Highway-Speed-Limit-To-Rise-To-120Kph

วันที่ 11 มีนาคม 2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบทที่กำหนด เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2564 ลงนามโดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยประกาศฉบับดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้

กฎกระทรวงนี้ ใช้บังคับแก่ทางหลวงแผ่นดิน หรือทางหลวงชนบทที่มีทางเดินรถ ซึ่งได้แบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่องเดินรถขึ้นไป มีเกาะกลางถนนแบบกำแพง และไม่มีจุดกลับรถเสมอระดับถนน ตามที่ผู้อำนวยการทางหลวงประกาศกำหนด อัตราความเร็วของยานพาหนะต่างๆ ดังนี้

M-FLOW-In-Expressway-And-Motorway

1. รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถเกิน 2,200 กก. หรือ รถบรรทุกคนโดยสารที่มีที่นั่งเกิน 15 คน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม.

2. รถขณะที่ลากจูงรถอื่น รถยนต์สี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กม./ชม.

3. รถจักรยานยนต์ ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. เว้นแต่รถจักรยานยนต์ ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ขึ้นไป หรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่ 400 ซีซี ขึ้นไป (บิ๊กไบค์) ให้ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 110 กม./ชม.

4. รถโรงเรียน หรือรถรับส่งนักเรียน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม.

5. รถบรรทุกคนโดยสาร ที่มีที่นั่งคนโดยสารเกิน 7 คนแต่ไม่เกิน 15 คน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.

6. รถแทรกเตอร์ รถบดถนน หรือรถใช้งานเกษตรกรรม ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 45 กม./ชม.

ส่วนรถอื่นๆ ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ทั้งนี้ หากรถดังกล่าวอยู่ในช่องเดินรถช่องขวาสุด ต้องใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. เว้นแต่ในกรณีที่ช่องเดินรถนั้นมีข้อจำกัดด้านการจราจร หรือทัศนวิสัยมีสิ่งกีดขวาง หรือมีเหตุขัดข้องอื่น

ในทางเดินรถที่มีเครื่องหมายจราจรแสดงว่าเป็นเขตอันตราย หรือเขตให้ขับรถช้าๆ ให้ลดความเร็วลงและเพิ่มความระมัดระวังขึ้นตามสมควร และในกรณีที่ทางเดินรถหรือช่องเดินรถใด มีเครื่องหมายจราจรกำหนดอัตราความเร็วต่ำกว่าอัตราที่กำหนดไว้ ให้ใช้ความเร็วไม่เกินอัตราความเร็วที่กำหนดไว้นั้น

อย่างไรก็ตาม กฎกระทรวงนี้ยังไม่ครอบคลุมถนนทุกเส้น แต่ต้องเป็นทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงชนบท ที่มีช่องเดินรถทิศทางเดียวกันตั้งแต่ 2 ช่องขึ้นไป (4 ช่องจราจรไป – กลับ) มีเกาะกลางถนนแบบกำแพงกั้น (Barrier Median) และไม่มีจุดกลับรถเสมอระดับถนนนะครับ ขอย้ำอีกครั้ง!

7-Trips-Drive-Car-Travel-Around-Bangkok

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน หรือผ่อนรถต่อไม่ไหว และไม่อยากติดเครดิตบูโร สามารถนำอยากขายรถกับ CARRO ได้เลย รับเงินสดทันทีหลังปิดการขาย สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

Taximeter-Extended-Lifetime

กรมการขนส่งทางบก รับลูก ครม. อนุมัติขยายอายุการใช้งานรถแท็กซี่จากเดิม 9 ปี เป็น 12 ปี โดยต้องเป็นรถที่จดทะเบียน “ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563” และผ่านการตรวจสภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด มีความมั่นคง แข็งแรง ปลอดภัยต่อการให้บริการ

ที่สำคัญ ต้องผ่านเกณฑ์การตรวจสภาพ ที่กรมการขนส่งทางบก และกรมควบคุมมลพิษร่วมกันกำหนดขึ้น เพื่อให้มีมาตรฐานสมรรถนะ ความมั่นคงแข็งแรง และความปลอดภัยในการใช้งาน มีคุณภาพและความเรียบร้อยในการรับจ้างจนสิ้นอายุการใช้งาน

ทั้งนี้ รถแท็กซี่ที่ได้รับการขยายอายุการใช้งานต้องผ่านการตรวจสภาพและเกณฑ์การวินิจฉัยการตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2555 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียนกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการตรวจสภาพรถยนต์รับจ้างบรรทุกผู้โดยสารไม่เกินเจ็ดคนเพื่อขยายอายุการใช้งานจาก 9 ปี เป็น 12 ปี ในปี 2564 จะมีรายการที่ต้องตรวจสภาพเพิ่มเติม ดังนี้

1. ตรวจก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสีย โดยใช้เครื่องวิเคราะห์ก๊าซในขณะที่เครื่องยนต์อยู่ในรอบเดินเบาและไม่มีภาระ และให้ตรวจทุกชนิดเชื้อเพลิงในกรณีมีการใช้เชื้อเพลิงมากกว่า 1 ชนิด โดยค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ต้องไม่เกินร้อยละ 0.5 โดยปริมาตร และค่าก๊าซไฮโดรคาร์บอนต้องไม่เกิน 100 ส่วนในล้านส่วน

2. โครงสร้างและตัวถังรถ ต้องมีความมั่นคงแข็งแรงสามารถรองรับการทำงานของรถขณะมีน้ำหนักเต็มอัตราบรรทุกได้ในทุกสภาพการใช้งาน ไม่ชำรุด ผุกร่อน จนมีผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของรถ เป็นต้น

3. ประตูและพื้นรถ ต้องไม่ชำรุด ผุกร่อน จนมีผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของรถและความปลอดภัยในการใช้งาน สะอาด ไม่มีคราบเปื้อน คราบสกปรก หรือขยะ

4. ที่นั่งผู้ขับรถ ที่นั่งคนโดยสารและพนักพิงศีรษะ ไม่ชำรุดทรุดโทรมหรือเสียหาย ที่นั่งต้องยึดติดกับโครงสร้างรถและตัวถังรถอย่างมั่นคงแข็งแรง

5. ตรวจเข็มขัดนิรภัยและจุดยึดเข็มขัดนิรภัย รวมถึงตรวจการล็อกและปลดล็อกของเข็มขัดนิรภัยโดยการกระตุกหรือกระชากต้องทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. สีรถ ภายนอกตัวรถ ไม่มีรอยแตกร้าว รอยด่าง คราบสนิม หรือรอยหลุดลอกชำรุดจำนวนมากหรือขนาดใหญ่ และสีรถถูกต้องตามเอกสารหลักฐานหรือเป็นไปตามเงื่อนไขที่ทางราชการกำหนด

7. เครื่องปรับอากาศ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถปรับอากาศภายในรถและภายในห้องโดยสารได้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส ปรับทิศทางและแรงลมได้ ไม่มีน้ำรั่วซึมออกจากระบบปรับอากาศภายในรถหรือภายในห้องโดยสาร ไม่มีเสียงดังรบกวน มีกลิ่นเหม็น หรือกลิ่นอับชื้น

8. ที่เก็บสัมภาระท้ายรถสำหรับผู้โดยสารต้องมีสภาพดี ไม่ชำรุดหรือเสียหาย ผนังทุกด้านปิดทึบมั่นคงแข็งแรงและถาวร รวมถึงมีความสะอาด เรียบร้อย ไม่มีสิ่งของที่จะเป็นอุปสรรคในการวางสัมภาระของผู้โดยสาร

https://dlt.go.th/web-upload/m_news/172/2810/file_photo/a96a53a8d171efa4a5f342fc8cb2109f.jpg

เจ้าของรถที่มีความประสงค์จะขยายอายุการใช้งานรถแท็กซี่สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานการขนส่งผู้โดยสาร กรมการขนส่งทางบก ส่วนรถที่จดทะเบียนต่างจังหวัดยื่นความประสงค์ได้ที่กลุ่มวิชาการ สำนักงานขนส่งแต่ละจังหวัด

หลักฐานประกอบการดำเนินการ ได้แก่ใบคู่มือจดทะเบียนหรือภาพถ่าย หลักฐานประจำตัวเจ้าของรถ ใบอนุญาตขับรถสาธารณะหรือใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายในประเภทที่ใช้แทนกันได้ที่ยังไม่สิ้นอายุ หลักฐานการจัดให้มีประกันภัยคุ้มครองบุคคลที่ 3 และประกันภัยเพิ่มเติมที่ให้การคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ในวงเงินไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท สำหรับการชดใช้ค่าเสียหายต่อคนในแต่ละครั้ง และความเสียหายต่อทรัพย์สินในวงเงินไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท สำหรับการชดใช้ค่าเสียหายในแต่ละครั้ง

รถแท็กซี่ที่ได้รับการขยายอายุการใช้งานจาก 9 ปี เป็น 12 ปี จะต้องเข้ารับการตรวจสภาพระหว่างการใช้งานปีละ 4 ครั้ง เพื่อให้รถมีสภาพมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยเพียงต่อการให้บริการ

นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดให้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบรายเดือนแทนการใช้วิทยุสื่อสารได้ โดยต้องแสดงหมายเลขโทรศัพท์ไว้ภายในห้องโดยสารที่ผู้โดยสารสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และบริเวณประตูตอนหลังด้านนอกทั้งสองด้าน และด้านบนของกระจกบังลมหน้ารถด้วย

แหล่งที่มา :

10-EV-Cars-Built-In-USA-Joe-Biden

Joe Biden (โจ ไบเดน) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 46 ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 มกราคม ก็เริ่มทำงานเพื่อประเทศชาติทันที เริ่มตั้งแต่การสะสางปัญหา ที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่แล้วอย่าง Donald Trump (โดนัลด์ ทรัมป์) สร้างเอาไว้กับชาวโลก รวมถึงเดินหน้าทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ล่วงหน้าทันที ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Green Economy หรือเศรษฐกิจพลังงานสะอาด

เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่าน โจ ไบเดน ได้ประกาศต่อสื่อว่า มีแพลนที่จะเปลี่ยนรถยนต์ของหน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาด้วยแรงงานของคนอเมริกันเท่านั้น นี่ถือเป็นนโยบายใหม่ที่อยู่ภายใต้แผน Buy American ที่เป็นคำสั่งของประธานาธิบดีโดยตรง (Executive Order) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

 

การประกาศของไบเดนในครั้งนี้ ทาง The Verge สื่อของสหรัฐฯ ถือว่าเป็นข่าวดีของค่ายรถยนต์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ อย่าง Tesla, Rivian และ Lordstown รวมถึงค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่าง Ford และ General Motors (GM) ที่กำลังลงทุนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในตอนนี้

เรามาดูกันว่า 10 รถยนต์ไฟฟ้าผลิตใน USA ที่คนอเมริกัน และ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกใจ จะมีรุ่นไหนบ้าง …..

Chevrolet-Bolt-EV-2021

1. Chevrolet Bolt EV

Chevrolet Bolt EV (เชฟโรเลต โบลท์ อีวี) รถแฮทช์แบค Sub-Compact พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของ Chevrolet ที่พัฒนามาจากรถต้นแบบในปี 2015 ก่อนจะขายจริงในปี 2016

ก่อนจะปรับโฉมเนอร์เชนจ์ในปีที่ผ่านมา ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ที่ 37,495 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในเริ่มต้นอย่างรุ่น LT ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯ ช่วยอุดหนุนเพิ่มเติม ราคาของรถจึงลงมาอยู่ที่ 30,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ และ 41,895 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในรุ่น Top อย่าง Premier

สำหรับรุ่นไมเนอร์เชนจ์นี้ ชุดแบตเตอรี่ ทาง LG Chem ซึ่งเป็นผู้ผลิตให้ GM ได้เปลี่ยนส่วนผสมทางเคมีในเซลล์แบตเตอรี่ให้ความหนาแน่นของประจุไฟฟ้ามากขึ้น จึงเพิ่มระยะทางการขับได้อีก 10% เป็น 417 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง หรือระยะทางเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 34 กม. ซึ่งตัวเลขนี้คิดจากใช้งานจริงตามมาตรฐาน EPA ส่วนการชาร์จปกติ ใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 9 ชั่วโมง แต่ถ้าชาร์จผ่านสถานีชาร์จ DC Fast ใช้เวลาชาร์จ 30 นาที สามารถให้ระยะทางวิ่งได้มากถึง 145 กิโลเมตร

สำหรับ Chevrolet Bolt EV ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 266 นิวตัน-เมตร ทำอัตราเร่ง 0-60 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.9 วินาที

Tesla-Model-3

2. Tesla Model 3

Tesla Model 3 (เทสลา โมเดล 3) รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก แบบ Compact Car รุ่นปรับปรุงใหม่ในปี 2021 เพิ่มสมรรถนะโดยรวมของตัวรถ กับระยะทางวิ่งตั้งแต่ 20 – 50 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งในแต่ละรุ่นย่อย ทั้งรุ่น Standard Range Plus, Long Range และ Performance

ขุมพลัง มีให้เลือกทั้งแบบ Single Motor และ Dual Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง และแบบ AWD ในรุ่น Dual Motor มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 283 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกทั้งแบบขนาด 54 kWh (รุ่น Standard Range Plus), 62 kWh (รุ่น Performance) และ 75 kWh (รุ่น Long Range)

ให้อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 5.3 วินาที (Single Motor) และ 4.4 วินาที (Dual Motor) ทำความเร็วได้สูงสุด 225 กม./ชม. (Single Motor) และ 233 กม./ชม. (Dual Motor) ให้ระยะทางวิ่ง 423 กิโลเมตร (Single Motor), 569 กิโลเมตร (Dual Motor) (เพิ่มขึ้นจากเดิม 50 กิโลเมตร) และรุ่น Top สุด 507 กิโลเมตร (Dual Motor) (เพิ่มขึ้นจากเดิม 26 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (คำนวณตามมาตรฐาน EPA) โดยใช้เวลาชาร์จประมาณ 6 – 6.5 ชั่วโมง

Tesla-Model-S-Plaid-2021

3. Tesla Model S Plaid

Tesla Model S (เทสล่า โมเดล เอส) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ที่เปิดตัวมานานแล้วเหมือนกัน นับตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2555 แต่ก็มีการปรับปรุงอะไรมาโดยตลอด และล่าสุดทาง Elon Musk (อีลอน มัสก์) ได้ประกาศแล้วว่าจะสร้าง Tesla Model S Plaid รุ่นใหม่ และสามารถเล่นเกม Cyberpunk 2077 ในรถได้ด้วย ออกจำหน่ายในเดือนมีนาคมนี้

ขุมพลังของ Tesla Model S Plaid บอกเลยว่าไม่ธรรมดา! มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว บนระบบขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ให้กำลังสูงสุด 1,020 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้น้อยกว่า 2 วินาที! (ส่วน 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 2.1 วินาที) ทำความเร็วได้สูงสุด 320 กม./ชม. ถือว่าเร็วกว่า Supercar หลายรุ่นทีเดียว! สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 627 – 836 กิโลเมตร

ราคาของ Tesla Model S Long Range อยู่ที่ 79,990 ดอลลาร์สหรัฐฯ, Model S Plaid อยู่ที่ 119,990 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วน Model S Plaid+ อยู่ที่ 139,990 ดอลลาร์สหรัฐฯ

Tesla-Model-X-2021

4. Tesla Model X

Tesla Model X (เทสล่า โมเดล เอ็กซ์) รถ SUV หรูพลังงานไฟฟ้า แม้ว่าจะออกมาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว แต่ก็ยังมีการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ อยู่ตลอด ตัวรถออกแบบโดย Franz von Holzhausen

ขุมพลังเป็นแบบ Dual Motor ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ในรุ่น Long Range มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 335 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.9 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 250 กม./ชม. และยังมีรุ่น Plaid ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังสูงถึง 1,020 แรงม้า และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.6 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 262 กม./ชม. อีกด้วย!

มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh ให้ระยะทางวิ่ง 547 กิโลเมตร (Plaid) และ 580 กิโลเมตร (Long Range) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

Tesla-Model-Y-2021

5. Tesla Model Y

Tesla Model Y (เทสล่า โมเดล วาย) เป็นรถที่เข้ามาเติมเต็มความหมายของคำว่า S E X Y ตามแบบฉบับของ Elon Musk (แม้ว่ารุ่น E จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Model 3 ไปก็ตาม) จัดให้เป็นรถในกลุ่ม CUV (Crossover Utility Vehicle) หรือ Crossover SUV ขนาด Compact 5+2 ที่นั่ง แบบเดียวกับ Tesla Model 3 แต่ยกสูงกว่า มีขอบซุ้มล้อสีดำ และเพิ่มออพชั่นเป็นเบาะแถว 3 ให้อีก 2 ที่นั่ง ในราคา 41,990 – 59,990 ดอลล่าร์สหรัฐฯ

ขุมพลัง มีให้เลือกทั้งแบบ Single Motor และ Dual Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง และแบบ AWD ในรุ่น Dual Motor มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 283 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกทั้งแบบขนาด 54 kWh (รุ่น Standard Range Plus), 62 kWh (รุ่น Performance) และ 75 kWh (รุ่น Long Range)

ให้อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 5.3 วินาที (Single Motor), 4.8 วินาที (Dual Motor – Long Range) และ 3.5 วินาที (Dual Motor – Perfomance) ทำความเร็วได้สูงสุด 193 – 209 กม./ชม. (Single Motor) และ 217 – 241 กม./ชม. (Dual Motor) ให้ระยะทางวิ่ง 370 – 482 กิโลเมตร (Single Motor), 450 – 482 กิโลเมตร (Dual Motor) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (คำนวณตามมาตรฐาน EPA) โดยใช้เวลาชาร์จประมาณ 6 – 6.5 ชั่วโมง

Ford-Mustang-Mach-E-2021

6. Ford Mustang Mach E

Ford Mustang Mach-E (ฟอร์ด มัสแตง มาร์ช อี) รถ Crossover SUV ขนาด Compact ใช้พลังงานไฟฟ้า ที่หวนนำชื่อรุ่น และชื่อเสียงของรถสปอร์ตรุ่นดังของ Ford อย่าง Mustang (มัสแตง) มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า แม้ว่าแฟนๆ มัสแตงพันธุ์แท้ อาจไม่ถูกใจสิ่งนี้ก็ตาม แต่จากยอดจองหลายหมื่นคัน ก็สามารถพิสูจน์ได้เหมือนกันว่า ชื่อ Mustang นี้มีผลจริงๆ … ในราคา 42,895 – 60,500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ

การออกแบบภายนอก ยังคงเอกลักษณ์ครบถ้วนแบบใน Mustang รุ่นต้นตำหรับ โดยเฉพาะชุดไฟท้ายทรงตั้ง 3 ช่อง ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์มใหม่ GE2 (Global Electrified 2) ส่วนภายในห้องโดยสาร ดูล่ำยุค แต่จอ Tablet ขนาด 15.5 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง ดูใหญ่จนน่ารำคาญไปหน่อย แต่ก็ง่ายต่อการใช้งาน

ขุมพลัง มีทั้งรุ่นขับหลัง และรุ่นขับสี่ล้อ All Wheel Drive ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเริ่มต้นในรุ่น Select ให้กำลังสูงสุด 255 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ให้ระยะทางวิ่งได้ 370 – 388 กิโลเมตร

ในรุ่น Premium ให้กำลังสูงสุด 281 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ให้ระยะทางวิ่งได้ 483 กิโลเมตร, ในรุ่น Premium AWD ให้กำลังสูงสุด 333 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 563 นิวตัน-เมตร ชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ให้ระยะทางวิ่งได้ 435 กิโลเมตร

และรุ่น Top สุด อย่าง Mach E GT ให้กำลังสูงสุด 459 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 828 นิวตัน-เมตร ชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ให้ระยะทางวิ่งได้ 378 กิโลเมตร กับอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ที่ 3.8 วินาที!

ติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 75.7 kWh, 98.8 kWh รองรับการชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 38 นาที

Nissan-Leaf-USA-2021

7. Nissan Leaf

Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) “Simply Amazing” เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า “100%” และมีอัตราการปล่อยมลพิษเป็น “0” และถือเป็นรถค่ายญี่ปุ่นเจ้าแรก ที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำหน่ายอย่างเป็นทางการในสหรัฐฯ ซึ่งผลิตในที่โรงงานในเมือง Smyrna รัฐ Tennessee มีราคาอยู่ที่ 31,620 – 43,920 ดอลล่าร์สหรัฐฯ

Nissan Leaf ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 239 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และรุ่นพลังแรง Plus ให้กำลังสูงสุด 214 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 338 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 346 – 363 กิโลเมตร

ติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 40 kWh สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟขนาด 3.6 kW ได้ในเวลา 12 ชั่วโมง และกำลังไฟขนาด 6.6 kW ในเวลา 6 ชั่วโมง รองรับการชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 40 นาที และขนาดความจุ 62 kWh เป็นต้น

GMC-Hummer-EV-2022

8. GMC Hummer EV

GMC Hummer EV (จีเอ็มซี ฮัมเมอร์ อีวี) การกลับมาครั้งใหม่ สร้างเสียงฮือฮาสำหรับคนชอบรถ Off-Road ได้พอสมควร แม้ว่าจะมาในฐานะแบรนด์ย่อยของ GMC ก็ตาม ตัวรถยังคงเหมือนรุ่นดั้งเดิม เรียบง่ายแต่ทันสมัย ส่วนห้องโดยสารภายใน ออกแบบได้ล้ำยุค แต่ก็ยังคงความเหลี่ยมอันเป็นเอกลัษณ์ของ Hummer ไว้ครบถ้วน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 112,595 ดอลลาร์สหรัฐฯ

สำหรับจุดเด่นอย่างหนึ่งของรถรุ่นนี้ คือระบบ Hummer’s UltraVision ติดตั้งกล้องไว้รอบคันรถถึง 18 มุมมอง มีตั้งแต่ “ตัวตรวจจับเสมือน” ไปจนถึงกล้องใต้ท้องเครื่องยนต์ เพื่อช่วยหลบหลีกสิ่งกีดขวาง

ขุมพลังใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว ให้กำลังรวมประมาณ 1,000 แรงม้า และแรงบิดประมาณ 15,591 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่วนอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ในเวลาประมาณ 3 วินาที เมื่อใช้ระบบ Launch Control “Watts to Freedom” สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 563 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

Rivian-R1T-2021

9. Rivian R1T

Rivian R1T (ริเวียน อาร์ 1 ที) จัดเป็นค่ายรถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน จัดเป็นรถกระบะพลังงานไฟฟ้าคันแรกของโลก ที่ได้รับการพูดถึงมากสุดในอเมริกาทีเดียว ตัวรถภายนอกดูเรียบง่าย แต่โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้าแบบ Stadium ซึ่งเป็น Design Language ของริเวียนต่อไปทุกรุ่นในอนาคต ซึ่ง Rivian R1T มีแพลนจำหน่ายอย่างเป็นทางการช่วงกลางปีนี้ ในราคาเริ่มต้น 75,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ

ส่วนห้องโดยสารภายใน คงความทันสมัยและแฝงความคลาสสิกอย่างไม้เข้าไปด้วย เน้นความทนทาน ทำความสะอาดง่าย มาตรวัดบริเวณหน้าปัดขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว และจอบอกข้อมูลรถยนต์ขนาด 15.6 นิ้ว ใหญ่สะใจ

ขุมพลังใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ให้กำลังตัวละ 197 แรงม้า X 4 พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 105 kWh ให้กำลังสูงสุด 402 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 699 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 370 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

และแบตเตอรี่ความจุ 135 kWh ให้กำลังสูงสุด 753 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1398 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 482 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง กับรุ่น Top สุด แบตเตอรี่ความจุ 180 kWh จำกัดกำลังสูงสุดไว้ที่ 700 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1398 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 643 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ทุกรุ่นจำกัดความเร็วไว้ที่ 201 กม./ชม.

Lordstown-Endurance-2021

10. Lordstown Endurance

Lordstown Endurance (ลอร์ดทาวน์ เอ็นดูรานซ์) จากบริษัทสตาร์ทอัพหน้าใหม่ Lordstown Motors ที่ทำรถกระบะไฟฟ้าออกมาขาย หลังจากที่ระดมทุนมาได้มากพอสมควร ที่มาของชื่อแบรนด์ คือใช้โรงงานเก่าของ GM ในเมืองลอร์ดสทาวน์ รัฐ Ohio เป็นฐานการผลิต

รุ่นนี้ระบบขับเคลื่อนที่อาจต่างไปจากรถยนต์ไฟฟ้าค่ายอื่นหน่อย เพราะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่ล้อทั้ง 4 แบบ “In-Wheel Hub Motor” แทนการใช้มอเตอร์หมุนเพลา มีชิ้นส่วนน้อยลง บำรุงรักษาง่ายกว่า และยังคุมรถได้ดีขึ้นด้วย จากการใช้ระบบกระจายแรงบิดทั้ง 4 ล้อ

ตัวรถภายนอกดูเรียบง่าย เน้นความเปลี่ยมสัน แข็งแกร่ง มาในราคาเริ่มต้น 52,500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ

ขุมพลังใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสี่ตัว ขับเคลื่อนแบบ 4 Hub Electric Motors รวมกำลังได้สูงสุด 600 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 109 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 320 กิโลเมตร เมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ใช้เวลาในการชาร์จราว 10 ชั่วโมง องรับการชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 50 นาที – 1.50 ชั่วโมง และจำกัดความเร็วไว้ที่ 128 กม./ชม.

ส่วนถ้าใครอยากขายรถเพื่อนำเงินไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ง่ายๆ เพียงขายรถคันเก่ากับ CARRO Express ได้เงินไว! เร็ว! พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

Thailand-Car-Sales-Volume-2021

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ปี 2563 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2564

สำหรับยอดขายรถยนต์รวมในประเทศไทยปี 2563 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายลดลง 21.4% โดยมียอดขายอยู่ที่ 792,146 คัน”

สถิติการขายรถยนต์ในประเทศปี 2563 ยอดขายปี 2563 เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2562

ปริมาณการขายรวม 792,146 คัน      -21.4%
รถยนต์นั่ง  274,789 คัน -31.0%
รถเพื่อการพาณิชย์ 517,357 คัน -15.1%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 409,463 คัน -16.8%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 364,887 คัน -15.5%

https://www.toyota.co.th/media/news/gallery/bffd17b5144496bbe2c0fad20ecf7d2ef525d20b.jpg

สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2564 คาดการณ์ว่า ในปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายอีกครั้งสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย เนื่องจากยังคงต้องเผชิญกับหลายปัจจัย จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 การพัฒนาวัคซีน และการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รวมถึงแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ทั้งหมดนี้จะส่งผลต่อทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์

นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวต่างๆ ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ กิจกรรมทางการตลาด และกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ จะมีบทบาทสำคัญต่อการกระตุ้นยอดขายรถยนต์  ดังนั้น เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้แล้ว จึงคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2564 จะอยู่ที่ประมาณ 850,000 – 900,000 คัน เพิ่มขึ้น 7-14% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2564 ยอดขาย

ประมาณการปี 2564

เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2563

ปริมาณการขายรวม 850,000 900,000 คัน     + 7-14%
รถยนต์นั่ง 290,000 318,000 คัน + 5-15%
รถเพื่อการพาณิชย์ 560,000 582,000 คัน + 8-13%

สำหรับยอดขายโตโยต้า ในปี 2563 ยอดขายรวมลดลง 26.5% หรือคิดเป็นจำนวน 244,316 คัน อย่างไรก็ตาม แต่ยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 30.8% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด เนื่องจากมีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่าง Corolla Cross, Yaris ATIV, Fortuner Legender, Hilux Revo และ Innova Crysta ส่งผลให้โตโยต้าสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้

สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2563 ยอดขายปี 2563 เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2562

ส่วนแบ่งตลาด
ปริมาณการขายโตโยต้า 244,316 คัน      -26.5% 30.8%
รถยนต์นั่ง  68,152 คัน -42.1% 24.8%
รถเพื่อการพาณิชย์ 176,164 คัน -17.9% 34.1%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 149,635 คัน -21.9% 36.5%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 129,893 คัน -21.5% 35.6%

สำหรับเป้าหมายของโตโยต้าในปี 2564 โตโยต้ามีเป้าหมายการขายอยู่ระหว่าง 280,000 – 300,000 คัน หรือคิดเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้น 15 – 23% จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดที่ 33.3%

ปริมาณการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2564 ยอดขาย

ประมาณการปี 2564

เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2563

ส่วนแบ่งตลาด
ปริมาณการขายโตโยต้า 280,000 – 300,000 คัน      + 15-23% 33.0%
รถยนต์นั่ง    82,500 – 92,000 คัน      + 21-35% 29.0%
รถเพื่อการพาณิชย์ 197,500 – 208,000 คัน      + 12-18% 36.0%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 168,500 – 181,000 คัน      + 13-21% 38.0%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 144,000 – 153,000 คัน      + 11-18% 38.0%

ด้านการส่งออกในปี 2563 โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 215,277 คัน ลดลง 18.7% ปริมาณการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศ และการส่งออกมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 442,822 คัน ลดลง 22.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป

และการผลิตของโตโยต้าปี 2563

ปริมาณปี 2563 เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2562

ปริมาณการส่งออก 215,277 คัน      -18.7%
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ 442,822 คัน -22.4%

ทั้งนี้สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ 254,000 คัน เพิ่มขึ้น 18% จากปีที่แล้ว เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากภูมิภาคหลัก เช่น เอเชียและโอเชียเนีย

ทั้งนี้โตโยต้าตั้งเป้าการผลิตรถยนต์อยู่ที่ 527,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 19% จากปี 2563 ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าว สอดคล้องกับเป้าหมายยอดขายของทั้งในระดับประเทศและระดับโลก

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป

และการผลิตของโตโยต้าปี 2564

ปริมาณปี 2564 เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2563

ปริมาณการส่งออก 254,000 คัน      18%
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ 527,000 คัน 19%

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนธันวาคม 2563

  1.   ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 104,089 คัน เพิ่มขึ้น 11.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 33,197 คัน เพิ่มขึ้น 12.6% ส่วนแบ่งตลาด 31.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ
22,917 คัน เพิ่มขึ้น 45.3% ส่วนแบ่งตลาด 22.0%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 10,075 คัน เพิ่มขึ้น 5.6% ส่วนแบ่งตลาด 9.7%
  1. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 38,130 คัน เพิ่มขึ้น 3.1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 8,811 คัน ลดลง 12.6% ส่วนแบ่งตลาด 23.1%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 8,378 คัน เพิ่มขึ้น 22.4% ส่วนแบ่งตลาด 22.0%
อันดับที่ 3 มาสด้า 3,475 คัน ลดลง 3.1% ส่วนแบ่งตลาด  9.1%
  1. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 65,959 คัน เพิ่มขึ้น 16.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 24,386 คัน เพิ่มขึ้น 25.7% ส่วนแบ่งตลาด 37.0%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 22,917 คัน เพิ่มขึ้น 45.3% ส่วนแบ่งตลาด 34.7%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 4,595 คัน เท่าเดิม ส่วนแบ่งตลาด  7.0%
  1. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 51,516 คัน เพิ่มขึ้น 14.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 21,566 คัน เพิ่มขึ้น 46.9% ส่วนแบ่งตลาด 41.9% 
อันดับที่ 2 อีซูซุ 20,123 คัน เพิ่มขึ้น 17.5% ส่วนแบ่งตลาด 39.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 4,595 คัน เท่าเดิม ส่วนแบ่งตลาด 8.9%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 7,512 คัน
อีซูซุ 2,806 คัน – โตโยต้า 2,709 คัน – มิตซูบิชิ 1,118 คัน – ฟอร์ด 856 คัน – นิสสัน 23 คัน 

  1. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 44,004 คัน เพิ่มขึ้น 11.1%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 18,760 คัน เพิ่มขึ้น 34.9% ส่วนแบ่งตลาด 42.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 17,414 คัน เพิ่มขึ้น 16.4% ส่วนแบ่งตลาด 39.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,739 คัน ลดลง 3.9% ส่วนแบ่งตลาด 8.5%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – ธันวาคม 2563

  1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 792,146 คัน ลดลง 21.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า
244,316 คัน ลดลง 26.5% ส่วนแบ่งตลาด 30.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 181,194 คัน เพิ่มขึ้น 7.7% ส่วนแบ่งตลาด 22.9%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
93,041 คัน ลดลง 26.1% ส่วนแบ่งตลาด 11.7%
  1. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 274,789 คัน ลดลง 31.0%
อันดับที่ 1 ฮอนด้า 77,419 คัน ลดลง 19.5% ส่วนแบ่งตลาด 28.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
68,152 คัน ลดลง 42.1% ส่วนแบ่งตลาด 24.8%
อันดับที่ 3 นิสสัน 27,120 คัน ลดลง 24.3% ส่วนแบ่งตลาด 9.9%
  1. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 517,357 คัน ลดลง 15.1%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 181,194 คัน เพิ่มขึ้น 7.7% ส่วนแบ่งตลาด 35.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
176,164 คัน ลดลง 17.9% ส่วนแบ่งตลาด 34.1%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 35,046 คัน ลดลง 29.0% ส่วนแบ่งตลาด 6.8%
  1. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 409,463 คัน ลดลง 16.8%
อันดับที่ 1 อีซูซุ
168,467 คัน เพิ่มขึ้น 10.0% ส่วนแบ่งตลาด 41.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
149,635 คัน ลดลง 21.9% ส่วนแบ่งตลาด 36.5%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
35,046 คัน ลดลง 29.0% ส่วนแบ่งตลาด 8.6%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 44,576 คัน
โตโยต้า 19,742 คัน – มิตซูบิชิ 9,342 คัน – อีซูซุ 8,139 คัน – ฟอร์ด 5,343 คัน –  นิสสัน 1,338 คัน – เชฟโรเลต 672 คัน

  1. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 364,887 คัน ลดลง 15.5%
อันดับที่ 1 อีซูซุ
160,328 คัน เพิ่มขึ้น 11.6% ส่วนแบ่งตลาด 43.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
129,893 คัน ลดลง 21.5% ส่วนแบ่งตลาด 35.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
25,704 คัน ลดลง 28.2% ส่วนแบ่งตลาด 7.0%

ขอขอบคุณข้อมูลจาก:

Auto-Finance-Leasing-Help-Debtor-From-Covid-19

นับตั้งแต่สถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 (โควิด-19) เริ่มมียอดผู้ป่วยในประเทศไทยตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2563 จนถึงขณะนี้ กลับมาระบาดระลอกใหม่อีก! มียอดพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเริ่มส่งผลต่อหลายกิจการอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตั้งแต่ภาคการท่องเที่ยว บริษัทรับจัดงานอีเวนท์ จัดออแกไนซ์ ร้านอาหาร สถานบันเทิง หรือแม้กระทั่งห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ต่างได้รับผลกระทบไปถ้วนหน้า จนต้อง Lockdown กันอีกรอบ!

ซึ่งหลายคนอาจจะถูกลดเงินเดือน ถูกเลิกจ้างชั่วคราว หรือแม้กระทั่งต้องปิดบริษัทเลยก็มี ซึ่งส่งผลกระทบทางการเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บรรดาสถาบันทางการเงิน บริษัทไฟแนนซ์ ลีสซิ่ง หรือธนาคาร ต่างก็ตกอยู่ในสภาวะการณ์ที่ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน จึงออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ที่ติดค่างวดรถ ต่างได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 กันถ้วนหน้า ซึ่งคุณต้องเตรียมเช็กค่างวดรถไว้ล่วงหน้าได้เลย …

MR.CARRO ขอรวมข้อมูลไฟแนนซ์ ลีสซิ่ง สถาบันการเงิน ช่วยเหลือลูกหนี้ ขอผ่อนผันค่างวดรถ ขอพักชำระหนี้ จากไวรัสโควิด-19 Update ล่าสุด! ครับ

Toyota Leasing

มาตรการช่วยเหลือลูกค้า โตโยต้า ลีสซิ่ง ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ระลอกใหม่

> ทางเลือกที่ 1 พักชำระหนี้ 3 งวด* 

เลื่อนการชำระค่างวด สูงสุดไม่เกิน 3 งวด โดยมีค่าดำเนินการ (ลูกค้าสามารถเลือกชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ ณ วันเริ่มต้นพักชำระหนี้ ตลอดจนถึงวันปิดสัญญา)

> ทางเลือกที่ 2 ปรับโครงสร้างหนี้*

ลดค่างวด โดยขยายเวลาชำระหนี้ (ค่างวดที่ลดลงขึ้นอยู่กับจำนวนงวดที่ได้มีการขยายออกไปจากเดิม ซึ่งคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยเดิม)​

เกณฑ์การสมัคร

1. สำหรับลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อมาตรฐาน ที่ผ่อนมาแล้ว 1 งวดขึ้นไปและค้างชำระไม่เกิน 60 วัน (2 งวด) ณ วันที่ลงทะเบียน​ (ไม่รวมกลุ่มลูกค้าประเภทโปรแกรมสินเชื่อเช่าซื้อสมปอง  สินเชื่อเช่าซื้อรายใหญ่  สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกฮีโน่  สินเชื่อรถเช่าระยะยาวสำหรับลูกค้าองค์กร, นิติบุคคล (FL, OL, FSL) และบริการเช่ารถระยะยาว KINTO)

2. การปรับโครงสร้างหนี้จะขยายงวดการชำระตลอดสัญญาเช่าซื้อได้สูงสุดรวมไม่เกิน 120 เดือน*

สามารถลงทะเบียนผ่านทางแอปพลิเคชัน TLT Simply คลิก https://tltsimply.page.link/tltsimply ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม ถึง 31 ธันวาคม 2564​

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://www.tlt.co.th/news_detail/DmBPGyMLVK

https://www.hondaleasing.co.th/upload/banner/banner-1610959939.jpg

Honda Leasing

มาตรการช่วยเหลือลูกค้า ฮอนด้า ลีสซิ่ง ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ระลอกใหม่

ทางเลือกที่ 1 ลดค่างวดโดยขยายเวลาชำระหนี้ (ปรับปรุงโครงสร้างหนี้)

ทางเลือกที่ 2 พักชำระค่างวดสูงสุด 3 เดือน

มาตรการดังกล่าวสำหรับลูกค้าที่ผ่อนมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน และค้างชำระไม่เกิน 60 วัน ในวันที่ลงทะเบียน และไม่เคยทำการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับ ฮอนด้า ลิสซิ่ง มาก่อน

เอกสารประกอบการลงทะเบียนออนไลน์

หลักฐานแสดงการลดลงของรายได้ เช่น หนังสือเลิกจ้างงาน, บัตรพนักงานและประกาศลดเงินเดือน หรือประกาศปิดโรงงานหรือบริษัท เป็นต้น

ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ Honda Leasing (คลิกที่นี่)

รวมมาตรการ Edit08

ธนาคารออมสิน

ออมสิน ขานรับมติ ครม. เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโควิดระลอกใหม่ ปล่อยสินเชื่อบรรเทาความเดือดร้อน รายละ 10,000 บาท ให้ยี่นกู้ผ่าน MyMo ได้ตั้งแต่ 13 พ.ค. นี้ เฟสแรกเน้น 6 จังหวัดสีแดงเข้ม ก่อนขยายผลช่วยเหลือทั่วประเทศในเฟสต่อไป

ธนาคารออมสิน ตระหนักถึงความเดือดร้อนของลูกหนี้กลุ่มที่เป็นลูกค้ารายย่อย จึงออกมาตรการพักชำระหนี้ สูงสุด 6 งวด (พักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย) เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในช่วงสถานการณ์ยากลำบาก

จากฐานข้อมูลลูกค้าสินเชื่อของธนาคาร ประเมินว่าจะสามารถช่วยเหลือลูกค้าที่มีสิทธิ์พักหนี้ตามมาตรการนี้ ในจำนวนมากถึงกว่า 750,000 คน เป็นยอดหนี้คงเหลือกว่า 50,000 ล้านบาท

มาตรการพักชำระหนี้ลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 200,000 บาท และไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน สำหรับผู้ได้รับผลกระทบทำให้ต้องเลิกกิจการ ถูกเลิกจ้าง ขาดรายได้ ฯลฯ (ยกเว้นข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ) โดยพักเงินงวดผ่อนชำระให้สูงสุด 6 งวด เริ่มตั้งแต่งวดเดือน ก.ค. – ธ.ค.2564

หลังจากนั้นเมื่อสิ้นสุดระยะการพักชำระหนี้ ให้กลับมาจ่ายเงินงวดตามเงื่อนไขเดิม โดยเงินต้นและดอกเบี้ยที่ได้พักไว้จะถูกนำไปรวมชำระในงวดสุดท้ายของสัญญาเงินกู้หรือข้อตกลงที่ทำกับธนาคาร

ทั้งนี้ ช่วงระยะเวลาที่พักชำระหนี้ ไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระและไม่ส่งผลต่อข้อมูลเครดิตของลูกค้า รวมถึงไม่มีดอกเบี้ยผิดนัดชำระและค่าปรับใด ๆ

ธนาคารแบ่งความช่วยเหลือเป็น 2 เฟส เริ่มเฟสแรกวันที่ 25 ก.ค. 2564 และเฟสที่ 2 ช่วงเดือน ส.ค. ลูกค้าจะทยอยได้รับ SMS หรือ Notification แจ้งทางแอป MyMo ให้สามารถกดรับสิทธิ์เพื่อขอพักชำระหนี้ผ่านแอป MyMo จนเสร็จสิ้นกระบวนการ

กรณีที่ลูกค้ายังไม่มีแอป สามารถดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานด้วยตนเอง หรือ ติดต่อที่ธนาคารออมสินทุกสาขา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://www.gsb.or.th/new/pr-news/

ธนาคารไทยพาณิชย์

ตามที่สถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องกับระบบเศรษฐกิจไทย และมีผลไปยังสภาพคล่องของลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจของธนาคาร  ธนาคารไทยพาณิชย์จึงได้ขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือระยะ 3 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจให้กับลูกค้าจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19  โดยมีมาตรการดังนี้

ลดอัตราดอกเบี้ยสูงสุด มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2563

  • สินเชื่อหมุนเวียน Speedy Cash และสินเชื่อบุคคล Speedy Loan ลดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดจาก 28 % เป็น 25 %
  • บัตรเครดิตไทยพาณิชย์ทุกประเภท ลดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดจาก 18 % เป็น 16 %

มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระยะที่ 3 สำหรับสินเชื่อแต่ละประเภท

สมัครเข้าร่วมโครงการได้ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564

บัตรเครดิต :

1. ผ่อนยอดค้างชำระด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 12% นาน 48 เดือน*

2. ผ่อนยอดค้างชำระด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ นานสูงสุด 96 เดือน *

3. รวมหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยอื่น

*  ทุกหน้าบัตร ยกเว้นบัตร JCB และรายการใช้จ่ายที่ขอใช้บริการดีจังแบ่งชำระรายเดือน

สินเชื่อ Speedy Cash :

1. ผ่อนเงินต้นค้างชำระ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 22% ต่อปี นาน 48 เดือน

2. ผ่อนเงินต้นค้างชำระ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ นานสูงสุด 96 เดือน

3. รวมหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยอื่น

สินเชื่อ Speedy Loan:

1. พักชำระค่างวดพร้อมปรับลดค่างวดและขยายระยะเวลาผ่อนชำระ

2. ปรับลดค่างวดและขยายระยะเวลาผ่อนชำระ พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ

3. รวมหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยอื่น

สินเชื่อรถยนต์:

  1. ปรับลดค่างวดและขยายระยะเวลาผ่อนชำระ
  2. พักชำระค่างวดพร้อมปรับลดค่างวดและขยายระยะเวลาผ่อนชำระ

สินเชื่อบ้าน :

1.พักชำระค่างวดพร้อมปรับลดค่างวด หรือ พักชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยบางส่วนพร้อมปรับลดค่างวด

2.พักชำระเงินต้นและลดอัตราดอกเบี้ยพร้อมปรับลดค่างวด

3.ปรับลดค่างวด และ/หรือ ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ

4.ทยอยชำระคืนเป็นขั้นบันได หลังลดค่างวดหรือพักชำระหนี้

5.รวมหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยอื่น

สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการรายย่อย (ยอดขายไม่เกิน 75 ล้านบาท) :

1.ปรับลดค่างวด และ/หรือ ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ

ช่องทางลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ และรายละเอียดเพิ่มเติม

  • ผ่านแอป SCB EASY (เฉพาะลูกค้าบุคคล)
  • ผ่านระบบอัตโนมัติ SCB Call Center โทร. 02-777-7777

เงื่อนไข:  

1. ในระยะเวลาผ่อนผันการชำระหนี้ อัตราดอกเบี้ยยังคงถูกคำนวณตามยอดเงินต้นที่คงเหลืออยู่

2. การพิจารณาอนุมัติเป็นไปตามเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ธนาคารจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม และหลักเกณฑ์ของธนาคาร    

หมายเหตุ:

1. ก่อนวันที่ 1 มี.ค. 2563 ลูกค้าบุคคลที่เข้าร่วมมาตรการให้ความช่วยเหลือระยะที่ 3 ต้องเป็นลูกหนี้ที่ไม่ถูกจัดชั้นด้อยคุณภาพ (Non-Performing Loans: NPL) ไม่ค้างชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยเกินกว่า 90 วัน หรือ 3 เดือน นับแต่วันครบกำหนดชำระ

2. การสมัครเข้าโครงการช่วยเหลือข้างต้น เมื่อมีการตกลงเรียบร้อยแล้ว ธนาคารอาจมีการนัดหมายเพื่อลงนามข้อตกลงกับลูกค้า

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://www.scb.co.th/th/about-us/news/jan-2564/customers-support-covid-2021.html

 

ธนาคารกสิกรไทย

ประเภทที่ 1 มาตรการช่วยเหลือที่ไม่ต้องลงทะเบียน

– บัตรเครดิตกสิกรไทย : จาก 18% เป็น 16%
– บัตรเงินด่วน : จาก 28% เป็น 25%
– สินเชื่อเงินด่วน จาก 28% เป็น 25%* (*มีผลเฉพาะสินเชื่อที่อนุมัติตั้งแต่ 1 ส.ค. 2563 เป็นต้นไป)
สินเชื่อรถช่วยได้ประเภทจำนำทะเบียนรถ จาก 28% เป็น 24%* (*มีผลเฉพาะสินเชื่อที่อนุมัติตั้งแต่ 1 ส.ค. 2563 เป็นต้นไป)

ประเภทที่ 2 มาตรการช่วยเหลือที่ต้องลงทะเบียน

– บัตรเครดิตกสิกรไทย

  • ทางเลือกที่ 1 พักชำระเงินต้น จ่ายแต่ดอกเบี้ยเป็นเวลา 6 รอบบัญชีนับจากเดือนที่ลงทะเบียน หากท่านเข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นจ่ายแต่ดอกเบี้ยอยู่แล้ว แนะนำให้ท่านลงทะเบียนล่วงหน้าไม่เกิน 30 วัน ก่อนมาตรการเดิมจะสิ้นสุดลง
  • ทางเลือกที่ 2 เปลี่ยนยอดคงค้างเป็นผ่อนชำระ 48 งวด ดอกเบี้ยพิเศษ 12% ต่อปี ธนาคารอาจพิจารณายกเลิกบัตรของท่าน กรณีเลือกทางเลือกนี้

– บัตรเงินด่วน

  • ทางเลือกที่ 1 พักชำระเงินต้นจ่ายแต่ดอกเบี้ยเป็นเวลา 6 รอบบัญชี นับจากเดือนที่ลงทะเบียน หากท่านเข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นจ่ายแต่ดอกเบี้ยอยู่แล้ว แนะนำให้ท่านลงทะเบียนล่วงหน้าไม่เกิน 30 วัน ก่อนมาตรการเดิมจะสิ้นสุดลง
  • ทางเลือกที่ 2 เปลี่ยนยอดคงค้าง เป็นผ่อนชำระ 48 งวด ดอกเบี้ยพิเศษ 22% ต่อปี ธนาคารอาจพิจารณายกเลิกบัตรของท่าน กรณีเลือกทางเลือกนี้

– สินเชื่อเงินด่วน

  • ทางเลือกที่ 1 พักชำระเงินต้นจ่ายแต่ดอกเบี้ยเป็นเวลา 6 รอบบัญชี นับจากเดือนที่ลงทะเบียน หากท่านเข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นจ่ายแต่ดอกเบี้ยอยู่แล้ว แนะนำให้ท่านลงทะเบียนล่วงหน้าไม่เกิน 30 วัน ก่อนมาตรการเดิมจะสิ้นสุดลง
  • ทางเลือกที่ 2 ลดค่างวด 30% ของค่างวดเดิมเป็นเวลา 6 รอบบัญชี ดอกเบี้ยพิเศษ 22% ต่อปี

– สินเชื่อบ้านกสิกรไทย

  • ทางเลือกที่ 1 จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยและลดอัตรา ดอกเบี้ยลง 0.1% เป็นเวลา 3 เดือน
  • ทางเลือกที่ 2 ลดค่างวด 50% ของค่างวดเดิม เป็นเวลา 3 เดือน
  • ทางเลือกที่ 3 พักชำระเงินต้น และดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน

– สินเชื่อเงินด่วน แบบผ่อนระยะยาวเพื่อธุรกิจ

  • ทางเลือกที่ 1 จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน
  • ทางเลือกที่ 2 ลดยอดผ่อนชำระ 30% เป็นเวลา 3 เดือน
  • ทางเลือกที่ 3 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://kasikornbank.com/th/announcement/Pages/stronger-together2-personal.aspx

ธนาคารกรุงเทพ

ตามที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำหนดกรอบแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ ธนาคารจึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม เพื่อแบ่งเบาภาระให้แก่ลูกค้า ด้วยการพักชำระหนี้เป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยสามารถลงทะเบียนเข้าขอรับมาตรการดังกล่าวผ่านหลากหลายช่องทาง ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ถึง 15 สิงหาคม 2564

ในส่วนมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ออกมาก่อนหน้านี้ ธนาคารกรุงเทพ ยังคงดำเนินมาตรการที่สามารถรองรับลูกค้ากลุ่มต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม และได้ขยายระยะเวลาไปจนถึง 31 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและทันเวลา ทุกครั้งเมื่อมีการออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มเติม ก็จะเข้าไปศึกษาผลกระทบและเตรียมแนวทางหรือมาตรการช่วยเหลือให้คลอบคลุมเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ธนาคารยังมีมาตรการปกติที่เตรียมพร้อมเข้ามาช่วยดูแลหลังจากผ่านช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อให้ลูกค้าสามารถก้าวผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้ ซึ่งธนาคารพร้อมเป็น “เพื่อนคู่คิด” ที่อยู่เคียงข้างและก้าวไปด้วยกันในทุกสถานการณ์

สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือ และติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สำนักธุรกิจและสาขาธนาคารทั่วประเทศ และบัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 02-645-5555 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อป้องกันความเสี่ยง สามารถลงทะเบียนได้ทางเว็บไซต์ https://www.bangkokbank.com/COVID19-Update หรือ QR Code ตามแนบ หรือโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ ขณะเดียวกันลูกค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงหรือมีความสามารถผ่อนชำระสินเชื่อได้เช่นเดิม ยังคงสามารถใช้บริการและชำระสินเชื่อต่างๆ ได้ตามปกติ

บัตรเครดิต

– ปรับลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำมาอยู่ที่ 5% (จากเดิม 10%) จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพทุกประเภท และทุกรายได้
– รับสิทธิ์อัตโนมัติโดยไม่ต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิ์
– ปรับลดเพดานดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 16% ต่อปี (จากเดิม 18% ต่อปี) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563
– ขยายวงเงินให้แก่ลูกค้าที่มีความจำเป็นและมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง
– สำหรับลูกค้าที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 30,000 บาท จาก 1.5 เท่า เป็น 2 เท่า เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 63 – 31 ธ.ค. 64

สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ

ประเภทสินเชื่อเงินกู้ที่ผ่อนชำระเป็นงวด (Installment Loan)

– ลดค่างวดอย่างน้อย 30% โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 22% ต่อปี

ประเภทสินเชื่อเงินกู้ที่มีลักษณะหมุนเวียน (Revolving Loan)

– ลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ ตามความสามารถในการชำระหนี้
– เปลี่ยนเป็นสินเชื่อที่มีระยะเวลา (term loan) 48 งวด หรือขยายระยะเวลาตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า โดยคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 22% ต่อปี

สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่ออเนกประสงค์ที่ใช้ที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน

– เลื่อนชำระค่างวด (เงินต้นและดอกเบี้ย) เป็นระยะเวลา 3 เดือน
– หรือเลื่อนชำระเงินต้น (จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย) เป็นระยะเวลา 3 เดือน
– ลดค่างวดโดยขยายเวลาการชำระหนี้

การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ด้วยการรวมหนี้ (Debt Consolidation)

– เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 สงครามการค้า หรือภัยธรรมชาติ

สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี

– สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เงินกู้เสริมสภาพคล่อง
– มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://www.bangkokbank.com/th-th

บัตรเครดิต กรุงศรี

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

มาตรการที่ 1: ลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำอัตโนมัติ สำหรับลูกค้าทุกราย (โดยไม่ต้องลงทะเบียนหรือโทรฯแจ้งความจำนงกับบริษัท)

  • บัตรเครดิต: จากเดิม 10% เหลือ 5% ถึง 31 ธันวาคม 64
  • สินเชื่อส่วนบุคคลแบบชำระขั้นต่ำ: จากเดิม 5% เหลือ 3% ตามรอบบัญชี 31 ธันวาคม 64

มาตรการที่ 2: ปรับลดดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษและขยายเวลาผ่อนชำระ สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ (โดยต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านโมบายแอพ UCHOOSE เท่านั้น)

  • บัตรเครดิต: ลดดอกเบี้ยพิเศษ 12% และขยายเวลาผ่อนสูงสุด 99 เดือน (ขึ้นอยู่กับยอดคงค้าง)
  • สินเชื่อบุคคล: ลดดอกเบี้ยพิเศษ 22% ลดการผ่อนชำระขั้นต่ำเหลือ 3% หรือขยายเวลาผ่อนชำระนานสูงสุด 99 เดือน (ขึ้นอยู่กับยอดคงค้าง)

มาตรการที่ 3: ปรับลดยอดผ่อนชำระรายเดือนด้วยการขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระนานสูงสุด 99 เดือน (ปรับโครงสร้างหนี้)

  • บัตรเครดิต: ลดดอกเบี้ยพิเศษ และขยายเวลาผ่อนสูงสุด 99 เดือน (ขึ้นอยู่กับยอดคงค้าง)
  • สินเชื่อบุคคล: ลดดอกเบี้ยพิเศษ และขยายเวลาผ่อนชำระนานสูงสุด 99 เดือน (ขึ้นอยู่กับยอดคงค้าง)

ลงทะเบียนผ่าน – https://www.krungsricard.com/th/AboutUs/COVID-19-Relief-Phase2.html

ดูรายละเอียดเพิ่ม – https://www.krungsricard.com/th/AboutUs/COVID-19-Relief-Phase2.html

https://gumlet.assettype.com/ejan%2F2021-07%2Fb7781d59-841f-4339-afe2-3416d8dbee62%2FInfographic_Krungsri_Auto_COVID_19_additional_relief_measures.jpg?format=auto

กรุงศรี ออโต้

“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพิ่มเติม ตามแนวทางจากธนาคารแห่งประเทศไทย ผ่านการพักชำระค่างวดขั้นต่ำ 2 เดือน* สำหรับสินเชื่อยานยนต์ทุกประเภท ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยืนหยัดเคียงข้างลูกค้าให้ก้าวผ่านวิกฤตไปได้ในทุกสถานการณ์

นางกฤติยา ศรีสนิท ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรี ออโต้ ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ตั้งแต่ช่วงกลางไตรมาสสองของปี 2564 อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด หลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อรายวันยังคงเพิ่มสูงขึ้น และการแพร่ระบาดยังคงส่งผลกระทบในวงกว้าง กรุงศรี ออโต้ จึงได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย ในการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ต้องปิดกิจการจากผลกระทบของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ผ่านการพักชำระค่างวดขั้นต่ำ 2 เดือน* สำหรับสินเชื่อยานยนต์ทุกประเภท ครอบคลุมทั้งสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อจำนำทะเบียน พร้อมด้วยมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ เพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบรุนแรง”

ลูกค้าที่ต้องการสมัครรับความช่วยเหลือ โปรดดำเนินการแจ้งความประสงค์ขอความช่วยเหลือ ภายในวันที่ 3ธันวาคม  2564 ผ่าน e-form พร้อมทั้งส่งเอกสารประกอบการพิจารณามาได้ที่ https://bit.ly/33Gb8s8

*หลักเกณฑ์การพิจารณาเป็นไปตามที่ กรุงศรี ออโต้ กำหนด

ดูรายละเอียดเพิ่ม – https://www.krungsriauto.com/auto/home

ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีเอ็มบีธนชาต)

สินเชื่อรถยนต์ธนชาต สินเชื่อรถ

  1. สินเชื่อรถช่วยได้ ประเภทจำนำทะเบียนรถ ลดค่างวด 30% ของค่างวดเดิม ตลอดอายุสัญญา อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 22% ต่อปี
  2. สินเชื่อรถ สินเชื่อรถช่วยได้ ประเภทโอนเล่มทะเบียนรถ /สินเชื่อรถ (รถใหม่) /สินเชื่อรถ (รถใช้แล้ว)
  • ทางเลือกที่ 1 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน โดยขยายเวลาผ่อนชำระอีก 3 เดือน
  • ทางเลือกที่ 2 ลดค่างวด 50% ของค่างวดเดิม เป็นเวลา 6 เดือน โดยขยายเวลาผ่อนชำระอีก 3 เดือน

ดูรายละเอียดเพิ่ม – https://www.tmbbank.com/page/view/loan-covid19.html

ธนาคารกรุงไทย

สินเชื่อบุคคล (ประเภทวงเงินหมุนเวียน)
– เปลี่ยนเป็นวงเงินกู้แบบกำหนดระยะเวลา (Term Loan) 48 งวด หรือ ขยายระยะเวลาได้ตามความสามารถในการชำระหนี้

สินเชื่อบุคคล (แบบกำหนดระยะเวลา)
– ลดการผ่อนชำระลง 30% จากการผ่อนชำระตามสัญญากู้เดิม นานสูงสุด 6 เดือน

สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อที่มี ที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน (สินเชื่อบ้าน, สินเชื่อ Home for Cash, สินเชื่อกรุงไทยบ้านให้เงิน)
– พักชำระเงินต้น (ชำระเฉพาะดอกเบี้ย) นาน 3 เดือน หรือ ลดค่างวด โดยการขยายระยะเวลาการชำระหนี้

ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ – https://krungthai.com/covid19-2/main

ดูรายละเอียดเพิ่ม – https://krungthai.com/th/personal/loan/personal-loan/441

ธนาคารยูโอบี

บัตรเครดิตยูโอบี และ บัญชียูโอบีแคชพลัส

  1. ปรับลดอัตราผ่อนชําระคืนขั้นตํ่าให้ลูกค้าบัตรเครดิตยูโอบีและแคชพลัสทุกท่าน โดยไม่ต้องติดต่อธนาคาร เพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระของลูกค้าที่อาจได้รับผลกระทบ
  2. เข้าร่วมโปรแกรมรวมหนี้ (Debt Consolidation) (คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจ)

ลูกค้าสินเชื่อบ้าน

โครงการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19

สินเชื่อลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี และลูกค้าองค์กร

สินเชื่อซอฟต์โลน ดอกเบี้ย 2% นาน 2 ปี ไม่มีดอกเบี้ย 6 เดือนแรก

  • สำหรับลูกค้าผู้ประกอบการที่มีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารไม่เกิน 500 ล้านบาท (ตามเกณฑ์คุณสมบัติซอฟท์โลนของธนาคารแห่งประเทศไทย มีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2564 เรื่อง คำนิยาม “กลุ่มธุรกิจ”)
  • โดยเป็นวงเงินกู้ไม่เกิน 20% ของยอดหนี้คงค้างชำระทั้งหมด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562
  • สามารถยื่นขอสินเชื่อซอฟต์โลนได้ภายในวันที่ 18 เมษายน 2564 (ทั้งนี้ ธนาคารสามารถส่งคำขอสินเชื่อไปยัง ธปท. เพื่อพิจารณาภายในกำหนดการดังกล่าว หลังจากที่สินเชื่อนั้นๆ ได้รับอนุมัติจากธนาคารเรียบร้อยแล้ว)

หากท่านต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ที่ดูแลท่าน หรือ UOB Biz Call Centre โทร. 02-343-3555 อีเมล [email protected]

ทิสโก้จัดตั้งโครงการพิเศษ"คืนรถจบหนี้" | ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)

ธนาคารทิสโก้

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารได้ออกมาตรการ “คืนรถจบหนี้” เพื่อให้ความช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าเช่าซื้อและลูกค้าจำนำทะเบียนรถยนต์ ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่

โดยการเร่งเข้าไปช่วยเหลือในกลุ่มที่ไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดต่อไป ได้มีทางเลือกในการคืนรถ หากรถยนต์ที่ธนาคารได้รับคืนประมูลขายได้ราคาต่ำกว่าภาระหนี้คงค้าง ธนาคารจะ “ยกหนี้ให้” ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด กล่าวคือหากมีส่วนต่างผลขาดทุนจากการขายรถ และธนาคารจะไม่ดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม พร้อมระบุสถานะเป็นลูกค้า “ปิดบัญชี” รวมถึงรายงานข้อมูลเครดิตด้วยสถานะปิดบัญชี

ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ให้ลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการนี้ได้ลดภาระหนี้สิน และไม่มีประวัติค้างชำระหนี้ ซึ่งเกิดจากขายรถได้ต่ำกว่าภาระหนี้คงค้าง เมื่อผ่านพ้นภาวะวิกฤต ยังมีโอกาสยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินต่างๆ ได้

เงื่อนไขและคุณสมบัติของผู้ขอรับมาตรการฯ

  1. เป็นลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อหรือสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ (จำนำทะเบียนรถยนต์)
  2. เป็นลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดยมีรายได้ลดลงและไม่สามารถชำระค่างวดตามสัญญาเดิมได้ในระยะยาว (โดยลูกค้าต้องแสดงหลักฐาน / ข้อมูลว่าเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบ)
  3. รถยนต์ยังอยู่ในสภาพเรียบร้อย และสามารถใช้งานได้ตามปกติ
  4. มีประวัติผ่อนชำระค่างวดตามสัญญา มาแล้วไม่น้อยกว่า 12 งวด
  5. ณ วันที่ 1 มีนาคม 2563 ต้องมีสถานะบัญชีไม่ค้างชำระ หรือค้างชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยไม่เกินกว่า 90 วัน นับแต่วันครบกำหนดชำระ

การพิจารณาให้ความช่วยเหลือลูกค้าแต่ละรายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด โดยธนาคารจะพิจารณาจากผลกระทบที่ลูกค้าได้รับ รวมทั้งข้อมูล เอกสารประกอบที่ลูกค้านำส่ง

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://www.tisco.co.th/th/whatsnew/returncar-enddebt.html

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.)

โครงการสินเชื่อฉุกเฉินสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส COVID-19

ธ.ก.ส. ได้ออกมาตรการเยียวยาเกษตรกรเพิ่มเติมจากการพักชำระหนี้ต้นเงินทั้งระบบ เป็นเวลา 1 ปี ที่ดำเนินไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา และเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการ SMEs  สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์ร้านค้า สหกรณ์บริการ วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวและอยู่ในพื้นที่ 28 จังหวัดที่อยู่ในเขตควบคุมสูงสุดและที่รัฐบาลประกาศเพิ่มเติม โดยธนาคารจะดำเนินการ

1) พักชำระต้นเงินสำหรับเกษตรกร 1 ปี

2) พักชำระต้นเงินผู้ประกอบการ SMEs สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์ร้านค้า สหกรณ์บริการ วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้าน ระยะเวลา 6 เดือน

กรณีเป็นสินเชื่อใหม่ที่มีหนี้ถึงกำหนดชำระในเดือนธันวาคม 2563 ถึงพฤษภาคม 2564 ให้พักชำระต้นเงินสินเชื่อฉุกเฉินโควิด-19 ที่ถึงกำหนดชำระออกไปอีก 6 เดือน รวมถึงพักชำระต้นเงินสินเชื่อผู้ที่เข้าร่วมโครงการแก้หนี้นอกระบบออกไปอีก 1 ปี

สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)  ระลอกใหม่ ในภาพรวม ธ.ก.ส.ได้เตรียมวงเงินสนับสนุนรวมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายจำเป็นในครัวเรือน ผ่านโครงการสินเชื่อฉุกเฉิน วงเงิน 20,000 ล้านบาท ให้กับเกษตรกรและครอบครัวของเกษตรกร ในอัตราดอกเบี้ยคงที่เพียงร้อยละ 0.1 ต่อเดือน วงเงินกู้รายละไม่เกิน 10,000 บาท กำหนดชำระคืนไม่เกิน 2 ปี 6 เดือนนับจากวันกู้ มีระยะเวลาปลอดการชำระ 6 เดือน ไม่ต้องใช้หลักประกัน และสามารถแบ่งงวดชำระได้ตามความสามารถในการชำระคืน โดยขยายเวลาในการขอสินเชื่อดังกล่าวได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขยายระยะเวลาความช่วยเหลือลูกค้าเดิมที่อยู่ใน 7 มาตรการ และยังได้รับผลกระทบด้านรายได้จาก COVID-19 ออกไปอีก นานสูงสุด 7 เดือน หรือจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 อาทิ แบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดต้น ตัดดอก) ขยายระยะเวลาลดเงินงวดผ่อนชำระ และพักชำระหนี้ พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน เป็นต้น

เริ่มเปิดลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วม 6 มาตรการผ่าน Application : GHB ALL หรือ GHB Buddy บน Application Line ได้ตั้งแต่วันที่ 1-29 กรกฎาคม 2564 ส่วนมาตรการที่ 12 ลงทะเบียนได้ที่ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน 2564

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://www.ghbank.co.th/news/detail/public-relations/press-29-06-64

อิออน ธนสินทรัพย์

มาตรการที่ 1 ลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ

– ลดอัตราชำระคืนขั้นต่ำ (เดิม 10%) เป็นดังนี้

  • 5% ต่อรอบบัญชี ในรอบบัญชีที่ครบกำหนดชำระวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 ถึง 2 ธันวาคม 2564
  • 8% ต่อรอบบัญชี ในรอบบัญชีที่ครบกำหนดชำระวันที่ 2 มกราคม 2565 ถึง 2 ธันวาคม 2565
  • 10% ต่อรอบบัญชี ในรอบบัญชีที่ครบกำหนดชำระวันที่ 2 มกราคม 2566 เป็นต้นไป

บัตรสมาชิกอิออน (สินเชื่อยัวร์แคช)

– ลดอัตราชำระคืนขั้นต่ำ (เดิม 3%) เป็นดังนี้

  • 1% แต่ไม่น้อยกว่า 300 บาท* ต่อรอบบัญชี ในรอบบัญชีที่ครบกำหนดชำระวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 ถึง 2 มิถุนายน 2564

มาตรการที่ 2 พักหรือลดค่างวด (สินเชื่อทุกประเภท)

– พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 3 เดือนแต่สูงสุดไม่เกิน 6 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป
– และ/หรือ ลดค่างวดสินเช่าซื้อรถยนต์/รถจักรยานยนต์ 30% – 50% เป็น- ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นไป

มาตรการที่ 3 เปลี่ยนประเภทสินเชื่อเป็นสินเชื่อระยะยาว อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 12%

– สามารถขอเปลี่ยนประเภทสินเชื่อเป็นสินเชื่อระยะยาว โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 12% ต่อปี อัตราชำระคืนขั้นต่ำ 3% ต่อเดือน

ดูรายละเอียดเพิ่ม – https://www.aeon.co.th/aeon/news-events/news-customers-affected-by-covid-19

มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้อื่นๆ

ทางธนาคาร สถาบันทางการเงินหลายแห่ง ก็ได้ออกมาช่วยผู้เดือดร้อนและได้รับผลกระทบอีกด้วยเช่นกัน

อย่าลืมนะครับ เช็กค่างวดรถของคุณก่อน ก่อนจะพักชำระหนี้รถยนต์กันนะครับ

ช่วงเวลาแบบนี้ CARRO มีบริการรับซื้อรถด่วน โดยให้ราคาดีที่สุด พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express แค่คลิก -> https://th.carro.co/sell-car/express หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ ซื้อรถ คลิก -> https://th.carro.co/taladrod/

หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

กรมการขนส่งทางบก ปล่อยมาตรการเยียวยาสำหรับผู้ที่ถือใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุเกิน 1 ปี หรือ 3 ปี ในช่วงที่กรมการขนส่งทางบก งดการอบรมที่สำนักงานขนส่งตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ผู้ที่ถือใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุเกิน 1 ปี ในระหว่างวันที่ 4 มกราคม – 31 มีนาคม 2564 ได้รับยกเว้นการสอบข้อเขียน แต่ยังต้องทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย และอบรมภาคทฤษฎี

2. ผู้ที่ถือใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุเกิน 3 ปี ในระหว่างวันที่ 4 มกราคม – 31 มีนาคม 2564 ได้รับยกเว้นการสอบขับรถ แต่ยังต้องทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย, อบรมทฤษฎี และสอบข้อเขียน

3. ผู้ที่ถือใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถว่าด้วยการขนส่งทางบกสิ้นอายุเกิน 3 ปี ในระหว่างวันที่ 4 มกราคม – 31 มีนาคม 2564 ได้รับยกเว้นการสอบขับรถ แต่ยังต้องทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย และอบรมภาคทฤษฎี

4. เอกสารประกอบคำขอรับ, ต่อใบอนุญาตขับรถหรือผู้ประจำรถ เช่น ใบรับรองแพทย์, หนังสือรับรองการผ่านอบรมและทดสอบ, คำขอที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายใน 90 วัน และผลผ่านการอบรม DLT e-Learning ที่สิ้นอายุ อนุโลมให้ใช้ประกอบการดำเนินงานด้านใบอนุญาตขับรถได้ ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564

 

ในส่วนของคนที่ทำรายการจองคิวดำเนินการด้านใบขับขี่ไว้ก่อนหน้าแล้วนั้น ยังได้รับสิทธิดำเนินการหลังจากสำนักงานขนส่งเปิดให้บริการตามปกติ โดยเจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อมูลให้ผู้จองคิวทราบโดยตรงอีกครั้ง

สำหรับใครที่ต้องการจองคิวกับกรมการขนส่งทางบก สามารถจองคิวเข้ารับบริการล่วงหน้า ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ดาวน์โหลดได้ฟรี ทั้ง ระบบปฏิบัติการ iOS: https://apple.co/2GIHARd และแอนดรอยด์: http://bit.ly/2IkLpyO หรือผ่านเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th

ต้องไวแล้วล่ะครับ งานนี้!

Driving-License-Extended-Expire

เป็นที่ทราบกันดีว่า ช่วงนี้โควิด-19 กำลังกลับมาระลอกใหม่ ส่งผลให้การทำธุรกรรมที่ต้องมีคนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ต้องถูกปิดให้บริการ หรือปรับการบริการแบบใหม่ อย่างกรมการขนส่งทางบกเองก็ได้ประกาศงดให้บริการทำใบขับขี่ ต่อใบขับขี่ ในสำนักงานขนส่งทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา

กรมการขนส่งทางบก จึงทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความร่วมมือผ่อนผันการบังคับใช้กฎระเบียบข้อบังคับกับผู้ใบขับขี่รถหมดอายุ ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่เป็นการชั่วคราว เพื่อให้สามารถใช้ใบขับขี่เดิมที่หมดอายุได้เป็นการชั่วคราว จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564

Police-Can-Seize-Driver-License

ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก ได้ประกาศงดให้บริการด้านใบอนุญาตขับรถในกรณีที่ต้องเข้ารับการอบรม และทดสอบภายในสำนักงานขนส่งทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญดังนี้

1.งดการอบรมและทดสอบการขอรับใบอนุญาตขับรถ, บัตรประจำตัวคนขับรถ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถใหม่ทุกชนิด

2.งดการอบรมและทดสอบเพื่อต่ออายุใบอนุญาตขับรถ, บัตรประจำตัวคนขับรถ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถทุกชนิด โดยผู้สนใจยังคงสามารถเข้ารับอบรมออนไลน์ผ่าน DLT e-Learning หรือใช้ผลการอบรมจากโรงสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกได้

3.งดออกหน่วยให้บริการเคลื่อนที่ด้านทะเบียนและภาษีรถ และใบอนุญาตขับรถ ที่ห้างสรรพสินค้าและแหล่งชุมชน (Drive Thru for Tax)

4.งดการดำเนินงานของโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก (เฉพาะเขตกรุงเทพมหานคร) ระหว่างวันที่ 2 มกราคม – 17 มกราคม 2564 ขณะที่เขตจังหวัดอื่นให้เป็นไปตามประกาศจังหวัดหรือประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกประกาศให้ประชาชนใช้บริการผ่านระบบออนไลน์แทน ขณะที่ส่วนงานอื่นที่มีความจำเป็นต้องเข้ารับบริการ ณ สำนักงานขนส่ง จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน และควบคุมการแพร่เชื้อของโรคระบาดอย่างเคร่งครัด

Electric-Vehicle-In-Thailand-Most-Expensive

ไม่รู้ว่าลุงรู้หรือยัง? หรือลุงอาจรู้แล้วก็ได้ แต่ไม่สนใจ …

หากเราย้อนไปเมื่อกลางปี 2020 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Comparethemarket.com ซึ่งให้บริการเปรียบเทียบประกันภัยของอังกฤษ ได้ทำการเช็คราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของ Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) ใน 49 ประเทศ และนำมาเปรียบเทียบกับราคาในแต่ละประเทศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2020

หากเราย้อนไปเมื่อกลางปี 2020 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Comparethemarket.com ซึ่งให้บริการเปรียบประกันภัยของอังกฤษ ได้ทำการสำรวจราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของ Nissan Leaf ใน 49 ประเทศ และนำมาเปรียบเทียบกับราคาในแต่ละประเทศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2020

ซึ่งประเทศที่มีจำหน่ายของ Nissan Leaf ในราคาที่ต่ำที่สุด ได้แก่ สเปน ซึ่งจำหน่ายในราคา 25,900 ยูโร หรือประมาณ 951,252 บาทเท่านั้น ในส่วนอันดับที่ 2 เป็นของ เกาะเรอูนียง ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส ที่ตัวเกาะตั้งอยู่ในบริเวณมหาสมุทรอินเดีย มีราคา 26,000 ยูโร หรือประมาณ 954,905 บาท และอันดับที่ 3 ยกให้เพื่อนบ้านใกล้เคียงของสเปน นั่นคือ โปรตุเกส ที่มีราคาจำหน่าย 26,880 ยูโร หรือประมาณ 987,225 บาท

ในส่วนของที่ ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิต อยู่ในอันดับที่ 5 ในราคา 3,326,400 เยน หรือประมาณ 964,489 บาท

ส่วนประเทศเอเชีย ที่มีราคาใกล้เคียงกับประเทศไทยที่สุด คือ ไต้หวัน อยู่ในอันดับที่ 46 โดยมีราคา 1,490,000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ หรือประมาณ 1,590,000 บาท และ มาเลเซีย อันดับที่ 45 มีราคาจำหน่าย 188,000 ริงกิตมาเลเซีย หรือประมาณ 1,396,200 บาท

ส่วนในไทยน่ะหรือ? มีราคาจำหน่ายอยู่ในอันดับที่ 48 ที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก (ราคาจำหน่ายปัจจุบันอยู่ที่ 1,990,000 บาท)

Nissan-Leaf-2019

ส่วนอันดับ 1 ก็คงต้องยกให้สิงคโปร์ ที่มีนโยบายจำกัดจำนวนรถอยู่แล้วด้วยการเก็บภาษีหนักมาก โดย Nissan Leaf ขายในราคา 148,888 ดอลล่าร์สิงคโปร์ (หรือประมาณ 3,373,777 บาท!)

นั่นล่ะฮะ ท่านผู้ชม!

ส่วนใครที่อยากขายรถในยุคโควิดระลอกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถบ้าน รถมือสอง หรือเปลี่ยนไปลองซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ สามารถขายรถคันเดิมกับ CARRO ได้ ง่ายๆ รับเงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

Thailand-Monthly-Car-Sales-Volume

สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2563 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 79,177 คัน เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 25,437 คัน ลดลง 7.2% รถเพื่อการพาณิชย์ 53,740 คัน เพิ่มขึ้น 8.2% ขณะที่รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 42,763 คัน เพิ่มขึ้น 6.8%

ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 11 เดือน มีปริมาณการขาย 688,057 คัน ลดลง 24.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 34.5% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 18.3% เป็นผลกระทบมาจากโควิด-19 มาตั้งแต่ต้นปี

แต่อย่างไรก็ตาม ภาครัฐฯ ยังออกมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจในด้านต่างๆ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของคนไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตลาดรถยนต์ บรรดาค่ายรถยนต์ต่างๆ มอบข้อเสนอพิเศษ รวมถึงเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และปรับปรุงใหม่ ในงาน Motor Expo 2020 เพื่อให้ผู้บริโภคซื้อรถได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ในเดือนธันวาคมมีทิศทางดีขึ้น

All-New-Honda-City-Hatchback-2021

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤศจิกายน 2563

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 79,177 คัน เพิ่มขึ้น 2.7%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 28,279 คัน เพิ่มขึ้น 4.0% ส่วนแบ่งตลาด 35.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ
17,577 คัน เพิ่มขึ้น 20.2% ส่วนแบ่งตลาด 22.2%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 8,908 คัน เพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนแบ่งตลาด  11.3%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 25,437 คัน ลดลง 7.2%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,420 คัน ลดลง 23.6% ส่วนแบ่งตลาด 29.2%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 7,376 คัน เพิ่มขึ้น 9.3% ส่วนแบ่งตลาด 29.0%
อันดับที่ 3 มาสด้า 2,746 คัน ลดลง 6.7% ส่วนแบ่งตลาด  10.8%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 53,740 คัน เพิ่มขึ้น 8.2%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 20,859 คัน เพิ่มขึ้น 19.3% ส่วนแบ่งตลาด 38.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 17,577 คัน เพิ่มขึ้น 20.2% ส่วนแบ่งตลาด 32.7%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,727 คัน เพิ่มขึ้น 5.5% ส่วนแบ่งตลาด  6.9%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน*  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 42,763 คัน เพิ่มขึ้น 6.8%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 17,305 คัน เพิ่มขึ้น 10.7% ส่วนแบ่งตลาด 40.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 16,578 คัน เพิ่มขึ้น 24.0% ส่วนแบ่งตลาด 38.8%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 3,727 คัน เพิ่มขึ้น 5.5% ส่วนแบ่งตลาด 8.7%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 5,318 คัน
โตโยต้า 2,766 คัน – อีซูซุ 1,108 คัน – มิตซูบิชิ 838 คัน – ฟอร์ด 465 คัน – นิสสัน 141 คัน  

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 37,445 คัน เพิ่มขึ้น 3.3%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 15,470 คัน เพิ่มขึ้น 21.5% ส่วนแบ่งตลาด 41.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 14,539 คัน เพิ่มขึ้น 3.5% ส่วนแบ่งตลาด 38.8%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 2,889 คัน เพิ่มขึ้น 6.7% ส่วนแบ่งตลาด 7.7%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2563

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 688,057 คัน ลดลง 24.7%

อันดับที่ 1 โตโยต้า
211,119 คัน ลดลง 30.3% ส่วนแบ่งตลาด 30.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 158,277 คัน เพิ่มขึ้น 3.8% ส่วนแบ่งตลาด 23.0%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า
82,966 คัน ลดลง 28.7% ส่วนแบ่งตลาด 12.1%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 236,659 คัน ลดลง 34.5%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 69,041 คัน ลดลง 22.7% ส่วนแบ่งตลาด 29.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
59,341 คัน ลดลง 44.9% ส่วนแบ่งตลาด 25.1%
อันดับที่ 3 นิสสัน 24,666 คัน ลดลง 25.7% ส่วนแบ่งตลาด 10.4%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 451,398 คัน ลดลง 18.3%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 158,277 คัน เพิ่มขึ้น 3.8% ส่วนแบ่งตลาด 35.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
151,778 คัน ลดลง 22.3% ส่วนแบ่งตลาด 33.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 31,541 คัน ลดลง 29.5% ส่วนแบ่งตลาด 7.0%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 357,947 คัน ลดลง 19.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
146,901 คัน เพิ่มขึ้น 6.1% ส่วนแบ่งตลาด 41.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
129,512 คัน ลดลง 25.8% ส่วนแบ่งตลาด 36.2%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
31,541 คัน ลดลง 29.5% ส่วนแบ่งตลาด8.8%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 37,064 คัน
โตโยต้า 17,033 คัน – มิตซูบิชิ 8,224 คัน – อีซูซุ 5,333 คัน – ฟอร์ด 4,487 คัน – นิสสัน 1,315 คัน –เชฟโรเลต 672 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 320,883 คัน ลดลง 18.2%

อันดับที่ 1 อีซูซุ
141,568 คัน เพิ่มขึ้น 9.1% ส่วนแบ่งตลาด 44.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า
112,479 คัน ลดลง 25.3% ส่วนแบ่งตลาด 35.1%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ
23,317 คัน ลดลง 28.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.3%

หากช่วงนี้ใครอยากซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองรุ่นที่ต้องการ สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Automall > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line ก็ที่ @carroautomall

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง สามารถขายคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งที่มาจาก:

Compare-MU-X-Fortuner-Terra-Pajero-Sport-Everest

ถ้าพูดถึงรถ SUV ที่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่ในกลุ่มรถบ้านเราเวลานี้ ด้วยการใช้งานที่สารพัดประโยชน์ และลุยน้ำท่วมได้ บวกกับตัวรถที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในตลาดรถยนต์ไทย ก็ยังมีรถประเภท SUV อีกแบบหนึ่ง ที่ในไทยมักเรียกกันว่ารถ “PPV” (Pick-Up Passenger Vehicle = รถอเนกประสงค์ที่มีพื้นฐานมาจากรถกระบะ) ซึ่งก็มียอดขายที่สูงมากด้วยเช่นกัน โดยมากแล้วจะมี 7 ที่นั่ง ในราคาค่าตัวอยู่ที่ 1 ล้านบาท ไปจนถึงเกือบๆ 2 ล้านบาท

ซึ่งผู้ผลิตรายแรกที่ผลิตรถในรูปแบบ PPV ขึ้นมา นั่นคือ ที่ขับเคี่ยวแข่งขันกันในตลาดรถยนต์อย่างดุเดือดกันมานานถึง 20 ปีได้

CARRO Thailand จึงขอนำรถ PPV ยอดฮิตในหมู่คนไทย ที่เพิ่งเปิดตัวสดใหม่ และมีขายอยู่แล้วในตลาดด้วยกัน 5 แบรนด์ 5 รุ่น อย่าง All-New Isuzu MU-X (ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์), Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์), Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต), Nissan Terra (นิสสัน เทอร์ร่า) และ Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) มาเปรียบเทียบกันให้เห็น ว่าแต่ละรุ่น มีข้อเสียข้อเสีย น่าใช้หรือไม่อย่างไร!

หากใครสนใจรุ่นไหนอยู่ ลองคำนวณงบประมาณที่มี แล้วเลือกดูว่า จะผ่อนกันแบบไหนได้เลย 

ถ้าคุณอยากขายรถด่วน เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้สามารถขายรถคันเก่า หรือตีราคารถกับทาง CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

Isuzu-MU-X-Motor-Expo-2020

All-New Isuzu MU-X 2020

ข้อดี : พัฒนาตัวรถใหม่หมด (แต่บางคนก็บอกว่า ยังสลัดคราบของ D-Max ออกไม่หมดก็ตาม) แต่ก็ดูหรูหราขึ้น ช่วงล่างนุ่ม เกาะถนนได้มากขึ้น รุ่น 1.9 ลิตร เหมาะสำหรับคนชอบความประหยัด หรือใช้งานในเมือง ส่วนรุ่น 3.0 ลิตร เหมาะสำหรับใช้งานทางไกล สายซิ่ง ให้ความฉับไวในการออกตัวและเร่งแซง ขับขี่สบายมากขึ้น และยังเป็นรถมือสอง ที่ซื้อง่ายขายคล่องอีกด้วย

ข้อด้อย : รุ่น 1.9 ลิตร ตัวเครื่องยนต์ต้องแบกน้ำหนักตัวรถมาก การออกตัวให้อัตราเร่งช้าไปบ้าง แต่วิ่งสัก 80 กม./ชม. ขึ้นไป ก็ถือว่าดีขึ้นมาก และพวงมาลัยอาจคืนตัวช้าไปบ้าง

รายละเอียดตัวรถ : เป็นรถที่ออกแบบภายใต้แนวคิด Emotional & Solid ผสานความหนักแน่นและพลิ้วไหวเข้าไว้ด้วยกันตลอดทั้งคัน อาทิ กระจังหน้าแบบ World Cross Flow, ไฟหน้า Bi-LED Projector ดีไซน์แบบ Arrow Signature สอดรับกับเส้นสายด้านข้างอันเป็นเอกลักษณ์ ทอดยาวสู่ไฟท้าย LED ดีไซน์แบบ Winglet Signature

โครงสร้างแพลทฟอร์มใหม่ ช่วงล่างใหม่ ออกแบบตามแนวคิด ISUZU Symmetric Mobility ให้โครงสร้างตัวถัง แชสซีส์ การวางตำแหน่งเครื่องยนต์ และช่วงล่างทำงานร่วมกันได้ลงตัว ช่วงล่างหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone ออกแบบจุดยึดปีกนกด้านบนใหม่ พร้อมคอยล์สปริง โช้คอัพแก๊สและเหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ ช่วงล่างด้านหลังแบบ 5-Link Suspension ออกแบบจุดยึดคานใหม่และเหล็กกันโคลงให้ยาวขึ้น พร้อมคอยล์สปริงและโช้คอัพแก๊ส

ภายในห้องโดยสาร แนวคิดการออกแบบ Fine, Rich & Impressive Craftsmanship ด้วยวิธีการออกแบบ Integrated Cockpit ให้คอนโซลหน้าเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับคอนโซลกลาง จัดวางเรียบหรู ด้วยเบาะนั่งสามแถว สี Saddle Brown ตัดเย็บด้วยวัสดุพิเศษ เดินด้ายแบบเครื่องหนังชั้นหรู พร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน ออกแบบให้นั่งสบายทั้ง 7 ที่นั่ง และเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า

ระบบความบันเทิง ISUZU Ultimate Entertainment หน้าจอ Infotainment Display ขนาดใหญ่ 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto พร้อมลำโพง 8 จุด ให้มิติเสียงรอบทิศทาง

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมฟิลเตอร์กรองฝุ่น PM 2.5 Charging Station รองรับการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าหลากหลาย ทั้ง USB Fast Charger ช่องต่อ AC Power Socket 220V และช่องต่อ DC 12V

และกุญแจ ISUZU Genius Entry สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วย Remote Engine Start ใช้เปิด-ปิดประตูท้ายไฟฟ้าได้ด้วย

มีให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ น้ำตาลมาราเกซ (Marrakesh Brown) ขาวมุกโดโลไมท์ (Dolomite Pearl White) แดงเอทนา (Etna Red) ดำบาวาเรียน ไมก้า (Bavarian Black Mica) เงินไอซ์เบิร์ก (Iceberg Silver) และเงินโบฮีเมียน เมทัลลิค (Bohemian Silver Metallic)

All-New-Isuzu-MU-X-2020

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • ไฟหน้า Bi-LED Projector ดีไซน์แบบ Arrow Signature
  • ไฟท้าย LED ดีไซน์แบบ Winglet Signature
  • กล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera
  • ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
  • ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
  • กระจกบังลมหน้าแบบ IR Cut
  • ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ Dynamic Design
  • กุญแจ ISUZU Genius Entry
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมฟิลเตอร์กรองฝุ่น PM 2.5
  • Charging Station รองรับการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าหลากหลาย
  • หน้าจอ Infotainment Display ขนาดใหญ่ 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto
  • เบรกมือไฟฟ้า
  • ระบบ Auto Brake Hold ระบบช่วยหยุดอยู่กับที่โดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
  • ระบบเปิด-ปิดประตูท้ายด้วยไฟฟ้า Power Tailgate พร้อม Jam Protection
  • ACC (Full Speed Range Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go
  • FCW (Forward Collision Warning) ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า
  • AEB (Autonomous Emergency Braking) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
  • LDW (Lane Departure Warning) ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน
  • AHB (Automatic High Beam) ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมติ
  • PMM (Pedal Misapplication Mitigation) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด
  • MSL (Manual Speed Limiter) ระบบตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง
  • BSM (Blind Spot Monitoring) ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา
  • RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์
  • Parking Aid System ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดรถยนต์
  • MCB (Multi-Collision Brake) ระบบเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

All-New-Isuzu-MU-X-2020

เครื่องยนต์ : ดีเซลขนาด 1.9 ลิตร รหัส RZ4E-TC แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Commonrail Direct Injection VGS Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 2,600 รอบ/นาที ประหยัดน้ำมัน 14.9 กม./ลิตร (ตาม Eco Sticker)

และดีเซลขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JJ3-TCX แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Commonrail Direct Injection VGS Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที ประหยัดน้ำมัน 13.3 กม./ลิตร (ตาม Eco Sticker)

ทั้ง 2 เครื่องยนต์ สามารถใช้กับน้ำมันดีเซล B20 ได้ ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และอัตโนมัติแบบ 6 สปีด พร้อม REV Tronic รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร น้ำหนักรถ 1,950 – 2,165 กิโลกรัม

มิติตัวรถ : ยาว 4,850 มม. กว้าง 1,870 มม. สูง 1,815 มม. (รุ่น Active) 1,825 มม. (รุ่น Luxury) 1,875 มม. (รุ่น Elegant / Ultimate) ระยะฐานล้อ 2,855 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 235 มม.

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนธันวาคม 2563)

  • 1.9 Ddi Active A/T ราคา 1,121,000 บาท
  • 1.9 Ddi Luxury M/T ราคา 1,266,000 บาท
  • 1.9 Ddi Luxury A/T ราคา 1,304,000 บาท
  • 1.9 Ddi Elegant A/T ราคา 1,349,000 บาท
  • 1.9 Ddi Ultimate A/T ราคา 1,434,000 บาท
  • 3.0 Ddi Ultimate A/T ราคา 1,479,000 บาท
  • 3.0 Ddi 4X4 Ultimate A/T ราคา 1,579,000 บาท

Toyota-Fortuner-Legender

Toyota Fortuner 2020

ข้อดี : โฉมนี้ถือว่าปรับปรุงหลายอย่าง นอกจากหน้าและออพชั่นใหม่ๆ แล้ว ดูสวยและดุดันขึ้น เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีครอบครัว มองหารถที่ใหญ่ขึ้น ส่วนรุ่น เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้านักธุรกิจรุ่นใหม่ เครื่องยนต์ 2.8 แรงกว่ารถในระดับเดียวกัน โดดเด่นด้วยล้อแม็กขนาด 20 นิ้ว ตัวรถยังติดตั้ง Balance Shaft เพื่อลดเสียงและการสั่นสะเทือน พร้อมโหมดการขับแบบ Sport ปรับการตอบสนองของคันเร่งและพวงมาลัย ตัวเกียร์ตอบสนองได้ดี ไม่มีช่วงวูบหรือย้วยขณะเปลี่ยนเกียร์ขึ้นสูง เพิ่มความมั่นใจเมื่อใช้ความเร็วสูง

ระบบกันสะเทือนให้ความรู้สึกนุ่มนวล และหนักแน่นขึ้น ส่วนห้องโดยสารเก็บเสียง และการดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี แทบไม่รู้สึกถึงการกระแทก พวงมาลัยนิ่งแน่น ไม่สะท้านมือ

ในโหมดออฟโรด ปรับรอบเดินเบาจาก 850 เหลือ 680 รอบต่อนาที เพื่อให้ควบคุมคันเร่งได้ง่ายขึ้น และสามารถบรรทุกของได้เยอะ อีกทั้งเวลาเป็นรถมือสอง ก็ซื้อง่ายขายคล่อง

ข้อด้อย : อาจจะเป็นในเรื่องของราคา ที่แพงกว่ารถในระดับเดียวกันครับ

รายละเอียดตัวรถ : Toyota Fortuner นับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อ 15 ปีก่อน ก็จัดเป็นรถอเนกประสงค์ ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า และครองอันดับ 1 ในตลาดรถอเนกประสงค์ ประเภท PPV มาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาของการสื่อสารทางการตลาด ภายใต้สโลแกน “Wisdom of a Leader” หรือ “สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ”

โดยรุ่นมาตรฐานนี้ได้ปรับปรุงเครื่องยนต์ 2.4 GD Super Power ให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม และตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยระบบบังคับเลี้ยวแบบ VFC (Variable Flow Control) ทำให้น้ำหนักพวงมาลัยแปรผันตามความเร็ว ควบคุมรถได้แม่นยำและมั่นใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ Cruise Control และสัญญาณกะระยะ 6 ตำแหน่ง พร้อมกับระบบ Apple Carplay ที่จะเชื่อมต่อคุณและความบันเทิงได้อย่างอิสระ

ส่วนรุ่น Legender มาพร้อมกับดีไซน์หรูหรา โฉบเฉี่ยว ด้วยกระจังหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่ และเครื่องยนต์ 2.8 GD Super Power ใหม่ เพิ่มสมรรถนะการขับขี่แรงขึ้นกว่าเดิม 15% ด้วยกำลังสูงสุด 204 แรงม้า และฟังก์ชัน Sport Mode

เพิ่มกล้องมองรอบคัน แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย และ ระบบประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อม Kick Sensor และยังเป็นครั้งแรกในรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่ติดตั้งระบบ Toyota Safety Sense อีกด้วย

มีให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ สีขาวมุก White Pearl CS, สีแดง Emotional Red, สีเงิน Silver Metallic, สีน้ำเงิน Dark Blue Mica, สีเทา Dark Grey Metallic และสีดำ Attitude Black Mica

New-Toyota-Fortuner-Legender-2020

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • ไฟหน้าแบบเลนส์ LED Dual Projector พร้อมไฟเลี้ยวหน้า-หลัง LED แบบ Sequential
  • ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-me-home
  • ไฟท้าย LED แบบ Light Guiding
  • กระจกมองข้าง ระบบ Welcome Light
  • ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
  • พวงมาลัยปรับได้ทั้ง สูง-ต่ำ และเข้า-ออก (Tilt & Telescopic)
  • เบาะหุ้มหนังแบบ Soft Touch เดินด้ายสีแดง หรือเทา พร้อมลายไม้แบบ Galaxy Black และแถบสีเงิน
  • สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียง โทรศัพท์ และ MID ที่พวงมาลัย
  • อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
  • หัวเกียร์หุ้มหนัง พร้อมแถบสีเงิน ส่วนฐานเกียร์ลายไม้แบบ Galaxy Black พร้อมแถบสีเงิน
  • มาตรวัดเรืองแสง Optitron
  • ฟังก์ชั่นแสดงสถานะการเลี้บวของล้อหน้า (Tire Turning Angle)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
  • เครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Bluetooth/USB
  • ชุดเครื่องเสียง Premium Audio พาวเวอร์แอมป์ และลำโพง JBL
  • กล้องมองรอบคัน (PVM) พร้อมมุมมองแบบ 3D View
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA
  • ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
  • ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
  • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC
  • ระบบควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Differential)
  • ระบบบังคับเลี้ยวแบบ VFC (Variable Flow Control) ควบคุมพวงมาลัยแปรผันตามระดับความเร็ว
  • ระบบถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านผู้ขับ ผู้โดยสาร และหัวเข่าผู้ขับ
  • ระบบถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้าง และม่านนิรภัย
  • ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมเบรกหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA
  • ระบบ Stop and Start พร้อม Evaporator เก็บความเย็น สำหรับระบบปรับอากาศ

เครื่องยนต์ : ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร รหัส 2KD-FTV (High) แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VN Turbo และ Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,000 รอบ/นาที

และดีเซลขนาด 2.8 ลิตร รหัส 1KD-FTV (High) แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VN Turbo และ Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที

สามารถใช้กับน้ำมันดีเซล B20 ได้ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.8 เมตร

มิติตัวรถ : ยาว 4,795 มม. กว้าง 1,855 มม. สูง 1,835 มม. ระยะฐานล้อ 2,750 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 193 มม.

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนธันวาคม 2563)

  • 2.4 G 2WD ราคา 1,349,000 บาท
  • 2.4 V 2WD ราคา 1,454,000 บาท
  • 2.4 V 4WD ราคา 1,524,000 บาท
  • 2.4 Legender 2WD ราคา 1,557,000 บาท ราคาอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ 7,000 บาท ราคารวม 1,564,000 บาท
  • 2.4 Legender 4WD ราคา 1,627,000 บาท ราคาอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ 7,000 บาท ราคารวม 1,634,000 บาท
  • 2.8 Legender 2WD ราคา 1,762,000 บาท ราคาอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ 7,000 บาท ราคารวม 1,769,000 บาท
  • 2.8 Legender 4WD ราคา 1,832,000 บาท ราคาอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ 7,000 บาท ราคารวม 1,839,000 บาท

*สำหรับรุ่นธรรมดา สีพิเศษ White Pearl CS และ Emotional Red เพิ่ม 12,000 บาท

**สำหรับรุ่น Legender สีพิเศษ White Pearl CS และ Emotional Red เพิ่ม 20,000 บาท

Mitsubishi-Pajero-Sport-Elite-Edition

Mitsubishi Pajero Sport 2020

ข้อดี : Mitsubishi จัดเต็มด้วยออพชั่นที่มีมาให้กับ Pajero Sport กับจุดเด่นที่ช่วงล่าง ถ้าใช้งานในเมืองเป็นหลัก ก็เลือกรุ่น 2WD ช่วยประหยัดค่าบำรุงรักษาได้มาก น้ำหนักรถเบากว่า ประหยัดน้ำมันกว่า แต่ถ้าชอบวิถีชีวิตลุยๆ ชอบการเดินทาง ต้องขึ้นเขา ลงห้วย กางเต๊นท์ หรือฝ่าสายฝนบ่อยๆ ก็เลือกรุ่น 4WD ได้เลย ค่าใช้จ่ายใในการดูแลรักษา ก็ไม่ต่างจากรถคู่แข่งนัก

ข้อด้อย : การออกตัวอาจอืดหน่อย พวงมาลัยหนักนิดๆ ส่วนช่วงล่างจะโคลงหน่อย เพราะพื้นฐานมาจากกระบะ Triton แต่ก็ถือว่าเกาะถนนพอตัว ส่วนเรื่องเบาะนั่งแถวที่ 3 ค่อนข้างเล็ก ก็ถือเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นกันทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ

รายละเอียดตัวรถ : ยังคงเป็นรถ PPV รุ่นขายดีของ Mitsubishi ภายใต้แนวคิด “ความสำเร็จที่เป็นคุณ” ซึ่งเวลานี้มีให้เลือกทั้งรุ่นธรรมดา และรุ่นพิเศษ Elite Edition … ดีไซน์ใหม่ โฉบเฉี่ยว สไตล์สปอร์ต โดดเด่นทุกมุมมอง พร้อมการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ด้วย Advanced Dynamic Shield Design สะกดทุกสายตาด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ แบบ Bi-LED ปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ Spectrum LED

สะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยระบบเปิด-ปิดประตูท้ายด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรีและปุ่มปิดฝาท้ายพร้อมล็อกรถ (ทำงานคู่กับระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS)

ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ตกแต่งสีเงิน และเปียโนแบล็ค พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน เชื่อมต่อความบันเทิงด้วย Apple CarPlay เพียงเชื่อมต่อ iPhone ในรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต สามารถรับสายโทรเข้า-โทรออก และรับ-ส่งข้อความ พร้อมฟังเพลงได้อย่างง่ายดาย

มอบความสมบูรณ์แบบในการขับขี่ เพิ่มความมั่นใจในทุกสภาพถนน ด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ ให้คุณสามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) แบบ Full-Time All Wheel Control เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนถนนลื่น และเมื่อต้องการขับขี่บนเส้นทางแบบ Off-Road คุณยังสามารถเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็น 4HLc หรือ 4LLc ได้ตามความต้องการ

มีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีขาวมุก White Diamond, สีเงิน Sterling Silver, สีเทา Graphite Grey, สีดำ Jet Black Mica และสีน้ำตาล Deep Bronze

New-Mitsubishi-Pajero-Sport-2019

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
  • ระบบเบรกแบบ ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD
  • ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี และปุ่มปิดฝาท้ายพร้อมล็อกรถ
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า พร้อมสวิตช์เปิด-ปิด และไฟแสดงผล สำหรับด้านผู้โดยสาร
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้าง, บริเวณหัวเข่าด้านคนขับ และม่านถุงลมนิรภัย
  • ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
  • ระบบลดกำลังเครื่องยนต์ เพื่อช่วยเบรก
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว
  • ระบบ Brake Auto Hold
  • ระบบเบรกมือควบคุมด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ
  • ระบบเสริมแรงเบรก BA
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
  • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
  • ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา
  • ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน
  • ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด
  • สวิตช์ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ที่พวงมาลัย
  • จอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมเมนูภาษาไทย แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว
  • กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
  • ระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัยแบบแปรผันอัตโนมัติ
  • กล้องมองภาพรอบคัน พร้อมเส้นกะระยะ และเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ
  • ระบบปรับอากาศ แบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ แบบแยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวา
  • ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารนาโนอิ
  • หน้าจอระบบสัมผัส 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน SDA พร้อมระบบนำทางในรถยนต์
  • รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto
  • ช่องต่ออุปกรณ์ HDMI
  • ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ แบบ A2DP
  • ระบบ Hands-Free และ Voice Command
  • จอภาพแบบ Wide Screen ขนาด 12.1 นิ้ว พร้อมรีโมท เชื่อมต่อ HDMI และ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • หูฟังอินฟราเรด 2 ชุด สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • รองรับการเชื่อมต่อระบบ M-Connect
  • ระบบสั่งการทำงานผ่านสมาร์ทโฟนในระยะสัญญาณบลูทูธ
  • ระบบไฟสว่างอัตโนมัติเมื่อปลดล็อก ทำงานร่วมกับระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์

เครื่องยนต์ : ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร รหัส 4N15 แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว MIVEC VG Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที

สามารถใช้กับน้ำมันดีเซล B20 ได้ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 8 สปีด พร้อม Sport Mode และระบบ INC (Idle Neutral Control) และ G-Sensor รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร น้ำหนักรถ 1,940 – 2,075 กิโลกรัม

มิติตัวรถ : ยาว 4,885 มม. กว้าง 1,865 มม. สูง 1,835 มม. ระยะฐานล้อ 2,800 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 218 มม.

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนธันวาคม 2563)

  • 2.4D GT 2WD ราคา 1,299,000 บาท
  • 2.4D GT Plus 2WD ราคา 1,349,000 บาท
  • 2.4D GT-Premium 2WD ราคา 1,469,000 บาท
  • 2.4D GT-Premium 4WD ราคา 1,599,000 บาท
  • 2.4D GT-Premium 2WD Elite Edition ราคา 1,524,000 บาท
  • 2.4D GT-Premium 4WD Elite Edition ราคา 1,629,000 บาท

*หมายเหตุ : สีขาวมุก White Diamond เพิ่ม 15,000 บาท, สีขาวมุก รุ่น Elite Edition เพิ่ม 20,000 บาท

Nissan-Terra-2019

Nissan Terra 2020

ข้อดี : ช่วงล่างนิ่ม ไม่ย้วย ขับสนุก ห้องโดยสารเก็บเสียงได้ดี แถมจุดเด่นอย่างกล้องติดรถรอบคัน 360 องศา ส่วนเครื่องยนต์มีจุดเด่น อย่างระบบน้ำมัน ปั๊มหัวฉีด หัวฉีด ราง ทั้งระบบทำโดย Continental และค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง

ข้อด้อย : การออกตัวอาจจะหน่วงไปบ้าง และเวลาถอยหลัง ช่องมองภาพจะอยู่บริเวณกระจกมองหลังแทน ซึ่งหลายคนอาจไม่ถนัด และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่มากหน่อย

รายละเอียดตัวรถ : รูปโฉมภายนอกของ Nissan Terra มาพร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบบูมเมอร์แรง กระจังหน้าแบบ V-Motion ส่วนชุดประตูหน้านั้นเหมือน Navara และด้านท้ายถูกออกแบบใหม่หมด ไฟท้ายเป็นแบบ LED มาพร้อมล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/60 R18

ห้องโดยสารภายในยกชุดมาจาก Navara แต่ตกแต่งให้หรูหราขึ้น ด้วยโทนสีดำตัดด้วยสีเงิน แบบ Gliding Wing 7 ที่นั่ง กว้างขวาง และเงียบ มีเครื่องเสียงระบบหน้าจอสัมผัส, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน, กุญแจ Keyless Entry พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งแถว 2 มีระบบพับอัตโนมัติแบบแบนราบ ระบบแอร์เพดานแยกส่วนกระจายทั่วห้องโดยสาร พร้อมระบบความบันเทิงด้วยจอมอนิเตอร์ ขนาด 11 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เป็นต้น

ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) สามารถปรับโหมดพวงมาลัยได้ถึง 3 โหมด คือ โหมด City สำหรับการขับขี่ในเมือง, โหมด Standard สำหรับการขับขี่ทั่วไป และโหมด Sport สำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ต พร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัจฉริยะของนิสสัน Nissan Intelligent Mobility

มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีน้ำตาล Earth Brown, สีดำ Black Star, สีขาว White Pearl, สีเงิน Brilliant Silver และ สีเทา Twilight Gray

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ , ไฟหรี่แบบ LED เปิด-ปิดอัตโนมัติ
  • ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Light)
  • ไฟตัดหมอกหน้า พร้อมตกแต่งด้วยโครเมียม
  • บันไดข้าง
  • ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถว 2 และแถว 3 แบบอัตโนมัติ แยกซ้าย-ขวา และระบบควบคุมความเร็วพัดลมเบาะตอนหลัง
  • เครื่องเสียง พร้อมวิทยุ FM/AM Apple CarPlay / Android Auto พร้อม จอ Touch Screen 8 นิ้ว
  • ระบบนำทาง
  • จอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • พวงมาลัยพาวเวอร์ปรับระดับได้ ชนิดหุ้มหนัง 3 ก้าน พร้อมตกแต่งสีเงิน ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง การสั่งงานด้วยเสียง
  • มาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT 5 นิ้ว และ Off Road Meter
  • รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth
  • เบาะนั่งแถวที่ 1 ฝั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมที่ดันหลังปรับไฟฟ้า ฝั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมหมอนรองศีรษะ
  • เบาะนั่งแถวที่ 2 ชนิด แบบแยก 60:40 ปรับระดับได้ เลื่อนตำแหน่งหน้า-หลัง, ปรับเอนและพับได้จากตำแหน่งคนขับ พร้อมหมอนรองศีรษะสำหรับ 2 ที่นั่ง
  • เบาะนั่งแถวที่ 3 ชนิดแบบแยก 50:50 ปรับระดับได้ ปรับแบนราบกับพื้นห้องโดยสารได้ พร้อมหมอนรองศีรษะสำหรับ 2 ที่นั่ง
  • กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนพร้อมกล้องส่องภาพจากภายนอก (Smart rear view mirror)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
  • ระบบ Push Start
  • ระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA
  • ถุงลม 6 จุด คู่หน้า / ด้านข้าง / และม่านถุงลม
  • ระบบลิมิเต็ดสลิป B-LSD
  • ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control (VDC)
  • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC)
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA)
  • ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกทาง Lane Departure Warning (LDW)
  • ระบบเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning (BSW)
  • กระจกบังลมหน้าแบบป้องกันเสียงรบกวน (Acoustic Glass) แบบอัดซ้อนนิรภัย (Laminated Glass)
  • กุญแจรีโมทพร้อม Immobilizer และสัญญาณกันขโมย
  • กล้องมองหลัง
  • กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (iAVM)
  • ระบบตรวจจับและส่งเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD)
  • สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง 4 จุด
  • ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง

เครื่องยนต์ : ดีเซลขนาด 2.3 ลิตร รหัส YS23DDTT แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Twin Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 รอบ/นาที

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 7 สปีด ทุกรุ่น ให้รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.7 เมตร

มิติตัวรถ : ยาว 4,885 มม. กว้าง 1,865 มม. สูง 1,835 มม. ระยะฐานล้อ 2,850 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 225 มม.

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนธันวาคม 2563)

  • 2.3 V 2WD ราคา 1,299,000 บาท
  • 2.3 VL 2WD ราคา 1,349,000 บาท
  • 2.3 VL 4WD ราคา 1,459,000 บาท

*หมายเหตุ : สีขาวมุก เพิ่มเงิน 12,000 บาท

Ford-Everest-2021

Ford Everest 2020

ข้อดี : โฉมนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ ที่มีขนาดเล็กลง แต่ให้กำลังมากขึ้น พร้อมชุดเกียร์ใหม่ พร้อมแก้ปัญหาต่างๆ ของตัวรถที่เคยได้รับเสียงตำหนิมาจากผู้บริโภคก่อนหน้า เช่น ปัญหาคราบน้ำมันเครื่องบริเวณฝาครอบหน้าเครื่องยนต์ เป็นต้น ทาง Ford ได้ปรับปรุงซีลหน้าเครื่องให้มิดชิด เฟืองปั้มเกียร์ที่แข็งแรงขึ้น ผนังลูกสูบที่เรียบลื่นขึ้น และ Torque Converter ที่แน่นหนากว่าเดิม

ข้อด้อย : เบาะนั่งในแถวที่สาม นั่งค่อนข้างยากสำหรับผู้ใหญ่ แต่ในโฉมนี้ก็ได้ชดเชยด้วยระบบปรับพับด้วยไฟฟ้ามาให้ กับปัญหาของตัวรถ ที่ต้องลุ้นกันต่อว่าจะมีหรือไม่

รายละเอียดตัวรถ : สำหรับ Ford Everest แม้ว่าจะขายกันมานานหลายปีได้ ในโฉมปี 2020 – 2021 ได้ตกแต่งชุดกระจังหน้าใหม่, ตัวอักษร Everest บนฝากระโปรงหน้าแบบนูนต่ำ, มือเปิดประตูโครเมียม, กระจกมองข้างโครเมียม, บันไดข้างสีดำ และชุดตกแต่งสีเงิน เป็นต้น

มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่สุดล้ำ และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ของฟอร์ด การทำงานของเทอร์โบทั้งสองเครื่องที่อิสระจากกัน มาพร้อมเครื่องยนต์อันทรงพลังถึง 213 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตันเมตร ช่วยเพิ่มความแรง และความเร็วได้ดั่งใจคุณต้องการ อีกทั้งยังประหยัดน้ำมัน

ผสานความสะดวกสบายระดับพรีเมี่ยม ให้ทุกรายละเอียดของห้องโดยสารภายใน ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งหุ้มหนัง 7 ที่นั่งที่เดินเส้นปักแบบใหม่ หัวเกียร์ที่ออกแบบใหม่ เทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ และหลังคา Panoramic Moonroof แบบปรับไฟฟ้า พร้อมระบบประตูไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี ทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น

แถมทุกรุ่นมาพร้อมข้อเสนอพิเศษ โปรแกรมรับประกันเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง 10 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ฟรีชุดอุปกรณ์ตกแต่งไฟฟ้า (Electric Pack) มูลค่า 11,350 บาท

มีให้เลือกถึง 7 สี ได้แก่ สีขาวมุก Snowflake White Pearl, สีขาว Artic White, สีแดง Sunset Metallic, สีเงิน Aluminum Metallic, สีฟ้า Reflex Blue, สีน้ำเงิน Deep Crystal Blue และสีดำ Absolute Black Metallic

อุปกรณ์มาตรฐานเด่นๆ :

  • กุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ท
  • หน้าจอ Multi-Touch ขนาด 8 นิ้ว
  • ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 3 ภาษาไทยพร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth และ Wi-fi
  • ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าแบบ Hands Free
  • หลังคา Panoramic Moonroof
  • ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED
  • ชุดชายบันไดสแตนเลสแบบ LED
  • ปลั๊กไฟบ้าน AC 230 V
  • ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวาล
  • เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมปรับดันหลัง 2 ทิศทาง ด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า
  • เบาะแถวที่ 3 พับไฟฟ้า
  • ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
  • ระบบตรวจจับรถในจุดบอด
  • ระบบป้องกันล้อหมุน TC และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
  • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน
  • ระบบช่วยออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA
  • จำนวนถุงลมนิรภัย ถุงลมนิรภัย 7 จุด คู่หน้า / ด้านข้าง / หัวเข่าฝั่งคนขับ / และม่านถุงลมนิรภัย

เครื่องยนต์ : ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที

และดีเซลขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Bi-Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 – 2,000 รอบ/นาที

สามารถใช้กับน้ำมันดีเซล B20 ได้ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 10 สปีด พร้อม Selection Shift

มิติตัวรถ : ยาว 4,903 มม. กว้าง 1,869 มม. สูง 1,837 มม. ระยะฐานล้อ 2,850 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 225 มม.

ราคาจำหน่าย : (Update ล่าสุด เดือนธันวาคม 2563)

  • Trend 2.0L Turbo 2WD ราคา 1,299,000 บาท
  • Titanium 2.0L Turbo 2WD ราคา 1,399,000 บาท
  • Titanium (Sport) 2.0L Turbo 2WD ราคา 1,429,000 บาท
  • Titanium+ 2.0L Turbo 2WD ราคา 1,599,000 บาท
  • Titanium+ 2.0L Bi-Turbo 4WD ราคา 1,799,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ขอให้บทความนี้เป็นเครื่องมือช่วยให้ทุกท่าน เลือกรถคู่ใจได้ตามความต้องการ และตามงบที่มี เพราะการเลือกซื้อรถแต่ละคัน แต่ละคนย่อมมีรสนิยม ความชอบ ความพึงพอใจ ในหลายองค์ประกอบไม่เหมือนกัน

รวมไปถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์ด้วย ที่ต่างคนก็ต่างมีประสบการณ์ในการเจอที่ปรึกษาการขาย เจอดีลเลอร์ เจอการซ่อม การเคลม หรือราคาอะไหล่ที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น การที่คุณเลือกรถใช้แบรนด์ต่างจากคนอื่น ไม่ใช่เรื่องผิดแต่ประการใดจ้า