ติวเข้ม 52 ข้อสอบที่ควรรู้ก่อนไปทำใบขับขี่

อ่านข้อสอบครบ ทำใบขับขี่ผ่านแน่นอน

สำหรับใครที่กำลังไปสอบทำใบขับขี่ ทำใบขับขี่ออนไลน์ ทำใบขับขี่ใหม่ หรือต้องการต่ออายุใบขับขี่ อยากทดสอบความรู้ด้านกฏจราจร ก่อนไปต่อใบขับขี่ 2564 มาลองทำข้อสอบกันก่อน จะไปผ่านง่ายๆ และไม่ต้องเสียเวลาไปสอบใหม่กันค่ะ

1) การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรหรือกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
ข. เมื่อพบป้ายเตือนทางร่วมทางแยกให้ขับรถด้วยความเร็วปกติ
ค. หากไม่มีสัญญาณไฟจราจร ให้รถคันที่ใหญ่กว่าผ่านทางร่วมทางแยกไปก่อน
ง. เมื่อพบป้ายเตือนสัญญาณไฟบริเวณทางร่วมทางแยกให้ขับรถไปตามปกติ

2) ผู้ขับขี่ต้องการเลี้ยวรถต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ชะลอรถและเปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยวไม่น้อยกว่า 30 เมตร
ข. เปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยว 20 เมตร
ค. หยุดรถเพื่อเตรียมตัวเลี้ยว
ง. เร่งความเร็วก่อนเลี้ยว

3) การหยุดรถบริเวณทางแยกผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ยุดทับเส้นแนวหยุด
ข. หยุดหลังเส้นแนวหยุด
ค. หยุดเลยเส้นแนวหยุด
ง. หยุดเลยป้ายหยุด

4) บริเวณใดห้ามแซง
ก. ทางตรง
ข. ทางที่ปลอดภัย
ค. ทางโล่ง
ง. ทางโค้งรัศมีแคบ

5) การจอดรถต้องจอดให้ห่างจากขอบทางไม่เกินกี่เซนติเมตร
ก. ห่างไม่เกิน 35 เซนติเมตร
ข. ห่างไม่เกิน 30 เซนติเมตร
ค. ห่างไม่เกิน 25 เซนติเมตร
ง. ห่างไม่เกิน 40 เซนติเมตร

6) การขับรถแซงรถคันหน้าต้องแซงด้านขวามือ ยกเว้นกรณีใดที่สามารถแซงด้านซ้ายมือได้
ก. เมื่อรถที่จะถูกแซงกำลังเลี้ยวขวา หรือให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา
ข. แซงรถคันอื่นทางด้านซ้ายในทางเดินรถช่องทางเดียว
ค. แซงรถคันอื่นในช่องทางขวาของรถที่ถูกแซง
ง. แซงรถคันอื่นทางด้านซ้ายขณะรถวิ่งบนสะพาน

7) รถในข้อใดที่สามารถนำมาใช้ในทางได้
ก. รถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของทางราชการกำหนด
ข. รถที่จดทะเบียน และเสียภาษีแล้ว
ค. รถที่ขาดต่อภาษี
ง. รถที่แจ้งเลิกใช้ตลอดไป

8) รถในข้อใด ห้ามนำมาใช้ในทาง
ก. รถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง
ข. รถที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของทางราชการกำหนด
ค. รถที่จดทะเบียนและเสียภาษีแล้ว
ง. รถที่อุปกรณ์ส่วนควบครบถ้วน

9) เขตปลอดภัย หมายความว่าอย่างไร
ก. พื้นที่มีเครื่องหมายแสดงไว้ให้ผู้ขับขี่เห็นว่าปลอดภัยขับต่อไปได้
ข. เขตที่ผู้ขับขี่สามารถนำรถผ่านเข้าไปได้
ค. พื้นที่ในทางเดินรถที่มีเครื่องหมายแสดงไว้ให้เห็นได้ชัดเจนทุกเวลาสำหรับ ให้คนเดินเท้าที่ข้ามทางหยุดรอ หรือให้คนที่ขึ้นหรือลงจากรถหยุดรอก่อนจะข้ามทางต่อไป
ง. เขตที่คนเดินเท้าสามารถข้ามทางได้โดยไม่ต้องหยุดรอ

10) รถในข้อใดที่สามารถนำมาใช้ในทางเดินรถได้
ก. รถที่มีเสียงดังกว่าเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด
ข. รถที่มีสิ่งลากถูไปบนทางเดินรถ
ค. รถที่มีล้อไม่ใช่ยาง
ง. รถที่มีเสียงเครื่องยนต์ดังในระดับ 80 เดซิเบล

11) สัญญาณจราจรไฟสีแดงที่ทำเป็นรูปกากบาทเฉียงอยู่เหนือช่องเดินรถ ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถอย่างไร
ก. จอดรถในช่องเดินรถนั้น
ข. หยุด และจอดรถในช่องเดินรถนั้น
ค. ขับรถในช่องเดินรถนั้น
ง. หยุดรถในช่องเดินรถนั้น

12) เมื่อพนักงานจราจรยืน และเหยียดแขนซ้ายออกไปเสมอระดับไหล่ ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถมาจากทางด้านไหนของพนักงานจราจรจะต้องหยุดรถ

ก. ด้านข้าง
ข. ด้านหน้าและด้านหลัง
ค. ด้านหลัง
ง. ด้านหน้า

13) เมื่อพนักงานจราจรยืน และเหยียดแขนขวาท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบน และตั้งฝ่า มือขึ้น ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถมาจากทางด้านไหนของพนักงานจราจรจะต้องหยุดรถ

ก. ด้านหลัง
ข. ด้านหน้า และด้านหลัง
ค. ด้านหน้า 
ง. ด้านข้าง และด้านหลัง

14) การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกที่มีสัญญาณจราจรไฟกระพริบสีแดง.ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด เมื่อเห็นว่าปลอดภัย และไม่เป็นการกีดขวางการจราจรจึงให้ขับรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง
ข. ลดความเร็วของรถลง และผ่านทางเดินรถนั้นไปด้วยความระมัดระวัง
ค. จอดรถด้วยความระมัดระวัง
ง. เพิ่มความเร็วของรถและผ่านทางเดินรถนั้นไปโดยเร็ว

15) การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกที่มีสัญญาณจราจรไฟกระพริบสีเหลือง.ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ลดความเร็วของรถลง และผ่านทางเดินรถนั้นไปด้วยความระมัดระวัง
ข. หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด เมื่อเห็นว่าปลอดภัย และไม่เป็นการกีดขวางการจราจรจึงขับรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง
ค. จอดรถ
ง. เพิ่มความเร็วของรถ และผ่านทางเดินรถนั้นไปโดยเร็ว

16) ผู้ขับขี่ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้าย ยกเว้นกรณีใดสามารถเดินรถทางขวาหรือ ล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถได้
ก. ไม่มีรถสวนทางมา
ข. ทางเดินรถกว้างมาก
ค. ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวาง
ง. ทางเดินรถมีน้ำท่วมขัง

17) การให้สัญญาณด้วยแขน โดยผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกตัวรถเสมอระดับไหล่และโบกมือขึ้นลงหลาย ครั้ง.หมายถึงผู้ขับขี่นั้นต้องการอะไร

ก. หยุดรถ
ข. เลี้ยวขวา
ค. จะลดความเร็วของรถ
ง. จอดรถ

18) ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ห่างจากรถคันหน้าเท่าไร
ก. ในระยะที่จะสามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัยเมื่อมีความจำเป็น
ข. ไม่น้อยกว่า 2 เมตร
ค. ไม่น้อยกว่า 1 เมตร
ง. ไม่น้อยกว่า 3 เมตร

19) ผู้ขับขี่ต้องการจะเลี้ยวซ้ายต้องขับรถในช่องเดินรถด้านซ้ายก่อนถึงทางเลี้ยวกี่เมตร
ก. ไม่น้อยกว่า 15 เมตร
ข. ไม่น้อยกว่า 20 เมตร
ค. ไม่น้อยกว่า 25 เมตร
ง. ไม่น้อยกว่า 30 เมตร

20) ผู้ขับขี่ต้องเปิดไฟหน้าหรือไฟท้ายรถ ให้รถคันอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าเท่าใด
ก. 150 เมตร
ข. 100 เมตร
ค. 60 เมตร
ง. 120 เมตร

21) ในการขับรถสวนทางกัน ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. แซงเข้าไปในช่องเดินรถประจำทางได้
ข. ให้ขับรถชิดด้านซ้าย
ค. ในทางที่มีสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้าไม่ต้องหยุดรอให้รถที่สวนมาผ่านไปได้
ง. ในทางแคบที่ไม่อาจสวนกันได้ ผู้ขับรถคันที่เล็กกว่า ต้องหยุดชิดด้านซ้ายให้รถคันที่ใหญ่กว่าไปก่อน

22) ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถคันอื่นขณะที่มีหมอก.ฝุ่น ฝน หรือควัน จนไม่อาจเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะ เท่าใด
ก. 60 เมตร
ข. 90 เมตร
ค. 70 เมตร
ง. 80 เมตร

23) บริเวณใดห้ามขับรถแซงรถคันอื่น
ก. ทางโค้งรัศมีแคบ
ข. ในกรณีที่ทางเดินรถด้านซ้ายมีสิ่งกีดขวาง
ค. 150 เมตร จากทางร่วมทางแยก
ง. แซงด้านซ้ายในขณะที่มีรถรอเลี้ยวขวา

24) บริเวณใดสามารถกลับรถได้
ก. ทางเดินรถที่มีเครื่องหมายห้ามกลับรถ
ข. บริเวณบนสะพาน
ค. ระยะ 150 เมตร จากทางราบของเชิงสะพาน
ง. เขตปลอดภัย

25) เมื่อผู้ขับขี่พบเครื่องหมาย “เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด” ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร?
ก. ลดความเร็วของรถลงและเลี้ยวซ้ายผ่านไปได้ทันที
ข. หยุดรอจนกว่าจะได้รับสัญญาณไฟเขียวจึงเลี้ยวซ้ายไปได้
ค. หยุดรอให้คนข้ามถนนและรถที่มาจากทางด้านขวามือขับผ่านไปก่อนแล้วจึงเลี้ยวซ้ายผ่านไป
ง. เลี้ยวซ้ายผ่านไปได้ทันที

26) ผู้ใดไม่มีหน้าที่ให้สัญญาณจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก.พ.ศ.2522
ก. ผู้ขับขี่รถยนต์
ข. พนักงานจราจร
ค. ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์
ง. คนเดินเท้า

27) ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. ลดความเร็วเมื่อถึงวงเวียน
ข. ลดความเร็วเมื่อถึงที่คับขัน
ค. จอดรถบริเวณทางร่วมทางแยก
ง. ลดความเร็วเมื่อเห็นคนกำลังข้ามทาง

28) บริเวณใดแซงได้
ก. ทางร่วมทางแยก
ข. สะพานเดินรถทางเดียว
ค. ทางโค้งรัศมีแคบ
ง. บนพื้นทางที่มีเครื่องหมายจราจรให้แซงได้

29) เมื่อจะเปลี่ยนช่องทางหรือแซงรถทุกครั้งต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. รีบเปลี่ยนช่องทางโดยเร็ว
ข. ต้องให้สัญญาณไฟหรือสัญญาณแตร
ค. แซงขึ้นหน้าแล้วเหยียบเบรกทันที
ง. รีบเร่งเครื่องแซงโดยเร็ว

30) บริเวณใดจอดรถได้
ก. ที่มีป้ายห้ามหยุดรถ
ข. ในอุโมงค์
ค. ทางร่วมทางแยก
ง. ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้า

31) การขับรถตามข้อใดปฏิบัติได้ถูกต้อง
ก. ขับรถลักษณะผิดปกติวิสัย
ข. แซงรถในอุโมงค์
ค. ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร
ง. ขับรถเร็วไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด

32) เมื่อถึงทางรถไฟและมีรถไฟกำลังแล่นผ่าน ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. หยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5 เมตร
ข. ขับรถผ่านไปโดยเร็ว
ค. ให้เสียงสัญญาณแตรเตือนและขับผ่านไปได้
ง. หยุดรอสัญญาณไฟและเปิดไฟฉุกเฉิน

33) บริเวณใดใช้สัญญาณเสียงแตรได้
ก. โรงเรียน
ข. สถานที่ราชการ
ค. สวนสาธารณะ
ง. โรงพยาบาล

34) เมื่อเกิดอุบัติเหตุผู้ขับขี่หลบหนีจะมีผลอย่างไร
ก. ไม่มีผล เพราะไม่ใช่ฝ่ายผิด
ข. ให้สันนิษฐานว่าผู้นั้นเป็นผู้กระทำผิด
ค. มีผลให้เป็นฝ่ายถูก
ง. จะได้รับการกันไว้เป็นพยาน

35) สัญญาณเสียงแตรใช้ได้เมื่อใด
ก. ใช้ได้เมื่อรถคันหน้าขับช้า
ข. ใช้ได้ตามสะดวก
ค. ใช้ตลอดเวลา
ง. ใช้ได้เมื่อจำเป็นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

36) ขณะขับขี่รถต้องเว้นระยะห่างรถคันหน้าเท่าใด
ก. ในระยะที่ปลอดภัย
ข. 13 เมตร
ค. 50 เมตร
ง. 3 ช่วงตัวรถ

37) ก่อนเลี้ยวรถต้องเข้าช่องทางที่จะเลี้ยวและเปิดไฟเลี้ยวก่อนเลี้ยวรถไม่น้อยกว่ากี่เมตร
ก. 3 เมตร
ข. 30 เมตร
ค. 10 เมตร
ง. 15 เมตร

38) ผู้ขับรถที่ดื่มสุราเมื่อวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจจะต้องไม่เกินเท่าใด
ก. ไม่เกิน 60 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ข. ไม่เกิน 70 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ค. ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ง. ไม่เกิน 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

39) ขณะขับรถตรวจพบแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมีโทษอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 1,000 ถึง 50,000 บาท
ข. จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ง. ปรับไม่เกิน 10,000 บาท

40) ในเขตกรุงเทพ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ต้องขับรถด้วยความเร็วเท่าไร
ก. ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ข. ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ค. ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ง. ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

41) นอกเขตกรุงเทพ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ต้องขับรถด้วยความเร็วเท่าไร
ก. ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ข. ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ค. ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ง. ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

42) ในการให้สัญญาณไฟเลี้ยว จะต้องให้ผู้ขับรถคันอื่นเห็นได้ในระยะเท่าไร
ก. ไม่น้อยกว่า 10 เมตร
ข. ไม่น้อยกว่า 15 เมตร
ค. ไม่น้อยกว่า 60 เมตร
ง. ไม่น้อยกว่า 30 เมตร

43) ผู้ขับขี่ซึ่งจะเลี้ยวรถจะต้องให้สัญญาณมืออย่างไร
ก. ให้สัญญาณมือด้วยมือซ้ายเท่านั้น
ข. ให้สัญญาณมือได้ทั้งมือซ้ายและมือขวา
ค. ไม่ต้องให้สัญญาณมือใด ๆ ทั้งสิ้น
ง. ให้สัญญาณมือด้วยมือขวาเท่านั้น

44) บริเวณทางร่วมทางแยก และมีเครื่องหมายห้ามกลับรถแต่เจ้าพนักงานจราจรอนุญาตให้กลับรถได้ผู้ขับขี่ ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. กลับรถได้
ข. กลับรถได้ถ้าไม่มีเครื่องหมายห้ามกลับรถ
ค. กลับรถไม่ได้
ง. กลับรถได้ถ้าไม่ใช่ทางร่วมทางแยก

45) ผู้ขับขี่ต้องการกลับรถต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ขับรถช่องทางไหนก็ได้
ข. ดูป้ายจราจรที่อนุญาตให้กลับรถและเข้าช่องทางให้ถูกต้อง
ค. เข้าช่องทางที่มีลุกศรบนพื้นถนนให้ตรงไป
ง. กลับรถที่บริเวณเส้นทะแยงเหลือง

46) ข้อใดปฏิบัติถูกต้อง
ก. รถจักรยานยนต์ต้องขับในช่องเดินรถด้านซ้ายสุด
ข. รถบรรทุกคนโดยสารต้องขับในช่องเดินรถด้านขวาสุด
ค. รถบรรทุกสิ่งของต้องขับในช่องเดินรถด้านขวาสุด
ง. การเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางด้านขวาหรือซ้ายไม่ต้องดูกระจกด้านซ้ายหรือขวา

47) ในช่องทางเดินรถตั้งแต่สองช่องทางขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ต้องขับรถชิดด้านขวาสุด
ข. ต้องขับรถชิดด้านซ้ายสุด
ค. ต้องขับรถคล่อมเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ
ง. ต้องขับรถอยู่ในช่องทางที่ให้ขับตรงไป

48) ผู้ใดได้รับยกเว้นไม่ต้องสวมหมวกนิรภัยขณะโดยสารรถจักรยานยนต์
ก. ภิกษุ สามเณร
ข. คนโดยสาร
ค. เด็ก
ง. คนขับรถ

49) ข้อใดเปิดไฟฉุกเฉินได้ถูกต้อง
ก. รถเสียหรือรถเกิดอุบัติเหตุ
ข. เปิดได้ตลอดเวลา
ค. มีหมอก
ง. ผ่านทางแยก

50) ในการบรรทุกสิ่งของ.ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. บรรทุกได้กว้างกว่าความกว้างของตัวรถข้างละ 1 เมตร
ข. บรรทุกยื่นพ้นตัวรถด้านหลังไม่เกิน 2.50 เมตร
ค. บรรทุกสูงโดยวัดจากสิ่งของที่บรรทุกได้เกิน 5 เมตร
ง. บรรทุกยื่นพ้นตัวรถด้านหน้าไม่เกิน 2.50 เมตร

51) การลากจูงรถที่ไม่สามารถใช้พวงมาลัยหรือเบรกได้ควรทำอย่างไร
ก. ใช้คนดันไป
ข. ใช้รถดันไป
ค. ใช้สายพ่วงลากจูงไป
ง. ใช้วิธีการยกหน้าหรือยกท้ายลากไป

52) รถที่มีความเร็วช้า ผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. ขับรถได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
ข. ขับรถชิดขอบด้านขวา
ค. ขับรถที่บริเวณไหล่ทาง
ง. ขับรถชิดขอบด้านซ้าย

สำหรับใครที่ทำใบขับขี่ใหม่ ทำใบขับขี่ออนไลน์ หรือต่ออายุใบขับขี่ สอบใบขับขี่ผ่าน แต่ว่ามีรถคันเดิมอยู่แล้ว กำลังตัดสินใจจะซื้อรถคันใหม่ แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

ขอบคุณข้อมูลจาก: Driving license Quiz

อ่านต่อในหมวดอื่นๆ

จัดของในรถ

ไม่อยากให้รถสุดรักของคุณรก!
ควรเก็บและจัดระเบียบด้วยวิธีตามนี้

คนที่ขับรถหลายคนคงลืมดูแลรถของตัวเองไป ขึ้นรถปุ๊บก็โยนๆ และขับออกไปเลย พอว่างๆ หันมามองหลังรถเราถึงกับผง่ะ นี่รถหรือห้องเก็บของ ในหัวข้อนี้ Carro ได้ผู้ช่วยจาก rabbit finance จะมาช่วยบอกวิธีจัดของสำหรับคนรักรถกันค่ะ

จัดของในรถ

Credit: Orca

1. ตะกร้าเอกสาร

สำหรับคนที่ต้องพกเอกสารภายในรถ ตระกร้าเอกสารเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากค่ะ และยิ่งไม่ใช่ตะกร้าเดียวต้องแบ่งเป็นชั้นๆ เพื่อแยกประเภทเอกสารด้วยจะทำให้หาเอกสารได้สะดวกมากขึ้นค่ะ

 

2. การแบ่งของใส่กล่อง

สำหรับคนที่มีของในรถเยอะๆ เราขอแนะนำให้คุณหากล่องมาใส่สัมภาระค่ะ คุณอาจไปตามร้าน Daiso แล้วใบซื้อกล่องเล็กๆ หลายใบ และกล่องใหญ่ 1 ใบ เพื่อใส่สัมภาระ โดยแรกเริ่มคุณก็ใส่ของชิ้นเล็กลงในกล่องใบเล็กก่อน จากนั้นก็เอากล่องเล็กๆ หลายใบมาใส่ในกล่องใหญ่อีกทีหนึ่งค่ะ

 

3. ที่ใส่ขยะ

สำหรับคนที่ชอบกินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มบนรถ เป็นเรื่องจำเป็นมากที่คุณต้องมีถังขยะเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเมื่อคุณมีอะไรก็โยนไว้หลังรถละก็ รถของคุณก็ไม่ต่างอะไรจากรถขยะนั่นแหละค่ะ

 

จัดของในรถ

4. เสบียงในรถ

ถ้าใครที่ขับรถในกรุงเทพ รถติดไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นกิจวัตร เรื่องความหิว ถึงเวลาคุณก็ต้องหิว แต่รถยังติดอยู่ เราจึงควรมีอาหารติดรถไว้ด้วย อาจเป็นแซนวิช หรือเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้หายหิวได้  แต่ไม่ควรเป็นของที่มีกลิ่นแรง หรือของที่ถ้าหกเลอะเทอะจะทำความสะอาดยากค่ะ หรือถ้านำของมีกลิ่นขึ้นรถ สามารถอ่านวิธีการกำจักกลิ่นแบบธรรมชาติได้ที่นี้ คลิก

 

5. อุปกรณ์ทำความสะอาด

นอกจากจมีที่เก็บของ มีที่เก็บเอกสาร มีที่ทิ้งขยะแล้ว เราต้องมีอุปกรณ์ทำความสะอาด สำหรับเก็บกวาดสิ่งสิ่งปรกในรถด้วยค่ะ อาจจะเป็นเครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็ก หรือผ้าเปียกฆ่าเชื้อโรคสำหรับเช็ดอาหารที่หก และน้ำยาทำความสะอาดเบาะหนังถ้ามีก็ดีค่ะ

 

6. เก็บของให้ดีๆ

ซึ่งถ้าคุณทำตามนี้ เชื่อเลยว่ารถของคุณจะสะอาดแน่นอน วิธีเหล่านี้ไม่ใช่วิธีที่ยาก แต่คุณต้องเริ่มทำทันที และคุณต้องเก็บของในกล่อง ใส่เอกสารในตะแกรงภายในรถให้เป็นนิสัย ถึงแม้คุณจะซื้อกล่องซื้อตะแกรงมาแล้ว แต่ถ้าคุณยังมีอะไรโยนไปหลังรถอยู่ คุณก็จะได้ผลลัพธ์แบบเดิมค่ะ

 

สุดท้าย ถ้าใครที่สนใจอยากซื้อประกันภัยรถยนต์ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดที่ rabbit finance ได้ค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก tqm.co.th

ติวเข้ม 78 ข้อสอบ ทำใบขับขี่ พร้อมเฉลย

สำหรับใครที่กำลังไปสอบทำใบขับขี่ ทำใบขับขี่ออนไลน์ ทำใบขับขี่ใหม่ หรือต้องการต่ออายุใบขับขี่ อยากทดสอบความรู้ด้านกฏจราจร ก่อนไปต่อใบขับขี่ 2564 มาลองทำข้อสอบกันก่อน จะไปผ่านง่ายๆ และไม่ต้องเสียเวลาไปสอบใหม่กันค่ะ

ข้อสอบใบขับขี่ หมวดกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ จำนวนข้อสอบทั้งหมด 78 ข้อ ดังนี้

1) ในขณะขับรถ ผู้ขับขี่ต้องมีเอกสารใดใช้คู่กับใบอนุญาตขับรถ
ก. บัตรประจำตัวประชาชน
ข. สำเนาทะเบียนบ้าน
ค. สำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถ
ง. บัตรประกันสังคม

2) ผู้ขับรถกระทำผิดตามกฎหมายจราจรทางบก และได้รับใบสั่งจากเจ้าพนักงานจราจรต้องไปติดต่อชำระค่าปรับภายในกี่วัน
ก. 10 วัน
ข. 7 วัน
ค. 15 วัน
ง. 30 วัน

3) เมื่อใบอนุญาตขับรถสูญหาย หรือชำรุดต้องยื่นขอรับใบแทนต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 20 วัน
ข. 30 วัน
ค. 15 วัน
ง. 45 วัน

4) ผู้ขับรถไม่มีใบอนุญาตขับรถ มีความผิดอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกิน 1 ปี
ข. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ง. ปรับไม่เกิน 5,000 บาท

5) ใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราวมีอายุกี่ปี
ก. 1 ปี
ข. 2 ปี
ค. 3 ปี
ง. 4 ปี

6) ผู้ขับรถใช้ใบอนุญาตขับรถที่สิ้นอายุมีความผิดอย่างไร
ก. ปรับไม่เกินห้าพันบาท
ข. จำคุกไม่เกินสามเดือน
ค. ปรับไม่เกินสองพันบาท
ง. จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน

7) รถที่ไม่เสียภาษีประจำปีภายในกำหนดจะต้องเสียเงินเพิ่มเท่าใด
ก. ร้อยละ 1 ต่อเดือน
ข. ร้อยละ 1 ต่อปี
ค. ร้อยละ 10 ต่อเดือน
ง. ร้อยละ 20 ต่อปี

8) การโอนรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 45 วัน
ค. 20 วัน
ง. 30 วัน

9) การเปลี่ยนสีรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 7 วัน
ข. 10 วัน
ค. 15 วัน
ง. 20 วัน

10) การต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (5 ปี) สามารถต่อก่อนล่วงหน้าได้เท่าใด
ก. 3 เดือน
ข. 4 เดือน
ค. 6 เดือน
ง. 5 เดือน

11) รถยนต์ที่มีอายุครบกี่ปีต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี
ก. 5 ปี
ข. 6 ปี
ค. 3 ปี
ง. 7 ปี

12) การย้ายรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 30 วัน
ข. 15 วัน
ค. 25 วัน
ง. 20 วัน

13) รถจักรยานยนต์ที่มีอายุครบกี่ปี ต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี
ก. 1 ปี
ข. 3 ปี
ค. 2 ปี
ง. 5 ปี

14) ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 “รถ” หมายความว่า
ก. รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และรถอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง 
ข. รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.
ค. รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.รถบดถนน รถแทรกเตอร์
ง. รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.รถแทรกเตอร์

15) ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 “รถยนต์” หมายความว่า
ก. รถสาธารณะ รถยนต์บริการ และรถยนต์ส่วนบุคคล รถแท็กซี่
ข. รถสาธารณะ รถยนต์บริการ และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ค. รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถยนต์บริการ และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ง. รถสาธารณะ รถยนต์บริการ และรถยนต์ส่วนบุคคล

16) ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 “รถจักรยานยนต์” หมายความว่า
ก. รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์หรือกำลังไฟฟ้าและมีล้อไม่เกินสองล้อ ถ้ามีถ่วงข้างมีล้ออีกไม่เกินหนึ่งล้อ 
ข. รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์หรือกำลังไฟฟ้าและมีล้อไม่เกินสองล้อ
ค. รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์มีล้อไม่เกินสองล้อ
ง. รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์หรือกำลังไฟฟ้าและมีล้อเกินสองล้อ

17) ข้อใดไม่ใช่ “รถยนต์รับจ้างสาธารณะ”
ก. รถแท็กซี่
ข. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ค. รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ
ง. รถสามล้อรับจ้างสาธารณะ

18) ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 “รถยนต์บริการ” หมายความว่า
ก. รถยนต์ให้เช่าซึ่งบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
ข. รถยนต์บรรทุกคนโดยสารซึ่งบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
ค. รถยนต์บรรทุกคนโดยสารหรือให้เช่าซึ่งบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
ง. รถยนต์บรรทุกคนโดยสารหรือให้เช่าซึ่งบรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน

19) ข้อใดคือ “รถยนต์ส่วนบุคคล”
ก. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ข. รถแท็กซี่
ค. รถสามล้อรับจ้างสาธารณะ
ง. รถยนต์ป้ายแดง

20) รถที่นำมาใช้บนถนนต้องมีลักษณะอย่างไร
ก. รถที่โคมไฟหน้าไม่ติด
ข. รถที่มีเสียงดัง 90 เดซิเบล A
ค. รถที่มีควันดำ 55 เปอร์เซ็นต์
ง. รถที่จดทะเบียนและชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว

21) รถที่สามารถนำมาจดทะเบียนต้องมีลักษณะอย่างใด
ก. รถต้องมีอุปกรณ์ส่วนควบถูกต้อง และผ่านการตรวจสภาพรถ
ข. รถต้องมีอุปกรณ์ส่วนควบถูกต้อง
ค. รถที่ซื้อจากศูนย์จำหน่ายรถทั่วไป
ง. รถที่ผ่านการตรวจสภาพรถจาก.สภานตรวจภาพรถเอกชน

22) รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน
ก. รถของสำนักพระราชวังที่จดทะเบียน และมีเครื่องหมายตามระเบียบที่เลขาธิการพระราชวังกำหนด
ข. รถสำหรับเฉพาะพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ค. รถของกรมตำรวจที่จดทะเบียน และมีเครื่องหมายตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
ง. ทุกข้อถูกต้อง

23) รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน
ก. รถที่ผู้ผลิตหรือประกอบเพื่อจำหน่ายหรือที่ผู้นำเข้าเพื่อจำหน่าย ผลิต ประกอบหรือนำเจ้า และยังมิได้จำหน่ายให้แก่ผู้อื่น
ข. รถที่เจ้าของรถแจ้งการไม่ใช้รถ
ค. รถจักรยานยนต์นำมาใช้ในหมู่บ้าน
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูกต้อง

24) รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ
ก. รถพยาบาลที่มิใช่เป็นรถสำหรับรับจ้าง
ข. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ค. รถดับเพลิง
ง. ข้อ ก. และ ค. ถูกต้อง

25) รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ
ก. รถตู้ส่วนบุคคล
ข. รถของมูลนิธิ
ค. รถของวัด
ง. รถของกระทรวง.ทบวง.กรม เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด สุขาภิบาล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และราชการส่วนท้องถิ่นที่เรียกชื่ออย่างอื่น ทั้งนี้ เฉพาะรถที่มิได้ใช้ในทางการค้าหรือกำไร

26) รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ
ก. รถบดถนนของเอกชน
ข. รถบดของรัฐวิสาหกิจ
ค. รถแทรกเตอร์ของเอกชน
ง. รถแทรเตอร์ส่วนบุคคล

27) รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ
ก. รถของสภากาชาดไทย
ข. รถแทรกเตอร์ของรัฐวิสาหกิจ
ก. รถของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต
ง. ถูกทุกข้อ

28) รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ
ก. รถดับเพลิงของ.อบต.
ข. รถตู้ส่วนบุคคล
ค. รถตู้รับจ้าง
ง. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

29) ประสงค์จดทะเบียนรถต้องยื่นคำขอที่ใด
ก. ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนที่สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่ง
ข. ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่ตนมีภูมิลำเนา
ค. ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบก
ง. ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนตามสถานที่ตั้งที่จำหน่ายรถนั้น ๆ

30) รถที่จดทะเบียนแล้ว หากประสงค์จะเปลี่ยนสีรถต้องดำเนินการอย่างไร
ก. ดำเนินการเปลี่ยนสีได้ทันที
ข. แจ้งนายทะเบียนภายใน 15 วัน
ค. แจ้งนายทะเบียนภายใน 30 วัน
ง. แจ้งนายทะเบียนภายใน 7 วัน

31) หากประสงค์เปลี่ยนแปลงตัวถังรถต้องดำเนินการอย่างไร
ก. เปลี่ยนแปลงแล้ว จึงจะมาดำเนินการที่สำนักงานขนส่ง
ข. ขออนุญาตนายทะเบียน ตามภูมิลำเนาที่จดทะเบียนรถ
ค. ต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงภายใน 15 วัน
ง. ไม่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงเพราะไม่ใช่สาระสำคัญของตัวรถ

32) ผู้ตรวจการตาม พ.ร.บ. รถยนต์ คือใคร
ก. เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก.ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแต่งตั้ง
ข. เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก
ค. เจ้าหน้าที่ บริษัทขนส่ง.จำกัด
ง. เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ

33) หากประสงค์จะย้ายรถ เจ้าของรถต้องแจ้งย้ายรถต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 30 วัน
ข. 7 วัน
ค. 15 วัน
ง. 60 วัน

34) กรณีเจ้าของรถมีภารกิจไม่สามารถมาดำเนินแจ้งย้ายรถต่อนายทะเบียนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ข้อใดถูกต้อง
ก. มีความผิด ต้องชำระค่าปรับแจ้งย้ายเกินกำหนด
ข. ไม่เสียค่าปรับ เนื่องจากจำเป็น
ค. รถไม่สามารถแจ้งย้ายได้
ง. ผิดทุกข้อ

35) หากประสงค์จะโอนรถเจ้าของรถต้องแจ้งโอนรถต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 60 วัน
ข. 25 วัน
ค. 30 วัน
ง. 15 วัน

36) กรณีเจ้าของรถมีภารกิจไม่สามารถมาดำเนินแจ้งโอนรถต่อนายทะเบียนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ข้อใดถูกต้อง
ก. ไม่เสียค่าปรับ เนื่องจากจำเป็น
ข. มีความผิด ต้องชำระค่าปรับโอนเกินกำหนด
ค. รถไม่สามารถแจ้งย้ายได้
ง. ผิดทุกข้อ

37) ข้อใดผิด
ก. รถยนต์ส่วนบุคคล นำมาใช้รับจ้างได้
ข. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ห้ามนำมาใช้ในการรับจ้างบรรทุกผู้โดยสาร
ค. รถจักรยานยนต์สาธารณะ ใช้เพื่อการรับจ้างบรรทุกผู้โดยสาร
ง. รถจักรยานยนต์สาธารณะ ใช้ในกิจการส่วนตัวได้

38) นาย ก.นำรถจักรยานยนต์สาธารณะของตนเองรับส่งภรรยาไปตลาดได้หรือไม่อย่างไร
ก. ได้ เพราะภรรยานาย ก.เป็นคนในครอบครัว
ข. ได้ เพราะรถจักรยานยนต์สาธารณะสามารถนำมาใช้กิจการส่วนตัวของเจ้าของรถได้
ค. ไม่ได้ เพราะรถจักรยานยนต์สาธารณะต้องนำมารับจ้างเท่านั้น
ง. ไม่ได้ เพราะ รถจักรยานยนต์สาธารณะห้ามใช้ในกิจการส่วนบุคคลของเจ้าของรถ

39) รถประเภทใดต่อไปนี้ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้
ก. รถจักรยานยนต์สาธารณะ
ข. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ค. รถยนต์ส่วนบุคคล
ง. รถตู้ส่วนบุคคล

40) รถยนต์ ไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม (ป้ายแดง) ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ขับได้ในช่วงเวลาใด
ก. ขับได้ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง.16.00 น.
ข. ขับได้ตลอดเวลา
ค. ห้ามขับเพราะยังไม่ได้เสียภาษี
ง. ขับได้ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก

41) รถที่ไม่ได้เสียภาษีภายในเวลาที่กำหนดต้องชำระเงินเพิ่มร้อยละเท่าใด
ก. ร้อยละ 1 บาทต่อเดือน
ข. ร้อยละ 1 บาทต่อปี
ค. ร้อยละ 10 บาทต่อเดือน
ง. ร้อยละ 10 บาทต่อปี

42) รถที่ค้างชำระภาษีประจำปีติดต่อกันครบสามปี จะมีผลตามกฎหมายอย่างใด
ก. ทะเบียนระงับ
ข. สามารถนำรถไปตรวจสภาพและต่อภาษีประจำปีได้
ค. สามารถกระทำได้ตามข้อ 1 และ 2
ง. สามารถนำรถไปแจ้งไม่ใช้ตลอดไปและจดทะเบียนใหม่ได้

43) ข้อใดถูกต้อง
ก. รถยนต์อายุการใช้งานครบ 5 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ข. รถยนต์อายุการใช้งานครบ 7 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ค. รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานครบ 7 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ง. รถยนต์อายุการใช้งานครบ 10 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน

44) ข้อใดถูกต้อง
ก. รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานครบ 5 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ข. รถยนต์อายุการใช้งานครบ 5 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ค. รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานครบ 7 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ง. รถยนต์อายุการใช้งานครบ 10 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน

45) ข้อใดถูกต้องในขณะขับรถ
ก. ผู้ขับรถต้องมีสำเนาใบอนุญาตขับรถ และใบคู่มือจดทะเบียนรถ
ข. ผู้ขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถ และใบคู่มือจดทะเบียนรถ
ค. ผู้ขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถ และสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถ
ง. ผู้ขับรถต้องมีสำเนาใบอนุญาตขับรถ และสำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถ

46) ข้อใดถูกต้อง
ก. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ข. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลได้
ค. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลได้
ง. ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้

47) ข้อใดถูกต้อง
ก. ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ข. ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ค. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ง. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลได้

48) ข้อใดถูกต้อง
ก. ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ข. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลได้
ค. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ง. ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลได้

49) ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชั่วคราวมีอายุกี่ปี
ก. 1 ปี
ข. 2 ปี
ค. 3 ปี
ง. 5 ปี

50) หากประสงค์จะเปลี่ยนประเภทใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราวเป็นประเภทส่วนบุคคลชนิด 5 ปี ข้อใดถูกต้อง
ก. สามารถเปลี่ยนได้ล่วงหน้า 30 วัน
ข. สามารถเปลี่ยนได้ล่วงหน้า 60 วัน
ค. สามารถเปลี่ยนได้ล่วงหน้า 1 เดือน
ง. สามารถเปลี่ยนได้ล่วงหน้า 3 เดือน

51) ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชนิด 5 ปีต่ออายุล่วงหน้ากี่เดือน
ก. 1 เดือน
ข. 3 เดือน
ค. 4 เดือน
ง. 6 เดือน

52) นาย ก.เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว จะต้องไปดำเนินการที่ใด
ก. สำนักงานขนส่งจังหวัด และสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขา ทุกแห่ง
ข. สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ยกเว้น กรุงเทพมมหานคร
ค. สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ยกเว้น สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา สาขาอำเภอเบตง
ง. ผิดทุกข้อ

53) ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วราวต้องมีอายุกี่ปี
ก. ไม่ต่ำกว่า 15 ปี บริบูรณ์
ข. ไม่ต่ำกว่า 16 ปี บริบูรณ์
ค. ไม่ต่ำกว่า 17 ปี บริบูรณ์
ง. ไม่ต่ำกว่า 18 ปี บริบูรณ์

54) นายชาย พิการไม่มีนิ้วมือข้างซ้าย ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราวได้หรือไม่
ก. ไม่ได้ เพราะ นายชายเป็นผู้มีร่างกายพิการ
ข. ไม่ได้ เพราะ ขัดต่อระเบียบกรมการขนส่งทางบก
ค. ได้ เพราะ หากนายชายมีบัตรผู้พิการ
ง. ได้ เพราะ ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้

55) บุคคลในข้อต่อไปนี้บุคคลใดสามารถขอรับใบอนุญาตขับรถได้
ก. นายชาย ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
ข. นางหญิงเป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
ค. นายดำ เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกยึดใบอนุญาต
ง. นางแดง เป็นวัณโรค

56) นายแดง.ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ข้อใดถูกต้อง
ก. นายแดงไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
ข. นายแดง ต้องได้รับใบอนุญาตขับรถมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
ค. นายแดง ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
ง. ถูกทุกข้อ

57) ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
ก. ต้องรู้จักถนนและทางหลวงในจังหวัดที่ขอรับใบอนุญาตขับรถพอสมควร
ข. อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์
ค. มีประสบการณ์ในการขับรถมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี
ง. ต้องมีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์และใบอนุญาตขับรถยนต์

58) ข้อใดถูกต้อง
ก. มีสัญชาติไทย
ข. ต้องรู้จักถนนและทางหลวงในจังหวัดที่ขอรับใบอนุญาตขับรถพอสมควร
ค. ไม่เป็นผู้ติดสุรายาเมาหรือยาเสพติดให้โทษ
ง. ถูกทุกข้อ

59) หากปรากฏภายหลังว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตขับรถ ท่านจะปฏิบัติอย่างไร
ก. แจ้งให้นายทะเบียนเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตและนำใบอนุญาตขับรถที่ถูกเพิกถอนส่งคืนกรมการขนส่งทางบก
ข. แจ้งให้นายทะเบียนเพื่อเพิกถอนใบอนุญาต
ค. ใช้ใบอนุญาตขับรถนั้นต่อไป
ง. นำใบอนุญาตขับรถที่ถูกเพิกถอนส่งคืน

60) กรณีถูกพักใช้ใบอนุญาตขับรถมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายในกี่วัน
ก. 30 วัน
ข. 15 วัน
ค. 45 วัน
ง. 60 วัน

61) กรณีถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายในกี่วัน
ก. 45 วัน
ข. 30 วัน
ค. 15 วัน
ง. 60 วัน

62) กรณีถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายในกี่วัน
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 60 วัน
ง. 90 วัน

63) ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับรถต้องส่งคืนใบอนุญาตขับรถให้แก่นายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 30 วัน
ข. 15 วัน
ค. 60 วัน
ง. 90 วัน

64) ใบอนุญาตขับรถสูญหายต้องแจ้งนายทะเบียนภายในกี่วันนับแต่วันทราบเหตุนั้น
ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 60 วัน
ง. 90 วัน

65) ใบอนุญาตขับรถชำรุดในสาระสำคัญต้องแจ้งนายทะเบียนภายในกี่วันนับแต่วันทราบเหตุนั้น
ก. 30 วัน
ข. 15 วัน
ค. 60 วัน
ง. 90 วัน

66) เมื่อกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และได้รับคำสั่งผู้ตรวจการรถยนต์ให้ไปรายงานตัวผู้ขับรถจะต้องไปรายงานตัว ต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน
ก. 7 วัน
ข. 3 วัน
ค. 10 วัน
ง. 15 วัน

67) กรณีใดผู้ขับรถยนต์สาธารณะสามารถปฎิเสธไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้
ก. ผู้โดยสารเป็นบุคคลวิกลจริต
ข. ผู้โดยสารเมาสุรา
ค. ผู้โดยสารนำทุเรียนส่งกลิ่นขึ้นมาบนรถ
ง. ถูกทุกข้อ

68) ผู้ขับรถยนต์สาธารณะต้องปฏิบัติอย่างไร
ก. พาผู้โดยสารไปยังสถานที่ที่ว่าจ้างตามเส้นทางที่ตกลงกันไว้
ข. ไม่สูบบุหรี่

ก. พาผู้โดยสารไปยังสถานที่ที่ว่าจ้างตามเส้นทางที่สั้นที่สุด
ง. ถูกทุกข้อ

67) ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ก. เปิดวิทยุเสียงดังเพื่อให้ผู้โดยสารฟังแก้เครียด
ข. พูดคุยเสียงดังรบกวนผู้อื่น
ค. ไม่ทำตนน่ารำคาญ
ง. สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด

68) ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ก. สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด
ข. พูดคุยเสียงดัง
ค. ใส่เสื้อยืดขับรถ
ง. ไม่กล่าววาจาไม่สุภาพ เสียดสี

69) ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ก. ไม่ก้าวร้าว ดูหมิ่นผู้โดยสาร
ข. พูดคุยเสียงดัง
ค. ใส่เสื้อยืดขับรถ
ง. สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด

70) ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ก. สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด
ข. ตักเตือนผู้โดยสารเมื่อแต่งกายไม่สุภาพ
ค. ใส่เครื่องแบบพนักงานขับรถในเส้นทางที่เจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจประจำ
ง. ไม่ดื่มสุราของมึนเมา

71) ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ก. เปิดวิทยุเสียงดังเพื่อให้ผู้โดยสารฟังแก้เครียด
ข. ไม่เสพยาเสพติดให้โทษ
ค. จอดรถตามความต้องการข้องผู้ดดยสาร
ง. สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด

72) ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ก. ไม่เสพวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท
ข. ขับด้วยความเร็วเมื่อผู้โดยสารเร่งรีบ
ค. ตามใจผู้โดยสารเพื่อให้ถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด
ง. สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด

73) ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
ก. ชวนผู้โดยสารคุยเพื่อความเป็นกันเอง
ข. เมื่อง่วงก็ขออนุญาตผู้โดยสารจอดนอน
ค. ไม่ขับรถในขณะหย่อนความสามารถ
ง. แจกหมายเลขโทรศัพท์เพื่อหาลูกค้า

74) ผู้ใดขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถมีโทษอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 
ข. ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
ค. จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

75) ผู้ใดขับรถโดยใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุมีโทษอย่างไร
ก. ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
ข. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

76) นาย ก.ใช้รถยนต์มาแล้วเป็นปีที่ 6 ประสงค์จะเสียภาษีรถประจำปีต้องใช้เอกสารใดในการชำระภาษีรถ
ก. ใบรับรองการผ่านตรวจสภาพเอกชน , พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ, คู่มือจดทะเบียนรถ
ข. ใบรับรองการผ่านตรวจสภาพเอกชน , พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
ค. ใบรับรองการผ่านตรวจสภาพเอกชน, คู่มือจดทะเบียนรถ
ง. ใบรับรองการผ่านตรวจสภาพเอกชน , พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ, สำเนาคู่มือจดทะเบียนรถ

77) เมื่อรถทะเบียนระงับ หากประสงค์จะจดทะเบียนรถใหม่ต้องนำรถไปตรวจสภาพรถที่ใด
ก. สำนักงานขนส่งจังหวัดในภูมิลำเนาที่ประสงค์จดทะเบียนรถ
ข. สถานตรวจสภาพเอกชนในภูมิลำเนาที่ประสงค์จดทะเบียนรถ
ค. สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือสาขาในภูมิลำเนาที่ประสงค์จดทะเบียนรถ
ง. ไม่สามารถจดทะเบียนรถได้เนื่องจากทะเบียนระงับแล้ว

78) ประกันภัยชนิดใดใช้ประกอบการต่ออายุภาษีประจำปี
ก. ประกันภัยชนิด 1
ข. ประกันภัยชนิด 2
ค. ประกันภัยชนิด 3
ง. ประกันภัยชนิด คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

สำหรับใครที่ทำใบขับขี่ใหม่ ทำใบขับขี่ออนไลน์ หรือต่ออายุใบขับขี่ สอบใบขับขี่ผ่าน แต่ว่ามีรถคันเดิมอยู่แล้ว กำลังตัดสินใจจะซื้อรถคันใหม่ แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

ขอบคุณข้อมูลจาก: Driving license Quiz

อ่านต่อในหมวดอื่นๆ

เอกสาร-ใบขับขี่

การจัดเตรียมเอกสารต่อใบขับขี่

สำหรับคนที่เคยต่อใบขับขี่มาหลายครั้งอาจจะยังพอจำได้ว่าเอกสารที่ต้องเตรียมมีอะไรบ้าง แต่ 5 ปีต่อหนึ่งครั้งก็อาจจะมีหลงมีลืมกันไปบ้าง วันนี้ CARRO จึงขอเสนอวิธีการต่อใบขับขี่ทีละขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

ต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ 60-90 วัน

สำหรับผู้ที่ใบขับขี่ใกล้หมดอายุสามารถขอต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ โดยผู้ที่ถือใบอนุญาตขับรถชั่วคราว 1 ปี สามารถขอต่ออายุล่วงหน้าก่อนใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 60 วัน และจะได้รับเป็นใบอนุญาตขับรถชั่วคราว 5 ปี

ส่วนผู้ที่มีใบอนุญาตขับรถชนิด 5 ปี สามารถต่ออายุล่วงหน้าก่อนหมดอายุได้ไม่เกิน 90 วัน และจะได้รับเป็นใบอนุญาตขับขี่ชนิด 5 ปี เช่นเดิมค่ะ

เอกสาร ต่อ ใบขับขี่

การขอรับใบขับขี่รถส่วนบุคคลชนิด 5 ปี จากเดิมแบบชั่วคราว 2 ปี

หลักฐานที่ต้องเตรียม

1.ใบขับขี่ส่วนบุคคลเดิมแบบชั่วคราว 1 ปี
2.บัตรประชาชนตัวจริง และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ฉบับ (เซ็นสำเนาถูกต้อง พร้อมระบุเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ)

  • กรณีชาวต่างชาติ ให้ยื่นใบสำคัญบัตรประจำตัวคนต่างด้าว หรือหนังสือเดินทาง (Passport) พร้อมสำเนา และใบสำคัญถิ่นที่อยู่หรือใบอนุญาตการทำงาน (Work Permit) ซึ่งยังไม่สิ้นอายุพร้อมสำเนา

3.ใบรับรองแพทย์ (ออกก่อนยื่นคำขอไม่เกิน 1 เดือน) ดูตัวอย่าง ใบรับรองแพทย์ที่ถูกต้อง

สำหรับใครที่อบรมข้างนอกมาแล้วสามารถนำ ใบรับรองการอบรม (กรณีผู้ทำการอบรมนอกกรมขนส่ง) มาประกอบด้วย

ส่วนขั้นตอนดำเนินการอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก > https://th.carro.co/blog/driving-license/

หากใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องเข้ารับการทดสอบข้อเขียน แต่หากหมดอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป จะต้องเข้ารับการอบรม, ทดสอบข้อเขียน และทดสอบขับรถใหม่ทั้งหมด

 

การขอรับใบขับขี่รถส่วนบุคคลชนิด 5 ปี จากเดิมชนิด 5 ปี

หลักฐานที่ต้องเตรียม

1.ใบขับขี่ส่วนบุคคลเดิมชนิด 5 ปี
2.บัตรประชาชนตัวจริง

ส่วนขั้นตอนดำเนินการอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก > https://th.carro.co/blog/driving-license/

หากใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องเข้ารับการทดสอบข้อเขียน แต่หากหมดอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป จะต้องเข้ารับการทดสอบข้อเขียนใหม่, การสอบขับรถใหม่ และเพิ่มใบรับรองแพทย์

 

อัตราค่าธรรมเนียมต่อใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราว 5 ปี

ค่าธรรมเนียม: 500 บาท
ค่าถ่ายรูปและพิมพ์บัตร: 100 บาท
ค่าคำขอ: 5 บาท
รวมทั้งสิ้น: 605 บาท

ระยะเวลาการดำเนินการต่อใบอนุญาตขับขี่จะเสร็จสิ้นภายในวันเดียว ยกเว้นกรณีใบขับขี่เดิมหมดอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป จะต้องเข้ารับการอบรมและทดสอบตามที่กำหนดด้วย

เครดิตข้อมูล: auto.sanook.com,กรมการขนส่งทางบก

10-Favorite-Cars-of-Thai-Prime-Minister

“รถยนต์” ถือเป็นยานพาหนะชิ้นหนึ่งที่สามารถแสดงให้เห็นได้ถึงสถานะ และฐานะ ของผู้ที่ครอบครอง รวมไปถึงการใช้งานในวาระพิเศษต่างๆ อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก ทุกสถานะและอาชีพ

Thaksin-Car-USA

ไม่เว้นแม้กระทั่งอาชีพ “นายกรัฐมนตรี” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเป็นประธานแห่งคณะรัฐมนตรีไทย และทำหน้าที่หัวหน้ารัฐบาลของประเทศไทย ที่ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง หรือจะมาจากวิธีพิเศษพิสดารแบบไหนก็ตาม

Prayut-Car

นายกรัฐมนตรีในอดีตหลายท่าน ต่างก็มีความชื่นชอบรถยนต์เช่นกัน หลายท่านอาจจะมีรถยนต์สะสมไว้หลายสิบคัน หรืออาจจะมีคันใดคันหนึ่ง (ซึ่งอาจจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว หรือรถยนต์ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี) ที่เรียกว่าเป็น “รถคันโปรด” และมักจะใช้ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ …

Carro ขอพาไปชม 10 รถยนต์สุดโปรดของ “นายกรัฐมนตรีไทย” ในแง่มุมของประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ในอดีต จวบจนถึงปัจจุบัน ครับ.

จอมพล ป. พิบูลสงคราม

จอมพล-ป.พิบูลสงคราม

จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ ป. พิบูลสงคราม (แปลก พิบูลสงคราม) หรือ “จอมพลกระดูกเหล็ก” เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 ของไทย ที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุด คือ 15 ปี 24 วัน รวม 8 สมัย มีนโยบายที่สำคัญๆ มากมาย ที่ช่วยพัฒนาประเทศไทย ให้เจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาอารยประเทศ มีการปลุกระดมให้คนไทยรู้สึกรักชาติ

และยังสร้าง “วัฒนธรรมของชาติ” หลายอย่างสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ เช่น การรำวง, ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย และเป็นผู้เปลี่ยนชื่อ “ประเทศสยาม” เป็น “ประเทศไทย” และเป็นผู้เปลี่ยน “เพลงชาติไทย” มาเป็นเพลงที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เป็นต้น

รถยนต์คันโปรดของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม มีมากมายหลายคัน ตั้งแต่รถยนต์ส่วนตัว และรถประจำตำแหน่งอย่าง Buick ปี 1948, Bentley R type Saloon ปี 1952, Mercedes-Benz 300SL Gullwing ปี 1955, Cadillac Fleetwood Series 75 Limousine ปี 1956 หรือรถยนต์ Citroen Traction Avant ที่ใช้ขับลี้ภัยทางการเมือง ไปยังกัมพูชาในปี 2500

แต่ที่ต้องยกให้เป็น “รถคันโปรด” ของท่านนั่นคือ “Ford Thunderbird” (ฟอร์ด ธันเดอร์เบิร์ด) ปี 1960 ที่ท่านจอมพล ได้ซื้อใช้ขณะท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกา ก่อนจะนำกลับไปใช้งานในประเทศญี่ปุ่น ช่วงที่ลี้ภัยทางการเมือง (ปัจจุบัน รถคันนี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ตั้งอยู่ภายในศูนย์การทหารปืนใหญ่ จ.ลพบุรี)

จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

จอมพลสฤษดิ์-ธนะรัชต์

จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ พลตำรวจเอก สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 11 ของไทย และเป็นหัวหน้า “คณะปฏิวัติ” มีฉายา “จอมพลผ้าขาวม้าแดง” เป็นทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, ผู้บัญชาการทหารบก และอธิบดีกรมตำรวจ เจ้าของคำพูดที่ว่า “พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ” และ “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”

เป็นผู้ริเริ่มการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2504–2509) มีการสร้างสาธารณูปโภคสำคัญ เช่น ไฟฟ้า, ประปา, ถนน ทั้งในเมืองและชนบท ซึ่งเรียกว่า “น้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก” เป็นผู้ก่อตั้งสำนักงบประมาณ ก่อตั้งธนาคารทหารไทย และ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด ออกกฎหมายเลิกการเสพและจำหน่ายฝิ่น กฎหมายปราบปรามพวกนักเลง อันธพาล ปราบการค้าประเวณี

รถคันโปรดของ “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์” (ที่ไว้แจกบรรดาอนุภริยา และลูกน้องคนสนิท) ต้องยกให้ Ford Taunus” (ฟอร์ด เทานุส) สั่งนำเข้ามาจากประเทศเยอรมนี 20 คัน ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นรถหายากมากอีกหนึ่งรุ่นไปแล้ว

หรือจะเป็นรถประจำตำแหน่ง อย่าง “Lincoln Continental Convertible” (ลินคอร์น คอนติเนนตัล คอนเวอร์ติเบิล) ปี 1962 และเป็นรถรุ่นเดียวกับที่ John F. Kennedy (JFK) (จอห์น เอฟ. เคนเนดี) ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ใช้เป็นรถส่วนตัว และรถราชการ ที่หายากมากไม่แพ้กัน

จอมพลถนอม กิตติขจร

จอมพลถนอม-กิตติขจร

จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของประเทศไทย ผู้บัญชาการทหารบก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 4 สมัย เป็นระยะเวลาถึง 10 ปี 6 เดือนเศษ

เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาลในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ซึ่งเป็นเหตุการณ์การประท้วงของ นิสิต นักศึกษา และประชาชน โดยทหารได้ใช้อาวุธสงคราม เข้าปราบปรามนักศึกษาประชาชนที่ชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เป็นผลให้ จอมพล ถนอม กิตติขจร ต้องลาออกจากตำแหน่ง และเดินทางออกนอกประเทศ

และจอมพลถนอม ยังเป็น “จอมพลคนสุดท้าย” เพราะมีอายุยืนที่สุด ถึง 92 ปี

สำหรับรถคันโปรดของ จอมพล ถนอม กิตติขจร ก็คงเป็นรถประจำตำแหน่งอย่าง “Lincoln Continental” (ลินคอร์น คอนติเนนตัล) ซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่ง และเป็นรถในยุคที่ความเป็นอเมริกันกำลังเฟื่องฟูในบ้านเราตอนนั้น

พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์

พลเอก-เปรม-ติณสูลานนท์

พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี รัฐบุรุษ และนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 16 ดำรงตำแหน่ง 3 สมัย ระหว่างปี 2523 – 2531

ท่านมักเรียกแทนตัวเองต่อผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าว่า “ป๋า” และเรียกผู้ที่อาวุโสน้อยกว่า อย่างเอ็นดูและเป็นกันเองว่า “ลูก” ที่จนเป็นที่มาของคำว่าป๋า หรือ ป๋าเปรม และคนสนิทของท่านมักถูกเรียกว่า ลูกป๋า และเรียกติดปากกันมาจนถึงปัจจุบัน

ในยุคของป๋าเปรม แม้ว่าจะไม่ได้ปรากฏว่าท่านมีรถยนต์ส่วนตัวหรือไม่ แต่ในปี 2523 สมัยรัฐบาลยุคป๋าเปรม ได้ใช้ “Cadillac Fleetwood Limousine” (คาดิแลค ฟรีตวูด ลิมูซีน) พวงมาลัยขวา เครื่องยนต์ขนาด 7.0 ลิตร จาก USA เป็นรถประจำตำแหน่ง และรับรองผู้นำกับประมุขจากชาติต่างๆ และมีโอกาสใช้งานประจำ เป็นรถที่กระจกและตัวถังกันกระสุน ในราคา (ยุคนั้น) คันละ 13.5 ล้านบาท

ชวน หลีกภัย

ชวน-หลีกภัย

ชวน หลีกภัย หรือ “นายหัวชวน” เป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 20 ของไทย เจ้าของสมญานาม “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” ดำรงตำแหน่งสองสมัย และในสมัยที่ 2 ยังควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งถือเป็นพลเรือนคนที่สอง ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนี้ ปัจจุบันเป็นประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์

สำหรับรถคันโปรดของ “นายหัวชวน” ต้องยกให้รถ “Jeep” (จี๊ป) พวงมาลัยซ้าย คันนี้ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข บนถนนสายการเมืองมายาวนานร่วม 40 กว่าปี ทั้งนี้ รถจี๊ปคันดังกล่าว ซ่อมแซมใหม่หมดทั้งคันโดยอดีตคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลชวน 2 เมื่อครั้งนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 2 แสนบาท

บรรหาร ศิลปอาชา

บรรหาร-ศิลปอาชา

บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 21 เป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรี เดิมมีชื่อว่า เต็กเซียง แซ่เบ๊ หรือที่รู้จักกันในฉายา “มังกรสุพรรณ” หรือ “เติ้งเสี่ยวหาร” อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย อดีตประธานกรรมการมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา อดีตประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา และยังเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรี 11 สมัย

ซึ่งรัฐบาลบรรหาร มีผลงานที่โดดเด่นคือ การริเริ่มให้มีร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540

รถคันโปรดของ บรรหาร ศิลปอาชา คงต้องยกให้ “Peugeot 404” (เปอโยต์ 404) ปี 1960 รถคันแรกที่ซื้อมาในราคา 4 หมื่นบาท เป็นรถที่เขาภูมิใจมาก สมัยยังเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง บริษัท สหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด ตอนนั้นยังไม่ได้ลงเล่นการเมือง

ดร.ทักษิณ ชินวัตร

ทักษิณ-ชินวัตร

นี่ถือเป็นนายกรัฐมนตรีในตำนานอีกหนึ่งท่าน ไม่ว่าจะไปที่ไหน พูดอะไร สื่อต้องเอามาเล่นเป็นข่าวตลอด สำหรับ “เสี่ยแม้ว” “ทักษิณ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 23 ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2544 – 2549 และเป็นพี่ชายของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 28 เคยเป็นนักธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสาร ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อดีตข้าราชการตำรวจ (ชั้นยศสูงสุดที่ พันตำรวจโท) อดีตเจ้าของและประธานสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี

ด้วยนโยบายต่างๆ ที่โดนใจชาวบ้าน เช่น ลดความยากจนในชนบท โดยสามารถลดความยากจนได้ถึงครึ่งหนึ่งภายใน 4 ปี ริเริ่มระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ “30 บาท รักษาทุกโรค” ตลอดจนการกวาดล้างยาเสพติด โครงการ OTOP, หวยบนดิน ที่ทำให้ถูกกฎหมาย ทั้งการสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นต้น

ทำให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเป็น สส. ซึ่งดำรงตำแหน่งจนครบวาระคนแรก และจากผลการเลือกตั้งในปี 2548 ทำให้ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ด้วยคะแนนเสียงสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ขึ้นชื่อว่าเป็นนักธุรกิจหมื่นล้านของ “เสี่ยแม้ว” ย่อมมีรถยนต์ในดวงใจอยู่หลายสิบคันมาก นับตั้งแต่รถ Mercedes-Benz ที่ใช้ตั้งแต่สมัยเรียนที่อเมริกา แล้วก็นำกลับมาเมืองไทย และยังชื่นชอบรถยุโรป โดยเฉพาะ BMW เป็นพิเศษ ซึ่งเคยมีอยู่ 4 คันเลยทีเดียว

โดยรถคันโปรดของทักษิณ (ก่อนถูกปฏิวัติเมื่อปี 2549) คงต้องยกให้รถประจำจำแหน่ง “Mercedes-Benz S600 Pullman (W220)” รุ่นกันกระสุน ในราคา 21 ล้านบาท “BMW Series 7” (บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7) สั่งพิเศษกันกระสุน กันระเบิดและแก๊สน้ำตา ในราคา 57 ล้านบาท (ราคาในปี 2547) และ “BMW 645 Ci” (บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 6 คูเป้) เครื่องยนต์ขนาด 4.5 ลิตร แบบ V8 333 แรงม้า ในราคา 12 ล้านบาท (ราคาในปี 2547)

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

อภิสิทธิ์-เวชชาชีวะ

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ “มาร์ค” เป็นนักการเมืองไทยผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2551 – 2554 และเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบัน

ซึ่ง อภิสิทธิ์ เคยได้ชื่อว่าเป็น ส.ส. กรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2535 ขณะมีอายุได้เพียง 27 ปี ซึ่งนับว่าเป็น ส.ส. ที่มีอายุน้อยที่สุดในขณะนั้น และยังเป็นนายกรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดในรอบกว่า 60 ปี อีกด้วย

สำหรับรถประจำตำแหน่งของ “พี่มาร์ค” ที่ใช้อยู่เป็นประจำ นั่นคือ Range Rover Armoured (เรนจ์ โรเวอร์ อาเมอร์) ที่กันได้ทั้งกระสุนและระเบิด มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 5.0 ลิตร V8 375 แรงม้า จัดซื้อมาในราคาคันละ 6 ล้านบาทเศษ ซึ่งซื้อทีเดียว 20 คันรวด เมื่อเดือนสิงหาคม 2552 รวมราคาอยู่ที่ 122.8 ล้านบาท

หากใครยังจำได้ เหตุการณ์ในกระทรวงมหาดไทย เมื่อเดือนเมษายน 2552 รถ Mercedes-Benz S600 Pullman (W220) ที่ซื้อมาในสมัยรัฐบาลของทักษิณ ก็ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งให้ชาวไทยได้เห็น ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นั่งอยู่ภายในอย่างปลอดภัย …

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ยิ่งลักษณ์-ชินวัตร

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือ “ปู” เป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 28 เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย และด้วยวัย 44 ปี จัดว่าเป็นนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งอายุน้อยที่สุดในรอบกว่า 60 ปี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคเพื่อไทย, กรรมการและเลขานุการมูลนิธิไทยคม

โดยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีรถอยู่หลายคันก็จริง (นับตั้งแต่ Mercedes Benz S-Class รุ่น S280 ที่ครอบครองตั้งแต่ปี 2545) มักนิยมใช้รถตู้ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับนักการเมืองยุคใหม่นิยมกัน แต่ที่ชอบมากเป็นพิเศษคงต้องยกให้ “Volkswagen Caravelle” (โฟล์คสวาเกน คาราเวลล์) กันกระสุน ในราคาคันละ 7.8 ล้านบาท หรือจะเป็น “Toyota Alphard” (โตโยต้า อัลฟาร์ด) ที่มีใช้อยู่หลายคันมาก …

และทะเบียนรถแทบทุกคัน ก็สร้างเรื่องมหัศจรรย์ แสดงอิทธิฤทธิ์ให้เป็นข่าวอีกหลายครั้ง นั่นคือ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มักออกเลขรางวัลเกี่ยวพันต้องตรงกับทะเบียนรถยนต์พาหนะที่คุณยิ่งลักษณ์ หลายต่อหลายงวดอย่างน่าประหลาดล้ำ

ทั้งออกตรงเป๊ะ ทั้งข้างบน ทั้งข้างล่าง … มันเป็นความมหัศจรรย์สุดๆ ไม่ใช่แค่งวดสองงวดนะครับ นับได้ถึง 8 งวดเลย มันเป็นมาตั้งแต่เมื่อเธอเริ่มเข้ามารับตำแหน่งในปี 2554 งวด 16 ส.ค. 2554 ก็ตรงเป๊ะ งวดถัดมา 1 ก.ย. 2554 ตรงเป๊ะอีก!

พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา

พลเอก-ประยุทธ์-จันทรโอชา

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ชื่อเล่น ตู่) เป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 29 ของประเทศไทย หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะทหารผู้ยึดอำนาจการปกครอง ทำรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 อดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตแม่ทัพภาค 1

รถประจำตำแหน่งของ “ลุงตู่” นี่ก็มีใช้อยู่หลายคันอยู่ ไม่ว่าจะเป็น “Volkswagen Caravelle” กันกระสุน หรือ “Toyota Alphard” และ “Toyota Vellfire” เป็นต้น

ส่วนคันล่าสุดนี่คือ “Mercedes-Benz S600 Guard Sedan Long” (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส 600 การ์ด ซีดาน ล็อง) ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 530 แรงม้า ทะเบียน 4 กต 29 ที่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ทำสัญญาจัดซื้อเอาไว้ จำนวน 4 คัน วงเงิน 78 ล้านบาท ตกคันละ 19.5 ล้านบาท

ดูรถของนายกรัฐมนตรีแต่ละคันกันไปแล้ว มาดูเงินในกระเป๋าของตัวเองกันบ้าง หากใครที่สนใจ ต้องการขายรถกับทาง Carro เพื่อนำเงินไปซื้อรถมือสอง Mercedes-Benz หรือ BMW รุ่นเดียวกับที่อดีตนายกรัฐมนตรีทั้งหลายเคยใช้ โดยได้ราคาที่ดีที่สุด พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! ก็เชิญได้เลยนะครับ

ขอขอบคุณ แหล่งที่มาบางส่วนจาก :

ซื้อประกันภัยออนไลน์

ต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ดีจริงหรือ ต้องพิจารณาปัจจัยใดบ้าง ?

ยุคออนไลน์ที่โซเชียลและอินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ผู้ขับขี่รถยนต์คงมีคำถามว่าเลือกต่อประกันรถยนต์ที่ไหนดี เพราะมีบริษัทฯ ประกันรถยนต์ออนไลน์หลายแบรนด์ให้เลือกมากมายเต็มไปหมด จนเลือกไม่ถูก แบบนี้จะต้องพิจารณาซื้อประกันรถยนต์จากอะไร

อย่าเพิ่งกังวลไปเพราะเรารวบรวมเทคนิคเลือกประกันรถยนต์ออนไลน์มาให้ชาว Carro แล้ว

 

1. พิจารณาจากความมั่นคง และความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ

เพราะการซื้อประกันรถยนต์สักกรมธรรม์ ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1, ประกันชั้น 2/2+ หรือประกันชั้น 3/3+ แน่นอนว่าผู้ซื้อย่อมต้องการความคุ้มครองสูงสุด มีความคุ้มค่าดูแลชีวิตและทรัพย์สิน หากประสบกับเหตุไม่คาดฝัน นอกจากพิจารณาที่เบี้ยประกันราคาไม่แพง หรือมีราคาเหมาะสมแล้ว

การเลือกต่อประกันรถยนต์ที่ไหนดีคุณจะต้องพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ประกันภัยออนไลน์ กล่าวคือ ต้องมองหาเลขที่ใบอนุญาตตัวแทนนายหน้าประกันวินาศภัยที่บริษัทประกันนั้น ๆ ได้รับจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (ค.ป.ภ.) ซึ่งต้องระบุอย่างชัดเจน เช่น (OIC license for non-life insurance registration number : XXXXX/XXXX) บนเว็บไซต์ประกันออนไลน์นั้น ๆ ลองสังเกตดูให้ดีก่อนซื้อหรือต่อประกันรถยนต์นะ

 

2. พิจารณาการดูแลของบริษัทฯ

เนื่องจากการต่อประกันรถยนต์ คือ การซื้อการดูแลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เช่น รถชน, รถไฟไหม้, รถยนต์สูญหาย หรือภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมจนรถเสียหายสตาร์ทไม่ติด เป็นต้น เพื่อให้ได้รับกรมธรรมคุ้มครองอุบัติเหตุเบื้องต้น

  • ดูแลค่ารักษาพยาบาลกรณีบาดเจ็บ มีความจำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล รวมทั้งทุพพลภาพถาวรและชั่วคราวจากอุบัติเหตุ
  • ชดเชยกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุส่วนบุคคล ตามเงื่อนไขประกันรถยนต์ที่ระบุไว้
  • คุ้มครองหากเกิดคดีฟ้องร้อง และผู้เอาประกันเป็นฝ่ายถูก ประกันรถยนต์มีหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีตามเงื่อนไขในกรมธรรม์

นอกจากพิจารณาเงื่อนไขกรมธรรม์เบื้องต้นที่เล่ามาแล้ว ก่อนต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ เราจะต้องพิจารณาจากบริการอื่น ๆ ที่มีเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้น คือ มีบริการเสริมที่แตกต่างดูแลเราดีแค่ไหน เช่น บริการรถใช้ระหว่างซ่อมสำหรับประกันชั้น 1 จาก Frank หากประสบอุบัติเหตุ และมีความจำเป็นต้องส่งรถซ่อมในศูนย์หรือซ่อมอู่ ในเงื่อนไขที่รถยนต์คันนั้นไม่สามารถขับเคลื่อนได้  

ต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ที่ไหนดี3. พิจารณาจากรีวิวลูกค้า

จะต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ทั้งที ยุคมาร์เก็ตติ้ง 4.0 ที่สื่อโซเชียลมาแรงเช่นนี้ การรีวิวจากลูกค้าที่ใช้จริง หรือคะแนนความพึงพอใจเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ซื้อประกันต้องพิจารณาร่วมด้วย โดยพิจารณาจากการเสิร์ซหาข้อมูล เช่น “ประกันรถยนต์ที่ไหนดี” อ่านคอมเมนต์ตามเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ เว็บไซต์ และบล็อกพันทิป ฯลฯ เพื่อตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์หรือต่อประกันรถออนไลน์ ว่าประกันแบรนด์นั้น ๆ มีบริการเป็นอย่างไรดีแค่ไหน ก็จะช่วยให้การตัดสินใจต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ง่ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  

4. พิจารณาสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

ไม่มีใครอยากโชคร้าย ดังนั้น การต่อประกันติดรถยนต์ไว้ ถือเป็นการป้องกันภัยเบื้องต้น ดั่งสุภาษิตไทยที่ว่า “กันไว้ดีกว่าแก้” หลาย ๆ คนอาจจะมีความคิดว่า “เราจะต่อประกันรถยนต์ไปทำไมในเมื่อก็ขับขี่ปลอดภัย และไม่ได้เบิกเคลมอยู่แล้ว” หากใครที่คิดเช่นนี้ เราอยากจะบอกว่า การที่เราไม่ได้เบิกเคลมประกันรถยนต์นั้นถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ

ฉะนั้น การต่อประกันรถยนต์สักกรมธรรม์เราควรมองหาสิทธิพิเศษเพิ่มเติมที่ให้มากกว่าการคุ้มครองดูแลคุ้มครองด้านอุบัติเหตุ เช่น ของแถม, การให้ส่วนลดต่าง ๆ, ดีลพิเศษ พร้อมกับโปรโมชันดี ๆ ที่ตรงใจสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคุณ นี่ถือเป็นเรื่องโอเค ดีต่อใจ และคุ้มค่ากับกับการจ่ายเบี้ยประกันในแต่ละปีไงล่ะจ้ะ

หลังจากอ่านจบแล้ว หวังว่าชาว Carro คงจะมีไอเดียต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ หรือซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์กันแล้วนะครับ

 

ข้อมูลจาก Frank.co.th

Police-Can-Seize-Driver-License

เรื่องนี้มีการถกเถียงกันมานานแล้ว สำหรับ “ใบขับขี่” หรือ “ใบอนุญาตขับรถ” ที่ต้องเป็นของคู่กายนักขี่ หรือนักบิดกันทุกคน หากเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจ ต้องการขอตรวจใบขับขี่ เมื่อคุณทำผิดกฎจราจร หรือ ตรวจวัดแอลกอฮอล์ อะไรก็แล้วแต่ คุณต้องแสดงให้ตำรวจดู …

แต่หลายท่านอาจทราบกันไปแล้วว่า พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 ที่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา มีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย. 2562 มีบางมาตราที่บัญญัติ ให้ยกเลิกความในมาตราเดิม และบัญญัติใหม่ โดยมีสาระสำคัญในการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานจราจร นั่นหมายถึง ตำรวจยังสามารถ “ยึด” และ “ไม่ยึด” ใบขับขี่ของคุณได้อยู่

แต่เงื่อนไขว่า ตำรวจสามารถยึดได้ เพราะอะไร และยึดใบขับขี่ไม่ได้ เพราะเหตุใดนั้น มาอ่านคำตอบกัน …

Police-Can-Seize-Driver-License

พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 140

มาตรา 140

เมื่อปรากฏแก่เจ้าพนักงานจราจร ไม่ว่าพบด้วยตนเอง หรือโดยการใช้เครื่องอุปกรณ์ หรือโดยวิธีการอื่นใดว่า ผู้ขับขี่ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง ที่เป็นความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียว หรือมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนและมีโทษปรับ เจ้าพนักงานจราจรจะว่ากล่าวตักเตือนหรือออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ผู้นั้นชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบก็ได้

ในกรณีเจ้าพนักงานจราจรที่ออกใบสั่งไม่พบตัวผู้ขับขี่ ให้ติด ผูก หรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถที่ผู้ขับขี่สามารถเห็นได้ง่าย หากไม่สามารถติด ผูก หรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้ส่งใบสั่งพร้อมด้วยพยานหลักฐานโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถเพื่อให้ชำระค่าปรับภายในระยะเวลาที่กำหนดในใบสั่งนั้น ทั้งนี้ ตามระเบียบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนด

ให้นำความในวรรคสองมาใช้บังคับกับกรณีที่เจ้าพนักงานจราจรพบการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง แต่ไม่อาจทราบตัวผู้ขับขี่ด้วยโดยอนุโลม

เกณฑ์การกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบและแบบของใบสั่งตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประกาศกำหนด

Police-Can-Seize-Driver-License

มาตรา 140/2

ในกรณีที่เจ้าพนักงานจราจรได้ว่ากล่าวตักเตือนหรือออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ผู้ใด ตามมาตรา 140 แล้ว หากเจ้าพนักงานจราจรเห็นว่าผู้ขับขี่ผู้นั้นอยู่ในสภาพที่หากให้ขับรถต่อไป อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น ให้เจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจ ยึดใบอนุญาตขับขี่ของผู้ขับขี่ดังกล่าว หรือบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้ผู้นั้นขับรถ และให้เจ้าพนักงานจราจรคืนใบอนุญาตขับขี่หรือยกเลิกการบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือยอมให้ผู้ขับขี่ขับรถได้ เมื่อผู้ขับขี่น้ันอยู่ในสภาพที่สามารถขับรถต่อไปได้หรือเมื่อเจ้าพนักงานจราจรแน่ใจว่าผู้ขับขี่จะไม่ขับรถ ในขณะที่อยู่ในสภาพดังกล่าว ทั้งนี้ ตามระเบียบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกร่วมกันกำหนด

มาตรา 150

“ผู้ใด
(1) ไม่ปฏิบัติตามระเบียบหรือประกาศที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดตามมาตรา 8 วรรคสอง หรือมาตรา 14 วรรคสอง
(2) ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดตามมาตรา 13 วรรคสอง
(3) ไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 18
(4) ขัดคำสั่งหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร ซึ่งสั่งตามมาตรา 113 หรือ
(5) ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจราจรซึ่งสั่งตามมาตรา 140/2 หรือมาตรา 140/3 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

ในการแสดงใบอนุญาตขับขี่ในขณะขับรถ มาตรา 31/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 บัญญัติว่า “ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ ในกรณีที่ผู้ขับขี่แสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ให้ถือว่าผู้ขับขี่มีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวตามวรรคหนึ่งแล้ว

ดังนั้นการแสดงใบอนุญาตขับขี่ในขณะขับรถ ผู้ขับขี่สามารถแสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ได้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ

Police-Can-Seize-Driver-License

ส่วนใบขับขี่ เป็น “ทรัพย์สิน” ที่คนอื่นไม่สามารถเอาไปได้โดยไม่มีสิทธิ ย่อมมีความผิดในฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๔ ซึ่งวางหลักว่า “ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่นไป ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์” โดยการเอาไปในที่นี้ ต้องเป็นการเอาไปโดยไม่มีสิทธิ หรือไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ดังนั้น หากผู้เอาไปซึ่งทรัพย์สินมีสิทธิหรืออำนาจตามกฎหมาย ผู้เอาไป ย่อมไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

ตามกฎหมายไทย เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ย่อมเป็นผู้ที่มีอำนาจแห่งกรรมสิทธิ์ในการจำหน่าย จ่าย โอน ทรัพย์สิน รวมถึงทำลายทรัพย์สินนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ บัญญัติไว้ว่า

“มาตรา ๑๓๓๖ ภายในบังคับแห่งกฎหมาย เจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิใช้สอยและจำหน่ายทรัพย์สินของตนและได้ซึ่งดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น กับทั้งมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ และมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย”

Police-Can-Seize-Driver-License

สรุป

ตำรวจ ยังสามารถใช้อำนาจในการขอเรียกดูใบขับขี่ได้ ตามมาตรา 140 และมาตรา 140/2 ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ซึ่งจะทำได้ 2 ทาง คือ

1) ตักเตือน

2) ออกใบสั่งค่าปรับตามข้อหา

ส่วนใบขับขี่ เป็นดุลยพินิจของตำรวจ ซึ่งอาจจะเรียกเก็บ ในกรณีที่คุณไม่พร้อมสำหรับการชับรถ (แต่ต้องออกใบสั่งก่อนยึดด้วย)

ตำรวจ จะบันทึกข้อมูลความผิดเขียนลงใบสั่ง แล้วส่งต้นขั้วไปสถานีตำรวจที่ออกใบสั่ง เพื่อทำการตัดแต้มผู้ขับรถ โดยใบขับขี่จะมีทั้งหมด 12 แต้ม ถ้าถูกตัดครบ 12 แต้ม จะถูกพักใช้ใบขับขี่ 90 วัน ผู้ขับขี่ต้องไปอบรมการขับขี่ และสอบอีกครั้ง ที่กรมการขนส่งทางบก

ถ้าผ่านจะได้รับ 12 แต้มคืน ภายใน 3 ปี แต่ถ้าผู้ขับขี่ถูกพักใช้ใบขับขี่ถึงครั้งที่ 3 จะทำให้ถูกพักใช้ใบขับขี่ 1 ปี ระหว่าง 1 ปีนี้ ถ้าทำผิดอีกเป็นครั้งที่ 4 จะถูกเพิกถอนใบขับขี่ทันที และถ้าหากผู้ขับขี่ไปทำใบขับขี่ใหม่ ก็จะเป็นการผิดกฎหมายอีกด้วย

ส่วนใครที่อยากขายรถ หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

ขอขอบคุณภาพ และข้อมูลบางส่วนจาก

5 วิธีอัพเกรดรถยนต์คู่ใจ ให้ขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง

ขับขี่ปลอดภัยมากขึ้น ด้วยวีธีอัพเกรดรถเหล่านี้

ในทุกวันนี้ สิ่งที่อาจดูเป็นอันตรายและมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยมากที่สุดในแต่ละวันของเรา ก็อาจเป็นเพียงแค่การขับรถไป ณ ที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งถ้าใครเป็นเจ้าของรถรุ่นใหม่ใหม่ก็ถือว่าโชคดีไป เพราะว่ามักจะมีฟังชั่นเจ๋งๆไว้เพิ่มความปลอดภัยให้รถ เช่น เทคโนโลยีการเปลี่ยนเลนอย่างปลอดภัย เทคโนโลยีช่วยถอยรถเข้าซอง และระบบอัจฉริยะที่ป้องกันการพุ่งชนสิ่งกีดขวางได้ทันท่วงทีเป็นต้น

แต่ถ้าหากเพื่อนๆยังคงรักรถเก่าคู่ใจของเรา และยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนรถใหม่ เพื่อนๆก็ยังสามารถอัพเกรดรถคู่ใจของเราให้สามารถขับขี่ปลอดภัยได้ โดยไม่ต้องซื้อรถใหม่ แถมยังอาจช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถได้เพิ่มขึ้นด้วยค่ะไปดูกันเลยว่ามีวิธีใดบ้าง

1) อัพเกรดยางรถ

5 วิธีอัพเกรดรถยนต์คู่ใจให้ขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง

การที่เราจะขับขี่ปลอดภัยบนถนนได้นั้น ก็เริ่มจากการที่เราใส่ใจเรื่องยางรถยนต์เป็นอันดับแรก เพราะเป็นส่วนเดียวของรถที่สัมผัสกับท้องถนนโดยตรง ซึ่งถ้าหากรถคู่ใจของเพื่อนๆ ไม่มีระบบเบรคที่ทันสมัยแต่อยากขับขี่ปลอดภัย ก็ให้เริ่มต้นที่ยางค่ะ ถ้าหากยางดี ก็จะช่วยให้เราสามารถเบรคได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงยางที่ดีจะทำให้ควบคุมศูนย์ถ่วงและควบคุมทิศทางได้ดียิ่งขึ้นด้วย

แม้ว่ายางที่ได้มาตอนซื้อรถจะถือว่าดีในระดับหนึ่งที่ทำให้เราขับขี่ปลอดภัย แต่การอัพเกรดยางให้ดียิ่งขึ้นจะทำให้เพื่อนๆสามารถขับขี่บนท้องถนนได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น โดยยางควรมีดอกยางที่ลึกเพื่อรับกับสภาพเปียกชื้นบนท้องถนน และเดี๋ยวนี้ผู้ผลิตยางหลายเจ้าก็มีเครื่องมือออนไลน์เอาไว้ให้เราเลือกยางที่เหมาะสมกับรถของเรา หรือจะเข้าไปที่อู่ซ่อมรถและอู่เปลี่ยนยางเพื่อปรึกษาดูก็ได้ค่ะ

2) จัดระเบียบอุปกรณ์ และสายระโยงระยาง

5 วิธีอัพเกรดรถยนต์คู่ใจให้ขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง

ถ้าเพื่อนๆใช้ระบบสเตริโอรถรุ่นเก่า การที่เราอยากจะฟังเพลง mp3 หรือเพลงจากมือถือของเรา ก็ต้องใช้วิธีโมระบบรถด้วยการต่อสายระโยงระยางต่างๆ พอเราแต่งเติมสิ่งของเหล่านี้มากๆเข้า ก็ยิ่งทำให้มีสายระโยงระยางมากขึ้น ทำให้อาจบดบังทัศนวิสัย รวมไปถึงรบกวนการขับรถของเราได้ ทางที่ดีถ้าอยากขับขี่ปลอดภัย ก็ให้อัพเกรดอุปกรณ์เป็นดังนี้ค่ะ

  • ที่เสียบ usb แบบ 2 หัว: เหตุผลที่ควรมี 2 หัว ก็เพื่อว่าเวลาเราต้องการเสียบ usb เข้ากับหลายๆอุปกรณ์จะได้ไม่ต้องมาคอยถอดสายอันนึงแล้วเสียบเข้าไปใหม่ระหว่างขับรถนั่นเองค่ะ
  • สาย usb แบบยืดหดได้: สาย usb เช่นนี้จะทำให้เพื่อนๆสามารถปรับความยาวของสายให้ไม่มาเกะกะเราตรงที่นั่งคนขับได้ค่ะ
  • ที่ตั้งโทรศัพท์มือถือ: ให้เพื่อนๆล็อคโทรศัพท์มือถือเอาไว้กับที่ตั้งตรงส่วนหน้าปัดรถ หรือตรงช่องแอร์ก็ได้ จะทำให้เพื่อนๆสามารถเปิดแผนที่ดูเส้นทางจากโทรศัพท์มือถือได้อย่างง่ายดายค่ะ

3) ติดตั้งกล้องมองหลัง

5 วิธีอัพเกรดรถยนต์คู่ใจให้ขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง

ในขณะที่ปัจจุบันรถรุ่นใหม่ก็มักจะมีระบบที่สามารถแสดงภาพจากด้านหลังของรถได้ แต่สำหรับรถเก่าของเรา ถ้าหากอยากขับขี่ปลอดภัย ก็ควรติดตั้งกล้องมองหลังเอาไว้ด้วยเช่นกันค่ะ เพราะถ้าหากเราพึ่งกระจกมองหลังแต่เพียงอย่างเดียว อาจจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งกีดขวางต่างๆที่หลังรถได้อย่างทั่วถึงค่ะ

ด้วยกล้องมองหลังถือเป็นสิ่งจำเป็นเนื่องจากผู้ขับขี่บนท้องถนนกว่าครึ่ง เคยเจอประสบการณ์ที่เกือบถอยรถชนสิ่งกีดขวางหรือชนคน เราจึงควรขับขี่ปลอดภัยและป้องกันเอาไว้ก่อนค่ะ

 

4) ติดตั้งระบบเตือนในมุมอับ

5 วิธีอัพเกรดรถยนต์คู่ใจให้ขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง

รถทุกคันมักจะมีมุมอับ ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อเรากำลังขับรถและมองไปข้างหน้า หรือแม้แต่ตอนที่เรามองกระจกส่องทาง นั่นทำให้ผู้ขับรถส่วนใหญ่ต้องการมองในมุมอับก็จะต้องหันหัวไปที่มุมนั้นเพื่อระแวดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และแม้ว่าเพื่อนๆจะหันไปเช็กเอง ก็อาจจะไม่ได้ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากทัศนวิสัยอาจจะไม่ดีได้ค่ะ

ทางที่ดี การติดตั้งระบบเตือนในมุมอับจะช่วยให้เพื่อนๆสามารถเปลี่ยนเลนได้อย่างปลอดภัย ซึ่งระบบเตือนเหล่านี้จะใช้เซ็นเซอร์ที่จะคอยตรวจจับอย่างอัตโนมัติว่ามียานพาหนะอื่นๆ เข้ามาอยู่ในมุมอับของเราหรือไม่ และถ้ามีก็จะส่งสัญญาณบอกเราให้ทราบ จึงทำให้เราสามารถขับขี่ปลอดภัยและโฟกัสไปที่ถนนทั้งข้างหน้าได้อย่างหมดห่วงค่ะ

 

5) ถอดกันชนแบบ Bull Bar ออก

5 วิธีอัพเกรดรถยนต์คู่ใจให้ขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง

สิ่งนี้น่าจะเป็นเหมือนการอัพเกรดให้น้อยลงเพื่อการขับขี่ปลอดภัยมากกว่านะค่ะ โดยกันชนแบบ Bull Bar นี้สามารถพบเห็นได้ตามรถขนาดใหญ่เช่นรถกระบะ 4 ประตู ซึ่งจริงๆแล้วกันชนประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ขับขี่ในเส้นทางกันดารหรือในป่าเขาที่มีโอกาสขับชนสัตว์ป่าเอาได้ง่ายๆ และสร้างความเสียหายแก่ตัวรถยนต์

แต่อย่างไรก็ดี ถ้าหากเพื่อนๆขับรถในตัวเมืองหรือตามย่านที่อยู่อาศัย การมีกันชนแบบ Bull Bar ก็อาจสร้างความเสียหายและทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บได้ง่ายกว่าถ้าหากเราขับรถไปชนคนเข้าค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าหากอยากขับขี่ปลอดภัยทั้งต่อตัวเองและคนรอบข้าง ก็ควรเอากันชนเช่นนี้ออกค่ะ

 

เห็นไหมค่ะว่า ไม่ว่ารถของเพื่อนๆจะเก่าหรือใหม่ เราก็มีทางอัพเกรดรถยนต์ให้เราสามารถขับขี่ปลอดภัยได้เสมอ อุปกรณ์เหล่านี้ก็มีราคาไม่สูงมากค่ะ หรือถ้าเพื่อนๆมองว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนรถคันใหม่จริงๆ ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง สามารถนำรถคันเก่าของเพื่อนๆ มาขายได้ที่ คาร์โร นะคะ จะได้นำเงินไปดาวน์เพื่อซื้อรถคันใหม่ค่ะ (ขายรถ คลิกที่ลิงค์ > th.carro.co/sell-car/express )

นอกจากนี้ ถ้าหากเพื่อนๆอยากขับขี่ปลอดภัยและอุ่นใจตลอดทุกเส้นทาง ก็อย่าลืมทำประกันรถยนต์ติดไว้ด้วยค่ะ เพื่อจะได้นำมาแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับรถของเราได้ค่ะ เพื่อนๆสามารถเข้ามาเปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้ที่เว็บไซต์โกแบร์เลยนะค่ะ

รถกระบะ

รู้หรือไม่ว่า
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้รถกระบะมากที่สุดในโลก

เพราะไม่ว่าคุณจะหันไปทางไหน ก็เห็นแต่รถกระบะเต็มไปหมด คุณคงสงสัยล่ะสิ ว่าทำไมรถกระบะถึงได้รับความนิยมในไทยมากมายขนาดนั้น

วันนี้ Carro เลยขอรับอาสาออกไปตะลุยหาเหตุผลมาให้เพื่อนๆ ดูกันว่า ทำไมรถกระบะถึงมีคนใช้กันแพร่หลาย และมันเหมาะกับคนไทยยังไง มาฝากจ้าาาาา

รถกระบะ

5 เหตุผลทำไม “รถกระบะ” ถึงเหมาะกับคนไทย

  • มีตัวเลือกที่หลากหลาย

รถกระบะ มีให้คุณได้เลือกกันมากมายหลายยี่ห้อ อีกทั้งยังมีไลน์อัพสินค้ามากถึง 30 ไลน์อัพเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายยังไงล่ะ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ยังไม่รวมรุ่นเครื่องยนต์ขนาดเล็กใหญ่ และการตบแต่งพิเศษอีกด้วยนะ

 

  • รถกระบะมีราคาค่อนข้างถูก

เนื่องจากกฎข้อบังคับทางด้านการลงทุนของรัฐบาล และด้วยการสนับสนุนดังกล่าว ทำให้มีการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศบ้าง ซึ่งนี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้รถกระบะมีราคาค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับรถเก๋ง หรือรถอเนกประสงค์อื่นๆ ที่ไม่ได้มีการส่งเสริมการลงทุน หรือสนับสนุนในลักษณะนี้

 

  • ประหยัดน้ำมันมากกว่า

ข้อดีของรถกระบะในบ้านเรา คือ เป็นเครื่องยนต์ดีเซลทั้งหมดทุกรุ่น ซึ่งเครื่องยนต์ดีเซลเหล่านี้สมัยก่อนอาจจะเสียงดังน่ารำคาญ แต่ในปัจจุบันศักยภาพในการขับขี่ได้พัฒนาให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการประหยัดน้ำมันที่ดีกว่า แถมราคาน้ำมันดีเซลก็ถูกว่าเบนซินอีกด้วย

รถกระบะ

 

  • ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่หลากหลาย

รถกระบะเป็นรถที่แปลก คือ ไม่ว่าคุณจะขับรถอย่างไร หรือมีรูปแบบการใช้ชีวิตแบบไหน มันก็ลงตัวกับคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าคุณจะขับรถทุกวัน เดินทางไกลเป็นประจำ ความประหยัดของเครื่องยนต์ดีเซล ก็จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มาก หรือถึงคุณจะไม่ขับรถทุกวัน แต่ชอบเที่ยวในวันว่าง รถกระบะก็พร้อมพาคุณ และเพื่อนๆ เดินทางเปิดโลกกว้าง แถมยังมีความสามารถในการลุยมากกว่า รถเก๋ง หรืออเนกประสงค์บางรุ่นอีกด้วย

 

  • ปลอดภัยกว่า

เรื่องธรรมชาติของความปลอดภัย คือ เรื่องมวล และน้ำหนัก ซึ่งรถกระบะมีขนาดใหญ่กว่า มีการทรงตัวที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับรถเก๋ง รวมถึงหากเกิดอุบัติเหตุ เกิดการชนขึ้นมาจริงๆ รถใหญ่จะได้รับความเสียหายน้อยกว่า ตามหลักการพื้นฐานของฟิสิกส์ เรื่องมวลรถ ตลอดจนหากชนกับรถเก๋ง มันก็ยังปกป้องคุณได้มากกว่าอีกด้วยล่ะค่ะ

 

อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่ได้ติดที่รูปร่างลักษณะของรถยนต์ เราก็อยากให้คุณได้ลองขับรถกระบะดู แล้วคุณจะรู้ว่า รถกระบะนั้นตอบสนองต่อชีวิตประจำวันของคุณได้อย่างดีเยี่ยมเลยล่ะ (เลือกซื้อรถกระบะมือสอง คลิก> https://th.carro.co/taladrod/pickup )

Choose-Car-For-Senior-People

คนเราทุกคน เกิดมาก็ต้องแก่ เป็นเรื่องธรรมดาโลก ไม่มีใครที่จะปฏิเสธความแก่ได้ …

วัยเกษียณอายุ หลายคนใช้ชีวิตมาอย่างคุ้มค่า เจอเรื่องราวต่างๆ มามากมายนับไม่ถ้วน หลายคน พอเกษียณอายุแล้ว ก็อยากจะใช้ชีวิตท่องเที่ยว พักผ่อน เลี้ยงลูก เลี้ยงหลาน เข้าวัดทำบุญ ดูแลสุขภาพ เจอเพื่อนฝูงเก่าๆ หรือทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ให้มีความเหงาเข้ามาในชีวิต

ดังนั้น การเลือกรถยนต์ในการใช้งาน ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุ (ที่อยากขับรถเอง) ก็ถือว่ามีความสำคัญเช่นกัน … MR.CARRO จะขอแนะนำวิธีเลือกรถยนต์ ให้เหมาะกับ “วัยเกษียณอายุ” ครับ.

Choose-Car-For-Senior-People

เพราะในวัยผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่มักไม่มีรายได้ประจำแล้ว หรือมีรายได้จากเพียงเงินบำนาญของทางราชการ การเลือกรถคันใหญ่ๆ ราคาแพงๆ มันจะกลายเป็นภาระไปเสียอีก เว้นแต่ว่าฐานะคุณดี หรือรวยอยู่แล้ว ก็ตามใจคุณ ควรเลือกรถที่เหมาะสมกับตัวคุณเองดีกว่า มิฉะนั้น การขับรถด้วยความสุข จะกลายเป็นการขับรถด้วยความทุกข์ไป …

วัยเกษียณอายุ หากใช้รถยนต์แค่ในเมือง ไปจ่ายตลาด ไปห้างสรรพสินค้า ไปหาเพื่อน หรือรับลูกหลานที่โรงเรียน อยู่แค่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือแค่ในตัวเมืองของต่างจังหวัด ไม่ได้ขับรถไปไหนเป็นระยะทางไกลๆ นัก …

Choose-Car-For-Senior-People

ควรเลือกรถยนต์ใหม่ หรือรถยนต์มือสอง ประเภท Eco-Car หรือรถยนต์ขนาด Sub-Compact ครับ เพื่อประหยัดน้ำมัน และรายจ่ายอื่นๆ ซึ่งตัวเลือกในตลาดนี้ก็มีอยู่มากมายหลายรุ่นเลยให้เลือก อาทิ Toyota Yaris, Toyota Vios, Nissan March, Nissan Almera, Suzuki Swift, Mitsubishi Mirage, Mitsubishi Attrage หรือจะเป็น Mazda2 เป็นต้น

ส่วนใครที่ยังมีไฟอยู่ ยังมีแรงอยากทำงานค้าขายเล็กๆ น้อยๆ หรือว่าฉันเกษียณแล้ว มีเงินเก็บก้อนใหญ่อยู่ และคงไม่เดือดร้อนเรื่องเงินนัก อยากออกขับรถท่องเที่ยวตามต่างจังหวัด พาลูกหลานไปเที่ยวด้วย ก็ควรเลือกรถแนวๆ SUV, MPV หรือแนว Crossover SUV ที่ทนทาน อะไหล่หาง่าย ค่าซ่อมไม่แพง ไม่จุกจิก ลุยได้ ขนของไปขายตามตลาดนัดได้ และขับได้อย่างสบาย ไม่ต้องออกแรงมากนัก (แนะนำให้เลือกรถที่เป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ)

ในตลาดรถใหม่และรถมือสอง ก็มีให้เลือกหลากหลายทั้ง Toyota Fortuner, Isuzu MU-7, Isuzu MU-X หรือ Mitsubishi Pajero Sport เป็นต้น

Choose-Car-For-Senior-People

แต่ถ้าหากมีงบมากหน่อย หรืออยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ เน้นท่องเที่ยวในเมือง มากกว่าลุยๆ ออกต่างจังหวัด จะไปเล่นรถแนว MPV อย่าง Toyota Innova, Suzuki Ertiga หรือ Honda Freed ก็ย่อมได้

อีกหนึ่งปัญหาของผู้สูงวัยส่วนใหญ่ (ที่เรามิได้เจตนาจะว่าใครแต่อย่างใด) นั่นคือ การตามเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ทัน ดังนั้น หากคุณตัดสินใจซื้อรถใหม่หรือรถมือสองมาแล้ว สิ่งสำคัญ คือ ควรศึกษาคู่มือรถและวิธีการใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ของรถ ให้ละเอียดและเข้าใจ เนื่องจากรถรุ่นใหม่ๆ มีเทคโนโลยีสลับซับซ้อน ต่างจากในรถรุ่นเก่าๆ อยู่มาก เพื่อการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ถูกต้อง ให้คุ้นเคยกับการใช้รถคันนั้นๆ

เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และความปลอดภัยของเพื่อนร่วมท้องถนนนั่นเองครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่กำลังอยากขายรถคันเดิม เอาเงินไปซื้อรถคันใหม่ มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครกำลังอยากซื้อรถใหม่ แต่กำลังเงินซื้อรถมือหนึ่งไม่ไหว CARRO อยากให้ลองเปิดใจกับรถมือสอง เนื่องจากรถมือสองสภาพดีสมัยนี้มีให้เลือกเยอะแยะ แถมถ้าเป็นรถรุ่นประหยัดน้ำมันได้ก็ยังดี ซึ่ง CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์ให้คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ