮบริดรายแรกในกลุ่ม SUV ระดับเดียวกันในไทย ที่ถึงแม้ว่า Nissan บ้านเราจะเลิกขายไปแล้วก็ตาม แต่ในตลาดรถมือสอง รุ่นนี้ยังคงได้รับความนิยมอยู่

ด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ติดกับตัวรถมามากมาย ตอบสนองวิถีชีวิตคนเมือง เช่น ระบบเปิด-ปิด ประตูท้ายอัตโนมัติแบบระบบแฮนด์ฟรี ง่ายทั้งการบรรทุกของ หรือการทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ หรือแม้กระทั่งการท่องเที่ยว ที่ต้องพกอุปกรณ์ และกระเป๋าเดินทางหลายๆ ใบ

ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 171 แรงม้า แรงบิด 233 นิวตันเมตร ส่วนเครื่องยนต์ Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร + มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมโรเตอร์สวิตช์ (4x4i with Roter Switch) ช่วยการขับขี่ทั้งออนโรดและออฟโรด สามารถเลือกโหมดการขับเคลื่อนได้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ 2WD, 4WD Auto และ 4WD Full-Time

อีกทั้งเบาะนั่งในแถวที่ 2 และแถวที่ 3 (ในรุ่น 7 ที่นั่ง) สามารถปรับพับเบาะได้หลายรูปแบบ และแบนราบเกือบที่สุด ในบรรดารถ SUV ด้วยกันในท้องตลาด เมื่อพับเบาะแถวที่ 3 จะให้พื้นที่ 445 ลิตร และหากพับเบาะลงทั้งหมด จะให้พื้นที่เพิ่มอีก 565 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA)

คลิกเลือกรถ Nissan X-Trail คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

5. Honda Jazz

Honda Jazz (ฮอนด้า แจ๊ซ) เจเนอเรชั่นที่ 3 ที่ยังคงขายในไทยกันอย่างยืนยงเข้าสู่ปีที่ 8 นับตั้งแต่เปิดตัวในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ด้วยจุดเด่นของห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย จากแนวคิดการออกแบบ “Futuristic Cockpit” จัดวางพื้นที่ภายในห้องโดยสารนี้ยังคงใช้แนวคิด Man Maximum Machine Minimum ในการออกแบบ

มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส L15Z1 แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 117 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยได้ แบบ 7 สปีด

ซึ่งรุ่นนี้ยังใช้ชุดเบาะนั่งอัลตร้า ซีท ที่ปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 โหมด ได้แก่ Utility Mode, Long Mode, Tall Mode และเพิ่มโหมดใหม่ล่าสุด Refresh Mode ที่พับเบาะด้านหน้าเชื่อมต่อเบาะด้านหลังได้ ปรับเบาะได้ราบเรียบที่สุดในบรรดารถ Sub-Compact Car แบบ Hatchback ที่ขายในตลาด (เนื่องจากนำถังน้ำมัน ไปไว้บริเวณใต้เบาะนั่งคู่หน้า) ให้เนื้อที่กว้างสะใจถึง 1,354 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA)

คลิกเลือกรถ Honda Jazz คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

6. Honda HR-V

Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์วี) นับเป็นรถ SUV ขนาด B-Segment ยอดฮิตมากในตลาดรถมือสองอีกรุ่น ด้วยความสารพัดประโยชน์ที่ได้รับจากรถแนวนี้ มีที่เก็บของจุกจิกเพียบ กับสปอร์ตปราดเปรียวในสไตล์รถสปอร์ตคูเป้ แบบ “Dynamic Cross Solid” แถมราคาขายต่อดี ไม่ตก แถมยังเป็นแบรนด์เจ้าตลาด ขับไปไหนก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องของศูนย์บริการ และการหาอะไหล่

วางเครื่องขนาด 1.8 ลิตร แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC แบบเดียวกับในรุ่น Civic FB ให้แรงม้าสูงสุด 141 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร มาพร้อมกับระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dream และขับสนุกยิ่งขึ้นด้วยระบบ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยได้ แบบ 7 สปีด

มาพร้อมกับเบาะนั่งอเนกประสงค์ที่ปรับพับได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Utility Mode, Tall Mode และ Long Mode เพื่อตอบรับทุกการใช้งาน ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีความจุ 565 ลิตร และเบาะที่พับเก็บได้ราบเรียบ วางจักรยาน MTB ไซส์ 26 ได้สบายๆ ถึง 2 คัน!

คลิกเลือกรถ Honda HR-V คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

7. Mazda CX-5

Mazda CX-5 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-5) เป็นรถ SUV ขนาด C-Segment รุ่นที่มีชื่อเสียงมากอีกหนึ่งรุ่น มาพร้อมรูปทรงการออกแบบอันสง่างามทั้งภายนอกและภายใน ที่ได้แรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์ของงานศิลปะญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ตามแนวทางการออกแบบ “Less is more” เรียบง่าย สุขุม และสปอร์ตโฉบเฉี่ยว

มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT ให้แรงม้าสูงสุด 175 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ประหยัดสูงสุด 17.5 กม./ลิตร

และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual S-VT พัฒนาให้สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้ดีขึ้น ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า (ภายหลังปรับแรงม้าเป็น 190 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ประหยัดสูงสุด 13.9 กม./ลิตร

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo ขนาด 2.5 ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้แรงม้าสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

มาพร้อมกับเบาะนั่งอเนกประสงค์ เมื่อพับเบาะนั่งลงหมด ให้ความจุมากถึง 1,620 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA)

คลิกเลือกรถ Mazda CX-5 คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

8. Mitsubishi Xpander

Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) เป็นรถ MPV ที่ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าทั้งในแบบรถป้ายแดงและรถมือสอง นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม 2561 โดยการนำเข้าจากอินโดนีเซีย ภายในเพียบพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก กว้างขวาง สะดวกสบาย มีเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนที่ต่ำ (NVH) ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพตามปรัชญาแบบ “โอโมเตะนาชิ” ของญี่ปุ่น

ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 4A91 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว MIVEC ให้แรงม้าสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมปุ่ม Overdrive รองรับแก๊สโซฮอล์ E85

ให้พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่สุดกว่ารถในระดับเดียวกัน ผู้โดยสารแถวที่ 3 สามารถเดินภายในได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่เบาะนั่งแถวที่สองพับเบาะกลางลง เพื่อใช้เป็นที่วางแขนได้ มีช่องวางแก้วน้ำมากถึง 16 จุดรอบคัน พร้อมแอร์สำหรับผู้โดยสารหลัง และเมื่อพับเบาะลงทั้งหมด จะให้พื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 1,630 ลิตร! เพื่อความสนุกในทุกกิจกรรมของคุณ ถูกใจสายเที่ยวแน่นอน

คลิกเลือกรถ Mitsubishi Xpander คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

9. Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ติก้า) เป็นรถ MPV 7 ที่นั่ง ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน มาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT พร้อมมอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและความปลอดภัย ห้องโดยสารภายในดูเรียบหรู ใช้วัสดุคุณภาพสูง พื้นที่ภายในขนาด 3 แถว 7 ที่นั่ง กว้างขวาง โปร่งสบาย และยังมี NVH ให้การขับขี่นุ่มนวล ดูดซับแรงสั่นสะเทือน พร้อมลดเสียงรบกวนตลอดเส้นทาง

ใช้เครื่องยนต์รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว DUALJET ให้แรงม้าสูงสุดถึง 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายรองรับได้ 209 ลิตร เบาะนั่งแถวที่สอง พับแบบ 60:40 และแถวที่ 3 พับแบบ 50:50 โดยหากพับเบาะสองแถวหลังลงหมด ให้ความจุได้สูงสุดถึง 803 ลิตร!

คลิกเลือกรถ Suzuki Ertiga คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

10. Subaru XV

Subaru XV (ซูบารุ เอ็กซ์วี) จัดเป็นรถนอกกระแสสไตล์ Crossover ที่ขายดีอีกหนึ่งรุ่น รุ่นปัจจุบันเปิดตัวในไทยเมื่อเดือนมกราคม 2561 ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้ “Subaru Global Platform” พร้อมระบบการขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive) และระบบ X-Mode ซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่บนภูมิประเทศที่ท้าทาย

มาพร้อมเครื่องยนต์ Boxer ขนาด 2.0 ลิตร ปรับปรุงใหม่ น้ำหนักเบาลงประมาณ 12 กิโลกรัม แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว กับระบบ Direct Injection ให้กำลัง 156 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ Lineartronic 7 สปีด ที่เบากว่ารุ่นก่อนหน้านี้ถึง 7.8 กิโลกรัม

พื้นที่ด้านหลังขนของได้เพียบ และพับเบาะนั่งแถวสองได้ราบเรียบที่สุดอีกหนึ่งรุ่น ให้ความจุมากถึง 1,240 ลิตร!

คลิกเลือกรถ Subaru XV คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ที่พับเบาะได้มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

ยางรถยนต์ยี่ห้อไหน ก็เหมือนกันจริงหรือ??

สวัสดีครับวันนี้ จอร์จ ไทร์บิดกลับมาอีกครั้งครับ จอร์จก็อยากมาอธิบายพอดีเห็นเพื่อนๆชอบพูดกันว่ายางก็เหมือนๆกันคงไม่ได้แตกต่างกันมากใช้ราคาถูกไปก็ได้ ซึ่ง อาจจะเป็นความเข้าใจที่ผิดครับแต่ก็ไม่แปลกที่เพื่อนๆจะรู้สึกแบบนี้เป็นเพราะด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของยางทุกยี่ห้อจะมีลักษณะใกล้เคียงกันสีดำเหมือนกัน ยางยี่ห้อถูกยี่ห้อแพงบางทีลายดอกยางก็ยังเหมือนกันอีกทำให้ความรู้สึกว่ายางคุณภาพคงไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่จริงๆแล้ว จอร์จ อยากจะบอกว่าแต่ละแบรนด์นั้นใช้วัสดุที่แตกต่างกันมากครับ ประกอบกับเทคโนโลยีในการผลิตก็แตกต่างกันมากเช่นเดียวกันครับ งั้นจอร์จ จะลงรายละเอียด สัก 4 ส่วนของยางเส้นหนึ่งครับ ก็คือ ขอบยาง โครงสร้างยาง เนื้อยาง และ ลายดอกยางครับ

เรามาเริ่มกันอย่างแรกก่อนเลยครับ บริเวณขอบยาง ต้องขออธิบายก่อนครับยางทุกเส้นบริเวณขอบยางนั้นจะมีเส้นลวดอยู่ครับ ซึ่งมีหน้าที่ในการล็อกยางกับของแมกซ์ให้มีความสมดุลเวลาใช้งาน กับ อีกส่วนหนึ่งก็คือมีหน้าที่ไว้รับน้ำหนักครับซึ่งเส้นลวดด้านในหลายๆท่านอาจจะคิดว่าคงเอาเส้นลวดมามัดๆ รวมกัน แต่จริงๆแล้วในรายละเอียดนั้น มันทั้งเรื่องของรูปทรงของเส้นลวด ความเล็ก ความใหญ่ของเส้นลวดครับเพื่อให้เกิดความแข็งแรงมากที่สุดในการใช้งานครับ อาทิ บางคนบอกเส้นลวดเส้นใหญ่ๆน่าจะดี แต่เทคโนโลยีสมัยใหม่บอกว่าเส้นลวดเล็กแล้วมัดด้วยเส้นลวดอีกทีบริเวณรอบเส้นลวดก็จะยิ่งทำให้แข็งแรงเพิ่มมากขึ้น หรือว่า ช่องว่างระหว่างเส้นลวดถ้าเป็นทรงกลมอาจจะทำให้ไม่แนบสนิท ถ้าทำเส้นลวดเป็นทรงเหลี่ยมจะทำให้ยิ่งไม่มีช่องว่าง ซึ่งจะทำให้แข็งแรงกว่า โดยทั้งหมดที่พูดมาคือการพัฒนาของแต่ละแบรนด์ที่คิดค้นต่างกันครับ เพื่อมาให้ยางที่มีขอบลวดที่แข็งแรงมากที่สุดครับ ซึ่งขอบยางเราอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นแต่จอร์จ อยากจะอธิบายครับ

ยางรถยนต์ยี่ห้อไหน ก็เหมือนกันจริงหรือ??

โครงสร้างยางครับ ทุกคนจะบอกว่าโครงสร้างยางต้องแข็งแรงแต่เพื่อนๆรู้ไหมครับการที่แข็งแรงนั่นอาจส่งผลต่อการให้ตัวของยางรถยนต์นั้นหมายถึงความขับสบายในการขับขี่ด้วยครับ เพราะฉะนั้นแบรนด์ที่ใส่นวัตกรรมเทคโนโลยีเข้าไปนั้น ทำให้โครงสร้างของยางจะมีความให้ตัวที่มาก แต่ ว่ายังมีความแข็งแรงทนทานป้องกันแรงกระแทกได้ดีอีกด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานของขนาดเส้นลวด ผสมผสายการใช้ใยสังเคราะห์ ซึ่งสิ่งเหล้านี้ทางผู้ผลิตก็พัฒนาเพื่อให้ได้ยางที่มีคุณภาพโครงสร้างที่ดีที่สุดครับ ซึ่งก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เรามองไม่เห็นเช่นกันครับเราจึงไม่รู้ความแตกต่าง

ยางรถยนต์ยี่ห้อไหน ก็เหมือนกันจริงหรือ??

ต่อมาในเรื่องของเนื้อยางซึ่งเป็นส่วนที่เราเห็นกันแต่เราไม่รู้หรอกว่าเนื้อยางต่างกันยังไง อย่างแรกเลยครับการเกาะถนนและความทนทานสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกันครับเพราะว่า ถ้ายางที่เกาะถนนดีจะมีความนุ่มหรือมีส่วนผสมของยางที่มากกว่าซึ่งหากมีส่วนผสมของยางที่มากกว่านั้นเวลาใช้งานจริงๆการสึกหรอจะเร็วครับ เพราะฉะนั้นโรงงานผลิตยางจำเป็นจะต้องใส่สารเคมีที่ช่วยทำให้ยางนั่นมีความคงทน แต่ยังมีคุณสมบัติความเหนียวที่ช่วยทำให้เกาะถนนได้ดีขึ้น ส่วนต่อมา นวัตกรรมใหม่ๆในการทำให้เนื้อยางมีสูตรในการสลัดน้ำออกหรือเมื่อเจอน้ำไม่ดูดซับน้ำครับก็ต้องใส่สารเคมีเข้าไป พัฒนาสูตรยางเข้าไปให้ทำได้ครับ และส่วนสุดท้าย ยางทุกเส้นจะมีโมเลกุลที่แตกต่างกัน ยิ่งอนุภาคเล็กก็จะยิ่งทำให้ยางนั้นแนบสนิทกับพื้นถนนได้มากขึ้นครับ เพื่อนๆลองคิดดูว่าผู้ผลิตระดับไหนถึงจะ คิดค้นในสิ่งเหล่านี้ได้ถ้าไม่ใช่แบรนด์ขนาดใหญ่ที่ลงทุนกับเรื่องพวกนี้เป็นมาก

ยางรถยนต์ยี่ห้อไหน ก็เหมือนกันจริงหรือ??

ส่วนสุดท้ายลายดอกยางครับ เพื่อนอาจจะมองว่าลายดอกยางก็แบบเดิมๆ ไม่เปลี่ยนแปลงใช่ไหมครับแต่จริงๆแล้วมีการออกแบบลายดอกยางที่ใส่นวัตกรรมลงไปไม่ว่าจะเป็นร่องดอกยางนั่นที่มีรูปทรงที่เปลี่ยนไปที่ช่วยเพิ่มการระบายน้ำออกจากหน้ายางหรือว่าจะเป็นส่วนในการคืนตัวหรือขบกับถนนเพื่อให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนได้แนบสนิทมากยิ่งขึ้น หรือจะเป็นการออกแบบยางแบบสามมิติ เพื่อให้ดอกยางนั้นไม่ล้มเพื่อให้ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยมตลอดเวลา

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลคือเรื่องของนวัตกรรมที่บริษัทยางขนาดใหญ่ให้ความใส่ใจกับเรื่องนี้มากเพื่อการใช้งานรถของเพื่อนๆที่ดีกว่าเดิม อย่าเข้าใจผิดว่ายางทุกเส้นทุกราคาเหมือนกันครับ ยางราคาแพงองค์ประกอบของค่าการตลาดอาจจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่ค่า R&D ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยางราคาแพงขึ้นครับ นึกเปลี่ยนยาง นึกถึงไทร์บิดนะครับ มีโปรโมชั่นยางรถเพียบ

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ https://tiresbid.com/home ได้เลยครับ เพราะเราเป็นเว็บจำหน่ายยางที่ดีที่สุดครับ มีแบรนด์สินค้าคุณภาพให้เลือกมากที่สุด และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดในประเทศ แถมไทร์บิดเรายังมีบริการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกลาง ให้เพื่อนๆที่ต้องการสอบถามได้ยางที่เหมาะสมที่สุดผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) เราเป็นตัวกลางยางมืออาชีพโปรโมชั่นยางรถพิเศษไทร์บิดมากมาย  ให้บริการครบทุกรูปแบบ จุดบริการ เปลี่ยนถึงบ้าน จัดส่ง Fast service ทุกรูปแบบการรับบริการนัดหมายล่วงหน้า ใช้เวลาเพียง 1 ชม.ในการรับบริการติดตั้งเปลี่ยนยาง ให้เรื่องยางรถของคุณง่ายยิ่งขึ้น ซื้อยางรถมั่นใจทุกครั้งที่ไทร์บิด วันนี้ก็ขอขอบคุณมากครับเพื่อนๆที่ติดตาม หากมีข้อสงสัยเลือกยางไม่ถูกสอบถามมาที่ไทร์บิดของเราได้เลยครับ วันนี้ขอบคุณมากครับ

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ออโต้ให้ปลอดภัย

ทุกวันนี้ ถ้าจะให้มีรถยนต์ที่ออกมาบนท้องถนนส่วนใหญ่ ในประเทศไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องรถติดอันดับโลก การขับรถยนต์แบบเกียร์อัตโนมัตินั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปเกือบหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่รถกระบะ หรือรถตู้ ก็มีระบบเกียร์อัตโนมัติใช้กันมากพอสมควร

การขับรถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ผู้ขับขี่สะดวกสบายกว่าการขับรถด้วยเกียร์ธรรมดา ยิ่งในรถติดๆ ด้วยล่ะก็สบายขาซ้ายขึ้นเป็นกอง นับตั้งการพัฒนาเทคโนโลยีในอดีตหลายสิบปีที่แล้ว ที่เกียร์อัตโนมัติยังใช้ระบบแบบกลไก มีสปีดเริ่มต้นแค่ 2-3 สปีด และยังไม่ค่อยทนทานมากเท่าในปัจจุบัน

Automatic-Transmission

ภาพจาก V.Group Honda

มาถึงยุคปัจจุบัน ที่วิวัฒนาการก้าวหน้าในยุคที่เกียร์อัตโนมัติเป็นแบบระบบสายพาน CVT หรือระบบไฟฟ้า ที่มีความสลับซับซ้อนและทันสมัยมากๆ มีสปีดให้เลือกใช้มากถึง 9-10 สปีด แต่วิธีในการใช้งานนั้น ก็ยังคงไม่ต่างจากในอดีตนัก

Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟังถึงวิธีการขับรถด้วยเกียร์อัตโนมัติ ที่เน้นถึงความปลอดภัยในการใช้งาน ขับแล้วไม่เกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดอุบัติเหตุจากความตกใจและประมาท (เช่น ใส่เกียร์ผิดตำแหน่ง) เพราะความปลอดภัยหลักของคนขับ ก็อยู่ที่ … ตัวคนขับนั่นเองครับ

เคล็ดไม่ลับ การใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

ใช้เท้าขวาเหยียบเบรกเท่านั้น

การขับรถเกียร์อัตโนมัติ ควรใช้เท้าขวาเพียงเท้าเดียวในการเหยียบเบรกและคันเร่ง ไม่ควรใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรก และเหยียบเบรคทุกครั้งก่อนสตาร์ทรถ เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีเกียร์ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งเกียร์ว่าง N หรือเกียร์จอด P

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

เกียร์ถอย R ต้องตั้งใจเข้า

สำหรับรถยนต์รุ่นที่มีร่องคันเกียร์แนวตรง และมีปุ่มกดที่หัวเกียร์ การเข้าเกียร์ไปตำแหน่งเกียร์ถอย R ทั้งจากเกียร์จอด P หรือจากเกียร์ว่าง N รถยนต์ทุกรุ่นที่คันเกียร์เป็นแนวตรง ต้องกดปุ่มที่หัวเกียร์ หรือบางรุ่นต้องเหยียบเบรก กับกดปุ่มที่หัวเกียร์พร้อมกัน ถึงจะเลื่อนตำแหน่งเกียร์ไปยังเกียร์ถอย R ได้ เพื่อป้องกันการใส่เกียร์ผิด หรือมีเด็กเล็กมาโยกเล่น

ดังที่ทุกค่ายรถยนต์ได้ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย เพราะมีสลักล็อกอยู่ แม้จะใช้ 2 มือดันสุดแรง ถ้าสลักไม่หัก ก็เลื่อนไม่ได้แน่นอน

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

เกียร์คร่อมตำแหน่ง ระหว่าง N-R หรือ P-R

การเลื่อนคันเกียร์ไปมาระหว่างแต่ละตำแหน่ง มีระยะห่างที่น้อยมาก การคาคันเกียร์คร่อมอยู่ระหว่าง 2 ตำแหน่ง ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ กรณีรถรุ่นเก่าๆ ในขณะที่เกิดแรงสั่นสะเทือนของตัวรถ และเกียร์ดีดไปเข้าในตำแหน่งต่างๆ ได้

ดังนั้น ไม่ว่าในช่วงสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือก่อนจะออกรถ ควรแน่ใจเสมอว่าคันเกียร์อยู่ในล็อกของตำแหน่ง N หรือ P เท่านั้น ไม่ก้ำกึ่งอยู่ระหว่างตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง

Shift-Lock-Release

ระบบ Shift Lock Release ในเกียร์อัตโนมัติ

ในรถบางรุ่นที่ออกแบบมาให้มีระบบ Shift Lock Release เวลาเข้าเกียร์จอด P ไว้ ซึ่งก่อนจะขับรถออกไป ยังไงก็ต้องนำกุญแจรถลงไปเสียบที่ช่องสำหรับเสียบกุญแจ หรือกดปุ่ม เพื่อปลดล็อคเกียร์ออกจากเกียร์จอด P อยู่แล้ว เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่นั่นเอง

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

เปลี่ยนเกียร์จาก D มา N ไม่ต้องกดปุ่มที่หัวเกียร์ก็ได้ (สำหรับรถรุ่นเก่า)

โดยทั่วไปการเลื่อนคันเกียร์จาก N มา D ขับเคลื่อนเดินหน้า ไม่ต้องกดปุ่ม เพราะผู้ผลิตรถออกแบบมาให้สะดวกในเวลาขับ ในกรณีของ N มา D ไม่ต้องกดปุ่มได้ แต่จาก N ไป R หรือ P ต้องกดปุ่มครับ ป้องกันการเข้าเกียร์ผิด อาจจะให้รถกระชาก ถึงขั้นเกียร์พังได้

โดยเกียร์จอด จาก P หรือ N ไป R ต้องกดปุ่มที่หัวเกียร์ (หรือเท้าอาจต้องเหยียบเบรก ในกรณีที่เกียร์เป็นแบบขั้นบันได (Gate Type) ซึ่งหลายรุ่นไม่มีปุ่มกดเกียร์)

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

จอดรถขณะติดไฟแดง รถติด โดยมีผู้ขับอยู่ในรถ

การขับรถจอดติดไฟแดง หรือรถติดจากการจราจรติดขัด หากจอดไม่นาน แค่เหยียบเบรกค้างไว้ โดยตำแหน่งอยู่ที่เกียร์ D เพื่อไม่ให้เกียร์มีการสึกหรอจากการสลับไป-มา ระหว่าง N-D หรือถ้าจอดนานสักหน่อย จะค้างไว้ที่เกียร์ D พร้อมดึงเบรกมือไว้ก็ได้ … แต่อย่าเผลอเมื่อยขาละกัน!

ถ้ารู้สึกรถติดนานหลายนาที เลื่อนเกียร์มาที่ N และเหยียบเบรกหรือดึงเบรกมือเสริมไว้ดีกว่า หากรถติดอยู่บริเวณคอสะพาน หรือทางลงในลานจอดรถ เป็นต้น

หากต้องจอดรถแล้วติดเครื่องยนต์ไว้ และต้องลงจากรถยนต์ โดยมีผู้อื่นอยู่ในรถยนต์ นอกจากควรดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ P ไว้ โดยไม่ควรเข้าเกียร์ N ไว้ เพราะอาจมีใครดันมาเป็นเกียร์ D ได้

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

อย่าวางใจเบรกมือ

เมื่อดึงเบรกมือจนสุด (หรือใช้มือดึงเบาๆ กรณีที่เป็นเบรกมือไฟฟ้า หรือใช้เท้าเหยียบให้สุด กรณีที่เป็นเบรกมือแบบเหยียบ) หากรถยนต์ปกติ การเข้าเกียร์ค้างไว้ที่ D หรือ R โดยไม่แตะคันเร่ง รถยนต์ต้องไม่ไหล แต่ก็อาจจะไหลได้ เช่น สายสลิงเบรกมือยืดตัว รอบกระตุกเพราะคอมเพรสเซอร์แอร์ตัด-ต่อการทำงาน แม้เมื่อดึงเบรกมือสุด จะมีแรงกดผ้าเบรกมาก แต่ก็แค่ 2 ล้อ และแรงกดนั้นน้อยกว่าการเหยียบเบรกอยู่มาก ดังนั้นจึงไม่ควรไว้วางใจเบรกมือ

ควรคิดเสมอว่า แม้ดึงเบรกมือจนสุด แล้วรถยนต์ก็ยังอาจจะไหลได้ ขนาดที่ดึงเบรกมือค้างไว้ ก็ยังขับรถยนต์ออกไปได้ นั่นคือ เบรกมือมีแรงเบรกพอสมควรเท่านั้น ไม่ได้มีทั้งหมด มิฉะนั้นคงไม่สามารถขับออกไปได้โดยหลายคนหลงลืม

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

สัญญานเตือนเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง R

ในรถรุ่นใหม่ๆ เวลาถอยรถ หลายรุ่นมักมีติดสัญญาณเตือนถอยหลัง พร้อมภาพจากกล้องมองหลังขึ้นมา ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เวลาถอดจอดง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะเวลาเข้าใกล้วัตถุ เสียงเตือนจะดังขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัย และได้ทราบเวลาใส่เกียร์ถอยหลังได้

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

สายพ่วงแบตเตอรี่ติดรถ

ควรมีสายพ่วงแบตเตอรี่ติดรถไว้ตลอดเวลา เผื่อแบตเตอรี่ไม่พอ เนื่องจากรถเกียร์อัตโนมัติ ไม่สามารถเข็นด้วยความเร็วต่ำ แล้วกระตุกสตาร์ทให้ติดเครื่องยนต์ได้แบบรถเกียร์ธรรมดา การเข็นรถเกียร์อัตโนมัติแล้วใช้วิธีกระตุกสตาร์ท ต้องใช้ความเร็วอย่างน้อย 20 กม./ชม. ซึ่งเข็นด้วยแรงคนคงเป็นไปได้ยาก และเสี่ยงกับความเสียหายต่อเกียร์ในขณะที่ทำการเข็นหรือลากอีกด้วย

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

ตรวจสอบน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ

น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ช่วยให้ยืดอายุการใช้งานของเกียร์รถท่านได้ยาวนาน จึงควรตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์ให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าขีดที่ก้านวัด และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะทางที่ในคู่มือแนะนำ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ความปลอดภัยในการขับขี่รถเกียร์อัตโนมัติ เริ่มต้นจากตัวผู้ขับขี่ และสภาพรถที่พร้อมใช้งานครับ …

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

เนื้อหาบางส่วนจาก:

  • นิตยสาร Thaidriver ฉบับปี 2545
10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

“ญี่ปุ่น” นับเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก แม้ว่าในช่วงหลังๆ อาจจะดูเงียบไปบ้าง (เนื่องจากเจอค่ายรถยนต์จากจีน พยายามแซงขึ้นมาแล้ว) แต่ก็ยังมีแบรนด์รถยนต์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอยู่หลายแบรนด์ อีกทั้งยอดขายภายในประเทศตัวเอง ก็ขายได้มากถึงหลายล้านคันต่อปี

นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา เจอโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก แถมด้วยสายพันธุ์ใหม่กระหน่ำซ้ำอีก บวกกับปัญหาจากวิกฤติ Semiconductor Chip Shortage หรือชิปเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน ทำให้รถบางรุ่นต้องพักสายการผลิต เพราะไม่สามารถหาชิปมาผลิตรถได้

บรรดาค่ายรถญี่ปุ่นก็ได้ผลกระทบต่อเนื่อง ในปี 2021 ที่ผ่านมา มียอดขาย และยอดจดทะเบียนรถในประเทศญี่ปุ่น ตกลงมาเหลือ 4,448,340 คัน ลดลง 3.3% เมื่อเทียบกับยอดขายรถในปี 2020 ที่ผ่านมาที่ทำได้มากถึง 4,598,615 คัน (ซึ่งก็เป็นยอดที่ลดลงมาแล้วก็ตาม)

ในรอบหนึ่งทศวรรษ นี่นับเป็นครั้งที่สาม ตั้งแต่ที่ในญี่ปุ่นเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ คลื่นสึนามิถล่มในเดือนมีนาคม 2011 และในปี 2016 ที่ส่งผลให้ยอดขายรถตกลงมาต่ำกว่า 5 ล้านคัน ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง แต่ในปี 2022 นี้ หลายฝ่ายต่างคาดว่ายอดขายจะดีขึ้น เพราะมียอดจองรถที่เข้ามามาก รวมไปถึงวิกฤตโควิด และสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะเริ่มแผ่วเบาลง

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

ตัวเลขยอดขาย แยกย่อยออกเป็นรถยนต์ทั่วไป 2,399,862 คัน (-3.2% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว), รถ K-Car 1,275,836 คัน (-4.2% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว), รถเชิงพาณิชย์ 389,076 คัน (-0.8% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว), รถ K-Car เชิงพาณิชย์ 376,686 คัน (-2.6% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว) และรถบัส 6,880 คัน (-26.3% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว)

ซึ่งยอดขายรถบางส่วนนี้ รวมไปถึงรถยนต์ที่ผู้จำหน่ายอิสระซื้อ และสั่งเข้ามาขายในไทยด้วยนะครับ

สำหรับรถยนต์ในญี่ปุ่นนั้น มีอายุการใช้งานที่ไม่มากนัก เพียงไม่กี่ปี จากอัตราภาษีที่ปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุรถและค่าซ่อมรถที่ค่อนข้างแพง จึงทำให้มีการกระตุ้นยอดขายรถใหม่ไปในตัวตลอด แล้วรถใหม่ก็มีราคาจำหน่ายที่ไม่แพงมาก ผนวกกับค่าครองชีพของคนญี่ปุ่น ที่สูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็สามารถซื้อรถยนต์คันใหม่ได้ไม่ยาก ยอดขายรถจึงค่อนข้างสูงหลายแสนคันต่อเดือน

Mr.Carro ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ รถที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น (ตามการจัดอันดับของสมาพันธ์ผู้ค้ารถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น JADA (Japan Automobile Dealers Association) ซึ่งรถยนต์แบบ K-Car จะถูกจับแยกออกไปต่างหาก) ประจำปี 2021 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

1. Toyota Yaris ยอดขาย 212,927 คัน

Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) น้องเล็กของ Toyota ที่เป็น Yaris ในตลาดโลก (แต่ในบ้านเรา กลับได้ Yaris เวอร์ชั่นจีนมาแทน) เพิ่งปรับโฉมโมเดลเชนจ์ไปเมื่อเดือนตุลาคม 2019 ที่ผ่านมา สามารถไต่ยอดขายได้เป็นไปอันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง แสดงให้เห็นว่าชาวญี่ปุ่นนิยมรถแนวนี้มากๆ

โดยโฉมนี้ใช้แพลตฟอร์มใหม่อย่าง TNGA-B มาในรูปแบบสปอร์ต ภายในขับขี่ง่าย ใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ง่าย พร้อมระบบความปลอดภัยอย่าง Toyota Safety Sense ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i

เริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร รหัส 1KR-FE ให้แรงม้าสูงสุด 69 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 92 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที

แบบเบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NR-FKE ให้แรงม้าสูงสุด 99 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 121 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่วนเครื่องยนต์รหัส 1NR-FE มี ให้แรงม้าสูงสุด 95 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 119 นิวตัน-เมตร

ส่วนขุมพลัง Hybrid มีขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 74 แรงม้า ที่ 4,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 111 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-4,400 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 61 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 169 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

อีกทั้งยังมีรุ่นพลังแรงให้เลือก (ที่มีขายในบ้านเราด้วย!) นั่นคือ Toyota GR Yaris ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร รหัส G16E-GTS แบบแถวเรียง 3 สูบ เทอร์โบ DOHC 12 วาล์ว ขุมพลังใหม่ล่าสุด พละกำลังสูง ด้วยความแรงระดับ 261 แรงม้า  พร้อมแรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด iMT (Intelligent Manual Transmission) และรุ่น GRMN Yaris ที่ลดน้ำหนักตัวรถลงไปถึง 20 กิโลกรัม สำหรับนักขับแบบฮาร์ดคอร์ จำนวนจำกัดเพียง 500 คันเท่านั้น

สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 230 กม./ชม. โดยพละกำลังทั้งหมดจากเครื่องยนต์ จะถูกถ่ายทอดผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใหม่ล่าสุด ที่เรียกว่า “GR-FOUR”

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

2. Toyota Roomy ยอดขาย 134,801 คัน

Toyota Roomy (โตโยต้า รูมมี่) รถยอดนิยม รูปทรงแบบ Tall Boy ที่มาแทน Toyota bB (โตโยต้า บีบี) รุ่นก่อนหน้า ที่ยังมีคู่แฝด ในชื่อ Daihatsu Thor อีกด้วย รุ่นปัจจุบันเป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์เมื่อเดือนกันยายน 2020 ที่ผ่านมา เป็นรถที่นั่งได้ 5 ที่นั่ง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT และมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือก

ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร รหัส 1KR-FE ซึ่งให้แรงม้าสูงสุด 69 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 92 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที

และในรุ่น Turbo Intercooler รหัส 1KR-VET ให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 2,400-4,000 รอบ/นาที แรงเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรที่ไม่มี Turbo

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

3. Toyota Corolla ยอดขาย 110,865 คัน

Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) ต้องบอกได้ว่าลุคของ Corolla ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 12 นี้ ฉีกความอนุรักษ์นิยมเดิมๆ เรียบๆ เรื่อยๆ ของ Corolla Axio ทิ้งไปได้หมดจริงๆ สำหรับเวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่ดูเปรี้ยวสุดๆ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน และยังมีรุ่น 5 ประตู Sport Hatchback กับรุ่นแวกอนอย่าง Touring ออกมาขายเช่นเคย

ขุมพลังของทั้งรุ่น Sedan, Sport และ Touring มีให้เลือก 2 รุ่นเครื่องยนต์ ตั้งแต่เบนซินขนาด 1.2 ลิตร Turbo รหัส 8AR-FTS ให้แรงม้าสูงสุด 116 แรงม้า ที่ 5,200-5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 185 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด แบบ iMT และเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่สามารถล็อคอัตราทดได้ 10 สปีด

แบบเบนซินเพียวๆ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FAE ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 170 นิวตัน-เมตร ที่ 3,900 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

ส่วนขุมพลัง Hybrid ยกมาจาก Prius ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 72 แรงม้า ให้กำลังสูงสุดรวมทั้งระบบอยู่ที่ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

ล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา Toyota ได้ออกรุ่นพิเศษให้กับ Corolla 50 Million Edition ฉลองครบรอบการผลิตครบ 50 ล้านคัน ของโคโรลล่า Hybrid ทุกรุ่นย่อยอีกด้วย

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

4. Toyota Alphard ยอดขาย 95,049 คัน

Toyota Alphard (โตโยต้า อัลฟาร์ด) ยังคงเป็นรถแวนระดับหรู ที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั้งในญี่ปุ่นและในไทย แม้จะอยู่ในช่วงปลายอายุตลาดแล้ว แต่ในปี 2021 ยังมาพร้อมตัวเลขยอดขายที่สูงกว่าในปี 2020 ถึง 4.7% (ปี 2020 ยอดขาย 90,748 คัน)

มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายด้วยชุดเซ็นเซอร์เปิดฝาท้ายแบบ Kick activated เพิ่มสุนทรียภาพในทุกการเดินทางด้วยเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสด้านหน้าขนาด 10.5 นิ้ว และด้านหลังขนาด 13.3 นิ้ว ที่สามารถรองรับ Apple Carplay ตลอดจนลำโพง JBL 17 ตัว

นอกจากนี้ยังมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยกล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) กล้องวิดีโอบันทึกภาพติดรถยนต์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (Digital Video Recorder) และระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้ารุ่นล่าสุด อย่าง Toyota Safety Sense เจเนอเรชั่นที่ 2

ขุมพลังพื้นฐานมีเป็นแบบเบนซินขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 235 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบ/นาที

ส่วนขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 152 แรงม้า (PS) ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 206 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 – 4,800 รอบ/นาที ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวหน้าให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า และตัวหลัง 68 แรงม้า โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ

และขุมพลังเบนซินขนาด 3.5 ลิตร รหัส 3GR-FKS แบบ V6 DOHC Chain Drive VVT-iW และ D-4S ให้แรงม้าสูงสุด 296 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 361 นิวตัน-เมตร ที่ 4,600 – 4,700 รอบ/นาที

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

5. Nissan Note ยอดขาย 90,177 คัน

Nissan Note (นิสสัน โน๊ต) รถ Sub-Compact โฉมใหม่ล่าสุดจาก Nissan ที่มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ในญี่ปุ่นจริงๆ สร้างยอดขายแบบพุ่งกระฉูดได้ตลอดปี 2021 ต่างจาก Nissan Note จำหน่ายในบ้านเราลิบลับ! แถมยังมี Nissan Note Aura (นิสสัน โน๊ต ออร่า) มาช่วยเสริมทัพด้วย

โดย Nissan Note โฉมล่าสุดนี้ถูกออกแบบใหม่หมด มาพร้อมความคล้าย Nissan Leaf หน่อยๆ ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรง V-Motion ไฟหน้าแบบ LED แบบ 4 ดวงในแต่ละข้าง ส่วนไฟท้ายเป็นรูปทรงแนวนอน พร้อมล้อแม็กขนาด 16 นิ้ว มีสีตัวถังให้เลือกเยอะถึง 13 สี และสามารถเลือกหลังคาแบบสีดำได้

ส่วนภายในห้องโดยสารหรูหราขึ้นมาก แผงคอนโซลแบบสองชั้น ส่วนคอนโซลกลางมาพร้อมคันเกียร์ไฟฟ้า ติดตั้งเบาะนั่ง Zero Gravity พร้อมที่วางแขนขนาดใหญ่ เสริมด้วยจอ Infotainment ขนาดใหญ่ แสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอล ติดตั้งระบบ ProPILOT with Navi-link สามารถปรับความเร็วตามป้ายจำกัดความเร็วได้อัตโนมัติ รวมถึงลดความเร็วก่อนเข้าโค้งได้

ขุมพลัง e-Power พัฒนาให้มีกำลังเพิ่มขึ้น 6% และแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้น 10% เป็นแบบเบนซินขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 82 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 134 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร (รุ่น 4WD มีมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหลัง ขนาด 68 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร เพิ่มมาให้ด้วย) มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ

ส่วน Nissan Note Aura (นิสสัน โน๊ต ออร่า) ที่ปรับแต่งให้สวยหรูยิ่งขึ้น และ Nissan Note Aura Nismo (นิสสัน โน๊ต ออร่า นิสโม่) ที่เปิดตัวไปในเดือนสิงหาคม 2021 ทาง Nissan ระบุว่า Note Aura เป็นรถรุ่นแรกของ Nissan ที่ตกแต่งในธีมการออกแบบใหม่ของ Nismo มาพร้อมชุดแต่งรอบคันที่ตกแต่งด้วยสีแดง มีไฟตัดหมอกหน้า-หลัง พร้อมเบาะนั่งแบบบักเก็ตซีทสไตล์รถแข่งจาก Recaro ตกแต่งด้วยวัสดุหนังกลับและหนังสังเคราะห์ ตกแต่งแผงคอนโซลลายคาร์บอนสีแดง ก็ช่วยให้ยอดขายกระฉูดกันไป

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

6. Toyota Raize ยอดขาย 81,880 คัน

Toyota Raize (โตโยต้า ไรซ์) รถ Crossover ขนาดเล็กยอดนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น ที่มีคู่แฝดร่วมกันกับ Daihatsu Rocky (ไดฮัทสุ ร็อคกี้) ซึ่งมีการดีไซน์ที่คล้ายกับ Toyota RAV4 รุ่นใหม่อยู่ไม่น้อย ที่นอกจากจะขายดีในญี่ปุ่นแล้ว Toyota ยังนำไปเปิดตัวในหลายๆ ประเทศ และในอาเซียน ก็ขายดีไม่แพ้กัน

มาพร้อมกันชนหน้าทรงสปอร์ตขนาดใหญ่ และไฟตัดหมอก กับไฟ Daytime Running Light ทรงแนวนอน พร้อมไฟท้ายแบบ LED กับห้องโดยสารภายใน ที่นั่งกันได้สบายๆ 5 คน พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่มีมากถึง 369 ลิตร

ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินรหัส 1KR-VET แบบ 3 สูบ DOHC Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 140 นิวตันเมตร ที่ 2,400 – 4,000 รอบ/นาที

จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT มีทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Dynamic Torque Control 4WD ให้เลือก

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

7. Toyota Harrier ยอดขาย 74,575 คัน

Toyota Harrier (โตโยต้า แฮริเออร์) เจเนอเรชั่นที่ 4 แม้ว่าในบ้านเราอาจจะไม่ได้ฮิตเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ที่ญี่ปุ่นยังเป็นรถ SUV ที่ขายดีมาก สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA (GA-K) ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ แนวหลังคาลาดแบบรถคูเป้ ให้การขับขี่ที่สบายและสนุกมากกว่าเดิม และมิติตัวรถที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ

รูปลักษณ์ภายนอกของดีไซน์ดูแข็งแกร่ง โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED แบบเรียวบางพร้อมแถบโครเมี่ยม พร้อมชุดไฟท้าย LED แนวนอนคาดยาวเต็มความกว้างของบั้นท้าย ส่วนภายในห้องโดยสารใช้โทนสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากไม้กฤษณา และตกแต่งด้วยหนังสังเคราะห์ พร้อมหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาดใหญ่ และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ

เครื่องยนต์นั้นมีทั้งแบบเบนซิน และแบบไฮบริดให้เลือก โดยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รหัส M20A-FKS ให้แรงม้าสูงสุด 171 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 207 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift-CVT

และเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 2.5 ลิตร รหัส A25A-FXS ให้แรงม้าสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที และมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า 120 แรงม้า และด้านหลัง 54 แรงม้า รวมกำลังสงสุด 222 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

8. Toyota Aqua ยอดขาย 72,495 คัน

Toyota Aqua (โตโยต้า อควา) หรือ Prius C (พรีอุส ซี) ในตลาดต่างประเทศ เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดโฉมเจเนอเรชั่นที่ 2 ที่เพิ่งเปิดตัวไปในเมื่อเดือนกรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมา ด้วยรูปทรงที่น่ารัก ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม TNGA GA-B ขยายความยาวฐานล้อเพิ่มอีก 50 มม. โดยที่ยังคงเอกลักษณ์ความน่ารักไว้คล้ายกับในโฉมที่แล้ว

แน่นอนว่ารุ่นนี้ต้องมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำๆ อยู่แล้ว อาทิ ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ในทุกรุ่นย่อย พร้อมระบบช่วยจอด Toyota Teammate Advanced Park ครั้งแรกในรถ Compact ของ Toyota ซึ่งตัวรถสามารถควบคุมการจอดรถเองได้หมด ทั้งเดินหน้า-ถอยหลัง หรือหมุนพวงมาลัยเอง

และยังเป็นรถที่สามารถใช้จ่ายไฟในกรณีฉุกเฉินยามเกิดภัยพิบัติได้ด้วย สามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 1,500 วัตต์แบบกระแสสลับ ด้วยแรงดัน 100 โวลต์ ตามมาตรฐานครัวเรือนญี่ปุ่น พร้อมทั้งช่องจ่ายไฟแบบ USB สำหรับชาร์จสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กด้วย

ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.5 ลิตรแบบใหม่ รหัส M15A-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 120 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800-4,800 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 80 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร

มาพร้อมระบบ Pleasure Pedal เป็นครั้งแรก หากใช้โหมด Power+ สามารถใช้แป้นคันเร่งเพิ่มหรือชลอความเร็วเพียงแป้นเดียวได้ ช่วยให้ขับรถในเมืองได้สบายขึ้น ขณะที่โหมดอื่นๆ ประกอบด้วย Normal, Power และ Eco-Drive

มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ E-Four ที่จะมีมอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มมาที่ด้านหลังอีก 1 ตัวด้วย ให้กำลัง 6.4 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 5.3 นิวตัน-เมตร

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

9. Toyota Voxy ยอดขาย 70,085 คัน

Toyota Voxy (โตโยต้า วอกซี่) สำหรับเจเนอเรชั่นที่ 3 ของรถ MPV ขายดีฝั่ง Toyota อย่าง Voxy นับตั้งแต่เปิดตัวมาในปี 2017 ก่อนจะปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2017 และยังมีคู่แฝดร่วมรุ่นอย่าง Noah และ Esquire ที่ในบ้านเราก็มีคนนำเข้ามาขายกันหลายคัน พร้อมติดตั้งระบบความปลอดภัยล่าสุดอย่าง Toyota Safety Sense C

เครื่องยนต์นั้นมีทั้งแบบเบนซิน และแบบไฮบริดให้เลือก โดยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รหัส 3ZR-FAE ให้แรงม้าสูงสุด 152 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 193 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i

และเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE ให้แรงม้าสูงสุด 99 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 82 แรงม้า แรงบิดสงสุด 207 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT

10 อันดับ รถขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ปี 2021

10. Honda Freed ยอดขาย 69,577 คัน

Honda Freed (ฮอนด้า ฟรีด) แม้ว่าจะเปิดตัวเจเนอเรชั่นที่ 2 ไปตั้งแต่ปี 2016 ที่ผ่านมา แต่กระแสตอบรับยังแรงต่อเนื่อง นับเป็นรถ Minivan MPV ขนาดเล็กที่ใช้พื้นฐานร่วมกับ Honda Fit และ Grace (หรือ Honda Jazz กับ City ในไทย) มีจำหน่ายทั้งรุ่น 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง ซึ่งในปี 2021 ที่ผ่านมา Honda Freed ก็ฉลองยอดการผลิตไปถึง 1 ล้านคันเรียบร้อย

ขุมพลังมีให้เลือกทั้งเบนซินและ Hybrid เริ่มจากเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 153 นิวตัน-เมตร ที่ 4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

ในส่วนของเครื่องยนต์ Hybrid ทำงานคู่กันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน Atkinson Cycle ขนาด 1.5 ลิตร i-VTEC + ระบบ Hybrid แบบ Sport Hybrid i-DCD ให้แรงม้าสูงสุด 110 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 134 นิวตัน-เมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 29.5 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบคลัทช์คู่ 7 สปีด

MR.CARRO หวังว่า 10 อันดับ รถขายดีสุดในญี่ปุ่นที่นำมาเสนอนั้น น่าจะถูกใจใครหลายๆ คนนะครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

หมายเหตุ : ข้อมูลรถ 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลที่ Update ณ เดือนเมษายน 2565 เมื่อเวลาผ่านไป ราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

แหล่งที่มาจาก:

เช่าซื้อรถคืออะไร มาทำความเข้าใจกัน

ทุกวันนี้ แม้ว่าการซื้อรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์สักคันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากกว่าสมัยก่อนมากๆ แล้ว ไหนจะมีทั้งโปรโมชั่น แคมเปญเด็ดๆ ดาวน์ฟรี ดาวน์น้อย ผ่อนนาน ดอกเบี้ยต่ำ ฯลฯ สารพัดแรงจูงใจให้คนอยากซื้อรถมาใช้ แต่ปัญหาหลักๆ ของคนซื้อเลยที่เป็นกันทุกยุคสมัย นั่นคือ “เงินไม่พอ” ทำให้การ “เช่าซื้อรถ” ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น

ด้วยระบบผ่อนจ่ายที่พัฒนาไปมาในปัจจุบัน การเช่าซื้อรถ สถาบันการเงินจึงมีบริการเช่าซื้อรถทั้งสำหรับรถใหม่และรถใช้แล้ว ซึ่งผู้เช่าซื้อจะต้องจ่ายเงินเป็นงวดๆ ตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่กำหนด และก็ต้องดูแลรถไปตลอดระยะเวลาสัญญา เพราะว่าหากเกิดการชำรุดเสียหาย แต่กรรมสิทธิ์ในรถจะยังไม่เป็นของผู้เช่าซื้อ 100% จนกว่าจะผ่อนจ่ายจนครบตามสัญญา

มาดูกันว่า การเช่าซื้อรถ มีอะไรบ้าง และเอกสารที่ต้องใช้ มีอะไรบ้าง มาอ่านกันเลยจ้า …

เช่าซื้อรถคืออะไร มาทำความเข้าใจกัน

วงเงินเช่าซื้อรถ คือ?

ตามปกติแล้ว วงเงินเช่าซื้อรถ ถ้าคุณจะซื้อรถสักคัน คุณจะต้องวางดาวน์ไว้อยู่ที่ประมาณ 25-40% ของราคารถ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ไฟแนนซ์รถยนต์ หรือสถาบันการเงิน ในเวลานั้นๆ

ซึ่งถ้าเป็นรถใหม่ วงเงินส่วนใหญ่จะได้อยู่ที่ประมาณ 75-80% ของราคารถยนต์ ส่วนที่เหลือผู้ซื้อจะต้องวางเงินดาวน์

แต่ถ้าเป็นรถมือสอง วงเงินขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระยะทาง อายุการใช้งาน และสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยรถมือสอง ปกติจะสูงกว่ารถใหม่

และธนาคาร ไฟแนนซ์รถยนต์ หรือสถาบันการเงิน อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น การจ่ายค่างวดต่อเดือนที่ต่ำพิเศษ แต่จะต้องไปจ่ายเงินอีกหนึ่งก้อน (เงินบอลลูน) ก้อนใหญ่เป็นงวดสุดท้าย ซึ่งในบางที่ คุณยังสามารถตัดสินใจรีไฟแนนซ์ ต่อการผ่อนชำระบอลลูนไปได้อีก

เช่าซื้อรถคืออะไร มาทำความเข้าใจกัน

ต้องมีคนค้ำประกันไหม?

ตามปกติแล้ว หากการวางดาวน์ของคุณน้อยกว่า 20% หรือมีคุณสมบัติทางการเงินไม่เข้าเกณฑ์ที่ไฟแนนซ์ ธนาคาร หรือสถาบันทางการเงินกำหนดไว้ ผู้ขอสินเชื่อรถต้องหาคนค้ำประกัน ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป มีงานการทำเป็นหลักแหล่ง ประวัติการเงินดี เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเมื่อจะขอสินเชื่อรถ (ว่าคุณจะไม่เบี้ยวหนีนั่นเอง เพราะถ้าหนีหนี้ คนค้ำประกันจะต้องเป็นคนจ่ายต่อ)

เช่าซื้อรถคืออะไร มาทำความเข้าใจกัน

ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?

สำหรับเอกสารที่ทางธนาคาร ไฟแนนซ์ หรือสถาบันการเงิน ต้องการเวลาคุณขอเช่าซื้อรถ ประกอบด้วย

1. สำเนาบัตรประชาชน ทั้งผู้ที่ขอสินเชื่อรถยนต์และผู้ค้ำประกัน

2. สำเนาทะเบียนบ้าน เพื่อให้ไฟแนนซ์ทราบที่อยู่ ทั้งผู้ที่ขอสินเชื่อรถยนต์และผู้ค้ำประกัน

3. สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) เพื่อแสดงตัวตนคู่สมรส เพราะมีสิทธิ์ครอบครองรถเช่นกัน และยังมีหน้าที่ร่วมรับผิดชอบค่างวดที่ยังผ่อนจ่ายไม่หมดด้วย ในกรณีที่คู่สมรสที่ขอสินเชื่อ และคู่สมรสของผู้ค้ำประกันไม่สามารถผ่อนจ่ายค่างวดรถต่อได้

4. สมุดบัญชีธนาคาร (สมุด Book Bank) แสดงรายการเดินบัญชีย้อนหลัง ทั้งเงินเข้า-ออก เพื่อประเมินความสามารถของผู้เช่าซื้อรถ

5. หนังสือรับรองเงินเดือน หรือหนังสือรับรองการทำงาน ที่ให้บริษัทหรือต้นสังกัดที่ทำงานอยู่ออกให้ หรืออาจเป็นสลิปเงินเดือนย้อหลัง 3 เดือนขึ้นไป เพื่อแสดงว่ามีรายได้จากการทำงานจริง

6. หนังสือรับรองของบริษัท ในกรณีที่ผู้ขอสินเชื่อเป็นนิติบุคคล

7. หนังสือรับรองกิจการ ในกรณีผู้ขอสินเชื่อเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งต้องเป็นหนังสือรับรองกิจการที่มีอายุไม่เกิน 3 เดือน

โดยหลักๆ แล้ว เอกสารสำหรับขอสินเชื่อรถยนต์ใหม่ หรือสินเชื่อรถยนต์มือสองจะมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ แต่บริษัทที่รับจัดไฟแนนซ์บางแห่งอาจขอเอกสารเพิ่มเติม หรือขอสัมภาษณ์ทั้งผู้ซื้อและผู้ค้ำประกันเป็นการส่วนตัว เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถผ่อนรถยนต์ในแต่ละงวดได้ รวมถึงประเมินภาระและหนี้สินอื่นๆ ในแต่ละเดือน

หลังจากผ่านขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อแล้ว ทางธนาคาร ไฟแนนซ์ หรือสถาบันการเงิน ก็จะจัดการนัดคุณมาโอนรถภายใน 30 วัน หลังจากได้รับเอกสาร บวกกับได้รับเงินตามที่ตกลงกันครบถ้วน

จากนี้ คุณก็ชำระค่างวดไปเท่ากันทุกงวด จนกว่าจะหมดสัญญา

เช่าซื้อรถคืออะไร มาทำความเข้าใจกัน

แล้วถ้าผิดนัดชำระหนี้ล่ะ?

ไม่ว่าคุณจะเช่าซื้อรถมือหนึ่ง หรือรถมือสอง หาก “ผิดนัดชำระหนี้” ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2555 ระบุว่า หากผู้เช่าผิดนัดชำระหนี้ 3 งวดติดต่อกัน และได้รับจดหมายแจ้งจากผู้ให้เช่าว่าผิดนัดชำระหนี้ และทวงถามให้ชำระหนี้ภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้ง ถ้าผู้เช่ายังไม่ไปจ่ายเงินภายใน 30 วันตามที่กำหนด ผู้ให้เช่าสามารถยึดรถได้

ซึ่งหากรถคุณที่โดยยึดไป ทางธนาคาร ไฟแนนซ์ หรือสถาบันการเงิน ก็จะส่งรถคุณได้ยังลานประมูล หรือขายทอดตลาด ซึ่งถ้ารถขายได้เกินมูลค่าหนี้ที่เหลืออยู่ คนเช่าซื้อรถก็จะได้เงินส่วนต่างไป แต่ถ้าขายแล้วได้เงินน้อยกว่าหนี้ที่ยังค้างอยู่ คุณก็จะต้องจ่ายหนี้ที่เหลือทั้งหมด

ทางที่ดี (และถ้าเป็นไปได้) แนะนำว่าให้เก็บสะสมเงินดาวน์ไปเรื่อยๆ เพราะยิ่งมีเงินดาวน์มาก ก็ยิ่งช่วยให้คุณจ่ายดอกเบี้ยน้อยลง และเป็นไทได้ไวขึ้นอีกด้วย

เช่าซื้อรถคืออะไร มาทำความเข้าใจกัน

ถ้าผ่อนรถหมดแล้ว ต้องทำอะไรต่อ?

ถ้าคุณผ่อนรถงวดสุดท้ายจากการเช่าซื้อรถหมดแล้ว ทีนี้รถก็จะเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณโดยสมบูรณ์ ก็ดำเนินการไปโอนรถได้ ซึ่งทางธนาคาร ไฟแนนซ์ หรือสถาบันการเงิน จะเตรียมชุดโอนรถและใบมอบอำนาจไว้ให้พร้อม คุณแค่เอาสำเนาบัตรประชาชนกับสำเนาทะเบียนบ้านไปก็พอ

ทางไฟแนนซ์รถอาจส่งเอกสารทางไปรษณีย์มาให้คุณตามที่อยู่ ในกรณีที่ไม่สะดวกเดินทางมาติดต่อยังไฟแนนซ์รถ หรือถ้าสะดวกในการติดต่อไฟแนนซ์รถ แต่ทางที่ดี ไปติดต่อที่ไฟแนนซ์เลยดีกว่า และก็เตรียมค่าดำเนินการ (ค่าโอนรถ) ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ แต่ส่วนมากจะอยู่ที่ 1,000 – 3,000 บาท

เมื่อขั้นตอนนี้เรียบร้อยแล้ว เล่มทะเบียนรถของคุณสามารถไปรับได้ที่ธนาคาร ไฟแนนซ์ หรือสถาบันการเงิน หรือจะให้จัดส่งทางไปรษณีย์ก็ได้ ภายใน 4-7 วันทำการ แต่ถ้าต่างพื้นที่ หรือพื้นที่ห่างไกลก็ประมาณ 15 -30 วัน เป็นอันว่าจบพิธี

CARRO X Genie ผ่อนสบายๆ เริ่มต้นเพียง 3,XXX บาท 4 ปี ได้เป็นเจ้าของรถง่ายๆ

หากคุณต้องการเช่าซื้อรถยนต์มือสองมาใช้สักคัน สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ แล้ววันนี้กับ “Genie” หรือ บริษัท จีนี่ ฟินเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ CARRO (คาร์โร) มีโปรโมชั่นล่าสุดอย่าง “Genie Easy Owned” (จีนี่ อีซี่ โอน) เป็นเจ้าของรถคันโปรดของคุณได้ง่ายๆ ผ่อนสบายๆ เริ่มต้นเพียง 3,XXX บาท ต่อเดือน!

สมัครง่าย อนุมัติไว พร้อมรับซื้อคืนหลังจากผ่อนครบตามสัญญา 4 ปี* หากคุณต้องการเลือกคันใหม่มาใช้ก็ได้! และสิทธิพิเศษอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • ฟรี ดาวน์
  • ฟรี เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง ตลอด 4 ปี
  • ฟรี ค่าแรง ตลอด 4 ปี
  • อุ่นใจรับประกัน 1 ปี หลังการขาย

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

ในยุคปัจจุบัน เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า “รถยนต์ไฟฟ้า” หรือ Electric Vehicle (รถ EV) มีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในวงการยานยนต์โลก และวงการยานยนต์ไทย ด้วยยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง และช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น

การเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า สร้างการเปลี่ยนแปลงทางความคิดอย่างมากจากผู้ใช้รถยนต์ในบ้านเรา ทำให้เกิดกระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น จากที่เคยเป็นรถมีราคาแพงมาก ก็เริ่มได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และภาคเอกชน ทั้งในด้านภาษี หรือเรื่องจุดชาร์จไฟ และการดูแลรักษา หลายคนจึงไม่ลังเล ที่จะลองซื้อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ มาใช้งานดูบ้าง ทั้งหมดนี้ราคาไม่เกินล้าน!

อ่านเพิ่มเติม >> รวมจุดชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า ในกรุงเทพฯ และทั่วไทย มีจุดไหนใกล้คุณ ประจำปี 2565

ส่วนถ้าใครกำลังอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปถอยรถยนต์ไฟฟ้ามาลองใช้ดูบ้าง ต้อนรับปี 2022 ลองมาขายกับ Carro Express ดูสิ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

Mr.Carro ขอรวบรวมข้อมูล 10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกสุด ประจำปี 2022 มาให้ทุกท่านได้ทราบครับ.

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

1. iMIO SUV ราคา 249,000 บาท

iMIO SUV (ไอมีโอ้ เอสยูวี) เป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% พวงมาลัยขวา หน้าตาดุดัน สามารถจดทะเบียน ต่อภาษีได้เหมือนรถยนต์ทั่วไป มาในราคา 249,000 บาท (ราคายังไม่รวมจดทะเบียน)

ตัวรถเล็กกะทัดรัด ไฟหน้าแบบ LED มีการ์ดหน้า-หลัง มีไฟสปอตไลท์และแร็คหลังคา และชุดยางอะไหล่ท้าย ส่วนภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำ ตัดสีเงิน มาตรวัดแบบดิจิตอล ระบบเกียร์แบบปุ่มหมุน

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 4000 วัตต์ พร้อมแบตเตอรี่ 12V 100 แอมป์ ขนาด 5 ลูก ให้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ที่ 100 กิโลเมตร (ปิดแอร์) และ 75 กิโลเมตร (เปิดแอร์) ใช้เวลาชาร์จต่อครั้งประมาณ 6-8 ชั่วโมง และทำความเร็วได้สูงสุด 65 กม./ชม.

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
ขนาด 4,000 วัตต์ แบบ 12V 100 แอมป์ ขนาด 5 ลูก 75 – 100 กิโลเมตร

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

2. iMIO M2 ราคา 279,000 บาท

iMIO M2 (ไอมีโอ้ เอ็ม2) เป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% พวงมาลัยขวา รูปทรงกะทัดรัด น่ารัก วิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 100 กิโลเมตรเลยทีเดียว และยังสามารถจดทะเบียนรถ ต่อภาษีได้เหมือนรถยนต์ทั่วไป มาในราคา 279,000 บาท (ราคายังไม่รวมจดทะเบียน)

ตัวรถแบบรถ Hatchback แต่ข้อด้อยอยู่ที่ตรงที่ด้านท้ายเปิดได้แค่กระจก ฝาท้ายเปิดไม่ได้ ตัวชุดไฟท้ายลวดลายธงชาติอังกฤษ พร้อมติดกล้องมองหลังมาให้ ภายในเป็นแบบสีดำ ตกแต่งด้วยสีเงิน ตกแต่งด้วยไฟ Ambient Light มาพร้อมพวงมาลัยหุ้มหนัง เรือนไมล์แบบดิจิตอล และเกียร์แบบลูกบิด

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5000 วัตต์ พร้อมแบตเตอรี่ 12V 100 แอมป์ ขนาด 6 ลูก วางใต้เบาะหน้า 5 ลูก และเบาะหลัง 1 ลูก ให้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ที่ 100 กิโลเมตร (ปิดแอร์) และ 75 กิโลเมตร (เปิดแอร์) ใช้เวลาชาร์จต่อครั้งประมาณ 6-8 ชั่วโมง และทำความเร็วได้สูงสุด 75-80 กม./ชม.

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
ขนาด 5,000 วัตต์ แบบ 12V 100 แอมป์ ขนาด 6 ลูก 75 – 100 กิโลเมตร

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

3. iMIO G1 ราคา 289,000 บาท

iMIO G1 (ไอมีโอ้ จี1) เป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% พวงมาลัยขวา รูปทรงบึกบึน คล้ายกับรถ SUV รุ่นหนึ่งของยุโรป วิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 100 กิโลเมตร และยังสามารถจดทะเบียน ต่อภาษีได้เหมือนรถยนต์ทั่วไป มาในราคา 289,000 บาท (ราคายังไม่รวมจดทะเบียน)

รุ่นนี้ประตูบานท้ายเปิดได้ มียางอะไหล่ด้านท้าย พร้อมกล้องมองหลัง ภายในตกแต่งสีเงิน มาพร้อมชุดมาตรวัดแบบดิจิตอล และเกียร์แบบปุ่มหมุน

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5000 วัตต์ พร้อมแบตเตอรี่ 12V 100 แอมป์ ขนาด 6 ลูก ให้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ที่ 50 – 60 กิโลเมตร (เปิดแอร์) และ 75-100 กิโลเมตร (ปิดแอร์) ใช้เวลาชาร์จประมาณ 6-8 ชั่วโมง และทำความเร็วได้สูงสุด 65-70 กม./ชม.

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
ขนาด 5,000 วัตต์ แบบ 12V 100 แอมป์ ขนาด 6 ลูก 50 – 100 กิโลเมตร

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

4. Takano TTE500 ราคาหลังรับเงินอุดหนุน 420,000 บาท (ราคาเดิม 499,000 บาท)

Takano (ทากาโน่) TTE500 นับว่าเป็นรถกระบะไฟฟ้าขนาดจิ๋วรุ่นเดียวในไทย จากบริษัทผลิตรถอดีตคนในวงการแข่งรถชาวญี่ปุ่น Takashi Kobayashi (ทากาชิ โคบายาชิ) พาคุณไปได้ทุกที่ ประหยัดด้วยค่าไฟ 1 บาท/กิโลเมตร สามารถรับน้ำหนักในการบรรทุกได้มากถึง 300 กิโลกรัม ผลิตในไทย และจดทะเบียนได้

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5 กิโลวัตต์ พร้อมแบตเตอรี่ 12V 125 แอมป์ ขนาด 6 ลูก ใต้พื้นกระบะหลัง และเครื่องยนต์เบนซินขนาดจิ๋วช่วยปั่นไฟฟ้าให้แบตเตอรี่ ให้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ที่ 100-120 กิโลเมตร ใช้เวลาชาร์จประมาณ 6 ชั่วโมง และทำความเร็วได้สูงสุด 60 กม./ชม.

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบกระแสตรง 6.7 แรงม้า แบบ 12V 125 Amp X 6 ความจุ 11 kWh 72 – 80 V 100 – 120 กิโลเมตร

Pocco Duoduo รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ล่าสุด เริ่มต้น 389,000 บาท เปิดตัวใน Motor Expo 2021

5. Pocco Duoduo ราคา 429,000 บาท

Pocco Duoduo (ป๊อคโค่ ตั่วตั่ว) หรือ 朋克多多 เป็นรถภายใต้แบรนด์ 朋克 (เผิงเค่อ) มาจากภาษาอังกฤษคำว่า Punk (พังก์) เป็นรถพลังงานไฟฟ้าแบบ Tall Boy 4 ประตู (ดูคล้ายกับรถ K-Car ของญี่ปุ่น) นั่งได้ 4-5 ที่นั่ง ผสมผสานการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ จุดชาร์จไฟอยู่บริเวณด้านหน้ารถ โดยใช้สีทูโทนเพื่อให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพิ่งเปิดตัวไปในจีนเมื่อเดือนมิถุนายน 2021 สนนราคารุ่น L ปรับราคามาอยู่ที่ 429,000 บาท! (รุ่นแบตเตอรี่ 10.3 kWh) และรุ่น K ราคา 479,000 บาท (รุ่นแบตเตอรี่ 14.5 kWh)

มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 29 กิโลวัตต์ (39 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนฟอสเฟต มีขนาด 10.3 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 128 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (ไฟบ้าน 0-100%) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

และยังมีแบตเตอรี่ขนาด 14.5 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) ที่เพิ่มระยะทางขึ้นเป็น 178 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จ (ไฟบ้าน 0-100%) หนึ่งครั้ง ให้เลือก ทำความเร็วได้สูงสุด 100 กม./ชม.

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบ Permanent Magnet Motor 39 แรงม้า 110 นิวตัน-เมตร แบบ Lithium-Ion ความจุ 10.3 หรือ 14.5 kWh 128 – 178 กิโลเมตร

รู้จัก Pocco Meimei รถยนต์ไฟฟ้าคันจิ๋ว ในราคา 399,000 – 469,000 บาท เปิดตัวในงาน Motor Expo 2021 เช่นกัน!

6. Pocco Meimei ราคา 439,000 บาท

Pocco Meimei Mini EV (ป๊อคโค่ เม่ยเม่ย) หรือ 朋克美美 เป็นรถพลังงานไฟฟ้าแบบ 3 ประตู 4 ที่นั่ง ขนาดเล็ก ที่เปิดตัวในจีนตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา สามารถขับขี่ในเมืองได้อย่างสะดวก กับนวัตกรรมสุดล้ำ ยิ่งทวีคูณความน่ารัก น่าเลิฟ ถูกใจคุณผู้หญิงอย่างแน่นอน สนนราคารุ่น L เริ่มต้นที่ 439,000 บาท! (รุ่นแบตเตอรี่ 10.3 kWh) และรุ่น K ราคา 499,000 บาท (รุ่นแบตเตอรี่ 14.5 kWh)

มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 20 กิโลวัตต์ (27 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร และกำลังสูงสุด 29 กิโลวัตต์ (39 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 105 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนฟอสเฟต มีขนาด 9.2 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 116 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (ไฟบ้าน 0-100%) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

และยังมีแบตเตอรี่ขนาด 14 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) ที่เพิ่มระยะทางขึ้นเป็น 170 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จ (ไฟบ้าน 0-100%) หนึ่งครั้ง ให้เลือก ทำความเร็วได้สูงสุด 100 กม./ชม.

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบ Permanent Magnet Motor 27 แรงม้า 100 นิวตัน-เมตร แบบ Lithium-Ion ความจุ 10.3 หรือ 14.5 kWh 116 – 170 กิโลเมตร

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

7. Wuling Hongguang MINI EV ราคา 475,000 บาท

Wuling Hongguang MINI EV (วู่หลิง ฮงกวง มินิ อีวี) หรือ 五菱宏光 ในภาษาจีน จัดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Microcar ยอดนิยมของวัยรุ่นจีน เริ่มจำหน่ายในจีนเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมา ปัจจุบันสามารถทำยอดขายถึงเดือนกันยายน 2021 มากกว่า 400,000 คัน! รวมทั้งส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย

และในบ้านเราก็มีผู้จำหน่ายอิสระนำเข้ามาจำหน่ายหลายเจ้าด้วยกัน เป็นแบบรถพวงมาลัยซ้ายเท่านั้น ซึ่งเจ้าที่เสนอราคาถูกที่สุดในเวลานี้ ราคา 475,000 บาท (ราคารวมภาษีแล้ว)

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 27 แรงม้า ส่งกำลังไปยังล้อคู่หลัง ใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลิเมอร์มีขนาด 9.3 kWh (กินเวลาชาร์จ 6.5 ชั่วโมง) สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และยังมีแบตเตอรี่ขนาด 13.9 kWh (กินเวลาชาร์จ 9 ชั่วโมง) ที่เพิ่มระยะทางขึ้นเป็น 170 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ให้เลือก

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบ Permanent Magnet Motor 27 แรงม้า 85 นิวตัน-เมตร แบบ Lithium-Ion Polymer ความจุ 9.3 หรือ 13.9 kWh 120 – 170 กิโลเมตร

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

8. Fomm ONE ราคา 499,900 บาท

FOMM One (ฟอมม์ วัน) เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 4 ที่นั่ง ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในยานยนต์ไฟฟ้าที่ผ่านมาตรฐานรถยนต์ขนาดเล็ก L7e จากยุโรป เหมาะสำหรับใช้งานในเมืองมาก พร้อมจดทะเบียนได้

การออกแบบเน้นประโยชน์การใช้สอยและความน่ารักสวยงาม ส่วนภายในห้องโดยสาร ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกง่ายๆ แต่คล่องแคล่วปราดเปรียว โดยมีคันเร่งติดอยู่ที่พวงมาลัย เพื่อช่วยลดความผิดพลาดขณะการเบรกรถฉุกเฉิน

แถมยังมีระบบป้องกันน้ำเข้าภายในห้องโดยสาร สามารถลอยตัวในน้ำได้ เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมสูงเกิน 70 ซม. (หมายเหตุ: FOMM One ไม่ใช่ยานยนต์สะเทินน้ำสะเทินบก) ซึ่งการออกแบบให้สามารถลอยตัวในน้ำได้นั้น เพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้

ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ In-wheel ขนาด 5 kW จำนวน 2 ตัว ให้แรงบิดรวมสูงสุด 560 นิวตัน-เมตร สามารถชาร์จไฟจนเต็ม (0-100%) ในเวลา 6 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางมากถึง 160 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTC) สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 80 กม./ชม. เลยทีเดียว และยังมีน้ำหนักตัวรถที่เบาเพียง 445 กิโลกรัม (ไม่รวมแบตเตอรี่)

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบ In-Wheel 5 กิโลวัตต์ X 2 (13.4 แรงม้า) 280 นิวตัน-เมตร X 2 แบบ Lithium-Manganese ความจุ 2.96 kWh 160 กิโลเมตร

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

9. MG EP ราคา 761,000 บาท (ได้ส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ 227,000 บาท)

MG EP (เอ็มจี อีพี) รถยนต์ในรูปแบบ Station Wagon ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย ที่มาพร้อมแนวคิด EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน” 

ประกอบด้วยองค์ประกอบพื้นฐาน ได้แก่ ขนาดของห้องโดยสารและพื้นที่ใช้สอย ที่กว้างขวางรองรับการบรรทุกทั้งคนและสิ่งของ โดดเด่นด้วยสมรรถนะของ EV เทคโนโลยีที่ให้กำลังเพียงพอต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครัน นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งหน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay

และสมรรถนะจาก EV เทคโนโลยี (EV Technology) ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุด 163 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 8.8 วินาที พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 รูปแบบ คือ Eco, Normal และ Sport รวมทั้งมีระบบชาร์จไฟกลับเมื่อชะลอความเร็ว หรือ KERS Mode รวม 3 ระดับ

สำหรับแบตเตอรี่ของ NEW MG EP เป็นลิเธียมไอออนแบบโมดูล ที่สามารถแยกซ่อมแต่ละโมดูลได้อิสระ โดยมีขนาดความจุถึง 50.3 kWh ให้ระยะทางในการขับขี่ได้ไกลถึง 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้ 2 รูปแบบ คือ การชาร์จในรูปแบบ Normal Charge จาก 0-100% ผ่าน MG Home Charger ที่ใช้เวลา 7.15 ชั่วโมง และรูปแบบ Quick Charge จาก 0-80% ผ่านสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบเร็ว ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียง 40 นาที

ราคาของ MG EP มีดังนี้จ้า

  • Wagon ราคา 761,000 บาท (ได้ส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ 227,000 บาท)
  • Plus ราคา 771,000 บาท (ได้ส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ 227,000 บาท)

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor 163 แรงม้า 260 นิวตัน-เมตร แบบ Lithium-Ion ความจุ 50.3 kWh 380 กิโลเมตร

ORA Good Cat 2022

10. ORA Good Cat ราคาหลังรับเงินอุดหนุน 763,000 บาท (ราคาเดิม 828,500 บาท)

Great Wall Motor (เกรท วอลล์ มอเตอร์) ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้โลกรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) กับ ORA Good Cat (โอร่า กู๊ดแคท) (หรือชื่อในภาษาจีน 好猫”) เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2020 และ ORA Good Cat ก็มาเผยโฉมในไทยเมื่อต้นปีนี้ พร้อมกับความโดดเด่น น่ารักด้วยรูปลักษณ์โค้งมนในสไตล์ Retro Futuristic แสดงถึงการดีไซน์แบบคลาสสิค ซึ่งออกแบบโดย Emanuel Derta อดีตนักออกแบบจาก Porsche ผสานเทคโนโลยีการขับขี่ใหม่ล่าสุด

ORA Good Cat ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ (143 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 152 กม./ชม. ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์ ORA-Goddess Easy Drive พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ

การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (30%–>80%) ใช้เวลาประมาณ ≈32 นาที และ 40 นาที (ในรุ่น 500 Ultra), ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0%–>80%) ใช้เวลาประมาณ ≈45 นาที และ ≈60 นาที (ในรุ่น 500 Ultra) กับการชาร์จไฟบ้านแบบ AC ใช้เวลาประมาณ ≈8 ชั่วโมง และ ≈10 ชั่วโมง (ในรุ่น 500 Ultra)

ราคาของ ORA Good Cat มีดังนี้จ้า

  • 400KM Tech ราคาหลังรับเงินอุดหนุน 828,500 บาท (ราคาเดิม 989,000 บาท)
  • 400KM Pro ราคาหลังรับเงินอุดหนุน 898,500 บาท (ราคาเดิม 1,059,000 บาท)
  • 500KM Ultra ราคาหลังรับเงินอุดหนุน 1,038,500 บาท (ราคาเดิม 1,199,000 บาท)
มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor 143 แรงม้า 210 นิวตัน-เมตร แบบ Lithium-Ion ความจุ 47.788 kWh และ 63.139 kWh 400 – 500 กิโลเมตร

BYD-T3

อันนี้แถมให้ … BYD T3 ราคา 999,000 บาท

BYD T3 (บีวายดี ที3) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นบนพื้นฐาน Nissan B Platform (หรือ Nissan NV200) เป็นรถตู้ทึบ ใช้งานในเชิงพาณิชย์ โดยมาพร้อมกับตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ Siam ATR ซึ่งเป็นบริษัทลูกของสยามกลการ

และยังมีแยกออกเป็นรุ่น M3 แบบรถอเนกประสงค์ 5 ที่นั่งให้เลือก ในราคา 1,059,000 บาท และรุ่น 7 ที่นั่ง ในราคา 1,089,000 บาท สามารถรองรับสัมภาระได้มากถึง 1,800 ลิตร (ในรุ่น 5 ที่นั่ง) และ 3,800 ลิตร (ในรุ่น 2 ที่นั่ง รถตู้ทึบ)

มาพร้อมด้วยระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ด้วยมอเตอร์ 70 kWh พร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาด 50 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทาง 300 กม. (คำนวณจากที่รวมน้ำหนักบรรทุก 700 กก. หรือเทียบเท่ามีผู้โดยสาร 7 คน) อัตราการสิ้นเปลือง 1 kWh : 6 กม. เทียบเท่ากับ กม.ละ เพียง 0.833 บาท ซึ่งประหยัดกว่าค่าน้ำมันเชื้อเพลิงถึง 3 เท่า

ระยะเวลาในการชาร์จแบบ DC จะใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 1.30 ชั่วโมง และชาร์จด้วยไฟ AC จะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

สมรรถนะ

มอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด แบตเตอรี่
ระยะทางวิ่งได้มากสุด (ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง)
แบบ AC Permanent Magnet Synchronous Motor 94 แรงม้า 180 นิวตัน-เมตร แบบ NCM ความจุ 50 kWh กำลังไฟ DC 40 kW / AC 6.6 kW 300 กิโลเมตร

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

Mr.Carro หวังว่า 10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกสุดในไทยที่นำมาเสนอนั้น หากใครอยากได้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถคันเดิมของคุณกับทาง Carro สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

หมายเหตุ : ข้อมูลสินค้า 10 อันดับข้างต้นนี้ เป็นข้อมูลสินค้าที่ Update ณ เดือนเมษายน 2565 เมื่อเวลาผ่านไปราคาและอันดับดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดสอบถามรายละเอียดหรือราคาล่าสุด ที่ตัวแทนจำหน่ายรถรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง

5 เทคนิคล้างแป้งออกจากรถ หลังสงกรานต์

ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่า “สวัสดี” ในช่วงหยุดยาวของเทศกาลสงกรานต์ 2565 นะครับ อาทิตย์นี้หลายคนคงสนุกสนานกับการท่องเที่ยวต่างจังหวัด ไปเล่นน้ำสงกรานต์ (ท่ามกลางโควิด-19 ที่ยังตามไปเที่ยวด้วยทั่วประเทศ และทั่วโลก) หลายคนพาญาติพี่น้องไปไหว้พระทำบุญ ไปทานอาหาร เที่ยวภูเขา เที่ยวทะเลกันมา แล้วก็กลับมาลุยงานกันต่อในอาทิตย์หน้านี้

ก็อย่างว่าล่ะครับ รถยนต์ที่ใช้ขับไปไหนต่อไหนมาไหนช่วงสงกรานต์ ก็อาจจะมีเลอะเทอะจากคราบน้ำ คราบแป้ง และดินสอพอง ในบางจุดที่มีคนเล่นสาดน้ำกันบ้าง

แต่เมื่อคุณต้องการทำความสะอาดรถ ให้กลับมาเงางามดังเดิม มาดูกันว่าต้องทำอย่างไรกันบ้าง?

ภาพจาก Mensnonno

1. ทำได้ ทำทันที

ถ้าคุณว่างจากภารกิจต่างๆ เมื่อไหร่ และรถของคุณก็ยังเลอะคราบแป้งอยู่อย่างนั้น เราขอแนะนำให้คุณล้างรถทันที เพราะว่าคราบน้ำ คราบแป้ง คราบหินปูน เมื่อแห้งแล้วจะเป็นคราบฝังลึกติดกับสีรถ กระจกรถ หรือเกาะจนเป็นคราบหินปูน เพราะความด่างของแป้งดินสอพอง ขัดเท่าไหร่ก็ขัดไม่ออก

5 เทคนิคล้างแป้งออกจากรถ หลังสงกรานต์

ภาพจาก Mensnonno

2. ผ้าเช็ดรถ

ผ้าเช็ดรถ … ทางที่ดี ไม่ควรใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดรถ เพื่อสีของรถที่เงางาม และไม่เป็นรอยขนแมวตามตัวถังรถ ควรเลือกผ้าดีๆ หน่อย เช่น ผ้าชามัวร์ หรือผ้าไมโครไฟเบอร์ สำหรับเช็ดรถ ซึ่งผ้าชามัวร์มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำได้เป็นอย่างดี และผ้าไมโครไฟเบอร์ มีเส้นใยที่สามารถดูดซึมฝุ่นละอองและคราบน้ำ ได้ดีกว่าผ้าชนิดอื่นๆ

5 เทคนิคล้างแป้งออกจากรถ หลังสงกรานต์

3. แชมพูล้างรถ

แชมพูล้างรถ จะช่วยให้คุณล้างรถได้อย่างเบาแรงมากขึ้น ในการชะล้างสิ่งสกปรกออกจากตัวรถ ยิ่งแชมพูบางประเภทซึ่งมีผสม Wax เข้าไปด้วย ก็จะประหยัดเวลาเคลือบเงาสีรถไปได้ในตัว

5 เทคนิคล้างแป้งออกจากรถ หลังสงกรานต์

4. ยาขัดรถ

ยาขัดรถที่ดี ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้สีของรถ ดูเงางามมากขึ้น ใช้ยาขัดสีรถ ป้องกันคราบ และทำความสะอาดผิวแลคเกอร์ เพื่อให้รถดูเงางามสะอาดขึ้น ซึ่งก็มีขายกันตั้งแต่กระป๋องละหลักร้อย ไปจนถึงหลายพันบาท ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของยาขัดรถนั้นๆ พร้อมอาจจะใช้ดินน้ำมันขัดสีรถร่วมด้วยก็ได้

5 เทคนิคล้างแป้งออกจากรถ หลังสงกรานต์

5. น้ำส้มสายชู

น้ำส้มสายชู บางคนอาจจะงงว่า เอามาใช้ทำอะไร? น้ำส้มสายชู ไว้ใช้ในกรณีที่คุณล้างรถแล้ว ยังมีคราบแป้งและคราบดินสอพองหลงเหลืออยู่ ให้ลองใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำ ชุบผ้าแล้วค่อยๆ เช็ดตรงจุดที่ยังมีคราบอยู่ หากคราบจางหรือหายไปแล้วก็ต้องน้ำสะอาดล้างตรงจุดนั้นอีกครั้ง เพราะน้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ หากทิ้งไว้นานจะกัดสีรถได้

แต่ถ้าหากคุณไม่มีเวลาจริงๆ ก็ขับรถเข้าคาร์แคร์ ล้างรถ ขัด-เคลือบสี ไปเลยก็ได้ ค่าใช้จ่ายก็จะเริ่มตั้งแต่หลักร้อย ถึงหลายพันบาท แต่ถ้าคุณอยากประหยัดเงินส่วนนี้ ก็ลองทำตาม 5 วิธี ล้างคราบแป้งติดรถ หลังสงกรานต์ ดูนะครับผม …

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ช่วงหลังสงกรานต์ 2565 มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! อย่าลืม ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้อง CARRO Automall

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

รู้หรือไม่ ยางที่ไม่ต้องเติมลมก็วิ่งได้!!

สวัสดีครับ ไทร์บิดกลับมาอีกครั้งครับ กับบทความดีดีเกี่ยวกับเรื่องยางรถยนต์ เมื่อเราพูดถึงวิวัฒนาการของยางรถยนต์จะเห็นว่ามีการพัฒนาเพื่อให้ยางมีความปลอดภัยที่ดีขึ้น มีสมรรถนะในการขับขี่ และ มีความคงทนเพิ่มขึ้น มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ยางตันที่ทำมาจากตั้งแต่หนังสัตว์ จนมาเป็นยางพารา ยางเคมี มาประกอบกันเป็นยางผ้าใบที่ต้องใช้ยางใน ยางเรเดียลที่ต้องใช้ยางใน จนมาถึงปัจจุบันยางเรเดียลที่ไม่ต้องใช้ยางใน (ยางที่เพื่อนๆ ใส่ปัจจุบันนั่นและครับ ยางเรเดียล = เป็นโครงยางที่ผลิตจากเส้นลวดเป็นส่วนประกอบ)

รู้หรือไม่ ยางที่ไม่ต้องเติมลมก็วิ่งได้!!

ซึ่งในแต่ละช่วงเวลาก็มีการพัฒนาและนำเทคโนโลยีเข้ามาเรื่อยๆจนทำให้ผมคิดว่าจะทำยังไงให้เกิดความปลอดภัยที่สูงมากยิ่งขึ้น ปัจจัยหลักๆที่ทำให้ยางใช้ไม่ได้ก็คือลมยางครับ ปัจจุบันเราอาจจะมีใช้กันเรียกว่ายางรันแฟลต แต่ก็ต้องบอกว่าก็ยังมีข้อจำกัดอยู่เช่นกันเพราะยางรันแฟลตใช้ได้ในระยะสั้น กรณียางไม่มีลมเพื่อความปลอดภัยกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่ถ้าเพื่อนๆเห็นบนเฟสบุค จะเห็นว่ามีนวัตกรรมใหม่ยางที่ไม่ใช้ลมเลย โดย เท่าที่ไทร์บิดเห็น จะมีสองยี่ห้อก็คือ Goodyear กับ Michelin ที่ซึ่งยางรุ่นนี้ออกแบบมา ณ ปัจจุบัน ใช้กับกระสวยอวกาศที่ไว้ใช้บนดวงจันทร์ครับผม จะเป็นยางที่ไม่ต้องใช้ลมเลย ครับ ซึ่งถึงแม้ว่าคุณจะใช้งานโดนตะปูตำ หรือ เกิดเหตุกระแทก ก็ไม่ส่งผลต่อการใช้งานของยางเลยครับ ฟังแล้วว้าวมากเลยใช่ไหมครับ

เพื่อนๆลองคิดดูสิครับถ้าต่อไปมีออกมาวางขายกับรถธรรมดาจริงๆ จะช่วยลดต้นทุนค่ายางเสียหาย ช่วยลดปริมาณขยะได้มากเพียงไหนแถมยังช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วยครับ หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ที่เพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมมันจะดีแค่ไหนใช่ไหมครับ เพราะเราทุกคนรู้ว่า รถเป็นปัจจัยที่ 5 ไปแล้วในปัจจุบันสำหรับการเดินทางไปในที่ต่างๆไม่ว่าคุณจะใช้รถสาธารณะ หรือ รถส่วนตัวก็ยังต้องใช้ยางอยู่ดีครับ

รู้หรือไม่ ยางที่ไม่ต้องเติมลมก็วิ่งได้!!

ถ้าเพื่อนๆ สังเกตดูเพื่อนๆ จะเห็นว่าแบรนด์ที่มีการพัฒนา และ เทคโนโลยีล้ำสมัยมากกว่ายี่ห้ออื่นๆนั่นก็จะมีไม่กี่แบรนด์หรอกครับ ถ้ามีก็จะมี Michelin, Bridgestone, Goodyear, Bridgestone และก็มียี่ห้ออื่นอีกบ้างครับ ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่ไทร์บิดอยากจะพูดถึง ถึงความแตกต่างของยางในแต่ละยี่ห้อครับ เพื่อนๆอาจจะบอกว่าแบรนด์ที่ผมพูดถึงดูราคาแพงมากกว่าหลายๆยี่ห้อที่มีราคาถูก แต่ เพื่อนๆ รู้ไหมครับว่ายางที่มีราคาสูงนั้น มีส่วนประกอบไปด้วยของเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ดีกว่า มีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีมากกว่า เพราะในแต่ละแบรนด์ที่กล่าวมา มี R&D (Research and Development) ที่ดีมากมีบุคลากรที่พร้อมเพราะบริษัทยางมีการลงทุนในเรื่องนี้อย่างมากครับ

รู้หรือไม่ ยางที่ไม่ต้องเติมลมก็วิ่งได้!!

ซึ่งบางแบรนด์มีการลงทุนในส่วนนี้หลายเปอร์เซ็นต์ของราคายางเลยละครับ โดยรายละเอียด มีตั้งแต่การออกแบบลายดอกยาง การใช้ส่วนผสมที่พัฒนาขึ้นมากกว่าเดิม การพัฒนาโครงสร้างให้มีความแข็งแรงพร้อมกับความนุ่มเงียบไปควบคู่กัน หรือไม่ว่าจะเป็นอายุการใช้งานของยางที่ทำให้ยาวนานเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งบางอย่างเป็นส่วนที่ตรงกันข้ามกันแต่เทคโนโลยีนั่นทำให้สองส่วนที่ไปทิศทางตรงกันข้ามกันทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้ครับ ซึ่งทางไทร์บิดคิดว่าเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีมากเพราะทำให้พวกเรานั้นมีของใช้ที่ดียิ่งขึ้นต่อๆไป ซึ่งไทร์บิดเราก็จะพยายามคัดสรรหายางที่มีคุณภาพ มาตรฐาน มีเทคโนโลยีที่ทำให้เพื่อนๆ ในทุกครั้งที่เปลี่ยนยางได้รับความปลอดภัยในการขับขี่ที่ดีมากขึ้นครับ

แต่ไทร์บิดก็ต้องบอกว่ายางราคาถูกไม่ใช่ว่าจะไม่ดีนะครับเพราะเดี๋ยวนี้แบรนด์ยางราคาถูกก็เริ่มพัฒนาในส่วนนี้เพิ่มมากยิ่งขึ้นในด้านของเทคโนโลยีนะครับ ซึ่งเท่าที่ไทร์บิดเห็นก็เป็นเรื่องของเครื่องจักรที่ปัจจุบันแบรนด์ขนาดเล็กมีเครื่องมือที่ทันสมัยเทียบเท่ากับแบรนด์ใหญ่แล้วครับ แต่เพียงว่า อาจจะใส่เทคโนโลยีใหม่ที่น้อยกว่า หรือ ตามหลังแบรนด์ชั้นนำเท่านั้นเองครับ ส่งผลให้ต้องจัดโปรโมชั่นยางรถที่แรงกว่า และทำราคาได้ย่อมลงมาเพื่อทดแทนเข้าถึงกลุ่มลูกค้านั่นเองครับ ซึ่งเพื่อนๆก็มั่นใจได้เลยครับว่ายางทุกยี่ห้อที่ทาง ไทร์บิด เราเลือกสรรมา เป็นยี่ห้อที่มีคุณภาพแน่นอนครับไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัย มาตรฐานการผลิตที่ดี และมาตรฐานการรับรอง มอก.ภายในประเทศครับ

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ https://tiresbid.com/home ได้เลยครับ เพราะเราเป็นเว็บจำหน่ายยางที่ดีที่สุดครับ มีแบรนด์สินค้าคุณภาพให้เลือกมากที่สุด และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดในประเทศ แถมไทร์บิดเรายังมีบริการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกลาง ให้เพื่อนๆที่ต้องการสอบถามได้ยางที่เหมาะสมที่สุดผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) เราเป็นตัวกลางยางมืออาชีพโปรโมชั่นยางรถพิเศษไทร์บิดมากมาย ให้บริการครบทุกรูปแบบ จุดบริการ เปลี่ยนถึงบ้าน จัดส่ง Fast Service ทุกรูปแบบการรับบริการนัดหมายล่วงหน้า ใช้เวลาเพียง 1 ชม.ในการรับบริการติดตั้งเปลี่ยนยาง ให้เรื่องยางรถของคุณง่ายยิ่งขึ้น

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

ทุกครั้งเวลาที่มีงาน Motor Show ในช่วงต้นปี หรือในงาน BIG Motor Sale ที่จัดกันในช่วงกลางปี และในงาน Motor Expo ในช่วงปลายปี มักจะมีผู้คนถามไถ่กันมาเสมอว่า ผมมีงบประมาณเท่านี้ สนใจรถแนวนี้ น่าซื้อหรือไม่? จองรถในงาน ต่างจากจองที่ดีลเลอร์หรือเปล่า? หรือซื้อรถก่อนงาน กับซื้อรถในงาน อันไหนดีกว่ากัน?

ซึ่งเป็นคำถามที่ผู้เขียนได้รับมาเป็นประจำ สำหรับคนทั่วไป การจะเป็นเจ้าของรถยนต์ใหม่ป้ายแดงได้สักคัน หลายคนต้องทำงานเก็บเงินกันนานหลายปีก็มี กว่าจะได้รถที่ตัวเองชอบและรัก จึงต้องรอบคอบในการตัดสินใจซื้อ เพื่อความคุ้มค่ากับเงินทุกบาทที่เสียไป บางที มีทั้งโปรโมชั่นเด็ดๆ ดอกเบี้ยต่ำ เงินดาวน์ต่ำ หรือของแจกของแถมมากมาย ทำให้ย่อมมีผลในการตัดสินใจซื้อรถใหม่สักคัน

โดยบางคน อาจจะอยากเปลี่ยนรถที่ตัวเองมีอยู่แล้วเป็นรถใหม่ หรือบางคน อาจจะอยากซื้อรถเพิ่มใหม่อีกหนึ่งคัน ในงาน Motor Show 2022 (มอเตอร์โชว์ 2022) … แต่จะซื้ออย่างไร ให้คุ้มค่าเงินที่คุณต้องจ่ายไป ยิ่งในปีนี้ เจอโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่กันไปอีกถ้วนหน้า ทั้งเงินฝืดและหายาก แถมน้ำมันแพง ต้องหาเงินผ่อนรถอีก เอาเข้าไป …

การซื้อรถไปแล้วควรไม่เป็นทุกข์ และมีความสุขกับรถใหม่ของคุณ MR.CARRO ขอแนะนำ 6 หัวข้อ

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

1. หาข้อมูล ดูกำลังทรัพย์ และ วัตถุประสงค์ในการซื้อรถ

ก่อนจะไปงาน Motor Show หรืองาน Motor Expo ต้องใช้สื่อออนไลน์ให้คุ้ม ด้วยการค้นหาข้อมูลรถที่คุณสนใจ ดูรีวิวจากผู้ใช้จริง หรือเปรียบเทียบออพชั่นต่างๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนไปดูรถของจริง

ไม่ว่าจะเป็นงาน Motor Show หรืองาน Motor Expo ถือเป็นการนัดพบกันระหว่างผู้อยากซื้อรถ และผู้อยากขายรถ คือคุณสามารถเดินดูรถยนต์รุ่นที่คุณสนใจได้ภายในงาน และเลือกเปรียบเทียบถึงคุณสมบัติของรถรุ่นต่างๆ ได้จนกว่าคุณจะพอใจ หลายคนมักมีรถที่สนใจอยู่หลายรุ่น ถือเป็นโอกาสดีในการทดลองนั่ง ทดลองขับ จากของจริงๆ ที่มีโชว์ภายในงาน และได้เปรียบเทียบรถรุ่นต่างๆ โดยเฉพาะความคุ้มค่าของออพชั่น ของรถยนต์แต่ละคัน กับเงินที่ต้องจ่ายไป

สิ่งสำคัญคือกำลังทรัพย์ของคุณ ต้องวางแผนทางการเงินก่อน ประเมินรายได้ดูว่ามีความสามารถในการผ่อนรถกี่ปี (ซึ่งเดี๋ยวนี้ มีให้ผ่อนได้สูงถึง 84 งวดเลย แต่ดอกเบี้ยก็ต้องจ่ายมากตามไปด้วย) วางดาวน์เท่าไหร่ (ยิ่งดาวน์มาก ก็จะยิ่งผ่อนน้อยลง และดอกเบี้ยไม่มี 0% ตลอดไป)

และวัตถุประสงค์ในการซื้อรถนั้น ซื้อไปเพื่ออะไร เช่น ซื้อไปอวดสาว ซื้อไปขับรถแค่คนเดียว หรือคนในบ้านใช้ขับกันด้วย มีรถไว้ใช้ทำงานหาเงิน ใช้ในกิจการบริษัท ใช้ในเมือง หรือใช้ในต่างจังหวัด หรือไว้ใช้แค่ขับไปซื้อของจ่ายตลาด รับส่งลูก เป็นต้น ก็จะช่วยให้การเลือกรถนั้น “เหมาะ” กับไลฟ์สไตล์และ “ความชอบ” ของคุณยิ่งขึ้น โดยรถที่คนไทยนิยมหลักๆ ก็จะเป็นประเภท รถกระบะ, รถ SUV, รถเก๋ง และรถ Eco-Car เป็นต้น

โปรโมชั่นรถยนต์ ประจำ มี.ค. 2565 และงาน Motor Show 2022

2. ดูราคา และ โปรโมชั่น

ช่วงงาน Motor Show หรือในงาน Motor Expo ถือเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่อยากมีรถใหม่ เพราะหลายบริษัทเตรียมจัดของแถมอย่างมากมาย ถือเป็นโอกาสทองของผู้อยากซื้อรถ อาทิเช่น ประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี หรือดอกเบี้ยผ่อนรถที่ถูกลง รวมทั้งของแต่งรถและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่ในช่วงเวลาปกติ อาจจะมีให้แค่บางอย่าง และโปรโมชั่นของสถาบันการเงินต่างๆ ที่พร้อมให้บริการภายในงานด้วย

ถ้าหากคุณสนใจที่อยากจะซื้อรถใหม่ในเวลานี้ ผมแนะนำให้รีบศึกษาข้อมูล และ ดูโปรโมชั่นรถใหม่กันแต่เนินๆ (คลิก “ดูโปรโมชั่นรถใหม่ในงาน Motor Show 2022“) ได้เลยครับ

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

3. ค่ายรถยอดนิยม

รู้หรือไม่ว่า … แบรนด์รถ และรุ่นรถ มีผลต่อการขายต่อ เมื่อคุณเบื่อรถคันเก่าแล้ว

ค่ายรถยอดนิยมในบ้านเรา คงหนีไม่พ้นรถจากค่ายญี่ปุ่น และค่ายยุโรป (จากเยอรมนี) เป็นส่วนใหญ่ ที่ถือเป็นรถยอดนิยมของคนไทย ในด้านความคุ้มค่าคุ้มราคา ราคาขายต่อตกไม่มากนัก มีศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

ถ้าฟากฝั่งรถญี่ปุ่นก็ยกให้ Toyota (โตโยต้า) ที่ออกอะไรมาก็ขายได้หมด ในส่วนของรถกระบะก็ต้องยกให้ Isuzu (อีซูซุ) ถ้าความโดดเด่นของรถเก๋งก็ต้องยกให้ Honda (ฮอนด้า) หรือความโดดเด่นของรถยนต์ที่มีระบบไฟฟ้าก็ต้อง Nissan (นิสสัน) ในตอนนี้

ในส่วนของ Mazda (มาสด้า), Mitsubishi (มิตซูบิชิ), Suzuki (ซูซูกิ) หรือ Subaru (ซูบารุ) ก็ได้รับความนิยมรองๆ ลงไป แต่ก็ถือได้ว่าทุกค่ายนั้นมีของดีเหมือนกันหมด

ส่วนฟากฝั่งรถยุโรป ในบ้านเราต้องให้ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) และ BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงด้านการขายกันมานาน และเป็นที่นิยมมากๆ สำหรับคนชอบรถยุโรปในบ้านเรามานาน ขับแล้วดูดีมีระดับ ส่วนที่รองลงมาก็จะเป็น Audi (อาวดี้) เป็นต้น

ส่วนรถยนต์แบรนด์เกาหลี แบรนด์อังกฤษ แบรนด์ฝรั่งเศส แบรนด์สวีเดน แบรนด์อเมริกัน แบรนด์มาเลเซีย หรือแบรนด์จีน ก็ได้รับความนิยมรองๆ ลงไป จากผู้ใช้รถ ซึ่งบางแบรนด์อาจจะเป็นรถกลุ่ม Niche หรือ Ultra Luxury อันนั้นมีลูกค้าเฉพาะอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงคนขายว่าจะขายไม่ได้

แต่ถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV ที่มาแรงมากเวลานี้ ก็คงหนีไม่พ้นค่ายรถจากจีน ก่อนซื้อก็ต้องดูความชอบ ความต้องการ การใช้งานรถมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงลักษณะที่อยู่อาศัย ว่าถ้าอยู่บ้าน เราจำเป็นต้องติดตั้งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หัวชาร์จ ระบบไฟ มิเตอร์ไฟ สายไฟฟ้า ตู้ควบคุมในบ้าน ว่าพร้อมหรือไม่ (คลิก ข้อควรรู้ ก่อนใช้รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) : 5 สิ่ง ที่ต้องเตรียมในบ้าน และค่าไฟที่ต้องจ่ายต่อครั้ง )

หรือถ้าอาศัยอยู่คอนโดมิเนียม ก็ต้องดูว่าทางคอนโดมิเนียมมีจุดชาร์จ หรือ EV Charging Station เพียงพอหรือยัง เพราะไม่อย่างนั้นอาจต้องแย่งจุดชาร์จกับลูกบ้านคนอื่นๆ ได้

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

4. เลือกเซลส์ขายรถ

คนที่ทำให้ฝันของคุณเป็นจริงและราบรื่นในการซื้อรถ นั่นก็คือ “เซลส์ขายรถ” อย่าดูกันแค่เพียงความสวยหล่อ แต่ขอให้ดูสิ่งที่เซลส์ขายรถ Offer ให้กับท่านด้วย … คุยกับ “ที่ปรึกษาการขาย” (เรียกแบบหรูๆ หน่อย) ให้แน่ชัดถึงของแถมต่างๆ หรือส่วนลดต่างๆ ที่คุณควรจะได้เมื่อตัดสินใจจองรถไปแล้ว

หากเป็นไปได้ ควรจะหาเซลล์ที่มาจากโชว์รูมที่ใกล้บ้านคุณมากที่สุด เพื่อสะดวกในการรับบริการหลังการขาย

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

5. ทดลองขับ

การทดลองขับหรือ Test Drive ในงาน Motor Show 2022 หลายคนอาจกังวลเพราะความไม่คุ้นเคยกับรถ อาจจะคิดว่าต้องขับรถออกไปวิ่งถนนด้านนอก บอกได้เลยว่า ไม่ต้องกังวลครับ เพราะมีสนามทดสอบชั่วคราวอยู่บริเวณลานทะเลสาบ จัดเตรียมไว้ให้ลูกค้า

พร้อมกับมีเซลส์ขายรถ และ Instructor ของทางบริษัทรถยนต์ คอยอธิบายและให้คำแนะนำกับคุณในระหว่างการทดลองขับด้วย ทำให้คุณตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น เกี่ยวกับรถคันที่คุณอยากซื้อ …

เลือกซื้อรถที่งาน Motor Show 2022 … อย่างไรถึงคุ้มค่า

6. อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ

ถ้าคุณกำลังจะตัดสินใจซื้อรถใหม่จริงๆ ผมแนะนำว่า ให้ไปที่งานสักสองครั้งครับ ไป “ดู” รถรุ่นที่คุณอยากซื้อให้แน่ใจก่อน อย่ารีบตัดสินใจภายในวันเดียว เพราะเซลล์ขายรถส่วนใหญ่ มักจะพยายามปิดการขายให้เสร็จหลังจากที่นั่งโต๊ะคุยกัน เพื่อสร้างยอดจองยอดขาย แต่เราก็สามารถนำข้อเสนอต่างๆ ที่เซลส์ขายรถ Offer ให้มานั้น ไปตัดสินใจดูก่อน แล้วค่อยมาที่งานใหม่ หรือติดต่อเซลส์ขายรถที่เราคุยด้วยในภายหลัง เพื่อผลประโยชน์ของคุณ และรถที่คุณอยากได้ ก็ยังคงไม่หนีไปไหนแน่นอน …

ที่สำคัญ ใบจองรถต้องตรวจให้ละเอียด ระบุข้อมูลที่ชัดเจนถึงวันรับรถ และของแถมที่ได้รับทั้งหมด และระบุถึงส่วนลดเงินสดด้วย ซึ่งถ้าขาดอะไรไป อาจจะทำให้เซลล์มีลูกเล่นกับเราภายหลังได้ และที่สำคัญ ต้องให้เซลล์เขียนระบุส่วนลด ในใบจองให้ละเอียดครับ

จากที่กล่าวมาทั้งหมด ถ้าทุกอย่างลงตัวและสามารถตอบโจทย์ทุกข้อได้ ก็ถือว่าดีครับ ได้รถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายไป ในงาน Motor Show 2022 …

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ไหนๆ จะไปดูรถ ซื้อรถใหม่ในงาน Motor Show 2022 ใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก:

  • Bangkok-Motorshow
  • Nissan Auto Gallery – รามอินทรา
  • Ford VP Phetkasem 77 – ฟอร์ด วี.พี. เพชรเกษม 77
ขั้นตอนการขอสินเชื่อรถมือสอง และเอกสารที่ต้องเตรียม

หลายๆ คน อาจมีความจำเป็นที่ต้องมีรถยนต์ไว้ใช้ส่วนตัว ด้วยความจำเป็นหลายๆ อย่าง เช่น ที่อยู่อาศัยไม่มีรถสาธารณะวิ่งผ่าน ต้องการรถไว้ทำธุรกิจส่วนตัววิ่งขายของ ฯลฯ ซึ่งถ้าต้องซื้อรถใหม่ป้ายแดงเลย อาจจะซื้อไม่ไหว ราคาสูง แต่รถมือสองจะเป็นทางเลือก ทำให้เราได้รถมาใช้ได้เร็วขึ้นในราคาที่เราสามารถซื้อได้

วันนี้จึงอยากจะมาเล่าถึงการซื้อรถมือสอง ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่เราต้องรู้ก่อนจะซื้อ เมื่อตัดสินใจจะซื้อแล้วควรจะต้องรู้เกี่ยวกับอะไรบ้าง หากเราไม่ได้ซื้อเงินสด ต้องการกู้บริษัทไฟแนนซ์ต้องทำอย่างไรบ้าง มาลองศึกษารายละเอียดกันนะคะ

ขั้นตอนการขอสินเชื่อรถมือสอง และเอกสารที่ต้องเตรียม

สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อรถมือสอง

  • ต้องยอมรับให้ได้ว่า รถมือสองมีโอกาสที่เราจะต้องคอยซ่อมบำรุงบ่อยกว่า แต่หากเราซื้อกับผู้ขายที่น่าเชื่อถือ มีการตรวจสภาพรถจากผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ ก็จะทำให้เรามีความมั่นใจและสบายใจยิ่งขึ้นว่าข้อมูลประวัติของรถนั้นถูกต้อง
  • ควรรู้ข้อมูลทั่วไปของรถที่จะซื้อ เช่น ยี่ห้อรุ่น ปีที่ผลิต ปีที่มีการซื้อขายครั้งแรก เป็นต้น เพื่อให้เราได้เราจะได้ประเมินราคาตลาดของรถที่จะซื้อได้
  • ถ้าสามารถรู้ประวัติการใช้งานของรถที่จะซื้อได้ยิ่งดี เช่น วิ่งมาแล้วเป็นระยะทางเท่าไร ใช้บรรทุกของหนักบ่อยไหม เคยเฉี่ยวชนมาบ้างหรือไม่ รถคันนี้เคยทำประกันไหม เป็นต้น

สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำสินเชื่อซื้อรถมือสอง

  • ภาระหนี้สินที่จะเกิดขึ้น จะอยู่กับเราไปนาน อย่างน้อย 3 ถึง 5 ปี
  • วงเงินสินเชื่อที่จะได้รับอนุมัติ อาจจะน้อยกว่าราคาที่เราจะซื้อ เพราะวงเงินสินเชื่อจะขึ้นอยู่กับ อายุของรถว่าใช้งานมานานแล้วกี่ปี และสภาพรถว่าชำรุดทรุดโทรมแค่ไหน ซึ่งอาจดูได้จาก จำนวนระยะทางที่ใช้งาน สภาพตัวถังภายนอก สภาพตัวถังภายใน และอื่นๆ
  • หากเป็นการซื้อจากเจ้าของรถที่เป็นบุคคลธรรมดา ต้องรู้ว่าเจ้าของเดิมยังผ่อนซื้อรถนั้นอยู่หรือเปล่า แต่ถ้าซื้อจากบริษัทหรือเต็นท์ขายรถที่น่าเชื่อถือ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องนี้
  • บริษัทการเงินที่ให้กู้เงินซื้อรถ (บริษัทไฟแนนซ์) นั้นมีมากมาย ควรหาข้อมูลของบริษัทเหล่านั้นให้ถี่ถ้วนชัดเจน เพื่อเราจะได้สามารถเลือกใช้บริษัทที่เราเชื่อมั่นและไว้ใจได้ หรือในระยะยาวจะทำให้เราเสียผลประโยชน์น้อยที่สุด ในกรณีที่เราซื้อรถมือสองจากบริษัทหรือเต็นรถที่ขายรถมือสอง ส่วนมากเขาจะมีรายชื่อของบริษัทไฟแนนซ์ให้เราเลือกใช้อยู่แล้ว ซึ่งสะดวกดี ไม่ต้องเที่ยวหาข้อมูลและติดต่อขอกู้ด้วยตนเอง

ขั้นตอนการขอสินเชื่อรถมือสอง และเอกสารที่ต้องเตรียม

ขั้นตอนการทำสินเชื่อซื้อรถ 2 ขั้นตอน ดังนี้

1.ขั้นเตรียมการ

  • เตรียมเอกสาร กรณีที่ผู้ซื้อเป็นบุคคลหรือนิติบุคคล จัดเตรียมเอกสารดังนี้
บุคคลธรรมดา นิติบุคคล
บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนาของบุคคลผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล
ทะเบียนบ้านฉบับจริง พร้อมสำเนา ทะเบียนบ้านตัวจริง พร้อมสำเนาของบุคคลผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล
สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน (ย้อนหลังไม่เกิน 2 เดือน) รายการเดินบัญชีธนาคาร (Statement) ของบริษัทย้อนหลัง 6 เดือน
สำเนาบัญชีเงินฝากออมทรัพย์, ประจำ, หรือกระแสรายวันย้อนหลัง 6 เดือน สำเนาทะเบียนการค้า
แผนที่ตั้งที่อยู่อาศัย  สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนของกระทรวงพาณิชย์
แผนที่ที่ทำงาน หนังสือบริคณห์สนธิ
  • เตรียมเงินค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ทางผู้ขายจะแจ้งให้ทราบว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ต้องเตรียมเพิ่มนอกเหนือจากวงเงินในการทำสินเชื่อ ดังนี้

  • เงินค่าจองรถ หรือเงินมัดจำ (ถ้ามี) เพื่อเป็นการยืนยันกับผู้ขายว่าเราซื้อรถคันนี้แน่นอน และผู้ขายจะไม่ขายรถที่เราต้องการจะซื้อคันนี้ให้คนอื่น ในระห่างที่เรารอผลการตรวจสอบเครดิตการขอสินเชื่ออยู่ ซึ่งเงินจองอยู่ที่ประมาณ 5,00010,000 บาท ขึ้นอยู่กับเต้นท์รถแต่ละที่
  • เงินดาวน์รถ สำหรับการกู้ซื้อรถมือสอง ในส่วนของเงินดาวน์อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ซื้อสามารถกู้เงินมาซื้อรถไต้เต็มจำนวนเท่าราคาที่ตกลงซื้อขาย หรือว่ากู้ได้บางส่วน
  • เงินค่าธรรมเนียมจัดไฟแนนซ์ เป็นค่าดำเนินการด้านเอกสารหรืออื่นๆ ที่ทางเต้นท์หรือผู้ขายช่วยดำเนินการให้เรา ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้ต้องคุยรายละเอียดให้ชัดเจนว่ามีหรือไม่มีอย่างไร ถ้ามีแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้างให้ชัดเจนก่อนที่เราจะทำเรื่องขอกู้เงินซื้อรถ
  • เงินค่าใช้จ่ายในการโอนรถ กรมขนส่งได้กำหนดอัตราค่าโอนหรือค่าอากรซื้อขายที่ร้อยละ 0.5 หรือแสนละ 500 บาท จากราคาประเมิน นอกจากนั้นก็จะมีค่าคำขอ 5 บาท ค่าธรรมเนียมการโอน 100 บาท ค่าธรรมเนียมการตรวจสภาพรถยนต์ 50 บาท ในการโอนรถนี้จะเกิดขึ้นสองครั้ง โดยครั้งแรกจะเป็นการโอนกรรมสิทธิ์จากผู้ขายไปยังบริษัทไฟแนนซ์ ส่วนการโอนครั้งหลังจะเป็นการโอนจากบริษัทไฟแนนซ์ไปยังผู้ซื้อ เมื่อผ่อนชำระเงินกู้ซื้อรถยนต์หมดแล้ว
  • เงินค่าประกัน หรืออาจจะมีค่า ... / ภาษีทะเบียนรถยนต์ ถ้าใกล้หมด ซึ่งโดยปกติไฟแนนซ์จะให้เราทำประกันไว้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เพราะหากไม่มีประกันแล้วเกิดมีอุบัติเหตุขึ้น เราจะต้องรับภาระหนัก เพราะเสียทั้งค่าซ่อมรถ ค่าผ่อนรถ ไหนจะค่าซ่อมรถของคู่กรณีอีก 

สิทธิพิเศษ! สำหรับลูกค้า CARRO เบี้ยประกันภัยราคาพิเศษ สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://www.proprakan.com/promotion-carro-car-insurance/

2.ขั้นดำเนินการ

  • ยื่นเอกสารการขอสินเชื่อรถ เอกสารต่างๆ ที่เราได้จัดเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนแรกให้กับทางบริษัทไฟแนนซ์ เพื่อพิจารณาเครดิตอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ประมาณ 13 วันทำการ
  • เซ็นสัญญากู้เงิน จะทำในตอนยื่นเอกสารขอสินเชื่อรถเลยก็ได้ หรืออาจจะทำหลังจากผ่านการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อแล้วก็ได้เช่นกัน
  • รับโอนรถ บริษัทไฟแนนซ์จะโทรแจ้งผลการพิจารณาอนุมัติให้กับผู้ขายทราบ เพื่อให้ผู้ขายโทรนัดให้เรามารับรถและรับเอกสารต่างๆ เช่น สำเนาทะเบียนรถ, เอกสารสัญญาต่างๆ, รายการที่จะต้องปฏิบัติหลังจากเป็นหนี้เรียบร้อยแล้ว

สิ่งที่ต้องทำหลังจากที่ทำสินเชื่อแล้ว

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขการผ่อนชำระให้เข้าใจ จะได้ไม่เกิดปัญหาเรื่องการผิดสัญญาผ่อนชำระ
  • ศึกษาวิธีการคิดค่าปรับหากมีการผ่อนชำระช้า หรือผิดสัญญาการผ่อนชำระ
  • ศึกษาให้เข้าใจว่าเงื่อนไขที่บริษัทไฟแนนซ์สามารถนำมาใช้บังคับยึดรถ มีอะไรบ้าง
  • หาเงินจ่ายค่างวดให้ตรงเวลา

ปัจจุบันรถมือสองกลับมาเป็นที่นิยมในหมู่คนใช้รถ เพราะหากเราเลือกรถดีๆ มีแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ คุณภาพรถดี การเลือกซื้อรถมือสองไปใช้งานก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากเซฟเงินไว้นะคะ